NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Tale of dark knight summoned to defeat the hero] บทละครอัศวินดำ

    ลำดับตอนที่ #7 : มุมมืดของอาณาจักรสวรรค์

    • อัปเดตล่าสุด 12 ส.ค. 66


     

    ตอนที่ 5 –  มุมมืดของอาณาจักรวรรค์

     

    อัศวินดำคุโกริบรรยาย

     

    สาธารณะรัฐศักดิ์สิทธิ์ลีนาเลีย หนึ่งในประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลกใบนี้ 

     

    ลีนาเลียนั้นเป็นเมืองที่รวมผู้คนหลายเชื้อชาติเอาไว้ด้วยกันโดยมีประชากรประมาณ 200,000 คน

     

    โดยจำนวนประชากรมี่มากขนาดนี้มันเป็นเพียงแค่ประชาชนที่มีสถานะเป็นพลเมืองเท่านั้น หากนับคนที่ไม่มีสถานะเป็นพลเมืองล่ะก็จำนวนจะเพิ่มขึ้นมหาศาล

     

    สาธารณรัฐศักดิ์สิทธิ์ลีนาเลียเป็นประเทศที่ไม่มีกษัตริย์ ไม่มีราชวงศ์ เพราะประเทศนี้ปกครองโดยระบบสภาซึ่งจะเลือกตั้งกันทุกๆสี่ปี

     

    ซึ่งสภานั้นจะได้รับเลือกจากการเลือกตั้งแต่ก็จะแตกต่างกันไปตามแต่ละประเทศ โดยวิหารเรน่าจะเลือกสภาจากคนที่มีคะแนนเสียงของประชาชนมากที่สุด

     

    โดยทางวิหารเรน่านั้นมีสิทธิ์ที่จะยับยั้งผลโหวตและการประชุมในฐานะองค์กร

     

    สรุปแล้วก็คืออำนาจทางการเมืองของประเทศนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของวิหารเรน่า ดั้งนั้นผู้ปกครองสูงสุดที่แท้จริงของประเทศนี้ก็คือวิหารเรน่านั่นเอง

     

    ซึ่งตอนนี้ผมกำลังเดินเล่นอยู่ที่ชนอกเมืองเพราะไม่ต้องการให้ผู้คนที่อยู่ในเมืองนั้นแตกตื่นเพราะโคฮาคุ ผมจึงให้เธอบินอยู่บนฟ้าเหนือเมฆห่างจากตัวเมืองหายกิโลเมตรเพื่อความแน่ใจว่าจะไม่มีใครพบเจอเธอ

     

    และเพราะที่ที่ผมกำลังเดินอยู่นั้นเป็นพื้นที่นอกตัวเมืองทำให้ไม่ต้องใช้บัตรหรืออะไรในการแสดงตัวตนทำให้ผมสามารถเดินเล่นได้อย่างสบายใจ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความปลอดภัยที่ต่ำ

     

    เพราะที่นอกเมืองนี้เป็นพื้นที่ที่ทหารนั้นมักจะมองข้ามและไม่ค่อยมาตรวจสอบ เพราะพวกเขามองผู้คนที่อยู่นอกเมืองเป็นแค่แรงงานราคาถูกเท่านั้น ผู้คนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่นอกเมืองนั้นส่วนมากเป็นผู้อพยพจากประเทศที่ถูกทำลายไม่ก็เป็นคนร้ายที่มีค้าหัวในใบประกาศจับ

     

    ซึ่งทำให้อาชญากรรมของนอกเขตเมืองนั้นสูงลิ่ว และอัศวินก็ไม่มีท่าทีที่จะเข้ามาแก้ไขเพราะพวกเราคงคิดว่า จะปกป้องคนที่ไร้สัญชาติไปทำไม ถึงคนพวกนั้นจะหายไปซักคนสองคนก็ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อพวกเขาอยู่แล้ว

     

    ซึ่งมันก็ทำให้ผมรู้สึกไม่ชอบใจเป็นอย่างมากแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ และอีกอย่างตอนนี้ผมก็อยู่ฝั่งของปีศาจ จะมาสนใจความเป็นอยู่ของมนุษย์ทำไม

     

    ซอยแห่งหนึ่งที่ดูลับตาคนเป็นอย่างมาก ซึ่งตอนแรกผมก็กำลังจะเดินผ่านไปแต่เมื่อได้ยินเสียงของคนที่กำลังลำบากขาเจ้ากรรมของผมก็ขยับไปเอง

     

    รู้ตัวอีกทีตัวของผมก็เอาตัวเองเข้ามาหาปัญหาซะแล้ว

     

    และใช่ ตอนนี้ผมกำลังสวมชุดเกราะสีเงินที่คลุมทับอีกชั้นด้วยผ้าคลุมเก่าๆ เพราะผมพึ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองนั้นเด่นเกินไปเพราะเจ้าเกราะสีเงินนี้ ถ้าไม่หาอะไรมาคลุมตัวไว้มองตั้งแต่ยอกเขาก็สามารถมองเห็นว่าผมอยู่ตรงนี้ ก็สีเงินเด่นหลาขนาดนั้น

     

    นายทหารยากจนคนหนึ่ง โดซูมิ

     

    สวัสดีข้าชื่อโดซูมิตอนนี้ข้ากำลังดื่มเหล้าอยู่ส่วนเหตุผลที่ดื่มน่ะเหรอ นั่นก็เพราะว่าในตอนนี้ข้ายังไม่มีความคิดที่จะไปหาเงิน

     

    แต่ข้าว่าข้าควรหยุดได้แล้วเพราะตอนนี้ข้าเริ่มที่จะรู้สึกเวียนหัวแล้ว จึงได้ลุกออกจากร้านเหล้าและเดินไปที่ลับตาคนเพื่อที่จะไปหาที่เอาเหล้าที่ข้าดื่มออก

     

    “เห้! โดซุมิ”

     

    เสียงของคนเรียกชื่อของข้าดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ข้าที่กำลังอวกอยู่ได้หันหลังไปและเห็นว่ามีผู้ชาย5คนที่ด้านหลังของชายคนหนึ่งที่เด่นกว่าคนอื่นกำลังเดินเจ้ามาหาข้า

     

    ซึ่งคนพวกนั้นข้ารู้จักพวกเขาดี พวกเขาเป็นทหารรับจ้างที่ช้าทำงานด้วย แต่ถึงจะบอกว่าเป็นทหารรับจ้างก็เถอะแต่ว่าพวกนั้นก็เป็นแค่นักเลง

     

    กลุ่มของพวกเรานั้นไม่เคยจัดการกับปีศาจแบบอัศวินเลย สิ่งที่เราทำนั้นมีแค่การจัดการกับมนุษย์ที่อ่อนแอกว่าเพื่อแย่งอาหาร แต่เพราะการใช้ชีวติที่นอกเมืองนั้นมันยากมากหากปราศจากอาหารทำให้ข้าไม่มีทางเลือกนักในการทำงานจึงมาลงเอยแบบนี้

     

    “ข้อร้องล่ะหัวหน้า! ข้าไม่อยากทำ!”

     

    ข้ายอร้องอ้อนวอนหัวหน้าทั้งน้ำตา แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือรอยยิ้มที่เยาะเย้ยของเขา

     

    “แกไม่สามารถปฏิเสธได้เข้าใจมั้ยโดซุมิ?ข้าแค่ให้แกไปแทงผู้กล้าแค่นั้น ไม่ยากใช่มั้ยล่ะ”

     

    หัวหน้าหัวเราะออกมาและยื่นมีดเล่มหนึ่งมาให้ข้า

     

    “พูดอะไรกัน อย่างข้าจะไปทำอะไรผู้กบ้าได้กัน!!”

     

    ข้าตะโกนออกมาทั้งที่ยังร้องไห้

     

    “งั้นแกก็ไปข้าคนรักของเจ้านั่นสิว่ะ!”

     

    “ข้าไม่ทำ! ข้าไม่อยากเป็นฆาตกร! และท่านก็เป็นคนที่ฆ่าผู้หญิงคนนั้นเองไม่ใช่หรือไง ยัยนั่นเป็นคนรักของผู้กล้าเชียวนะ!!”

     

    “เห้ย! อย่าพูดเสียงดังสิวะ!” 

     

    หัวหน้าเดินเข้ามาใกล้ข้า ข้าจึงเดินถอยหลังไปจนติดกับกำแพง

     

    “หลังจากที่ข้าแทงยัยนั่น ข้าก็จะกลายเป็นแพะรับบาปแล้วพวกแกก็จะหนีไปล่ะสิ ใครจะไปยอมกัน! พอผู้กล้าหายดีคนที่ต้องถูกไล่ล่าจะเป็นข้าแทน! “

     

    “หุบปากซะ!”

     

    หัวหน้าตะโกนออกมาด้วยความโกรธและชักดาบของเขาออกมาจากฝัก

     

    ขืนเป็นแบบนี้ข้าถูกฆ่าแน่

     

    วิ่งหนี? คงถูกตามได้ทันเพราะอาการเมาที่ยังไม่หาย

     

    ขัดขืน?

     

    อีกฝ่ายมีจำนวนมากกว่าข้าคนเดียวไม่สามารถสู้พวกเขาได้

     

    ตอนนี้ข้ารูสึกสิ้นหวังเพราะไม่ว่าจะเลือกทางไหนข้าก็ไม่รอด

     

    ไม่เอา

     

    ข้ายังไม่อยากตาย!!

     

    “ข้าไม่คิดเลยว่าที่อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้จะอนุญาตให้เศษสวะเข้ามาอาศัยด้วย ดูเหมือนว่าข้าจะต้องคิดใหม่แล้ว”

     

    ทันใดนั้นข้าก็ได้ยินเสียง จากโทนเสียงแล้วน่าจะเป็นคนอายุใกล้เคียงกับข้า

     

    แต่เพราะหัวหน้าตัวใหญ่เกินไปเพราะร่างกายที่เต็มไปด้วยไขมันทำให้ข้ามองเห็นแค่ผ้าเก่าๆที่กำลังสะบัดพลิ้วตามแรงลมเท่านั้น

     

    เจ้าของเสียงเดินมาหาข้าโดยไม่สนใจหัวหน้าและคนอื่นๆ

     

    ร่ายกานของเขาตรงหน้าของเขาสวมผ้าคลุมเก่าปกปิดทั้งตัว

     

    “เจ้าช่วยเล่าเรื่องของเจ้าให้ข้าฟังได้รึไม่?”

     

    ชายคนนั้นถามข้า แต่เพราะผ้าเก่าๆที่ปกปิดใบหน้าทำให้ข้ามองไม่เห็นใบหน้าของเขา

     

    แล้วเมื่อกี้เขาถามว่าอะไรนะ?

     

    มันจะถูกหรือไม่สำหรับตอนนี้ข้าไม่สนแล้ว ขอแค่มีคนที่ฟังเรื่องของข้าแล้วเอาไว้บอกผู้กล้าได้ก็พอ

     

    แต่ในข้ากำลังจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ชายผู้นี้ฟังหัวหน้าของข้าก็ได้ตะโกนขึ้นพร้อมกับเอาดาบมาพาดไว้ที่คอของเขา

     

    “เฮ้ย! ข้าไม่รู้หรอกว่าเจ้าเป็นใคร แต่ในเมื่อเห็นเข้าแล้วข้าก็คงจะปล่อยให้รอดชีวิตไปไม่ได้”

     

    ชายสวมเสื้อคลุมเก่าๆคนนั้นไม่มีท่าทีใดใดทั้งๆที่มีดาบพาดไว้ที่คอ

     

    ทันใดนั้นชายคนนั้นก็ใช้มือของเขาจับไปที่ใบดาบของหัวหน้าของข้า

     

    “ในเมือเจ้าเป็นฝ่ายที่เริ่มก่อนก็อย่าหาว่าข้าใจร้ายก็แล้วกัน”

     

    ใบดาบที่ถูกจับไว้ได้หักลงอย่างไร้สาเหตุสร้างความแตกตื่นให้กับพวกหัวหน้า แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ทำอะไรก็ถูกชายในผ้าคลุมคนนั้นเคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่ดวงตาของเขามองเห็นเป็นภาพทับซ้อนชกหมัดเข้าที่ท้องคนละหนึ่งหมัดจนสลบไปทั้งหมด

     

    พวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะตอบโต้ชายในผ้าคลุมคนนั้นได้ ก่อนที่เขาจะลากหัวหน้าของข้าและคนอื่นๆโยนข้ามกำแพงเมืองเข้าไปราวกับโยนขยะก็มิปาน

     

    ข้าว่าคนพวกนั้นคงจะถูกอัศวินที่อยู่ในเมืองพบเห็นเข้าและจับเข้าคุกไปแล้ว แต่ถ้าจะให้ดีข้าขอให้พวกมันทั้งหมดถูกขังไว้ในนั้นตลอดชีวิตไปเลย

     

    “เอาล่ะต่อจากเมื่อตอนนั้น.. เรื่องของผู้กล้าเจ้าสามารถเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่?”

     

    ข้าพยักหน้าเมื่อได้ยินคำถามของเขาและเริ่มเล่าเรื่องทั่งหมดที่ข้ารู้ให้เขาฟัง

     

    อัศวินดำคุโรกิบรรยาย

     

    ตอนนี้ผมได้เปลี่ยนสถานที่พูดคุยจากในตรอกรับตาคนมาเป็นรังของคนที่ชื่อว่าโดชูมิที่ผมพึ่งจะช่วยไว้ ซึ่งรังที่ว่าก็เป็นบ้านหลังเล็กที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากเมืองเล็กน้อยที่มีสภาพที่โทรมมาก

     

    ‘ไม่คิดเลยว่าคนที่เราบังเอิญไปช่วยไว้จะเป็นหมอนี่’

     

    ใช่คนที่ชื่อโดซูมิเป็นหนึ่งในตัวละครที่โผล่มาในนิยายตนฉบับ ซึ่งตอนนี้ผมกำลังอยู่ในสถานะการณ์เกี่ยวกันกับคุโรกินิยาย นั่นก็คือการถามข้อมูลของผู้กล้าจากอัศวินยากจน

     

    “เรื่องเป็นแบบนี้เองงั้นรึ...”

     

    “ถูกต้องแล้วครับท่าน...”

     

    ถึงจะพอรู้คร่าวแล้วก็เถอะแต่เมื่อได้ฟังด้วยตัวเองไม่ใช่การอ่านและรับรู้ผ่านตัวหนังสือมันก็ทำให้ผมรู้สึกหดหู่

     

    ไม่คิดเลยว่าการที่ผมกระทืบผู้กล่าอย่างเรย์จิจนปางตายจะมีคนที่เดือดร้อนมากมายซึ่งเรื่องที่โดซุมิเล่าให้ผมฟังก็เป็นหนึ่งของคนที่เดือดร้อนจากการกระทำของผม

     

    ถึงตอนนี้ผมจะอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับมนุษย์ก็เถอะ แต่การที่ต้องมาเห็นเพื่อนมนุษย์เดือดร้อนเพราะการกระทำของตัวเองแล้วมันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิด

     

    ซึ่งที่โดซูมิเล่าให้ผมฟังนั้นเกี่ยวกับเด็กสาวคนหนึ่งที่เป็นคนของกำลังทหารที่โดซุมิทำงานอยู่ ซึ่งเธอก็ได้เป็นที่ถูกใจของผู้กล้าเพราะเธอน่ารัก

     

    แม้จะบอกว่าถูกใจแต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับผู้กล้า แต่เป็นเพราะว่าเธอถูกบังคับจากหัวหน้าหรือเจ้าอ้วนและพวกพ้องที่ผมพึ่งจะโยนข้ามกำแพงไปก่อนที่จะมาที่นี่

     

    เจ้านั่นข่มขู่เธอและถ้าไม่ทำตามจะฆ่าพ่อของเธอ แต่เพราการปรากฏตัวของเรย์จิทำให้เธอได้รับการคุ้มครองเจ้าอ้วนจึงยอมถอยเพราะกลัวผู้กล้า

     

    แต่หลังจากมีข่าวที่กระจายออกไปเป็นวงกว้างว่าผู้กล้าได้ตายลงทำให้เด็กสาวคนนั้นขาดการคุ้มครองทำให้ไม่มีใครปกป้องและพ่อของเธอก็ถูกเจ้าอ้วนนั่นฆ่าตาย

     

    แต่เอมีข่าวออกมาอีกว่าผู้กล้ายังมีชีวิตอยู่ทำให้เจ้านั้นรู้สึกกลัว แต่เพราะเด็กสาวคนนั้นไม่รู้ว่าใครที่เป็นคนฆ่าพ่อของเธอแต่ถ้าตามสืบไม่ช้าก็จะรู้ตัวคนร้าย

     

    เจ้าอ้วนที่ไม่อยากรับโทษจึงต้องการที่จะหาแพะมารับโทษแทน ซึ่งหวยก็ไปตกที่โดซุมิที่กำลังนั่งคุกเข้าอยู่ตรงหน้าของผม

     

    “ขอบคุณสำหรับข้อมูล”

     

    ผมหยิบอัญมณีออกมาจากกระเป๋าที่อยู่ใต้เสื้อคลุมส่งให้โดซุมิจำนวนหนึ่ง

     

    “นี่มัน... ของจริง?”

     

    “พอหรือเปล่า?”

     

    โดซุมิที่กำลังอึ้งกับอัญมณีในมือกลับมามีสติหลังจากที่ได้ยินเสียงของผม

     

    “มากเกินไปด้วยซ้ำครับ! ถ้าเป็นของจริงข้าสามารถออกจากเดินนี้แล้วเดินทางไปเมืองอื่นได้เลย... แต่ให้ของล้ำค่าแบบนี้กับข้ามันจะดีอย่างงั้นเหรอ!”

     

    โดซุมิพูดออกมาด้วยเสียงที่สั่นเพราะนี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้จับของที่มีค่ามากขนาดนี้

     

    “ค่าข้อมูลยังไงล่ะ... และข้าเจ้าต้องการที่จะออกจากเมืองแห่งนี้ล่ะก็ข้าก็ของกระท่อมหลังนี้ก็แล้วกัน”

     

    ผมพูดกับโดซุมิ ถึงกระท่อมมันจะโทรมไปหน่อยแต่ถ้าได้รับการซ่อมบำรุงก็สามารถอาศัยอยู่ได้

     

    “ข้ายกให้ท่านเลยครับ! แค่นี้สำหรับข้าก็เพียงพอแล้ว! ข้าจะออกจากเมืองวันนี้เลย!”

     

    โดซุมิยกกระท่อมให้ผมอย่างไม่ลังเลก่อนที่เขาจะเก็บของที่จำเป็นทั้งหมดลงกระเป๋าเตรียมออกเดินทาง

     

    “ท่าน... ข้าของทราบชื่อของท่านได้หรือไม่?”

     

    โดซุมิได้หยุดเดินแหละหันกลับมาเพื่อถามถึงชื่อของผู้มีพระคุณของเขา

     

    ผมที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มออกมาใต้หมวกเกราะและถอดผ้าคลุมเก่าๆออกเผยให้เห็นชุดเกราะสีเงินบริสุทธิ์อยู่ข้างใน

     

    โดซุมิมองมาที่ผมด้วยความเคารพบูชา เพราะในสายตาของเขาคิโรกิในชุดเกราะสีเงินนั้นไม่ต่างจากเทพเจ้า เปี่ยมไปด้วยพลังและความน่าเกรงขาม ราวกับอัศวินที่เป็นข้ารับใช้ของพระเจ้า

     

    “ท่านเป็นอัศวินศักดิ์สิทธิ์!?”

     

    โดซุมิรู้สึกตกตลึง เขาไม่คิดว่าคนที่อยู่ใต้ผ้าคลุมเก่าๆนั้นจะเป็นถึงอัศวินระดับสูงอย่างอัศวินศักดิ์สิทธิ์

     

    แต่ทันใดนั้นอัศวินเกราะสีเงินก็ได้ถูกย้อมไปด้วยสีดำพร้อมกับรูปร่างของชุดเกราะที่เปลี่ยนแปลงไป พร้อมกับออร่ากดดันที่ปล่อยออกมา

     

    “นามของข้าคืออัศวินดำไดร์ฮาร์ด”

     

    เสียงที่พูดออกมานั้นดูหน้ากลัวเป็นอย่างมากพร้อมกับออร่าที่กดดันทำให้โดซุมิแทบจะยืนไม่ไหวและล้มลงไป

     

    “อะ-อะ- อัศวินดำ!!”

     

    โดซุมิรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากเพราะอัศวินที่เต็มไปด้วยความสง่างามและสูงส่งตอนนี้ได้กลายเป็นอัศวินที่ดูชั่วร้ายและน่ากลัว และชื่อที่ถูกพูดออกมาจากปากของอัศวินคนนั้นเป็นชื่อที่ไม่มีใครในอาณาจักรแห่งนี้ไม่รู้จัก

     

    อัศวินดำไดร์ฮาร์ดผู้ที่เกือบจะสังหารผู้กล้าได้!!

     

    “ฮ่ะๆๆ ดูเจ้าสิ.. ดูเหมือนว่าข้าจะแกล้งเจ้าแรงเกินไป”

     

    ผมที่เห็นโดซุมิล้มลงไปกับพื้นได้หัวเราออกมาเบาๆดูเหมือนว่าการที่ผมทำแบบนี้แรงเกินไปหน่อยจึงได้เปลี่ยนชุดเกราะกลับไปเป็นทัชมีเหมือนเดิมและเก็บออร่าคุมคาม

     

    “ทะ-ท่านมาเพื่อสังหารผู้กล้าอย่างงั้นหรือ.. ขอรับ...?”

     

    โดซุมิพูดออกมาด้วยความหวาดกลัวเพราะเมื่อครู่เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ปากทางเข้านรกอย่างไงอย่างงั้น

     

    “เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ?”

     

    โดซุมิที่ถูกถามแบบนั้นก็ไปไม่เป็น ผ่านไปสักพักเขาก็เริ่มที่จะใจเย็นลง

     

    “นั่นสินะไม่ใช่เรื่องของข้าสักหน่อย”

     

    โดซุมิพูดออกมาแบบนั้นเพราะยังไงอีกไม่นานเขาก็จะเดินทางออกไปจากเมืองนี้อยู่แล้ว ผู้กล้าจะเป็นยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องของเขา เพราะแรกเริ่มเดิมทีแล้วผู้กล้านี่แหละที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้

     

    ผู้กล้าหรือคนในเมืองนี้จะเป็นยังไงก็ช่าง ขอแค่ข้ามีชีวิตรอดต่อไปก็พอ

     

    ท่านไดร์ฮาร์ดคือผู้มีพระคุณของข้า ถึงเขาจะเป็นศัตรูกับมนุษย์แล้วมันจะทำไม เขาเป็นคนเดียวที่ยื่นมือเข้ามาช่วยข้าในตอนที่ข้าลำบาก แค่นั้นมันก็เพียงพอแล้ว

     

    “ข้าขอตัวก่อนนะครับท่านไดร์ฮาร์ด”

     

    โดซุมิก้มหัวให้ผมและเดินจากไปทันที และผมมั่นใจว่าเขาจะไม่เอาเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ไปบอกคนอื่นอย่างแน่นอน

     

    “เอาล่ะเริ่มทำงานกันเลยดีกว่า”

     

    ผมตรวจดูสภาพของกระท่อมหลังนี้อย่างระเอียดและพบว่ามีจุดที่ต้องซ้อมแซมอยู่มากทำให้ผมตัดสินในที่จะทุบแล้วสร้างใหม่จะดูง่ายกว่า โดยวัสดุทั้งหมดก็เอามาจากในป่านี้แหละ

     

    ผมใช้ดาบที่สร้างขึ้นมาจากสไลม์ตัดไปที่ต้นไม้ขนาดใหญ่หลายต้นเพื่อเอามาสร้างเป็นบ้านหลังเล็ก ซึ่งผมก็ค่อยข้างเก่งเรื่องการสร้างด้วยสิประสบการณ์จากการเล่นเกมเหลี่ยม

     

    “ฟูว~เสร็จสักที”

     

    ผมปาดเหงื่อที่ไม่มีออกและชื่นชมความงามของบ้านที่ครอบครัวขนาดเล็กที่สามารถอาศัยอยู่ได้ แต่ในระหว่างที่ผมกำลังเดินตรวจภายในบ้านนั้นก็ได้มีการติดต่อมาจากโคฮาคุทางโทรจิต

     

    ‘นายท่านค่ะเธอฟื้นแล้ว’

     

    “เด็กคนนั้นฟื้นแล้วอย่างงั้นหรอ! รอเดี๋ยวนะโคฮาคุผมกำลังจะไปหา”

     

    ผมที่รู้ว่าเด็กผู้หญิงที่ผมช่วยเอาไว้จากการดิ่งพสุธานั้นได้ฟื้นขึ้นมาแล้วก็รู้สึกดีใจ แต่ทันใดนั้นเองก่อนที่ผมกำลังจะเดินออกจากป่าเพื่อไปหาโคฮาคุเสียงโวยวายของผู้หญิงก็ดังขึ้นเรียกความสนใจของผม

     

    “ปล่อยชั้นสิวะไอ้จิ่งเหลนเวร! ถ้าไม่ปล่อยเดี๋ยวยิงแม่งทิ้งเลย!”

     

    ผมมองไปทางเสียงและผมว่าเด็กผู้หญิงผมสีเขียวที่ผมได้ช่วยไว้ตอนนี้กำลังดิ้นไปดิ้นมา โดยที่เธอถูกหิ้วมาโดยมังกรตัวสีดำขนาดเล็ก

     

    ‘มาแล้วค่ะนายท่าน’

     

    “โคฮาคุงั้นหรอก?”

     

    มังสีดำตัวเล็กนั้นก็คือโคฮาคุนั้นเอง ดูเหมือนว่าเธอจะสามารถย่อขนาดของตัวเองลงได้ด้วย

     

    “ไม่ได้ยินหรือไงว่า- โอ๊ย!!”

     

    ผู้หญิงคนนั้นร้องออกมาเสียงดังเมื่อถูกโคฮาคุปล่อยทิ้งลงพื้นอย่างกะทันหัน และโคฮาคุก็บินเข้ามาคลอเคลียผมโดยไม่มีท่าทีที่รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย

     

    หญิงสาวปริศนา รีเบคก้า

     

    สวัดสีฉันรีเบคก้าตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้

     

    หลังจากที่ภาพทุกอย่างได้ดับลงโดยภาพสุดท้ายที่จำได้ก็คือตูดสีดำของใครก็ไม่รู้ และหลังจากนั้นภาพทุกอย่างก็ตัด

     

    และพอตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกำลังลอยอยู่บนฟ้า ไม่สิกำลังนั่งอยู่บนอะไรบางอย่างที่กำลังบินอยู่บนฟ้า

     

    “ไม่ใช่ไนท์ซิตี ที่นี่มันที่ไหนว่ะ?”

     

    ฉันมองไปรอบๆด้วยความสงสัยเพราะท้องฟ้าของที่นี่มันไร้มลพิษต่างจากไนท์ซิตีที่เต็มไปด้วยมลพิษและสิ่งผิดกฏหมาย

     

    ในขณะที่ฉันกำลังเพลิดเพลิงไปกับภาพท้องฟ้าที่ไม่เคยเห็นก็ได้มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นในหัวของฉัน

     

    ‘ตื่นแล้วอย่างงั้นหรือมาคิน่าแปลกหน้า’

     

    “ใครน่ะ!?”

     

    ฉันตะโกนออกมาและควักปืนที่ไม่รู้ว่ามาอยู่ที่หลังของฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ออกมา

     

    แต่เมื่อฉันมองไปรอบๆก็ไม่เจอใครเลยแม้แต่คนเดียวทำให้ฉันยิ่งระวังตัวเพิ่มมากขึ้น เพราะถ้ามองไม่เห็นใครแต่กลับได้ยินแสงนั้นแสดงว่าตอนนี้ฉันกำลังถูกแฮ็ก

     

    ‘ด้านล่าง’

     

    ฉันที่ได้ยินแบบนั้นก็ก้มลงไปมองก็เห็นแค่พื้นสีดำธรรมดา.. ไม่สิมันกำลังขยับอยู่!!

     

    ‘ตอนนี้เจ้ากำลังยืนอยู่บนร่างกายของข้า’

     

    ฉันที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกตกใจจนแทบลืมหายใจ แต่ทันใดนั้นพื้นที่ฉันกำลังยืนอยู่ก็ได้หายไปทำให้ฉันร่วงลงไปข้างล่าง

     

    “เชี้ย!!!!”

     

    ฉันตะโกนออกมาสุดเสียงด้วยความตกใจ ความสูงขนาดนี้ตกลงไม่ไม่มีทางรอดอย่างแน่นอน

     

    แต่ทันใดนั้นเองร่างกายของฉันก็ได้ถูกอะไรบางอย่างจับเอาไว้ และเมื่อหันไปมองก็เห็นว่ามีจิ่งจกตัวสีดำที่มีปีกกำลังใช้ขาทั้งสี่จับที่เสื้อฮู้ดของฉันเอาไว้

     

    “จิ้งจกมีปีก?...”

     

    ‘มังกรต่างหาก’

     

    จิ่งจกตัวสีดำหรือที่มันบอกว่าตัวเองเป้นมังกรนั้นพูดออกมาอย่างไม่พอใจ และทันใดนั้นนั้นเองมันก็พาฉันบินลงไปที่พื้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งฉันที่ยังไม่ทันตั้งตัวก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ

     

    “อ๊ากกก!!! ไอ้จิ้งจกเชี้ย! เร็วไปแล้วโว้ย!!”

     

    จิ่งจกตัวนั้นไม่มีท่าทีว่าจะสนใจฉันยังคงบินด้วยความเร็วที่เท่าเดิมไปเรื่อยๆจนมาถึงป่าแห่งหนึ่ง ซึ่งฉันที่พี่งเคยเห็นป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้แบบนี้ครั้งแรกก็ถึงกับลืมความไม่พอใจไปชั่วขณะเพราะกำลังรู้สึกตกตลึงกับป่าไม้ที่พึ่งเคยเห็น

     

    “โอ๊ย!! ทำอะไรของแกว่ะ!”

     

    ฉันร้องออกมาด้วยความเจ็บเมื่อหน้าของฉันถูกดีดโดยกิ่งไม้ซึ่งมองยังไงเจ้าจิ่งจกนี่ก็ตั้งใจทำชัดๆ

     

    ฉันดิ้นเพื่อพยายามที่จะหลุดจากเท้าของเจ้าจิ่งจกนี่แต่ไม่ว่าฉันจะดิ้นยังไงก็ไม่มีท่าทีว่าจะหลุดเลยซักนิด

     

    เท้ามันจะเหนียวไปไหนวะ

     

    “ปล่อยชั้นสิวะไอ้จิ้งเหลนเวร! ถ้าไม่ปล่อยเดี๋ยวยิงแม่งทิ้งเลย!”

     

    ฉันตะโกนออกมาและกำลังจะเอื้อมมือใจจับปืน

     

    “ไม่ได้ยินหรือไงว่ะว่า- โอ๊ย!!”

     

    แต่ทันใดนั้นฉันก็ถูกปล่อยตัวลงอย่างกะทันหันทำให้ก้นกระแทกกับพื้น ซึ่งเจ้าตัวการอย่างเจ้าจิ่งเหลนเวรนั่นก็ไม่มีท่าทีที่จะรู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย

     

    “เป็นอะไรหรือเปล่า”

     

    เสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น ซึ่งตามประสบการณ์ ผู้ชายที่ไม่รู้จักเข้ามาทักโดยที่ไม่รู้ว่ามีดีหรือมาร้าย

     

    ฉันชักมือออกมาและชี้ไปทางที่ได้ยินเสียง

     

    “อย่างขยับ!...”

     

    “ใจเย็นๆก่อน ชี้ของที่อันตรายแบบนั้นใส่คนอื่นมันไม่ดีนะ”

     

    ผู้ชายคนนั้นพูดออกมาอย่างไม่ทุกร้อนทั้งๆที่มีปืนกำลังชี้ไปที่ตัวเอง

     

    เดี๋ยวก่อนนะ ผืนของฉันหายไปไหน?

     

    “หาที่อยู่อย่างงั้นหรอ?”

     

    ฉันเงยหน้าขึ้นและพบว่าปืนของฉันนั้นอยู่ในมือของผู้ชายที่อยู่ในผ้าคลุมเก่าๆ เอาไปตั้งแต่ตอนไหนกัน ทำไมฉันถึงไม่รู้สึกตัวเลย หรือว่าซานเดวิสต้า?!!

     

    “เอาล่ะพวกเรามาคุยกันอย่าวสันติชลกันเถอะ”

     

    ผู้ชายคนนั้นย่อตัวลงมาและยื่นหน้าเข้ามาหาฉัน แม้ว่าเสียงของเขาจะดูเป็นมิตร แต่สำหรับฉันแล้วนั้นมันต่างออกไป

     

    น่าหงุดหงิดชมัด!!

     

    +++

     

    นิสัยของรีเบคก้าอาจจะไม่เหมือนในอนิเมะเท่าไหร่ก็ต้องขอโทษด้วย  เอาจริงไรต์ก็ไม่คิดที่จะเเต่งให้มีนิสัยที่เหมือนกับอนิเมะอยู่เเล้วกะจะเเต่งให้เป็นเเนวซึนเดเระปากร้ายดู ซึ่งก็อย่าคาดหวังมากเพราะนี่เป็นครั้งเเรกที่ได้เเต่งตัวละครเเบบนี้

     

    จากกันไปด้วยภาพหน้ารักๆของเด็กสาวที่ถูกหลอมรวมกับสุนัขด้วยฝีมือของนักเล่นเเร่เเปลธาตุคนหนึ่ง 

     

    เคยยินคำนี้หรือเปล่าการเเลกเปลี่ยนที่เท่าเทียบน่ะ อ่านเเล้วก็ให้กำลังใจด้วยล่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×