ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Destiny โชคชะตาแห่งรัก AimNam

    ลำดับตอนที่ #3 : -3- ความทรงจำ

    • อัปเดตล่าสุด 6 ก.ย. 58


        







    ความทรงจำ





                   “ พรุ่งนี้มีสอบวิชาอะไรบ้างอ่ะ  

           เสียงสาวร่างบางเอยถามเพื่อนสนิท ที่เดินข้างกายเธอ พวกเธอสองคนสนิทการอย่างรวดเร็ว และสนิทกันมาก เพราเหตุด้วยที่บ้านของพวกเธอติดกัน ทำให้พวกเธอสามารถไปมาหากันได้อย่างง่ายดาย จนรุ่นน้อง รุ่นพี่ในโรงเรียนต่างจับคู่ให้พวกเธอเป็นคู่จิ้นไปโดยปริยาย

                    “อืม….เอมก็ไม่รู้อ่ะ ตารางสอบอยู่บนห้องนอนเราอ่ะ เดี๋ยวไปดูด้วยกันนะ

          ร่างบางพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินตามเพื่อนสนิทเข้าไปในตัวบ้าน ด้วยความที่บ้านของเพื่อนสนิทเป็นเจ้าของค่ายมวย จึงไม่แปลกเลยที่หันไปทางไหนก็จะเจอแต่เข็มขัดนัดมวย มีเพียงห้องนอนของลูกสาวเพียงคนเดียวของบ้านเท่านั้นที่ออกจะผิดแปลกไป เพราะภายในล้วนแต่เป็นสีชมพูทั้งห้อง

                    “นี่กีตาร์เอมหรอ ทำไมเราไม่เคยเห็นเลยละ

         น้ำหยิบกีตาร์ที่แปลกตาขึ้นมา เพราะไม่เคนเห็นกีตาร์ตัวนี้ที่ไหนเลย เอมเป็นคนเก่งดนตรีก็จริง แต่กีตาร์ที่เธอเห็นเอมเล่นอยู่ก็ไม่ใช่ตัวนี้ นั่นทำให้น้ำสนใจตีการ์ตัวนั้นเป็นพิเศษ

                    “อ่อ พ่อเราซื้อมาให้นะ

                    “อยากได้เหรอ เอาไปสิเราให้

         เมื่อเห็นสายตาน้ำที่จ้องมองกีตาร์ด้วยสายที่เหมือนกับเด็กอยากได้ของเล่น เอมจึงเอยยกให้แบบง่ายๆ น้ำจึงหันมามองด้วยความแปลกใจ ที่เอมยอมยกให้แบบง่ายๆ ทั้งๆที่ตนพึ่งบอกว่าผู้เป็นพ่อซื้อมาให้

                    “เราให้จริงๆ ไม่ต้องมาทำหน้าสงสัยเลย

           นิ้วเรียวจิ้มไปที่หัวของหญิงสาวพร้อมออกแรงผลักเล็กน้อย ก่อนเดินไปนั่งลงบนเตียงนอนของตน น้ำเดินตามมาพร้อมกับกีตาร์ในมือ เธอนั่งลงข้างๆเอม เมื่อเห็นว่าทุกอย่างช่างเงียบงัน จู่เสียงกีตาร์ข้างก็ดังขึ้นเป็นเพลง เอมหันไปสบตาพร้อมกับยิ้มให้กับน้ำที่กำลังบรรเลงเพลงอยู่ 

     

    รัก คำเดียวคำนี้ได้ยินบ่อย
    ฉันยังไม่รู้ มันมีความหมายว่าอะไร

    อาจจะร้อนจะแรงเหมือนกับไฟ
    อาจจะเผาจนใจไหม้เกรียม
    อาจเป็นฝนที่หนาวเหน็บ
    ฉันก็ยอมเสี่ยง เพียงได้เจอรักแท้

    จะเหน็บหนาวเท่าไหร่ ไม่กลัว
    จะเปียกฝนเท่าไหร่ก็ยอม ฉันหวังแค่
    ให้มีคนที่ฉันรักยืนคอยตรงนั้นก็ชื่นใจ
    อยากมีรักจริงๆ ซักที
    ไม่ว่าร้ายว่าดีฉันพร้อมแลกด้วยใจ
    เพราะว่าหมดทั้งตัวและใจฉันให้เธอ

    รัก คำเดียวคำนี้ได้ยินบ่อย
    ฉันยังไม่รู้ มันมีความหมายว่าอะไร

    อาจจะร้อนจะแรงเหมือนกับไฟ
    อาจจะเผาจนใจไหม้เกรียม
    อาจเป็นฝนที่หนาวเหน็บ
    ฉันก็ยอมเสี่ยง เพียงได้เจอรักแท้

    จะเหน็บหนาวเท่าไหร่ ไม่กลัว
    จะเปียกฝนเท่าไหร่ก็ยอม ฉันหวังแค่
    ให้มีคนที่ฉันรักยืนคอยตรงนั้นก็ชื่นใจ
    อยากมีรักจริงๆ ซักที
    ไม่ว่าร้ายว่าดีฉันพร้อมแลกด้วยใจ
    เพราะว่าหมดทั้งตัวและใจฉันให้เธอ

    ถึงแม้ใครจะมองว่ามันมากมาย
    กับการทุ่มไปหม
    ดใจ…..

     

     

                ทุกอย่างเงียบลงเมื่อมีบางอย่างกระแทกเข้าตรงหัวของน้ำอย่างพอดิบพอดี จนมันปวดไปหมด พอก้มไปดูตัวการเธอก็พบกับยางลบก้อนใหญ่สีดำ ที่ถูกแปะชื่อเจ้าของไว้ว่า ภูมิซึ่งแน่นอนว่าพี่ชายเธอเป็นปามันขึ้นมาผ่านทางหน้าตา ที่เธอนั่งหันหลังให้อยู่

     

                “ไอ้พี่บ้า ทำอะไรเนีย

               

                “ไม่กลับบ้านกลับช่อง!  จะกินไหมหมูทะอ่ะ ไม่กินผ๊มกินหมดไม่รู้นะ ไอ้แสบ!”

     

                ยังไม่ทันที่น้ำจะได้กลับพี่ชายตัวแสบก็หายวับเข้าไปในตัวบ้าน ไม่รอให้เอได้ด่าแต่อย่างใด น้ำหันไปยิ้มให้เอม เมื่อเห็นว่าเอมกำลังหัวเราะกับดารทะเลาะของสองพี่น้องนี่

     

                ชั้นกลับบ้านก่อนนะ เดี๋ยวไอ้พี่ภูมิกินหมูทะหมด…..เออ….เดี๋ยวชั้นตักมาฝากนะ

          หญิงสาวที่วิ่งออกไปพร้อมกับกีตาร์ยังไม่วายโผล่มาบอกลาเพื่อนสาวด้วยท่าทีน่าตลก เรียกเสียงหัวเราะให้กับเอมเป็นอย่างดี

               

     

    ไม่รู้ว่านานแค่ไหน ที่ฉันต้องทนกับทุกสิ่ง
    ปิดบังความจริงในใจทุกๆ อย่าง

    ทุกครั้งที่เราพบกัน ทุกครั้งที่เธอหันมา
    ที่ฉันเฉยๆ รู้มั้ยฉันฝืนแค่ไหน

    ได้ยินไหม หัวใจฉัน มันกำลังบอกรัก รักเธออยู่
    แต่ฉันไม่อาจ จะเปิดเผยใจออกไป ให้ใครได้รู้
    ได้ยินไหม หัวใจฉัน ยังคอยอยู่ตรงนั้น รอให้เธอเปิดดู
    หวังเพียงแค่เธอรู้ สักวันหนึ่ง...

    ทั้งทีฉันก็รัก ทั้งที่ฉันก็รู้สึก
    แต่ส่วนลึกข้างในยังไม่กล้า

    ทุกครั้งที่เราพบกัน ทุกครั้งที่เธอหันมา
    ที่ฉันเฉยๆ รู้มั้ยฉันฝืนแค่ไหน

    ได้ยินไหม หัวใจฉัน มันกำลังบอกรัก รักเธออยู่
    แต่ฉันไม่อาจ จะเปิดเผยใจออกไป ให้ใครได้รู้
    ได้ยินไหม หัวใจฉัน ยังคอยอยู่ตรงนั้น รอให้เธอเปิดดู
    หวังเพียงแค่เธอรู้ สักวันหนึ่ง...

    ได้ยินไหม หัวใจฉัน มันกำลังบอกรัก รักเธออยู่
    แต่ฉันไม่อาจ จะเปิดเผยใจออกไป ให้ใครได้รู้
    ได้ยินไหม หัวใจฉัน ยังคอยอยู่ตรงนั้น รอให้เธอเปิดดู
    และหวังเพียงเธอจะรู้ ว่าคนคนนี้รักเธออยู่
    ยังไงขอให้เธอรู้ สักวันหนึ่ง...

     

     

     

               

               

                “ไง มานั่งร้องเพลงจีบเขาอยู่เหรอ

     

           เสียงชายหนุ่มเอยขึ้นขัดจังการเล่นดนตรีของน้องสาว น้ำหันมามองทางพี่ชาย พร้อมกับกอดกีตาร์สุดที่เลิฟในอ้อมกอด จนพี่ชายต้องหลุดหัวเราะออกมา เมือเห็นท่าทีของน้องสาวที่มีต่อเพื่อนสาวข้างบ้านมากมายซะเหลือเกิน

     

                “จีบใคร จีบอะไร

     

                “ไม่ต้องมาเฉไฉเลย ผ๊มรู้ว่าคุณน้องสาว กำลังแอบชอบเพื่อนสนิทข้างบ้านอ…”

     

          ยังไม่จบประโยคมือบางวางกีตาร์ลง ก่อนจะใช้มือปิดปากของพี่ชายตัวดี เมื่อเขาพูดเสียงดังเกรงบุคคลที่ถูกพูดถึงจะถึงจะได้ยินซะก่อน กว่าพี่ชายตัวแสบจะยอมเงียบก็เล่นซะมือของเธอชุ่มไปด้วยน้ำลาย น้ำเช็ดมันเข้ากับเสื้อของพี่ชาย อย่างรังเกลียด ก่อนจะหันไปสำรวจหน้าต่างห้องนอนของเอมเพื่อให้มั่นใจว่าเธอจะไม่ได้ยินประโยคนั้น

     

                “แล้วนี่คิดจะแอบมองเขาต่อไป โดยไม่บอกรักเขางั้นหรอ  ช้าระวังหมาคาบไปรับประทานนะ ผ๊มบอกเลยนะ ผ๊มไม่ให้อกซบใจนะ

     

                “ก็วาเรนไทน์นี่แหละ น้ำจะบอกเขา….และอีกอย่างถึงน้ำจะเสียใจยังไงไม่มีวันจะซบอกเหม็นๆของพี่หรอก ไปแล้ว!”

      

          พูดแซะพี่ชายจนคนเป็นพี่ยังต้องก้มไปดมอกของตัวเอง ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าโดนคนน้องหลอกด่า ก็ไม่ทันซะละ เพราะน้องสาวตัวแสบดันถือกีตาร์แล้วเดินขึ้นห้องไป ไม่อยู่ให้ผู้เป็นพี่ด่าแต่อย่างใด

     

     

     

            เช้าวันใหม่ แตกต่างจากทุกวันเมื่อน้ำกลับมีภาระเพิ่มขึ้น นั่นคือการเอากีตาร์ไปโรงเรียนด้วย แต่เธอก็เต็มใจที่จะเอามันไป วันนี้เธอตกลงกับเอมไว้ว่าจะไปเจอกันที่ห้องเรียนเพราะเอมต้องแวะไปค่ายมวย เพื่อนไปพบญาติที่มาจากต่างจังหวัด  น้ำมาถึงห้องเรียนเธอก็นั่งลงโต๊ะเรียนของเธอ โดยไม่ลืมจะนำกีตาร์ตัวโปรดที่คนที่เธอแอบชอบ

     

                “จั่น เราขอยืมเมจิกแกหน่อยได้ป่ะ

     

          เมื่อน้ำคิดอะไรบางอย่างได้เธอก็เอยปากขอยืมปากกาเมจิกขิงเพื่อนสาวในห้อง ก่อนจะวาดรวดลาย ตัวกายุลงบนตัวกีตาร์ตามความคิดของเธอ ก่อนที่เธอต้องหยุดปลายปากกา เมื่อมีใบหน้าของใครอีกคนแนบชิดเข้ามาใกล้

     

                “สวยจัง

     

                ไม่รู้ว่าเอมมาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แค่ตอนนี้น้ำได้แต่นั่งนิ่งปล่อยให้เพื่อนสาวแย่งปากกาเมจิกไปจากมือ แล้วเขียนบางอย่าลงไป ตัวอักษร AN Forever ถูกหญิงสาวเขียนขึ้น ซึ่งน้ำถึงกับยิ้มขึ้น เมื่อเห็นประโยคนั่น และยิ่งยิ้มกว้างขึ้น เมื่อเอมส่งของบางอย่างมาให้เธอ

     

                            “ชั้นให้!”

     

                ไอพอตสีเหลืองถูกวางบนหน้าตักของน้ำ หญิงสาวหยิบขึ้นมาแล้วยกยิ้มอย่างชอบใจ เพราไอพอตเครื่องนั้นมันดันเป็นสีเหลือ สีโปรดของเธอเอง ร่วมทั้งหูฟังที่ก็เป็นสีเหลืองด้วยเช่นกัน น้ำเงยหน้ามองเอมน้ำแววตาที่ยากจะบรรยายได้

                           

                            “ชั้นเดินผ่านร้านน่ะ เห็นว่ามันสวยดี แล้วเธอก็ชอบสีเหลืองด้วย ชั้นเลยซื้อมา

                           

                            “ขอบใจนะ

     

                ทั้งคู่ยกยิ้มให้ ก่อนเอมจะเป็นฝ่ายละสายตาไป น้ำได้แต่จ้องมองเอมจากด้านหลังอยู่อย่างนั้น แต่เอมกลับมองออกไปนอกหน้าต่างซะอย่างนั้น บางทีน้ำก็ไม่เคยเข้าใจเลยว่าภายในดวงตานั้นมันเหมือนบางอย่างอยุ่ แต่น้ำไม่อาจจะล่วงรู้ได้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร

     

     

     

                    วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ที่เข้าวันที่5 แล้วในการซ้อมวงดนตรีที่จะโชว์ในวันงานของมหาวิทยาลัย ทุกอย่าผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ทุกคนตกลงจะให้มีนักร้องนำสองคนคือน้ำกับเอม นั่นทำให้พวกเธอทั้งสองต้องซ้อมนอกรอบตลอดเวลา การซ้อมของพวกเธอเต็มไปด้วยความบรรยากาศอึดอัด ถึงน้ำจะทำตัวร่าเริงอย่างไร แต่มันเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างที่ก็ไม่สามารถอธิบายได้เลย เพื่อนๆทุกคนต่างไม่กล้าที่ถามได้แต่ปล่อยให้มันผ่านไป

                    ตลอดเวลาที่ผ่านมาน้ำเลือกที่จะปฏิบัติกับเอมเหมือนพี่สาวที่รู้จักกันใหม่คนหนึ่ง หรือบางเวลาเธอมักจะทำเหมือนเอมเป็นอากาศธาตุไป เช่นเดียวกับในตอนนี้ที่เพื่อนสาวของเธอต่างขอตัวกลับกันก่อน ปล่อยให้น้ำซ้อมอยู่กับเอมเพียงสองคน น้ำเลือกที่จะซ้อมดนตรีอยู่เงียบเพียงคนเดียว ก่อนที่จะเธอจะวางเอกสาร แล้วเดินสำรวจทั่วบ้าน ว่ายังมีของไหนที่เธอลืมเก็บไปหรือเปล่า เมื่อยิ่งสำรวจ เธอก็ต้องยิ้มแหยะออกมา เพราะของทุกอย่างในที่นี่ คือทุกอย่างที่เอมเป็นคนซื้อมาทั้งนั้น น้ำตัดสินใจเดินไปหยิบกล่องใหญ่ แล้วจัดการเก็บทุกอย่างลงกล่องต่อหน้าเอม

     

                    พี่จะเอาพวกมันหรือเปล่า ถ้าพี่ไม่เอา ฉันจะได้ทิ้ง!”

     

                    ของมากมายไม่ว่าจะเป็นตุ๊กกาหรือโมเดล แม้แต่นวมต่อยมวยถูกโยนใส่กล่อง โดยที่เธอไม่คิดจะดูมันสักครั้ง เอมได้แต่ยืนดูการกระทำของน้ำ  มือบางจับเข้าที่ข้อมือของน้ำ จนเจ้าตัวชะงักไป

     

                    เธอไม่ต้องเก็บหรอก ชั้นจะเก็บทิ้งให้เอง

                   

                    เมื่อเห็นว่าน้ำพยักหน้าตอบรับเอมก็คล้ายมือออกจากข้อมือของน้ำ แล้วยกล่องนั้นมาไว้บนโต๊ะของบ้าน น้ำไม่ใส่กับการกระทำของหญิงสาว เธอกับเดินตรงไปยังสวนหลังบ้าน ไม่รู้ซวยอะไรหนัก ขาเจ้ากรรมดันไปเหยียบเข้ากับเศษแก้ว จนเจ้าตัวต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด  เอมที่ได้ยินเสียง ถึงกับตกใจเมื่อเห็นเท้าของน้ำเต็มไปด้วยเลือด วินาทีนั้นหญิงสาวเดินตรงเข้ามาเพื่อจะพยุงร่างบาง แต่น้ำกลับปฏิเสธการช่วยเหลือแล้วพยุงร่างตัวเองนั่งยังโซฟา 

                   

                    เดี๋ยวชั้นทำแผลให้

     

                 เอมเอยขึ้นก่อนจะคลุกเข่าลงตรงหน้าของน้ำ แล้ววางกล่องยาไว้ข้างๆตัวเอง น้ำเลื่อนขาของตัวเอง เมื่อเห็นว่าเอมกำลังจะจับขาของเธอ เอมเงยหน้ามองก่อนจะถอนหายใจ แล้วขยับตาขาของเอม เอมจัดการทำแผล และพันแผลสนเสร็จ โดยที่น้ำไม่ได้มองหญิงสาวสักนิด สายตากลับมองไปทางอื่น

                   

                    “ขอบใจนะ

     

                    เสียงอันเรียบเฉยถูกเอย หญิงสาวทำได้เพียงยิ้มรับ แล้วเดินเอากล่องยาไปเก็บ แล้วทุกอย่างก็กลับเข้าสู่ความเงียบเฉกเฉ่นเดิม ด้วยเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงดึก น้ำที่เจ็บขาจึงไม่อาจจะฝืนตัวเองกลับบ้านได้ เธอจึงพยายามโทรหาทุกคนที่บ้าน และเวย์ แต่ก็ไม่มีใครรับสายเธอสักคน ไม่พวกนั้นมีโทรศัพท์ไว้เฉพาะโทรออกหรือเปล่า ถึงไม่รับสายเธอ

                   

                    “แล้วฉันจะกลับยังไงเนีย

     

     

                    “ก็ไม่ต้องกลับ นอนนี่ไปก่อนละกัน

     

     

                    หญิงสาวที่ไม่รู้หายไปไหนมาพักใหญ่ เดินเข้ามาในบ้าน พร้อมผ้าห่ม หมอน และผ้าปูที่นอนอยู่ในอ้อมกอด เอมไม่รอคำตอบจากน้ำ เพราะเธอรู้ดีว่าคำตอบของคนเจ็บจะเป็นอย่างไร เธอเดินขึ้นไปจัดการจัดที่นอนให้กับน้ำ แล้วจึงจัดการเตรียมอาหารเย็นที่ทั้งเธอและน้ำยังคงไม่ได้กินด้วยกันทั้งคู่

     

                    ชั้นรู้ว่าเธอคงไม่อยากร่วมโต๊ะกับชั้น ไม่ต้องกังวล เธอนั่งกินตรงนี้ไปละกัน ชั้นจะไปกินตรงโต๊ะหลังบ้าน มีอะไรก็เรียกชั้นละ

     

                    ข้าวกล่องถูกวางไว้ตรงหน้าของหญิงสาว น้ำได้แต่มองตามคนที่เอาแต่พูดๆ แล้วเดินหายไปหลังบ้าน ทุกอย่างแทนด้วยความเงียบสงัด จนได้ยินเสียงสายลมที่พัดอยู่ภายนอก

     

     

     

                “โห น่ากินจัง เอมนี่ทำอาหารเก่งจังเนอะ

     

           อาหารมากมายถูกวางไว้บนโต๊ะ หญิงสาวได้แต่มองอาหารก่อนจะสูดดมด้วยความอยากกิน แต่เธอก็ไม่อยากจะเริ่มกินก่อน เธออยากจะรอให้เพื่อนสาวของเธอร่วมโต๊ะด้วย  เธอกลัวการอยู่คนเดียวนะ

     

                “ทานสิ รออะไรอยู่ แล้วบอกด้วยอร่อยหรือเปล่า

     

            น้ำพยักหน้ารับหงึกๆ พลางตักอาหารช้อนโตเข้าปาก รอยยิ้มพุดขึ้น เมื่ออาหารมีรสชาติที่อร่อยมากก จนเธออธิบายไม่ถูก ไม่รู้อาหารอร่อยหรือเพราะมีคนตรงหน้าอยู่กันแน่ น้ำได้แต่มองคนตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา และดูเหมือนคนตรงหน้าจะไม่เข้าใจเหตุผลที่น้ำมองเลยสักนิด

     

                “เป็นไง อร่อยป่ะ

     

                “อร่อย….”

     

                “ขอบใจนะ…”

     

                เอม…”

     

                “หื้ม??”

     

                “สัญญาได้ไหม….ว่าต่อจากนี้จะไม่ปล่อยให้ชั้นกินข้าวคนเดียว

     

                อื้มสัญญา…..”

     

     

     

     

                    จู่หญิงสาวที่บอกจะไปทางข้าวข้างนอก ก็เดินกลับมาพร้อมกับข้าวกล่องที่ยังคงไม่ถูกแกะ เดินนั่งลงข้างๆน้ำโดยที่ไม่เอยคำพูดใดๆทั้งสิ้น เธอไม่แม้จะมองมา เอาแต่ตักข้าวเข้าปากอย่างคนหิวโหย น้ำละความสนใจจากคนตรงนั้น มาสนใจข้าวกล่องของตัวเอง แล้วจัดการมันด้วยความหิวโห้ยจนหมดกล่อง  และดูเหมือนคนข้างกายจะรู้เธอทานข้าวหมด แก้วน้ำอุ่น ถูกวางลงตรงหน้าของหญิงสาว น้ำจ้องการกระทำของหญิงสาว เมื่อเอมยังคงจำได้ว่าเธอมักจะกินน้ำอุ่นหลังอาหารเสมอ มันจะช่วยให้ย่อยง่ายกว่าน้ำเย็น ปากที่เหมือนจะเอยบางอย่าง ก็หยุดชะงักไม่เอยมันซะดื้อๆ เปลี่ยนมาเป็นการยกแก้วน้ำดื่มจนหมดแก้ว แล้วก็พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นแล้วดินขึ้นห้องไป

     

                    ไฟภายในห้องปิดทันที ร่างบางล้มลงนอนบนที่นอน ไม่รู้เวลาไหนที่เธอเผลอหลับเข้าสู่ห้วงนิทราไปอย่างง่ายดาย ทั้งๆที่ตัวเองกลับการอยู่คนเดียว ซะมากมาย     ไม่รู้ว่าหลับนานแค่ไหน น้ำสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกที รอบกายก็เต็มไปด้วยความเงียบงัน ร่างบางแทบไม่อยากจะเปิดตาขึ้น แต่ท้องเจ้ากรรมดันมาปวดฉี่ซะงั้น  น้ำจึงฝืนลุกขึ้น แล้วพยุงตัวเองเดินลงบันไดมา แต่ด้วยบาดที่ค่อนข้างฉกรรจ์  ทำให้ร่างบางถึงกับล้มไปกองกับพื้น แล้วร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวด บาดแผลที่เหมือนเลือดจะหยุด กลับไหลออกมาอีก และไม่รู้ว่าคนคนนั้นอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอวิ่งไปกดเปิดไฟของตัวบ้าน น้ำจึงได้รู้ว่าคนตรงหน้าไม่ได้กลับบ้าน เธอนอนอยู่บนโซฟาที่นี่

     

                    “ปล่อย…”

     

                    เสียงห้าวเอยบอกเอมที่กำลังเอื้อมมือมาประคอง เอมถึงกับชะงักไปพักหนึ่ง แต่ก็ไม่ยอมฟังคำของน้ำ จนน้ำหันมามองอย่างอารมณ์เสีย ที่คนตรงหน้าไม่ยอมปล่อยเธอซะที

     

     

                    ไม่ต้องมาดูแลชั้น

     

     

                    “เพราะความรู้สึกชั้น…..เธอยังไม่เคยดูแลมันเลย….”

     

     

     

     

     

                    ไม่รู้ละเหมอหรือฝันไป ทุกอย่างกลับหมุนติ้ว เธอกุมหัวแล้วลุกขึ้นแล้วสำรวจร่างกาย เท้าของเธอถูกพันแผลใหม่ แต่ยังคงหลงเหลือคราบเลือดที่ยังติดบนที่นอนไว้บ้าง เธอไม่มั่นใจว่าเธอสลบไปตอน จำได้เพียงว่าเธอกำลังพูดบางประโยคกลับใครบางคน ยังไม่ทันที่สมองจะประมวลผลได้ ประตูห้องก็ถูกเปิดออก บุคคลที่เดินเข้ามาคือ แม่ของเธอเอง

     

                    เป็นไงบ้างลูก

     

                    ผู้เป็นแม่เอยถามพลางขยับเข้ามาดูแลลูกสาวของเธอ น้ำส่งยิ้มให้ผู้เป็นแม่แสดงท่าทีว่าเธอไม่เป็นอะไร  แม้ว่าจริงแล้วเอเจ็บขวดและปวดหัวมากก็ตาม

                   

                    แม่มาได้ยังไงคะ

     

                    เอมโทรตามแม่มานะ เขาดูเป็นห่วงลูกมาเลยนะ ดูสิทั้งเช็ดตัวให้ลูก แล้วไหนจะข้าวต้มนี้อีก เพื่อนลูกนี่ดีเนอะ

    น้ำแทบจะปล่อยถ้วยข้าวต้มในมือทิ้งลงพื้น ติดตะรางที่ว่าแม่ของเธอจะตกใจเปล่าๆ มือเรียวจึงยกข้าวต้มลงบนหัวเตียง  สร้างความสงสัยให้ผู้เป็นแม่ น้ำเลยรีบเอยว่าเธอไม่หิวข้าวแต่อย่างใด

                   

                    แม่คะ หนูอยากกลับบ้านคะ แม่พาหนูกลับบ้านนะคะ

     

          ผู้เป็นแม่ได้แต่ทำตามคำขอของลูกและยอมพาเธอกลับ น้ำพยายามแสดงให้ผู้เป็นแม่เห็นว่าตนไหวแค่ไหน เพื่อนที่ผู้เป็นแม่จะได้ไม่เป็นห่วง รถเบนซ์ที่ผู้เป็นพี่ชายขับมา จอดตรงหน้าบ้านเพื่อรอรับสองแม่ลูก ผู้เป็นพยุงน้ำตรงมายังรถอย่างทุลักทุเล แต่น้ำก็ต้องหยุดชะงัด และหันไปมองทางด้านหลัง ที่เอมกำลังยืนมองมาที่เธอ น้ำละสายตา เพราะเธอไม่อยากจะมองใบหน้านั่นสักเท่าใด ร่างบางก้าวขึ้นรถไปทันที  เอมได้แต่มองตามรถที่วิ่งผ่านหน้าไปอย่างไม่ละสาย และเป็นอีกครั้งที่เธอรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก

     

                     ชั้นขอโทษ………”



     

    เม้นเยอะนะคะ
    ทวงฟิค twitter; @jeanfeawjf








     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×