ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Just You & Me ลิขิตจากฟ้า ส่งเธอให้มารักฉัน [SJ SNSD]

    ลำดับตอนที่ #4 : Just You & Me 3 :

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 524
      1
      28 พ.ค. 55

                   





                               เสียงดนตรีจังหวะสบายๆแต่ถ้าใครได้ฟังก็คงต้องมีขยับตาม ดังอยู่ในห้องกระจกสี่เหลี่ยมจัตุรัส โดยข้างในมีเด็กสาววัยรุ่นห้าคนกำลังฝึกเต้นด้วยความตั้งใจอย่างเช่นทุกวัน

        “ เอาล่ะ วันนี้ทำได้ดีมากจ๊ะ พอแค่นี้แล้วเตรียมตัวกลับบ้านได้แล้วจ้า อึนจองอานักออกแบบท่าเต้นและรับหน้าที่เป็นผู้ดูแลฝึกซ้อมเกิรล์กรุ๊ปใหม่ของบริษัท ตบมือให้กับความพยายามของเด็กสาวในวันนี้ ก่อนจะเดินไปปิดเพลงที่เครื่องเสียงตรงมุมห้อง

     

        “ จะว่าไปเพลงเดบิวต์ของเรา ทำนองเพราะดีนะ ฟังอย่างนี้แล้วอยากจะอัดเสียงไวๆจัง    ควอนยูริที่นอนแผ่หลาอยู่ตรงกลางห้องพูดขึ้น พลางรับขวดน้ำที่แทยอนส่งให้รับมาดื่มแก้กระหาย

     

       “ อืม คิดไว้ว่าสักวันวันนึ้คงมาถึง แต่พอมันมาถึงจริงๆแล้ว จะว่าไงดีล่ะ มันทำตัวไม่ค่อยถูกแหะ แทยอนที่หลังจากส่งน้ำให้กับเพื่อนๆในห้องแล้วก็พูดขึ้นพลางเกาหัวเขินๆกับความคิดตัวเอง

     

       “ ไม่ต้องคิดมากหรอกแทยอน แค่พยายามให้ดีที่สุดก็พอ เจสสิก้าพูดให้กำลังใจ พลางส่งสายตาให้ทุกคนในห้องฮึดสู้ต่อไป

     

       “ จะว่าไปวงของเรายังมีสมาชิกไม่ครบเลยเนอะ อีกตั้งสี่คน ร่างเล็กที่สุดในห้องพูดขึ้นมาเงียบๆ

     

       “ อยากให้สี่คนที่เหลือมีจูฮยอนอยู่ด้วยจัง อิมยุนอาเพื่อนสมัยเด็กของซอจูฮยอนเด็กฝึกหัดที่ฝึกมาพร้อมๆกับพวกเธอ แต่เมื่อหลายเดือนก่อนเธอก็หายตัวไป หายไปนาน นานจนทุกคนคิดแล้วว่าจูฮยอนคงไม่กลับมาแล้ว

     

       “ ยุนอา แทยอนเดินเข้าไปตบไหล่เบาๆด้วยความเห็นใจ เธออาจจะไม่ค่อยสนิทกับจูฮยอนเท่าไหร่เพราะวัยที่ต่างกัน แต่เธอก็คุ้นเคยกับรุ่นน้องคนนี้ดี เด็กสาวที่ดูเงียบๆ แต่มีความฝันที่อยากจะเป็นนักร้องให้ได้สักวัน

     

       “ ทั้งๆที่น่าจะทำใจได้แล้วว่าจูฮยอนคงไม่กลับมาแล้ว แต่น่าแปลกนะที่ฉันยังคิดว่าคงมีสักวันที่จูฮยอนต้องกลับมาสานต่อความฝันของตัวเองแน่นอน ยุนอาที่ได้ชื่อว่าเจ้าน้ำตาที่สุดพูดด้วยน้ำเสียงมีความหวัง พลางเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มก่อนจะยิ้มให้กับเพื่อนร่วมวงอีกสี่คนที่มองมาด้วยสายตาห่วงใย

     

       “ เธอไม่ได้คิดอย่างนี้แค่คนเดียวหรอก ฉันก็เชื่อเหมือนกันว่าจูฮยอนต้องกลับมาแน่นอน   ยูริพูดด้วยท่าทางมั่นใจโดยมีสามคนที่เหลือพยักหน้าอย่างเห็นด้วย จนยุนอายิ้มออกมาอย่างมีความหวัง

     

       “ อ้าวเด็กๆ ยังไม่กลับบ้านกันอีกหรอ   ร่างบางในห้องซ้อมทั้งห้าคนยิ้มให้ครูฝึกแหยๆ ก่อนจะลุกขึ้นเพื่อแยกย้ายกันเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับบ้าน

     

       “ จะกลับแล้วล่ะค่ะ ว่าแต่ครูจองอาถืออะไรมาด้วยคะเนี่ย ซันนี่คนขี้อ้อนเดินเข้าไปถามพลางเหลือบมองกระดาษที่อยู่ในมือของครูฝึกอย่างสงสัย

     

       “ ช่างสังเกตจริงๆเลยนะ รายชื่อสมาชิกในวงอีกสามคนที่จะมาซ้อมรวมกับเธอพรุ่งนี้จ๊ะ

     

       “ ห๊า เสียงร้องของว่าที่เกิร์ลกรุ๊ปร้องด้วยความตกใจ ก่อนจะทิ้งทุกอย่างที่ถืออยู่แล้ววิ่งตรงมาที่จองอาอย่างรวดเร็ว

     

       “ ครูคะขอดูหน่อยสิคะ

     

       “ สามคนหรอคะ หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า เพิ่มอีกสามก็ โอ้โห อย่างนี้ก็แปดคนแล้วอ่ะดิ

     

       “ ครูคะ แล้วเขาจะมาพรุ่งนี้เลยหรอคะ

     

       “ ครูๆ แล้วพวกเขาอายุเท่าไหร่อะคะ มีคนเตี้ยกว่าหนูมั้ยอ่ะ หนูจะได้ไม่เตี้ยที่สุดในวง

     

       “ โอ๊ยยยย เด็กๆหยุดก่อน แย่งกันพูดอย่างนี้แล้วครูจะตอบยังไงกันละ จองอาพูดพลางดึงกระดาษจากมือเจสสิก้าที่ยืนอ่านเงียบๆให้มาอยู่กับตัวเองก่อนจะหายใจตั้งสติ เธอเพิ่งจะอายุยี่สิบเจ็ดแท้ๆ  พอมาอยู่กับเด็กวัยรุ่นอย่างนี้เล่นเอาหายใจหายคอไม่ทันเลย

     

       “ โถ่ครูคะ ก็พวกเราตื่นเต้นนี่นา

     

       “ กะว่าจะเซอร์ไพร์สพวกเธอพรุ่งนี้แท้ๆ จองอาพูดเบาๆพลางคลึงที่ขมับของตัวเองเบาๆอย่างเหนื่อยอ่อน

     

       “ ครูบอกเลยๆ หนูอยากรู้ว่ามีใครมั้งอ่ะ ยูริพูดพลางเขย่าแขนคุณครูสาว จองอาส่ายหน้าเบาๆก่อนจะขยับสายกระเป๋าให้เข้าที่เพื่อเตรียมตัวเลี่ยงเด็กสาวทั้งห้าที่รุมล้อมเธออยู่

     

       “ ไม่บอก เอาล่ะพวกเธอกลับบ้านกันได้แล้ว

     

       “ คุณครู!!!! เสียงร้องด้วยความขัดใจดังขึ้นจนจองอาต้องยกมือขึ้นมาปิดหู

     

       “ ถ้าพวกเธอไม่กลับ ครูกลับล่ะ จองอาพูดตัดบทก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องซ้อมด้วยความรวดเร็ว

     

       “ โหยย คุณครูเนี่ยยุให้อยากแล้วก็จากไป  ร่างบางของยูริมองตามหลังครูฝึกของเธอที่วิ่งไปไกลแล้วอย่างเซ็งๆ

     

       “ เอาน่า วันนี้ไปหาอะไรกินก่อนกลับบ้านมั้ย นี่ก็ชักจะหิวแล้วอ่ะ แทยอนถามยิ้มๆพลางลูบที่ท้องประกอบ สี่สาวที่เหลือพยักหน้าอย่างเห็นด้วย วันนี้พวกเธอซ้อมหนักมาทั้งวันแล้วนี่นา ร่างบางทั้งห้าเดินออกจากบริษัทพลางหยอกเล่นกันเหมือนปกติ ก่อนจะมุ่งหน้าเดินไปร้านเนื้อย่างที่อยู่ใกล้ๆอันเป็นร้านประจำตั้งแต่พวกเธอยังเป็นเด็กฝึกหัด เพราะนอกจากราคาไม่แพงแล้ว ยังอร่อยสุดๆอีกด้วย

     

       “ ว่าแต่จูฮยอนที่พวกเธอพูดถึงกัน เขาหายไปไหนหรอ เจสสิก้าถามขึ้นด้วยความสงสัย เธอเคยได้ยินมาบ้างแต่เพราะเธอนั้นเป็นเด็กฝึกหัดที่มาจากอเมริกา ทำให้ไม่ค่อยรู้จักใครมากนัก

     

       “ เขาไปเที่ยวที่ภูเขาเมื่อหลายเดือนก่อน แล้วก็ไม่กลับมาน่ะ ยุนอาตอบเบาๆ เจสสิก้าพยักหน้าเข้าใจ

     

       “ ขอโทษนะ ที่ฉันถามอะไรไม่เข้าท่าเลย

     

       “ ไม่หรอก ว่าแต่เธอมาฝึกอยู่ที่นี่ เธอไม่คิดถึงบ้านหรอ ยุนอาส่ายหัวเชิงไม่เป็นไรก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย ไม่ให้โต๊ะกินข้าวกร่อยไปมากกว่านี้

     

       “ พ่อกับแม่ฉันย้ายกลับมาเกาหลีน่ะ อีกอย่างพวกเธอเป็นรูมเมทที่สนุกสนาน อยู่กับพวกเธอ ฉันไม่เหงาหรอก เจสสิก้าหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

     

       “ จะว่าไปเราซ้อมหนักจนไม่ค่อยได้กลับบ้านเลยเนอะ ฉันคิดว่าวันหยุดที่จะถึงนี้ ฉันจะกลับบ้านล่ะ ยูริพูดพลางนึกถึงครอบครัวที่เธอไม่เห็นหน้าเกือบเดือนแล้ว เนื่องจากต้องซ้อมจนดึกดื่นทุกวัน ทำให้ต้องพักอยู่ที่หอใกล้ๆบริษัทเวลาไปโรงเรียนก็มีรถของบริษัทไปส่ง เฮ้ออ ตัวเธอเองได้ยินแต่เสียงพ่อกับแม่ทางโทรศัพท์เท่านั้น แต่มันไม่ช่วยให้หายคิดถึงเท่ากับเห็นท่านตัวเป็นๆ

     

       “ วันหยุดนี้ฉันก็ว่าจะกลับบ้านเหมือนกันเลย แทยอนพูดอย่างร่าเริง แค่ได้คิดว่าจะได้กลับบ้าน เธอก็รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก

     

       “ ซันนี่!! เธอกินเนื้อไม่สนใจเพื่อนเลยนะ ไม่น่าล่ะนั่งเงียบเชียว ยุนอาร้องขึ้นเมื่อเห็นซันนี่นั่งคีบเนื้ออย่างสบายใจ ก่อนจะคีบเนื้อใส่จานตัวเองบ้าง โดยร่างเล็กที่สุดในกลุ่มก็ไม่ยอมแพ้ ยิ่งคีบเนื้อใส่ปากตัวเองแข่งกับยุนอาจนสามคนที่เหลือมองคนตะกละสองคนยิ้มๆ

     

       “ ไม่อยากจะเชื่อเลย นี่มันคนที่จะกลายไปเป็นนักร้องในอนาคตหรอเนี่ย เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังขึ้นจนห้าสาวต้องเงยหน้าขึ้นมองด้วยความแปลกใจ

     

       “ รุ่นพี่!!! ฮันคยองโบกมือทักทายก่อนจะเรียกพนักงานให้ต่อโต๊ะเพิ่มก่อนจะเรียกสมาชิกในวงที่มากับเขาให้นั่งลง

     

       “ ใครบอกว่ารุ่นพี่นั่งตรงนี้ได้คะ อย่างนี้เขาเรียกว่าเสียมารยาท ยูริที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่กัดกับฮันคยองมาตั้งแต่สมัยเป็นเด็กฝึกด้วยกัน ฮันคยองเป็นรุ่นพี่ที่ดี แต่เขาดีกับเธอมาก ดีจนเธอหมั่นไส้ว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้ไม่เคยโกรธเคืองใครเลย ต่อให้เธอพูดจากวนประสาทและแกล้งรุ่นพี่คนนี้มากแค่ไหน

     

       “ ว้า  จะนั่งตรงนี้เพราะอยากจะเลี้ยงมื้อเย็นรุ่นน้องเสียหน่อย น่าเสียดายจังเลย ฮันคยองพูดพลางทำหน้าเสียดายอย่างสุดซึ้ง อย่างนี้เขาคงต้องยกเลิกเรื่องแล้วล่ะมั้ง

     

       “ โถ่ แล้วก็ไม่บอกแต่แรก นั่งสิคะ นั่งเลย นั่งนานๆก็ได้นะคะ ยูริเปลี่ยนท่าทีพลางดึงเก้าอี้ชักชวนให้รุ่นพี่ตรงหน้าของเธอนั่งลงข้างๆ

     

       “ เรื่องงกล่ะไม่มีใครเกินเลยนะ ยัยยูล แทยอนเหน็บเบาๆกับความงกของเพื่อนสนิท

     

       “ ว่าเขาแต่ตัวเองก็ดีใจใช่มั้ยล่ะ ที่วันนี้มีคนเลี้ยงน่ะ ลีทึกพูดเบาๆก่อนจะนั่งลงข้างๆพลางคีบเนื้อใส่กระทะเพื่อย่าง

     

       “ พี่ทึก!! ฉันไม่ห้ามนะคะ ถ้าพี่จะนั่งกินเนื้อย่างเฉยๆน่ะ ร่างเล็กข้างๆเขาตอบพลางก้มหน้าอย่างมีน้ำโห จนลีทึกอดไม่ได้ที่จะขยี้ผมคนตัวเล็กข้างๆด้วยความหมั่นไส้

     

       “ กินๆเข้าไป จะได้สูงทันคนอื่นเขาเสียที

     

       “ อย่างน้อยตอนนี้ฉันก็สูงกว่าซันนี่ แค่นี้ฉันก็ไม่ห่วงอะไรแล้วล่ะ ซันนี่ที่นั่งกินอยู่เงียบๆหันไปมองแทยอนอย่างคาดโทษ เธอว่าเธอนั่งเงียบๆแล้วนะ

     

       “ แทแท พูดงี้หมายความว่าไง เสียงเล็กของซันนี่ดังขึ้นอย่างเอาเรื่อง จนซองมินที่นั่งอยู่ข้างๆรีบปิดหูเพราะเสียงเล็กและแหลมของเธอมันดังเข้าหูเขาเต็มๆ

     

       “ เสียงเบาๆหน่อยเถอะ สงสารคนนั่งข้างๆบ้าง ซองมินบ่นก่อนจะรีบคีบเนื้อเข้าปากเมื่อเห็นซันนี่จะอ้าปากเถียง พลางพยักเพยิดให้คนตัวเล็กแต่กินจุรีบกินต่อไป เพราะเขากลัวว่าพอกินมื้อเย็นเสร็จเดี๋ยวจะแถมหูหนวกกลับหอพักซะด้วยสิ

     

       “ แล้วพวกรุ่นพี่ไปไหนกันมาคะ ไปทำงานมาหรอ ยุนอาชวนคุยอย่างอารมณ์ดี

     

       “ ก็มีขึ้นแสดงที่ music bank เสร็จแล้วก็ไปเยี่ยมไอ้กี้ที่โรงพยาบาลนี่ก็เพิ่งกลับมาเนี่ย เลยแวะกินข้าวกันก่อน ลีทึกคนที่ตอนนี้ดูปากจะว่างมากที่สุดตอบให้ เพราะตอนนี้สมาชิกวงของเขาปากเต็มไปด้วยอาหาร หยิบนู่นหยิบนี่กินด้วยความหิวโหย

     

       “ แล้วพี่คยูฮยอนเป็นยังไงบ้างคะ ยูริเมื่อได้ยินชื่อรุ่นพี่สมัยเด็กที่เธอแอบชอบ ก็ถามขึ้นอย่างรวดเร็วจนฮันคยองที่นั่งอยู่ข้างๆเบะปากด้วยความหมั่นไส้ แต่ก็เพราะไอ้ความพยายามของยูริอย่างนี้ล่ะมั้ง ทำให้เขาถอนสายตาไปจากเธอคนนี้ไม่ได้เลย หนุ่มชาวจีนคิดพลางคีบเนื้อเข้าปากเงียบๆ

     

       “ อีกสามวันก็จะออกจากโรงพยาบาลได้แล้วล่ะ เอ้อ นี่รู้หรือเปล่าว่าพวกพี่กำลังจะทำอัลบั้มใหม่แล้วนะ  

     

       “ จริงอ่ะ เพลงเป็นแนวยังไงคะ   แทยอนหันไปถามลีทึกด้วยความสนใจ

     

       “ ความลับ แทยอนเบะปาก แย่งเนื้อในจานลีทึกหมายจะเอาคืนเขาได้บ้าง แต่ลีทึกกลับยักไหล่ไม่สนใจ เนื้อมีเยอะแยะย่างใหม่ก็ได้ คิบอมที่นั่งตรงข้ามกับทั้งสองนั่งมองท่าทางขี้เล่นของทั้งสองนิ่งๆ หัวหน้าวงของเขาจะรู้ตัวไหม ว่าได้ใกล้ชิดกับแทยอนเมื่อไหร่ ท่าทางที่จะแสดงออกว่าไม่สนใจมันกลับยิ่งดูออกทุกครั้ง

     

       “ พี่บอมนั่งมองอย่างนั้นมันจะได้อะไรละคะ อยากพูดอะไรก็พูดสิคะ ยุนอารุ่นน้องที่ได้ชื่อว่าสนิทกับเขาที่สุดเพราะก่อนเดบิวต์ถ่ายแบบด้วยกันบ่อยกระซิบเบาๆ พลางยิ้มล้อเลียนจนเขาต้องส่งสายตาดุๆให้เป็นเชิงหยุด

     

       “ รู้มากนักนะเรา

     

     

     

     

       “ จูฮยอนยังไม่นอนอีกหรอลูก  ยองอัลถามขึ้นด้วยความแปลกใจ พลางมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ นี่มันก็ห้าทุ่มแล้วทำไมลูกของเธอยังมานั่งดูอัลบั้มรูปตรงห้องนั่งเล่นอยู่อีก

     

       “ ยังไม่ง่วงค่ะ หนูเลยมานั่งดูรูปเก่าๆ นางฟ้าจูฮยอนในร่างซอจูฮยอนตอบยิ้มๆก่อนจะสนใจรูปภาพที่เต็มไปด้วยคนที่หน้าเหมือนกับเธอทุกอย่าง จะมาแทนเขาทั้งที แต่เธอกับไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเธอคนนี้เลย

     

       “ ไหนดูสิ นี่มันรูปตอนที่เราไปเที่ยวที่บ้านคุณยายนี่นา ร่างสูงวัยเดินเข้ามานั่งข้างๆก่อนจะชี้ไปที่รูปตรงมุมซ้าย จูฮยอนมองตามมือที่ชี้ ก็พบกับซอจูฮยอนในวัยเด็กหันหน้าให้กล้องโดยมุมปากแต้มยิ้มๆเบาเป็นเอกลักษณ์

     

       “ แม่คะ หนูเป็นคนนิสัยยังไงหรอคะ จูฮยอนเอียงคอถามด้วยความสงสัย เธออยากรู้เหลือเกินว่าคนที่หน้าตาเหมือนเธออย่างกับฝาแฝดนั้นนิสัยเป็นอย่างไร เธอคนนั้นจะมีนิสัยคล้ายเธอบ้างหรือเปล่านะ

     

       “ หนูเป็นเด็กดีจ๊ะ เงียบๆ แต่บทจะดื้อก็ดื้อเหมือนกันนะ ยองอัลตอบพลางลูบที่ผมด้วยความรัก นี่ก็ผ่านมาหลายสัปดาห์แล้ว แต่ดูเหมือนความจำของลูกสาวสุดที่รักจะไม่มีทางกลับมา ลูกสาวของเธอนอกจากจะจำอะไรไม่ได้ ยังไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย เมื่อหลายวันก่อนเธอมาจูฮยอนไปซื้อของ ลูกสาวตัวดีของเธอก็มองบันไดเลื่อนด้วยความแปลกใจอย่างกับไม่เคยเจอมาก่อน เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าลูกสาวเธอหายตัวไปหลายเดือนจะทำตัวแปลกได้ขนาดนี้

     

       “ อืม แล้วหนูมีแบบ เอ่อ พวกความฝันอะไรแบบนี้หรือเปล่าคะ

     

       “ มีสิจ๊ะ หนูน่ะชอบเล่นเปียโนมาตั้งแต่เด็ก หนูเลยชอบที่จะได้เป็นนักร้องนักดนตรี ยองอัลเล่าไปด้วยความภูมิใจในตัวลูกสาวของตัวเอง

     

       “ แม่ง่วงหรือยังคะ ช่วยเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวหนูได้มั้ยคะ

     

       “ ได้สิลูก มานี่ มานั่งใกล้ๆ เดี๋ยวแม่จะเล่าให้ฟังตั้งแต่แรกเลย รับรองว่าแม่รู้ทุกเรื่อง ยองอัลพูดพลางตบเบาะข้างๆ  จูฮยอนพยักหน้ารับคำก่อนจะเขยิบไปนั่งใกล้ๆแล้วนั่งฟังเรื่องราวด้วยความตั้งใจ โดยมีสายตาของผู้เป็นพ่อมองดูคนที่เขารักทั้งสองคน ก่อนจะขอบคุณพระเจ้าที่ในที่สุด พระเจ้าก็ช่วยให้ครอบครัวของเขากลับมาครบเหมือนเดิมเสียที ร่างสูงวัยยิ้มจนริ้วรอยปรากฏขึ้นตามวัยพลางเดินเข้าไปร่วมวงสนทนาพร้อมกับยื่นนมอุ่นๆให้กับลูกสาวสุดที่รักเพียงคนเดียวของเขา ขอบคุณ ขอบคุณพระเจ้าที่นำจูฮยอนลูกสาวของเขากลับมาหาเขากับภรรยาอีกครั้ง

     

     

     

     

       “ ขอบคุณมากนะครับ ร่างสูงในชุดไปรเวทธรรมดาของคยูฮยอนก้มหัวให้คุณหมอ โดยมีพ่อแม่และพี่สาวของเขาก้มหัวขอบคุณด้วยอีกแรง ก่อนทั้งสี่คนจะเดินออกจากห้องพักฟื้นที่เขานอนกับมันอย่างกับบ้านหลังที่สามรองจากบ้านของเขา และบริษัท

     

       “ เห็นนายออกจากโรงพยาบาลอย่างนี้ พี่ก็โล่งใจ อาราพูดกับน้องชายคนเดียวของเธอก่อนจะส่งยิ้มที่คยูฮยอนไม่ได้เห็นอีกเลย ตั้งแต่เขาอยู่ในโรงพยาบาล

     

       “ อย่ามาทำซึ้ง จะอ้วก น้องชายปากร้ายพูดอย่างเขินๆ จนแม่ที่เดินตามหลังอยู่อดไม่ได้จะตบหัวด้วยความหมั่นไส้

     

       “ พี่เขาเป็นห่วง พูดดีๆหน่อยสิเราน่ะ

     

       “ แม่!! ตีมาได้ไง ผมเพิ่งออกจากโรงพยาบาลนะครับ  คยูฮยอนทำเสียงอ้อนก่อนจะเดินเข้าไปกอดแม่อย่างเอาใจ

     

       “ ขี้อ้อนจริงๆ ลูกคนนี้นี่ คนเป็นแม่เหน็บแนมด้วยความหมั่นไส้แต่ก็กอดตอบลูกชายที่เพิ่งหายดีด้วยความสุขใจ

     

       “ เอาเถอะค่ะแม่ ว่าแต่ผ้าพันคอผืนนั้นของนายหรอ  พี่ไม่ยักเคยเห็น อาราถามขึ้นเมื่อสังเกตเห็นผ้าพันคอที่น้องชายสวมอยู่ นอกจากจะไม่เคยเห็นแล้ว เธอก็ไม่อยากจะเชื่อว่าน้องชายของเธอจะมีรสนิยมชอบผ้าพันคอสไตล์ผู้หญิงแบบนี้ด้วย

     

       “ อ๋อ เปล่าหรอก ของเพื่อนผมน่ะ คยูฮยอนตอบพลางจับผ้าพันคอที่เขาได้รับมาจากผู้หญิงที่เขาพบโดยบังเอิญเมื่อหลายสัปดาห์ที่แล้ว ซอจูฮยอน เธอบอกว่าจะมาเยี่ยมเขาอีก นี่เขารอจนออกจากโรงพยาบาลแล้วยังไม่เห็นวี่แววของเธอเลยสักนิด

     

       “ ของสาวล่ะสิ แอบมีตอนไหนไม่เคยบอกเลยนะเจ้าตัวแสบ

     

       “ ไม่ใช่สาวของผม ก็บอกอยู่ว่าเพื่อน พี่อารานี่พูดไม่รู้เรื่อง

     

       “ พอแล้วๆ  เจ้ากี้ไปซื้อน้ำที่ตู้กดให้แม่หน่อย เห็นสองพี่น้องชอบเถียงกันแล้วผู้เป็นแม่จึงพูดตัดบท

     

       “ ผมเพิ่งออกจากโรงพยาบาลนะ มีอย่างที่ไหนใช้คนป่วย คยูฮยอนบ่นอุบอิบพลางชี้ไปที่พี่สาวเชิงสั่งคนนั้นแทนสิ

     

       “ คยูฮยอน นายเป็นง่อยหรือไง ซื้อน้ำแค่นี้ทำเป็นบ่น คนเพิ่งหายเจ็บมองพี่สาวอย่างคาดโทษก่อนจะรับเงินจากมือแม่แล้วเดินไปยังตู้กดน้ำที่อยู่อีกด้านหนึ่ง คยูฮยอนเดินไปจิ๊ปากไปอย่างเซ็งๆ พอเขาหายดีหน่อยล่ะเลิกเอาใจเชียว ตอนที่อยู่โรงพยาบาลเอาใจเขาสารพัด รู้งี้อยู่โรงพยาบาลต่ออีกหน่อยก็ดีหรอก มีทั้งของกิน มีทั้งคนเอาใจ

     

       “ ขอโทษนะคะ ฉันมาเยี่ยมคนไข้ที่ชื่อโจคยูฮยอนค่ะ ไม่ทราบว่าเขาพักอยู่ห้องไหนคะ จูฮยอนที่วันนี้เธอขอแม่ให้มาส่งที่โรงพยาบาล เพื่อหวังจะมาเยี่ยมผู้ชายที่เธอเจอเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ตอนเดินเข้ามาแรกๆก็ไม่รู้หรอกว่าจะหาเขาเจอได้ยังไง แต่เธอเพิ่งเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านหน้าเธอแล้วพูดประโยคนี้เป๊ะๆ แต่ต่างกันแค่ชื่อคนไข้เท่านั้น  เธอก็เลยขอพูดตามบ้าง

     

       “ ขอโทษนะคะ ทางโรงพยาบาลไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดของคุณโจคยูฮยอนได้ค่ะ  พนักงานของโรงพยาบาลปฏิเสธด้วยความสุภาพ จูฮยอนเอียงคออย่างไม่เข้าใจ ทำไมอ่ะ  ทีคนเมื่อกี้ยังบอกเลย

     

       “ ทำไมละคะ พนักงานส่ายหัวกับความดื้อรั้นของซอฮยอน นี่คงจะเป็นแฟนคลับล่ะสินะ

     

       “ บอกไม่ได้จริงๆค่ะ ทางที่ดีคุณติดตามจากข่าวดีกว่านะคะ เพราะโรงพยาบาลไม่สามารถบอกได้ค่ะ ฝ่ายคยูฮยอนที่กำลังเลือกน้ำให้แม่ของเขาตรงตู้กดน้ำที่อยู่ไม่ไกล ได้ยินคล้ายๆว่าบทสนทนานั้นมีชื่อเขาอยู่ด้วย รีบหยิบเงินทอนพลางหันไปทางต้นเสียง จนพบกับร่างบางที่คุ้นตาในเสื้อไหมพรมสีชมพูหวาน กับกระโปรงสีครีมที่ทำให้ร่างนั้นดูไกลๆยังไงก็เป็นสาวหวานกำลังพูดคุย หรือจะเรียกถกเถียงกับพนักงานของโรงพยาบาลอยู่ตรงเคาท์เตอร์ แต่เพราะวันนี้มีผู้คนในโรงพยาบาลแน่นขนัด ทำให้เขามองหน้าตาของสาวหวานคนนั้นไม่ถนัด

       “ แต่ฉันเป็นเพื่อนกับโจคยูฮยอนนะคะ ฉันสัญญากับเขาว่าจะมาเยี่ยม คุณไม่บอกฉัน อย่างนี้คุณก็ทำให้ฉันผิดสัญญาน่ะสิคะ จูฮยอนพูดอย่างใสซื่อพลางสบตาพนักงานของโรงพยาบาล จนต้องเสมองไปทางอื่นอย่างอึดอัด คยูฮยอนที่ได้ยินประโยคนั้น ก็นึกถึงผู้หญิงที่เขารอให้มาเยี่ยมเมื่อหลายสัปดาห์ที่แล้ว ก่อนจะก้าวเท้าให้ไปตรงจุดนั้นอย่างรวดเร็ว

     

       “ ขอโทษจริงๆค่ะ พนักงานสาวก้มหัวให้อีกครั้ง จนจูฮยอนถอดใจ ก่อนส่ายหัวเชิงไม่เป็นไรแล้วเดินออกจากโรงพยาบาลไปด้วยความเสียดาย เธอมาถึงที่นี่แล้วแท้ๆแต่เธอกลับเยี่ยมเขาไม่ได้ นี่ก็ไม่รู้ว่าเธอจะบังเอิญเจอเขาอีกหรือเปล่า

     ด้านคยูฮยอนที่เพิ่งเดินมาถึงด้วยความยากลำบาก จากตู้กดน้ำถึงเคาท์เตอร์มันก็ไม่ได้ไกลมากนัก ออกจะใกล้กันมากด้วยซ้ำไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ได้ยินบทสนทนาหรอก แต่ผู้คนที่เดินไปเดินมานี่สิเป็นอุปสรรคใหญ่ ที่คิดว่าจะเดินมาถึงภายในไม่กี่สิบก้าว กลับกลายเป็นว่าไม่กี่สิบก้าวของเขามันก็หมดไปตั้งแต่หลบหลีกคนที่เดินไปเดินมาในโรงพยาบาลแล้ว

     

       “ ขอโทษนะครับ ผู้หญิงคนเมื่อกี้เขามาหาผมหรือเปล่า คยูฮยอนที่เดินมาถึงก็ไม่พบร่างบางแล้วจึงหันไปถามพนักงานของโรงพยาบาล

     

       “  ใช่ค่ะ เขาบอกว่าเป็นเพื่อนของคุณ แต่ทางบริษัทของคุณห้ามไม่ให้บอกให้แฟนคลับรู้ ฉันคิดว่าเขาโกหกเหมือนคนอื่นๆ ก็เลยไม่ได้บอกเขาไปน่ะค่ะ   คยูฮยอนรับคำเจื่อนๆ ก่อนจะหันไปมองทางประตูเข้าออกของโรงพยาบาลขนาดใหญ่หมายว่าจะเห็นหลังไวๆของร่างบางที่มาเยี่ยมเขาบ้าง แต่เขาก็คิดผิดเพราะวันนี้คนที่เดินอยู่ในโรงพยาบาลกันขวักไขว่นั้น  จะมองทางไหนก็เห็นแต่คนมากมาย  คยูฮยอนถอนหายใจอย่างผิดหวังและเสียดาย

     

       “ เธอจะรู้มั้ยนะ ว่าหาเธอน่ะมันยากกว่างมเข็มในมหาสมุทรซะอีก

     

     



     

     

    กลับมาแล้วจ้า  ขอโทษที่ห่างหายไปนานนะคะ

    เนื่องจากการเรียนมันหนักมากกกกกกกกกกกกกก จนไม่มีเวลาที่จะนั่งพิมพ์อยู่หน้าจอคอมได้นานเลย

    ไหนๆก็ปิดเทอมแล้ว ไรเตอร์ก็จะพยายามอย่างเต็มที่ในการอัพให้มันเร็วๆนะคะ ก่อนที่จะเปิดเทอมจนไม่มีเวลาพิมพ์อีก

    ขอบคุณที่ยังติดตามฟิคเรื่องนี้กันอยู่นะคะ  ขอบคุณมากๆค่ะ จุ้บ <3


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×