คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 4 (50%)
Chapter
4
“นี่มันอะไรกันเนี่ย
ฉันต้องการนอนแช่น้ำอุ่นให้ร่างกายผ่อนคลาย
ไม่ได้ต้องการเล่นปาร์ตี้โฟมในอ่างอาบน้ำ”
บาสเตียนก้าวเข้ามาในห้องน้ำ
กวาดสายตามองฟองครีมลอยฟ่องแทบล้นออกมาจากอ่างจากุซซีด้วยสายตาไม่พอใจ
ก่อนหันมาขึงตาใส่ผู้แพ้ที่ยืนยิ้มกวนโมโหอยู่ด้านข้าง บ้าชะมัด
เธอรู้ทันแบบนี้เขาก็หมดโอกาสนอนอวดเรือนร่างสุดเซ็กซี่ยิ่งกว่านักฟุตบอลคนโปรดของเธอน่ะสิ
อัญนิกายิ้มแฉ่ง
“ฉันพลั้งมือเทครีมเยอะไปหน่อยค่ะ”
“ไม่หน่อยหรอก
น่าจะสามขวด” เขาว่าประชด เริ่มถอดเสื้อผ้าออก
“เชิญตามสบายค่ะ”
บอกเสร็จเธอหันหน้าหนีไปทางหนึ่ง ระหว่างที่รอให้เขาถอดเสื้อออก และก้าวลงไปในอ่างให้เรียบร้อยเสียก่อน
‘อีตาบ้า’ เธอตำหนิในใจ ‘นี่ตั้งใจจะแก้ผ้าต่อหน้าฉันหรือไงนะ’
เธอจงใจเทครีมใส่ลงไปสามขวดแล้วเปิดน้ำใส่แรงๆ เพราะอยากให้มีฟองฟอดเต็มอ่างจะได้ช่วยอำพรางภาพที่เธอไม่ควรเห็น
ขณะกำลังถูหลังให้เขา
ผ้าร่วงลงกระทบพื้นกระเบื้องเสียงเบา
ตามด้วยโลหะเสียงดังแกร๊กน่าจะเป็นหัวเข็มขัด ตามด้วยเสียงรูดซิป โอ...
ช่างเป็นเสียงที่บาดใจอะไรอย่างนี้ อัญนิกาเริ่มหายใจไม่เต็มอิ่ม สูดลมหายใจลึกๆ
หัวสมองจินตนาการอย่างต่อเนื่องว่าตอนนี้เขากำลังกางเกงขายาว แล้วตามด้วยกางเกงชั้นใน
จากนั้นเขาก็... เธอสะดุ้ง เมื่อเขาส่งทุกอย่างที่ถอดออกยื่นข้ามไหล่มาให้
หญิงสาวตัวเกร็งค่อยๆ
เอียงคอมอง ข้อศอกเขาวางพาดอยู่บนไหล่เธอ ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า ตัวเขายืนห่างจากเธอมากเท่าไร
หนึ่งนิ้ว หนึ่งเซนติเมตร หรือหนึ่งมิลลิเมตร เธอเดาว่าน่าจะเป็นอย่างหลัง
เพราะไม่ใช่แค่ไหล่ ตอนนี้ไอร้อนจากตัวเขาเอิบอาบผิวกายเธอไปทั่วร่าง
หญิงสาวรวบทุกอย่างที่เขาส่งมาให้
ดันตัวเดินไปข้างหน้าก่อนที่แรงดึงดูดมหาศาลจากทุกส่วนของร่างกายเขาจะล่อลวงเธอ
ดูดกลืนเรี่ยวแรงของเธอทำให้ เธอร้อนรุ่มจนหลอมละลาย เธอเดินตรงไปยังตะกร้าผ้ามุมห้อง
วางทุกอย่างลงไป
“คุณลงไปในอ่างหรือยังคะ
บาสเตียน”
“ลงแล้ว”
เสียงเขาทุ้มและเย้ายวน
หญิงสาวค่อยๆ
หันไปอย่างลังเล ลมหายใจที่กลั้นไว้พรูพรวดออกไป เมื่อเห็นตัวเขาจมอยู่ใต้ฟองครีมอย่างที่เธอคาดหวัง
ร่างกายเขาส่วนที่โผล่ขึ้นมาเริ่มจากช่วงอกกว้าง แขนทั้งสองข้างวางพาดขอบอ่าง
เธอหยิบฟองน้ำแล้วเดินไปคุกเข่านั่งชิดขอบอ่าง
“หันหลังมาสิคะ
ฉันจะถูให้” เธอบังคับเสียงให้พูดเป็นงานเป็นการ
“ใจร้อนจัง
พิ้งกี้”
เขาดึงฟองน้ำนุ่มไปจากมือเธอ
ผิวปากเป็นเพลงเบาๆ จุ่มมันลงไปในฟองครีมฟูฟ่อง
ยกขึ้นลูบไล้แขนแกร่งสลับกันทั้งสองข้าง รักแร้ ซอกคอ กล้ามอกหนั่นแน่น
จากนั้นลากต่ำลงไปใต้ฟองครีม แม้มองไม่เห็นแต่เธอรู้สึกได้จากลีลายั่วยวนของเขา
ว่าตอนนี้ฟองน้ำสัมผัสร่างกายส่วนไหนของเขาอยู่
สายตาเซ็กซี่ที่ตรึงสายตาเธอทำให้นึกถึง Channing Tatum นักแสดงนำเรื่อง
Step up ที่ตรึงสายตาหญิงสาวในผับ
ขณะอวดท่าเต้นร้อนแรงและโชว์เรือนกายแข็งแกร่งสุดเซ็กซี่ขยี้ใจสาว
อัญนิกาจิกนิ้วลงบนฝ่ามือที่เริ่มเกร็ง
ไม่ใช่แค่มือ ยอดอกของเธอชูชันเบียดเนื้อผ้า ความร้อนพุ่งตรงไปยังจุดศูนย์กลางของความเป็นหญิง
ร่างกายเธอตอบสนองการเล้าโลมด้วยสายตาท่าทางของเขาอย่างง่ายดาย
เธอคิดอย่างน่าละอาย
ถ้าเป็นร่างกายแข็งแกร่งของเขาบนตัวเธอจะให้ความร้อนแรงมากแค่ไหน
ใบหน้าของหญิงสาวเห่อร้อน พยายามขจัดความคิดฟุ้งซ่าน และเธอจะไม่ทนให้ร่างกายจอมทรยศทำให้เธออับอายมากกว่านี้
“คุณคงไม่ต้องการคนช่วยถูหลังแล้ว
งั้นฉันขอตัวก่อนค่ะ” บอกเสร็จลุกขึ้นยืนแต่บาสเตียนไวกว่า
เขาเอื้อมมาคว้าข้อมือเธอไว้แล้วยัดฟองน้ำมาใส่มือเธอ
“ลงมือเลยสิ”
เขายิ้มโชว์ฟันขาว หันหลังให้แล้วยืดตัวนั่งหลังตรง มือสองข้างเกาะขอบอ่างไว้
อัญนิกาแทบกลั้นหายใจ
ลูบฟองน้ำอ่อนนุ่มลงบนไหล่ของเขาด้วยมือสั่นๆ
จากนั้นลากไปตามแผ่นหลังกว้างที่โผล่ขึ้นมาเหนือฟองครีม
“ต่ำลงไปอีก
ถูให้ทั่วหลังสิ” เขาพูดพึมพำเหมือนกำลังบ่น และดูเหมือนเขาไม่พอใจในผลงานของเธอเลย
บาสเตียนดึงฟองน้ำโยนทิ้งแล้วเอียงคอมาบอก “ใช้มือดีกว่า ฉันรู้สึกว่าฟองน้ำมักจั๊กจี้เกินไป”
“อะไรกันเนี่ย
คุณอย่าเล่นนอกกติกาสิ” หญิงสาวขึงตาใส่เขา
“เปล่าซะหน่อย”
เขาส่ายหน้าพลางทำตาใสซื่อแต่กลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่
“เปล่าเหรอ
งั้นต้องให้ฉันใช้ฟองน้ำสิ” หญิงสาวจะลุกไปหยิบฟองน้ำแต่เขาก็หันมาคว้าแขนเธอไว้อีก
“ฉันอยากให้เธอใช้มือ
มันดูเหมือนเธอใส่ใจกับการทำงาน ไม่ใช่ลากฟองน้ำไปมา
รู้ไหมว่ามันชวนสยิวมากกว่าทำให้สะอาด”
“อย่าพูดกับฉันด้วยภาษาแบบนี้นะคะ”
เธอตำหนิ เม้มริมฝีปากแน่น แกะมือเขาที่จับรอบแขนเรียวเธอออก
“แค่คำพูดพื้นๆ
ที่คนเขาใช้กันทั่วไป”
“ฉันไม่ชอบฟังค่ะ”
“อีกหน่อยเธอจะชอบและอยากฟังซ้ำ
เชื่อฉันสิ” เขายิ้มอย่างยั่วยวน
“แต่ไม่ใช่กับคุณหรอก
คิดว่าตัวเองเป็น เดวิด เจมส์ แกนดี้ หรือไงคะ”
เธอว่าประชด
บาสเตียนหัวเราะ
“นั่นก็ขวัญใจของเธออีกคนหนึ่งเหรอ แต่ถ้าจะว่ากันจริงๆ หน้าตาของฉันก็ไม่เลวนะถ้าเทียบกับแกนดี้
เกือบเหมือนฝาแฝดกันเชียวละ ยกเว้น เกิทเซ่ หมอนั่นหน้าอ่อนไปหน่อย
และฉันก็ไม่อยากลดอายุไปแข่งกับเด็ก”
“ใช่สิ
คุณแก่แล้วนี่ เกิทเซ่เพิ่งอายุยี่สิบต้นๆ คุณน่ะจะสี่สิบปีอยู่แล้ว”
เมื่อได้ทีมีหรือเธอจะพลาด
หญิงสาวหัวเราะเยาะเขาจนตัวงอ
แทนที่จะโกรธบาสเตียนกลับยิ้มชั่วร้าย
“เรื่องแบบนี้แก่หรือหนุ่มไม่ใช่ปัญหาหรอก หวานใจ ผู้ชายเขาวัดกันที่ความอึด...
ต่างหากล่ะ”
“นี่
คุณกำลังพูดจาส่อไปทางลามกอนาจารกับฉันอยู่นะคะ บาสเตียน อัลเบลลาร์ด” หญิงสาวพูดตวัดเสียง
เขาหัวเราะก๊าก
“โอเค ฉันยอมสงบศึก ทำงานของเธอต่อให้เสร็จแล้วกัน”
เขาคว้าข้อมือเธอไปวางบนไหล่หนาแล้วจึงหันหลังให้
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ
หลับตาลงครู่หนึ่ง พยายามคิดว่าเขาเป็นเด็กชายแพทริค มือซ้ายเหนี่ยวไหล่หนาไว้
มือขวาถูเบาๆ ลงไปตามแผ่นหลังกว้างของเขา
ทว่าฟองนุ่มกับแผ่นหลังเรียบตึงแสนเย้ายวน ทำให้ลมหายใจของเธอสะดุด มือสั่นสะท้าน
มีอะไรบางอย่างพลุ่งพล่านวูบไหวอยู่ในตัวราวกับอยากจะหาทางออก
มันคือแรงปรารถนาใช่ไหม มันให้ความรู้สึกแบบนี้นี่เอง
“หยุดทำไมล่ะ
พิ้งกี้” เขาหันมาถาม
“พอเถอะ
ฉันคิดว่ามันสะอาดดีแล้วค่ะ” เธอรู้ว่าเขามองหน้า แต่เธอไม่ยอมเงยหน้าขึ้นสบตาเขา
เพราะไม่อยากเห็นรอยยิ้มเย้ายวนของเขา
และเธอไม่ต้องการให้เขาเห็นอาการตอบสนองอันน่าอับอายของเธอ
“พิ้งกี้
เงยหน้าขึ้นมองฉัน” เขาเรียกชื่อเธอด้วยเสียงอ่อนนุ่มเว้าวอน
“ไม่ค่ะ”
หญิงสาวดึงดันที่จะก้มหน้าและลอบกลืนน้ำลาย
“เด็กดื้อ”
เขาหัวเราะเสียงทุ้ม
เป็นฝ่ายเคลื่อนไหวสอดมือเข้าไปในกลุ่มผมของเธอ รั้งท้ายทอยเล็กน้อย
บังคับให้เธอเงยหน้าขึ้น เขาไล้นิ้วโป้งไปตามริมฝีปากล่างของเธอ
แล้วดวงตาสีฟ้าก็สบกับดวงตาเธอจนได้ ดูเหมือนเขาจะพอใจกับสิ่งที่เห็น ดวงตาของเขาเป็นประกายและแน่วแน่อยู่ที่เธอ
ความขบขันเลือนหายไปจากหน้าหล่อเข้ม แล้วเขาก็ก้มหน้าต่ำลงมา เธอสั่นเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้
ตัวแข็งทื่อ ดวงตาหลับพริ้มอัตโนมัติ ริมฝีปากเผยอน้อยๆ
ความสุขสาดเข้าไปทั่วร่างอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่แล้วดูเหมือนว่าสิ่งที่เธอกำลังกังวล
ตื่นเต้น และรอคอยอย่างระทึกใจมันเริ่มไกลออกไป
เมื่อเขาขยับออกห่างแต่ยังประคองใบหน้าเธออยู่
หญิงสาวลืมตาโพลงอยู่ในอาการงงงัน
เธอไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่เธอรู้สึกหน้าชาอับอายเหลือเกิน
การกระทำของเขาล่อหลอกให้เธอหัวหมุน เคลิบเคลิ้ม หลงลืมตัวไปชั่วขณะ
แล้วเธอต้องพบอะไรล่ะ การปฏิเสธ เขาไม่จูบเธอ
เขาแค่ต้องการล้อเล่นกับความรู้สึกของเธอ เขาทำแบบนี้ได้ยังไง
“พิ้งกี้
ฉัน...” เขาหยุดและผละออกไปพิงขอบอ่างด้านใน
ความกระวนกระวายในน้ำเสียงทำให้เธออยากรู้ หญิงสาวเงยหน้าสบตาเขาอย่างไม่เต็มใจ
แววตาของเขามัวหม่นสับสน มีความเป็นกังวล เขายกมือขึ้นเสยผมแรงๆ
“อะไรคะ”
เสียงเธอสั่นพร่าปนขุ่นเคือง
“เธอออกไปเถอะ
ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจขอใช้สิทธิ์ข้อที่สองและสาม”
เขาพูดพึมพำพร้อมกับมองร่างบางที่เดินจากไป
ความปรารถนาในตัวผู้หญิงทำให้เขาคิดแผนการซับซ้อนขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร การถ่ายทอดฟุตบอลทีมโปรดจะดูที่ไหนก็ได้
ไม่ใช่เหตุผลที่เขาต้องกลับมาดูที่บ้าน เขาไม่ควรกลับมาเลยแต่เขาก็กลับมา
ความสัมพันธ์ของเขากับผู้หญิงไม่เคยซับซ้อน
ทุกอย่างตรงไปตรงมา ตั้งอยู่บนเงื่อนไขที่เขากำหนด เขามีเป้าหมายที่ชัดเจน
ไม่มีความผูกพัน และเขารู้ดีว่าอัญนิกาไม่ใช่ผู้หญิงที่จะรับเงื่อนไขของเขาได้
แต่กระนั้นก็ยังไม่เพียงพอที่จะหยุดยั้งเขา เธอทำให้เขาคิดอะไรไม่ออก
ทำให้เขาหัวเราะ และยั่วยวนเขาด้วยใบหน้าอ่อนเยาว์เหมือนเด็ก
เรือนร่างบอบบางน่าทะนุถนอมโดยไม่ต้องใช้อุบายเลยสักนิด
เขาเกือบจะได้ชิมรสชาติหวานล้ำของเธอ เกือบไปแล้วไอ้บ้าเอ๊ย ชายหนุ่มก่นด่าตัวเอง
โชคดีที่เขายั้งใจได้ในวินาทีสุดท้าย
บาสเตียนปล่อยน้ำออกจากอ่าง
ลุกขึ้นเปิดน้ำล้างตัว แย่หน่อยที่ความแข็งขึงยังไม่สงบ
มันทำให้เขานึกถึงการปลดปล่อยด้วยตัวเอง เวรละสิ ย่าทำอะไรกับเขา
ชายหนุ่มหักดิบตัวเองเตรียมพร้อมกับการนอนที่แสนทรมาน ที่อยากจะตะกายฝาผนังมุดเข้าไปใต้ผ้าห่มของหญิงสาวที่นอนห้องติดกัน
ขณะที่อีกห้องหนึ่งอัญนิกาซุกตัวนอนตะแคงอยู่ใต้ผ้าห่มนวมผืนหนา
โผล่แค่ใบหน้าออกมาหายใจแผ่วๆ รู้สึกละอายแก่ใจเมื่อหลุดพ้นออกมาจากความอ่อนไหว
บาสเตียนไม่ต้องการเธอ เขาแค่ล้อเล่น หยั่งเชิง หรืออะไรสักอย่าง เขาไม่ใช่ผู้ชายที่ต้องการความผูกพันกับผู้หญิงอย่างถาวร
ถ้าเธอยอมเธอก็จะเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งของเขา
ผู้หญิงที่เป็นตำนานเรื่องนี้เธอรู้ดี แล้วเธอเกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมาล่ะ น่าอับอายที่สุด
หญิงสาวให้สัญญากับตัวเองว่าเธอจะเลิกหวั่นไหว พรุ่งนี้เธอจะทำหน้าที่ของเธอตามปกติให้ดีที่สุด
ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่มีความหมายอะไรกับเธอ
เช้าวันนี้บาสเตียนเดินตามกลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟเข้ามานั่งที่โต๊ะอาหาร
เขาสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ เตรียมตัวมาพบกับอะไรบางอย่าง เช่น ความโกรธ ท่าทางปั้นปึ่ง
หรือเฉยชาจากแม่บ้านคนสวยของเขา ทว่ากลับไม่เป็นเช่นนั้น
อัญนิกาประคองถ้วยกาแฟของเธอไว้ในมือ สีหน้าเธอเรียบนิ่งยากแก่การเดาใจ
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ
บาสเตียน” อัญนิกาวางถ้วยกาแฟเซรามิกลง เอ่ยทักทายทำเสียงให้ปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้
เมื่อเขานั่งลงฝั่งตรงข้าม
เขาต้องไม่รู้ว่าการกระทำของเขาเมื่อคืนนี้ทำให้เธอเสียศูนย์
“อรุณสวัสดิ์
พิ้งกี้” เขายกคิ้วสูงมองเธออย่างต้องการประเมิน
“คุณจะรับกาแฟเลยไหมคะ”
เธอยิ้มบางๆ เงยหน้าสบตาเขา
“อืม
ก็ดี”
หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ
หลังจากหันหลังเดินไปเตรียมกาแฟ แต่อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเขาทางหางตา
เช้านี้เขากลับมาเป็นบาสเตียนคนเดิม คนที่ชอบทำหน้าเฉยๆ เกือบเป็นเย็นชา
ความจริงคนที่ต้องทำแบบนั้นควรเป็นเธอมากกว่า
หลังจากเมื่อคืนเขาเล่นขี้โกงให้เธอไปช่วยถูหลัง และทำท่าเหมือนหมาหยอกไก่
เกือบจูบเธอแต่ก็ไม่จูบ ทำให้เธอเสียหน้า รู้สึกอับอายจนนอนไม่หลับไปทั้งคืน
ขณะที่เขาไม่มีผลกระทบใดๆ เลย
“ตอนบ่ายฉันจะไปบ้านคุณย่า
เธอจะไปกับฉันไหม” เขาพูดขณะยื่นมือมารับถ้วยกาแฟจากมือเธอ
และเงยหน้าขึ้นสบตาจังหวะที่นิ้วมือสัมผัสกันเล็กน้อย หญิงสาวหดมือกลับอย่างว่องไวเป็นฝ่ายหลบสายตาอ่านไม่ออกของเขา
ก่อนถอยกลับไปนั่งที่เดิม ประคองถ้วยกาแฟของเธอขึ้นมา
ราวกับจะให้มือข้างที่สัมผัสกับเขาอย่างแผ่วผิวนั้นไม่ว่างมันจะได้หยุดสั่น
แต่กลับเลวร้ายกว่าเดิมถ้าเขาจะสังเกตเห็น
“ไม่ค่ะ
ฉันเพิ่งมาได้สองวันยังไม่ได้เริ่มลงมือทำงานเลย
ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรกลับไปรายงานท่าน”
“เธอไม่อยากไปเยี่ยมแพทริคกับอเซลีนเหรอ”
เขาพูดเหมือนชวนคุยไม่เชิงคะยั้นคะยอ
“อยากไปค่ะ
แต่เอาไว้วันหน้าดีกว่า” อัญนิกาปฏิเสธ บ่ายวันนี้เธอนัดให้เดลมี่เอาหมวกมาให้
เธอกำลังคิดว่าจะต้องขออนุญาตเขาก่อนหรือไม่ แต่คิดอีกทีไม่อยากให้เขาไม่สบายใจ หากรู้ว่าเธอพาคนอื่นมาวุ่นวายในบ้านของเขา
ไม่บอกดีกว่าแค่เดลมี่คนเดียวคงไม่เป็นไรหรอกนะ เธอคิด
“ตามใจเธอ”
ทั้งสองกินอาหารเช้าอย่างง่ายๆ
ฝีมือของอัญนิกาและดื่มกาแฟจนหมด บาสเตียนลุกขึ้นเดินออกไปก่อน
ขณะที่เธอต้องเก็บล้าง สักพักเธอได้ยินเสียงเปียโน
อัญนิกาถึงกับขนลุกกับเสียงดนตรีแผ่วหวานที่ดังกังวานมาถึงห้องครัว เมื่อล้างถ้วยจานเสร็จเธอเดินไปแอบมองอยู่มุมหนึ่ง
ไม่ใช่แค่เล่น เขาร้องเพลงคลอตามไปด้วย ผู้ชายคนนี้ประหลาดมาก ท่าทางเฉยๆ
ไม่คิดว่าเขาจะมีดนตรีอยู่ในหัวใจ เขาร้องเพลงและไต่นิ้วลงที่คีย์บอร์ดเป็นธรรมชาติมาก
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นจากที่ไหนสักแห่ง
เขาหยุดร้องเพลงเงยหน้าขึ้น ขณะที่มือยังไล่ไปตามตัวโน้ต
เขาเห็นพอดีว่าเธอยืนมองอยู่
“พิ้งกี้
หยิบโทรศัพท์มือถือมาให้ฉันหน่อย น่าจะอยู่บนโต๊ะอาหาร”
“ได้ค่ะ”
หญิงสาวเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือให้เขาทำตามคำสั่งออลีซชื่อและภาพใบหน้าผู้หญิงผมสีบลอนด์แต่งหน้าเฉี่ยวคมที่ปรากฏขึ้นบนจอ
ถ้าเดาไม่ผิดคงเป็นนางแบบคู่ควงของเขาที่อดอฟฟีน่าเคยพูดถึง หญิงสาวแทบไม่รู้ตัวว่าเธอเม้มริมฝีปากขณะที่ยื่นโทรศัพท์มือถือให้เขา
“เธอเป็นอะไรหรือเปล่า”
เขาถามแต่ไม่สนใจฟังคำตอบ กดรับสายจากผู้ที่โทร.มา
อีกมือหนึ่งดันกล่องฝาครอบเปียโนลงมา การสนทนาของเขาไม่ยืดยาวนัก
เท่าที่พอจับใจความได้เขาปฏิเสธการไปมิลาน เขาจบประโยคสนทนาว่าหวานใจ และมันทำให้เธอเกลียดคำนี้ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่่มีขลุ่ย
อาจเป็นเพราะเมื่อคืนที่ผ่านมาเขาก็ใช้คำนี้กับเธอด้วยเหมือนกัน
เสียงแตรรถยนต์ดังขึ้นเบาๆ
ที่หน้าบ้าน อัญนิกาสะดุ้งเฮือก ทำไมเดลมี่มาก่อนเวลานัด เธอรีบเดินออกไปดู ทว่ากลับพบว่ามีรถเบนซ์สปอร์ตสีแดงใหม่เอี่ยมจอดอยู่
นั่นไม่ใช่รถของเดลมี่ ชายคนหนึ่งแต่งกายสุภาพสวมสูทผูกเนกไทเปิดประตูออกมายืนอยู่ข้างรถ
“ออกไปสิ
นั่นรถของเธอ” บาสเตียนบอกหลังจากก้าวมายืนซ้อนอยู่ด้านหลังของหญิงสาว
“รถของฉันหรือคะ”
อัญนิกายืนงงหันมองหน้าเขา ก่อนแขนเรียวของเธอจะถูกเขาดึงให้เดินไปพร้อมกัน
“สวัสดีครับเจ้านาย”
โธมัสพูด
“สวัสดีโธมัส
นี่คุณอัญนิกา พิ้งกี้ นี่โธมัสผู้ช่วยของฉัน”
“สวัสดีครับคุณอัญนิกา”
โธมัสยิ้มทักทายพร้อมทั้งส่งมือมาให้
“สวัสดีค่ะโธมัส”
หญิงสาวยิ้มทักทายตอบและจับมือกับโธมัส
“อัญนิกาเป็นญาติของฉัน
คุณย่าส่งเธอมาช่วยดูแลบ้านและเป็นเจ้าของรถคันที่นายขับมาให้”
“เหรอครับเจ้านาย
ว้าว นายท่านตาถึงมาก” ผู้ช่วยหนุ่มยิ้มกว้าง
ก่อนจะถูกบาสเตียนขึงตาใส่จนต้องหุบยิ้ม
“เปิดรถสิ
มีอะไรก็อธิบายให้หมดนะ เดี๋ยวฉันมา” พูดจบร่างสูงใหญ่ผิวเกือบเป็นสีแทนของบาสเตียนหมุนตัวเดินเข้าไปในบ้าน
โปรดติดตามต่อพรุ่งนี้ค่ะ
|
|
|
|
ความคิดเห็น