ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักเธอเข้าแล้วทำไงได้ ❤ [SJ&SNSD]

    ลำดับตอนที่ #1 : ★ EP 1

    • อัปเดตล่าสุด 21 มี.ค. 54


     

     

                   

     

    เสียงจอกแจกตอนเช้าในโรงเรียนระหว่างรอเวลาเรียน ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เวลานี้ในการลอกการบ้านที่ค้างจากเมื่อวาน หรือถ้ามากหน่อยก็อาจจะเป็นของเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บางคนอาจจะใช้เวลาตอนเช้าที่โรงเรียนในการฟุบหลับ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงก็คงไม่พ้นนั่งจับกลุ่มคุยกันถึงเรื่องต่างๆมากมาย ที่ไม่รู้ว่าขุดขึ้นมาเป็นหัวข้อเรื่องได้อย่างไร ซอฮยอนนั่งมองบรรยากาศของโรงเรียนจากนอกหน้าต่างอย่างเคย โดยมีฮโยยอนที่พึ่งมาถึง มองไปที่โต๊ะแถวกลางริมหน้าต่างที่เป็นโต๊ะประจำของซอฮยอนอย่างชินกับท่าทางที่เป็นเอกลักษณ์ของเพื่อนสนิทของเธอคนนี้


          “
    เจ้าหญิง ถึงโรงเรียนแต่เช้าเหมือนเคยเลยนะ ฮโยยอนเรียกชื่อที่หลายๆคนขนานนามให้ซอฮยอนอย่างล้อเลียน ก่อนจะวางสัมภาระที่โต๊ะประจำของเธอ


          “
    หยุดเรียกฉันอย่างนี้นะ บอกกี่ทีแล้วว่าอย่าเรียกชื่อนี้ ซอฮยอนบอกพลางขยับตัวอย่างอึดอัด คนนอกถ้าเห็นคงจะคิดว่าซอฮยอนเป็นคนเย็นชาแต่ไม่ใช่สำหรับฮโยยอนแน่ๆ


          “
    เขินอะดิ ทำไมเวลาเขินแกชอบทำหน้าเฉยอย่างนี้ทุกที ผู้ชายเขามาเห็นก็ไม่กล้าเข้าใกล้แกพอดี ก็เพราะแกชอบทำหน้าอย่างเนี้ย

         “
    ฉันก็เป็นของฉันอย่างนี้แหละ แล้วอีกอย่างฉันไม่ได้ทำหน้าเฉยใส่คนอื่นอะไรอย่างนั้นซะหน่อย  ฉันก็แค่


         “
    ทำหน้าไม่ถูก เอออก็พูดอย่างนี้ทุกที ทำหน้าไม่ถูกก็ยิ้มสิ หน้าสวยๆมีแล้วก็รู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์บ้างเถอะ ทำไมนะทำไมพระเจ้าถึงให้หน้าสวยๆกับคนที่ไม่สนใจตัวเองอย่างแกด้วยเนี่ย  ฮโยยอนพูดพลางจิ้มไปที่หน้าผากของคนสวยตรงหน้าอย่างหมั่นไส้


          “
    ฉันก็ดูแลตัวเองตามที่แกว่านะ แกนี่ชอบว่าฉันอยู่เรื่อย


         “
    พูดเรื่องจริงย่ะ แล้วไอ้ไม่สนใจตัวเองน่ะฉันหมายถึงนิสัยแกต่างหาก บื้อจริงๆ


          “
    ขี้เกียจเถียงแกละ แล้วยูริล่ะไม่มาพร้อมแกหรอ ซอฮยอนพูดตัดบทก่อนจะถามถึงเพื่อนสนิทอีกคนที่ปกติจะมาโรงเรียนพร้อมกับฮโยยอนเพราะบ้านสองคนนี้อยู่ใกล้กัน


         “
    เฮ้ สาวๆ Sweet เล่มใหม่ออกแล้ว สนใจเปล่า   ร่างเพรียวก้าวเข้ามาในห้องพลางชูสิ่งที่เรียกร้องความสนใจได้ดีจากบรรดาสาวๆวัยรุ่น จะเรียกมันว่านิตยสารหรือ จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ถูกซะทีเดียวเพราะไอ้นิตยสารที่ว่ามีแต่รูปภาพไปซะครึ่งเล่มแล้ว เนื้อหาที่มีก็น้อยนิดแต่ก็เป็นที่ชื่นชอบของบรรดาสาวๆทั้งหลายซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่ก็จะเป็นการดูดวง ทริกความรักต่างๆ ก็คงจริงอย่างที่เขาว่ากันไอ้เรื่องดูดวงนี่มันคงไม่พ้นเรื่องของพวกผู้หญิง


         “
    มาพร้อมกันแหละ จริงๆวันนี้พวกฉันตื่นเช้ากว่านี้นะเว้ย แต่ยูริมันมัวแต่ไปยืนซื้อนิตยสารเล่มใหม่อยู่เลยมาช้า ฉันก็เลยพลอยมาช้าไปด้วย


         “
      แกสองคนนี่อยู่ด้วยกันแล้วพากันช้าทั้งคู่นั่นแหละ ซอฮยอนพูดพลางอมยิ้ม ฮโยยอนมองเพื่อนที่ปกติไม่ค่อยแสดงออกอย่างขัดใจเพราะที่ซอฮยอนแขวะเธอนั้น มันเป็นเรื่องจริงทุกประการ


         “
    เออ ใครจะไปตื่นเช้าอย่างเจ้าหญิงซอฮยอนกันล่ะ ว่าแต่ไม่ไปดู Sweet เล่มใหม่หรอแก สัปดาห์นี้เป็นธีมแอบรักด้วยนะเว้ย น่าอ่านสุดๆ ฮโยยอนส่งเสียงเรียกแม่เพื่อนสาวที่แสนจะเรียบร้อยข้างๆ ที่ไม่มีที่ท่าว่าจะสนใจนิตยสารสุดฮอตอย่าง Sweet หรือความคิดจะไปรุมล้อมที่โต๊ะของควอนยูริเจ้าแม่อัพเดตอย่างเพื่อนๆในห้องของเธอเลย


         “
    เข้าไปตอนนี้ก็ใช่ว่าจะได้อ่าน ขอยูริอ่านพรุ่งนี้มันก็ไม่สายไปหรอกน่ะ เจ้าของเสียงนุ่มๆพูดตัดบทก่อนจะนั่งสนใจวิวนอกหน้าต่างจากห้องเรียนเหมือนเคย ทำเอาแม่เพื่อนสาวตัวดีข้างๆถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้


         “
    ก็เป็นซะอย่างนี้ ชีวิตวัยรุ่นของแกถึงได้เรียบง่ายซะ ฮโยยอนพูดประชดอย่างหมั่นไส้คนที่เฉยชาไปซะทุกเรื่องพลางนั่งลงที่เก้าอี้ประจำของเธอที่อยู่ข้างๆอย่างกระแทกกระทั้น เพราะหวังว่าเสียงนั่งของเธอจะดึงความสนใจของคนเฉยชาให้หันมาสนใจรอบตัวของเธอบ้าง


         “
    พูดไป ซอฮยอนเข้าก็ไม่ตอบโต้หรอก เหนื่อยเปล่าน่ะ น้ำเสียงสดใสของเจ้าแม่อัพเดตพูดอย่างระอาใจพลางวางกระเป๋านักเรียนที่โต๊ะเรียนข้างหน้าสองสาวอันเป็นที่ประจำของเธอก่อนจะทรุดนั่งลง


         “
    อ้าวเจ้าแม่อัพเดตควอนยูริ เดินมาตรงนี้ได้ยังไงกันเนี่ย นึกว่าโดนรุมตายหน้าห้องแล้วซะอีก


         “
    พวกนั้นมันสนใจนิตยสารไม่ใช่ฉันซะหน่อย เฮ้ออ คิดถูกมั้ยเนี่ยไปถามยัยพวกนั้น  Sweet ของฉันคงอยู่ไม่ถึงกลับบ้านแน่ๆเลย


         “
    สมน้ำหน้า อยากจะเป็นเจ้าแม่อัพเดตก็ต้องทำใจนะ ฮโยยอนพูดพลางหยิบนิตยสารแบบเดียวกันจากในกระเป๋านักเรียนพลางโบกไปมาต่อหน้าเจ้าแม่อัพเดต ก่อนจะนั่งอ่านเนื้อหาข้างในอย่างสบายใจ


         “
    แต่ฉันก็สนใจรอบข้างนะ ไม่เหมือนใครบางคนทำอะไรเหมือนเดิมทุกวัน ไม่หาอะไรสนุกสนานเข้าตัวเองซะบ้าง


         “
    นี่ ฉันไม่ใช่คนเย็นชาเวอร์เหมือนที่พวกแกพูดกันซะหน่อย ก็แค่คนมันเยอะจะรีบเดินเข้าไปทำไมก็ไม่รู้ คนเฉยชาที่ทนเสียงแดกดันของเพื่อนสนิททั้งสองไม่ไหวหันมาโต้ตอบก่อนจะพิงหน้าต่างแล้วค่อยหลับตาอย่างเหนื่อยอ่อน อีกอย่างวันนี้ฉันก็ง่วงๆด้วย เมื่อคืนนอนดึกไปหน่อย


         “
    เพลาๆซะบ้างเรื่องซ้อมเปียโน รู้ว่าชอบแต่ไม่ต้องอุทิศให้มันขนาดนั้นก็ได้ ยูริพูดพลางตบมือของซอฮยอนที่วางอยู่บนโต๊ะเรียนเบาๆ อย่างให้กำลังใจโดยมีฮโยยอนมองด้วยสายตาห่วงใยอยู่ข้างๆ


         “
    ก็ใกล้วันแข่งแล้วนี่นา ร่างบางที่หลับตาอยู่แก้ตัวเสียงอ่อย


         “
    เออรู้ แต่หาอะไรมาทำนอกจากเปียโนให้ตัวเองพักผ่อนบ้างก็ได้นะเว้ย ไม่ใช่อะไรหรอกพวกฉันน่ะเป็นห่วง ซอฮยอนลืมตาก่อนจะมองเพื่อนสาวสองคนที่ทำหน้าลำบากใจข้างๆ ก่อนจะระบายยิ้มเบาๆ


         “
    อะไร พวกฉันเป็นห่วง แต่แกกลับนั่งยิ้มเนี่ยนะ ให้ตายเถอะพวกฉันซีเรียสนะเว้ย ฮโยยอนพูดก่อนจะนั่งกอดอกอย่างขัดใจกับท่าทีของคนน่าเป็นห่วงที่ตอนนี้นั่งยิ้มอย่างคนสบายใจต่างจากท่าทีเมื่อกี้


         “
    อย่าซีเรียสแทนฉันเลย แค่พวกแกคอยให้กำลังใจฉัน ฉันก็ไม่รู้จะขอบใจพวกแกยังไงแล้ว   ซอฮยอนตอบยิ้มๆ แต่คำพูดกลับทำเอาเพื่อนสนิททั้งสองคนหน้าขึ้นสีด้วยความเขิน ให้ตายเถอะบทจะพูดดีๆทีก็มาเต็มเลยนะยัยเพื่อนคนนี้


         “
    งั้นวันนี้ไปเดินเล่นกันหลังเลิกเรียน นะๆๆๆๆ เห็นแก่ฉันเหอะ ฮโยยอนเสนอขึ้นก่อนจะอ้อนวอนหนักขึ้นเมื่อดูทีท่าของซอฮยอนที่เหมือนจะปฏิเสธเหมือนเช่นทุกที


         “
    ไปเหอะ ไม่ได้เดินเที่ยวด้วยกันสามคนตั้งนานแล้วนะเว้ย  ซอฮยอนตอบรับอย่างช่วยไม่ได้ แต่อย่างที่ฮโยยอนพูดกับเธอมันก็ถูก นานแค่ไหนแล้วนะที่เธอไม่ได้ให้ความสำคัญกับตัวเองเลย มันนานเท่าๆกับที่เธอเป็นโสดจนปัจจุบันหรือเปล่า จนผู้ชายหลายคนมองว่าเธอเฉยชาจนไม่กล้าเข้าใกล้ จริงๆเขาจะรู้มั้ยว่าที่จริงแล้วเธอแค่ไม่รู้จะแสดงออกอย่างไร หรือบางทีเธออาจจะแค่ต้องการผู้ชายสักคนที่ไม่ได้ชอบเพียงแค่หน้าตาของเธอ แต่อยากให้ผู้ชายคนนั้นเข้าใจตัวตนและจิตใจของเธอ   ก็แค่นั้นเอง

     

     

     

     

     

         “ คยูฮยอน วันนี้ไปซื้อของเป็นเพื่อนหน่อย เสียงเล็กๆจากปากที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนข้างบ้านตั้งแต่เด็กของเขาดังขึ้นด้วยน้ำเสียงเอาแต่ใจ คยูฮยอนที่นั่งฟังเพลงอยู่จึงถอดหูฟังออกก่อนจะเงยหน้าไปสบสายตากับร่างบางที่ยืนอยู่


         “
    ก่อนจะบอกฉัน เธอต้องถามก่อนไม่ใช่หรอว่าฉันว่างหรือเปล่า   เจสสิก้า สาวสวยประจำโรงเรียนพ่วงด้วยตำแหน่งดาวของชั้นมัธยมปลายปีสอง ยักไหล่อย่างไม่แคร์ก่อนจะดึงแขนเขาให้ลุกตามใจเธอ


        “
    ไม่ว่างก็ต้องว่าง เธอไม่ไปแล้วใครจะถือของให้ฉันล่ะ เจสสิก้าพูดพลางดึงแขนร่างสูงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างไม่สะทกสะท้าน


         “
    ไปขอประธานนักเรียนซีวอนแฟนเธอไม่ดีกว่าหรอ คยูฮยอนตอบเรียบๆก่อนจะลุกขึ้นเก็บของใส่กระเป๋าพลางเดินไปที่โต๊ะของอึนฮยอกเพื่อนสนิทของเขา โดยไม่สนใจเพื่อนข้างบ้านที่ยืนมองการกระทำของเขาอย่างขัดใจ


         “
    นี่ คยูฮยอนจะไปไหน หันกลับมาเดี๋ยวนี้นะ เสียงเล็กๆพูดขึ้นจากข้างหลัง คยูฮยอนทำหูทวนลมกับเสียงที่ได้ยินก่อนจะผลักหลังอึนฮยอกที่มองการกระทำของเขาด้วยความงุนงงให้เดินออกจากห้องเรียนประจำของพวกเขา


         “
    ไม่เสียดายบ้างหรือไงวะบ้านก็ติดกันแถมครอบครัวยังสนิทกันอีก คยูฮยอน นายนี่มันโง่จริงๆ ปล่อยให้รุ่นพี่ซีวอนคาบไปซะได้


         “
    ไม่เสียดาย ชัดมั้ย ฉะนั้นหยุดพูดอะไรไร้สาระสักที   คยูฮยอนบอกพลางตบหัวเพื่อนสนิทปากมากที่ดันรู้ดี ใช่เขามันโง่ โง่ปล่อยให้เจสสิก้าเป็นของประธานนักเรียนซีวอนนั่น แต่ก็ช่วยไม่ได้ สุภาพบุรุษกับสาวสวยก็เข้ากันดีนี่


         “
    ปากแข็ง ….. เออๆหยุดพูดแล้วๆ   อึนฮยอกประชดก่อนตัดบทเมื่อสบสายตาไม่สบอารมณ์ของเพื่อนสนิทที่เดินอยู่ข้างๆ


         “
    ไปไหนดีวะ อีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาซ้อม คนไม่สบอารมณ์หยุดเดินเมื่อถึงหน้าโรงเรียนพลางคิดไม่ตกว่าเขาสองคนจะไปฆ่าเวลาที่ไหนระหว่างรอเวลาสนามไอซ์ฮอกกี้ของโรงเรียนปิดให้คนธรรมดาเข้า หลังจากนั้นจึงจะเป็นเวลาที่ชมรมไอซ์ฮอกกี้ได้ฝึกซ้อมเสียที


         “
    ไปห้องสมุดกัน อึนฮยอกเสนอขึ้น ทำเอาคนที่ยืนอยู่ข้างๆหันไปมองด้วยความแปลกใจ


         “
    วิญญาณเด็กเรียนเข้าสิงหรอวะ ช่วยต่อยให้มันออกมั้ย ร่างสูงไม่พูดเปล่าทำท่าจะต่อยคืนสติจริงๆ จนคนที่ถูกคิดว่าผีเข้ารีบยกมือขึ้นห้ามปรามด้วยความตกใจ


         “
    เปล่าเว้ย ทีนายชวนฉันยังไม่สงสัยเลย ทีฉันชวนบ้างทำไมต้องหาว่าผีเข้าด้วยวะ  อึนฮยอกพูดพลางทำท่าสะบัดสะบิ้งเกินจริงจนคยูฮยอนที่มองอยู่ข้างๆ หมั่นไส้


         “
    เออๆ ไปยังอะ มัวยืนบื้ออยู่ได้


         “
    อะไรวะ แค่นี้ทำเป็นเข้ม อึนฮยอกบ่นพึมพำแต่ก็เดินตามเพื่อนสนิทไปยังห้องสมุดของเขต

     

     

     

     

         “ ซอฮยอน วันนี้หลังเลิกเรียนไปไหนหรือเปล่า เสียงเรียกของฮโยยอนดังขึ้นข้างๆเรียกความสนใจของร่างบางที่กำลังเก็บหนังสือเรียนใส่กระเป๋าด้วยความแปลกใจ ฮโยยอนก็น่าจะรู้ว่าปกติหลังเลิกเรียนเธอก็จะกลับบ้านเลยไม่ก็เรียนพิเศษ มีแต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั่นแหละที่เธอไปเดินเล่นกับฮโยยอนและยูริเพราะทนเสียงรบเร้าไม่ไหว


         “
    วันนี้ไม่มีเรียนพิเศษอ่ะ ก็คงกลับบ้าน


         “
    ไปห้องสมุดกันปะ คือรายงานที่ต้องส่งพรุ่งนี้ฉันยังทำไม่เสร็จเลย ฮโยยอนพูดก่อนจะก้มหน้าด้วยความอาย เพราะรายงานนั้นครูสั่งตั้งแต่สองสัปดาห์ที่แล้ว


         “
    โหยย ดินพอกหางหมูว่ะ ดูดิกลมๆติดก้นแกเยอะมากเลยอ่ะ  ยูริพูดประชดด้วยท่าทางอารมณ์ดี


         “
    ไอ้ยูล ถ้าแกไม่พูดอะไร ก็ไม่มีใครว่านะเว้ย คนโดนประชดตอบด้วยความฉุนแต่ก็ไม่วายลูบเบาๆที่ก้นตามคนว่าอย่างช่วยไม่ได้


         “
    สงบศึกก่อนนะทั้งสองคน เอาเป็นว่าไปกันเลยดีกว่า จะได้ไม่กลับบ้านเย็นมาก คนสงบศึกพูดตัดบทก่อนจะเดินนำไป โดยปล่อยให้เพื่อนสนิททั้งสองคนเดินไปทะเลาะกันไปตลอดทางการไปห้องสมุดของเขต

     

     

    ห้องสมุด

     

         “  แล้วรายงานแกทำไปถึงไหนแล้วอ่ะ ซอฮยอนถามขึ้นเมื่อพวกเธอทั้งสามคนได้ก้าวเข้ามาในห้องสมุดแล้วพลางสอดส่ายหาโต๊ะนั่ง


         “
    ก็ทำไปได้นิดนึงแล้วล่ะ ฮโยยอนตอบเบาๆ ก่อนจะก้มหน้าหลบสายตาคนถามอย่างมีพิรุธ


         “
    แกยังไม่ได้เริ่มเลยใช่มั้ยเนี่ย คนถามถามเสียงเขียวจนคนก้มหน้าอยู่สะดุ้งเพราะโดนรู้ทัน ยูริที่รู้เรื่องแต่แรกแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดีกับท่าทางของเพื่อนสนิทของตัวเอง


        “
    เออน่าซอ แกไปจองโต๊ะแล้วกัน เดี๋ยวฉันจะไปช่วยยัยดินพอกหางหมูเลือกหนังสือทำรายงาน ยูริพูดพลางกลั้วหัวเราะ ซอฮยอนพยักหน้ารับพลางมองเพื่อนสองคนเดินเข้าไปทางชั้นหนังสือ ก่อนจะหันกลับมาสอดส่ายหาโต๊ะตามที่ได้รับมอบหมายบ้าง วันนี้คนใช้บริการไม่เยอะมากแต่ส่วนใหญ่ชอบนั่งแยกๆกัน เลยทำให้เปลืองเนื้อที่ไปบ้าง เธอคิดในใจอย่างเซ็งๆ ก้าวเดินไปตามทางเดินที่ทำไว้ของห้องสมุดก่อนจะเลือกโต๊ะที่อยู่ติดกำแพงไม่ไกลจากที่เธอเดินมา จากตรงนี้สองคนนั้นถ้าเลือกหนังสือเสร็จคงจะมองเห็นเธอไม่ยาก ซอฮยอนถอนหายใจด้วยความเหนื่อยกับการเรียนหนักๆทั้งวัน ตัดสินใจก้มหน้าลงฟุบหลับฆ่าเวลา


         “
    ขอโทษนะ เก้าอี้ข้างๆเธอว่างหรือเปล่า ซอฮยอนที่ยังไม่ทันได้หลับตาถอนหายใจด้วยความหงุดหงิดก่อนจะเงยหน้าขึ้นอย่างช่วยไม่ได้


         “
    ไม่ว่างค่ะ ซอฮยอนตอบเสียงห้วน ก้มหน้าฟุบหลับต่อไม่สนใจผู้ชายเข้ามาหลีที่ยืนทำหน้าแหยกับท่าทีเย็นชาของเจ้าหญิงโรงเรียนมัธยมปลาย S ก่อนจะเดินกลับไปยังโต๊ะด้วยท่าทีหงอยจนเพื่อนในกลุ่มหัวเราะเพราะชายคนนั้นหน้าแตกไม่มีชิ้นดี

              ซอฮยอนที่ก้มหน้าอยู่ได้ยินเสียงหัวเราะของกลุ่มผู้ชายไม่ไกลจากโต๊ะของเธอ ก็รู้สึกอึดอัด ก่อนจะลุกขึ้นไปช่วยสองคนนั้นเลือกหนังสือเพื่อหลบเลี่ยงสายตาจากกลุ่มผู้ชายที่จดจ้องเธอตาไม่กระพริบ


       ตุบ


         “
      ขอโทษครับ   เสียงทุ้มพูดขึ้นเบาๆก่อนจะเดินต่อไปไม่สนใจคนที่โดนสัมภาระอันใหญ่ยักษ์ของเขาชนเข้าให้ที่แขน ซอฮยอนลูบที่แขนป้อยๆถึงมันจะไม่เจ็บมาก แต่ผู้ชายคนนั้นก็น่าจะหยุดหันมาพูดดีๆก็ได้นี่นา เธอมองตามหลังผู้ชายคนนั้นที่ข้างๆเขาแบกไม้อันใหญ่ที่เธอคิดว่าคงจะเป็นไม้ฮอกกี้ด้วยความฉุน


         “
    ซอ แกมายืนตรงนี้ทำไมอ่ะ จองโต๊ะยังเนี่ย เสียงของยูริดังขึ้นข้างหลังเรียกความสนใจของเธอที่ส่งสายตาขุ่นมัวไปยังผู้ชายแบกไม้ฮอกกี้อยู่ให้ค่อยๆหันไปมองเพื่อนสนิททั้งสองที่ตอนนี้ในอ้อมแขนของสองคนเต็มไปด้วยหนังสือ


         “
    จองแล้วๆ มาเดี๋ยวฉันช่วย ซอฮยอนตอบก่อนถือวิสาสะหยิบหนังสือจากทั้งสองคน คนละสองเล่มแล้วเดินนำทางไปที่โต๊ะ


        “
    เฮ้ยพวกแกดูนั่นดิ สองคนนั้นเขามีไม้ฮอกกี้ด้วยแหละ ฮโยยอนพูดขึ้นก่อนจะชี้ไปทางโต๊ะข้างหน้าที่ตอนนี้จับจองด้วยร่างสูงในชุดนักเรียนที่ข้างๆมีไม้ฮอกกี้พาดอยู่บนเก้าอี้


        “
    ชุดนั้นมันโรงเรียนมัธยมปลาย M ไง โรงเรียนนี้ดังเรื่องไอซ์ฮอกกี้มากเลยนะ ยูริบอกด้วยความมั่นใจ


         “
    จริงดิ ไม่น่าเชื่อว่าแกจะรู้เรื่องแบบนี้ด้วย นึกว่าจะอัพเดตแต่พวกข่าวบันเทิงซะอีก ฮโยยอนพูดประชดแต่เธอรู้ดีว่าเจ้าแม่อัพเดตคนนี้เขาอัพเดตทุกเรื่องจริงๆ เอาเป็นว่ามันเป็นคนที่สอดรู้สอดเห็นขั้นเทพ วงไหนจับกลุ่มคุยกัน เรื่องอะไรไม่มีทางพลาดหูของควอนยูริไปได้


         “
    ดูถูกเจ้าแม่อัพเดตมากเลยนะ อย่างควอนยูริเนี่ย ไม่มีเรื่องไหนที่ไม่รู้


         “
    นี่ว่างมากเลยใช่มั้ย นั่งมองเรื่อยเปื่อยอย่างนี้รายงานจะเสร็จมั้ยห๊ะ คิมฮโยยอน ซอฮยอนที่เพิ่งละจากการคั่นหน้าเนื้อหาที่ฮโยยอนควรจะต้องใช้ในรายงานเสร็จพูดเสียงดุ ก่อนจะผลักหนังสือที่คั่นเสร็จแล้วให้เจ้าตัวเพื่อไปซีรอก


         “
    อย่างนี้ไม่ได้มองเรื่อยเปื่อย มันมองผู้ชายเว้ยซอ ยูริพูดพร้อมแตะไหล่ของซอฮยอนอย่างเข้าข้างเต็มที่


         “
    โอเคๆ ซอฮยอนรับคำเบาๆ ก่อนจะยกหนังสือที่ไม่ใช้แล้วส่งให้คนพูดมาก ยูริมองเพื่อนตัวดีที่สั่งให้เธอไปเก็บหนังสืองอนๆ นอกจากจะไม่สนใจที่เธอพูดแล้วยังมาสั่งเธอให้ลุกไปเก็บหนังสืออีก ซอฮยอนมองตามหลังยูริที่เดินกระแทกเท้าไปยังชั้นหนังสือยิ้มๆ พลางเหลือบมองโต๊ะที่เป็นจุดสนใจเมื่อกี้ ร่างของชายสองคนในชุดนักเรียนคนหนึ่งกำลังนั่งเลือกหนังสืออย่างขะมักเขม้น โดยคนนั่งข้างๆนั่งเล่นเกมส์โทรศัพท์โดยไม่สนใจรอบข้าง ว่าแต่คนที่เล่นเกมส์อยู่มันคนที่ชนเธอเมื่อกี้นี่นา ไม่ผิดแน่เพราะคนที่ชนเธอเขาก็เอาไม้ฮอกกี้ตัวดีแบบเดียวกับที่พาดอยู่บนเก้าอี้ข้างๆชนแขนเธอ ด้านคนที่โดนมองด้วยสายตาดุๆอยู่ก็รู้สึกแปลกๆบวกกับเมื่อยคอหลังจากที่ก้มเล่นเกมส์นาน จึงเก็บโทรศัพท์แล้วเงยหน้าเพื่อหวังจะให้คอที่ปวดเมื่อยอยู่มันทุเลาลงบ้าง ทำให้สบสายตากลมโตที่จ้องเขาอยู่พอดี คยูฮยอนมองดวงตากลมโตที่ดูใสซื่อด้วยความสนใจ เมื่อมันมารวมอยู่บนใบหน้าเธอคนนี้กลับทำให้หน้าของอีกฝ่ายนั้นจัดว่าสวย ถึงแม้จะไม่ได้แต่งหน้าอ่อนๆเหมือนเจสสิก้า  แต่น่าแปลกทำไมเขาถึงละสายตาจากเธอคนนี้ไม่ได้นะ ฝ่ายคนที่มองเขาแต่แรกกลับกลายเป็นโดนจ้องตาไม่กระพริบจนต้องหลบสายตาเองนั้นหน้าขึ้นสีอย่างไม่มีสาเหตุ


         “
    อะไรของเขา จ้องกันอยู่ได้ ไม่มีมารยาทเอาซะเลย ซอฮยอนบ่นพึมพำด้วยความเขิน ปกติผู้ชายส่วนใหญ่เมื่อมองหน้าเธอก็จะหลบสายตาอันเย็นชาของเธอทุกทีนี่นา ตาคนนี้นี่แปลกจริงๆ


        “
    เฮ้ยซอ นั่งบ่นพึมพำไรของแกเนี่ย   ฮโยยอนที่เพิ่งเดินกลับมาจากซีรอกงานถามขึ้นด้วยความแปลกใจ  


         “
    เปล่าๆ แล้วแกเสร็จยังเนี่ย ฉันอยากกลับบ้านแล้ว


         “
    เสร็จแล้ว ว่าแต่ไอ้ยูลมันหายไปไหนของมัน


         “
    เก็บของก่อนเถอะ เดี๋ยวเดินสวนไปก็เจอยูริเองแหละ ซอฮยอนพูดพลางเก็บอุปกรณ์ใส่ในกระเป๋าก่อนจะรีบสาวเท้าให้พ้นจากโต๊ะนั้น ไม่ไหวอ่ะนี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอนะ เธอไม่กล้ามองหน้าเขาแถมตอนนี้หัวใจเธอมันเต้นเร็วเหลือเกิน แค่เขามองเธอแค่นั้นเธอถึงกับตื่นเต้นเลยหรอเนี่ย


         “
    ซอฮยอน แกจะรีบไปไหนอ่ะ รอฉันเอากระเป๋าก่อนดิ ยูริที่เพิ่งกลับจากการเก็บหนังสือให้เข้าที่เห็นซอฮยอนเดินสวนไป ก็หันไปสบตากับฮโยยอนด้วยความงุนงง


          “
    มันเป็นอะไรของมันเนี่ย ฉันไปเก็บหนังสือช้าจนมันรอไม่ไหวเลยหรอ   ยูริถามคนที่เหลืออยู่อย่างงงๆ ฮโยยอนส่ายหัวเพราะเธอก็ไม่รู้เหมือนกัน ทั้งสองรีบหยิบกระเป๋าก่อนจะเร่งฝีเท้าให้ทันซอฮยอนที่เดินนำไปนานแล้ว

         “ เฮ้ย นั่งยิ้มอะไรอยู่ได้คนเดียววะ อึนฮยอกถามขึ้นหลังจากที่เขาเดินกลับมาจากยืมหนังสือก็เห็นไอ้เพื่อนตัวดีนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คนเดียวที่โต๊ะ คยูฮยอนละสายตาจากท่าทางของคนที่ลุกลี้ลุกลนรีบเดินออกจากห้องสมุดก่อนจะเงยหน้ามองเพื่อนสนิทด้วยหน้าเรียบเฉย


          “
    มีเรื่องไหน ที่นายจะไม่จุ้นบ้างมั้ย อึนฮยอก


          “
    แอบมองสาวหรอวะ คนไหนๆ เรียกให้ดูบ้างดิ   คนจุ้นไม่สนใจที่คนว่าพูดสักนิดก่อนจะมองไปทางที่คยูฮยอนมองไปเมื่อกี้


          “
    แล้วยืมเสร็จยังเนี่ย น้องแกก็นะจะยืมหนังสือของตัวเองมาเองไม่ได้หรือไงวะ


          “
    เฮ้ย แอบมองสาวอย่างนี้ แปลว่านายเลิกชอบเจสสิก้าแล้วหรอวะเนี่ย  


           “
    อยากลองไม้ฮอกกี้กระแทกปากหน่อยมั้ย เผื่อปากนายจะได้เงียบได้ คยูฮยอนพูดอย่างหงุดหงิด ก่อนจะเก็บของแล้วเดินไปไม่สนใจคนปากมาก


          “
    เออๆ วันนี้มันวันอะไรวะ เดินตามตูดคนขี้โมโหทั้งวันเลย  









    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    to be continute..

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×