คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 3 (100%)
ท้องฟ้าเบื้องบนสว่างสดใสอย่างเหลือเชื่อ
ขณะบาสเตียนพาเธอเดินสำรวจ เริ่มจากหน้าบ้านไปตามทางเดินหินขัดหยาบมีลวดลาย
ทำเป็นทางเดินไว้โดยรอบ ห่างจากตัวบ้านประมาณหนึ่งเมตรครึ่ง
พื้นที่ด้านในระหว่างขอบทางเดินกับผนังบ้านปลูกดอกเจอราเนียมหลากสีสันไว้รอบบ้าน พื้นที่ทางด้านซ้ายและขวาของตัวบ้านเป็นป่าสน
ด้านหลังมีซุ้มโค้งสีฟ้าสำหรับนั่งพักผ่อนในสวนแบบฝรั่งเศส และมีจุดเด่นอยู่ที่แม่น้ำฮาเฟลไหลผ่านทางด้านหลัง
“ประตูด้านหน้าด้านหลังและหน้าต่างทุกบานแข็งแรงดี
มีกล้องวงจรปิดรอบบ้านและมีสัญญาณกันขโมย ไม่มีใครบุกรุกเข้าไปในบ้านได้แน่
ถ้าไม่รู้รหัสและเธอไม่เปิดประตูต้อนรับ” เขาบอกขณะพาเดินวนกลับมาถึงหน้าบ้าน
ก่อนจะเดินตรงเข้าไปด้านใน ทิ้งตัวนั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่หน้าเตาผิง
“ค่ะ
ฉันก็หวังว่ามันจะปลอดภัย” หญิงสาวนั่งเยื้องอยู่ทางซ้ายมือ
“ไม่มีอะไรน่าห่วงหรอกพิ้งกี้
คนในชุมชนนี้เป็นมิตร คุณย่าต้องมั่นใจแล้วถึงส่งเธอมาอยู่ที่นี่
แต่งานดูแลสวนคงหนักไม่ใช่เล่น” เขาหัวเราะเยาะเมื่อนึกถึงสวนแบบฝรั่งเศสกว้างขวางทางด้านหลัง
แล้วไหนจะดอกเจอราเนียมที่ปลูกไว้รอบๆ บ้าน
“คงไม่เท่าไรหรอกค่ะ
แค่ดูแลตัดแต่งให้มันสวยงามและไม่ให้มันมีแมลงมารบกวน
ส่วนการรดน้ำฉันเดินสำรวจตั้งแต่เมื่อวานแล้ว มันมีระบบสปริงเกอร์ทั่วทุกจุด
สิ่งที่ฉันต้องทำก็แค่เปิดและปิดน้ำ”
“โอเค
ถ้างั้นฉันก็หมดห่วง เธอคงมีงานทำทั้งวัน ทั้งในสวนและงานทำความสะอาดบ้าน ไหนจะต้องฝึกทำอาหารอีกล่ะ
คงไม่มีเวลาเหงาแน่ถ้าต้องอยู่คนเดียว” เขายิ้มเยาะเธอ
“หมายความว่าคุณจะไม่กลับมานอนบ้าน
ใช่ไหมคะ”อัญนิกาทำหน้ามุ่ยอย่างเผลอตัว เมื่อนึกว่าจะต้องอยู่คนเดียว
“ถูกต้อง
เธอหรือคุณย่าคงไม่คิดหรอกนะ ว่าฉันจะกลับมาค้างที่นี่ทุกคืน บ้าสิ ถ้าคิดแบบนั้น
ความเป็นชายของฉันเหี่ยวเฉากันพอดี”
เขาหัวเราะลั่นราวกับในโลกนี้เขามีความสุขอยู่คนเดียว
อัญนิกาหน้าแดงจัด
เขาพูดถึงความเป็นชายต่อหน้าผู้หญิงอย่างเธอโดยไม่รู้สึกอะไรเลย บ้าชะมัด
เธอทำปากงุ้มๆ ลุกขึ้นยืน ขณะเดียวกันก็รู้สึกโดดเดี่ยวเมื่อรู้ว่าจะต้องอยู่คนเดียว
“คุณจะอยู่ถึงเวลาน้ำชาไหมคะ
ถ้าไม่ ฉันจะได้ไม่ต้องเตรียม ฉันจะไปดูแลสวนหลังบ้านแล้วค่ะ”
“คิดว่าไม่
เธอจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ” บาสเตียนบอกพลางโบกมือแล้วยืนมองเธอเดินออกไป
สาบานว่าสายตาเขาปกติดี วูบหนึ่งเขาเห็นความรู้สึกสิ้นหวังในดวงตาโตหวานคู่นั้นของอัญนิกา
ก่อนทุกอย่างจะเปลี่ยนไป
บาสเตียนเข้าไปในห้องดนตรีที่ย่าเคยเล่าให้ฟังว่าเป็นห้องโปรดของปู่
ลูบนิ้วเรียวยาวลงบนเคสเปียโนทำด้วยไม้มะฮอกกานีแล้วยกขึ้นดู
มันสะอาดสะอ้านจนน่าทึ่ง ชายหนุ่มเปิดฝาขึ้นกดนิ้วลงบนคีย์บอร์ดเรียงไปทีละตัว
เขาเล่นเปียโนเป็น แต่ตอนนี้ไม่คิดจะเล่นจริงจัง
จากนั้นปิดฝาลงแล้วเดินออกมายืนหน้าบ้าน กวาดสายตาไปทั่วบริเวณ มองเห็นหลังคาบ้านหลังอื่นอยู่ห่างไกล
เพราะบ้านที่ย่ายกให้มีพื้นที่กว้างมาก
อัญนิกาอยู่ที่นี่ต้องมีรถไว้ใช้สักคัน
เพื่อความสะดวกในการออกไปซื้อของใช้ และอาหารที่ซูเปอร์มาร์เก็ต
ความจำเป็นเรื่องนี้เขาคิดว่าย่าคงรู้ดี แต่เจตนาให้เธอมาตัวเปล่า
เอาเธอมาอยู่ในพื้นที่ค่อนข้างโดดเดี่ยว เพราะต้องการให้เขากลับบ้าน
และเป็นคนดูแลเธอ
“แสบจริงๆ”
บาสเตียนบ่นพึมพำ คอยดูเถอะ เขาต้องแก้เผ็ดและต้องได้ประโยชน์จากความคิดประหลาดของผู้เป็นย่า
ชายหนุ่มยิ้มอย่างมาดหมาย
อัญนิกากำลังเดินสำรวจสวนฝรั่งเศสที่ไม้พุ่มเริ่มไม่เป็นรูปเป็นทรง
เธอต้องการกรรไกรตัดแต่งกิ่ง หมวกใส่กันแดด รถเข็นสำหรับเก็บเศษใบไม้ที่ตัดทิ้ง
จึงเดินไปห้องเก็บของหลังบ้าน เธอหันมองไปทางหน้าบ้าน เมื่อได้ยินเสียงรถแล่นออกไปทันเห็นท้ายรถเขาไวๆ
หญิงสาวมองตามตาปริบๆ ความจริงเธอไม่กลัวการอยู่คนเดียวแล้ว
เธอคิดว่าบ้านหลังนี้ปลอดภัย แต่ก็ยังไม่ชินที่ต้องอยู่คนเดียว เธอถอนใจเบาๆ
หันกลับมาสนใจห้องเก็บของต่อ ภายในห้องเก็บของมีของทุกอย่างตามที่เธอต้องการยกเว้นหมวกกันแดด
ซึ่งเรื่องนี้เดลมี่คงช่วยเธอได้
คิดได้ดังนั้นเธอจึงกดโทรศัพท์บอกให้เพื่อนสาวหาซื้อหมวกปีกกว้างๆ
มาให้พร้อมทั้งบอกที่อยู่ใหม่ของเธอ
ราวสี่ทุ่มอัญนิกานั่งอยู่หน้าจอแอลซีดีขนาดใหญ่ภายในห้องนั่งเล่น
รอชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลศึกบุนเดสลีกา ระหว่างบาเยิร์น มิวนิกทีมโปรดแข่งกับทีมสตุ๊ตการ์ต
ซึ่งเป็นทีมบ๊วยในฤดูกาลนี้ ขวัญใจของเธอคือ มาริโอ เกิทเซ่
กองกลางตัวรุกหมายเลขสิบเก้าของทีมบาเยิร์น มิวนิก นอกจากความหล่อ เกิทเซ่
ยังมีความเร็วเฉพาะตัว และเขายังติดทีมชาติเยอรมนีเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดและมีแนวโน้มจะก้าวเข้าสู่นักฟุตบอลระดับโลก
เสียงรถยนต์แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน
ทำให้หญิงสาวต้องลุกขึ้นชะโงกหน้ามองออกไปทางหน้าต่าง เธอเห็นบาสเตียนเมื่อลงจากรถได้ก็เดินดุ่มๆ
กดรีโมตล็อกรถตามหลัง เธอไม่รู้ว่าเขากลับมาเอาของหรือกลับมานอนค้างที่นี่
ทว่าหัวใจหญิงสาววูบไหวดีใจนำไปก่อนแล้วที่คืนนี้ไม่ต้องอยู่ตามลำพัง
เธอหันกลับมามองทีวี ตอนนั้นนักเตะกำลังเดินเข้าสู่สนาม ความสนใจบาสเตียนจึงถูกพักไว้ชั่วคราว
หญิงสาวทิ้งตัวลงนั่ง ยกเท้าขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนโซฟาตัวยาวเพ่งสายตาไปที่จอทีวีเตรียมลุ้นเกมการแข่งขันที่กำลังจะเริ่มขึ้น
“พิ้งกี้
เธอดูถ่ายทอดฟุตบอลอยู่ใช่ไหม” บาสเตียนส่งเสียงนำมาก่อน
“ค่ะ”
เธอตอบแต่ไม่ได้หันไปมอง ขณะนั้นกล้องจับไปที่ มาริโอ เกิทเซ่ เขายิ้มแย้มเดินกระฉับกระเฉงจูงมือเด็กน้อยเข้ามาในสนาม
เธอยิ้มปรบมือรัวๆ พร้อมกับคนในสนาม
“ขวัญใจเธอเหรอเกิทเซ่น่ะ”
น้ำเสียงเขามีแววแดกดัน
“ค่ะ
เกิทเซ่หล่อ เก่ง ดูดีไปหมด” เธอยิ้ม ปากพูดกับเขาแต่ตายังจ้องที่จอแทบไม่กะพริบ รู้อีกทีบาสเตียนก็ทิ้งตัวลงมานั่งข้างๆ
กระนั้นเธอก็ทำเพียงขยับหนีพอให้นั่งสบายๆ เพราะกำลังลุ้น แค่นาทีแรกทีมบาเยิร์น
มิวนิกก็ลากลูกบอลมาจ่ออยู่หน้าประตูของทีมสตุ๊ตการ์ต
และก็ยิงนำไปก่อนหนึ่งประตูต่อศูนย์ คนทำประตูจะเป็นใครไม่ได้เลยนอกจาก มาริโอ เกิทเซ่
หญิงสาวชูมือข้างหนึ่งขึ้นอย่างสะใจ “เยสสส”
“เงียบๆ
หน่อยได้ไหม พิ้งกี้” บาสเตียนพูดเหมือนคนอารมณ์เสีย ใช่เลย เขาอารมณ์เสีย
ทีมในดวงใจของเขาโดนยิงนำไปหนึ่งลูกแล้วยังต้องหมั่นไส้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ
ดูบอลเป็นหรือเปล่าไม่รู้ หรือว่าดูแค่ทีมไหนมีนักฟุตบอลหล่อกันแน่
เวลาต่อมาเมื่อทีวีตัดเข้าโฆษณาเธอจึงหันมองเขา
“คุณอารมณ์เสียเรื่องอะไรคะ หรือว่าคุณเชียร์ทีมสตุ๊ตการ์ต”
“ใช่
ฉันเชียร์สตุ๊ตการ์ต” เขาบอกเสียงขุ่น
“จริงเหรอคะ”
อัญนิกาหัวเราะแล้วพูดเยาะเย้ยต่ออีกว่า “มิน่าล่ะ เห็นรีบเดินจ้ำเข้าบ้าน
สตุ๊ตการ์ตของคุณอยู่อันดับบ๊วย สิ้นฤดูกาลนี้ตกชั้นแน่”
“เธอเพิ่งดูบอลตอนเกิทเซ่แตะ
จะรู้อะไรว่าสตุ๊ตการ์ตมีชื่อชั้นมีฝีมือมายาวนานขนาดไหน บอลกลมๆ
อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นแหละน่า”
หญิงสาวค้อนขวับที่ถูกเขาว่าแดกดัน
ขณะนั้นทีวีตัดเข้าสู่การถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลแล้ว หนุ่มสาวจึงนั่งเชียร์กันเงียบๆ
ผ่านไปนาทีที่สามสิบบาเยิร์น มิวนิกทำฟาวล์ ทีมสตุ๊ตการ์ตจึงมีโอกาสยิงลูกโทษและทำประตูได้ตามความคาดหมาย
“เยสสสส”
บาสเตียนตบผางที่ต้นขาตนเองในท่าสะใจสุดๆ ก่อนหันมาเย้ยหญิงสาวที่นั่งข้างทางสายตา
อัญนิกายักไหล่ทำปากยื่นๆ
“ก็แค่ลูกโทษ”
“จะลูกไหนก็นับเป็นประตู
ช่วยไม่ได้ผู้เล่นบาเยิร์น มิวนิกอยากเล่นไม่มีมารยาท”
“เชอะ
มันเป็นอุบัติเหตุต่างหาก” เธอเถียงแทนพลางเบ้ปากใส่เขา
“ฉันอยากดื่มบรั่นดีไปเอามาให้หน่อยสิ”
“ไม่มีค่ะ”
เธอยิ้มตอบอย่างสบายใจ
“มี
อยู่ในรถ นั่นกุญแจ” เขาชี้มือลงบนโต๊ะกลางที่มีพวงกุญแจรถวางอยู่
“รอให้จบครึ่งแรกก่อนได้ไหมคะ
อีกสิบนาทีเอง” อัญนิกาอิดออดต่อรองพูดโดยไม่หันมองหน้า
“ไม่ได้
ฉันต้องการเดี๋ยวนี้” บาสเตียนตวัดเสียงใส่
“โธ่...”
หญิงสาวทำเสียงขึ้นจมูกแต่ก็ยอมลุกไปแต่โดยดี
“บรั่นดี
ไวน์ ที่อยู่ท้ายรถขนเข้ามาเก็บในบ้านให้หมดนะ”
บาสเตียนพูดสำทับตามหลังแล้วยิ้มเยาะ
“ค่า...
เจ้านาย” เธอลากเสียงประชดกลับมา
อัญนิกาหายไปพักหนึ่งกลับมาอีกทีพร้อมขวดบรั่นดีและแก้วเปล่า
เธอวางให้เขาบนโต๊ะกลาง เธอถอยไปนั่งเก้าอี้นวมเยื้องกับเขา
ตอนนั้นอยู่ในช่วงพักครึ่งแรก ทีวีรีเพลย์ภาพการทำประตูครึ่งแรกย้อนหลังให้ดู
เธอเพิ่งรู้ว่าบาเยิร์น มิวนิกยิงได้เพิ่มอีกหนึ่งประตู ก่อนหมดเวลาครึ่งแรก
“เมื่อกี้บาเยิร์น
มิวนิกยิงได้อีกหนึ่งประตูนี่คะ บ้าชะมัด” หญิงสาวค้อนเขาตาคว่ำที่ทำให้เธอพลาดชอตสำคัญ
“เธอนี่เป็นเอามากนะ
พิ้งกี้” บาสเตียนหัวเราะอย่างอารมณ์ดี รินบรั่นดีครึ่งแก้ว
ยกขึ้นมาดื่มอึกหนึ่งแล้ววางลง “เรามาพนันกันไหม”
“ฉันไม่ชอบการพนันค่ะ”
เธอบอก
“เล่นสนุกๆ
ไม่ได้ใช้เงิน”
“ยังไงคะ”
เธอเริ่มสนใจ
“ฉันยอมรับว่าสตุ๊ตการ์ตมีฟอร์มการเล่นที่แย่กว่าทีมขวัญใจของเธอและคงแพ้แน่
แต่แพ้กี่ลูก นี่คือสิ่งที่เราจะพนันกัน” บาสเตียนนึกสนุกยิ้มอย่างมีแผนร้ายบางอย่างอยู่ในใจ
“ครึ่งแรกก็โดนนำไปหนึ่งลูกแล้ว
ฉันคิดว่าทีมของคุณแพ้ไม่ต่ำกว่าสามหนึ่ง” เธอพูดด้วยความมั่นใจว่าบาเยิร์น
มิวนิกต้องได้ประตูเพิ่มในครึ่งหลังอย่างแน่นอน
“ฉันคิดว่าสองหนึ่งเท่าเดิมนะ”
“ถ้าฉันชนะ
ฉันจะได้อะไรเป็นรางวัลคะ” หญิงสาวยิ้ม เริ่มมองเห็นชัยชนะลอยอยู่ตรงหน้า
มั่นใจว่าครึ่งหลังทีมโปรดของเธอทำประตูเพิ่มได้แน่
“คนชนะจะมีสิทธิ์สั่งให้คนแพ้ทำอะไรก็ได้
เวลาไหนก็ได้สามครั้ง เธอว่ายุติธรรมดีไหม”
“เป็นข้อเสนอที่ยอดเยี่ยมมากค่ะ
ได้เลย ฉันรับคำท้า”
คนเชียร์ทีมบาเยิร์น
มิวนิกยิ้มอย่างมาดหมาย หนึ่ง เธอต้องการเลี้ยงหมาไว้ในบ้าน สอง
เธอต้องการออกไปเปิดหูเปิดตากับเพื่อนๆ ของเธอบ้าง ข้อสาม... ยังคิดไม่ออก
แต่ข้อหนึ่ง เธอจะต้องได้รับสิทธิ์นั้นวันพรุ่งนี้
ครึ่งหลังบาเยิร์น
มิวนิก เสียเกิทเซ่ไปตั้งแต่นาทีที่ห้าสิบ เพราะบาดเจ็บต้องเปลี่ยนผู้เล่นลงไปแทน
ทั้งสองทีมไม่สามารถทำประตูเพิ่มได้อีกเลย
หลังจากทดเวลาบาดเจ็บในนาทีที่เก้าสิบห้า ทีมบาเยิร์น
มิวนิกชนะสองหนึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของบาสเตียน แม้บอลจะชนะ
แต่นักฟุตบอลขวัญใจของเธอบาดเจ็บ และเธอก็แพ้พนัน คืนนี้จึงเป็นอะไรที่เลวร้ายมากสำหรับอัญนิกา
“ฉันแพ้พนัน
ฉันต้องทำอะไรบ้างคะ” หญิงสาวหน้ามุ่ยแต่ก็ยืดอกยอมรับความพ่ายแพ้
“เธอนี่มีสปิริตดีเยี่ยมจริงๆ
พิ้งกี้” เขาพูดเจือเสียงหัวเราะ หนักไปทางเยาะเย้ยเสียมากกว่า
“ไม่ต้องเย้ยหรอกค่ะ
ฉันแค่ไม่มีดวงเรื่องการพนัน” เธอพูดเสียงขึ้นจมูก
“ไปเตรียมน้ำให้ด้วย
ฉันอยากอาบน้ำ อีกสิบนาทีจะตามขึ้นไป โดยมีเธอเป็นคนช่วยถูหลัง”
“หา!”
หญิงสาวอ้าปากค้าง
“มันเป็นกฎ
เธอแพ้ ฉันชนะ... อย่าลืม” เขายิ้มอย่างชั่วร้าย
“ใช่
ฉันแพ้ แต่เรื่องแบบนี้มันไม่ควรเข้ามาเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราพนันกัน”
อัญนิกาเริ่มโวยวาย
“พวกผู้หญิงเป็นแบบนี้ทุกคน
แพ้แล้วตีโพยตีพายน่าเบื่อ แต่กฎก็คือกฎ
ถ้าเธองอแงฉันอาจใช้สิทธิ์ครั้งที่สองและสามภายในคืนนี้เลย จะเอาแบบนั้นใช่ไหม
พิ้งกี้”
เสียงเขาไม่ได้ข่มขู่ให้หวาดกลัว
ตรงกันข้าม เธอเห็นความร่าเริงจากแววตาสีฟ้าของเขามันทำให้เธอขนลุก
หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ อย่างน่าสงสาร
“ฉัน
ไม่เคยถูหลังให้ใคร”
เขาเกือบรู้สึกสงสารเธอ
แค่เกือบเท่านั้น “นึกถึงตอนที่อาบน้ำให้แพทริค กับอเซลีนสิ”
เขารู้ว่าเธอเคยช่วยดูแลเด็กทั้งสองคน และเคยอาบน้ำให้หลานชายของเขาด้วย
“มันต่างกันค่ะ
ตอนนั้นพวกแกยังเป็นเด็ก” เธออยากจะร้องไห้แล้วในตอนนี้
เธอจะต้องถูหลังให้บาสเตียนจริงใช่ไหม
“ฉันก็แค่โต...
กว่าแพทริค” เขายิ้มโชว์ฟันสวย ดวงตาสีฟ้าแพรวระยับ ช่างพูดออกมาได้อย่างไม่อายปาก
น้ำเสียงโอ้โลมของเขาล่องลอยอยู่ในอากาศรอบตัวเธอชวนให้อึดอัด บ้าชะมัด
เขากล้าเอาเรื่องแบบนี้มาพนันขันต่อได้อย่างไร และเธอคงโง่เองที่ไม่คิดระแวงระวังว่าคนเฉยๆ
อย่างเขาจะเจ้าเล่ห์ได้มากขนาดนี้
เอาเถอะ
แค่ถูหลัง เธอกัดฟันกรอด
ครั้งที่สองและสามอย่าหวังว่าจะเรียกร้องอะไรได้มากกว่านี้อีก เธอไม่มีวันยอม
|
|
|
|
ความคิดเห็น