คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : -2- ของที่หายไป
ขอบคุณเจ้าของภาพด้วยคะ
ของที่หายไป
เขาว่ากันว่า ไม่มีใครคนไหนจะลืมรักแรกของตนได้ ไม่มีใครทำใจกับไปเจอคนที่เราแอบชอบเมื่อในอดีตได้ เพราะถ้าได้พบ ได้เจอหัวเราจะทำงานผิดปกติสั่งให้ร่างกายแสดงท่าทีแปลกๆออกมา อย่างเช่นตื่นเต้น…. แต่ทั้งหมดทั้งมวลไม่ใช่กับน้ำ หญิงสาวผู้ที่ได้พบเจอคนที่เธอแอบรักเมื่อ3ปีที่แล้ว เธอกับไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย ตรงกันข้ามหัวใจของเธอกับด้านชาขึ้นเพียงแค่ได้เห็นใบหน้าสวยคมของบุคคลนั้น
ขาเรียวก้าวเท้าย่างไปตามถนนคอนกรีตทีละก้าว ไปตามซอยเล็กๆ ที่เป็นที่ตั้งของบ้านหลังใหม่ของเธอ เธอหยุดเดินเมื่อมาถึงที่หมาย มือเรียวควานหากุญแจในกระเป๋าสะพาย แต่ควานเท่าไหร่ก็ไม่พบ จนสุดท้ายเธอต้องเทของทั้งหมดลงบนม้าหินอ่อนที่ตั้งอยู่หน้าบ้าน
“อยู่นี่ นี่เอง”
มือเรียวหยิบกุญแจขึ้นมา และจัดแจงเก็บของต่างๆที่เธอเทออก เมื่อชิ้นสุดท้ายลงสู่กระเป๋า เจ้าตัวก็รู้สึกถึงความผิดแปลกไป เหมือนมีบางสิ่งบางอย่างของเธอได้หายไป เธอยืนนิ่งอยู่นาน ก่อนที่สมองจะประมวลผลได้ว่า กระเป๋าตังสีเหลืองของตนได้หายไปจากกระเป๋า
“กระเป๋าตัง….หายไปไหน”
ไม่ว่าจะพยายามหาเท่าไหร่ ก็ไม่พบกระเป๋าตัง หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ หงุดหงิดนิสัยขี้ลืมที่เป็นตั้งเด็กยันโต ก็ยังไม่หายของตนซะเหลือเกิน เธอส่ายหน้าไปมา ก่อนจำใจเดินเข้าบ้านไป
“กลับมาแล้วหรอ กินข้าวมาหรือยังละลูก”
หญิงวัยกลางคนเดินออกมาพร้อมกับชามอาหารในมือ น้ำมองหญิงสาวหน้า ก่อนที่จะพุ่งไปกอดผู้เป็นแม่ จนผู้เป็นแม่เกือบทำชามอาหารในมือตก ผู้เป็นแม่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เพราะตนรู้จักนิสัยลูกสาวดี น้ำจะกอดเธอหรือพ่อก็ต่อเมื่อมีปัญหาอะไรไม่สบายใจเท่านั้น แต่ ไม่ว่าหญิงวัยกลางคนเอยถามผู้เป็น]ลูกว่าเป็นอะไร ก็กลับไม่มีเสียงตอบกลับ เหมือนยิ่งถาม แรงรัดของวงแขนยังคงแน่นขึ้น ผู้เป็นแม่ได้แต่ปล่อยให้ลูกสาวกอดตนอยู่อย่างนั้น
“แม่คะ ถ้าหนูจะขอย้ายมหาลัย ไปเรียนที่อื่นจะได้ไหมคะ”
ประโยคแผ่วเบาถูกเอยขึ้น เมื่อผู้เป็นแม่ได้ยิน เธอจับมือลูกสาวที่กอดเอวเธอไว้ออก ก่อนจะหันมามอง และสีหน้าแบบเดิมก็ปรากฎบนใบหน้าของน้ำ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของน้ำที่ขอย้ายที่เรียน ครั้งแรกลูกสาวตนก็ทำเช่นนี้เพื่อขอไปเรียนโคราช ด้วยสาเหตุอะไรผู้เป็นแม่ก็ไม่อาจรับรู้ได้ แต่เมื่อถึงเวลาเข้ามหาลัย เธอก็ทำเช่นนี้เพื่อขอย้ายมาเรียนที่ กทม.เหมือนเดิม แล้วไหนครั้งนี้จะขอไปเรียนที่อื่น ทั้งๆที่ตนขอกลับมาเรียน กทม.แท้ๆ
“ลูกจะไปเรียนที่ไหนงั้นหรอ”
“ประจวบคะ หนูจะไปประจวบ”
ผู้เป็นแม่จ้องมองใบหน้าของลูกสาว แววตาว่างเปล่าที่เคยเป็นกลับมาอีกรอบ เธอไม่รู้หรอกว่าเมื่อ 3 ปีที่แล้วเกิดอะไรกับลูกสาวครึ่ง แต่ครั้งนั้นมันทำให้ลูกสาวของตนกลับกลายเป็นเด็กที่เงียบขรึมไปเกือบปีเลยละ โชคดีที่ลูกสาวได้เพื่อนที่ดีอย่างเวย์ ทำให้ความร่าเริงของหญิงสาวกลับมา แต่ก็ไม่คิดว่าเมื่อแววตาแบบนั้นมันจะกลับมาอีกครั้ง
“แม่จะไม่ห้ามถ้าลูกจะไป แต่แม่ขอให้จบเทอมนี้ก่อนได้ไหม ค่อยทำเรื่องย้าย”
น้ำยกยิ้มขึ้นเมื่อผู้เป็นยอมให้เธอทำตามใจของเธอเอง เธอโชคดีมากที่เกิดมาในครอบครัวที่ดี เข้าใจกันและกันเสมอ และทุกคนมักจะไม่ถามอะไรเธอมีเรื่องไม่สบาย เพราะด้วยนิสัยของน้ำ ถ้าอยากจะเล่าเธอจะเล่าให้ฟังเองโดยไม่ต้องถาม หรือซักไซ้แต่อย่างใด เมื่อตกลงกับผู้แม่เป็นเสร็จ หญิงสาวพาร่างอันเหนื่อยล้าเดินขึ้นมายังห้องนอน แต่ไอ้ขาไม่รักดีดันพาร่างของตนมาหยุดตรงหน้าห้องของพี่ชายของเธอ
ก็อก! ก็อก!
“วันนี้ขอนอนด้วยนะ”
เมื่อผู้เป็นพี่ชายเปิดประตู น้ำก็เอยในสิ่งที่อยากบอก ก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง หย่อนตัวลงนอนบนเตียงทั้งชุดนักศึกษา โดยที่ไม่สนใจพี่ชายที่ยืนมองผู้เป็นน้องสาวอยู่ปลายเตียง ผู้เป็นพี่ส่ายหน้าไปมา ก่อนที่ตนจะจัดการเก็บหมอน เก็บผ้าห่มไปนอนพื้นข้างเตียง เขารู้ดีถ้าหากถามอะไรไปตอนนี้คงไม่ได้คำตอบ สิ่งที่ได้คงมีแต่ความเงียบเหมือนที่ผ่านมา
แสงแดดในยามเช้าสาดส่องเข้ามากระทบยังร่างของหญิงสาวที่หลับใหลอยู่บนเตียงใน ชุดนักศึกษาที่ยังไม่ถูกเปลี่ยนเปลือกของหญิงสาวค่อยๆเปิดรับแสงของวันใหม่ เธอกระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับสายตาให้รับแสง เมื่อภาพที่เบลอกลายเป็นภาพที่ชัดเจน หญิงสาวก้มลงมองสภาพตนเอง ก่อนจะยิ้มขึ้นมา
“นี่ชั้นนอนทั้งชุดนี้อีกแล้วสินะ”
ร่างบางลุกขึ้นจากที่นอน เธอสำรวจนาฬิกาในข้อมือ ก่อนจะพบว่าได้เลยเวลาเรียนของคาบแรกเป็นที่เรียบร้อย แต่เธอกลับไม่มีทีท่าจะลุกรี้ลุกรนแต่อย่างใด เธอยังคงใจเย็นเดินกลับไปยังห้องของตน และจัดการอาบน้ำเปลี่ยนชุดนักศึกษาตัวใหม่
“น้ำไปเรียนก่อนนะคะ”
หญิงสาวเอยบอกคนในบ้านก่อนเดินไปยังป้ายรถเมล์ที่เดิมที่เธอมักไปขึ้นรถเพื่อนเดินทางไปมหาลัยเป็นประจำ ร่างบางนั่งลงด้านหลังของรถเมล์ สโมท็อกสีเหลืองถูกใส่ในหูอย่างเช่นทุกครั้ง สายตาเหม่อมองไปยังข้างทาง ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่รถเมล์มาจอดที่เป้าหมาย หญิงสาวเดินลงมา ก่อนจะเดินตรงเข้ามหาลัยของตน เมื่อมาถึงที่ห้องเรียน ของคาบที่สอง เธอก็พบเพื่อนๆร่วมคลาสนั่งพร้อมเพรียงกันอยู่ในห้อง แต่โชคดีที่อาจารย์ผู้สอนยังไม่เข้าในคลาสนั้น
“นั่นไงเจ้าของบ้าน ที่กลุ่มเราจะไม่ซ้อมกัน”
เสียงเวย์ดังขึ้นเมื่อบุคคลที่ถูกเอยในบทสนทนาของเพื่อนในกลุ่ม ปรากฏตัวขึ้น น้ำทำหน้ามึนงงเล็กน้อย ก่อนจะเข้าใจว่ามันคือเรื่องบ้านหลังนั้นของเธอ
“ตกลงเธอจะให้เราใช้ไหม น้ำ”
เสียงเพื่อนในกลุ่มเอยถามน้ำที่ยังคงนั่งเงียบ น้ำนั่งคลุ่นคิด ก่อนจะพยักหน้ารับ จะทำไงได้ละในเมื่อก็ปฏิเสธอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ทำได้เพียงยอมรับชะตากรรม
“งั้นพรุ่งนี้เช้า เจอกันที่บ้านหลังนั้นเลยละกัน เวย์แกมารับพวกชั้นสองคนด้วย ส่วนน้ำแกไปเองได้ใช่ป่ะ”
เหมือนบทสนทนาจะจบด้วยการพยักหน้าของหญิงสาว เธอไม่อยากจะเอยคำพูดอะไรทั้งสิ้น จนเพื่อนในกลุ่มชักจะสงสัย แต่ก็โชคดี ที่อาจารย์มาช่วยชีวิตของน้ำไว้พอดี ตลอดทั้งคาบเรียนน้ำพยายามจะทำตัวให้เป็นปกติ กลับไปเป็นตัวตลกของเพื่อนอย่างเช่นเดิม
“เอาละเลิกเรียนได้ แต่ในงานของมหาวิทยาลัย พวกเธอต้องเตรียมโชว์มาให้ดีรู้ไหม”
“ครับ/คะ”
เมื่ออาจารย์ออกไปทุกคนต่างเก็บข้าวของของตน ร่วมถึงน้ำที่เร่งรีบเก็บของเมื่อจ้าเพื่อนตัวแสบของเธอเร่งรีบเพื่อจะไปร้านเค้กร้านประจำกลุ่มของพวกเรา
“เร็วๆดิน้ำ”
“แกจะเร่งทำไมเนีย ร้านเค้กไม่หนีไปไหนหรอก แกออกไปก่อนเลยเดียวชั้นตามไป”
“ชั้นรอหน้าห้องนะ”
“อ้าว เอม! เธอมาทำอะไรที่นี่หรอ”
เสียงเรียกชื่อของใครบางคนดังขึ้น ทำให้น้ำถึงกับชะงัก แล้วรีบเก็บข้าวของเพื่อมาดูว่าที่เธอได้ยิน เธอหูแว่วไป แต่เมื่อเดินออกมา เธอก็ต้องรู้ได้ทันทีว่าเธอไม่ได้หูแว่วไป เมื่อแวย์เพื่อนของเธอกำลังยืนอยู่ใครอีกคน ที่เธอไม่อยากเจอที่สุด แต่เหมือนเธอยิ่งหนี กับยิ่งพบเจอ และเหมือนหญิงสาวคนนั้นจะรู้ตัวว่าเธอยืนมองเธออยู่ เธอหันมามองแล้วยกยิ้มสงมาให้เธอ น้ำเลือกที่จะไม่ยิ้มตอบกลับไป น้ำเดินตรงไปยังเวย์เพื่อถามสิ่งที่เธออยากรู้
“เรามีสมาชิกใหม่ละ เอมจะมาร่วมแสดงงานมหาลัยของเราด้วย นี่หนังสือจากอาจารย์สาขาการโฆษณา”
เหมือนโชคชะตาเล่นตลก กลั่นแกล้งให้คนที่เธอไม่อยากเจอ ได้เข้ามาร่วมแสดงดนตรีครั้งนี้กับเธอด้วย เธอไม่อาจจะปฏิเสธมันได้ เพราะเอกสารในมือของเวย์มันก็ช่างชัดเจนซะเหลือเกิน น้ำได้แต่พยักหน้ารับ ยอมรับอะไรหลายๆสิ่งกำลังจะกลับมา
“เออ…เวย์ แกไปกินเค้กกับมุก หมวยลี่ละกันนะ ฉันปวดหัวไมเกรนน่ะ อยากกลับบ้าน”
หญิงสาวเอยกับเพื่อนสาวก่อนจะเดินออกไป โดยที่ไม่รอรับฟังคำบ่น คำด่าจากเพื่อนสาวเลยทั้งสิ้น มันจะดีที่สุด ที่เธอจะเดินออกมา แต่เธอก็ต้องหยุดเดินเมื่อมีมือนุ่มของใครบางคนรั้งแขนเธอไว้ น้ำหันไปมองเจ้าของมือนั้น เธอก็พบกับหญิงสาวใบหน้าคม เธอยิ้มให้น้ำ ก่อนที่จะหยิบบางสิ่งในกระเป๋าเธอออกมา
“วันก่อนเธอทำกระเป๋าตังตกไว้”
กระเป๋าตังสีเหลืองถูกยื่นส่งคืนเจ้าของของมัน น้ำรับมาก่อนจะสำรวจมันว่ายังคงมีครบทุกอย่าง น้ำยืนกระอักกระอ่วม มองไปยังมือนุ่มที่ยังคงจับที่ข้อมือ หญิงสาวเหมือนจะรู้ตัวว่าจับข้อมือของน้ำนานไปแล้ว เธอรีบปล่อยมือโดยพลัน ภาพเหตุการณ์ในอดีตเหมือนย้อนกลับมาให้คิดถึง
หนังสือหาย!” “
เสียงหญิงสาวเอยด้วยน้ำเสียงเหมือนกับร้องไห้ เมื่อหนังสือเรียนที่ต้องใช้ในคาบแรกได้หายไปจากกระเป๋า โชคดีที่เธอเข้าห้องทัน แต่กลับมาโชคร้ายที่หนังสือหาย ซึ่งโทษมันก็ไม่ต่างกันเลย หญิงสาวพยายามจะรื้อหาหนังสือเล่มนั้นทุกซอกของกระเป๋าแต่กลับพบ
“หาไอ้นี่อยู่หรอ”
เสียงปริศนาดังขึ้นพร้อมกับหนังสือที่น้ำกลังหามันอยู่ เธอยิ้มออกมาที่มันมาอยู่ตรงหน้าเธอ แต่ก็ต้องหุบยิ้มเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนเอาหนังสือมาคืน
“ขอบคุณคะ”
น้ำหยิบหนังสือมาพร้อมกับเอยคำขอบคุณหญิงสาวด้วยท่าทีไม่เต็มใจ นั่นทำให้หญิงสาวตรงหน้าส่งเสียงไม่พอใจเช่นกัน
“ชั้นชื่อเอม…. ถ้าคิดได้ว่าควรขอบคุณงามๆเมื่อไหร่ ก็เรียกชั้นได้นะ!”
“ขอบคุณคะ….”
เสียงเอยขอบคุณแผ่วเบาเหมือนไม่อยากให้คนตรงได้ยินมัน แต่ก็เธอไม่ได้สนใจสักนิดว่าคนตรงหน้าจะมีสีหน้าเป็นอย่างไร เพราะบางสิ่งที่สวมอยู่นิ้วนางข้างขวาของเอมต่างหากที่เรียกความสนใจของน้ำ แหวนหกเหลี่ยมสีชมพู……….
“พี่เอม แหวนนั่นน้ำขอได้ป่ะ”
นิ้วเรียวชีไปทีแหวนหกเหลี่ยมสีเหลืองที่สวมอยู่นิ้วนางข้างขวาของเพื่อสนิทใหม่ ใช่เพื่อนสนิท พวกเธอเริ่มจะสนิทกันจากที่น้ำยอมลดความเย็นชาลง ยอมคำความรู้จักเพื่อนใหม่ๆ จนได้สนิทกับคนตรงหน้า และได้รู้ว่าจริงๆเขามีอายุมากกวาเธอ
“ได้สิ แต่…ห้ามถอดนะ!”
แหวนสีเหลืองถูกถอดออกมาแล้วส่งให้หญิงสาว น้ำรับมันมาพร้อมกับสวมใส่มันทันที รอยยิ้มอัดสดใสผุดขึ้น เมื่อเห็นว่าเอมก็ยังคงมีแหวนหกเหลี่ยมสีชมพูคู่กันเช่นเดียวกับที่เธอมี
“แล้วก็เลิกเรียกชั้นว่าพี่ได้แล้ว มันดูแก่”
“คะ คุณเอม สาธิดา!”
เสียงหัวเกิดขึ้นเมื่อสองสาวต่างหยอกล้อกันไปมาอย่างสนิทสนาน มิตรก่อตัวขึ้นอย่าง่ายดาย จากคนที่เย็นชาแปรเปลี่ยนเป็นเด็กสาวที่น่ารัก จนเอมรักเธอเหมือนน้องสาวแท้ๆ
ทุกอย่างมันจะเหมือนเดิมหากนิ้วนางข้าขวาของน้ำกลับไร้เงาแหวนหกเหลี่ยมสีเหลี่ยมที่ได้สัญญากับใครอีกคนไว้ว่าจะไม่ถอดมัน มันไม่มีแหวนวงนั้นอยู่ในนิ้วของเธอเลย ไม่ว่าจะนิ้วไหนมันก็ว่างเปล่า
“ไปก่อนนะคะ”
น้ำละสายตาจากที่มองอยู่ ก่อนจะเอยบอกแล้วเดินจากไปโดยที่ไม่ได้หันมามองคนข้างหลังสักนิด ในสมองได้แต่ถามหาว่าแหวนวงนั้นเธอไปลืมไว้ที่ใด เธอจำมันไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามันมีตัวตน แล้วเธอนำมันไปไว้ที่ใดกัน ก่อนที่น้ำจะเลิกคิดถึงเก่าแล้วมุ่งตรงไปยังป้ายรถเมล์ แค่ความซวยก็บังเกิดเมื่อท้องฟ้าที่เคยสว่างกับมืดหม่น ฝนห่าใหญ่ตกลงมาโดยไม่ถามเธอสักคำว่าเธออยากให้มันตกหรือเปล่า หรือเพียงแค่ตกลงมาแกล้งกันให้เปียกเล่น กว่าที่ร่างบางในชุดนักศึกษาจะเปียกไปกว่า ฝนที่ตกหล่นบนเสื้อขาวกับหายไปซะดื้อๆ หญิงสาวเงยหน้ามอง ก็พบกับใครคนเดิมยืนถือร่มให้เธออยู่
‘นี่ใช่ไหมที่เขาเรียกว่าฟ้ากลั้นแกล้ง’
น้ำจ้องมองเธอด้วยสายตาเย็นช้า ก่อนสมองจะสั่งการให้ตัวเองวิ่งฝ่าฝนออกไป แทนทีจะอาศัยร่มจากใครคนนี้ โดยที่ไม่แคร์ว่าคนที่อุตสาห์ไปยืมร่มจากบรรณารักษ์ห้องสมุดมากางให้เธอจะรู้สึกอย่างไร
เหมือนเวลาช่างผ่านไปเร็ว ไม่รู้จะโทษอะไร ที่ทำให้น้ำต้องมาบ้านหลังเดิม ที่เดิมๆ ที่ที่มีแต่เรื่องที่เธออยากจะจำ ร่างบ่างในชุดเอี้ยมยีนส์ขาสั้น บวกกับเสื้อแขนกุด ถือเป้ยืนมองบ้างหลังเก่าของตนเอง ก่อนที่เรียวจะก้าวเข้าไปหยิบกุญแจ แต่มันกลับว่าเปล่า
‘กุญแจหายไป’
เมื่อมองไปยังประตู โซ่ที่ควรจะถูกล็อกอยู่กลับถูกเปิดออก เหมือนมีใครมาก่อนเธอหน้านี่แล้ว หญิงสาวเดินตรงเข้าในตัวบ้าน ก็พบกับหญิงสาวที่จัดเตรียมอาหารไว้บนโต๊ะมากมาย ราวกับล่วงรู้ว่าเธอไม่ได้กินข้าวเช้ามา
“มาแล้วหรอ ชั้นเตรียมอาหารไว้เต็มไปหมดเลย เธอคงไม่ได้กินข้าวเช้ามาใช่ไหม”
“กินมาแล้ว….”
หญิงสาวตอบทันควัน ก่อนจะเดินขึ้นไปยังชั้นสองของตัวบ้าน เธอพุ่งตรงไปยังห้องนอนแสนคุ้นเคยของ กระเป๋าเป้ถูกเหวี่ยงไว้บนโต๊ะที่เคยเป็นโต๊ะทำการบ้านของเธอ ร่างบางหยิบกีตาร์ตัวโปรดขึ้นมาก่อนจะบรรเลงเพลง
…..ดึงตัวเองกลับมาทุกที
เมื่อฉันรู้สึกดี ทุกวันที่อยู่ใกล้เธอ
เตือนตัวเองว่าคิดให้ดี
กับท่าทีที่พบเจอ เธอคงไม่ได้ตั้งใจ
แต่ละคำที่เธอพูดมา มันคล้ายว่าห่วงใย
เธอคงพูดไปอย่างนั้น แต่ว่าฉันจำขึ้นใจ
รู้บ้างไหมว่าใครบางคน สับสนและไม่แน่ใจ
เธอทำให้ฉันต้องหวั่นไหว
เธอทำให้ใครต้องคิดมากเพราะเธอ
รู้บ้างไหมที่เธอทำไป ฉันหลงเอาไปละเมอ
ได้โปรดอย่าทำให้รักเธอ
ถ้าเธอไม่เคยสักนิดที่คิดจะจริงจัง
กลัวตัวเองจะเปลืองหัวใจ
ที่มันเผลอคิดมากมาย
แต่กลับเป็นไปข้างเดียว
แต่ละคำที่เธอพูดมา มันคล้ายว่าห่วงใย
เธอคงพูดไปอย่างนั้น แต่ว่าฉันจำขึ้นใจ
รู้บ้างไหมว่าใครบางคน สับสนและไม่แน่ใจ
เธอทำให้ฉันต้องหวั่นไหว
เธอทำให้ใครต้องคิดมากเพราะเธอ
รู้บ้างไหมที่เธอทำไป ฉันหลงเอาไปละเมอ
ได้โปรดอย่าทำให้รักเธอ
ถ้าเธอไม่เคยสักนิดที่คิดจะจริงจัง
รู้บ้างไหมว่าใครบางคน สับสนและไม่แน่ใจ
เธอทำให้ฉันต้องหวั่นไหว
เธอทำให้ใครต้องคิดมากเพราะเธอ
รู้บ้างไหมที่เธอทำไป ฉันหลงเอาไปละเมอ
ได้โปรดอย่าทำให้รักเธอ
ถ้าเธอไม่เคยสักนิดที่คิดจะจริงจัง
ได้โปรดอย่าทำให้รักเธอ
ถ้าเธอไม่เคยสักนิดที่คิดจะรักกัน…..
.
บทเพลงบรรเลงไปด้วยเสียงห้าวของเจ้าตัวบวกกับเสียงกีตาร์ที่ดังขึ้นเพลง ไม่รู้ว่าว่าเธอร้องเพลงนี้ไปกี่รอบ มารู้ตัวอีกทีประตูห้องก็ถูกเปิดออก จนน้ำต้องหยุดร้อง หยุดเล่นกีตาร์แล้วเงยหน้ามองบุคคลที่เปิดประตูเข้ามา แววตาผู้มาใหม่ดูเหมือนอยากจะบอกอะไรกับเธอ แต่ก็ไม่มีเสียงใดๆออกมาจากปากเธอ ตาของคนทั้งสองสบตากันอย่างไม่ละสายตา ไม่มีคำพูดใดๆจากใครเอยขึ้น
“เพื่อนเธอมากันแล้ว”
น้ำพยักหนารับ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออก ไม่มีสักคำพูดที่จะหลุดออกมา เอมได้แต่ยืนก้มหน้า ถอนหายใจเฮือกหนึ่งเดินตามน้ำไป ทั้งหมดตกลงกันว่าจะกินข้าวก่อนซ้อม นั่นทำให้น้ำเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องร่วมโต๊ะทานกับข้าวฝีมือของเอม แต่ละคำที่น้ำตักเข้าปาก น้ำจะพยายามเคี้ยวให้นานที่สุดไม่ใช่ว่ากลัวอ้วนหรืออะไร เพียงแต่เธอไม่อยากทานอะไรๆ ที่คนคนนั้นเคยทำให้กินไปมากกว่านี้ ตลอดทั้งวันน้ำแทบจะไม่ได้มองหน้าเอมสักนิด เธอจดจ่ออยู่กับการร้องเพลงที่ได้รับมองมายให้ แม้กระทั่งการบอกลากลับบ้านก็ไม่ถูกเอยขึ้นเลย เอมได้แต่ยืนมองแผ่นหลังของน้ำที่ค่อยๆเดินจากไปที่ละก้าวก่อนจะหายไปในที่สุด หญิงสาวก้มหน้า ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอได้แต่มองน้ำกลับทำอะไรไม่ได้สักอย่าง เรียวขาพาร่างของเอมเดินมายังบ้านของตน แต่เธอก็ต้องชะงักเท้า เมื่อมีบางอย่างวางไว้บนโต๊ะไม้ในบ้านเธอ
“กีตาร์…”
‘น้ำคืนของให้พี่ เราจะได้ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก ส่วนแหวน…น้ำจะพยายามตามหามันมาคืนให้ จากน้ำ’
กีตาร์ที่แสนจะคุ้นเคยถูกวางไว้พร้อมโน้ตสีชมพูที่ติดไว้ เอมใช้นิ้วลูบไล้ไปที่ร่องรองที่เหมือนถูกขูดอะไรบ้างอย่างออกไป ใช่แล้วที่ตรงนั้นมันเคยมีคำที่เธอและน้ำได้เขียนมันติดไว้ แต่บัดนี้มันมีร่องรอยการขูดออก
เม้นเยอะๆนะคะ ไรท์จะพยายามอัพบ่อยๆ
เม้นน้อยไรท์หายไม่รู้ด้วยนะ อิอิ
ทวงฟิคได้ที่
twitter ; @jeanfeawjf
ความคิดเห็น