ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ซาตานสอนงานรัก

    ลำดับตอนที่ #17 : Chapter 9 (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.29K
      1
      22 มิ.ย. 64



    เช้าตรู่ของวันใหม่หญิงสาวกะพริบตาถี่ๆ ขับไล่ความรู้สึกอ่อนไหว เมื่อตื่นขึ้นมาพบว่านอนอยู่ตามลำพัง หลังจากเสร็จสมอารมณ์หมาย บาสเตียนคงย้ายไปนอนเตียงของเขาที่เสริมเข้ามาอีกหนึ่งเตียงในห้องเดียวกัน เขาคงไม่ชินที่จะนอนกับใครสักคนจนถึงเช้า และไม่มีข้อยกเว้นแม้แต่เธอ หญิงสาวบังคับน้ำตาที่กำลังจะรินให้ไหลกลับเข้าไปภายใน เธอสูดหายใจลึกพร้อมทั้งดุตัวเอง เธอยังจะหวังอะไรจากเขาล่ะ ผู้ชายที่มีโลกส่วนตัว ผู้ชายที่ไม่พร้อมจะมีภรรยาและลูก ผู้ชายที่ไม่ศรัทธาในความรักชั่วนิจนิรันดร์ เพราะปมขัดแย้งของพ่อแม่ที่เขาเคยเห็นตั้งแต่เด็กและชีวิตครอบครัวที่ล้มเหลวของน้องสาว เธออยากจะช่วยลบล้างปมในใจของเขา อยากช่วยเขาเพื่อตัวเอง มันอาจเป็นความเห็นแก่ตัวไปสักหน่อย แต่หญิงสาวยอมรับกับตัวเองแล้วว่า ทั้งหมดทั้งมวลนั้นเป็นเพราะเธอรักเขา

    หญิงสาวหันมองไปที่เตียงของเขาอย่างหม่นหมอง ก่อนจะพบว่ามันเรียบตึงเหมือนยังไม่มีคนนอน เธอจึงพลิกตัวลงไปจากเตียง

    “บาสเตียน คุณมานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้คะ” หญิงสาวถามหลังจากเปิดประตูห้องนอนออกมา ไม่คิดว่าจะเห็นเขานั่งก้มหน้าเท้าแขนไว้กับหัวเข่าของตัวเอง ข้างๆ เขามีขวดบรั่นดีเปล่าวางอยู่หนึ่งใบ แสดงว่าออกมาดื่มต่อจนหมดและไม่รู้ว่าเขานั่งแบบนี้อยู่นานเท่าไร

    ผู้ที่ถูกเรียกเงยหน้าขึ้น เลื่อนมือจากหัวเข่าขึ้นมาบีบต้นขา ถอนหายใจแรงๆ สายตาอึมครึมราวกับพยายามปกปิดความรู้สึกไม่อยากให้เธอรู้

    “ตื่นแล้วหรือ พิ้งกี้”

    “ค่ะ มีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ บาสเตียน” เธอแล้วเดินเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามกับเขา เขาสบตาเธอนิ่งแล้วเงียบไปอึดใจหนึ่ง

    “ฉันจะกลับบ่ายวันนี้แล้ว”

    “ค่ะ คุณบอกฉันแล้ว”

    “ฉันอยากให้เธอกลับไปพร้อมกัน” เสียงพูดของเขาเหมือนไม่มั่นใจ กระดากใจพิกล แต่นัยน์ตาสีฟ้าของเขามีแววมุ่งมั่น

    “ทำไมคะ” แค่เขาชวนหัวใจเธอก็พร้อมจะโบยบินกลับไปกับเขาแล้ว แต่อยากรู้ว่าทำไม อยากรู้ว่าเขาจะมีเหตุผลดีๆ ให้เธอได้ชื่นใจบ้างไหม

    บาสเตียนกลอกตาทำท่าครุ่นคิด “ฉันคิดว่าคุณย่า แพทริค และอเซลีน คงคิดถึงเธอ”

    หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ เม้มริมฝีปากแน่นอยู่พักหนึ่ง รู้สึกผิดหวังไปหมด “ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นหรอกค่ะ ก่อนมาฉันบอกคุณท่านแล้วนี่คะ ท่านอนุญาตแล้ว”

    “แต่เด็กๆ ไม่รู้ พวกแกคงถามถึงเธอ”

    “นี่เป็นเหตุผลทั้งหมดที่คุณอยากให้ฉันกลับพร้อมคุณเหรอคะ”

    เธอตัดสินใจถามตรงๆ

    บาสเตียนอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ไม่ทั้งหมดหรอก ความจริงฉัน...”

    “อะไรคะ” เธอถามจี้พร้อมทั้งจ้องหน้าเขาอย่างลุ้นๆ รอฟังคำตอบ

    “ฉันคิดว่าฉัน... เริ่มจะชินที่มีเธออยู่ด้วย”

    “แล้วยังไงคะ” เธอกระตุ้นถามเมื่อเขาหยุดไปดื้อๆ

    เขากลั้นลมหายใจอยู่ช่วงหนึ่งก่อนจะปล่อยให้พุ่งพรวดออกมาด้วยเสียงไม่มั่นคง “ก็ถ้าไม่มีเธอกลับไป มันคงเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง ขาดแม่บ้าน คนทำอาหาร แล้วไหนจะคนดูแลสวนคุณย่าอีกล่ะ”

    “แค่นี้เองเหรอคะ”

    ชายหนุ่มกลอกตามองเธอแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาคิดว่าเขามองเห็นอะไรบางอย่างจากริมฝีปากที่เม้มน้อยๆ ดวงตาที่ฉายแววเศร้าๆ ก่อนที่มันจะหายไปในทันทีเมื่อรู้ตัวว่าถูกมอง

    “ฉันคิดว่าคงหมดแล้วนะ

    อ๋อ ค่ะ” หญิงสาวฝืนยิ้มแล้วลุกขึ้นจะหลบเข้าไปในห้องนอน ขืนนั่งอยู่ต่อ มีหวังต้องร้องไห้ให้อับอายเขาแน่ เขาอยากให้เธอกลับไปพร้อมเขา เพราะเขาไม่อยากขาดแม่บ้าน คนทำอาหาร คนสวน และอีกอย่างที่เขาไม่ได้พูดน่าจะเป็นคู่นอนที่ให้ความสะดวกกับเขาสินะ

    “พิ้งกี้ เธอยังไม่ได้ให้คำตอบฉันเลยนะ” เสียงเรียกของเขาดังขึ้น เมื่อเธอหันหลังให้ ร่างบางหยุดเดิน สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จนทรวงอกสะท้าน หันกลับมาช้าๆ ปั้นหน้ายิ้มบางๆ

    “ถ้ามีแค่เหตุผลที่คุณพูดมา ฉันยังยืนยันเหมือนเดิมค่ะ เรื่องอาหารรบกวนคุณออกไปกินนอกบ้านก่อน เรื่องคนทำความสะอาดและคนสวนไม่ต้องห่วงค่ะ คุณท่านจ้างคนมาดูแลแทนแล้วระหว่างที่ฉันไม่อยู่” บอกเสร็จเธอหมุนตัวเตรียมผละไปอีก

    “ฉันต้องการเธอ พิ้งกี้” เขาพูดรัวกลัวเธอจะหมุนตัวจากไป พอรู้ว่าพูดอะไรออกไป สีหน้าท่าทางเขาเหมือนคนขาดความมั่นใจอยู่พักหนึ่ง ยกมือขึ้นสางผมซึ่งไม่ใช่บุคลิกของเขา ไม่เหมือน บาสเตียน อัลเบลลาร์ด ผู้ที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และความมั่นใจ “เอ่อ ฉันหมายถึงฉันไม่ต้องการให้ใครเข้าไปวุ่นวายในบ้านถ้าไม่ใช่เธอ”

    เธอฝืนยิ้มจนเมื่อยแก้ม “คุณต้องฝึกให้ชินค่ะ บาสเตียน เพราะฉันก็ไม่คิดว่าจะอยู่บ้านหลังนั้นกับคุณตลอดไปนี่คะ”

    “พิ้งกี้!” เสียงเขาเข้มข้นปนโกรธ ดวงตาสีฟ้าวาวโรจน์ เมื่อเธอหันหน้าหนีเขาอีกครั้ง “เธอจะบังคับให้ฉันพูดให้ได้ใช่ไหม ใช่ มันเป็นความต้องการของฉันด้วย ฉันอยากให้เธอกลับไปพร้อมฉัน”

    เธอหันกลับมาถามนิ่งๆ “เพราะอะไรคะ”

    เขาขึงตาใส่เธออีก “นี่ ยัยจอมวายร้าย แค่นี้ยังไม่พอใช่ไหม เธอจะต้องการให้ฉันอับอายไปถึงไหน ฉันไม่เคยต้องง้อผู้หญิงมาก่อนเลยนะ เธอเป็นคนแรก” ท้ายประโยคเสียงเขาลดระดับลงกลายเป็นพึมพำแล้วเม้มริมฝีปากแน่น

    “เพราะอะไรคะ” เธอยังทำหน้านิ่งถามซ้ำ

    “เพราะฉัน... ฉันเริ่มไม่ชินที่จะอยู่โดยไม่มีเธอไงล่ะ” สีหน้าเขาเจ็บปวดและมีแววอาฆาตคนบังคับให้เขาสารภาพ

    นี่ไม่ใช่การสารภาพรัก แต่เธอก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร หญิงสาวฉีกยิ้มเร่งให้น้ำตาเม็ดโตแห่งความซาบซึ้งหล่นลงมาเร็วขึ้น เธออ้าแขนเมื่อเขาเดินเข้ามาหา โอบรอบกายเขา เมื่อเขาสอดมือแกร่งมาโอบกอดร่างเธอแนบแน่น เธอพูดชิดอกกว้างของเขา กลิ้งใบหน้าไปมาให้เสื้อใส่นอนของเขาช่วยซับน้ำตา

    “บาสเตียน ทำไมคุณต้องทำให้ฉันเสียน้ำตาเยอะขนาดนี้ด้วยนะถึงจะยอมพูด”

    “เธอนี่มันร้ายกาจจริงๆ ฉันจะทำยังไงกับเธอดีนะ” เขาจับแขนเธอแล้ว ดันออกสุดปลายแขน หรี่ตาแคบลงมองเธออย่างอาฆาตแล้วดึงเข้ามา จูบเธอแรงๆ ฟันเกือบกระทบกันแล้วสอดลิ้นเข้าไปในปากเธอ

    ความปรารถนาระเบิดวาบทั่วร่างของเธอ หญิงสาวจูบตอบรับสนองความเกรี้ยวกราด จิกมือแน่นในกลุ่มผมเขา ชายหนุ่มร้องครางเสียงต่ำเซ็กซี่ดังลึกในลำคอ สะท้านสะท้อนทั่วร่างเธอ บาสเตียนถอนจูบหอบหายใจ แววตาวาวด้วยความใคร่ เผาผลาญเลือดในกายเธอให้ร้อนแรงแล่นพล่านไปทั่วกาย

    “เป็นการลงโทษที่หอมหวานที่สุด และฉันก็เต็มใจอย่างยิ่งที่จะถูกคุณลงโทษหนักกว่านี้ค่ะบาสเตียน” เธอผละออก แหงนศีรษะไปข้างหลังยิ้มอย่างเชิญชวน

    “เธอนี่ นอกจากปากดียังยั่วยวนสุดๆ” สิ้นคำนั้นเขาก้มลงอุ้มเธอพาดบ่า แล้วฟาดก้นงอนๆ ไปหนึ่งที หญิงสาวดีดดิ้นหัวเราะร่าเริงอยู่บนบ่าของเขา จากนั้นพาเดินเข้าไปในห้องนอน วางร่างนุ่มละมุนบนเตียงของเธอ สลัดเสื้อผ้าออกจากร่างเธอและเขาอย่างรวดเร็ว “บอกไว้ก่อนเลยนะ ครั้งนี้ไม่มีคำว่าปรานี”

    อัญนิกานอนยิ้ม ดวงตาหวานเยิ้ม บิดกายยั่วยวน “อย่าเสียเวลาเลยค่ะ”

    “เธอนี่มันเป็นจอมวายร้ายจริงๆ”

    บาสเตียนพุ่งเข้าหาโดยไม่ต้องโหมโรง ร่างกายของทั้งสองพร้อมพรักเต็มที่ เป็นร่วมรักรับอรุณที่เร่าร้อนหนักหน่วง เมื่อผ่านความรักอันร้อนแรงยิ่งกว่าครั้งไหนๆ และอัตราการเต้นของหัวใจกลับมาเป็นปกติแล้ว เธอลืมตามองใบหน้าชายอันเป็นที่รัก บาสเตียนนอนกอดเธออยู่ สีหน้าเขาอ่อนโยนอบอุ่น เธออยากรู้ว่าเขาจะพูดอะไรกับเธอไหม และเหมือนเขาจะรู้ความคิดจากสายตาที่เธอมองเขา

    “เรามีเรื่องต้องคุยกันพิ้งกี้” เขายันศอกยกตัวสูงขึ้น ลูบไล้หัวไหล่เนียนไปมา

    “เรื่องอะไรคะ” เธอแกล้งไม่รู้

    “แน่ใจหรือว่าไม่รู้”

    “ค่ะ”

    เขาถอนใจแรงเมื่อเธอเริ่มยียวน สัมผัสจากมือใหญ่เริ่มกระด้างนิดๆ เชยปลายคางเธอขึ้นมาให้มองเขา “ที่ผ่านมาฉันกับผู้หญิงทุกอย่างมันคือเซ็กส์ไม่ใช่เมกเลิฟ” เขาหยุดถอนใจอีกเฮือก “แต่สำหรับเธอมันแตกต่าง ฉันแคร์เธอ และฉันทนไม่ได้หากถูกเธอมองว่าฉันเป็นคนเห็นแก่ตัว ขณะเดียวกันฉันก็ยังคงมุ่งมั่นถึงความตั้งใจเดิม ฉันไม่อยากมีครอบครัว ไม่อยากมีลูก ความสัมพันธ์ของเราควรเป็นรูปแบบไหนดี พิ้งกี้” ขณะที่ถามสายตาของเขาไม่ละไปจากเธอ

    นั่นสิ มันควรเป็นแบบไหนดี ลมหายใจหญิงสาวสะท้านขาดห้วงกับสิ่งที่ได้ยิน มือเขาบนปลายคางของเธอเย็นเยียบ ดวงตาสีฟ้าของเขามัวหม่นไม่ต่างจากเธอ เห็นได้ชัดว่าเขาขยาดการมีครอบครัวแต่เขาก็อยากมีเธอ จะโหดร้ายเกินไปไหมถ้าจะยื่นข้อเสนอว่า ถ้าเขาต้องการเธอนั่นหมายถึงการมีครอบครัว หรือเธอควรใช้ชีวิตแบบผู้คนในยุคปัจจุบันคืออยู่ด้วยกันก่อน ถ้ามั่นใจว่าไปด้วยกันได้ค่อยคิดถึงเรื่องแต่งงาน น่าเศร้าตรงที่บาสเตียนไม่คิดที่จะอยู่ด้วยกันเพื่อเรียนรู้กันและกันนี่สิ อัญนิกาครุ่นคิดด้วยความสับสน

    “ทำไมเงียบไปล่ะ พิ้งกี้” เขาบีบปลายคางเรียวแรงขึ้น

    “บอกตรงๆ ฉันกำลังสับสนค่ะ บาสเตียน” เธอบอกพลางดันมือเขาออกจากปลายคาง แล้วพลิกตัวนอนหันหลังให้

    “เธอสับสนสถานะของเราใช่ไหม” เขาทิ้งตัวลงนอนหนุนหมอนดึงแผ่นหลังเธอเข้ามากอดกระชับ

    “ใช่ค่ะ ฉันสับสนสถานะของเรา และฉันกำลังคิดว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป หากวันหนึ่งคุณเบื่อฉัน”

    บาสเตียนกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น กดปลายจมูกลงบนเรือนผมนุ่มหอม สูดหายใจเข้าไปแรงๆ “ฉันมั่นใจว่าจะไม่มีวันนั้น วันที่ฉันเบื่อเธอ พิ้งกี้”

    “แต่คุณก็ไม่ได้รักฉัน คุณแค่อยากได้ฉัน อยากครอบครองฉัน”

    เธอเอียงใบหน้ามองเขา

    ชายหนุ่มถอนใจแรง “ก็อาจจะใช่ แต่ถึงอย่างไรฉันก็คิดจะอยู่กับเธอเหมือนเพื่อนสนิท เราจะอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า เธอว่าน่าสนใจไหม”

    “เพื่อนสนิทแต่หน้าท้องติดกันนี่นะ บาสเตียน” หญิงสาวทำหน้าบึ้ง แต่อดยิ้มไม่ได้ มันเป็นข้อเสนอที่ตลก เห็นแก่ตัว แต่มันก็ไม่เลวนัก

    บาสเตียนหัวเราะหึๆ “ใช่ ใช่ เพื่อนสนิทหน้าท้องติดกัน ฉันว่ามันเวิร์กกว่าการเป็นคนรักกันอีกนะ ตกลงเธอเห็นด้วยกับฉันไหม” เขายันศอกยกตัวสูงขึ้นกดจมูกแนบแก้มนุ่มเคล้าคลึงเบาๆ ร่างกายเริ่มผ่อนคลาย

    หญิงสาวพลิกตัวกลับมาหาเขา “ก่อนฉันจะตอบว่าตกลงหรือไม่ ฉันอยากรู้ว่าเงื่อนไขมีอะไรบ้างในการเป็นเพื่อนสนิท” เธอขยับตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขา เงยหน้าขึ้นสบตาเขา

    “ไม่มีอะไรยุ่งยากเลย อยู่กันแบบที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้แหละ ดูแลแบ่งปันทุกข์สุขให้แก่กัน”

    “คุณจะมีอะไรกับผู้หญิงอื่นอีกไหม นอกจากเพื่อนสนิทอย่างฉัน”

    “แหงอยู่แล้วเรื่องนี้”

    “โอเค และคุณคงจะไม่จำกัดสิทธิ์ฉันกับผู้ชายอื่นเช่นกัน เรื่องนี้ถือว่าแฟร์” เธอกัดฟันพูด

    ดวงตาของบาสเตียนเบิกโพลง ตัวแข็งทื่อ ใบหน้าบึ้งตึง บีบปลายคางมนแน่น “ไม่ ไม่ เรื่องนี้ต้องยกเว้นสำหรับเธอ”

    “ไม่ยุติธรรมเลย บาสเตียน”

    “ยุติธรรม ฉันเป็นผู้ชายนะ ไม่เสียหายอะไร”

    “งั้นฉันไม่ตกลง ถ้าฉันมีอะไรกับคนอื่นไม่ได้ ฉันก็ขอสั่งห้ามไม่ให้คุณมีคนอื่นนอกจากฉัน ระหว่างที่เรายังเป็นเพื่อนสนิทกันอยู่”

    ชายหนุ่มคลายมือออกทำหน้าละห้อยนิ่งไปพักหนึ่ง “ก็ได้ ฉันจะไม่มีใครนอกจากเธอเพียงคนเดียว”

    หญิงสาวยิ้มละไม “เยี่ยมมาก เรื่องนี้ถือว่าผ่าน ข้อต่อไป คุณจะพาฉันออกไปนอกบ้านบ้างไหมระหว่างที่เราเป็นเพื่อนสนิท... หน้าท้องติดกัน”

    “เธอไม่ต้องเน้นมากก็ได้คำนั้น ฉันก็เขินเป็นนะ” เขาบีบปลายจมูกเธอแรงๆ

    “คุณยังไม่ได้ตอบเลย”

    “ก็แหงอยู่แล้วล่ะ เธอคิดว่าฉันจะเก็บให้เธอเป็นนางก้นครัวให้อยู่แต่ในบ้านหรือไง บางครั้งธุรกิจของฉันต้องเดินทางไปโน่นไปนี่ เธอต้องไปกับฉันด้วย”

    “ถ้าเราต้องออกไปข้างนอกบ้าน คุณจะแนะนำฉันให้คนอื่นรู้จักฉันในฐานะอะไรคะ”

    “ทำไมถามมากจัง”

    “ฉันอยากรู้ จะได้ทำตัวถูก”

    “ไม่เห็นจะยาก ก็บอกว่าเธอเป็นญาติของฉัน ความจริงมันควรเป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอ เพราะเธอเป็นหลานสาวของพรรณราย”

    “อืม แสดงว่าคุณจะไม่กอดจูบฉันเวลาที่อยู่ต่อหน้าคนอื่นอย่างนั้นใช่ไหม เพราะเราเป็นญาติกัน ฉันเข้าใจละ” หญิงสาวกลั้นยิ้มพูดหน้าตาเฉย

    “เวรเอ๊ย ฉันลืมคิดเรื่องนี้ไป เป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะไม่กอดจูบเธอเวลาที่เราออกไปข้างนอกด้วยกัน มันก็ต้องมีบ้างแหละ เธอออกจะน่ารักแบบนี้” พูดจบเขาก้มลงมาเอาจมูกชนกับเธอแล้วดูดริมฝีปากล่างเธอเบาๆ

    “แต่เราเป็นญาติกันนะ อย่าลืม”

    นรกสิ แต่ก็ได้ๆ ฉันจะพยายาม”

    “โอเค ผ่านไปอีกหนึ่งเรื่อง แล้วกับคุณท่านหรือครอบครัวคุณล่ะ”

    เขากลอกตา “ครอบครัวฉันไม่ใช่ปัญหาหรอก เพราะฉันไม่แคร์ ยกเว้น

    คุณย่า ท่านคงผิดหวังที่ส่งเธอมาแต่ไม่บรรลุวัตถุประสงค์ของท่าน แต่มันช่วยไม่ได้จริงๆ นี่ขอร้องละ อย่า... เธออย่าทำหน้าเศร้า เพราะถ้าเธอคิดแบบนั้นเราจะอยู่ด้วยกันไม่ได้ ข้อเสนอของเรากำลังไปได้สวย มันไม่เหมือนใคร และเราไม่จำเป็นต้องทำตามความต้องการของใคร”

    “แย่จัง คุณพูดดักทางฉันไว้หมดแล้ว ฉันเลยเศร้าไม่ทัน” เธอทำปากยื่นๆ ใส่เขา

    บาสเตียนยิ้มกรุ้มกริ่ม “บ่ายวันนี้กลับพร้อมฉันนะ ฉันจะให้โธมัสจัดการเรื่องตั๋วให้ เอาตามนี้นะ”

    “ค่า... เพื่อนเกลอ” เธอลากเสียงล้อเลียน

    “เธอน่ารักจัง พิ้งกี้” เขากดจมูกลงที่หน้าผากนวล สูดดมความหอมกรุ่นของผิวเนื้อสาว

    “น่ารักแต่ก็ไม่รักนี่”

    “รักสิ รักแบบเพื่อนสนิทไง” เขาว่าเย้าแหย่

    “คงเป็นเพื่อนสนิทที่คิดไม่ซื่อน่ะสิ”

    เสียงหัวเราะที่ประสานกันดังก้องตอนเช้าวันใหม่ เธอไม่คิดว่าจะเป็นไปได้แต่มันเกิดขึ้นแล้ว หลังเธอกับเขาตกลงเรียกความสัมพันธ์ลึกซึ้งที่มีต่อกันว่า ‘เพื่อนสนิท’ ที่คิดไม่ซื่อ อัญนิกาลอมยิ้ม ไม่มีทางที่เธอจะพอใจเพียงแค่นี้หรอก เธอรักเขา และรู้ว่าเขาต้องการเธอ แคร์เธอ เธอจะอาศัยความใกล้ชิดค่อยๆ เปลี่ยนแปลงความคิดของเขาไปทีละนิดๆ เรื่องการมีครอบครัวที่สมบูรณ์ ชีวิตรักชั่วนิรันดร์ที่เขาคิดว่าเป็นไปไม่ได้ เธอจะทำให้เป็นไปได้ เธอฝันไกลถึงการมีลูกที่น่ารักซึ่งจะเป็นโซ่ทองคล้องใจเขา แต่มันคงต้องอาศัยเวลาและไม่ว่าจะนานกี่วัน กี่เดือน กี่ปี เธอจะอดทน


    โปรดติดตามต่อเย็นนี้อีกรอบ 18.00 น.ค่ะ

    โปรดแซ่บ!!! อีบุ๊ก วางจำหน่ายแล้วทีเมพ 
    โปร ราคาเบาๆ 119 บาท 
    หมดเขต 22 มิ.ย. 64 ค่ะ

    อย่าพลาด


    Thumbnail Seller Link
    ซาตานสอนงานรัก
    จันทร์กระจ่าง
    www.mebmarket.com
    CEO หนุ่มชื่อก้องแห่งโลกธุรกิจโลจิสติกส์ ผู้ที่มองผู้หญิงเป็นเพียงขนมหวานหลังอาหารสามเวลา ‘บาสเตียน อัลเบลลาร์ด’ ต้องประหลาดใจกับ ‘ข...
    Get it now
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×