ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Survival Horror (ล่าปริศนาข้ามมิติ)

    ลำดับตอนที่ #2 : คดีที่ 1 ชักชวนน้องตัวเองมาเป็นพวก

    • อัปเดตล่าสุด 30 ก.ค. 56


    "นี่ท็อด นายก็รู้นี่ว่าชั้นลำบากขนาดไหน ชั้นอยากได้ผู้ช่วยจริง ๆ นะ อยากให้นายมาช่วยตามสืบหาเจ้าปีศาจพวกนั้นน่ะ เจ้าพวกปีศาจที่ฆ่าพ่อแม่แล้วก็ตาของเราไง ... ไม่เอา ๆ ดูไม่จริงใจเกินไป ต้องพูดให้มันดูดี ๆ กว่านี้หน่อยสิ ..." ผมพูดคนเดียวขณะขับรถตามถนนใหญ่ก่อนเข้าไปหาบ้านของแฟนของน้องชายของผม ถนนตรงนี้รถเยอะพอสมควรเลยล่ะ รถเลยค่อนข้างติด แต่ก็ไม่ได้ติดอะไรขนาดนั้นหรอกนะ ตอนนี้ผมกำลังจะไปหาน้องชายของผมและจะลองพยายามชักชวนน้องชายของผมอยู่ ผมคิดไว้อยู่ในใจอยู่แล้วว่าน้องชายผมต้องตอบว่า 'ไม่อยู่แล้วพี่ ชั้นก็มีงานที่มหา'ลัยแล้ว ทำไมชั้นต้องมาช่วยพี่' อะไรทำนองนี้แน่ น้องชายผมเคยช่วยอะไรผมซะที่ไหนล่ะ นอกจากซ้ำเติมผมน่ะ แต่นี่มันก็ไม่ใช่เวลามานั่งคิดเรื่องอื่น ผมต้องคิดว่าจะชักชวนน้องตัวเองยังไงต่างหาก
    ใช่แล้ว ต้องคิดหาวิธีให้ได้
    "ได้โปรดเถอะท็อดดี้น้องแสนรักของพี่ ... แบบนี้มันเหมือนละครลิเกชายจีบสาวเกินไปแฮะ ... หรือว่าแบบนี้ดีนะ ... ชั้นจนปัญญาจะหาเจ้าปีศาจตัวนั้นแล้ว ชั้นอยากให้นายเข้าร่วมสมาคมไล่ล่าปีศาจ ... ฟังดูปัญญาอ่อนยังไงไม่รู้ ชั้นว่าอย่าเลยดีกว่า ... เฮ้อออ !" ผมถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้พร้อมกับเสยผมสีน้ำตาลอ่อนสั้นของผมขึ้นไป 
    เอาเถอะ ไว้เดี๋ยวค่อยคิดก็ได้ ยังไงตอนนั้นคงคิดได้ล่ะนะ 
     
    .................................................................
     
    ผมขับรถอยู่ประมาณครึ่งชม. ได้อยู่กว่าจะมาถึงบ้านของแฟนของน้องชายผม ผมเคยมาบ้านของแฟนของน้อยชายผมอยู่ 2 ครั้ง ครั้งแรกคือตอนที่น้องชายผมคบกับเทเรซ่า (ชื่อแฟนของน้องผมนั่นล่ะ) ตอนนั้นน้องชายผมเค้าอยากให้ผมทำความรู้จักกับเทเรซ่า ผมเลยได้เข้าไปในบ้านของเทเรซ่า ส่วนครั้งที่ 2 คือตอนที่จะไปส่งทั้ง 2 คนนี้ให้ไปเดทกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในห้าง ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกว่าน้องชายผมพาเทเรซ่าไปร้านไหน ตอนนั้นผมต้องนั่งรอน้องชายผมและเทเรซ่า อยู่ในบ้าน ... บอกคำเดียวเลยว่า 'น่าเบื่อมาก'
    เอาล่ะ ฟังคนแก่บ่นไปเยอะแล้ว เข้าเรื่องต่อดีกว่า
    ผมจอดรถอยู่ที่หน้าบ้านของเทเรซ่า ผมชโงกหน้าหล่อ ๆ ของผมออกมานอกกระจกรถ 
    "บ้านยังไม่เปลี่ยนเลยนะ เปลี่ยนก็แค่วันนี้มีคนเข้าไปในบ้านอีกคนนึง" ผมพูดพร้อมเปิดประตูรถเพื่อลงจากรถ ผมก้าวลงออกจากรถและปิดประตูรถของผม รถของผมก็เป็นแค่รถเก่า ๆ คันนึงที่ไม่ได้ดูดีนักและสภาพก็แย่มากถึงมากที่สุด ตั้งแต่น้องชายผมไปเรียนมหา'ลัย รถคันนี้ก็กลายเป็นเพื่อนกับผมไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เวลาไปไหนมาไหนก็จะมีมันไปด้วย เหมือนเงาตามตัวเลยก็ว่าได้ 
    ผมสำรวจตัวเองว่าแต่งตัวดีมั้ย มีกลิ่นปากมั้ย รองเท้าใส่สลับข้างหรือเปล่า หรือลืมหยิบคำพูดในหัวที่จะพูดกับน้องชายผมหรือเปล่า เมื่อสำรวจเรียบร้อยแล้วก็พบว่าไม่มีจุดบกพร่องเพราะบกพร่องจนไม่รู้จะบกพร่องยังไงแล้ว ผมก็ก้าวขายาวเท่าไม้บรรทัด 3 อันกับอีกอันต่อกันเข้าไปยืนอยู่หน้าประตูบ้านของเทเรซ่า ... ผมไอดัง 'อะแฮ่ม อะแฮ่ม' แบบพระเอกในหนังก่อนที่จะกดกริ่งหน้าบ้าน 1 ครั้ง 
    -กริ้งงงงง-
    "มีใครอยู่มั้ยครับ ? จัสตินเองนะ ขอเข้าไปหน่อยได้มั้ยครับ ?" 
    พอกดกริ่งได้ซัก 30 วินาทีเศษ ๆ ก็มีสาวสวยผมทองคนนึงเดินเข้ามาหยุดอยู่ด้านหลังบานประตู สาวผมทองคนนั้นคือเทเรซ่าเองล่ะ
    "อ้าว ! คุณจัสตินเหรอเองเหรอคะ เขิญเข้ามาเลยค่ะ" เทเรซ่าสุดสวยของ (น้องชาย) ผม ก็เปิดประตูต้อนรับผมด้วยความเป็นมิตร พระเจ้า ! รอยยิ้มของเธอสวยจริง ๆ เลย ผมคิดในใจก่อนจะเดินเข้าบ้านของเทเรซ่าเข้าไปด้านในบ้าน 
    เทเรซ่าปิดประตูบ้านและล็อคประตูอย่างดีก่อนจะหันมามองผมแล้วถามว่า "ไม่ได้เจอกันตั้งนาน มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ ?" เทเรซ่าถามผมพร้อมเอียงคอ 37 องศามองมาทางผม ผมก็ต้องตอบคำถามนั้นอย่างไม่ต้องคิดอะไรมาก
    "ท็อดเค้าอยู่หรือเปล่า ? เอ่อ ... พอดีชั้นมีเรื่องอยากคุยกับท็อดน้องรักหน่อยน่ะนะ" ผมพูดพร้อมส่งยิ้มละลายใจสาวซึ่งมันก็ไม่เคยได้ผลกับผู้หญิงคนไหนเลยแม้แต่คนเดียว
    "อ๋อ ท็อดเค้าอยู่ข้างในห้องอยู่น่ะค่ะ จะเข้าไปในห้องเลยก็ได้นะคะ ห้องอยู่ตรงนั้นค่ะ" เทเรซ่าพูดพร้อมกับใช้นิ้วชี้ที่เรียวยาวสวยของเธอชี้ไปทางห้องที่ด้านหน้าห้องแปะไว้ว่า 'ห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาติ'    
    ตาน้องชายของผมจะมีโลกส่วนตัวสูงไปมั้ยเนี่ย ขนาดแฟนตัวเองยังเขียนว่า 'ห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาติ' ถ้าผมมีแฟนจริง ๆ หน้าห้องผมจะเขียนว่า    
    'ห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาติยกเว้นแต่แฟนสุดที่รักของผมที่จะเข้ามาได้โดยการบิดลูกบิดประตูเข้ามาแบบชิว ๆ ถ้าเป็นคนอื่นก็ขอให้เคาะประตู 6 - 3 ครั้งก่อนที่จะเข้ามาที่ห้องนี้ และต้องพูดว่า : ขออนุญาตินะ ครับ / ค่ะ ถึงจะมีสิทธิ์เข้าห้อง' อะไรประมาณนี้ ว่าแต่ทำไมผมต้องมาคิดอะไรแบบนี้ตอนนี้ด้วยนะ ?
    "ขอบใจนะเทเรซ่า เดี๋ยวชั้นขอเวลาคุยกับน้องของชั้นซักหน่อยนะ" ผมพูดพร้อมยิ้มหวานละลายใจสาวซึ่งไม่ได้ผลกับสาวแท้อย่างเทเรซ่าอีกครั้ง 
    ผมเดินไปที่หน้าประตูห้องที่เทเรซ่าสุดสวยบอก ผมเดินผ่านโต๊ะตัวเตี้ย ๆ ขนาดเท่าโซฟาของบ้านหลังนี้ไป ทีวีจอแบนขนาด ... อืม ... ถ้าให้เดาก็น่าจะ 32 นิ้ว แขวนอยู่บน กำแพง ... ผมเสียวจริง ๆ นะว่าถ้าเกิดมีใครไปเล่นอะไรอยู่ใกล้ ๆ กำแพงแล้วเกิดทีวีมันตกลงมาเนี่ย คงเป็นเรื่องใหญ่น่าดู ... ผมคิดอะไรยู่เนี่ย ?
    -ก็อก ก็อก ก็อก-
    เสียงเคาะประตูดังขึ้น 3 ครั้งด้วยฝีมือของผมเอง 
    "ท็อด ชั้นมาหานายน่ะ ขอเข้าไปคุยในห้องหน่อยได้มั้ย ?"
    ผมพูดเสียงดังพอที่ว่าน่าจะทำให้คนในห้องได้ยินเสียงของผม ผมคิดว่าน่ะนะ 
    "นายเป็นใคร มีธุระอะไร ?" คนในห้องหรือท็อดพูดออกมาจากในห้องที่ดูเหมือนจะเป็นห้องลับทำอะไรซักอย่าง ... ว่าแต่ ... เมื่อกี้เค้าพูดว่า 'นายเป็นใคร' หรือเปล่านะ
    "นี่ท็อด ชั้นเองไง" ผมพูดขึ้นอีกครั้งเผื่อคนข้างในนั้นจะพูดอะไรที่มากกว่านี้
    "ชั้นจะถามนายอีกครั้งนะว่านายเป็นใคร มีธุระอะไร ?" คนข้างในพูดโดยใช้เสียงเหมือนรำคาญที่ผมไปเซ้าซี้เค้าอยู่หน้าประตูแล้วถามนู่นี่ ...
    เราไม่ได้เจอกันนานจนเค้าจำเสียงผมไม่ได้เลยหรือไงเนี่ย ผมเกาหัวเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า
    "ชั้นไง จัสตินไง ... พี่ชายของนายนั่นล่ะ" ผมพูดแบบนี้และคิดว่าเค้าคงจะจำผมได้ ... ซึ่งเค้าก็ยังจำผมได้จริง ๆ นั่นล่ะ
    "พี่เองเหรอ เข้ามาสิ" หลังจากจบประโยคนี้ ไม่นานนักประตูก็ได้เปิดออก คนในห้องมองผมแล้วพูดขึ้นว่า "พี่เข้ามาก่อนสิ มีอะไรจะคุยก็เข้ามาเลย" 
    ผมมองน้องชายตัวเอง ... ผมตกใจเล็กน้อยที่เห็นน้องชายตัวเองเปลี่ยนไปเยอะขนาดนี้ ผมจำได้ว่าตอนที่เจอกันล่าสุดเมื่อหลายเดือนที่แล้ว เค้ายังไม่ได้ไว้ผมยาวเกือบถึงต้นคอแบบนี้ รู้สึกว่าจะเปลี่ยนสีผมเป็นสีดำสนิทจากแต่ก่อนที่ไว้สีน้ำตาลด้วย แต่นั่นยังไม่ทำให้ผมตกใจเท้ากับเรื่องต่อไปนี้หรอก ผมก็เพิ่งรู้ว่า เค้าใส่แว่นแล้วไม่ได้เข้ากับหน้าเอาซะเลย ใส่แล้วหล่อสู้พี่มันไม่ได้เลย 
    "ท็อด ... เอ่อ ... ขอรบกวนด้วยแล้วกันนะ" ผมพูดพร้อมกับก้าวขาไม่ยาวมากนักเข้าไปในห้องลับของเค้าก่อนที่จะไปนั่งบนเตียงของท็อด ท็อดปิดประตูแล้วมองมาทางผม ท็อดทำหน้าเหมือนจะบอกว่า 'พี่จะมาทำอะไรก็รีบ  ๆ ทำสิวะ' อะไรแบบนี้
    "พี่จะมาทำอะไรก็รีบ ๆ ทำสิ" นั่นไง ... ผมคิดไม่ผิดเลย ผิดแค่ตรงที่ท็อดไม่ได้ใส่ 'วะ' ลงไปก็เท่านั้นล่ะ
    "คือ ... มันก็ยาวอยู่น่ะนะ จะว่ายังไงดีล่ะ นายก็รู้ใช่มั้ยว่างานปกติที่ชั้นทำอยู่คืออะไร ?" ผมไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นบทสนทนายังไงดี ก็ขอเริ่มด้วยอะไรแบบนี้ละกัน ท็อดขมวดคิ้วมองผมแล้วก็พูดขึ้นว่า "เมาเหล้าแล้วก็เที่ยวผู้หญิงไปเรื่อย" 
    "เฮ้ย ๆ ไม่ใช่ล่ะ" ผมรีบแก้ต่างกลบเกลื่อน (จริง ๆ มันก็เป็นเรื่องที่เกือบจริงน่ะนะ) หลังจากที่ท็อดพูดทำให้ผมเสียสมาธิอยู่เล็กน้อย ผมก็กลับมามีสติ (มั้งนะ) อีกครั้ง 
    "นายก็รู้ว่างานประจำของชั้นที่ชั้นชอบทำบ่อย ๆ คือการล่าปีศาจที่ฆ่าพ่อกับแม่ของเรา ... นายก็รู้ใช่มั้ย ?" ผมถามแล้วทำสีหน้าให้จริง ๆ จัง ๆ แบบพระเอกหนัง ซึ่งผลออกมาก็คือ กลายเป็นหน้าของตัวประกอบตลก 6 ฉากซะงั้น ... ช่างมันเถอะ
    "รู้สิ ... แล้วพี่มีอะไรล่ะ จะพูดอะไรก็บอกมาเลย ชั้นมีงานของมหา'ลัยที่ต้องทำเหมือนกัน" ท็อดพูดเหมือนรำคาญผมเต็มทน ... จริง ๆ ก็ไม่เหมือนรำคาญหรอกแต่มันใช่เลยล่ะ 
    ผมส่ายหัวแล้วถอนหายใจ 'เฮ้อ' ออกมาหนึ่งครั้งก่อนจะพูดขึ้นว่า
    "ท็อด ... ชั้นมีเรื่องอยากให้นายช่วยน่ะ ... ชั้นรู้ว่านายต้องไม่ชอบงานนี้แน่นอน แต่ชั้นอยากให้นายช่วยชั้นนะ ขอร้องเถอะ ช่วยกันตามล่าปีศาจที่ฆ่าพ่อแม่ของเราด้วยกันเถอะ" ผมรู้ว่าท็อดจะต้องปฏิเสธ ... แต่ทว่า 
    "เรื่องช่วยน่ะช่วยได้ แต่คงได้ไม่นานนะ เพราะงานในมหาลัยก็เยอะ วันนี้วันเสาร์ ... ชั้นจะช่วยพี่ซักถึงวันจันทร์ละกัน 3 วันเยอะพอมั้ย ?" ท็อดมองผม คำตอบนั้นทำให้ผมดีใจอยู่ไม่น้อยเลย ... ผมดีใจจริง ๆ ที่ท็อดพูดกับผมแบบนี้ อย่างน้อยเค้าก็ยังมีเยื่อใยกับผมและยังคิดช่วยผม ... ขอบใจนะท็อดที่นายช่วยชั้น ... ผมคิดในใจแบบนี้ ...
     
    หลังจากนั้นผมก็บอกให้ท็อดจัดกระเป๋าและเตรียมตัวก่อนที่เราจะออกเดินทางตามล่าปีศาจพวกนั้นกัน ซึ่งแน่นอนว่าเทเรซ่ากับท็อดก็ต้องบอกลากันเหมือนชาตินี้จะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว ซึ่งผมไม่ขอเล่ารายละเอียดตรงนี้แล้วกันนะ ก็ขอให้คุณผู้อ่านทุกท่าน หลับตาแล้วจินตนาการภาพความรักอันแสนหวานที่ต้องลาจากกันแล้วกันเองนะครับ






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×