คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3 (50%)
Chapter
3
เช้าวันถัดมาบาสเตียนนิ่วหน้ายืนกอดอกพิงผนังด้านหนึ่งมองเข้าไปในครัว
อัญนิกาสวมเครื่องแบบสาวใช้ชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อน ผูกผ้ากันเปื้อนสีขาว บนศีรษะมีหมวกคลุมผมสีเดียวกับผ้ากันเปื้อน
ทำอาหารไปก้มมองอะไรบางอย่างไปด้วย เขาเดาว่าคงเป็นโพยวิธีทำอาหาร
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน เขาไม่รู้ว่าจะยิ้ม หรือหัวเราะดี แต่ที่แน่ๆ
เธอต้องถอดชุดบ้าๆ นั่นออกให้หมด
“อรุณสวัสดิ์
พิ้งกี้”
อัญนิกาสะดุ้ง
ขณะเดียวกันก็ปลื้มปริ่มกับเสียงนุ่มทุ้มของบาสเตียนที่เรียกชื่อเล่นของเธอแบบนี้ ‘พิ้งกี้’
เป็นชื่อที่เด็กชายแพทริคกับเด็กหญิงอเซลีนหลานชายและหลานสาวของเขาตั้งให้เธอ
เด็กทั้งสองบอกว่าชื่อพิ้งก์ไม่เพราะจึงเรียกเธอว่าพิ้งกี้ อดอฟฟีน่า
ย่าของเขาก็เรียกตามเหลนทั้งสองคนของนางด้วย เธอรีบเก็บสมุดบันทึกขนาดไม่ใหญ่มากซุกไว้ในกระเป๋าชุดกันเปื้อน
หันมายิ้มเจื่อนๆ เขายังอยู่ในชุดเสื้อยืดแขนยาวกับกางเกงขายาวสีเทาค่อนข้างยับ
เธอเดาว่าคงเป็นชุดที่ใส่นอน
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ
บาสเตียน คุณจะรับกาแฟเลยไหมคะ”
บาสเตียนเดินตรงมาหาโดยไม่พูดจา
ล้วงมือลงไปในกระเป๋าชุดกันเปื้อนที่เธอสวมอยู่ อัญนิกาสะดุ้งเฮือก วินาทีนั้นเธอยังไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรหัวใจเธอเต้นระทึก
ความเสียวซ่านแล่นปราดไปทั่วร่างอย่างน่าโมโห แต่แล้วก็ต้องทำหน้ามุ่ย
เมื่อเขาหยิบสมุดบันทึกติดมือออกมาแล้วชูให้ดู
“เธอคงจดทุกอย่างไว้ในนี้
สูตรกาแฟของฉันอยู่หน้าไหนล่ะ”
หนุ่มสาวสบตากันแล้วนิ่งไปอึดใจ
เขาคิดว่าเธอจะตีหน้าเศร้าร้องไห้ตีโพยตีพายแต่เขาคิดผิด
เธอลูบมือสองข้างที่ผ้ากันเปื้อนยิ้มแหยๆ ยิ้มเหมือนคนกำลังเขินจัดที่ถูกจับได้
แย่หน่อยตรงที่รอยยิ้มของเธอน่ารักเป็นบ้า ดวงตาโตฉ่ำหวานมองเขาปริบๆ แต่บาสเตียนกำลังโมโห
ถ้าเดาไม่ผิดเขาคิดว่าเธอกับย่าของเขาร่วมมือกัน
“เอ่อ
คือว่า...”
“มีอะไรจะอธิบายไหม
อัญนิกา”
“เอ่อ
ถ้าคุณจะเรียกฉันว่าพิ้งกี้เหมือนเดิมก็ได้นะคะบาสเตียน เสียงคุณเพราะมากเวลาที่เรียกฉันแบบนั้น”
หญิงสาวทำตาบ้องแบ๊ว ยืนบิดไปบิดมายิ้มอย่างประจบประแจงเขา
บาสเตียนถอนใจเฮือก
หันมองโต๊ะไม้เนื้อหนาสำหรับเตรียมอาหาร
บนนั้นมีอาหารบางอย่างอยู่ในชามกระเบื้องเคลือบเนื้อดีสองใบ
ถ้าเดาไม่ผิดคงเป็นไข่อบชีส ใบแรกไหม้เกรียมตามขอบชาม
น่าจะเกิดจากใช้เวลาอบนานเกินไป ใบที่สองความพยายามของเธอเริ่มประสบความสำเร็จ ขอบชามเป็นสีเหลืองอมน้ำตาลหน้าตาดีกว่าชามแรก
แต่รสชาติไม่รู้ว่าจะเป็นสับปะรดหรือไม่
“เธอทำอาหารไม่เป็นใช่ไหม”
ชายหนุ่มทำหน้าเมื่อย
“ค่ะ”
หญิงสาวรับสารภาพเสียงอ่อยๆ ขบริมฝีปากล่างเงยหน้าขึ้นสบตาสีฟ้าของเขา
“พิ้งกี้
เธอคิดยังไงถึงมาทำหน้าที่นี้ ทั้งๆ ที่ทำอาหารไม่เป็น”
เขาพิงสะโพกกับโต๊ะเตรียมอาหารในท่าสบายแต่ถามซักไซ้เสียงเข้ม
“ก็คุณท่านบอกว่าการเป็นแม่บ้านไม่ใช่เรื่องยาก
แค่รู้ว่าร้านไหนมีอาหารอร่อยก็เป็นได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องทำเองหมดทุกอย่างนี่คะ”
“พระเจ้า
เธอไม่สงสัยเลยเหรอ ที่ย่าฉันพูดแบบนั้นท่านหมายถึงคนที่จะมาทำหน้าที่เมีย ไม่ใช่คนรับใช้
เธอร่วมมือกับคุณย่าหรือรับจ้างคุณย่ามาอยู่ที่นี่ เป้าหมายก็คือต้องการเป็นเมียฉันใช่ไหม”
บาสเตียนถามตรงๆ ไม่อ้อมค้อม
“เมีย...”
ดวงตาโตหวานซึ้งเบิกกว้าง จ้องหน้าเขาพลางโคลงศีรษะไปมา
เธอพูดคำว่าเมียไม่เต็มเสียงนัก ก็เธอเป็นผู้หญิงและยังเป็นสาว
พูดคำคำนั้นต่อหน้าผู้ชายหล่อมีเสน่ห์ล้นเหลือมันก็ต้องเขินกันบ้างละ แต่ถึงอย่างไรเธอก็ไม่เชื่ออยู่ดี
คนไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างเธอนี่นะ ที่ย่าของเขาต้องการให้มาเป็นภรรยาของบาสเตียน
บังคับให้หิมะตกหน้าร้อนยังเป็นไปได้มากกว่ามั้ง เธอคิด
“ว่าไงล่ะ
คุณย่าจ้างเธอมาใช่ไหม”
“ไม่ค่ะ
เป็นไปไม่ได้ และฉันไม่คิดว่าท่านจะทำแบบนั้น ท่านน่าจะรู้รสนิยมของคุณดี
คุณไม่ต้องการความผูกพันกับผู้หญิงแบบถาวร แล้วท่านจะทำแบบนั้นกับคุณได้ยังไงคะ”
อัญนิกาทำหน้าเลิ่กลั่กตอบพลางส่ายหน้า
“เก่งนี่
มาอยู่แค่หกปี เธอรู้จักฉันดีกว่าย่าของฉันเสียอีก” เขาว่าประชด
ฝากลมฝากฟ้าไปถึงย่าของเขา ดวงตาโตใสซื่อของเธอทำให้เขานึกถึงกวางน้อย
ที่ไม่รู้ตัวว่าหลงเข้ามาในเขตอันตรายของราชสีห์
และค่อนข้างมั่นใจว่าเธอไม่มีส่วนรู้เห็นกับย่าของเขา แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายนักหรอกที่มีเธอมาอยู่ใกล้ๆ
บาสเตียนรู้สึกว่าเขากำลังยิ้ม และยิ้มอย่างชั่วร้าย
“ฉันก็ไม่คิดว่าสิ่งที่พูดออกไป
ผิดไปจากความเป็นจริงนักหรอกค่ะ”
หญิงสาวสบตาเขา
“บางทีสิ่งที่เธอรู้มาอาจไม่ถูกต้องทั้งหมดหรอกนะ
และการมองโลกดีเกินไปของเธอ ระวังจะเดือดร้อน”
พูดจบเขาก็หมุนตัวเข้าหาโต๊ะเตรียมอาหาร “นี่อะไร”
“ไข่อบชีสค่ะ
มันไหม้” เธอยิ้มแหยๆ เลื่อนชามไข่อบชีสใบที่หน้าตาดีมาตรงหน้าเขา
“แต่ชามนี้ใช้ได้นะคะ”
บาสเตียนโคลงศีรษะไปมา
“นอกจากไข่อบชีสเธอจะทำอะไรอีก อาหารเช้าสำหรับเรา” เขาหันมาถามเธอ
อัญนิกายิ้มแหยๆ
อีกรอบ ดวงตาสีฟ้าคมเข้มของเขาทำให้ความมั่นใจของเธอหายไปหมดและก็เริ่มใจสั่น
“อิงลิชมัฟฟินค่ะ”
“ใช้วัตถุดิบอะไรบ้างล่ะ”
เขาถามสบายๆ ดูไม่เหมือนหยั่งเชิง แต่มันใช่เลยในความรู้สึกของเธอ
“เอ่อ...”
เธอดึงสมุดโน้ตมาจากมือเขา แต่เขาเอื้อมมากุมทับมือเธอไว้ครู่หนึ่ง
ไม่น่าเกินสิบวินาที สายตาของเขามีแววประหลาดจนเธอต้องปล่อยให้เขาดึงคืนไป
สมุดโน้ตถูกวางลงไว้บนโต๊ะ กระแสความร้อนผ่าวจากมือเขาที่พุ่งวาบสู่มือเธอ
ราวกับถูกไฟลวกยังไม่ทันจางหาย เขาก็ทำให้เธออับอายด้วยเรื่องใหม่
“ฉันทำอิงลิชมัฟฟินเป็น
เธอไปอาบน้ำซะ แล้วลงมากินอาหารเช้า ถอดชุดของเธอออกให้หมดด้วยนะ”
“ถอดชุด! ทำไมต้องถอดคะ?”
คิ้วคู่สวยของหญิงสาวขมวดจนชิดกัน
พลางยกมือสองข้างทาบลงบนอกแบบไม่ตั้งใจ ขณะก้มมองชุดตนเองแล้วเงยหน้าขึ้นสบตาเขา
ใครเลยจะคิดว่า เขาจะก้าวเข้ามาทาบฝ่ามือใหญ่ลงบนหลังมือเล็กทั้งสองข้างของเธอที่ยังวางอยู่บนทรวงอกตัวเอง
กดตรึงไม่ต่ำกว่าห้าวินาที สิบวินาที หรือมากกว่านั้น ก่อนจะดึงมือเธอลงไปกดแนบข้างลำตัว
อา... ความรู้สึกของเธอต่อช่วงเวลานั้นมันยากเกินจะบรรยาย
มันอันตรายราวกับถูกไฟช็อตทำให้เธอตัวแข็งทื่อ แย่หน่อยที่เธอไม่ได้ไร้ความรู้สึก
เธอรู้สึกราวกับมือของเขาประทับลงมาบนทรวงอกของเธอโดยตรง จนกลัวว่าเขาจะหยั่งรู้ถึงยอดอกที่กำลังหดเกร็งเสียดสีเสื้อชั้นในของเธอ
บาสเตียนถอยไปครึ่งก้าว ดูจากสีหน้าแล้วเขาไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย
ซ้ำยังแหงนหน้าหัวเราะก๊าก
“ฉันหมายถึงชุดแม่ครัวหัวป่าต่างหากล่ะ
มันไม่เหมาะกับเธอเลย ไม่ต้องใส่อีกนะ ใส่เสื้อผ้าสบายๆ อย่างที่เธอเคยใส่เถอะ” บอกเสร็จเขากระตุกหมวกเธอเล่นก่อนเดินเลยไปเปิดตู้เย็น
จึงไม่เห็นว่าเบื้องหลังของเขา ตอนนี้อัญนิกายืนกำหมัดเม้มริมฝีปากแน่น
เขาแกล้งทำให้เธอใจสั่นหวั่นไหว จนอยากจะทุบผู้ชายประหลาดคนนี้สักตุ้บสองตุ้บ
ถ้าไม่กลัวจะโดนไล่ออก
หญิงสาวกลับขึ้นไปบนห้องอาบน้ำแต่งตัวใหม่
เธอสวมกางเกงผ้ายืดกับเสื้อสเวตเตอร์สีแดงคอวี
ผมดำขลับยาวสลวยรวบขึ้นติดด้วยกิ๊บตัวใหญ่ ยืนพินิจพิจารณาตัวเองหน้ากระจกเงา ก่อนจะหมุนตัวสำรวจห้องพักอีกครั้ง
ห้องนอนที่บ้านหลังนี้หรูหราไม่ต่างจากอดอฟฟีน่าเฮาส์ เพียงแต่ออกแนววินเทจ เมื่อหมุนกลับมาหากระจก
เธอมองสำรวจตัวเองอย่างพิจารณา เสื้อผ้าที่เธอสวม แลดูไม่ค่อยเหมาะสมกับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้มาทำ
หญิงสาวทำหน้ามุ่ยพลางคิดว่า เครื่องแบบสาวใช้มิดชิดนั้นเหมาะสมกับเธอมากกว่า จะได้ไม่ต้องคิดมากว่าพรุ่งนี้จะหยิบเสื้อผ้าชุดไหนมาใส่ดี
เพื่อให้มันดูเรียบร้อยเวลาที่เจ้าของบ้านอยู่ หรือวันที่เขาอาจจะมีแขกมาเยี่ยมบ้าน
แต่เมื่อลองคิดอีกที
บาสเตียนออกไปทำงานทุกวัน หลังเลิกงานเขาคงตรงดิ่งไปในที่ที่มีผู้หญิงของเขารออยู่
กว่าจะกลับมาบ้านหลังนี้คงมืดค่ำหรือบางวันอาจจะไม่กลับมา
เขารู้แล้วว่าเธอทำอาหารไม่เป็น คงไม่หิ้วท้องกลับมากินอาหารที่บ้าน
เธอคงเห็นหน้าเขาน้อยลง ดังนั้นไม่เห็นจำเป็นต้องซีเรียสเรื่องเสื้อผ้า ยกเว้น วันหยุดที่เขาอาจจะพักผ่อนอยู่กับบ้าน
และเธอภาวนาขอให้เขาไม่อยู่ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริง บ้านหลังนี้คงเงียบเหงาพิลึกสินะ
หญิงสาวคิดและถอนหายใจเบาๆ แต่เธอก็ไม่คิดจะอยู่กับเขานานนักหรอก
ตอนนี้ขอตั้งหลักก่อน เก็บเงินให้ได้สักก้อนแล้วเธอจะบอกลาเขา
ยี่สิบนาทีต่อมาเธอลงมาในครัว
บาสเตียนยังอยู่ในชุดเดิม เสื้อยืดแขนยาวถลกขึ้นมาเหนือข้อศอกทั้งสองข้าง
เขายืนหันหลังเคลื่อนไหวคล่องแคล่วหยิบโน่นจับนี่ดูเป็นธรรมชาติมาก ไม่มีท่าทีเก้ๆ
กังๆ ราวกับเป็นพ่อครัวเอก อัญนิกาทำใจลำบากที่จะมองข้ามบั้นท้ายแข็งแกร่ง
ผู้ชายคนนี้ก้นสวย มีท่อนขาทรงพลังทำให้นึกถึง เดวิด เจมส์ แกนดี้
นายแบบผิวสีแทนชาวอังกฤษ หนุ่มฮอตที่สาวๆ ทั่วโลกคลั่งไคล้
แต่ผิวของบาสเตียนไม่ถึงขนาดนั้น แค่เกือบเป็นสีแทน ใบหน้าหล่อคมคาย คิ้วหนา
ดวงตาสีฟ้า จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากสวย รูปร่างสูงใหญ่แข็งแกร่ง เธอเดาว่าเขาคงมีกล้ามอกและลอนซิกแพ็กไม่ต่างจาก
เดวิด เจมส์ แกนดี้ เธอยิ้มให้กับความคิดซุกซนของตัวเองที่ว่า วันนี้เธอเป็นมาดามแกนดี้และกำลังจะได้กินอาหารฝีมือของสามี
“ช่วยอะไรฉันหน่อยสิ”
บาสเตียนหันหน้ามา พลางหยิบผ้าสะอาดขึ้นมาเช็ดมือ
อัญนิกาหุบยิ้มฉับ
ดึงสติกลับคืนมา เดินเข้าไปหาแต่หลังจากเขาเห็นแล้วว่าเธอยืนยิ้มคนเดียวเหมือนคนบ้า
น่าอายชะมัด
“จะให้ฉันช่วยอะไรคะ”
เมื่อเธอเดินเข้าไปใกล้ๆ
เขามองเสื้อสเวตเตอร์ถักผ้าขนสัตว์คอวีสีแดงราวกับมันเป็นสิ่งมหัศจรรย์
ไล่สายตาต่ำลงไปถึงปลายเท้าเปลือย แล้วตวัดกลับขึ้นมาอ้อยอิ่งอยู่ที่ทรวงอกผลิพุ่งดันตัวเสื้ออย่างไม่ปกปิดความรู้สึก
เขายิ้มขณะไล่สายตาขึ้นมาสบตาเธอแล้วพูดว่า
“ค่อยยังชั่วหน่อย”
บาสเตียนยิ้มสวยมีเสน่ห์
ไม่ใช่รอยยิ้มของพี่ชาย เพื่อน หรือคนรู้จัก รอยยิ้มแบบนี้เป็นอันตรายต่อระบบประสาทและภายในร่างกาย
เธอรู้ได้จากอาการใจสั่นแปลกๆ ผิวกายร้อนวูบวาบโดยเฉพาะใบหน้าและมันคงแดงจัด
หญิงสาวต้องใช้สมาธิอย่างมากควบคุมเสียงไม่ให้ตื่นเต้น
“คุณจะให้ฉันช่วยอะไรคะ
บาสเตียน” เธอถามซ้ำ
เขาเลิกคิ้ว
“อ๋อ ฉันทำอาหารเช้าของเราเสร็จแล้ว เธอช่วยยกไปตั้งโต๊ะทีสิ ฉันจะขึ้นไปอาบน้ำ”
“ได้ค่ะ”
“กาแฟของฉันชงตามสูตรที่จดมาได้เลยนะ”
เขาหมุนตัวเดินไปแล้วยังหันกลับมาพูดและยิ้มเยาะ
อัญนิกาเม้มปากแน่นพลางเดินไปคว้าสมุดโน้ตเล่มนั้นเป็นอย่างแรก
เปิดดูสูตรชงกาแฟจนจำได้ขึ้นใจ จากนั้นยกอาหารเช้าไปวางบนโต๊ะ
โต๊ะไม้เนื้อหนาแข็งแรงขนาดหกที่นั่งแลดูโหรงเหรง เมื่อจัดอาหารเช้าประเภทอาหารจานด่วนสำหรับคนสองคนมาวาง
บาสเตียนทำไข่อบชีสขึ้นมาใหม่ เขาอบด้วยอุณหภูมิพอเหมาะ
ขอบชามเหลืองไม่ไหม้เกรียมเหมือนของเธอ อิงลิชมัฟฟินที่เขาทำก็ดูน่ากิน
ผู้ชายคนนี้หล่อมีเสน่ห์ แถมทำอะไรดูดีไปหมด เธอเผลอยิ้มระหว่างนั่งรอ
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงบาสเตียนเดินกลับเข้ามาในครัว
เขาแต่งชุดอยู่กับบ้านสบายๆ เสื้อยืดกระชับตัวแขนยาวคอวีกับกางเกงขายาว
เขาเดินตรงเข้ามาที่โต๊ะอาหารพร้อมด้วยกลิ่นน้ำหอมที่ทำให้ลมหายใจของเธอกลายเป็นลมร้อน
ผู้ชายคนนี้หล่อเข้มมีเสน่ห์เอิบอาบทั่วร่าง แม้อยู่ชุดแต่งกายธรรมดาในวันหยุด
เขานั่งฝั่งตรงข้ามจากนั้นการกินอาหารเช้าจึงเริ่มขึ้น
“คุณทำอาหารเก่งจังค่ะ
อร่อยด้วย ไปฝึกมาจากไหนหรือคะ” เธอยิ้มชมเขาด้วยความจริงใจ
“ฉันชอบอยู่คนเดียว
ไม่ชอบให้คนแปลกหน้าเข้ามาวุ่นวายในคอนโดเลยหัดทำอาหารกินเอง”
ช้อนที่กำลังจะเข้าปากอัญนิกาชะงักค้างกลางอากาศและเขาเห็นมัน
เธอฝืนยิ้มบางๆ “ฉันรู้ค่ะว่าคุณไม่ชอบความวุ่นวาย ไม่ชอบคนแปลกหน้า และฉันคิดว่า
ฉันควรจะ...”
“เธอกำลังตกงาน
ถ้าไม่อยู่ที่นี่เธอจะไปอยู่ที่ไหน” เขาพูดเหมือนรู้ใจเธอแล้วก้มหน้ากินอาหารไปเรื่อยๆ
“แต่ถ้ามันทำให้คุณลำบากใจ
ฉันคิดว่าจะไปอยู่กับเพื่อนสักพักค่ะ แล้วจะหางานทำใหม่” เธอพูดเสียงอ่อยๆ
ติดเกรงใจ
“เพื่อนผู้หญิงหรือผู้ชาย”
บาสเตียนเงยหน้าขึ้นถาม ตอนนั้นเขากินไข่อบชีสในชามตนเองหมดแล้ว
กำลังจะหยิบอิงลิชมัฟฟิน
“ผู้หญิงค่ะ
แต่เขาอยู่กับพี่ชาย”
บาสเตียนเลิกคิ้วสูง
“พี่ชายของเพื่อนเป็นคนรักของเธอหรือเปล่าล่ะ”
เขาถามพลางหยิบอิงลิชมัฟฟินขึ้นมากัดหนึ่งคำเคี้ยวเอื่อยๆ
“เปล่าค่ะ
ฉันไม่ไม่มีแฟน” เธอบอกตามตรง
มุมปากของบาสเตียนยกขึ้นนิดๆ
ขณะสบตาเธอ เขารู้สึกดีเป็นบ้าที่ได้ยินแบบนั้น “งั้นก็ไม่ควรไป และไม่ต้องคิดถึงเรื่องงานอื่น
คุณย่าให้เธอมาอยู่ที่นี่ ท่านคงมีเหตุผล เธอทำหน้าที่ของเธอให้ดีก็พอ
อยู่กันแบบญาติพี่น้องหรือคนรู้จัก จำไว้ว่าเธอไม่ใช่คนรับใช้
เพราะฉันไม่ชอบอยู่กับคนรับใช้ และโดยเฉพาะคนแปลกหน้า”
พูดถึงตรงนี้อิงลิชมัฟฟินหนึ่งชิ้นที่เขาหยิบขึ้นมากินหมดพอดี
บาสเตียนดึงทิชชูมาเช็ดมือ
“ฉันจะไปชงกาแฟให้นะคะ”
หญิงสาวลุกขึ้นอย่างกระฉับกระเฉง ชงกาแฟสองถ้วยแล้วเดินกลับมาที่โต๊ะอาหาร เลื่อนไปให้เขาหนึ่งถ้วย
“ขอบคุณ
วันนี้ฉันจะพาเธอเดินสำรวจรอบบ้าน ดูว่ามีอะไรต้องจัดการเพิ่มเพื่อความปลอดภัยบ้างหรือไม่
แต่ฉันคิดว่ามันเพียงพอแล้วนะ บ้านหลังนี้มีระบบป้องกันขโมย
สัญญาณจะถูกส่งไปยังสถานีตำรวจที่อยู่ใกล้ที่สุดกรณีมีผู้บุกรุก”
“มันอาจเพียงพอแล้ว
แต่ถ้าฉันอยากเลี้ยงหมาสักตัว คุณจะว่าอะไรไหมคะ”
บาสเตียนวางถ้วยกาแฟบนโต๊ะ
พลางยกมือโบกไปมากลางอากาศ
“ไม่
ไม่ พิ้งกี้ จะไม่มีการเลี้ยงหมาหรือสัตว์เลี้ยงทุกชนิดในบ้านนี้เด็ดขาด”
“คุณกลัวมันหรือคะ”
หญิงสาวทำปากงุ้มๆ รู้สึกผิดหวัง
“ไม่กลัว
แต่เกลียด ฉันเกลียดขี้หมาและขี้ของสัตว์ทุกชนิด”
“แต่ฉันเป็นคนทำความสะอาดเองนี่คะ”
เธอแย้งเบาๆ
“แต่ฉันก็เห็นมันอยู่ดี
สรุปว่าจะไม่มีการนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาอยู่ในบ้าน” เขาพูดตัดบท
ลุกขึ้นดันเก้าอี้ถอยหลังแล้วพูดต่อว่า “อีกสิบนาทีไปเจอกันหน้าบ้าน”
เผด็จการชัดๆ
อัญนิกาค้อนขวับ ขณะมองตามไหล่กว้างแผ่นหลังเรียบตึงของเขา
เธอรีบยกกาแฟที่เหลือติดก้นถ้วยขึ้นมาดื่มจนหมด จากนั้นรีบเก็บถ้วยชามไปวางในซิงก์จัดการล้างอย่างรวดเร็ว
|
|
|
|
ความคิดเห็น