คือรักคือเธอ - นิยาย คือรักคือเธอ : Dek-D.com - Writer
×

    คือรักคือเธอ

    เมื่อความรักกับความลวงมาบรรจบกันเรื่องวุ่นๆจึงเกิดขึ้น

    ผู้เข้าชมรวม

    243

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    243

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    จำนวนตอน :  7 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  23 เม.ย. 52 / 13:13 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    บทนำ
    ทำไมซายุระถึงต้องทำตัวเลื่อนลอยและไร้ความหวังอย่างนั้น ทำไมเหรอ ทำไม ทำไม เป็นคำถามที่หลุดจากปากของแพทย์หญิงปรางวลัย คุณวิสูตรจักรกัลป์อย่างหมดความอดทนเมื่อหลายเดือนก่อน การที่เธอถามแบบนั้นมันชี้ชัดว่าบางสิ่งบางอย่างกำลังเข้าใกล้จุดแตกหัก สิ่งที่ว่าอาจจะเป็นความสัมพันธ์........

     

    เที่ยงวันอันพิกลพิการขากลับจากล่องใต้ตามสืบพฤติกรรมในทางชู้สาวของหนุ่มใหญ่เจ้าของธุรกิจอาหารทะเลชื่อดังจากการว่าจ้างของภรรยา หลังเสร็จงานซายุระก็แวะเยี่ยมปรางวลัยที่นครราชสีมา ขณะก้าวลงจากรถทัวร์ที่สถานีขนส่ง เธอผู้ยืนรอรับก็มองเขาด้วยสีหน้าหม่นๆ ดวงตาคู่งามแอบซ่อนอะไรบางอย่างที่น่าฉงนฉงาย  

    เธอชวนเขาเข้าไปพักหลบแดดในอาคารติดเครื่องปรับอากาศของสถานีขนส่งแทนที่จะรีบชวนเขาขึ้นรถแล้วขับพาออกไปเหมือนทุกครั้งที่เขาเคยแวะมา

    "นั่งก่อนสิ มีเรื่องอยากคุยด้วย" เธอเชื้อเชิญ 
    เขานั่งลงตรงหน้าเธออย่างอดสงสัยไม่ได้ "
    มีอะไรหรือเปล่าดูแปลกๆไปนะ" เขาถามกึ่งคาดเดาและยิ้มเจื่อนกับแววตาเศร้าระคนห่างเหินของหญิงคนรัก เธอก้มหน้านิ่งเงียบครู่หนึ่งเหมือนกำลังรวบรวมความกล้าก่อนเงยหน้าจ้องเขาพร้อมกล่าว

    "เราเลิกกันเถอะ" เสียงของเธอคล้ายดังข้ามโต๊ะมาพร้อมเสียงเชลโล่ทำนองหม่นทึม

    "......." เขาอ้ำอึ้ง 
    "เราเลิกกันเถอะ" เป็นประโยคตอกย้ำที่ช่างเย็นชา   

    "เลิก เลิกอะไร" เขาขมวดคิ้วกับคำว่าเลิก'ที่ได้ยินเต็มสองหู แต่ก็พยายามมองโลกในแง่ดีว่าเป็นเพียงการกระเซ้าเหย้าหยอก ทั้งที่หัวใจเต้นเหมือนรถวิ่งด้วยความเร็วบนถนนลูกรังที่อุดมด้วยหลุมบ่อ

    "ปรางจริงจังอยู่นะ" ไม่เพียงแค่เสียงของเธอที่เย็นชา แต่สีหน้าก็ดูเย็นชา

    "จริงจัง ปรางกำลังพูดถึงเรื่องอะไร" เขายังพยายามหัวเราะ อดรวดร้าวไม่ได้กับความอ่อนโยนของเธอที่ไม่รู้หายไปไหนหมด หมอปรางคนที่เขาเคยรู้จักไปอยู่ที่ไหน

    แพทย์หญิงปรางวลัยพ่นลมออกจมูกฟื่อใหญ่ก่อนอธิบายหมดเปลือก เธอคิดว่าคงไม่มีทางอื่นอีกแล้วที่จะทำให้เขาเข้าใจได้นอกเสียจากการพูดไปตรงๆ "ปรางหมดแรงบันดานใจกับความรักของเรา และปรางคิดว่าปรางอดทนมามากพอแล้ว ที่ผ่านมาปรางต้องแอบอดทนแต่ซายุระไม่รู้หรอก ตอนนี้ความรู้สึกของปรางจึงเหมือนกระเป๋าที่ปริแตกเพราะยัดเสื้อผ้าแน่นเกินไป ปรางอยากขอใช้ชีวิตของปรางเองเสียที จริงๆนะ เราจบกันเถอะ" น้ำเสียงของเธอเจือไว้ในทีอ้อนวอน

    ซายุระปั้นหน้าระรื่นต่ออีกไม่ไหว ใจของเขาสั่นแรงอย่างผิดปกติ เขาระแคะระคายตลอดมาว่าคุณหมอแสนสวยมากภูมิอย่างเธอย่อมต้องการคู่ครองที่มีอะไรๆสมกัน คนที่มีแนวโน้มว่าจะประสบความสำเร็จในชีวิต คนที่สามารถเชิดหน้าชูตาครอบครัวของเธอได้ ซึ่งคุณสมบัติเหล่านั้นซายุระล้วนไม่มีแม้สักกระบี้เดียว

    "เลิกล้อเล่นเถอะขอบอกไม่ขำ" แต่เขายังหน้าด้านไปแบบซีดๆ ก็คนยังรับไม่ได้

    เธอส่ายหน้าเพลียๆ ไม่เข้าใจจริงๆหรือแค่แกล้ง เธอเกือบๆกระชากเสียง

    ซายุระพยายามตั้งสติเท่าที่จะตั้งได้ ให้ตายเถอะเขาอยากจะร้องให้เสียจริงๆ ถามจริงปรางแค่ไม่พอใจผมหรือเปล่า หรือเพราะเรื่องอะไร บอกกันตรงๆก็ได้นะ เสียงของเขาเนิบนาบแผ่วเบาเหมือนเสียงจากตุ๊กตาที่ถ่านใกล้หมด

     "ปล่อยปรางไปเถอะ จบวันนี้หรือพรุ่งนี้ยังไงก็ต้องจบอยู่ดี"

     ซายุระอยากจะพูดอยากจะถามอยากจะอ้อนวอนอยากจะปรับความเข้าใจและอยากจะทำอะไรต่อมิอะไรเพื่อให้ได้เธอคืน แต่ลำคอของเขาตีบตันไปเสียก่อน เขาจึงพูดได้แค่ "แค่นี้เหรอ ผมคงทำผิดมากสินะ"

    "ไม่เกี่ยวกับซายุระเลยสักนิด" เสียงของเธอก็คล้ายแผ่วหาย เธอต้องกลืนน้ำลายไล่ก้อนตีบตันลมถึงสามารถผ่านลำคอออกมาได้ "ปรางผิดเอง ปรางแค่......" น้ำตาก้อนแรกของเธอหยดแหมะแล้วจากนั้นก็ตามกันมาเป็นสาย เสียงก็สั่นครือ "แค่หมดใจ เราไปด้วยกันไม่ได้ตั้งนานแล้วซายุระไม่สังเกตเลยหรือไง จะต้องให้ปรางอดทนต่อไปอีกนานแค่ไหน เห็นใจปรางบ้างสิ เท่านี้ยังไม่พออีกเหรอ ปรางรู้ว่าซายุระทุ่มเทใจให้ปรางมาตลอดไม่ว่ากับเรื่องไหนๆ ปรางขอบคุณ ขอบคุณที่อุตส่าห์ทำเพื่อปราง......และหวังว่าคราวนี้ซายุระจะทำเพื่อปรางอีกสักครั้ง"

    ซายุระรู้สึกเหมือนตัวเองนั่งกอดเข่าในช่องฟรีซ เขาเอ่ยถามด้วยถ้อยคำแหบพร่าสั่นครือ "เพราะปรางมีคนใหม่ใช่ไหม"

    เธอนิ่งเงียบหลายวินาทีก่อนผงกศีรษะแผ่วๆ ปรางเสียใจไม่น้อยเมื่อหวนนึกถึงความดีงามและมิตรภาพที่เคยหยิบยื่นให้แก่กันเสมอมา เธอโทษตัวเองที่วันนี้ไม่สามารถถนอมน้ำใจซายุระได้เลย แต่ทางเลือกช่างมีน้อยเหลือเกิน

    "บอกได้ไหมว่าเขาเป็นใคร" ซายุระยังพยายามเค้นชื่อนั้นด้วยพลังงานสุดท้าย เขายิ่งเจ็บปวดหนักเข้าไปอีกเมื่อนึกภาพคนใหม่ของเธอจะพะเน้าพะนอเธอยังไงบ้าง

    เธอไม่ยอมตอบคำถามเพราะรู้ดีว่าคำตอบนั้นจะไม่ช่วยอะไร ยิ่งพูดซายุระก็จะยิ่งเจ็บ ยังไงมันก็จบแล้ว "ขอตัวแล้วนะ ดูแลตัวเองด้วย" เธอตัดบทอย่างห่วงใย เขาทั้งสะอื้น ลุกขึ้นแล้วก้าวจากไป

    โลกของซายุระเริ่มโคลงเคลง สองหูเหลืออยู่แต่เสียงอึงๆ ภาพเบื้องหน้าคือแผ่นหลังและจังหวะสาวเท้าของหญิงรูปร่างสะโอดสะองที่ห่างออกไปอย่างรวดเร็ว เขาพยายามลุกขึ้นหวังจะตามไปฉุดเธอไว้แต่เหมือนร่างกายถูกตอกติดจนสิ้นเรี่ยวสิ้นแรง เธอเปิดประตูรถมุดร่างเข้าไปในเก๋งอัลฟ่าโรมิโอป้ายแดงสีเลือดนก แล้วรถก็ค่อยๆถอยร่นออกจากช่องจอดในลานจอดรถลูกค้าก่อนจะเคลื่อนห่างออกไป ภาพรถยนต์แปลกหน้าหลายคันเคลื่อนเข้าไปเติมเต็ม จากนั้นอะไรๆก็พร่าเลือน แสงสว่างของโลกน้อยลงทุกที การเดินทางครานี้สิ้นสุดลงแล้วที่ความเจ็บ เขาจะทำใจยอมรับได้อย่างไรว่าสิ่งดีๆได้จบลงแล้วจริงๆ หน้าอกทั้งสองซีกเริ่มคับแน่น เขาเริ่มหายใจไม่ออก ฮึดฮัดๆ คล้ายโพลงอกเต็มแน่นด้วยทรายแห้ง  

     

    ปรางวลัยสนิทกับเขาคนนั้นตั้งแต่วินาทีแรกที่นั่งข้างกันในห้องเชียร์สมัยเรียนปีหนึ่ง วันต่อมาและต่อมาทั้งสองก็กลายเป็นเพื่อนที่พูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ทุกครั้งที่เธอมีปัญหากับซายุระเธอมักจะนำปัญหาไปปรึกษาเพื่อให้เขาช่วยคิดคลายหาทางออกเสมอ ความสนิทสนมแบบเพื่อนๆแอบวิวัฒนาการอยู่นานนับสิบปีอย่างเงียบๆ ในที่สุดมันก็กลายเป็นความสัมพันธ์รูปแบบใหม่โดยที่คนทั้งสองก็ไม่ทันตั้งตัว นานหลายเดือนมาแล้วที่ซายุระค่อยๆไร้ความหมายในขณะที่หนุ่มร่วมวิชาชีพของเธอเริ่มเข้ามามีความสำคัญในใจเธอมากขึ้นทุกวันๆ เธอใจหวิวแต่สุขล้ำยามที่ได้เห็นหน้าหรือแค่ได้ยินเสียงของเขา ใครๆเรียกอาการแบบนี้ว่า รัก กว่าที่เธอจะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นความรู้สึกประหลาดก็มีมากจนเกินเก็บกัก ในที่สุดมันก็ล้นทำนบเขื่อนรูปทรงหัวใจ มันทำให้ทั้งสองถึงกับใจเต้นไม่เป็นส่ำหายใจไม่ทั่วท้อง มันบีบให้ทั้งสองต้องเอ่ยคำสารภาพต่อกัน สิ้นคำสารภาพความโล่งก็ย่างเยือนพร้อมการเกิดของโลกใหม่ เป็นโลกสีชมพูที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นน่าค้นหา    

    ซายุระน่าจะสงสัยตั้งแต่ตอนที่เห็นรูปเจ้าหนุ่มนั่นในโน้ตบุกของปรางวลัยเมื่อสามเดือนก่อน เพราะที่ผ่านมาเธอไม่เคยเก็บรูปใครไว้ในคอมพิวเตอร์ส่วนตัวของเธอ เขาน่าจะเอะใจ แต่เปล่าเลย เขากลับเชื่อในตัวเธอและเชื่อในรักอย่างสนิทใจ

     

    ในความจอแจพลุกพล่านของสถานที่ ซายุระยังนั่งคุดคู้อย่างสิ้นหวังจ่อมจมสับสนไม่ต่างจากเด็กน้อยผู้หลงทาง ก่อนสติสุดท้ายจะขาดสะบั้นจนไม่รับรู้ว่าเขาเป็นใครเขาก็เข็นความเข้มแข็งสุดท้ายออกมาเพื่อตีตั๋วจากนครราชสีมากลับสู่มาตุภูมิ....อุดรธานีบ้านเกิด เขารู้สึกจุกเสียดในโพลงอกขึ้นมาครามครันเมื่อรู้ว่าตัวเองจะต้องกลับบ้าน ก็เขากินเส้นกับพ่อเสียที่ไหน

     

    ตลอดเวลาที่รถทัวร์แล่นไปหัวใจของเขาคลั่งและทุกข์ทรมานจนอยากจะทุบกระจกรถแล้วพุ่งหลาวออกไปข้างนอกให้รู้แล้วรู้รอดเพื่อยุติทุกอาการความรู้สึกที่กำลังกัดกินใจ

    รถแล่นถึงขอนแก่นเขารู้สึกสงบลงเล็กน้อย อาจเพราะเริ่มผูกมิตรกับความเจ็บได้บ้างแล้ว เมื่อรถจอดรับผู้โดยสารที่หน้าโรงพยาบาลศรีนครินทร์เขาก็ก้าวลงพร้อมเป้ที่แบกอยู่บนหลัทั้งๆที่ไม่ใช่ปลายทางที่ระบุไว้ในตั๋ว ฟ้ามืดแล้วแต่ความสว่างของเมืองยังรุ่งโรจน์จากพลังงานไฟฟ้า อากาศเย็นเยียบสายลมลู่ลิ่วเลียไล้ผิวกายเขาก้าวย่างเข้าสู่ขอบเขตของสถาบันเก่าโดยไม่รู้ว่าทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร อาจเพราะที่แห่งนี้ความทรงจำยังคงงดงามอยู่เสมอและความงดงามนั้นไม่มีวันเปลี่ยนแปลง    

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น