คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : No.1 การพบเจอ
ส้นสูง6นิ้วกระแทกพื้นตามจังหวะ ก่อนที่เรือนประตูของหัวหน้าหน่วยจะถูกเปิดออกโดยหญิงสาวในชุดเดสยาวสีดำ มีเสือคลุมสุดเก๋ใส่ทับอยู่ด้วย บวกกับการแต่งหน้าอ่อนๆ นั่นทำให้เธอดูมีเสน่ห์
“มาแล้วหรอ นั่งลงสิ” เสียงนายตำรวจใหญ่เอยบอกหญิงสาวที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่เธอกับแสดงท่าทีไม่รู้จักเขา
“คะ ท่านเรียกพบดิฉันมีอะไรหรือป่าวคะ” คำพูดทางการถูกเอยขึ้น ผู้เป็นหัวหน้าได้แต่ส่ายหน้าแล้วถอนหายใจออกมา
“เธอพักร่างกายมาพอแล้ว ได้เวลาที่เธอกลับทำงานแล้ว สเตฟานี่ ฮวัง” เอกสารงานต่างๆถูกยื่นส่งกลับมาให้หญิงสาว เธอรับกลับมาและเปิดมันออก ภายในนั้นเป็นประวัติของคนคนหนึ่ง ที่เธอไม่รู้จักเลยสักนิด แต่มันก็คุ้นสำหรับเธอ
“นั่นคือหมอที่จะรักษาอาการที่ยังไม่หายขาดของเธอ….. เธอคงจะจำได้ใช่มั้ย” หญิงสาวส่ายหน้าไปมาอย่างไม่ลังเล นั่นทำให้คนเป็นหัวหน้ากับมีสีหน้ากังวล
“ไปพบเขาก่อนเถอะ นี่บ่ายโมงหมอยูลคงจะอยู่……..อ่อ แล้วพรุ่งนี้มาเริ่มงาน!” ผู้เป็นหัวหน้าเอยสั่งก่อนจะเดินออกไปในทันที ทิ้งไว้เพียงหญิงสาวที่เต็มไปด้วยความงุนงง เธอลุกขึ้นแล้วเดินไปยังแผนกจิตเวช ด้วยเวลาบ่ายโมง จึงทำให้คนไม่ค่อยเยอะ ทิฟฟานี่เลือกที่จะเดินตรงไปถามพยาบาลที่อยุ่ตรงเคาร์เตอร์
“ขอโทษนะคะ เออ….ห้องของหมอ ควอนยูริ อยุ่ตรงไหนหรอคะ!?” หญิงสาวเอยถามพยาบาลที่กำลังก้มหน้าก้มตา จนพวกเธอทั้งสองต้องละงานจากมือแล้วเงยหน้ามองทิฟฟานี่ นั่นกับทำให้พวกเธอทั้งสองต้องตกใจ และแสดงอาการดีใจออกนอกหน้านอกตา แต่ด้วยความสงสัยบางอย่างกับทำให้พวกเธอสงบอารมณ์ไป
“เออ…. ทางนั้น” พยาบาลตัวเล็กเอยบอกทิฟฟานี่ด้วยถ้าทีสงสัยเล็กน้อย
“อ่า ขอบคุณค่ะ” คำกล่าวขอบคุณมาพร้อมกับการคำนับ ถึงมันจะดูธรรมดา แต่มันก็คือสิ่งประหลาดของสองสาวพยาบาลเป็นอย่างมาก แต่พวกเธอทำได้เพียงมองตามหลังหญิงสาวคนนั้นไป
“ห้องนี้สินะ” หญิงสาวเอย โดยไม่ลีรอที่จะเคาะประตูห้องนั้น
“เข้ามาได้”
เสียงหญิงสาวเอยดังขึ้นมาจากในห้อง เมื่อทิฟฟานี่ได้ยินดังนั้น เธอจึงเปิดประตูเข้าไปในทันที
“หมอควอน ยูริใช่มั้ยคะ” ทิฟฟานี่ยืนมองหญิงสาวที่กำลังหนังจดจ่อกับเอกสารในมือ เมื่อเธอเอยถาม เขาวางเอกสารทั้งหมดลงบนโต๊ะ แล้วจึงหันกลับมาทางเธอ แต่ดูเหมือนตัวเธอจะมีสิ่งผิดปกติ เพราะหญิงในชุดกาวน์กับนั่งมองเธอตาค้าง
“ฉันมีอะไรผิดปกติงั้นหรอ?” ทิฟฟานี่เอยถาม เจ้าตัวเหมือนจะเรียกสติกลับมาได้จึงส่ายหน้าไปมา
“นั่งสิ” หญิงสาวเอยสั่งก่อนจะหยิบเอกสาร ที่ทิฟฟานี่ยืนให้มาเปิดอ่าน
“อื้ม…. ยังมีอาการปวดหัว หรือภาพหลอนอีกหรือป่าว?” ยูริเอยถามหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้าของตน
“ก็มีคะ นานๆครั้ง” เอยบอกอาการของตน ให้กับหมอ และเธอก็เริ่มมีอาการวิตกเมื่อหญิงสาวในชุดหมอกับทำหน้าเคลียด
“ถ้าเทียบกับการรักษาที่อเมริกาเป็นเวลาสองปี ที่ผ่านมานั้น ในตอนนี้อาการคุณดีขึ้นมาก แต่……….” รอยยิ้มของทิฟฟานี่หดหายเมื่อได้ยินคำว่าแต่จากหมอ
“มีอะไรงั้นหรอคะ” ทิฟฟานี่เธอถามด้วยสงสัย หญิงสาวในชุดหมอกลับหันมามองหน้าเธอ
“ความทรงจำที่หายไปของคุณ…..มันยังไม่มีดีขึ้นเลย” เหมือนเป็นประโยคที่จะทำให้ทิฟฟานี่หน้าเสีย แต่เปล่าเลยเธอกับถอนหายใจออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม
“ความทรงจำช่วงนั้น…..มันคงไม่จำเป็นสำหรับฉันแล้วละคะ ไม่รู้สิคะ…..ฉันรู้สึกว่าฉันไม่ต้องการจะได้ความทรงจำนั้นกลับมา บางทีมันอาจจะดีกับฉันที่ไม่ได้รับรู้ความทรงจำนั้น ถึงแม้ถ้าฉันได้ความทรงจำนั้นมามันจะทำให้รู้สาเหตุถึงอาการป่วยทางจิตของฉันก็ตาม” หญิงสาวเอยยิ้ม เธอพูดตามความรู้สึกที่เธอคิดออกมา โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าคนตรงหน้าแทบจะตายทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ
“ถ้าคุณต้องการแบบนั้น หมอก็จะไม่ทักถ่วงคะ งั้นหมอจะรักษาคุณให้หายจากอาการภาพหลอนที่เหลือละกัน นี่ใบสั่งยา ยาตัวนี้ทานก่อนนอนวันละเม็ด ถ้ามีอาการภาพหลอนก็ทานได้ทันที แต่เมื่อไม่มีอาการก็ให้หยุดกินยาตัวนี้” เอกสารบอกชื่อยาถูกยื่นให้กับทิฟฟานี่ ทิฟฟานี่รับมาและพยักหน้าตามคำสั่งของหมอสาว
“ลืมไปหรือป่าวคะ ว่าฉันก็เป็นหมอ……. ยังไงก็ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ” เรือนผมสีแดงปลิวไสวเมื่อเจ้าของเรือนผมคำนับให้กับหมอสาว ก่อนจะเดินออกไปโดยไม่หันกลับมาอีกเลย
“ใช่สินะ เธอคือทิฟฟานี่ที่ยังคงเป็นหมอศัลยกรรม ไม่ใช่หมอตำรวจ” ยูริเอยด้วยเสียงเรียบ จิตใจของเธอมันเกินกว่าจะให้เธอลุกขึ้นเดินไปไหนแล้ว ยูริหลับตาลงด้วยความ
หญิงสาวร่างเพียว ก้าวเท้าออกมากห้องหมอพร้อมกับยาในมือ ก่อนที่เธอจะหยุดนิ่ง แล้วหันไปมองบานประตูนั้นด้วยหน้านิ่ว คิ้วขมวดเข้ากัน
“ทำไมถึงได้ทำท่าที ว่ารู้จักกับฉันมานานแล้วละ ทั้งๆที่พึ่งเจอกันแท้ๆ” หญิงสาวได้แต่เอยถามตัวเองด้วยความไม่เข้าใจ
“จะว่าไป หมอนั่นก็ดูคุ้นๆนะ…………….” หญิงสาวละสายตาจากบานประตูนั้น ก่อนจะเดินออกไปทันที
“คุณหนู” เสียงชายหนุ่มเอยเรียก ทิฟฟานี่หันไปทางต้นเสียง เธอก็พบกับชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ
“คยูฮยอน! มีอะไรงั้นหรอ” ทิฟฟานี่เอยถามชายหนุ่มที่เป็นบอดี้การ์ดของพ่อเธอ
“นายท่านให้คุณหนูไปพบ ตอนนี้นายท่านรออยู่ที่ห้องของคุณหนูแล้ว” ชายหนุ่มเอยด้วยความนอบน้อมกับหญิงสาวตรงหน้า ทิฟฟานี่พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องดังกล่าว หญิงสาวเคาะประตูเพื่อบอกกล่าวคนภายใน แล้วจึงเปิดประตูเข้าไปในทันที
“ไฮ…… มาแล้วหรอ มาให้พ่อกอดทีมา” ชายวัยกลางคนยืนขึ้นเมื่อเห็นทิฟฟานี่เข้ามา ทิฟฟานี่ยิ้มตอบรับคนตรงหน้า แล้วจึงเดินเข้าไปสวมกอด
“ลุงจะมาทำไมไม่โทรมาบอกก่อนละคะ” ทิฟฟานี่เอยถาม แต่กลับไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากชายวัยกลางคน
“ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ลูกก็ไม่เคยเรียลุงว่าพ่อสักครั้ง” ชายวัยกลางคนที่มีสักเป็นพ่อบุญธรรมของทิฟฟานี่เอยด้วยความน้อยใจ เพราะตั้งแต่เขารับทิฟฟานี่มาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมาตั้งแต่เธอเล็กๆ เธอก็ไม่เคยเอยเรียกตนว่าพ่อสักครั้ง แม้ว่าเขาจะสอนเธอสักเท่าไหร่ เธอก็ไม่เคยเอยเรียก
“ขอโทษคะ….” ทิฟฟานี่ได้แต่เอยคำขอโทษแบบนั้น ทุกครั้งที่พ่อบุญธรรมของตนพูดเรียนนี้
“ชั่งเถอะ ลุงชินแล้วแหละ จะว่าไปห้องทำงานลูกก็ใช้ได้นะ แล้วตกลงเราจะทำอะไรละเป็นศัลยแพทย์แบบเมื่อก่อน หรือเป็นหมอพิสูจน์ฐานที่ลูกเคยเป็นก่อนจะป่วย” ชายวัยกลางคนเอยถามลูกบุญธรรมของตน ที่ทำหน้าลังเลเล็กน้อย
“หนูว่าหนูจะทำทั้งสองอย่างควบคู่กันไปคะ ศัลยแพทย์คือความฝันของหนู ส่วนหมอพิสูจน์หลักฐาน…..ไม่รู้สิคะหนูรู้สึกผูกพันและอยากทำมันมากๆ อีกอย่างหนูก็อยากรู้เหตุผลคะว่าทำไมหนูถึงย้ายไปทำงานนั้น”
“อื้ม….ก็แล้วแต่เราเลยละกัน แต่ถ้ามีอะไรให้ลุงช่วยสัญญานะว่าจะบอกลุง” นายฮวังซึงกิยิ้มแล้วใช้มือลูบหัวลูกบุญธรรมอย่างเอ็นดู ทิฟฟานี่พยักหน้ารับแล้วส่งยิ้มให้
“เอาละลุงต้องไปแล้ว ตั้งใจทำงานละ” ทิฟฟานี่ยิ้มและยินส่งให้หับพ่อบุญธรรมที่เดินออกไปจากห้อง
“อะไรนะ เธอเจอกับทิฟฟานี่แล้วหรอ” ฮโยยอนเอยถามยูริที่เล่าทุกอย่างให้เธอกับแทยอน ที่เป็นหน่วยเดียวกับเธอฟัง
“อื้ม ทิฟฟานี่ดูดีขึ้นเยอะกว่าแต่ก่อนเลยแหละ แต่…..เธอจำฉันไม่ได้เลยสักนิด” ยูริเอยด้วยเสียงแผ่วเบา
“ก็ต้องให้เวลาทิฟฟานี่หน่อยแหละ เป็นฉันฉันก็เลือกที่จะลืมเหมือนกัน”
“ขออนุญาตินะคะ” หญิงสาวในชุดพยาบาลเดินเข้ามาพร้อมกับเอกสารบางอย่าง ที่บัดนี้ถูกวางไว้บนโต๊ะทำงานของยูริ เอกสารถูกเปิดออกด้วยความขัดข้องใจของยูริ หน้าแรกเผยให้เห็นถึงประวัติของชายคนหนึ่ง ที่ดูราวจะแก่กว่าเธอ แต่เขาผู้นั้นเป็นเพื่อนร่วมวิชาชีพกับเธอ เมื่อสายตาจับจ้องอยู่นานสองนาน มือเรียวเปิดเอกสารหน้าถัดไปทันที และเธอก็เข้าใจถึงจุดประสงค์ถึงหญิงสาวที่นำเอกสารนี้มาให้เธอทันที เมื่อหน้าดังกล่าวคือประวัติของทิฟฟานี่ และใบขอย้ายหมอประจำตัวมาเป็นหมอยูริ
“ทิฟฟานี่….เป็นเด็กกำพร้าหรอ และยังเป็นหมอจิตเวช กับหมอศัลยกรรมมาแล้ว?”
“เธอว่าอะไรนะ ” เหมือนคำถามของยูริจะทำให้คนทั้งสองต่างมึนงงกับคำถามนั้น
“นี่ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ทิฟฟานี่เป็นเด็กกำพร้ามาก่อน…. ทั้งๆที่เราสนิทกับทิฟฟานี่ที่สุด” เอกสารถูกสลับมือไปอยู่กับแทยอน ที่ขึ้นชื่อว่าเพื่อนรักของทิฟฟานี่ที่สุด “เธอก็ไม่รู้หรอ แทยอน เธอกับทิฟฟานี่สนิทกันมากไม่ใช่หรอ” ฮโยยอนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เป็นไปไม่ได้ที่แทยอนที่เป็นเพื่อนรักกับทิฟฟานี่มาตั้งแต่เธอจะไม่รู้เรื่องนี้ และก็ตามคาดเมื่อคนตรงหน้ากับส่ายหน้าไปมา
“ถึงฉันจะสนิทกับทิฟฟานี่มา ฉันก็ไม่เคยรู้เลยว่าเธอเป็นเด็กกาพร้า ฉันรู้แค่ว่า แม่เธอเสียเพราะอุบัติเหตุ และอาศัยอยู่กับพ่อตั้งเด็ก แต่ก็มีเรื่องแปลกอยู่อย่างนะ...” เสียงขาดหายไปเมื่อเจ้าตัวทำถ้าครุ่นคิดถึงเรื่องอดีตบางเรื่อง
ซู่ว์…… เสียงน้ำไหลออกมาจากก๊อกน้ำภายในห้องน้ำของตึก ภายในมีเพียงหญิงสาวที่ยืนจ้องหน้ากระจก โดยที่สมองมีแต่คำถามที่ถามตัวเองอยู่ตลอด “ฉันเป็นใคร ความทรงจำเล่านั้นมันเป็นยังไงกัน” เสียงภายในจิตใจของหญิงสาวที่อยู่ในชุดกาวน์เอยตีกันไปหมด นั้นเป็นเหตุให้หญิงสาว ใช้มือทั้งสองรองน้ำ ชโลมหน้าอย่างร้อนรน แต่บางอย่างกับทำให้เธอหยุดนิ่งและยืนมองผ่านกระจก ที่สะท้อนให้เห็นหญิงสาวใบหน้าสะสวย ร่างกายขาวเผือกผิดปกติ ที่ผุ้หญิงทั่วไปจะเป็น กำลังยืนยิ้มให้เธออยู่ ทิฟฟานี่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ก่อนจะส่งยิ้มกับไปให้กับหญิงสาวอย่างงงๆ เธอพยักหน้ารับแล้วหันกลับเดินออกไปจากห้องน้ำ อย่างช้าๆ ก่อนจะหยุดเดินและหันมามองทิฟฟานี่เล็กน้อยเมื่อ บางสิ่งบางอย่างหล่นจากมือเธอ แต่เธอกับไม่มีท่าจะเก็บ กับเหมือนจงใจทำตกไว้ซะด้วยซ้ำ รอยยิ้มอย่างเยือกเย็นถูกส่งผ่านกระจกตรงมาที่ทิฟฟานี่ ทิฟฟานี่สะดุ้งเฮือกให้กับรอยยิ้มนั้น เธอจึงหันขวับกลับมาทันที แต่ตรงหน้ากับว่างเปล่า ที่ที่มีผู้หญิงคนเมื่อกี้ยืนอยู่กลับว่างเปล่า
“คุณคะ ” ด้วยเธอเป็นถึงแพทย์ ที่เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ อาจ จะให้เชื่อยากว่าสิ่งที่เธอเห็นเมื่อกี้คือ สิ่งที่คนทั่วไปเรียกว่าผี หญิงสาวยังคงมองหาคนเมื่อครู่ แต่ก็ยังว่างเปล่า เหลือเพียงสิ่งของที่ตกอยู่ที่พื้น สร้อยไม้กางเขน ที่ดูจะแปลกกว่าที่เธอเคยเห็น ถูกเธอหยิบขึ้นมาดูอย่างพินิจ
“ช่วยด้วย……..” เสียงแหบพร่าดังข้างหู ทิฟฟานี่สะดุ้งเฮือก สันชาตญาณบอกเธอว่าไม่ว่าสิ่งนี้จะเป็นอะไร แต่เธอคงอยู่ตรงนี้อีกต่อไปไม่ได้อีกต่อไป
นับจากเรื่องที่เกิดในห้องน้ำ ทำให้ทิฟฟานี่ไม่ได้ละสายตาไปจากสร้อยเส้นนั้นเลยแม้แต่น้อย “เธอคือใครกันนะ คนหรือผี อาจเป็นคน…แล้วทำไมต้องแกล้งกันด้วยละ หรือถ้าเธอเป็นผี ทำไมเธอฉันถึงเห็นเธอ ทำไมต้องมาขอความช่วยเหลือจากฉัน” เหมือนเสียงประตู จะเป็นสิ่งที่ฉุดเธอออกจากภวังความคิดของตัวเอง เธอกับมองไปยังคนเปิดประตู อย่างหัวเสียที่ทำให้เธอตกใจ
“หมอคะ มีศพเข้ามาใหม่คะ เป็นศพที่ต้องการให้คุณหมอชันสูตรเพิ่มเติมเป็นครั้งที่สอง” เอกสารถูกวางลงบนโต๊ะด้วยมือของหญิงสาวในชุดพยาบาลตำรวจ “ครั้งที่สองงั้นหรอ ทำไมต้องชันสูตรครั้งที่สองละ” ความงุนงงบังเกิด เพราะปกติการชันสูตรศพจะทำเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แม้จะเป็นกรณีของคดีความต่อตามแต่
“ศพถูกชันสูตรว่าเป็นการฆ่าตัวตายในครั้งแรกคะ แต่เหมือนว่าพี่ชายของเธอที่เป็นหมอจะไม่เชื่อว่าน้องสาวของตัวเองจะทำแบบนั้น จึงมีการร้องเรียนขอให้มีการชันสูตรศพใหม่อีกครั้ง” หญิงสาวเอยรายละเอียดต่างที่เธอรู้ให้กับทิฟฟานี่ฟัง “การชันสูติครั้งแรกไม่ได้มาจากการชันสูตรจากพี่ชาย แต่เป็นหมอศุภชัย เกิดลาภ แผนกศัลยกรรมนี่ แล้วทำไมไม่ให้หมอโอ๊คเป็นคนชันอีกสูตรละ” ทิฟฟานี่เอยพูด เมื่อเธออ่านชื่อหมอที่ทำการชันสูตรเป็นครั้งแรกที่ถูกติดไว้ “พี่ชายของศพนะคะ เขายืนยันว่าไม่ว่ายังไงคนชันสูตรศพน้องสาวเขารอบสองต้องเป็นคุณหมอเท่านั้น” ทิฟฟานี่ได้แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเจาะจงตัวเธอให้ชันสูติ เหมือนมีมนสะกดบางอย่างทำให้เธอเกิดอยากจะเปิดหน้าประวัติของศพดู
ตึ๊บ!
ทันทีเอกสารถูกเปิด เบื้องหน้าพบกับรูปหญิงสาว ใบหน้าสดใน แต่นั้นไม่ใช้สิ่งที่ทำมห้ทิฟฟานี่ตกใจ แต่กับเป็นหน้าตาที่เอเหมือนกับหญิงสาวที่ทิฟฟานี่เจอในห้องน้ำไม่มีผิดและสิ่งที่ยืมยันที่ดีท่สุดคือสร้อยคอที่เธอใส่ในรูปคือแบบเดียวกับในมือของทิฟฟานี่ ทิฟฟานี่ใจหวิว ตัวสั่นเทาอย่างควบคุมไม่อยู่ จนทำให้เสเกไปชนเข้ากับแก้วกาแฟข้างกาย ตกลงสู่พื้น
“เป็นอะไรไปคะคุณหมอ ไม่สบายหรือเปล่า ทำไมหน้าซีดขนาดนี้ละคะ” และเป็นอีกครั้งที่พยาบาลสาว ฉุดทิฟฟานี่หลุดจากภวังค์ความคิดของตน เมื่อได้สติ หญิงสาวกลับโยนเอกสารและสร้อยคอดงกล่าวลงสู่พื้น จนพยาบาลตกใจกับสิ่งที่ทิฟฟานี่ทำ
“ฉันไม่รับเคสนี้! ไปสั่งยกเลิก! หรือโอนให้กับหมอมี่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ฉัน! ” ด้วยจิตใจที่สั่นเทาและอาการหวาดกลัวที่มนุษย์ไม่สามารถควบคุมได้บังเกิดกับเธอ ด้วยความที่เธอเป็นหมอ อีกทั้งยังเคยเป็นแพทย์มาหลายด้าน เธอจึงเก็บอาการหวาดกลัวไว้ ก่อนจะลุกออกไป “อ่อแล้วก็เก็บเอกสารกับสร้อยนั้นไปด้วย เอาไปที่ไหนก็ได้ๆ ไกลจากฉันได้ยิ่งดี” ทิฟฟานี่พูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกไป ทิ้งไว้เพียงพยาบาลที่ยืนงงกับอาการของทิฟฟานี่
และเหมือนคำปฏิเสธนั้นกับทำให้ชีวิตทิฟฟานี่ไม่มีความสงบอีกต่อไป ทันทีที่เธอก้าวออกห้อง ไม่ว่าจะไปทางไหนก็พบเจอแต่กับเธอยืนยิ้มบางก็ ใบหน้าโกรธจัดมาทางเธอ “ฉันไม่รู้เธอมันตัวอะไร และต้องการอะไร แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วย! ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่ทำ เลิกตามฉันสักที…………” ความอดทนของทิฟฟานี่หมดลง เธอตะโกนด้วยความโมโห นั่นทำให้เธอกับกลายเป็นจุดสนใจของทุกคนในแผนกจิตเวชต้องหันมามองเธอ แต่มันกับทำให้ทิฟฟานี่โล่งใจไปได้เมื่อ ร่างโปรงแสงที่ตามเธอนั้นได้หายไปแล้ว เมื่อรวบรวมแรงกายแรงใจได้แล้ว เธอสาวเท้าเดินเข้าไปยังห้องตรวจไป
“อาหมอคะ” ชายหนุ่มวันทองเงยหน้ามองเมื่อได้ยินเสียงเรียก รอบยิ้มผุดขึ้นเมื่อเห็นคนคุ้นเคยตรงหน้า ทิฟฟานี่โค้งเคารพหมอประจำตัวคนเก่าของเธอ และทำท่าทักทายให้กับชายหนุ่ทในเสื้อกาวน์อีกคนที่เหมือนจะเป็นผู้ช่วยของอาหมอ “อ้าวทิฟฟานี่เธอมาที่นี่ได้ยังไง ถ้าหมอคนใหม่ของเธอรู้ อาจะโดนต่อว่าได้นะ” คำพูดนั้นทำให้ทิฟฟานี่ละสายตามาจากหมอหนุ่มผู้ช่วยของอาหมอ ทิฟฟานี่นั่งลงอย่างเหนื่อยล้า และใบ้หน้าซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด
“มีอะไรไม่สบายงั้นหรอ ทำไมไม่ไปปรึกษาหมอคนใหม่ของเธอดูละ”
“หนูอยากมาปรึกษาอาหมอมากกว่า หนูรู้สึกแปลกๆกับหมอคนใหม่ของหนูตะ มันทำให้หนูไม่คิดจะไปปรึกษาเรื่องนี้กับเขา”
“มีอะไรไหนว่ามาสิ”
กึก กึก กึก กึก…………
“คือ…. หนูเห็นบางอย่างคะ จะเรียกว่ายังดีละ คือ….หนูเห็นคนที่ตายไปและคะ หรือที่เขาเรียกว่าวิญญาณคะ ตอนแรกหนูก็ไม่เชื่อคะว่าสิ่งที่เห็นมันใช่แบบนั้น แต่หนูก็เริ่มแน่ใจ เมื่อเห็นเขาบ่อยครั้ง…………” ความอัดอั้นที่อยากจะเอยปลดปล่อย ถูกเอยบอกกับหมอประจำตัวคนเก่าที่เธอไว้ใจที่สุด แต่ยังไม่ทันที่เธอจะเอยจบ เธอก็ต้องไม่สบอารมณ์ด้วยเสียงรบกวนจากหมอหนุ่มที่กดปากลุกลื่นเป็นว่าเล่น จนเธอหงุดหงิดหันไปมองเขา
กึก กึก กึก กึก กึก กึก………….
“อื้ม…. แล้วตอนนี้หนุยังเห็นเขาอยู่หรือเปล่า” ทิฟฟานี่มองซ้ายมองขวา เพื่อหาหญิงสาวคนนั้น แต่กลับไม่พบ
“ไม่เห็นคะ…”
ฮึ ฮึ ฮึ ฮึ ฮึ ฮึ ฮึ ฮึ
“นี่คุณ!!” ทิฟฟานี่หมดความอดทนกับหมอหนุ่มที่หัวเราะเธอเสียงดัง ไหนจะไอ้เสียงกดปากกาน่าลำคาญนั้น แต่เหมือนเขากับไม่เกรงกลัวเธอเลยสักนิด เขายิ้มให้เธอก่อนจะลุกขึ้น และทิฟฟานี่ก็ต้องตกใจ จนเดินถอยหลังนี้ไปหลายก้าว เมื่อเขาหันหลังให้เธอ ทำให้เธอเห็นบาดแผลที่หัวของเขาขนาดใหญ่ เขาหันมายิ้มให้เธออีกรอบก่อนจะโดดลงออกจากหน้าต่างของห้องไป ทิฟฟานี่ตกใจ เธอค่อยๆก้าวเดินเข้าไปใกล้กับหน้าต่างบานนั้น ก่อนจะชโงกดูเบื้องร่างเพื่อหาร่างของหมอหนุ่ม แต่เบื้องล่างกับว่างเปล่า นั้นก็แน่ชัดว่าหมอหนุ่มที่เธอเห็นก็เป็นผีเช่นกัน
“มีอะไรหรือเปล่าทิฟฟานี่..!”
“ไม่มีอะไรคะ หนุขอโทษนะคะ ไว้หนุจะมาพบคุณลุงใหม่” ทิฟฟานี่รีรอ เธอคว้ากระเป๋า แล้ววิ่งออกมาอย่างลุกรี้ลุกรน จนชนเข้ากับอะไรบางอย่างจนเธอล้มไปกองกับพื้น
“ขอโทษคะ” ทิฟฟานี่รีบขอโทษขอโพย และเก็บข้าวของของตัวเอง ทำท่าจะวิ่งออกไปทันทีโดยไม่เงยหน้ามองคนที่ตัวเองชนสักนิด “เดี๋ยวทิฟฟานี่!” ทิฟฟานี่หยุดด้วยความงุนงงเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อของตัวเอง เมื่อหันไปก็ถึงบางอ้อ เมื่อคนที่เธอชนก็คือหมอยูริ หมอประจำตัวคนใหม่ของเธอ
“สร้อยเธอหล่น” คิ้วขมวดเข้าหากันทันที เพราะสร้อยของเธอก็ยังคงอยู่ที่คอ ไม่ได้หล่นอย่างที่คนตรงหน้าบอกสักหน่อย แต่ด้วยความอยากรู้เธอก้าวเข้าไป มายื่นมือรับสร้อยมาจากหมอยูริ ทิฟฟานี่สะดุ้งเฮือก เมื่อสร้อยที่เธอรับมานั้น คือสร้อยไม้กางเขน เส้นนั้น เส้นเดียวกับ ที่หญิงสาวคนนั้นใส่ และเส้นเดียวกับผีตนนั้น! ร่างกายของเธอสั่งให้ปล่อยมันหลุดมือ แต่เหมือนมีอะไรสักอย่างดลให้มันตกลงในกระเป๋าของเธอเดะ ด้วยความที่เธอไม่อยากแสดงอาการผิดปกให้คนตรงหน้าจับผิดได้ เธอจึงแสร้งยิ้ม แล้วเดินออกไปทันที
หายไปนาน ช่วยเม้นให้กำลังใจกันหน่อยคะๆๆ เม้นมา ตอนต่อไปมาคะๆ
ความคิดเห็น