คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : แมวน้อยยั่วสวาท---100%
ตอนที่ 4 แมวน้อยยั่วสวาท
“อิ่มแล้วเหรอตาภูทำไมทานน้อยจัง
หน้าตาอิดโรยเหมือนคนไม่ได้นอนน่าจะทานเยอะๆ หน่อย
แล้วนี่จะรีบไปธุระที่ไหนก่อนเข้าออฟฟิศหรือเปล่า
เห็นทรงศักดิ์บอกว่าวันนี้ภูจะขับรถไปเอง” ดวงแขถาม เมื่อหลานชายวางช้อนข้าวต้มลงข้างจานหลังจากนั่งทานไปได้ไม่กี่คำแล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
“ผมอิ่มแล้วครับคุณอา
เช้านี้มีธุระต้องไปจัดการนิดหน่อย เดี๋ยวไปเจอกันที่ออฟฟิศนะครับ” ภูบดินทร์วางแก้วน้ำแล้วตอบคำถามเพียงสั้นๆ ก่อนลุกขึ้นโดยมีทรงศักดิ์ถือกระเป๋าแล็ปท็อปและสูทเดินตามไปส่งที่รถ
กรรมการผู้จัดการบริษัทเคนตะวัยสามสิบปีนอกจากเก่งเรื่องงานแล้ว
เขายังเก่งเรื่องเดาใจคนอีกด้วย เขาคิดถูกแล้วที่บุกขึ้นมาหาชญานินด้วยตัวเอง
ถ้าจอดรถรออยู่อย่างนั้นมีหวังคงต้องหลับคาพวงมาลัย เพราะ
แม่เลขานุการตัวแสบที่หลอกให้เขาไปจ่ายค่าเหล้าเกือบหนึ่งหมื่นเมื่อคืนนี้
ยังนอนหลับอุตุอยู่ในชุดเดิมไม่คิดจะเปลี่ยน นี่จะรอให้เน่าคาตัวก่อนหรือยังไง
ภูบดินทร์คิดอย่างค่อนแคะ
“เจสซี่ตื่นได้แล้ว
คุณจะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน” ภูบดินทร์ปลุกเสียงดัง
เลิกผ้าห่มออกเกี่ยวหัวไหล่มนดึงคนขี้เซาลุกขึ้นมานั่ง ท่ามกลางความตื่นตกใจของชญานินที่นั่งหน้าเหวอ
อดสงสัยไม่ได้ว่าเจ้านายบุกเข้ามาในห้องของเธอได้อย่างไร ถ้าเป็นเมื่อคืนก็คงไม่แปลกเขาพาเธอมาส่งคงค้นหากุญแจจากกระเป๋าสะพายของเธอ
แต่เช้านี้ล่ะเขาเข้ามาได้อย่างไร หรือว่าเขาเอาพวงกุญแจของเธอติดไปด้วย หญิงสาวเลิกคิ้วสูง
“คุณภูบดินทร์เอากุญแจห้องของเจสซี่ไปหรือคะ คุณล้ำเส้นความเป็นส่วนตัวของเจสซี่มากเกินไปแล้วรู้ตัวหรือเปล่า”
คำถามและคำพูดต่อว่าของเธอทำให้คนเป็นเจ้านายโล่งใจเรื่องกุญแจไปได้เปลาะหนึ่ง
นั่นหมายความว่าเธอยังไม่รู้ว่าเขาเป็นเจ้าของคอนโดฯ ที่เธออาศัยอยู่ ขณะเดียวกันเขาคิดว่าเธอพูดถูกเรื่องล้ำเส้น
มันไม่มีเหตุผลรองรับเลยจริงๆ
ที่ชายหนุ่มจะเข้ามาในห้องของหญิงสาวถึงแม้จะเป็นลูกสาวคนที่นับถือกันมันก็ไม่สมควรอยู่ดี
แต่จะให้เขายอมจำนนเลขาฯ ตัวแสบง่ายๆ เห็นจะไม่ใช่คนอย่างนายภูบดินทร์แน่นอน
แม้จะแถข้างๆ คูๆ ไปบ้าง แต่คนอย่างเขาไม่จนแต้มอย่างแน่นอน
“ไม่ต้องนอกเรื่องเลยเจสซี่
นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วคุณจะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนฮะ
คุณไม่มีหน้าที่การงานต้องรับผิดชอบใช่ไหม ผมเป็นเจ้านายมาตามเลขาฯ
ไปทำงานมันผิดนักหรือ อีกอย่างผมก็ไม่ใช่พวกโจรปล้นสวาท
เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นคุณคงไม่เหลืออะไรแล้ว แต่ไม่หรอกนะ ถ้าผมเป็นโจรปล้นสวาทจริง
ผมคงจะเว้นคุณไว้คนหนึ่งละ ขนาดเมาหัวราน้ำเนื้อตัวอ่อนปวกเปียกจนผมต้องอุ้มมาส่งถึงเตียง
คุณยังกระตุ้นต่อมความรู้สึกของผมไม่ขึ้นเลย”
“ฉันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
ชญานินลากเสียงยั่วเย้า
ทั้งๆ ที่ความจริงเธอกำลังโกรธจนตัวสั่นจนอยากจะร้องกรี๊ดดังๆ เธอไม่เคยเสียเซลฟ์มากมายเท่าครั้งนี้มาก่อน
เขาสบประมาทเธอมากเกินไปแล้ว
และเธอก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่ยอมให้ใครสบประมาทได้ง่ายๆ หญิงสาวคลานลงมาจากเตียงอย่างเชื่องช้าลีลาของเธอไม่ต่างจากนางแมวยั่วสวาทเลยสักนิด
เมื่อลงมาเหยียบพื้นห้องได้ก็เบียดกายเข้าไปกระแซะร่างสูงใหญ่อย่างตั้งใจยวนยั่ว
มือเรียวจับปลายเนกไทสีเข้มขึ้นมาจุ๊บไปทีหนึ่ง
ก่อนสืบนิ้วคืบคลานขึ้นหมายจะโอบรอบคอเจ้านายหนุ่มให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลยว่าใครจะเหนือกว่าใคร
ทว่าถูกมือหนาปัดออกแล้วถอยห่างออกไปก้าวหนึ่ง
“เหม็นมาก... ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลยเจสซี่ อย่ามัวโอ้เอ้ผมให้เวลาคุณไม่เกินสิบห้านาที
เดี๋ยวผมจะออกไปรอข้างนอก”
ภูบดินทร์ย่นจมูกใส่เธอแล้วพูดสำทับเสียงดุ
เขารู้ว่าเธอกำลังยั่วยวนเธออยากทดสอบเขา แต่เวลานี้ต่อให้ยั่วยังไงเห็นจะไม่ได้ผล
เพราะเขาสุดจะทนกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่ติดตัวเธอมาทั้งกลิ่นเหล้า บุหรี่ ไหนจะกลิ่นตัวเพราะเธอยังอยู่ในชุดเดิมตั้งแต่เมื่อคืน
“โอเคค่ะเจ้านาย งั้นเจสซี่จะรีบไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้แหละ” เธอพูดเสียงหวานส่งสายตาหวานซึ้งสุดเซ็กซี่หรี่มองเขา
ริมฝีปากอิ่มสีชมพูคลี่ยิ้มเชิญชวน
ทว่าพอคล้อยหลังเจ้านายรอยยิ้มหวานหยดเปลี่ยนเป็นเหยียดยิ้ม เพราะคำพูดประโยคนี้ของเขา
‘ขนาดเมาหัวราน้ำเนื้อตัวอ่อนปวกเปียกจนผมต้องอุ้มมาส่งถึงเตียง คุณยังกระตุ้นต่อมความรู้สึกของผมไม่ขึ้นเลย’
“แล้วคุณจะต้องกลืนน้ำลายตัวเอง
ไม่เชื่อก็คอยดู” หญิงสาวจิกตามองคนข้างนอกผ่านผนังกั้นห้อง
เธอพูดเสียงสูงลิบอย่างมั่นใจในความสวยและเสน่ห์ตัวเอง จากนั้นจึงเริ่มทำตามแผนการทันที
“ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ”
เมื่อได้ยินเสียงร้องดังจากคนข้างใน
ภูบดินทร์กำลังย่อตัวลงไปก้นยังไม่ทันถึงโซฟาต้องกระเด้งตัวขึ้น รีบก้าวสวบๆ
กลับเข้าไปอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นชญานินถึงร้องเสียงดังลั่นขนาดนั้น
“เกิดอะไรขึ้นเจสซี่!”
เสียงตื่นเต้นของเขาเดินทางไปถึงก่อนเจ้าตัวเสียอีก
ทว่าพอโผล่หน้าเข้าไปนอกจากชญานินที่กำลังเอื้อมมือไปข้างหลังกำลังเย่อกับอะไรบางอย่างก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ
เขาถอนใจดังเฮือกอย่างเหนื่อยหน่ายพอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แค่รูดซิปชุดทำงานไม่ได้เจ้าหล่อนก็แหกปากร้องเอ็ดตะโรจนเขาตกอกตกใจคิดว่าเกิดเรื่องร้าย
“ซิปมันติดค่ะ เจสซี่พยายามแล้วแต่รูดไม่ได้”
หญิงสาวแสร้งทำสีหน้าละห้อยมองเขาตาปริบๆ อย่างขอความเห็นใจ
“เรื่องแค่นี้เอง ทำไมต้องแหกปากร้องลั่นขนาดนั้น ไหนหันหลังมาสิ”
เจ้านายหนุ่มเอ็ดเลขาฯ
จอมวุ่นวายเสียงเข้ม
แต่คงไม่เคยมีใครสั่งสอนภูบดินทร์ว่าผู้หญิงมีมารยามากกว่าร้อยเล่มเกวียน
แม้เขาจะดุแต่ก็เชื่อสนิทใจ เมื่อเธอหันหลังให้แล้วแนบแขนเรียวยาวลงข้างลำตัว เขาช่วยรวบผมสลวยดัดเป็นลอนไปพาดบ่าไว้ด้านหนึ่ง
เรือนร่างของชญานินสูงได้สัดส่วนในชุดแซกเข้ารูปเน้นส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจน
ถึงจะมองจากข้างหลังแต่จินตนาการของเขาไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เขากำลังคิดไปไกล
ความอวบอิ่มกลมกลึงของก้อนเนื้อที่เคยผ่านสายตาแวบๆ แวมๆ
ตอนเห็นเธอเดินแบบชุดว่ายน้ำทำให้มือหนาที่จับซิปส่วนบนสุดรูดลงมาเริ่มสั่น
ตอนนี้อุณหภูมิในร่างกายเขาคงไม่ใช่สามสิบเจ็ดองศาเซลเซียสเหมือนร่างกายคนปกติอย่างแน่นอน
ชายหนุ่มรู้สึกร้อนออกมาจากภายในจนต้องห่อปากแล้วเป่าระบายความร้อนออกมาเบาๆ
ซิปมันกินเนื้อผ้าด้านหนึ่งเข้าไป มิน่าเธอจึงรูดเองไม่ได้ มือหนาสั่นๆ
จึงต้องออกแรงเพิ่มขึ้น ทว่าพอรูดได้มันก็ลื่นปรื๊ดลงไปเกินกว่าครึ่ง
ผิวเรียบเนียนของแผ่นหลังบางทำให้ลมหายใจเขาติดๆ ขัดๆ ขาดห้วง
เขาลอบกลืนน้ำลายที่เหนียวหนับในลำคออยู่หลายเอื๊อก
และต้องรีบหันหลังให้เพราะคิดว่าต่อจากนั้นเธอคงรูดมันเองได้แล้ว
“ที่เหลือจัดการเองนะ ผมจะออกไปรอด้านนอก”
เขาพูดเสียงแข็งเพื่อสยบความหวามไหวแล้วรีบเดินออกไปทันที
“เดี๋ยวค่ะคุณภูบดินทร์ มันยังรูดต่อไม่ได้ค่ะ”
“อะไรของคุณอีกนะเจสซี่ยุ่ง ชะ...มัด...เลย…”
เขาสบถเสียงขุ่นทำเหมือนกำลังหัวเสียเต็มประดาแต่ก็ยอมหันกลับมา
ทว่าเมื่อหันมาพบกับร่างกายงดงามตรงหน้าที่ต้องการยั่วยวนและเขาก็รู้ดี แต่เธอทำให้เขาตกตะลึงพรึงเพริดเสียจนหูตาลายใจสั่นหวิว
ดังนั้นคำพูดสามพยางค์สุดท้ายจึงยานเยิบเหมือนคนต้องมนตร์สะกด เมื่อเห็นชุดแซกที่เธอบอกว่ายังรูดซิปไม่ได้หล่นกองอยู่ที่ตาตุ่มก่อนที่เธอจะเขี่ยมันออกไปจากวงขา
เรือนร่างเปล่งปลั่งผิวเนื้อสีขาวอมชมพูมีเพียงบราสีหวานกับบิกินีสีเดียวกันปกปิดอยู่เพียงเท่านั้น
เธอหันมายิ้มยั่วยวนใส่ตาเขาแล้วเดินเฉียดกายเข้ามาใกล้ลีลาของเธอไม่แตกต่างจากแมวน้อยยั่วสวาท
มือเรียวทำท่าจะปลดตะขอหน้าของยกทรงต่อหน้าเขา และเมื่อเธอปล่อยมือมันจะต้องแบะออก
ความอวบอิ่มกลมกลึงคงดีดเด้งออกมา
โอ้พระเจ้า
ภูบดินทร์เริ่มหายใจไม่ทั่วท้องเขารู้ว่าเธอกำลังร่ายมนตร์ปลุกปั่นร่างกายเขา
เธอแกล้งเขา
แต่เธอจะรู้ไหมว่าเกมที่เธอเล่นอยู่ตอนนี้มันอาจทำให้เธอย่อยยับถ้าเขาควบคุมตัวเองไม่อยู่
ตอนนี้เนื้อตัวเขาแน่นอึดอัด รุ่มร้อน มีบางส่วนกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
“ช่วยปลดตะขอให้หน่อยสิคะคุณภูบดินทร์ เจสซี่แกะไม่ออกอีกแล้ว”
ชญานินสูดลมหายใจลึกๆ
เพื่อเรียกความมั่นใจและสยบความหนาวเยือกเมื่อต้องโชว์หวิวต่อหน้าเขา
เธอออดอ้อนน้ำเสียงกระเส่า มือเรียวจับปลายเนกไทขึ้นไปแตะริมฝีปากเขาอย่างอ้อยอิ่ง
จากนั้นจึงเอามาแตะกลีบปากอิ่มสีชมพูของเธอแล้วทำเสียงดังจ๊วบ
ตาโตสีน้ำตาลหวานซึ้งหรี่มองเขา จึงเห็นสายตาหวามไหวจากคนสูงกว่า
แต่ว่าร่างกายเขายังยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหวไม่รู้ว่าทนอดหรืออดทนกันแน่
แต่เธอจะไม่หยุดอยู่แค่นี้หรอกถ้ายังใจแข็งอยู่ได้ก็นับว่าเขาแน่มาก
จะได้รู้กันไปว่าเสน่ห์ของเธอใช้ไม่ได้จริงกับเสือผู้หญิงคนนี้
มือเรียวยกขึ้นลูบไล้แผงอกหนาผ่านเสื้อเชิ้ตแขนยาวราคาแพงที่เขาสวม
ครั้นไปสะดุดกับตุ่มไตแข็งทั้งสองข้าง เธอจึงซบหน้าลงกับอกกว้างเพื่อซ่อนรอยยิ้ม
ฝ่ามือนุ่มลูบไล้หมุนวนจุดอ่อนไหวอย่างแผ่วผิว เธอกำลังมีชัยชนะเหนือเขา
และจะลบล้างคำสบประมาทได้อย่างสวยงาม
“เจสซี่”
เขาเอ่ยชื่อเธอเบาบางน้ำเสียงกระเส่า
เสียงเขาเซ็กซี่มากในความคิดของเธอ ขนแขนของเธอลุกเกรียว ตอนนี้เขาเริ่มเคลื่อนไหวไม่ยืนนิ่งเหมือนหุ่นปั้นอีกต่อไปแล้ว
เขาเริ่มขยับอย่างมีชีวิตชีวาสายตาคร้ามคมก้มมองทรวงอกภายใต้บราเซียร์ของเธออย่างพร่าพราย
เหมือนเป็นอาหารคาวหวานรสเลิศและเขากำลังหิวมัน มือหนาสั่นๆ
ไม่ได้ช่วยปลดตะขอตามคำร้องขอ แต่เขาตะปบแล้วกระชากพ้นออกจากร่างงามอย่างคนใจร้อน
มันถึงคราวของฝ่ายที่เดินเกมยั่วยวนต้องรุ่มร้อนบ้าง
ชญานินควบคุมเกมแมวน้อยยั่วสวาทได้ยากลำบากเมื่อโดนเขารุกหนัก
สันจมูกคมฉกจูบแก้มใสและไซ้ซอกคอขาวผ่องของเธอทั้งซ้ายทั้งขวาสลับกันซ้ำไปซ้ำมา
มือหนาทั้งสองข้างบีบเคล้นทรวงอกอวบอิ่มหนักเบาสลับกันจนเนื้อตัวเธอสั่นสะท้านวาบหวิว
เสียงคำรามในลำคออย่างพึงพอใจของเขาก็ยิ่งทำให้เนื้อตัวเธอเร่าร้อน
สติของเธอกำลังจะแตกกระเจิงจนกู่ไม่กลับ หญิงสาวพบว่าเธอกำลังจะพ่ายแพ้เขาในเกมนี้
ชญานินขบริมฝีปากไว้แน่นร้องครางได้เพียงในอก
เมื่อริมฝีปากร้อนฉ่าฉกมาดูดกลืนทรวงอกอิ่มของเธอ
เขาทั้งดูดทั้งดุนดันจุดอ่อนไหวด้วยปลายลิ้นร้อนอย่างหิวกระหายสลับกันทั้งสองข้าง
มันเป็นสัมผัสแปลกใหม่ที่เธอไม่เคยพบพานมาก่อน
มือหนาข้างหนึ่งโอบรอบเอวกิ่วของเธอไว้จนร่างกายเธอแนบชิดติดลำตัวเขา
ส่วนอีกข้างส่งลงไปบีบเคล้นบั้นท้ายงอนงามของเธอภายนอกบิกินีอย่างเมามัน
เวลานี้เจ้านายของเธอแปลงร่างเป็นเสือโหย เธอลบคำสบประมาทจากเขาได้แล้ว
‘หยุดได้แล้วชญานิน เธอต้องหยุดเขาก่อนที่เธอจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้’ หญิงสาวร้องเตือนสติตัวเองแต่ดูเหมือนร่างกายเธอกำลังอ่อนแอและทรยศ
แค่จะยกมือผลักเขาออกมันก็ยังไม่มีเรี่ยวแรงพอ
‘ไม่ ชญานินเธอต้องทำได้ เธอต้องทำได้’
หญิงสาวเตือนตัวเองซ้ำๆ
ก่อนจะพ่ายแพ้แก่ความเร่าร้อนที่ส่งผ่านมาทุกส่วนจากร่างกายเขา
ถ้าเพียงเขาย้ายมือใหญ่มาเคล้นคลึงบิกินีตัวจ้อยทางด้านหน้าแล้วสัมผัสกับความเปียกชื้น
เขาจะรู้ทันทีว่าเธอต่างหากที่จะเป็นผู้แพ้ เธอกัดฟันต่อสู้ความวาบหวิวร่างกายที่ถูกรุกหนัก
มือเรียวแทบสิ้นไร้กำลังฮึดสู้ดันอกแกร่งจนกระเด็นออกห่าง ท่ามกลางความแตกตื่นมึนงงของเขา
“ในที่สุด
เจสซี่ก็รู้แล้วว่าต่อมความรู้สึกของคุณไม่ได้อยู่ลึกอย่างที่พูดเลยสักนิด”
เธอพูดแดกดันเสียงเยียบเย็น
หลิ่วตามองเขาอย่างเย้ยหยันแกมสมเพช
จากนั้นจึงรีบหมุนตัวเดินไปหยิบเสื้อคลุมมาสวมทับ
เธอจึงไม่เห็นว่าดวงตาคนที่กำลังงุ่นง่านคั่งค้างในอารมณ์เหมือนตกมาจากสวรรค์นั้นน่ากลัวมากแค่ไหน
ภูบดินทร์รู้ตัวทุกขณะจิตว่าเธอตั้งใจยั่วยวน
แรกๆ เขาก็แค่อยากจะทดสอบเสน่ห์และฝีไม้ลายมือของตัวเอง
อยากให้บทเรียนแมวน้อยยั่วสวาทว่าอย่าริเล่นกับไฟเพราะมันอาจไหม้ลามไปถึงตัวเธอ
และเขาก็คิดว่าเขาทำสำเร็จตัวเธออ่อนปวกเปียกใจเต้นโครมครามกระเทือนมาถึงอกเขาที่ยืนเบียดเสียดแนบชิดติดร่างกายเธออยู่
เนื้อตัวเธอเร่าร้อนไม่แพ้เขามันไม่ใช่แค่เกม แต่มันมีความหมายมากกว่านั้นสำหรับเธอ
ร่างกายเธอพร้อมที่จะหล่อหลอมรวมเป็นร่างเดียวกับเขา
ยิ่งความอวบตึงเคร่งครัดของทรวงอิ่มมิได้เหลวเป๋วอย่างที่คิดว่าเธอเป็นเด็กใจแตกคงผ่านอะไรมามากมาย
มันทำให้เขาหน้ามืดตามัวจนควบคุมเกมไม่อยู่ นั่นแหละคือสิ่งที่เขาพลาด พลาดที่ใจอ่อนในขณะที่จิตใจเธอแข็งแกร่งกว่า
สุดท้ายเขาจึงต้องกลืนน้ำลายตัวเอง ถูกเลขาฯ ตัวแสบยิ้มเยาะใส่
ผู้ชายนักรักอย่างเขาไม่เคยพบเจอกับเรื่องน่าอับอายและเสียหน้าอย่างนี้มาก่อน
ดังนั้นกำปั้นตันๆ จึงชกโครมไปที่ผนังอย่างแรงด้วยความโมโหตัวเองและเพื่อดับความคั่งค้างในอารมณ์
“ปัง!”
“คุณภูบดินทร์!” ชญานินร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ
เธอหันมาตามเสียงและทันได้เห็นภาพนั้นก่อนเขาจะผลุนผลันออกไป เธอบอกตัวเองไม่ถูกว่ากำลังสะใจหรือกำลังเสียใจกันแน่กับชัยชนะครั้งนี้
หลังจากอาบน้ำชำระล้างคราบไคลจนร่างกายสะอาดสดชื่นดีแล้ว
แต่ว่าความเยือกเย็นของสายน้ำจากฝักบัวมิได้ทำให้ความเครียดลดลงเลยสักนิด ชญานินออกมาจากห้องน้ำเดินมาเปิดตู้เสื้อผ้า
เธอตัดสินใจอะไรบางอย่างอยู่ครู่หนึ่ง
ในที่สุดก็หยิบชุดลำลองอยู่กับบ้านออกมาใส่เมื่อตัดสินใจแล้วว่าเธอจะลาออกจากงาน
ทำให้เขาขายหน้าเสียขนาดนั้นเธอคงไม่เหลือหน้าพอจะไปทำงานที่นั่นอีกแล้ว
หรือหากเสนอหน้าไปก็คงถูกเขาตะเพิดไล่ออกอยู่ดี
“คุณภูบดินทร์ ฉันคิดว่าคุณกลับไปแล้วเสียอีก” หญิงสาวเอ่ยทักเจ้านายน้ำเสียงแปร่งแปลกที่เห็นเขายังนั่งอยู่ที่โซฟา
เธอจึงเดินตรงเข้าไปนั่งเยื้องกับเขาแล้วหลุบตาลงต่ำ
คำพูดของชญานินทำให้ภูบดินทร์สะเทือนใจอย่างบอกไม่ถูกเพียง
แต่เขาต้องซ่อนเร้นความรู้สึกเอาไว้
เธอเรียกชื่อจริงของเขาและใช้สรรพนามแทนตัวเองว่าฉัน
และเธอก็แต่งกายด้วยชุดลำลองใส่สบาย หมายความว่าเธอจะไม่ไปทำงาน ความสัมพันธ์ฉันหัวหน้ากับลูกน้องก็จะต้องสิ้นสุดลงแล้วอย่างนั้นหรือ
เขาจะบอกเรื่องนี้กับพ่อของเธอและแม่ของเขาได้อย่างไร ตอนนี้เขาเครียดจนเส้นเลือดในสมองแทบแตก
เขานั่งกุมขมับอยู่พักใหญ่ ก่อนพ่นลมหายใจอันแสนอึดอัดออกมาแรงๆ
ดวงตาแดงก่ำของเขาเพ่งมองเธอก่อนตัดสินใจพูดบางอย่างออกมา
“ไปแต่งตัวเถอะเจสซี่
เราทิ้งงานกันมานานมากแล้ว”
“คะ คุณไม่โกรธเจสซี่แล้วหรือคะ”
นางแมวยั่วสวาทพูดเสียงอ่อยอย่างนึกละอายใจที่เล่นแรงไป
รู้ทั้งรู้ว่าผู้ชายถึงจะแกร่งกล้าดุจหินผา
แต่ก็พ่ายแพ้ต่อมารยาหญิงกันทุกคนโดยเฉพาะเรื่องอย่างว่า
“ผมโกรธตัวเองมากกว่าเจสซี่ โกรธตัวเองที่ล้ำเส้นจริงอย่างที่คุณว่า
โกรธตัวเองที่กำลังจะทำให้คุณลุงประวิทย์หมดความเชื่อถือ
คุณลืมเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้ไหมเจสซี่ แล้วกลับไปทำงานเหมือนเดิม ผมสัญญาว่าต่อไปผมจะไม่ล้ำเส้นจะไม่วุ่นวายกับคุณอีก
เราจะพูดคุยกันแค่เรื่องงานเท่านั้น... ผมขอโทษ”
ดวงตาคมกล้ามุ่งมั่นอีกทั้งคำพูดหนักแน่นประโยคสุดท้ายของเขาทำให้เธอรู้สึกใจหาย
เธอไม่ได้ต้องการความสัมพันธ์ที่ห่างเหินแบบนั้น จริงอยู่เธออึดอัดที่เขาเคร่งครัด
จู้จี้กับเธอโดยเฉพาะเรื่องการแต่งกาย แต่พอได้ยินเขาพูดว่าเขาจะเลิกวุ่นวายกับเธอทุกเรื่อง
ทำไมนะหัวใจเธอจึงโหยให้อยากให้เขาวุ่นวายกับเธอเหมือนเดิม
“คุณภูบดินทร์ไม่ได้ทำอะไรผิด เจสซี่ต่างหากที่ต้องขอโทษ”
หญิงสาวพูดเสียงเครือน้ำตาคลอหน่วย
“ไปแต่งตัวเถอะเจสซี่ อ้อ... ผมเกือบลืมไปผมรู้ตั้งแต่เมื่อคืนว่าเงินคุณหายเกลี้ยง
ดังนั้นผมจะยกหนี้ค่าเหล้าให้คุณ
และเอานี่ไปด้วยเพราะจากนี้จนถึงสิ้นเดือนคุณจำเป็นต้องใช้เงิน
โตจนทำงานได้แล้วคงไม่กล้ากลับไปขอเงินพ่อแม่อีกใช่ไหม
แต่เงินก้อนนี้ผมไม่ได้ให้ฟรีๆ หรอกนะ เอาไว้เงินเดือนออกแล้วค่อยทยอยคืนก็ได้
ไม่ต้องรีบเพราะว่าผมไม่เดือดร้อน”
“ขอบคุณค่ะ เจสซี่จะทยอยคืนแน่นอน”
หญิงสาวน้ำตาร่วงเผาะอย่างตื้นตันใจ
เธอสบตาเขาด้วยความซาบซึ้งนอกจากไม่โกรธ
หรืออาจจะโกรธแต่เขาก็มีความเป็นผู้ใหญ่จึงปรับอารมณ์ได้ดีกว่าเธอ
เรื่องเงินเธอกำลังจนตรอกอยู่พอดียังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะบากหน้าไปหาใครถ้าเขาไม่ยื่นมือเข้ามาช่วย
และการที่เธอไม่ปฏิเสธความช่วยเหลือจากเขาเป็นเพราะเขาบอกเองว่าไม่ได้ให้ฟรีๆ
ถ้าให้ฟรีเธอคงรับไม่ได้อย่างแน่นอนมันละอายใจเกินไป เงินจำนวนนี้มันไม่มากแต่ก็ไม่น้อยมองดูคร่าวๆ
เธอคงจะมีใช้ไปจนถึงสิ้นเดือนแต่ไม่ใช่เดือนนี้มันน่าจะเลยถึงเดือนหน้าโน้นเลย
อพาร์ตเมนต์ในกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ
เพียงก้าวแรกที่ย่างเท้าเข้าไปถึงล็อบบี้ตามที่ผู้ดูแลแจ้งว่ามีคนมาขอพบ
ปนาลีก็ต้องชะงักเท้ายืนนิ่งไปชั่วขณะเธอเกิดความคิดละล้าละลัง
ระหว่างถอยหลังกลับเพราะว่าคนที่มาขอพบเขายังไม่เห็นเธอ
หรือจะเข้าไปพบเขาแล้วพูดกันให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลยว่าอย่าเสียเวลามาพบเธออีกถึงอย่างไรเธอก็ไม่ให้อภัยเขาอย่างเด็ดขาด
แต่เธอก็ไม่เข้มแข็งพอที่จะพูดได้แบบนั้น
หลายครั้งแล้วที่เกือบใจอ่อนเวลาเขามาอ้อนวอนงอนง้อ ดังนั้นเธอจึงเลือกเดินหนีเพราะถึงอย่างไรเรื่องของเธอกับเขาก็ไม่มีวันเป็นไปได้
ในเมื่อผู้ชายอีกคนที่เธอรักเขายังรอคอยเธออยู่อย่างมั่นคง
“ปนาลี... รอผมด้วยสิ”
ภูริชลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วตะโกนเป็นภาษาไทยเสียงดังลั่นอย่างไม่อายใคร
ครั้นเห็นผู้หญิงผมตรงสลวยสีดำขลับความยาวถึงกลางหลังรูปร่างสมส่วนที่เห็นหลังไวๆ
เธอจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากปนาลีผู้ที่เขาบินไกลจากประเทศไทยมาเพื่อพบเธอกำลังเดินหนีเขาไปอีกแล้ว
แต่เขาสาวเท้าก้าวยาวๆ ตามมาจนถึงตัวเธอ
“ปนาลีเมื่อไหร่คุณจะเลิกเดินหนีผมเสียที”
ภูริชพูดอย่างตัดพ้อมือหนาคว้าข้อมือเล็กของเธอเพื่อให้หยุดเดินก่อนที่เขาจะก้าวเข้าไปยืนเผชิญหน้า
หากยังกุมมือนุ่มแต่เย็นเฉียบเป็นเพราะอุณหภูมิติดลบในฤดูหนาวของประเทศอังกฤษไว้แน่นหนาไม่ยอมปล่อย
“คุณต้องถามตัวเองว่าเมื่อไหร่จะเลิกมาวุ่นวายกับฉันเสียทีต่างหาก”
“ปนาลี...”
สายตาว่างเปล่าน้ำเสียงเยียบเย็นไร้เยื่อใยที่ได้เห็นและได้ฟังครั้งแล้วครั้งเล่า
ทำให้ผู้ชายลั้นลาที่ไม่เคยต้องง้องอนหญิงใดมาก่อนอย่างภูริชถึงกับร้องครางอยู่ในอก
เธอยังโกรธเขาไม่เสื่อมคลายแม้เหตุการณ์ครั้งนั้นผ่านมาแล้วสามเดือนก็ตาม
ตอนแรกไม่คิดว่าเธอจะมีความสำคัญกับเขามากมายถึงเพียงนี้ แต่หลังจากมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเธอไปแล้วเขาจึงรู้ว่าเธอวิเศษกว่าผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยสัมผัสมาและอยากรับผิดชอบ
เพราะรู้ว่าเธอเสียใจมากที่เข้าใจผิดคิดว่าเขาคือภูบดินทร์
“กลับไปเถอะค่ะ
หวังว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะได้เห็นหน้าคุณ ลาก่อน...”
ปนาลีสะบัดมือแล้วถอยออกไปยืนห่าง
สายตาเธอมุ่งมั่นมากยามสบตาหม่นแสงของเขา แต่จะมีใครรู้บ้างว่าความเข้มแข็งที่เคลือบฉาบไว้ด้วยคำพูดที่ไร้เยื่อใยมันกำลังจะพังทลายลง
ครั้นเห็นดวงตาแดงก่ำใบหน้าหม่นหมองของผู้ชายที่บินมางอนง้อเธอ ตรงนี้เองมันทำให้หัวใจที่เคยเข้มแข็งและบอกตัวเองมาตลอดว่าเธอจะไม่มีวันให้อภัยมันอ่อนไหวและอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ
จนต้องรีบหันหน้าหนีเมื่อเอ่ยคำอำลาออกไปแล้ว แต่เธอก็ยังได้ยินเสียงของเขาตามมาหลอกหลอนอีกจนได้
“ผมจะไปนั่งรอที่ม้านั่งริมสระในสวนสาธารณะเคนซิงตัน
เจ็ดวันคงเพียงพอที่จะทำให้คุณเชื่อว่าผมจริงใจกับคุณมากแค่ไหน
แต่หลังจากนั้นถ้าไม่เห็นคุณที่นั่น
ผมก็จะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีกทุกอย่างจะเป็นไปตามที่คุณต้องการ
เพราะว่าผมก็พยายามอย่างที่สุดแล้ว”
ภูริชไม่เดินตามไปเหนี่ยวรั้งหญิงสาวที่กำลังเดินหนีเขาอย่างทุกครั้ง
เขาทำเพียงลั่นวาจาอย่างมั่นคงออกไปเพื่อให้เธอได้ยิน
แต่เขาไม่มั่นใจเลยสักนิดว่าคนใจแข็งอย่างเธอจะสนใจคำพูดของเขา
เพราะเธอยังรักและมั่นคงต่อภูบดินทร์ความจริงข้อนี้มันทำให้เขาปวดใจไม่น้อยเลยทีเดียว
นอกจากปวดใจที่เธอไม่รักแล้วเขายังปวดใจเรื่องภูบดินทร์พี่ชายฝาแฝด
เขายังไม่รู้ว่าจะบอกภูบดินทร์ได้อย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น
แต่เขาจะพักเรื่องของพี่ชายเอาไว้ก่อนเวลานี้สิ่งที่เขาต้องทำคือง้อปนาลีให้สำเร็จเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง
พี่น้องกันคงไม่ถึงขั้นฆ่ากันตายเขาคิดอย่างเข้าข้างตัวเอง
โปรดติดตามต่อ...
วันจันทร์ค่ะ
สาวๆ
ที่รัก ระบำอารมณ์-อีบุ๊ก วางจำหน่ายที่เว็บเมพ แล้วนะคะ ตามลิงค์ไปได้เลยค่ะ
|
ความคิดเห็น