ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ระบำอารมณ์

    ลำดับตอนที่ #7 : ความแตกต่างใต้ฟ้าอันเดียวกัน

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 158
      0
      28 ก.พ. 60



    ตอนที่ 6  ความแตกต่างภายใต้ฟ้าอันเดียวกัน

    ที่ประเทศอังกฤษภูริชถูกพาตัวไปที่คลินิกแห่งหนึ่ง หลังจากหมอตรวจเช็กอาการเสร็จแล้วจึงให้ทานยาและให้นอนพักผ่อนเพื่อรอดูอาการ จากนั้นราวหนึ่งชั่วโมงจึงจัดยาแล้วอนุญาตให้กลับได้เพราะว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก นอกจากยังมึนเมาเป็นเพราะดื่มเบียร์เข้าไปในปริมาณมาก และตอนนี้ไข้ก็ลดต่ำลงไปมากแล้ว ปนาลีช่วยประคองพาร่างสูงโปร่งของภูริชขึ้นมาจนถึงห้องพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอน หลังจากช่วยถอดเสื้อโค้ตสีเทาตัวหนาออกไปพาดไว้กับพนักโซฟา แล้วประคองให้เขาเอนตัวลงนอนเกยศีรษะไว้กับพนักวางแขนโดยมีหมอนมารองรับไว้

              นอนพักก่อนเถอะ เดี๋ยวพอตื่นขึ้นมาคุณคงรู้สึกดีมากขึ้นกว่านี้

              คุณจะกลับแล้วเหรอปนาลี

    คนป่วยนอนตาละห้อยพูดเสียงแหบพร่า เขามองหญิงสาวที่ยืนอยู่ไม่ห่างนักอย่างตัดพ้อ ขณะเดียวกันก็นึกโกรธตัวเองหลังจากเกิดเรื่องวันนั้นเขาไม่ได้แสดงความรับผิดชอบ พอหายเมาก็แยกย้ายกันไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เธอคงไม่คิดเหมือนเขาและคงไม่คิดเพียงเท่านั้น เธอจึงไม่กล้าติดต่อภูบดินทร์ทั้งที่เป็นคนรักกัน พอกลับไปถึงเมืองไทยเขาละอายใจกับสิ่งที่ได้ทำลงไปจากความมึนเมาและรู้สึกสงสารและเห็นใจเธอมาก จึงโทรศัพท์มาง้องอนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนวันนี้เธอก็ยังไม่ยอมใจอ่อน

              ยังค่ะ จนกว่าฉันจะโทรสั่งอาหารมาไว้ให้คุณทานหลังจากตื่นขึ้นมาเสียก่อน ปนาลีพูดน้ำเสียงเย็นชาเสียจนคนป่วยอยากจะกลั้นใจตายให้กับความใจแข็งของเธอ ภูริชยันกายลุกขึ้นมานั่งแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ สีหน้าเขาซีดเซียวท้อแท้เหมือนคนสิ้นหวัง กระนั้นก็ยังแข็งใจพูดในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้

              ปนาลี ผมควรจะทำยังไงให้คุณลืมเรื่องที่ผ่านมา ลืมภูบดินทร์เพื่อที่คุณกับผมจะได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง

              คุณไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น คุณก็กลับไปอยู่ในส่วนของคุณฉันก็จะอยู่ในส่วนฉัน เราไม่มีอะไรที่ต้องเกี่ยวข้องกัน แต่ว่าตอนนี้คุณควรจะนอนพักผ่อนได้แล้วเพราะว่าคุณกำลังไม่สบายปนาลีว่าพลางดันหัวไหล่หนาของเขาให้ล้มตัวลงนอนแต่คนป่วยก็ดื้อไม่แพ้กัน เขาผละออกแล้วเดินโซเซไปเปิดตู้เย็นหยิบเบียร์กระป๋องออกมางัดห่วงออก เปิดฝาแล้วยกขึ้นจ่อปากดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง

              “อย่าทำแบบนี้ได้ไหมคะ คุณกำลังไม่สบายนะ ปนาลีดุ ตามมายื้อแย่งแต่เขาก็ไม่ยอมปล่อย

              ไม่ต้องมายุ่งกับผม ในเมื่อเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน คุณก็กลับไปเสียเถอะปนาลี

              โอ๊ย!”

              ปนาลี! เจ็บมากหรือเปล่า ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณเจ็บ

    ภูริชร้องครางเขาอยากเจ็บแทนเธอเหลือเกิน เมื่อเห็นเลือดหยดสีแดงติดปลายนิ้วทันทีเมื่อเธอชักมือออก เธอคงถูกห่วงจับที่ยังไม่หลุดออกจากกระป๋องบาดนิ้วระหว่างที่กำลังยื้อยุดแย่งกัน เขารีบฉวยมือบางขึ้นมาดูใกล้ๆ แล้วดูดนิ้วข้างที่เจ็บเพื่อช่วยห้ามเลือดตามวิธีโบราณดั้งเดิมอย่างไม่นึกรังเกียจ ก่อนจะประคองพาเธอไปล้างมือภายในห้องน้ำแล้วกลับมานั่งที่โซฟา โดยมีเขานั่งอยู่ไม่ห่างและยังกุมมือข้างที่เจ็บของเธอไว้ไม่ยอมปล่อย

    ความห่วงหาเอื้ออาทรทั้งๆ ที่เขาเองก็ไม่ค่อยสบายหน้าตายังซีดเซียวอยู่ ปนาลีรู้สึกตื้นตันใจและปลาบปลื้มจนน้ำตาคลอ หัวใจเธอที่เขามองว่าเข้มแข็ง ความจริงแล้วเขาไม่รู้หรอกว่าเธอหวั่นไหวมากแค่ไหน ความเหมือนกันทางกายภาพของพี่น้องฝาแฝดทำให้เธอแอบคิดว่าความจริงแล้ว

    ภูบดินทร์ยังอยู่ใกล้ๆ เธอเสมอ

              ยังเจ็บอยู่อีกหรือเปล่า ภูริชเอ่ยถามด้วยความห่วงใย

              ฉันไม่เป็นอะไรหรอก คุณนอนพักผ่อนเถอะฉันจะกลับแล้ว ปนาลีชักมือออกพลางขยับตัวจะลุกขึ้นยืน แต่ร่างบางของเธอก็ถูกเหนี่ยวรั้งไว้ทั้งตัวด้วยอ้อมแขนเคร่งครัดของภูริช น้ำเสียงแหบแห้ง ความร้อนจากพิษไข้แผ่ออกมาตามร่างกายเมื่อถูกเขาโอบกอดเธอไว้ทั้งตัว ความแข็งขืนจากหญิงสาวผิวขาวสะอาดรูปร่างสมส่วนจึงลดลงเมื่อได้ยินคำออดอ้อนของเขา

              “ผมยังไม่หายดีเลยปนาลี ช่วยอยู่เป็นเพื่อนผมก่อนได้ไหม ถ้าผมเป็นอะไรไปจะได้มีคนช่วยส่งข่าวไปบอกพ่อแม่ของผมที่เชียงใหม่

              ปล่อยค่ะ ก็ได้ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนต่อไปอีกสักพัก แต่ตอนนี้คุณควรนอนพักผ่อนได้แล้ว ถ้าไม่อยากให้ฉันกลับไปในตอนนี้เลย ปนาลีหมุนตัวกลับมาแล้วเบี่ยงตัวออก เธอเค้นเสียงและทำตาดุใส่เขาตอนท้ายประโยคอย่างรู้สึกไม่สบายใจ เมื่อได้ยินเขาพูดอะไรที่เหมือนเป็นลางร้ายให้กับตัวเอง แสดงว่าเธอเป็นห่วงเขามากเลยใช่ไหม เธอถามตัวเองอยู่ในใจ มือใหญ่อุ่นๆ คว้ามือบางนุ่มขึ้นไปกุมไว้แล้วเปิดยิ้มกว้างด้วยความดีใจ และมันก็ช่วยทำให้ใบหน้าซีดเซียวของคนไม่ค่อยสบายของเขาดูหล่อเหลาราวเทพบุตรขึ้นมาทันตา ภูริชเป็นคนมีเขี้ยวเขาจึงมีเสน่ห์มากเวลาที่ยิ้ม

              ขอบคุณมากปนาลี คุณสัญญาได้ไหมว่าเมื่อผมตื่นขึ้นมาแล้วจะยังเห็นคุณภูริชพูดเสียงทุ้มดวงตาคมมีประกายกล้าคู่นั้นหรี่มองดวงหน้าเรียวสวยได้รูปของปนาลีด้วยความวิงวอน ครั้นเธอพยักหน้าช้าๆ แทนคำตอบเขาจึงเอนตัวลงนอนเหยียดยาวอีกครั้งแล้วหลับตาลงอย่างเริ่มมีความหวัง

     

    เช้าวันถัดมาบรรยากาศตึงเครียดตั้งแต่อยู่ภายในรถไม่มีใครมองหน้า ไม่มีใครเอ่ยทักทายใครจนกระทั่งถึงที่ทำงาน หากหญิงสาวที่เป็นเลขาฯ ก็ยังทำหน้าอย่างที่เคยทำอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เธอถือกระเป๋าแล็ปท็อปเดินตามเจ้านายจากหน้าสำนักงานจนกระทั่งขึ้นลิฟต์มาถึงยังชั้นที่ทำงาน ก่อนจะนำไปวางบนโต๊ะทำงานเปิดออกมาแล้วเสียบปลั๊กให้จนเรียบร้อยจึงเดินออกไปเงียบๆ

    ภูบดินทร์นั่งกอดอกเอนหลังพิงพนักเก้าอี้เขามองตามไหล่มนสอบลงไปจนถึงสะโพกกลมกลึงสวยได้รูปของเลขานุการสาว วันนี้เธอแต่งกายสวยงามเรียบร้อยไม่ชะเวิบชะวาบ ยังคงมาทำงานและทำหน้าที่ได้เหมือนเดิมจนเขารู้สึกทึ่ง เธอเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่และมีความรับผิดชอบต่อตัวเองได้ดีระดับหนึ่ง ถึงแม้เธอจะกลับมาทำงานตามเดิมแต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนเดิม นั่นคือเธอกำลังใช้ความเงียบทำสงครามเย็นกับเขา และเจ้าความเงียบนี่แหละภูบดินทร์ยอมรับว่ามันบีบคั้นหัวใจเขาเหลือเกินจนบางครั้งเขาเหมือนจะหายใจไม่ออก เขาอยากให้เธอด่ากราดสาดเสียเทเสียหรือต่อว่ารุนแรงยังดีเสียกว่าหัวสมองเขาจะได้โล่งๆ ไม่ปวดหนึบจนแทบจะระเบิดเหมือนในเวลานี้

    คุณพ่อมาพบคุณภูบดินทร์หรือคะ?” ชญานินเอ่ยทักทายผู้เป็นพ่อเสียงสั่นนิดๆ เริ่มหวาดระแวงคำขู่ของเขา อีกทั้งอารมณ์เธอยังอ่อนไหวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ครั้นเห็นบิดาเดินตรงเข้ามาหน้าห้องทำงานของภูบดินทร์แทนที่จะเป็นห้องที่จัดไว้สำหรับการสัมมนาเพิ่มพูนทักษะขบวนการจัดการและวิธีการแก้ไขปัญหาของฝ่ายบริหารซึ่งจัดขึ้นที่ออฟฟิศในกรุงเทพฯ

    เปล่า พ่อไม่ได้จะมาพบภูบดินทร์ วันนี้พ่อมาถึงเร็วและยังพอมีเวลาก็เลยตั้งใจแวะมาบอกเจสซี่ให้เตรียมตัว หลังเลิกงานวันนี้พ่อจะพาไปรู้จักครอบครัวเพื่อนของพ่อ

    เหรอคะ ชญานินเงยหน้าขึ้นสบตาพูดเสียงเนือยไม่เบิกบาน ซ้ำยังถอนหายใจเหมือนรู้สึกเหนื่อยหน่าย ประวิทย์สังเกตเห็นแต่แรกจึงขมวดคิ้วจนหน้าผากย่นอดถามอย่างสงสัยไม่ได้

    เจสซี่ลูกมีอะไรที่ไม่สบายใจ มีปัญหาเรื่องงาน หรือมีปัญหากับเจ้านายหรือเปล่า?”

    เปล่าค่ะคุณพ่อ เจสซี่สบายดีไม่ได้มีปัญหาอะไร เรื่องงานก็ราบรื่น เจ้านายก็แสน... ดี คุณพ่อไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเจสซี่หรอกค่ะ ใบหน้ารูปไข่ส่ายหน้าน้อยๆ เธอฝืนยิ้มเพื่อให้ผู้เป็นพ่อคลายความกังวล ทว่าท้ายประโยคนั้นเธอตั้งใจพูดประชดประชันคนที่อยู่ในห้อง โดยไม่รู้ว่าเขาเปิดประตูออกมาได้ยินเข้าพอดี กระทั่งมีเสียงเข้มๆ ดังขึ้นกระแทกโสตจากด้านหลัง แรกทีเดียวเธอถึงกับสะดุ้งก่อนจะปรับสีหน้าเฉยชาในเวลาต่อมา

    สวัสดีครับคุณลุง เจอคุณลุงที่นี่ก็ดีแล้วผมมีเรื่องบางอย่างจะแจ้งให้ทราบอยู่พอดี

    มีเรื่องอะไรด่วนหรือภูบดินทร์?” ผู้จัดการโรงงานเลิกคิ้วถามกรรมการบริหารวัยหนุ่ม

    ไม่ใช่เรื่องงานหรอกครับ ตอนนี้ยังพอมีเวลาเชิญคุณลุงเข้าไปคุยในห้องทำงานผมก่อนดีกว่า เจสซี่ เดี๋ยวเอากาแฟตามเข้าไปสองที่นะเขาเดินออกมายืนอยู่ข้างโต๊ะของเธอ พลางเอ่ยปากเชิญผู้จัดการโรงงานให้เข้าไปคุยธุระต่อกันด้านใน แล้วปรายตามองเธอเมื่อออกคำสั่งให้ชงกาแฟตามเข้าไปให้สองที่

    ไม่ใช่เรื่องงานแล้วมันเรื่องอะไร เขาจะคุยอะไรกับคุณพ่อ?’

    มือเรียวคนกาแฟทั้งสองแก้ววนไปวนมาอยู่หลายรอบ เลขาฯ สาวมีท่าทีครุ่นคิดหนักกลัวเขาจะปากโป้งพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา กระทั่งเจ้านายส่งเสียงผ่านสปีกเกอร์โฟนเครื่องที่ติดไว้ภายในห้องครัวข้างโต๊ะทำงานทวงถามสิ่งที่สั่งไว้ เธอจึงรวบรวมความกล้ารีบยกถาดกาแฟโดยไม่ลืมรินน้ำเย็นใส่แก้วใบเล็กเข้าไปให้เจ้านายและพ่อของเธอด้วย

    กาแฟได้แล้วค่ะ ชญานินพูดเสียงเรียบอย่างไม่เจาะจงผู้รับ เธอยกแก้วกาแฟหอมกรุ่นและแก้วน้ำเย็นวางลงบนโต๊ะกลางตรงหน้าเขาก่อน แล้วตามติดไปด้วยของผู้เป็นพ่ออีกหนึ่งชุดโดยไม่ยอมมองหน้าหล่อเหลาที่มองเธออยู่เหมือนอยากหาจังหวะสบสายตาเย็นชาคู่นั้น เมื่อจัดการตามคำสั่งเจ้านายเสร็จแล้ว เธอจึงรวบถาดขึ้นมาถือไว้ด้านหน้าแล้วก้มโค้งศีรษะลงแทนการขออนุญาตออกไปจากห้องโดยไม่ต้องพูด เพราะเธอตั้งใจจะหลบเลี่ยงการพูดจากับเขาหากไม่จำเป็น ทว่าเขากลับไม่อนุญาตให้เธอหลบหน้าไปดั่งใจคิด เพราะเขาหาจังหวะคุยกับเธออยู่

    จะรีบไปไหนเจสซี่นั่งคุยกันก่อนสิ มันไม่บ่อยครั้งไม่ใช่เหรอที่คุณกับคุณลุงจะมีเวลาคุยกัน อีกอย่างเรื่องที่ผมกับคุณลุงกำลังคุยกันมันก็ไม่ใช่เรื่องงานหรือเป็นความลับอะไรหรอกภูบดินทร์พูดอย่างเป็นงานเป็นการตีสีหน้าขรึม ชญานินเม้มปากแน่นสนิทอย่างไม่พอใจเธอรู้ว่าถ้าเขาพูดแบบนี้ พ่อของเธอต้องพูดสำทับให้เธอนั่งแน่ๆ และมันก็เป็นจริงเสียด้วย แพขนตางอนยาวสะบัดพลิ้วเมื่อเธอส่งค้อนให้เขาวงใหญ่

    นั่นสิเจสซี่อยู่คุยกันก่อน พอดีพ่อเพิ่งรู้ว่าเดือนหน้าครอบครัว         ภูบดินทร์จะเข้ามากรุงเทพฯ พ่อก็เลยคิดว่าจะถือโอกาสนี้แนะนำให้เจสซี่รู้จักคุณอาปารดาเพื่อนเก่าของพ่อ และเป็นคนที่อนุญาตให้พ่อพาเจสซี่เข้ามาทำงานที่นี่

    ประวิทย์บอกลูกสาวให้นั่งลง แล้วพูดย้อนความหลังให้ฟังพอเป็นสังเขป ว่าเป็นเพื่อนกับแม่ของภูบดินทร์ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมต้น หลังจากเรียนจบก็ห่างหายกันไป กระทั่งมาทำงานบริษัทเคนตะจึงรู้ว่าปารดาเป็นพี่สะใภ้ของดวงแขเจ้าของบริษัท จากนั้นจึงคบหากันฉันเพื่อนเรื่อยมาจนถึงตอนนี้

    ถ้าคุณอาปารดามาถึงกรุงเทพฯ เมื่อไหร่คุณพ่อค่อยบอกเจสซี่อีกทีนะคะ ตอนนี้เจสซี่ขอตัวออกไปทำงานก่อนค่ะ ชญานินนั่งฟังบิดาพูดถึงเสี้ยวหนึ่งในอดีตอย่างตั้งใจ กระทั่งคิดว่าท่านหมดเรื่องจะพูดแล้วเธอจึงเอ่ยปากขอตัวแล้วลุกขึ้นยืนก้มค้อมตัวลงอย่างสุภาพแล้วหมุนตัวก้าวฉับๆ ทว่ายังไม่ทันพ้นออกไปจากห้องผู้เป็นพ่อพูดไล่หลังตามมาติดๆ เหมือนกลัวเธอจะลืม

    เอ่อ เจสซี่ เย็นนี้อย่าลืมเรื่องที่นัดกันไว้นะลูก

    ไม่ลืมแน่นอนค่ะ คุณพ่อคอนเฟิร์มเพื่อนได้เลยว่าเจสซี่ไปแน่นอน ชญานินชะงักเท้าเธอยิ้มอยู่ในหน้าเมื่อคิดอะไรขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง เธอหันกลับมาส่งเสียงใสตอบผู้เป็นพ่อและโปรยยิ้มหวานมาจากหน้าประตู ท่าทีเปลี่ยนไปแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยทั้งๆ ที่เมื่อสักครู่เธอยังทำหน้าตูมอยู่เลย

    ภูบดินทร์เกิดความกังขาว่าการนัดหมายมีความสำคัญอย่างไรกับเลขานุการของเขา ยิ่งเห็นรอยยิ้มหวานๆ ที่ตั้งใจส่งยิ้มเผื่อแผ่มาถึงเขาก็ยิ่งขัดตาและขัดใจยิ่งนัก

    คิดว่าแกจะปฏิเสธหัวชนฝาเสียแล้ว ประวิทย์พูดเปรยแล้วยิ้มอย่างอารมณ์ดีกับคู่สนทนาที่เหลืออยู่

    เย็นนี้คุณลุงมีนัดสำคัญล่ะสิครับ คนอยากรู้แกล้งหยั่งถาม

    อ๋อ ก็ไม่สำคัญอะไรหรอก เพียงแต่อยากพาเจสซี่ไปทำความรู้จักกับครอบครัวเพื่อนของลุง เขาเรียกร้องให้พาไปเจอกันตั้งแต่เจสซี่มาถึงวันแรกแล้ว ฝ่ายนั้นเขามีลูกชายคนเดียวเหมือนกันเป็นทหารยศนายพัน

    นายทหารยศนายพัน

    ภูบดินทร์ขบกรามแน่นอย่างลืมตัว เรื่องนี้ยังติดค้างอยู่ในหัวสมองมันทำให้เขาแทบไม่มีสมาธิฟังการสัมมนาจากวิทยากรเอาเสียเลย นึกถึงรอยยิ้มหวานหยดย้อยของชญานินก่อนเธอเดินออกไป และเสียงหัวเราะชอบอกชอบใจของผู้จัดการโรงงาน เมื่อพูดถึงทหารยศนายพันก็ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิด

     ดังนั้นหลังจากเลิกสัมมนาฯ คนที่ทำให้เขาวุ่นวายใจ จึงถูกเรียกให้กลับเข้ามาภายในห้องเจ้านายอีกครั้งเพื่อจะถามสิ่งที่ยังค้างคาใจ

    วันนี้ผมมีนัดอะไรอีกหรือเปล่าเจสซี่ ภูบดินทร์เลียบเคียงถามเสียงขุ่น เขาเงยหน้าขึ้นจ้องตาเธอเขม็ง

    เย็นนี้คุณภูบดินทร์มีนัดออกรอบกับลูกค้า และทางโน้นก็นัดเลี้ยงอาหารค่ำเป็นการขอบคุณค่ะ อุปกรณ์กอล์ฟทั้งหมดเจสซี่ให้คนขับรถขนขึ้นไปใส่รถให้เรียบร้อยแล้ว เลขานุการรายงานตารางนัดหมายให้เจ้านายฟังอย่างคล่องแคล่วและไม่ขาดตกบกพร่อง แต่กระนั้นเธอก็ยังถูกเจ้านายอารมณ์กรุ่นพาลใส่อีกจนได้

    ทำไมต้องรีบร้อนขนไปใส่ให้หนักรถเสียขนาดนั้น

    เกรงว่าพอถึงเวลาอาจจะลืมโน่นลืมนี่ ก็เลยต้องเตรียมทุกอย่างไว้ให้พร้อม อีกอย่างเจสซี่อาจจะต้องขอเลิกงานก่อนเวลาชญานินไม่ได้ยี่หระคำต่อว่าที่ไม่มีเหตุผลของเขา ซ้ำยังกล้าสบตาคมดุอย่างไม่สะท้าน

    อ๋อ วันนี้คุณมีนัดสำคัญ งั้นก็ไปเถอะเชิญตามสบาย คนเป็นเจ้านายพูดเนิบๆ พลางพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ เป็นเชิงอนุญาต สีหน้าเขาเรียบเฉยมากจนเดาไม่ออกว่าตอนนี้อารมณ์เขาเป็นเช่นไรและเขากำลังคิดอะไรอยู่ รู้แต่เพียงว่าตอนนี้เธอรู้สึกเสียหน้าและน้อยใจอยู่ลึกๆ ที่เขาไม่รู้สึกอินังขังขอบเรื่องของเธอเลยสักนิด

    คล้อยหลังเลขานุการคนสวย ความหงุดหงิดฟุ้งซ่านก็ดาหน้าเข้ามาปะทะหัวสมองคนเป็นเจ้านายอย่างไม่หยุดหย่อน เมื่อทราบเพิ่มเติมจาก ประวิทย์ว่าเพื่อนเขามีลูกชายคนเดียว จึงเดาได้ไม่ยากว่าคงเป็นคนที่ประวิทย์ อยากได้มาเป็นลูกเขย ตามที่เคยเปรยให้ฟังมาบ้างแล้วว่าอยากได้คนมาช่วยดูแลลูกสาว ภูบดินทร์รู้สึกโหวงๆ หัวใจอย่างบอกไม่ถูกจนต้องกอดอกตัวเองไว้แน่นๆ สายตาคู่คมเพ่งมองแทบจะอยากให้มันทะลุผนังออกไปจนเห็นคนที่อยู่หน้าห้องอย่างคนพาล เพราะคิดว่าเธอคงตื่นเต้นหรือไม่ก็กำลังระริกระรี้ที่จะได้ไปออกเดตกับทหารยศนายพันโก้หรูคนนั้น

     

    ประวิทย์พาลูกสาวไปพบครอบครัวของเพื่อนเก่าที่ได้นัดหมายกันไว้ล่วงหน้า หรืออีกนัยหนึ่งก็คือการมาดูตัวกันระหว่างฝ่ายชายและฝ่ายหญิง ซึ่งชญานินไม่รู้ก่อนล่วงหน้าไม่งั้นเธอคงปฏิเสธอย่างแน่นอน การนัดพบกันมีขึ้นที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง

    พันโทธันวา วิษณุเทพ อายุสามสิบห้าปีมีอาชีพรับราชการทหารบุตรชายของพลเอกอติคุณ และคุณหญิงอำภา สิ่งที่พ่อกับแม่ภูมิใจนำเสนอคือเขายังโสด ผู้ชายชาติทหารรูปร่างสูงล่ำ ทว่าผิวพรรณผุดผ่อง  ใบหน้าเกลี้ยงเกลาเหมือนได้รับการดูแลอย่างดี นิ้วมือเรียวยาวเหมือนผู้หญิงเผลอๆ สวยกว่าผู้หญิงบางคนเสียอีกทำให้ชญานินแอบสงสัยอยู่ในใจ

     “หนูเจสซี่สวยมาก รูปร่างดี ผิวพรรณก็สวย คุณหญิงแม่ให้คะแนนเต็มสิบเลย แล้วธันวาล่ะลูกว่าไงน้องสวยถูกใจหรือเปล่า คุณหญิงอำภาชื่นชมลูกสาวเพื่อนของสามีจนออกนอกหน้า ความจริงหากลูกชายของนางอายุน้อยกว่านี้สักสิบปีนางคงแบ่งรับแบ่งสู้ว่าที่ลูกสะใภ้ที่ไม่ใช่สายเลือดไทยแท้ ทว่าเวลานี้ถ้าลูกชายของนางถ้าเป็นหญิงคงตกรถไฟขบวนสุดท้ายไปนานแล้ว อีกอย่างคุณหญิงก็อายุมากขึ้นเรื่อยๆ อยากเลี้ยงหลานเต็มทีก่อนจะไม่มีแรงเลี้ยง ดังนั้นสเป็กของลูกสะใภ้จึงตั้งไว้ไม่สูงนัก

    แหม คุณหญิงถามตรงๆ แบบนั้นตาธันวาก็เขินแย่สิ ท่านนายพลเอ่ยขัดคอภรรยาแล้วหัวเราะอย่างครื้นเครงหันมาพูดสัพยอกบุตรชายไม่ได้สังเกตว่าเขาทำหน้าพะอืดพะอม ชญานินจับตามองอย่างเคลือบแคลงค่อนข้างมั่นใจว่า ชายชาติทหารรูปร่างสูงใหญ่น่าจะเป็นชายเทียม

    ว่าไงล่ะธันวาน้องเจสซี่สวยถูกใจหรือเปล่า คุณหญิงอำภาถามซ้ำอีกครั้ง

    สวยครับคุณแม่ ธันวาสูดลมหายใจเข้าอย่างหนักหน่วงก่อนตอบเสียงเรียบ เขาปรายตามองผู้หญิงที่พ่อและแม่พามาดูตัวด้วยความอึดอัด แต่แววตาดูเป็นมิตรของเธอทำให้เขาแอบหวังว่าเขาน่าจะตกลงอะไรบางอย่างกับเธอได้

     

    โปรดติดตามต่อวันนี้ค่ะ

    ระบำอารมณ์-อีบุ๊ก วางจำหน่ายในเว็บเมพแล้วนะคะ สาวๆ ที่รัก ราคา 199 วันสุดท้ายแล้วค่ะ


    ระบำอารมณ์
    จันทร์กระจ่าง
    www.mebmarket.com
    “ที่เหลือจัดการเองนะ ผมจะออกไปรอด้านนอก” เขาพูดเสียงแข็งเพื่อสยบความหวามไหวแล้วรีบเดินออกไปทันที“เดี๋ยวค่ะคุณภูบดินทร์ มันยังรูดต่อไม่ได้ค่ะ” “อะไรของคุณอีกนะเจสซี่ยุ่ง ชะ...มัด...เลย…” เขาสบถเสียงขุ่นทำเหมือนกำลังหัวเสียเต็มประดาแต่ก็ยอมหันกลับมา ทว่าเมื่อหันมาพบกับร่างกายงดงามตรงหน้าที่ต้องการยั่วยวนและเขาก็รู้ดี แต่เธอทำให้เขาตกตะลึงพรึงเพริดเสียจนหูตาลายใจสั่นหวิว“ช่วยปลดตะขอให้หน่อยสิคะคุณภูบดินทร์ เจสซี่แกะไม่ออกอีกแล้ว” ชญานินสูดลมหายใจลึกๆ เพื่อเรียกความมั่นใจและสยบความหนาวเยือกเมื่อต้องโชว์หวิวต่อหน้าเขา เธอออดอ้อนน้ำเสียงกระเส่า มือเรียวจับปลายเนกไทขึ้นไปแตะริมฝีปากเขาอย่างอ้อยอิ่ง จากนั้นจึงเอามาแตะกลีบปากอิ่มสีชมพูของเธอแล้วทำเสียงดังจ๊วบ ตาโตสีน้ำตาลหวานซึ้งหรี่มองเขา จึงเห็นสายตาหวามไหวจากคนสูงกว่า แต่ว่าร่างกายเขายังยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหวไม่รู้ว่าทนอดหรืออดทนกันแน่ แต่เธอจะไม่หยุดอยู่แค่นี้หรอกถ้ายังใจแข็งอยู่ได้ก็นับว่าเขาแน่มาก จะได้รู้กันไปว่าเสน่ห์ของเธอใช้ไม่ได้จริงกับเสือผู้หญิงคนนี้ มือเรียวยกขึ้นลูบไล้แผงอกหนาผ่านเสื้อเชิ้ตแขนยาวราคาแพงที่เขาสวม ครั้นไปสะดุดกับตุ่มไตแข็งทั้งสองข้าง เธอจึงซบหน้าลงกับอกกว้างเพื่อซ่อนรอยยิ้ม ฝ่ามือนุ่มลูบไล้หมุนวนจุดอ่อนไหวอย่างแผ่วผิว เธอกำลังมีชัยชนะเหนือเขา และจะลบล้างคำสบประมาทได้อย่างสวยงาม“เจสซี่”
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×