ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดยุทธ์เทวมารป่วนยุทธภพ

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่2(ช่วยกันตั้งชื่อตอนหน่อยสิครับ)

    • อัปเดตล่าสุด 13 เม.ย. 56


    บทที่2 

                    7ปีต่อมา

                    เด็กชายคนหนึ่งวิ่งเล่นผ่านโถงทานเดินที่ปูพื้นด้วยผ้ากำมะหยีสีแดงบ่งบอกถึงความหรูหราด้วยท่าทางสนุกนานใบหน้ายิ้มแย้มเต็มอิ่มไปด้วยความสนุกสนาน เบื้องหลังของเด็กชายคนนี้ยังตามมาด้วยสองดรุณีสาววัยเดียวกันหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มน่ารักแบบเด็ก ปากนิด จมูกหน่อย ที่วิ่งไล่ตามกันมาอย่างติดๆ พวกเขาวิ่งไล่จับกันไปถึงห้องโถงกว้างห้องหนึ่ง ภายในห้องตกแต่งไปด้วยรูปภาพติดตามฝาผนังเรียงราย พร้อมด้วยเครื่องตกแต่งต่างๆไมว่าจะเป็นแจกันลายต่างสีสันสวยงาม หรือหยกแกะสลักที่เป็นรูปสัตว์ต่างๆตั้งอยู่ทั่ว ใจกลางห้องมีชุดโต๊ะไม้ที่แกะสลักเป็นรูปมังกรอย่างสวยงาม ที่ชุดโต๊ะไม้นี้นั่งเต็มไปด้วยชายวัยกลางคนสองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน ทั้งสองคนจดจ่อลงไปที่กระดานหมากล้อมที่ตั้งอยู่บนโต๊ะอย่างตรึงเครียดเหมือนกำลังทำสงครามอยู่ก็มิปาน   แต่เมื่อทั้งสองเห็นร่างสามร่างของพวกเด็กๆที่กำลังวิ่งซุกเข้ามาในห้องก็ทิ้งความตรึงเครียดที่มีต่อการเดินหมกมาสนใจเด็กทั้งสามแทน         

    ท่านพ่อพวกท่านกำลังทำอันใดกันหรือ เด็กชายที่วิ่งนำหน้ามากล่าวถาม

                    พ่อกับอาของเจ้ากำลังทำสงครามกันอยู่ ชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างกำยำใหญ่โตกล่าวตอบไปด้วยกับรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข

                    ท่านพ่อท่านกับท่านลุงกำลังทำสงครามอันใดข้าเห็นพวกท่านเอาแต่นั่งกันเฉยๆนิเจ้าคะหนึ่งในเด็กสาวที่วิ่งมากล่าวถามชายอีกคนที่มีรูปร่างสันทัด ไว้เคราแพะ ท่าทางเหมือนนักพรต

                    ฮ่าๆ เจ้าก็ไปฟังวาจาเหลวไหลของลุงเจ้าพ่อกับลุงเจ้าแค่เล่นหมากล้อมกัน หาใช่ทำสงครามอย่างลุงเจ้าว่าไม่” “ว่าแต่พวกเจ้าวิ่งมาหาพวกพ่อมีกิจอันใดรึ...หรือพวกเจ้าจะขอพ่อออกไปเที่ยวเล่นในป่าไผ่กันอีกชายวัยกลางคนอีกคนกล่าวตอบพร้อมกล่าวถามเด็กหญิง

                    หาใช่อย่างนั้นไม่ท่านอาเหยาหมิงเต๋อ แต่ที่เสี้ยวเทียน น้องเหมยและน้องไป๋หลิน มาหาพวกท่านเพราะพวกท่านแม่ให้มาบอกว่าอาหารเตรียมเสร็จแล้ว เด็กชายชิงกล่าวตอบแทน

                    ฮ่าๆพีจินเจิ้นเทียน ท่านกับข้าเล่นหมากล้อมกันจนลืมเดือนลืมตะวันเสียแล้ว สงสัยพวกเราจะแก่จนเลอะเลือนถึงขั้นให้ลูกๆมาตามไปกินข้าว ฮ่าๆ

                    น้องเราอย่ากล่าววาจาเหลวไหล ถ้าจะแก่ก็แก่แต่ตัวเจ้าเถิด ข้ายังมิยอมแก่ไปพร้อมกับเจ้า จินเจิ้นเทียนกล่าวตอบกลับไปยังผู้น้องของตนเองอย่าทันควันเมื่อได้ยินวาจาที่น้องตนเองกล่าวเหมารวมว่าตนเองแก่จนเลอะเลือน

                    ฮ่าๆพี่ท่านพวกเราอายุก็มาถึงขั้นห้าสิบกว่ากันแล้วท่านยังบอกว่าไม่แก่ได้อย่างไร เอาเถอะข้าไม่อยากเถียงกับท่านให้ยืดยาวพวกเราไปกินข้าวกันเถิดเดียวไปช้าพี่สะใภ้ใหญ่จะอารมณ์เสียใส่ท่านอีกนะ ฮ่าๆ

                เฮอะน้องเรา หลายสิบปีมานี้ข้าว่าฝีปากของเจ้ารุดหน้ามากกว่าฝีมือยุทธ์ของเจ้าเสียอีก ข้าว่าในยุทธภพตอนนี้ถ้านับเรื่องฝีปากเจ้าน่าจะเป็นที่หนึ่งในยุทธภพเสียแล้ว จินเจิ้นเทียนตะเบ็งเสียงกล่าวตอบพร้อมลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปพร้อมกับเด็กๆ  เหยาหมิงเต๋อได้ยินจินเจิ้นเทียนกล่าวเช่นนี้ก็ลุกขึ้นเดินตามจินเจิ้นเทียนไปพร้อมกล่าววาจาชมเชยแฝงในตำหนิตอบกลับไปแบบไม่ยอมแพ้ในศึกวาจาครั้งนี้

                    พี่ท่านก็กล่าวเกินไปไหนเลยที่ข้าจะสู้ฝีมือท่านได้ทั้งด้านฝีมือทางยุทธ์ ฝีมืออันกรุ้มกริ่มในการแทะโลมหญิงสาว  ข้าไหนเลยจะสู้ฝีมืออันร้ายกาจของพี่ท่านได้ ฮ่าๆ ...โอท่านอย่าโกรธไปละนี้ข้ากล่าวชมเชยท่านหาได้มีนัยแฝงไม่

                จินเจิ้นเทียนไม่อยากสาวความยืดเลยพูดตัดบทกับเหยาหมิงเต๋อไปว่าพอเถอะน้องเรา เอาเป็นว่าเราพ่ายแพ้ให้แก่เจ้าแล้ว

                ทั้งห้าร่างเมื่อเดินมาถึงโต๊ะอาหารก็พบว่าบนโต๊ะอาหารจัดแจงไปด้วยอาหารนานาชนิดสีสันสวยงามเต็มไปหมด เมื่อมาถึงโต๊ะอาหารกันพร้อมหน้าทั้งจินเจิ้นเทียน เหยาหมิงเต๋อ เหล่าฮูหยินของทั้งสอง และลูกของพวกเขาก็ลงมือรับประทานอาหารจนหมดสิ้น หลังจากที่ท่านหมดกินอาหารกันเสร็จสิ้นสาวรับใช้ภายในบ้านก็เก็บกวาดถ้วยจานบนโต๊ะจนหมด จินเจิ้นเทียนที่ตอนนี้กำลังใช้มือลูบหน้าท้องของตัวเองไปมาด้วยท่าทางที่มีความสุขมากๆที่ได้ใช้ชีวิตกินข้าวร่วมกันทุกวันอยู่กับครอบครัวกับน้องร่วมสาบาน จึงกล่าวขึ้นก่อนใครหลังจากไม่มีใครพูดจาระหว่างรับประทานอาหารเป็นเวลานานว่า

                    อืม... ชั่งมีความสุขเหลือเกิน ฝีมือในการทำอาหารของภรรยาและน้องสะใภ้เราฝีมือไม่ตกลงเลย ฮ่าๆ ถ้าได้ใช้ชีวิตกินอาหารฝีมือพวกเจ้าแบบนี้ตลอดไป ตายไปก็ไม่เสียดายชีวิตที่ได้เกิดมา ฮ่าๆ

                    ฟูจวิน(คำเรียกสามี)ท่านไหนเลยชมชอบใช้ชีวิตแบบนี้ตลอดไปหรือ...อย่าลืมนะว่าลูกๆของพวกเราต่อไปภายภาคหน้าต้องออกท่องยุทธภพจะจมปลักอยู่ที่นี้จนวันตายไม่ได้ เมื่อใดท่านคิดที่จะสอนวรยุทธ์ไห้กับพวกเขากันหนึ่งในฮูหยินทั้งหกของจินเจิ้นเทียนกล่าว

                    ใช่แล้วท่านพ่อ ที่แม่รองกล่าวถูกแล้วเมื่อใดท่านจะสอนวรยุทธ์ให้กับพวกเรากัน พวกข้าอยากเรียนเต็มทีแล้ว ข้าโตข้าจะได้ออกท่องยุทธภพได้อย่างไม่กลัวใครมารังแกจินเสี้ยวเทียนก้กล่าวถามย้ำผู้เป็นบิดาเพื่อเร่งให้บิดารีบสอนวิชายุทธ์ให้กับตนเอง      

                    หลานรักไม่ต้องรีบไปอากับพ่อเจ้าได้คิดค้นวิชาขึ้นมาใหม่สำหรับตัวเจ้าโดยเฉพาะ ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปเจ้าก็เริ่มมาฝึกพื้นฐานได้เลย แต่การฝึกจะหนักมากและแปลกไปจากของคนธรรมดาที่ฝึกยุทธ์ทั่วไป เจ้าจงเตรียมใจให้ดี ส่วนเหมยเอ๋อกับไป๋หลินเจ้าสองคนก็ฝึกยุทธ์ในอีกทาง  เสี้ยวเทียนอาขอย้ำว่าวิชานี้แนวทางการฝึกมันหนักหนามากอากับพ่อเจ้าคิดค้นมาก็ยังไม่ได้ลองฝึกกัน รอผู้เหมาะสมเพียงพอก็คือเจ้า ระหว่างการฝึกเจ้าอย่าได้ท้อถ่อย จงเชื่อมั่นในวิธีการฝึกที่อากับพ่อเจ้าจัดให้เข้าใจไม่เสี้ยวเทียนเหยาหมิงเต๋อกล่าวตอบแทนจินเจิ้นเทียนเมื่อเห็นว่าพี่ชายตัวเองยังยิ้มอย่างสบายใจเอามือลูบท้องไปมาไม่มีท่าทางจะตอบคำถามของฮูหยินรองและเสี้ยวเทียน

                ครับท่านอาข้าจะตั้งใจฝึกอย่างเต็มที่เลย แต่ก็น่าเสียดายที่ข้าต้องฝึกคนเดียวน่าเบื่อแย่เลยเห้อ.... จินเสี้ยวเทียนตอบกลับผู้เป็นอาด้วยท่าทางมั่นใจแต่เมื่อนึกถึงว่าต้องฝึกยุทธ์คนเดียว ไม่เหมือนกับน้องสาวกับคู่หมั่นของตัวเองที่ได้ฝึกร่วมกัน จึงคอตกอดเสียดายไม่ได้

                    จินเจิ้นเทียนได้ยินลูกตัวเองกล่าวดังนั้นจึงกล่าวตำหนิอย่างทันทีว่าเสี้ยเทียนเจ้าอย่าคิดว่าการฝึกยุทธ์เป็นเรื่องเล่นเรื่องสนุก....อืมแต่เจ้าก็ไม่ต้องเสียใจไปพ่อได้หาเพื่อนที่จะฝึกยุทธ์ไปพร้อมกับเจ้าไว้แล้วรับรองว่าเจ้าได้เห็นพวกมันเจ้าจะอยากฝึกยุทธ์ร่วมกับพวกมันเป็นแน่ แต่เจ้าไม่ต้องถามว่ามันเป็นใครพรุ่งนี้เจ้าจะได้รู้จักกับพวกมันเอง ฮ่าๆ   จินเสี้ยวเทียนได้ยินดังนั้นจึงดีใจกระโดดโลดเต้นเป็นการใหญ่  หารู้ไม่ว่าเพื่อนที่ฝึกยุทธ์ร่วมกับมันหาใช่มนุษย์เฉกเช่นเดียวกับมันไม่      

                    เหล่าฮูหยินทั้งหลายเมื่อเห็นท่าทางดีใจของลูกๆก็อดดีใจร่วมไปกับลูกไม่ได้ หารู้ไม่ว่าสามีของตนเองเตรียมการฝึกอันหนักหนาไว้กับลูกชายของตนเพียงใด เมื่อเหล่าฮูหยินเห็นว่าพรุ่งนี้เสี้ยวเทียนจะต้องเริ่มฝึกวรยุทธ์ในวันพรุ่งนี้ก็จัดแจงพาลูกๆเข้าห้องนอนเพื่อจะได้ตื่นเช้าขึ้นมาฝึกวรยุทธ์ 

     ส่วนทางด้านจินเจิ้นเทียนและเหยาหมิงเต๋อที่เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้วก้ปลีกตัวเดินออกมาจากหมู่ตึกลิขิตสวรรค์เข้าไปในป่าไผ่หลงทางส่วนด้านหลังหมู่ตึกเมื่อทั้งสองเดินออกมาจากหมู่ตึกประมาณหนึ่งลี้ก้ปรากฏให้เห็นเพิงพักหลังหนึ่ง ทั้งสองเดินเข้าไปในเพิงพักหลังนั้นซึ่งเพิงพักหลังนี้เป็นเพิงพักที่ทั้งสองได้จัดสร้างไว้นั้นเอง               

    พี่ท่านคิดจะใช้พวกมันฝึกปรือวิชายุทธ์ไปพร้อมกับเสี้ยวเทียนจริงหรือ แล้วท่านคิดว่าเสี้ยวเทียนจะทนฝึกได้นานซักเพียงใดเหยาหมิงเต๋อกล่าวถามจินเจิ้นเทียนพร้อมกลับจ้องมองไปที่เงาร่างสามร่างที่บัดนี้อยู่ตรงหน้ามันเงาร่างทั้งสามร่างนั้นหนึ่งคือเงาลักษณะกับคนนั่งอยู่บนคานหลังคาแท้จริงแล้วเงานี้คือเงาร่างของลูกนกอินทรีทองที่ถ้าโตเต็มไวจะมีขนาดใหญ่เท่ากับมนุษย์เลยทีเดียว  ส่วนอีกสองเงาร่างก็คือเงาร่างของลูกเสือขาวและเสือดำ อายุราวหนึ่งปีกว่าๆซึ่งถ้ามันโตเต็มวัยจะมีน้ำหนักเกือบหกร้อยชั่งและสูงเกือบสิบฟุตทีเดียว

    น้องเราเจ้ามันชั่งตั้งคำถามนัก เราเองก็ตอบไม่ได้ว่าเสี้ยวเทียนจะทนการฝึกได้นานแค่ไหน จะอดทนรอได้ไม่ วิชาที่พวกเราคิดค้นขึ้นเสี้ยวเทียนจะใช้ได้ไม่ก็ขึ้นอยู่กับจิตใจของเขาแต่ถ้าเขาสำเร็จวิชานี้ได้ ต่อให้เขาต้องการครอบครองโลกใบนี้ก็ย่อมเป็นไปได้บวกกับเจ้าสิ่งนั้นที่เราจัดสร้างขึ้นมาอีกยิ่งแล้วใหญ่ ฮ่าๆจินเจิ้นเทียนตอบเหยาหมิงเต๋อด้วยท่าทางมั่นใจในวิชายุทธ์ที่เขาร่วมคิดค้นขึ้นกับเหย๋าหมิงเต่อนั้นเอง

    แต่ข้ากลัวว่าร่างกายของเสี้ยวเทียนจะรับไม่ไหวนะท่านพี่  การที่คนเราจะฝึกลมปราณทั้งหยินหยางและลมปราณแนวทางมารกับแนวทางเซียนเข้าด้วยกันอาจทำให้ร่างแตกสลายได้เลยนะท่านเหยาหมิงเต๋อกล่าวออกไปด้วยความกังวลใจ

    อืมอันนั้นข้ารู้ดีน้องเรา ข้าจึงจะให้เสี้ยวเทียนฝึกแต่ร่างกายไม่ให้แตะต้องวิชายุทธ์ใดเลยเป็นอันขาดถึงสิบปีเพื่อปูพ้นฐานร่างกายไห้แข็งแกร่งรองรับพลังลมปราณเซียนเทวมารให้จงได้

    วิชาลมปราณเซียนเทวมารนั้นเป็นวิชาที่รวมแนวทางลมปราณทั้งทางมารและทางเซียนเข้าด้วยกันรวมถึงผู้ใช้จะฝึกลมปราณหยินหยางซึ่งคนธรรมดาปกติเขาจะเลือกฝึกอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างลมปรานหยินหรือหยางเพราะถ้าฝึกพร้อมกันแล้วร่างกายรับไม่ได้ก็จะระเบิดแตกเป็นเสี่ยงๆเลยทีเดียวแต่ทั้งสองยอดยุทธ์อาจเป็นเพราะสวรรค์เล่นตลกหรือว่านรกเล่นตลกหรืออย่างไร ทำให้สองคนนี้คิดแหวกฎคิดค้นวิชาลมปราณเซียนเทวมารนี้ขึ้นมา แต่ทั้งสองเมื่อคิดค้นขึ้นก็ไม่กล้าที่จะฝึกเนื่องจากพื้นฐานร่างกายไม่แข็งแกร่งพอ จึงจะใช้วิชานี้สืบทอดให้เสี้ยวเทียนเป็นคนฝึกคนแรก ซึ่งเคราะห์กรรมอันนี้ก็ตกมาอยู่ที่เสี้ยวเทียนโดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยเจ้าตัวคิดเพียงแต่ว่านี้คือวิชาที่พ่อและอาของตนเองคิดให้มันฝึกโดยเฉพาะเท่านั้น

    เช้าวันต่อมาเวลายามเบ้า(05.00-06.59)เสี้ยวเทียนตื่นจากการหลับใหล เมื่อเสี้ยวเทียนตื่นมันก็ลงมือล้างหน้าล้างตาเสร็จมันก็รีบวิ่งอย่างดีใจที่จะได้เริ่มฝึกยุทธ์จากบิดามันแล้วไปยังลานฝึกหน้าหมู่ตึกเมื่อมันวิ่งไปถึงก็พบว่าท่านพ่อและอาของมันรอคอยมันอยู่แล้วแต่ที่ทำให้มันประหลาดใจจนอึ้งตลึงยิ้มไม่ออก ก็คือเสือขาวเสือดำที่ที่ยืนเคียงข้างพ่อของมันเองและยังมีอินทรีทองอีกตัวที่เกาะอยู่บนบ่าของอาของมัน  มันตลึงอยู่พักใหญ่ก็เรียกสติกลับมาได้จึงกล่าวถามบิดามันไปว่า

     ทาทาท่านพ่อ ที่ว่าข้าจะมีเพื่อนฝึกยุทธ์คงไม่ใช่พวกนี้หรอกนะ

    ใช่แล้วลูกเราพวกนี้ละที่จะฝึกยุทธ์เป็นเพื่อนเจ้า พวกมันจะสู้เคียงบ่าเคียงไหล่เจ้า จะออกท่องยุทธภพไปกับเจ้าจินเจิ้นเทียนกล่าวตอบต่อลูกชายของตนเอง

    จินเสี้ยวเทียนได้ยินดังนั้นจึงฝืนยิ้มพลางกล่าวว่า ท่านพ่อล้อข้าเล่นใช่ไม่มันจะฝึกยุทธ์ไปพร้อมกับข้าได้อย่างไรมันเป็นเพียงสัตว์เดรัจฉาน อีกอย่างข้าว่าถ้าข้าฝึกยุทธ์ไปกับพวกมันไม่ทันสำเร็จยุทธ์พวกมันก็คงจับข้าไปกินเสียวแล้ว

    หลานเราเจ้าอย่าได้ดูถูกพวกมันเป็นอันขาด พวกมันสามารถฝึกยุทธ์ร่วมกับเจ้าบางทีพวกมันอาจเก่งกว่าเจ้าก็เป็นไปได้แต่สิ่งที่อากับพ่อเจ้าจะฝึกให้เป็นแค่พื้นฐานของวิชายุทธ์ก่อนนั้นคือฝึกฝนร่างกายหลังจากนี้พวกมันจะวิ่งขึ้นเขาลงเขากับเจ้าทุกวันวันละยี่สิบลี้และเพิ่มขึ้นเดือนละสิบลี้ไปเรื่อยๆหลังจากที่เจ้าฝึกวิ่งเสร็จเจ้าก็ต้องกลับมาถือไหน้ำที่ใส่น้ำจนเต็มถังโดยเจ้าจะต้องย่อตัวตัวงอเขาเหมือนกับนั่งอยู่บนเกาอี้แขนยืดตรงเป็นเวลาวันละสองชั่วยามและทุกหนึ่งเดือนจะเพิ่มขนาดของไหน้ำด้วย เหยาหมิงเต๋ออธิบายกล่าเสริมวิธีการฝึกให้แก่จินเสี้ยวเทียนฟังอย่างละเอียด

    จินเสี้ยวเทียนฟังแล้วก็ต้องรีบกล่าวโพล่งขึ้นมาว่ามันใช่การฝึกของคนจริงๆหรือท่านอาแล้วขาจะไม่ตกตายไปก่อนหรือ ข้าว่าข้าตายแน่ๆเลยข้าทำไม่ได้หรอก

    ลูกพ่อฟังคำพ่อไว้ ไม่มีสิ่งใดที่คนเราทำไม่ได้มีแต่จะลงมือทำในสิ่งนั้นรึไม่ และเจ้าอย่าท้อถอยในการฝึกเด็ดขาดเจ้าต้องจิตใจตั้งหมั่นว่าจะฝึกให้สำเร็จให้จงได้

    ครับท่านพ่อลูกจะฟังคำที่พ่อสอนให้ขึ้นใจเอาละงั้นเริ่มมาวิ่งกันเลยละกัน

    เดียวลูกพ่อก่อนเจ้าจะวิ่งเจ้าต้องใส่ชุดพวกนี้ที่พ่อจัดทำให้เจ้าเป็นพิเศษก่อน จินเจิ้นทียนกล่าวพลางยื่นมือสองข้างที่ถือชุดบวกกับเหล็กสีดำสนิทที่ดูแล้วคล้ายกำไรข้อมือ ข้อเท้าแล้วก็สร้อย จินเสี้ยวเทียนเห็นดังนั้นจึงหยิบชุดที่บิดายื่นให้จะเอามาใส่แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อหยิบจับชุดชุดนั้นกลับมีนำหนักที่มากเป็นพิเศษดั่งถือก้อนหินก้อนใหญ่ก็มิปาน  เมื่อเสี้ยวเทียนจัดแจงใส่ชุดนั้นเรียบร้อยก็ได้รู้ความว่าชุดนี้เย็บร้อยเข้าด้วยเหล็กหนาทั้งชุดเหมือนชุดเกราะร้อยเข้าชุดของทหารมองโกล ยิ่งไปกว่านั้นจินเสี้ยวเที่ยนยังต้องใส่บรรดากำไลข้อมือขอเท้า สร้อยคอ ที่ทำจากเหล็กอีกเพื่อถ่วงน้ำหนักตามจุดต่างๆของร่างกาย

    อืมลูกพ่อเจ้าใส่ได้พอดีใช่ไม่  พ่อขอบอกเจ้าไว้ก่อนถ้าเจ้าเริ่มวิ่งห้ามหยุดจนกว่าจะลงเขาไปถึงจุดที่พ่อกำหนดและวิ่งกลับมา อย่าลืมละห้ามท้อถอยเด็ดขาดเพราะเพียงแค่นี้เจ้าก็ท้อถ่อยต่อไปภายภาคหน้าเจ้าก็จะมีปัญญาไปทำไรได้ อย่าว่าแต่อะไรเลยปกป้องน้องสาวและคู่มั่นคู่หมายเจ้าให้รอดพ้นจากพยัคฆ์สองตัวนี้ยังยากยิ่งอีกเรื่องหนึ่งพ่อขอบอกเจ้าไว้ก่อน ทุกหนึ่งเดือนไม่ได้เพิ่มแค่ระยะทางแต่จะเพิ่มน้ำหนักของเหล็กถ่วงตัวเจ้าด้วยจินเจิ้นเทียนกล่าวเชิงกดดันลูกตัวเองเพื่อเพิ่มแรงผลักดันให้จินเสี้ยวเทียน

    พี่ท่านอย่ากล่าววาจาข่มขู่หลานมากเกิน เดียวหลานก็กลัวจนไม่ฝึกยุทธ์กันพอดีเอออีกอย่าง สัตว์ทั้งสามตัวนี้ยังไม่มีชื่อเจ้าตั้งชื่อให้มันหน่อยเป็นไงเสี้ยวเทียนเหยาหมิงเต๋อกล่าวเพื่อดึงความสนใจของจินเสี้ยวเทียนมาที่สัตว์สามตัวแทน เพื่อไม่ให้วิตกกังวลกับการฝึกมากเกินไป

    อินทรีทองตัวนี้ดูแล้วรูปร่างปราดเปรียว งั้นข้าขอเรียกเจ้าว่าเจ้าสายฟ้าละกัน จินเสี้ยวเทียนหันไปพูดกับนกอินทรีที่เกาะอยู่บนบ่าเหยาหมิงเต๋อ เมื่อจนเสี้ยวเทียนกล่าวจบเหมือนเจ้านกอินทรีทองฟังภาษาคนออกก็มิปานมันสยายปีกออกแล้วโผล่บินมาเกาะที่จินเสี้ยวเทียนแทน จินเสี้ยวเทียนเห็นดังนั้นจึงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่เจ้านกอินทรี พอใจในชื่อที่มันตั้งให้ พร้อมกับใช้มือโอบตัวนกอินทรีไปลูบหัวมันอย่างสนิทสนม ส่วนพวกเจ้าอีกสองตัวข้าเรียกว่าเจ้าดำเจ้าขาวตามสีของพวกเจ้าก็แล้วกัน จินเสี้ยวเทียนกล่าวสืบต่อจากตั้งชื่อให้อินทรีทอง

    ฮ่าๆสมเป็นลูกของท่านพี่กับฮูหยินใหญ่จริงฉลาดหลักแหลมตั้งชื่อดูแล้วง่ายๆแต่เข้ากับลักษณะของพวกมันเหยาหมิงเต๋อกล่าวชมเชย

    จินเจิ้นเทียนจึงกล่าวเสริมว่ามันแน่อยู่แล้วสงสัยเชื้อพ่อมันแรง ฮ่าๆ...เอาละหยุดกล่าววาจาเหลวไหลแล้วมาเริ่มกันฝึกให้เสี้ยวเทียนกันเถอะ

    ถ้านั้นข้าออกวิ่งเลยละกันท่านพ่อว่าแต่เจ้าขาวกับเจ้าดำและสายฟ้ามันจะฝึกพร้อมข้ายังไงละจินเสี้ยวเทียนกล่าวถามอย่างสงสัย

    อืม ไม่ใช่ว่าจะฝึกพร้อมเจ้าแท้จริงแล้วทั้งสามตัวนี้มันจะวิ่งไล่เจ้ากับบินจิกหัวเจ้าต่างหากเพื่อให้เจ้าใช้ความเร็วที่เร็วที่สุดของเจ้าวิ่งหนีพวกมันและอีกอย่างเจ้าจะได้ไม่หยุดพักด้วยฮ่าๆ

       จินเสี้ยวเทียนได้ยินดังนั้นก็ลอบแอบด่าทอผู้เป็นบิดากับอาตัวเองอยู่ในใจ ครุ่นคิดไปมาว่านี้ใช่การฝึกจริงๆหรือมันคือการทรมานให้ตายทั้งเป็นมากกว่าเฮอะข้าไม่น่ารีบขอให้พวกท่านฝึกยุทธ์ให้เลยรู้นี้ข้าวิ่งเล่นไปวันๆเหมือนดั่งแต่ก่อนยังดีเสียกว่าอีก ข้าอยากรู้นักตอนพวกท่านฝึกจะฝึกแบบนี้นี้กันรึไม่ คอยดูกลับถึงบ้านข้าจะไปฟ้องแม่ใหญ่ว่าพวกท่านแกล้งข้าฮ่าๆ จินเสี้ยวครุ่นคิดพลางยิ้มพลางแต่ครุ่นคิดได้ไม่นานก็ พลันได้ยินเสียงจากผู้เป็นบิดาว่าไปได้จินเสี้ยวเทียนได้ยินดังนั้นออกจากพวังการครุ่นคิดเหลือบมามองเห็นสองพยัคฆ์เจ้าดำกับเจ้าขาวที่กำลังกระโจนเข้าหาตัวเองมันจึงต้องจำใจวิ่งหนีลงเขาอย่างสุดชีวิต ไม่เพียงแต่จะโดนไล่จากทางด้านหลังทางด้านบนก้ต้องคอยหลบการโฉบไปโฉบมาของเจ้าสายฟ้าด้วย มันวิ่งจนสุดชีวิตไม่คิดสิ่งใดทั้งสิ้น จนลืมเลยว่าตนเองใส่ชุดที่ทำจากเหล็กที่หนักกว่าสามสิบชั่งอยู่

    เมื่อมันวิ่งลงเขาเป็นระยะทางสิบลี้ตอนนี้ทั่วตัวมันเต็มไปด้วยเหงื่อเหมือนกับมันไปกระโดดลงเล่นน้ำมาก้มิปาน มันคิดจะพักแต่ก็พักไม่ได้เพราะเจ้าสามตัวมันไม่ยอมให้มันหยุดพักเลยมันจึงจำใจสาวเท้าวิ่งต่ออย่าจำใจแต่การวิ่งลงเขานั้นว่าเหนื่อยแล้วการวิ่งขึ้นเขาเหนื่อยกว่าเป็นสองเท่าสามเท่ามันวิ่งได้เพียงครึ่งระยะทางมันก็ถึงกับเป็นลมฟุบลง  เจ้าขาวเห็นนายตัวเองฟุบลงไปนอนกับพื้นมันจึงคาบจินเสี้ยวเทียนขึ้นมาแล้ววิ่งกลับขึ้นไปบนเขาเพื่อไปหาจินเจิ้นเทียนกับเหยาหมิงเต๋อที่ตอนี้กำลังเล่นหมากล้อมกันอย่างสบายอกสบายใจ หารู้ไม่ว่าเสี้ยวเทียนเป็นลมไปแล้ว  เมื่อเจ้าขาวพาตัวจินเสี้ยวเทียนมาถึงจินเสี้ยวเถียนถึงกับตกใจโพล่งยืนขึ้นกระโจนเข้าไปหาร่างของจินเสี้ยวเทียนทันที สิ่งที่มันกลัวหาไช่กลัวจินเสี้ยวเป็นไรไม่เพราะมันย่อมรู้ว่าสัตว์ทั้งสามที่มันฝึกมากับมือฝีมือเก่งกาจเพียงพอที่ป้องกันอันตรายให้กับจินเสี้ยวเทียนได้อย่าว่าแต่ปกป้องอันตรายจากสัตว์ป่าด้วยกันแม้เป็นอันตรายจากชาวยุทธ์ก็ไช่จะสู้พวกมันได้ แต่สิ่งที่มันกลัวกลับเป็นกลัวจินเสี้ยวเทียนไม่ฟื้นคืนสติก่อนยามอิ๊วซึ่งเป็นเวลาที่ฮูหยินใหญ่จะกลับมาจากออกไปตรวจกิจการของพรรคลิขิตสวรรค์ เพราะมันย่อมรู้ในฤทธิ์เดชของนางดี นางที่เป็นแม่ของจินเสี้ยวเทียนเป็นภรรยาของมันนี้ก็ใช่ใครอื่นนางคือเฟิ่งเหม่ยเหนียงลูกสาวของประมุขตำหนักหงส์ทักษิณที่ได้รับการกล่าวขานจากคนทั่วแผ่นดินจงหยวนว่าสกุลเฟิ่งเป็นสกุลที่เก่งกาจเรื่องวิชาการแพทย์เป็นหนึ่งในยุธภพ และวิชาพิษเป็นรองแค่ตระกูลถังเพียงตระกูลเดียว

    และตำหนักทักษิณยังเป็นตำหนักที่เก็บรักษาน้ำตาหงส์แดง ซึ่งมีสรรพคุณในการรักษาบาดแผลและแก้พิษทุกชนิด แต่ถ้าคนธรรมดาไม่บาดเจ็บได้ดื่มกินน้ำตาหนึ่งหยดก็จะเพิ่มพลังภายในให้กว่า120ปีเลยทีเดียวซึ่งนางก็ได้รับการถ่ายทอดวิชาการแพทย์วิชาพิษมาจากบิดา แต่วิชาที่นางถนัดที่สุดก็คือวิชาบังคับอาวุธบินที่ไปมาไร้ร่องรอย แถมนางยังได้แอบดื่มกินน้ำตาหงส์แดงไปถึง2หยด ทำให้นางมีพลังลมปราณภายในถึง240ปีทีเดียว กล่าวได้ว่านางคือสตรีที่สวยและฝีมือยุทธ์ลำเลิศที่สุดในยุคนั้นก็เป็นไปได้ ซึ่งถ้านางโกรธขึ้นมาก็ไม่ต้องพูดถึง ว่าพลังทำลายล้างของนางจะขนาดไหน จนผู้คนขนานฉายานางว่า นางมารหงส์สวรรค์เลยทีเดียวทั่งที่ตำหนักหงส์ทักษิณอยู่ในฝ่ายธรรมมะและเดินในแนวทางธรรมะตลอด จนไม่มีใครคิดที่จะกล้าตบแต่งนางมาเป็นภรรยาแต่ก็มีผู้อาจหาญเสี่ยงตายไปกล้าแทะลมนางจนได้นางมาเป็นภรรยาก็มีเพียงผู้เดียวคือจินเจิ้นเทียนนั้นเอง

    น้องเราจะทำยังไงดี ถ้าเหม่ยเหนียงกลับมาแล้วเห็นสภาพเสี้ยวเทียนแบบนี้นางได้อาละวาดบ้านแตกเป็นแน่จินเสี้ยวเทียนกล่าวถามเหยาหมิงเต๋อด้วยความร้อนใจ

    เห้อ ข้าก็บอกท่านแล้วเด็กอายุ7ขวบให้มารับชุดหน้ำหนัก30ชั่งวิ่งขึ้นลงเขาระยะทาง20ลี้ไม่ตายก็บุญโขแล้วท่าน ข้าว่ารอดูไปสักพักเดียวเสี้ยวเทียนก็คงฟื้น แต่ถ้าไม่ฝึกหนักก็มิอาจรองรับพลังลมปราณเซียนเทวมารได้อีก สงสัยงานนี้ท่านต้องรับศึกหนักจากพี่สะใภ้ใหญ่ซะแล้วละ ฮ่าๆเหยาหมิงเต๋อกล่าวตอบจินเจิ้นเทียนเมื่อสำนึกได้ว่าตัวเองกับพี่ชายฝึกหนักให้กับเสี้ยวเทียนมากเกินไป

    น้องเราเจ้ายังจะมาหัวเราะอีก ถ้าข้าโดนเจ้าก็ต้องโด.. จิ้นเจิ้นเทียนกล่าวไม่ทันจบก็บังเกินเสียงแทรกขึ้นมาดังมาจากร่างที่เขาโอบอุ้มอยู่นั้นเอง   

    ท่านพ่อข้ายังไหว ข้าจะฝึกต่อ

    เสี้ยวเทียนลูกพ่อเจ้าฟื้นแล้ว เจ้าจะฝึกต่อได้ยังไงดูสภาพเจ้าสิ ไปเดียวพ่อจะพาเจ้ากลับหอลิขิตสวรรค์ไปพักผ่อน จิยเจิ้นเทียนกล่าวบอกต่อจินเสี้ยวเทียน

    ท่านพ่อท่านบอกข้าเองไม่ไช่หรือว่าให้ตั้งใจตั้งมั่นไม่ท้อถอยต่อการฝึก แล้วไมท่านตอนนี้กับมาบอกให้ข้าไปพักละ จินเสี้ยวเทียนกล่าวบอกต่อผู้เป็นบิดาด้วยแววตามุ่งมั่นที่จะฝึกต่อ

    ฮ่าๆๆ นี้สิถึงสมกับเป็นลูกข้ากับนางมารหงส์สวรรค์ ดีถ้านั้น เจ้าก้จงฝึกต่อแต่ให้สัญญากับพ่อหนึ่งข้อ

    สัญญาอันใดกันท่านพ่อ บอกกล่าวมาได้เลยจินเสี้ยวเทียนกล่าวถามผู้เป็นบิดาด้วยความสงสัย

    อย่าบอกเรื่องฝึกนี้ให้แม่เจ้ารู้เป็นอันเด็ดขาดเข้าใจไม่จิ้นเจิ้นเทียนกล่าวบอกต่อเสี้ยวเทียนเป็นเชิงตะคอกใส่

                    ได้ครับข้าสัญญาสิ้นเสียงของจินเสี้ยวเทียนทั้งสามก้มองหน้ากันและกันก็พลันหัวเราะขึ้นมาพร้อมกันเหมือนกับว่าต่างรู้ใจของอีกฝ่ายว่าคิดสิ่งใดกันอยู่

                    หลังจากที่จินเจิ้นเทียนรอให้จินเสี้ยวเทียนพักผ่อนระหว่างนั้นก็ได้ไปเตรียมอุปกรณ์การฝึกต่อไปนั้นก้คือไหที่ใส่น้ำไว้เต็มนั้นเอง  จินเสี้ยวเทียนได้พักเหนื่อยเป็นเวลาครึ่งชัวยามก็ได้ลงมือฝึกกำลังแขนด้วยการถือไหที่มีน้ำเต็มไห โดยการทำท่าร่างเหมือนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ ยืดแขนทั้งสองข้างเหยียดตรงให้ขนานกับพื้น ซึ่งถ้าแขนเริ่มงอเมื่อใดก้จะโดนทำโทษโดยเจ้าสายฟ้าที่จะมาโฉบมาจิกหัวมันทันที มันยืนด้วยท่าร่างการฝึกเป็นเวลาสองชั่วยามมันจึ้งหยุดพักเป็นเวลา อีกหนึ่งชั่วยามเพื่อรับประทานอาหารเที่ยงและรอให้อาหารย่อยเพื่อฝึก ร่างกายขั้นต่อไปต่อ หลักจากพักเสร็จการฝึกขั้นต่อมาก็คือการ ฝึกยกท่อนเหล็กหนัก โดยการฝึกจะแบ่งเป็นฝึกยกด้วยมือ ยกด้วยคอ ก็คือใช้เชือกผูกกับท่อนเหล็กแล้วกัดเชือกยกของสิ้นนั้นขึ้นแล้วลง แล้วก็ขา ทุกส่วนยกสิ่งของขึ้นลงเป็นจำนวน100รอบ กว่าจินเสี้ยวเทียนจะทำเสร็จก็กินเวลาไปถึงยามอิ๊ว(17.00-18.59)พอดี ซึ่งเป็นเวลาที่แม่ใหญ่ของมันกลับมาจากตรวจการกิจการของพรรคลิขิตสวรรค์พอดี  เฟิ่งเหม่ยเหนียงเมื่อเห็นสภาพร่างกายลูกก็ต้องตกใจ เพราะเนื้อตัวมอมแมมเต็มไปด้วยเหงื่อที่ชโลมร่างกาย จึงอดถามไม่ได้ว่า

                ลูกแม่ พ่อเจ้าฝึกสิ่งใดไห้กับเจ้ากันทำไมถึงมอมแมมดูไม่ได้ถึงขนาดนี้ บอกแม่มาซะดีดี   

                ป่าวเลยท่านแม่ ท่านพ่อฝึกข้าแบบธรรมดาแต่ที่ข้ามอมแมมเพราะข้าไปวิ่งซนมาจินเสี้ยวเทียนกล่าวปัดมารดาของตนไป

                    นั้นก็แล้วไป แม่จะเชื่อคำที่เจ้าพูด นี้ก็เย็นมากแล้วเจ้าไปอาบน้ำอาบท่าซะเถิด จะได้มากินข้าวกินปลาพวกแม่รองของเจ้าคงเตรียมอาหารไว้เสร็จแล้ว

                จินเสี้ยวเทียนจึงลามารดาเพื่อไปอาบน้ำเช็ดเนื้อเช็ดตัวหลังจากอาบน้ำเสร็จมันก็มาที่โต๊ะอาหารซึ่งทุกคนต่างรอมันอยู่ พอมันมาถึงทุกคนก็ลงมือรับประทานอาหารกันแต่บรรยากาศในโต๊ะอาหารวันนี้แปลกไปจากทุกวันเพราะเหมือนมีรังสีฆ่าฟัน ออกมาจากฮูหยินใหญ่ ที่ตอนนี้กำลังจ้องมองจินเจิ้นเทียนตาเป็นมัน จินเจิ้นเทียนเห็นดังนั้น จึงหลบหน้ามองไปทางจินเสี้ยวเทียนเพื่อหาคำตอบว่าทำไมแม่ใหญ่ของมันจึงจ้องพ่อตาเป็นมัน แต่กลับได้คำตอบเป็นการส่ายหน้าของจินเสี้ยวเทียนแทน  เมื่อจินเสี้ยวเทียนกินอาหารเสร็จมันรีบเข้านอนเพื่อเก็บแรงไว้ฝึกในวันพรุ่งนี้อีก ซึ่งมันก็ฝึกหนักอย่างวันนี้ทุกๆวันและทวีความโหดขึ้นเรื่อยๆ
    ...................................................................................................................................................................................................................................
    บทนี้จัดไป6หน้าเต็มเพิ่มจากบทที1  2หน้า ส่วนบทที่3มาช้ามาไว ขึ้นอยู้กับยอดวิวเลยนะเออ ยอดวิวเป็นที่น่าพอใจเดียวพรุ่งนี้เขียนให้ตอนเรียนพิเศษเลยนะเออ เอาแบบว่าการเรียนไม่สนใจไปเลย - -*
    ที่อัพไวเพราะดีใจเห็นยอดวิวขึ้น100+กับวันอาทิตย์ว่างไม่เรียนพิเศษเลยรีบเขียน แล้วรีบลงให้ภายใน1วันเลยทีเดียว
    **ตอนนี้พี่แก่ฝึกยุทธ์ยังกับฝึกมวยไทย หรือฝึกหน่วยรบพิเศษรีคอน เลย55+
    ช่วยกันคอมเมนเยอะๆๆนะครับสนุกไม่สนุกยังไงด่าได้เต็มที่55ผมจะได้ไปปรับปรุงตัวซะใหม่
    ปล.ช่วยกันคิดชื่อตอนหน่อยครับ คิดไม่ออก55+

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×