ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    - ALCOHOL'S MAN 酒 +fic.exo

    ลำดับตอนที่ #4 : Episode 3 : COUVOISIER

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 58
      1
      20 เม.ย. 58




    เอ้ก อี เอ้ก เอ้กกก

     

     

    เสียงไก่ขันของเพื่อนบ้านบ่งบอกเวลาที่เป็นเวลาที่ทุกคนควรตื่นขึ้นมาเพื่อเริ่มดำเนินชีวิตในวันต่อไป แดดยามเช้าส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่างที่โปร่งใสมากระทบร่างชายหนุ่มที่กำลังนอนอยู่บนโซฟาด้วยท่าทางจากการเหนื่อยล้าในบ้านอันอบอุ่นของแฟนสุดที่รักของเขา มีตาคู่หนึ่งที่กำลังจับจ้องชายหนุ่มร่างสูงที่หลับไหลไม่ได้สติ

     

    “ ไม่สบายหรือเปล่า ” ลู่หานที่มานั่งลงที่โซฟาข้างๆร่างของเซฮุนที่กำลังนอนยิ้มฝันหวาน พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงจึงเอื้อมมือที่อ่อนละมุนไปเพื่อจับหน้าผากของหนุ่มหน้าหวาน

     

    หมับ!

     

    “ ผมตื่นแล้วค้าบบ ” โอเซฮุนที่กำลังหลับตายิ้มหวานเงื้อมมือออกมาคว้าแขนของลู่หานเอาไว้ก่อนที่มือนั้นจะสัมผัสโดนหน้าผากของโอเซฮุนเสียอีก เขาวางมือของลู่หานลงและลุกขึ้นมานั่งทำท่าหาวและบิดขี้เกียจบนโซฟาข้างๆลู่หาน

    -_-^ ไปอาบน้ำได้แล้ว วันนี้ต้องไปงานศพวันสุดท้ายนะ ”

    “ ครับบ ”

     

    โอเซฮุนเดินไปอาบน้ำจนไม่ทันได้สังเกตว่านอกจากจะมีลู่หานที่อยู่ชั้นล่างของบ้านแล้วยังมีเพื่อนๆพี่ๆอีกทั้งเก้าคนที่กำลังยืนทำกิจกรรมของตนเองอยู่ข้างล่างบ้าน เขาจึงเดินขึ้นไปอาบน้ำบนบ้านด้วยท่าทางที่เขินอาย

     

                “ แหม่ หวานแต่เช้านะมึง ”

     

    คริสพูดแซวลู่หานและเซฮุนในขณะที่ตากำลังมองมือของตัวเองที่กำลังล้างในซิงค์ตรงเคาน์เตอร์ทำอาหาร และเมื่อเงยหน้ามาก็พบกับลู่หานที่ยักไหล่ทำปากเบะเพื่อเป็นการกวนประสาทเขา ก่อนที่ลู่หานนั้นจะวิ่งขึ้นไปชั้นบนบ้านเพื่อตระเตรียมเสื้อผ้าให้กับโอเซฮุน

                “ ไอห่านี่ กวนตีน ”

     

     

     

     

     

    ณ วัดที่ทำพิธี

     

    ทุกคนยืนไว้อาลัยให้กับเพื่อนและพี่สาวของชานยอลอยู่ข้างหน้าเมรุก่อนที่ศพจะถูกนำไปเผา และแล้วเวลาสุดท้ายที่พวกเขาจะได้เห็นหน้าของเพื่อนก็มาถึง ทางวัดเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ขึ้นไปดูหน้าของศพ เด็กหนุ่มทั้งสิบเอ็ดคนจึงเดินเรียงแล้วกันขึ้นไปดูใบหน้าที่จะไม่มีวันได้เห็นอีกแล้ว..

     

                “ พี่ซิ่วหมินนำหน่อยครับ ผมกลัว ” ดีโอพูดพร้อมกับจับมือของไคไว้แน่นหนาเพราะไม่เคยเผชิญกับสิ่งนี้มาก่อนในชีวิต

                “ กลัวอะไรวะ นั่นเพื่อนมึงนะเว้ย ” คริสตะโกนขึ้นพร้อมกับก้าวเท้าเดินไปที่เมรุเป็นคนแรก แต่แล้วความเข้มแข็งของเขาก็หมดลงเมื่อได้เห็นใบหน้าของเพื่อนรักที่กำลังหลับไหลและไม่ตื่นขึ้นมาอีก

     

                “ กูรักมึงนะเทา..ฝากดูแลพี่ยูราของไอโยดาด้วยนะ ” คริสฮยองปาดน้ำตาและเดินลงไป

                “ แกจะเป็นแพนด้าของพวกเราตลอดไป ” อี้ชิงพูด

     

    ซิ่วหมินที่ขึ้นต่อจากอี้ชิงไม่ได้กล่าวใดๆ ได้แต่มองและปาดน้ำตาเช่นเดียวกับจงแดเพราะคงไม่มีคำใดๆสามารถใช้แทนความรู้สึกที่มันเอ่อล้นของพวกเขาได้ จงอินและคยองซูเดินขึ้นไปพร้อมกัน โดยที่คยองซูกอดเอวของจงอินไว้อย่างแน่นหนา ก่อนที่จะทำท่าเคารพศพถึงแม้ว่าพวกเขาจะอายุไม่ห่างกันมากนัก แต่ทั้งคู่ก็ให้ความเคารพกับเทาที่เสียไปและพี่ยูราเป็นอย่างดี ต่อมาด้วยจุนมยอน จุนมยอนวางพวงมาลัยอันสวยงามพวงใหญ่พอสมควรที่ได้ซื้อมาจากทางเข้าของวัดลงบนมือของเทาและมองเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาเป็นกระแสน้ำที่ไม่หยุด

     

                “ ชาติหน้ามีจริง ขอให้เราสนิทกันแบบนี้อีกนะ..จื่อเทา ” เซฮุนที่เดินขึ้นมาพร้อมกับลู่หานพูดพร้อมกับเอาหน้าซบลงที่ไหล่ของลู่หาน ที่กำลังยกมือไหว้ศพของเทาที่ซึ่งเป็นผู้น้อยกว่ากับพี่ยูรา พี่สาวอันแสนดี จากนั้นแบ็คฮยอนเดินนำหน้าปาร์คชานยอลขึ้นมาก่อนและทำการไหว้เคารพศพของทั้งคู่

                “ พี่ครับ ผมจะดูแลชานยอลให้ดีนะครับ พี่ไม่ต้องห่วงนะ ” คำพูดนั้นของบยอนยิ่งทำให้ชานยอลน้ำตาไหล

     

                ชานยอลรวบรวมสติ หายใจเข้าอย่างลึกเพื่อกลืนน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย และเดินตามแบคฮยอนขึ้นมาเพื่อดูหน้าของเพื่อนสนิทและพี่สาวของตน ชานยอลไม่กล่าวใดๆทั้งสิ้น คำพูดเหล่านั้นถูกแทนที่ด้วยสายตาและน้ำตาของชานยอล ดวงตาของเขาจับจ้องใบหน้าของยูราไม่กะพริบ แต่แล้วตาเขาก็โตขึ้นเมื่อเห็นบางอย่าง แต่นั่นก็ต้องทำให้เขากลับมาอยู่ในสภาพเดิมเมื่อมือของแบคฮยอนวางลงบนไหล่ของชานยอล

     

                “ ไม่เป็นไรนะเธอ ”

     

    ชานยอลไม่ตอบอะไรก่อนที่จะเดินตามแบคลงไปข้างล่างเมรุ ก่อนลงนั้นสายตาของเขาก็เพ่งเล็งที่ร่างของยูราและเทาสลับไปมา

     

     

    ในช่วงเวลาเกือบบ่ายสาม ณ วัดที่ทำพิธีที่เดิม พวกเขาทั้งสิบเอ็ดคนอยู่ทำพิธีจนเสร็จสิ้น ไฟเพลิงแห่งความเศร้าโศกและความตายได้เข้ามาเยือนพัดพรากร่างที่เคยเห็นอย่างคุ้นเคยจากไป แต่สิ่งที่ยังเหลืออยู่คือความผูกพันธ์และความโศกเศร้า

               

                “ ไปหาอะไรกินกันมั้ย จะได้สบายใจ ” จุนมยอนพูดขึ้น

                “ เอาดิ ร้านส้มตำท้ายซอยมั้ย ”

                “ จัดปายยย ”

     

    หลังจากที่คริสเห็นด้วยกับร้านที่ลู่หานเสนอแล้วทุกคนก็พากันไปเดินทางเพื่อไปทานอาหารเย็น จะบอกว่าเย็นก็คงไม่ได้ เพราะระหว่างที่พวกเขาเดินเท้าไปที่ร้านส้มตำแสนอร่อยที่ลู่หานแนะนำ เวลาตอนถึงที่ร้านนั้นก็ประมาณสี่โมงเย็นกว่าๆได้ สิบเอ็ดคนนั่งลงที่โต๊ะ ที่ใหญ่และยาวที่สุดในร้านนี้ ลู่หานและชานยอลทำหน้าที่เป็นเชลฟ์ชวนชิมอย่างดี เพราะเนื่องจากร้านนี้เป็นร้านที่ชานยอลและลู่หานมาทานกันบ่อยๆ เขาจึงได้สั่งอาหารที่อร่อยที่สุดมาเพื่อจะได้แนะนำให้เพื่อนๆกิน

     

                “ เครื่องบินมาแล้วว จะพุ่งชนตึกก อ้ามมม ” แบคฮยอนตักเอาไก่ย่างที่ฉีกออกมาพอดีคำใส่ช้อนพร้อมน้ำจิ้มไก่รสเด็ดของร้านและทำท่าให้ช้อนแล่นมาจ่อที่หน้าปากของชานยอลเพื่อลดความเศร้าของชานยอลที่ไม่ยอมหมดไปเสียที และนั่นก็ได้ผล ชานยอลอ้าปากรับเครื่องบินลำน้อยของแบคเข้าไปในปากและเคี้ยวหนุบหนับพลางยิ้มไปด้วย

     

                “ อะไร คิดว่าปัญญาอ่อนได้คนเดียวสินะ ” คริสตักเนื้อย่างที่ไร้รอยไหม้และน้ำมันใส่ช้อนของเขา จากนั้นนำไปแตะกับน้ำจิ้มแจ่วรสชาติเข้มข้น ก่อนที่จะ “ เอ้า เรือรบมาแล้ว เปิดปากอ่าวได้ อ้ามมมม ง่ำๆๆ ” คริสนำเรือรบที่ว่าเข้าปากตัวเองและเคี้ยวพลางเหล่หน้าของชานยอลและแบคฮยอนด้วยความอิจฉา แต่นั่นทำให้เพื่อนๆต่างพากันขำแทนที่จะรู้สึกเห็นใจคริสฮยองผู้ไร้คู่

     

                “ เออ แล้วนี่มีใครต้องลางานอะไรมั้ย ” อี้ชิงถามด้วยข้อสงสัยเพราะวันนี้ก็วันอาทิตย์แล้วหากพวกเขามีงานก็คงจะต้องกลับไปทำในวันพรุ่งนี้

     

                “ จงอินกับผมไม่มีครับ เราทำงานกราฟฟิคดีไซน์ เข้าบริษัทเดือนละครั้งสองครั้ง ” ดีโอกล่าว

                “ เออว่ะ ลืมเลย ซิ่วหมินว่าไง ” ซูโฮหันไปปรึกษากับซิ่วหมิน

                “ ฉัน จงแด และซูโฮ คงต้องกลับไปทำงานพรุ่งนี้นะ เดี๋ยวจะมาเยี่ยมเป็นครั้งคราวแล้วกัน ”

                “ ผมกับแบคคิดไว้แล้วว่าเราจะอยู่ดูแลแฟนสักพักหนึ่ง เลยเขียนใบลาที่บริษัทตัวเองเรียบร้อยแล้วครับ ”

                “ นายล่ะ คริส ” อี้ชิงหันมาสะกิดคริสที่กำลังทานไก่อย่างเมามันส์

                “ ฉันทำงานเป็นกะ ”

                “ กะไรวะ! อย่าบอกนะว่ากะ ลู่หานทำตาโตเป็นประกาย

                “ เป็นกะ! เป็นกะ! คือทำเมื่อเขาเรียกอะ ไม่รู้เหมือนกันโว้ย ”

                “ แล้วไป ”

     

    สิ้นสุดคำถาม ทุกคนตั้งหน้าตั้งตากินด้วยความหิวหลังจากที่ทานอะไรไม่ลงมาเป็นเวลาวันสองวันแล้ว คู่รักอย่าง ชานยอล แบคฮยอน และ เซฮุน ลู่หานก็ยังคงทานอาหารกันอย่างหวานๆ ทำให้คนรอบข้างคอยแกล้งเพราะความน่ารักของพวกเขาและความอิจฉา

     

     

                “ ปกติเวลาเรามาร้านพวกนี้ เราต้องสั่งอะไรด้วยนะ? ”

                “ เบียร์ไง!

     

    ซิ่วหมินผู้ช่ำชองเรื่องเบียร์ตอบจงอินโดยไว แต่ก็นะ ช่ำชองไม่ได้หมายความว่าดื่มจนคอแข็ง เพราะคนที่คอแข็งที่สุดในวงคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากจงแดกับคยองซู ถึงจะดูว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ แต่ก็เป็นไปแล้ว ซิ่วหมินที่ว่าเป็นผู้ช่ำชอง คือการที่เขาศึกษาเรื่องเหล้า เบียร์อย่างละเอียด ทั้งส่วนประกอบต่างๆ จนสามารถผลิตเองได้ แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้เขาหายคออ่อนได้เลย

     

                “ น่านเด้ อยากกินเบียร์ใจจะขาดอยู่แล้วหน่อ ” คริสพูดด้วยเสียงเมาไก่ย่าง

                “ ฉันชักจะอิ่มแล้วเหมือนกัน มีใครยังไม่อิ่มมั้ย ” ซูโฮโต้

                “ และจะเอายังไงกับของที่ยังทานไม่หมดล่ะ ”

                “ ห่อสิครับแฟน ”

     

    ลู่หานถามขึ้น แต่คำถามก็ถูกตอบด้วยแฟนของเขา ซิ่วหมินพี่โตยกมือเรียกพนักงานให้มาเก็บเงิน  แต่คนที่ต้องจ่ายตังก็คือซูโฮ ด้วยเหตุผลที่ว่าเขานั่งหัวโต๊ะโดยที่ไม่ได้สังเกต แต่ซูโฮเองก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร เขาเต็มใจที่จะจ่ายและไม่ต้องการเงินทอน ทำให้เพื่อนทุกคนทำท่าปรบมือบูชาซูโฮ ทำไงได้ ก็ซูโฮเป็นคนรวยนี่นะ

     

     

     

     

     

     

     

                “ เย้ ถึงบ้านแล้ว ไปนอนกันดีกว่าพี่ลู่ ผมนะยังไม่ได้กินเมนูนึงที่ร้านส้มตำเลย ”

                “ เมนูอะไรครับ ”

                “ กินตับไง -..-

                “ ไอเด็กบ้า ”

                “ จะนอนก็ขึ้นไปเลยมั้ย!! มายืนพูดกันทำพระแสงอะไร คิดว่าอยู่กันแค่สองคนหรือไงฟะ -_- ใครจะกินเบียร์ก็อยู่ ไม่กินก็ไนอนได้ละ แล้วอย่ากินตับกันด้วย กูอิจฉาเว้ย! คริสโวยวายอีกเช่นเคยเมื่อได้ยินคู่รักคู่นี้คุยกัน

     

                ทุกคนต่างทยอยกันขึ้นนอน เหลือเพียงชานยอล แบคฮยอน คริส และไคเพียงเท่านั้น พวกเขานั่งกันอยู่ในห้องรับแขกอีกเช่นเคย ระหว่างเดินทางกลับมานี้ คริสได้ซื้อเหล้ารสชาติท่าทางอร่อยแต่ก็แพงใช่ย่อยอย่าง บลูเลเบิ้ลพร้อมกับโซดากลับมาด้วย จงอินที่ยังอยู่ก็คงอยากจะลิ้มลองรสชาติของมัน ส่วนชานยอลนั้นก็คงมีเรื่องทุกข์ใจ และแบคฮยอนที่ยังคงอยู่ต่อเพื่อปลอบใจชานยอล ทั้งสองอยู่ติดกันไม่ห่างไปไหนตั้งแต่เรื่องราวเกิดขึ้น

     

                ทุกคนต่างชงเหล้าบริการตัวเอง รวมถึงชานยอลที่ต้องชงเหล้าเอง แบคฮยอนไม่สามารถกะปริมาณของเหล้าที่ชานยอลกินในแต่ละครั้งได้ เพราะในแต่ละครั้งเขาจะมีอัตราส่วนของเหล้าและโซดาไม่เท่ากัน มีเพียงตัวเขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าตนเองเมาเมื่อไหร่ เขาจะใส่เหล้าน้อยถ้าหากตัวเองเริ่มเมาแล้วเพื่อเป็นการประคองไม่ให้เมามากจนเกินไป คริสดื่มหนักสุดแต่ก็ยังคงมีสติสัมปชัญญะดีต่างกับจงอินที่ดื่มไปไม่กี่แก้วแต่หน้าก็เริ่มแดงเสียแล้ว

     

                “ กูอะ..มีคนที่ชอบนะเว้ย แต่กูไม่กล้าบอกเขาหรอก เดี๋ยวเค้าไม่รักกูแล้วกูจะเสียใจ

                “ ใครวะ เมาแล้วหรอมึง ” ชานยอลถามคริสที่กำลังตัดพ้อเพียงคนเดียว

                “ ไม่เมา… กูพูดจริงๆ แล้วมึงอยากรู้จริงๆป้ะละ

                “ … เออ

                “ กูชอบ

                “ …..

                “ อี้ชิงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!

                “ ห้ะ? ”

     

    สิ้นสุดเสียงคำถามของชานยอล ทำให้ชานยอลต้องมองตามคริสไป การพูดชื่อของอี้ชิงนั้น ไม่ใช่คำตอบของคริส แต่เป็นเพียงการเรียกบุคคลหนึ่งที่กำลังเดินลงบันไดมาพร้อมกระเป๋าใบหนึ่งด้วยสภาพที่เหมือนเดิม จางอี้ชิงนั้นยังไม่ได้เตรียมตัวเข้านอนหรืออาบน้ำแต่อย่างใด

     

                “ ยังไม่นอนอีกหรอวะ ”

                “ คริส.. ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย ออกไปคุยกันหน่อย

     

     

    คริสเดินตามจางอี้ชิงออกไปยังสวนหลังบ้าน แต่ทางที่จะออกไปสวนหลังบ้านได้นั้นก็มีทางออกทางเดียวคือทางประตูหน้าบ้าน เพราะประตูครัวข้างหลังถูกล็อคไว้แล้ว เมื่อถึงที่สวนหลังบ้านแล้ว สีหน้าของจางอี้ชิงก็ต้องเปลี่ยนไปกับสิ่งที่เขากำลังจะพูดต่อไปนี้

     

                “ คริส ฉันไม่สบายใจว่ะ ของในกระเป๋านี้…จะเอายังไง

                “ อี้ชิง..มึงอย่าคิดมากดิวะ ”

                “ มึงก็พูดง่ายดิวะ! ทำไมมึงไม่เป็นคนเก็บไอกระเป๋าใบนี้ไว้ล่ะ ”

                “ ใครใช้ให้มึงทำล่ะ..

                “ ไอคริส ทำไมมึงพูดแบบนี้วะ!

                 พลั่กก!

     

    จางอี้ชิงปล่อยหมัดไปที่ใบหน้าของคริส คริสใช้มือจับที่มุมปากของเขา พบกับเลือดที่ไหลซิบๆออกมา แต่นั่นไม่ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดสักนิด ความรู้สึกของเขาปลดปล่อยออกมาทางรอยยิ้ม คริสแสยะยิ้มให้กับอี้ชิงที่กำลังแค้นกับสิ่งที่ตัวเองได้ยิน

     

     

     

                “ เค้าสองคนออกไปนานแล้วน้า นายจะให้ฉันออกไปตามมั้ย นี่ก็มืดแล้วด้วย ” แบคฮยอนถามชานยอล

                “ นั่นไง มาแล้ว ”  ชานยอลชี้ไปที่ชายร่างสูงผมสีบลอนด์อย่างคริสที่กำลังเดินเข้ามาทางหน้าบ้าน

                “ อ้าว แล้วอี้ชิงล่ะ? ”

                “ โอ๊ยย มันถือกระเป๋ากลับบ้านย่าไปแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก มันบอกว่าไว้เดี๋ยวมันว่างๆ มันจะกลับมาเยี่ยม  กินต่อเหอะ ”

                “ ไม่ไหวแล้วพี่ ผมขึ้นนอนก่อนนะ ” ไคที่นอนท่าทางหมดสภาพได้สติขึ้นมาและพูดขึ้น

                “ งั้นเดี๋ยวฉันขึ้นไปส่งไคแล้วนอนเลยนะ นายก็นั่งกินกับคริสไปก่อน มีอะไรก็ขึ้นไปปลุกฉันแล้วกัน ”

     

     

    แบคฮยอนกล่าวและลุกขึ้นพยุงคิมไคที่กำลังพยายามลุกด้วยตัวเองแต่ก็ทำไม่ได้ เนื่องจากสมองส่วน Cerebellum ถูกทำลาย ทำให้เกิดอาการ Ataxia หรือการเซ ควบคุมการทรงตัวไม่ได้นั่นเอง ทำให้พวกเขาสองคนต้องบอกลาและขึ้นไปนอนก่อน และทิ้งให้คริสกับชานยอลนั่งดื่มกันต่อไป

     

                “ ฝันดีนะทุกคนนน ”






     

    อะไรคือการที่อี้ชิงต้องกลับบ้านกลางดึก
    แล้วชานยอลเห็นอะไรตอนมองเทากับยูรา?
    งง แล้วในกระเป๋าใบนั้นมีอะไร อยากรู้ก็ต้อง
    ติดตามกันต่อไปปปปปปปปปปปปปป
    ขอบคุณสำหรับทุกคนที่ติดตามม (ขอกำลังใจหน่อยยน้าาา)

    Vote

    CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×