NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Tale of dark knight summoned to defeat the hero] บทละครอัศวินดำ

    ลำดับตอนที่ #5 : สถานการณ์ของทุกฝ่าย

    • อัปเดตล่าสุด 9 ก.ค. 66


     

    ตอนที่ 3 – สถานการณ์ของทุกฝ่าย

     

    เทพแห่งเอลีอัส เทพแห่งช่างฝีมือ เฮย์บอสบรรยาย

     

    “เจ้าเป็นเทพแห่งช่างฝีมือไม่ใช่เหรอเฮย์บอส!!”

     

    เสียงโกรธเกรี้ยวดังก้องไปทั่วห้อง 

     

    นี่คือบ้านของข้าสถานที่ที่เต็มไปด้วยความมืดมนและมัวหมองซึ่งเป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับเทพเยี่ยงข้าที่ไม่ได้มีหน้าตาที่หล่อเหลาเหมือนเทพคนอื่นในเอลีอัส

     

    ทำให้เทพคนอื่นมักจะไม่มาสถานที่มืดมนเช่นนี้ แต่ดูเหมือนว่าวันนี้จะเป็นข้อยกเว้น

     

    ทันทีที่ข้าก้าวย่างออกจากบ้านก็ได้พบกับแขกที่หาได้ยาก ไม่เชื่อว่าเทพธิดาผู้งดงามที่สุดในเอลีลัสจะมายังสถานที่อันมัวหมองเช่นนี้

     

    “มีธุระอันใดงั้นรึเทพธิดาแห่งปัญญาและชัยชนะเรน่า การที่ท่ามายังที่แห่งนี้โดยไม่มีผู้ส่งสารมาบอกข้ามันช่างผิดปกติ”

     

    นี่ก็ผ่านมานานแล้วตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่ข้าได้พบนาง ปกติแล้วเมื่อมีเรื่องที่สำคัญเธอมักจะให้ผู้ส่งสารส่งข้อความมาบอกข้าก่อนที่จะมาทุกครั้ง ซึ่งครั้งล่าสุดที่ข้าได้รับจดหมายจากเธอก็คือคำขอให้ข้าสร้างอุปกรณ์สำหรับการอัญเชิญผู้กล้า

     

    ซึ่งเธอขอให้ข้าทำผ่านจดหมาย แต่ครั้งนี้เธอกลับมาหาข้าด้วยตัวเอง

     

    “อย่ามาแกล้งไขสือ!!”

     

    เรน่าเงยหน้าขึ้นพูดคุยกับข้าเพราะความต่างของส่วนสูง ใบหน้าของเธอแดงก่ำเพราะความโกรธ

     

    “เฮย์บอสเจ้าสินะที่บอกถึงวิธีอัญเชิญให้กับราชาปีศาจโมเดสน่ะ!!?”

     

    “ใช่แล้ว ข้าเป็นคนบอกเอง”

     

    ไม่มีเหตุผลอันใดที่ข้าจะต้องปกปิดโมเดสผู้เป็นสหายเพียงคนเดียวของข้า ในเมื่อเขาได้ร้องขอความช่วยเหลือมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่สกายอย่างข้าจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ

     

    ข้าตอบเรน่าตาความจริง นั่นยิ่งทำให้เธออารมณ์เสียงมากยิ่งกว่าเดิม

     

    “แต่โมเดสมันเป็นกบฏต่อเทพเจ้า! เจ้านั่นมันเป็นศัตรูของเอลีอีสนะ!!”

     

    เรื่องนั้นข้าไม่รู้ด้วยซะหน่อย เพราะข้าพึ่งจะรู้เมื่อไม่นานมานี้ว่าโมเดสได้ถูกขับไล่ออกจาเอลีอัสไปแล้วเป็นเพราะข้าไม่ค่อยออกจากบ้านด้วยทำให้ข้ารับข่าวสารได้ข้ากว่าคนอื่นๆ

     

    เหตุผลที่ถูกขับไล่เหมือนจะเป็นเพราะโมเดสได้ไปทำเรื่องไม่ดีไม่งามกับนางฟ้าและเทพธิดาที่อยู่ใต้อาณัติขอเรน่าเข้า

     

    เหอะ! เหมือนว่าข้าจะเชื่อ โมเดสที่ข้ารู้จักไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ ถึงรูปลักษณ์ของหมอนั่นจะดูอัปลักษณ์เมื่อเทียบกับเทพคนอื่นในเอลีอัส แต่จิตใจของหมอนั่นน่ะสูงส่งกว่าเทพหลายคนที่นี่ซะอีก

     

    แต่เหตุผลที่เรน่าต้องทำสงครามกับโมเดสนั้นก็เป็นเพราะเจ้านั้นได้สร้างร่างโครนของเธอขึ้นมา ดังนั้นช่วยไม่ได้ที่เธอจะโกรธเพราะตัวเธอ(โคลนนิ่ง)คงโดนปูยี้ปูยำไปแล้ว และเพราะร่างโคลนนั้นได้ถูกสร้างขึ้นโดยใช้ส่วนหนึ่งของร่างกายร่างต้นแบบที่ต้องการโคลนทำให้บ้างครั้งร่างต้นจะเห็นสิ่งที่ร่างโคลนกำลังทำหรือถูกกระทำ

     

    เห็นได้ชัดเลยว่าเรื่องนี้โมเดสเป็นฝ่ายผิด แต่ข้าก็เข้าใจเหตุผลที่เจ้านั้นทำเพราะเจ้านั่นก็เหมือนกับข้าเป็นคนที่มีหน้าตาอัปลักษณ์ เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องการมีสาวงามมาไว้ข้างกาย 

     

    แต่ความผิดของข้าก็ไม่น้อยไปกว่าเขาหรอกเพราะข้าได้ช่วยเขาทำอุปกรณ์สำหรับอัญเชิญไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นแม้โมเดสจะกลายเป็นศัตรูของเอลีอัสไปแล้วแต่ก็ใช่ว่าข้าจะต้องเป็นศัตรูไปด้วย

     

    แถมเจ้านั่นยังแข็งแกร่งกว่าเทพทุกคนที่อยู่ในเอลีอัสคงมีเพียงแค่เทพโอดินคนเดียวที่สามารถทำอะไรเขาได้ ในเมื่อตอนนี้ราชาแห่งเทพไม่มีการเคลื่อนไหวเทพคนอื่นก็ทำอะไรเขาไม่ได้ และเพราะโมเดสไม่ได้อยู่ที่เอลีอัสแล้วถึงเป็นเทพโอดินก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้

     

    และที่สำคัญโมเดสก็ไม่ได้เป็นฝ่ายเข้ามาโจมตีเอลีอัสแต่เป็นฝ่ายเรน่าที่โจมตีโมเดสทำให้เทพคนอื่นไม่สามารถช่วยเธอได้ เรน่าจึงได้ตัดสินใจอัญเชิญผู้กล้ามาเพื่อเพิ่มกำลังรบของเธอ

     

    “เรื่องงี่เง่าพรรค์นั้น”

     

    “แล้วเจ้าจะทำยังไงล่ะเรน่า จะสังหารข้าเฮย์บอสผู้นี้งั้นรึ?”

     

    เป็นเรื่องธรรมดาที่เธอจะสังหารข้าหลังจากทุกอย่างที่ข้าได้ทำไปทั้งหมด และเธอยังแข็งแกร่งหว่าข้าการสังหารข้าสำหรับเธอแล้วคงง่ายเสียยิ่งกว่าการหักคอของเด็กทารกเสียอีก

     

    “ข้าไม่สังหารเจ้าหรอก... เพราะเจ้าเป็นช่างฝีมือที่จำเป็นของเอลีอัส”

     

    เรน่าพูดด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบ แต่ทันใดนั้นจิตสังหารอันมากล้นก็ถูกปล่อยออกมาจากตัวของเธอ

     

    “แต่ขืนเจ้ายังช่วยเหลือโมเดสอีกข้าจะไม่ให้โอกาสเจ้าอีกเป็นครั้งที่สอง... นี่ถือเป็นการเตือนครั้งแรกเฮย์บอสเทพแห่งช่างฝีมือ”

     

    พูดจบเรน่าก็กำลังจะเดินกลับแต่ข้าก็ได้รั้งเธอเอาไว้เสียก่อน

     

    “จะว่าไปเรน่าข้าขอถามเจ้าอะไรสักข้อได้หรือไม่?”

     

    “อะไรล่ะเฮย์บอส?”

     

    “หลังจากที่พวกผู้กล้าที่แข็งแกร่งขนากนั้นแพ้ให้กับโมเดส ข้าสงสัยว่าเจ้าจะทำอะไรต่อไปกับเหล่าผู้กล้า?”

     

    แม้ข้าจะไม่เคยพบเจอกับผู้กล้าแต่ข้าเคยได้ยินมาว่าพวกเขามีพลังเทพเท่าเทพ ดังนั้นการที่ปล่อยให้พวกเขาทำอะไรตามอำเภอใจคงอันตราย

     

    “สิ่งที่มาจากที่อื่นก็ต้องกลับไปที่เดิมที่จากมาเป็นเรื่องปกติใช่มั้ยล่ะ?”

     

    ข้าเอียงหัวด้วยความสับสน เพราะศาสตร์การอัญเชิญข้ามโลกนั้นเป็นเรื่องง่ายที่จะเรียกมา แต่การที่จะส่งสิ่งที่เรียกมากกลับไปยังที่เดิมนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก

     

    เพราะหากโชคร้ายพวกเขาอาจจะติดอยู่ในช่องว่างระหว่างสองโลกก็เป็นได้เพราะโอกาสที่การอัญเชิญย้อนกลับจะประสบความสำเร็จนั้นมีน้อยเสียยิ่งกว่าหนึ่งในพันล้าน

     

    ซึ่งในความคิดของข้าเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะกลับไปยังโลกเดิมที่จากมาได้

     

    “เดิมที่พวกเขาก็มาจากโลกอื่น เมื่อทุกสิ่งได้จบลงแล้วข้าก็แค่ส่งพวกเขากลับไปก็แค่นั้น”

     

    ซึ่งข้าสามารถเข้าใจในสิ่งที่เรน่าต้องการจะสื่อได้อย่างรวดเร็ว เธอได้วางแผนทุกอย่างเอาไว้หมดแล้วตราบได้ที่พวกเขาไม่ได้อยู่ในโลกนี้ก็ไม่เป็นปัญหา ซึ่งนั้นก็หมายถึงการที่พวกเขาติดอยู่ระหว่างช่องว่างสองโลก

     

    ช่างเป็นเทพที่ไม่เหมาะสมกับฉายาเสียจริง ถึงผู้กล้าของฝั่งโมเดสก็ถูกอัญเชิญมากเพื่อเป็นเครื่องมือเหมือนกัน แต่โมเดสก็ไม่ได้ที่จะโหดร้ายถึงขนาดนั้น

     

    “หากเจ้าไม่มีคำถามแล้วข้าขอตัว”

     

    ข้ามองเรน่าที่กำลังเดินออกไปจากบ้านก่อนที่ข้าจะเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้และหยิบจดหมายขึ้นมาอ่าน ซึ่งจดหมายฉบับนี้คนที่ส่งมาก็คือโมเดส

     

    ซึ่งเนื้อหาที่เขียนไว้ก็ไม่มีอะไรมากเป็นแค่คำขอบคุณที่ข้าช่วยสร้างอุปกรณ์อัญเชิญให้เขา ซึ่งเขาก็มักจะเขียนจดหมายแบบนี้ส่งให้กับทุกคนที่ช่วยเหลือเขา

     

    “ช่างเป็นเพื่อนที่ชื่อตรงเสียจริง”

     

    ข้าเผลอยิ้มออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ถึงจะอยู่ห่างไกลกันแต่พวกเราก็ยังคงเป็นสหายเช่นเดิม 

     

    ภายในจดหมายที่ส่งมาได้เขียนถึงผู้กล้าที่ถูกอัญเชิญมาด้วย ข้าเองถ้ามีโอกาสก็อยากที่จะไปขอบคุณผู้กล้าคนนั้นเช่นกัน เพราะหากผู้กล้าคนนั้นไม่ยอมช่วยโมเดสล่ะก็ข้าคงได้เสียสหายเพียงคนเดียวไป ต้องขอบคุณจริงๆ

     

    เพราะเหล่าเทพแห่งเอลีอัสนั้นได้เป็นพยานถึงพลังของเหล่าผู้กล้าแล้วจึงได้ตัดสินใจปิดผนึกศาสตร์การอัญเชิญไว้อย่างถาวร

     

    ดังนั้นเรน่าคงจะใช้การอัญเชิญไม่ได้อีกเป็นครั้งที่สอง นอกจากนี้การอัญเชิญก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะการอัญเชิญแต่ละครั้งจะต้องใช้ตัวเร่งปฏิกิริยาหลายตัวแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับดินแดนเทพอย่างเอลีอัส ต่างจากนากอลที่การรวบรวมตัวเร่งปฏิกิริยาแทบจะเป็นไปไม่ได้

     

    อัศวินดำไดร์ฮาร์ด

     

    ผู้กล้าของโมเดสที่สามารถที่จะเอาชนะผู้กล้าทั้ง5ของเรน่าได้

     

    การที่จะเอาชนะโมเดสจึงเป็นเรื่องยากเพราะมีชายที่ชื่อว่าไดร์ฮาร์ด ทำให้ตอนนี้เรน่าไม่สามารถปฏิบัติต่อเหล่าผู้กล้าเป็นเหมือนเครื่องมือได้อีกต่อไป เพราะพลังของพวกเขาเป็นสิ่งที่จำเป็น

     

    “ข้าชักอยากรู้แล้วสิว่าในอนาคตอันใกล้นี้จะเกิดอะไรขึ้น”

     

    ภรรยาของราชาปีศาจโมเดส โมน่าบรรยาย

     

    “หายากนะขอรับที่ท่านโมน่าจะมาเยือนที่นี่”

     

    ทันทีที่ฉันเดินเข้ามาในห้องแห่งหนึ่งในปราสาทของโมเดสผู้เป็นสามี ชายแก่ผู้เป็นเจ้าของห้องก็ได้เอ่ยทักทายฉัน

     

    เขาก้มหัวเคารพฉัน แม้ว่าภายนอกเขาจะดูคล้ายมนุษย์แต่บนหัวของเขานั้นมีเขาเหมือนกับรันฟิว

     

    ชื่อของเขาก็คือรูคัสครั่งหนึ่งเขาเคยเป็นเทพที่ถูกเรียกว่าเทพแห่งความรอบรู้แห่งเอลีอัสเช่นเดียวกับโมเดสสุดที่รักของฉัน ซึ่งเขาได้ตามสามีของฉันที่ได้ถูกเนรเทศออกมาจากเอลีอัสมาด้วยและขอเป็นลูกน้องของสามีของฉัน

     

    “ท่านมากาข้าด้วยตัวเองช่วยเป็นสิ่งที่พบเห็นยากยิ่ง การที่ท่านมากาข้าในครั้งนี้มีธรุอันใดนั้นเหรอครับ?”

     

    “เกี่ยวกับท่านคุโร- ไม่สิ เจ้าคิดยังไงกับท่านลอร์ดไดร์ฮาร์ดงั้นหรอ?”

     

    “ลอร์ดไดร์ฮาร์ดงั้นหรอครับ?”

     

    รูคัสเอียงหัวด้วยความสงสัย เพราะเขาไม่รู้ว่าฉันต้องการที่จะสื่ออันใด

     

    “ถ้าถามข้า ข้าคิดว่าเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งมากถึงขนาดเอาชนะผู้กล้าได้ เขาถือว่าเป็นบุคคลสำคัญของพวกเราครับ”

     

    “แค่นั้นเองรึ”

     

    “???”

     

    “รูคัสเจ้าเป็นคนเก่าคนแก่น่าจะเข้าใจสิ่งที่ข้าต้องการสื่อ ผู้กล้าเป็นคนที่มาจากต่างโลกและลอร์ดไดร์ฮาร์ดเองก็เช่นกัน”

     

    “!!”

     

    รูคัสแสดงสีหน้าประหลาดใจก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนเป็นจริงจัง

     

    “อย่าบอกนะว่า...ท่าคิดว่าท่านลอร์ดไดร์ฮาร์ด...”

     

    “ใช่ มีความเป็นไปได้ว่าท่านไดร์ฮาร์ดเองก็เป็นผู้กล้าคนหนึ่ง และพวกเราต้องกำจัดภัยคุกคามที่เป็นอันตรายต่อท่านโมเดส”

     

    เพราะว่าลอร์ดไดร์ฮาร์ดเป็นคนจากต่างโลกและยังไม่มีความภักดีต่อสามีของฉัน เพราะงั้นเป็นไปได้ว่าเขานั้นอาจจะแปลพักไปอยู่ฝั่งผู้กล้าของเทพธิดาเรน่า

     

    “แต่ท่านโมน่าขอรับ เพราะการโจมตีของพวกผู้กล้าทำให้กองทัพของพวกเราอยู่ในสภาพที่เสียหายอย่างหนัก การที่จะจัดการกับลอร์ดไดร์ฮาร์ดในขณะนี้มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยนะขอรับ และการที่ทำแบบนั้นในสถานะการณ์ที่กองกำลังของพวกเราย่ำแย่เช่นนี้ก็เป็นการกระทำที่อุกอาจเกินไป”

     

    ที่รูคัสพูดก็เป็นความจริง การที่จะสร้างกองกำลังขึ้นมาใหญ่นั้นเป็นเรื่องยากยกเว้นกองกำลังของก็อบลินที่มีความสามารถในการขยายเผ่าพันธุ์ที่รวดเร็ว แต่การที่จะสร้างกองกำลังเผ่าอื่นนั้นจะต้องใช้เวลา

     

    โดยเฉพาะเผ่าโทรลที่เข้าต่อสู้กับผู้กล้านั้นได้รับความเสียหายอย่างนัก แต่ที่แย่ที่สุดคือราชาของเผ่าโทรลนั้นยอมจำนนต่อผู้กล้าและได้กลายเป็นกบฏต่อนากอลเพราะได้นำทางผู้กล้ามาสู้ปราสาทแห่งนี้

     

    แต่เพราะเกิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นทำให้พวกผู้กล้าจะต้องเดินทางมากันเอง คงเป็นเพราะราชาโทรลจะกลัวลอร์ดไดร์ฮาร์ดสังหารจึงได้หลบหนีไปเสียก่อน

     

    ทำให้ในตอนนี้กองกำลังของเราที่เคยแข็งแกร่งเพราะมีกองกำลังโทรล แต่เมื่อขาดราชาจากที่เคยเป็นกองกำลังที่สามัคคีก็ได้กลายเป็นกองกำลังที่ยุ่งเหยิงและได้ศักยภาพ

     

    “อีกอย่างนะขอรับ ข้าคิดว่าถึงจะสามารถฟื้นฟูกองกำลังได้สำเร็จ ข้าก็ยังมองไม่เห็นหนทางที่พวกเราจะสามารถเอาชนะท่านลอร์ดไดร์ฮาร์ดได้เลยขอรับ”

     

    รูคัสได้อธิบายเพิ่มว่า ลอร์ดไดร์ฮาร์ดที่สามารถเอาชนะผู้กล้าทั้ง5ที่สามารถเอาชนะกองกำลังปีศาจทั้งหมดของพวกเราได้ เพราะงั้นถึงพวกเราสามารถฟื้นฟูกองกำลังได้สำเร็จก็ไม่สามารถเอาชนะลอร์ดไดร์ฮาร์ดได้อยู่ดี

     

    หลังจากนั้นฉันและรูคัสก็ได้พูดคุยกันอยู่พักใหญ่เกี่ยวกับแผนการรับมือหลอดไดร์ฮาร์ดที่อาจจะทรยศในอนาคต ก่อนที่พวกเราจะแยกย้ายกัน

     

    “อ๊า~ท่านโมเดสที่รักของฉัน โมน่าผู้นี้จะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องท่านเองค่ะ แม้ว่าวิธีนั้นจะเป็นการทำลายโลกก็ตาม”

     

    สหายผู้กล้า จิยูกิบรรยาย

     

    “ท่าพี่ยังฟื้นอีกอย่างเหรอคะ? นี่คุณซาฮาโกะมัวทำอะไรอยู่กัน!!”

     

    มิโด เคียวกะพูดออกมาเสียงดังเพราะตอนนี้เธอเป็นห่วงอาการของพี่ชายของเธอเป็นอย่างมาก

     

    เคียวกะคือหนึ่งในสองชองน้องสาวของเรย์จิ แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของเธอจะคล้ายกับเรย์จิเพราะเป็นพี่น้องกันแต่ก็ไม่ดูดีเท่าเรย์จิ

     

    หลังจากที่พวกเราได้พ่ายแพ้ให้กับอัศวินดำอย่างไร้ทางสู้และกลับมาที่อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ลีนาเลีย

     

    “คุณเคียวกะถึงคุณจะตะโกนเสียงดังเรย์จิคุงก็ไม่ฟื้นขึ้นมาหรอกค่ะรู้มั้ย และตอนนี้ซาฮาโกะกำลังสลบอยู่ทำให้ไม่สามารถรักษาเรย์จิได้”

     

    ใช่ตอนนี้เรย์จิ ซาฮาโกะ ชิโรเนะ และนาโอมิทุกคนที่ถูกทำให้สลบด้วยฝีมือของอัศวินดำยังไม่มีใครรู้สึกตัวเลยแม้แต่คนเดียว แต่ไม่มีใครที่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงยกเว้นเรย์จิและยังได้รับการรักษาด้วยเวทมนตร์แล้วเหลือแค่ให้พวกเธอฟื้นขึ้นมาเท่านั้น

     

    แต่ปัญหาอยู่ที่เรย์จินี่สิเพราะบาดแผลที่ไหล่ของเขาไม่สามารถรักษาได้แถมยังมีเลือดที่ไหลออกมาจากปากแผลเรื่อยๆ แม้ว่าพวกเราจะให้โพชันในการรักษาแล้วแต่ก็ไม่ได้ผล 

     

    คงมีแต่ต้องรอให้ซาโฮโกะฟื้นเท่านั้น เพราะเธอคงจะสามารถรักษาเรย์จิได้

     

    “งั้นคุณไม่เป็นห่วงท่านพี่บ้างเลยเหรอคุณจิยูกิ!? คิดดูสิ บาดแผลชองท่านพี่มันร้ายแรงมากเลยนะค่ะ ถ้าเขาเป็นอะไรไปคุณจะรับผิดชอบได้อย่างงั้นหรอค่ะ?!!!”

     

    พูดตามตรงฉันเริ่มขี้เกียจมาต่อปากต่อคำกับเธอแล้ว ทั้งที่เป็นน้องสาวของเรย์จิแต่กลับไปมีอะไรที่เหมือนกันเลย ต่อสู้ไม่เก่ง ควบคุมพลังเวทย์ไม่ได้จนไปทำร้ายคนอื่นจนได้รับบาดเจ็บ เอาไปร่วมเดินทางด้วยก็มีแต่จะเป็นตัวถ่วง

     

    ต่างจากคายะที่เป็นคนรับใช้ของเธอที่มีความสามารถด้านเคนโป้และคาราเต้จนครั้งหนึ่งเธอสามารถเอาชนะเรย์จิได้ในการปะลอง แต่ที่คายะไม่ได้ไปเดินทางกับพวกเราก็เป็นเพราะเธอเป็นคนรับใช้ส่วนตัวของเคียวกะจึงไม่สามารถปล่อยให้เคียวกะอยู่คนเดียวได้

     

    “เรย์จิคุง!!”

     

    เสียงของซาโฮโกะดังออกมาจากข้างในห้องรักษา ดูเหมือนว่าเธอจะฟื้นแล้ว 

     

    ฉันและเคียวกะจึงได้รีบเข้าไปข้างในและพบว่าซาโฮโกะกำลังกอดเรย์จิเอาไว้พร้อมกับร้องไห้ออกมา ดูจากสีหน้าของเธอที่ดูเหนื่อยล้าดูเหมือนว่าหลังจากที่ฟื้นเธอจะใช้เวทย์รักษาจนพลังเวทย์ของเธอแทบจะหมดตัว

     

    ในตอนนี้พวกเราทั้งแปดคนกำลังนั่งอยู่รอบเตียงของเรย์จิ คนอื่นๆที่สลบไปก็ฟื้นกันหมดแล้วเหลือแค่เรย์จิเท่านั้นที่ยังไม่ฟื้นตัวดีเพราะบากแผลที่เขาได้รับนั้นหนักกว่าคนอื่นๆที่ถูกทำให้แค่สลบ และกำลังหารือกันว่าจะทำยังไงต่อจากนี้

     

    “ฉันว่าเราควรล้มเลิกการปราบราชาปีศาจไปดีกว่า”

     

    “ทำไมล่ะจิยูกิ”

     

    “ยังจะถามอีกว่าทำไมนี่นายไม่ดูสภาพของตัวเองกับพวกเราเลยหรือไง! นายเกือบจะตายไปแล้วนะ”

     

    ฉันพูดออกมาด้วยความโกรธ เพราะถ้าไม่ใช่เพราะไดร์ฮาร์ดยอมปล่อยให้พวกเรากลับมาล่ะก็พวกเราคงได้ตายกันไปแล้ว แถมบาดแผลบนร่ายกายของเรย์จิที่ได้รับมาจากไดร์ฮาร์ดนั้นแม้จะถูกรักษาแล้วแต่ก็ยังทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้

     

    ทั้งที่การรักษาของซาโฮโกะนั้นไม่เคยทิ้งร่องลอยอะไรไว้เลยแท้ๆ ซึ่งซาโฮโกะจะบอกว่าที่ไม่สามารถรักษาได้ทั้งหมดจะเป็นเพราะคำสาปซึ่งฉันก็ไม่ค่อยที่จะรู้เรื่องพวกนี้มากนัก

     

    แต่ที่ฉันรู้ก็คือไดร์ฮาร์ดสามารถฆ่าพวกเราได้ทุกเมื่อแต่เขากลับไม่ทำ ซึ่งการที่เขาปล่อยให้พวกเรารอดชีวิตกลับมาแบบนี้จะต้องมีอะไรแบบแผงแน่ๆ

     

    “ขอโทษด้วยจิยูกิแต่ฉันไม่อาจผิดสัญญากับเธอคนนั้นได้”

     

    คำพูดของเรย์จิทำให้อารมณ์ของฉันเดือดขึ้น นี่เขาไม่ห่วงชีวิตของตัวเองเลยหรือไงกัน

     

    “นี่นายรู้บ้างไหมนายเกือบทำให้พวกเราทุกคนต้องตายนะ! ไดร์ดฮาร์ดมันแข็งแกร่งมากขนาดที่ว่านายไปสู้กับเขาอีกรอบรับรองว่านานได้ตายของจริงแน่! ที่พวกเรายังมีชีวิตรอดอยู่ก็เป็นเพราะไดร์ฮาร์ดไว้ชีวิตของเราหรอกนะ!!”

     

    “หมายความว่ายังไงหรอจิยูกิที่พวกเรารอดมาได้ไม่ใช่เป็นเพราะเธองั้นหรอ?”

     

    เรย์จิถามด้วยความสงสัยเพราะก่อนที่เขาจะสลบสิ่งที่เขาจำได้ก็คือเสียงของจิยูกิกำให้เขาคิดว่าเพราะเธอเขาถึงรอดมาได้

     

    “ฉันเองก็สงสัย”

     

    ชิโรเนะได้พูดเสริม เธอเองก็อยากรู้ว่าในระหว่างที่เธอได้สลบไปเพราะทนความเจ็บปวดไม่ไหวมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง

     

    แต่สิ่งที่เธอรู้ก่อนที่จะสลบไปก็คือความสามารถในการใช้ดาบของไดร์ฮาร์ดนั้นมันเหนือขั้นยิ่งกว่าเธอ แถมเธอยังรู้สึกคุ้นเคยกับวิชาดาบของไดร์ฮาร์ดอีกด้วย

     

    “ถ้าอยากรู้เดียวฉันจะเล่าให้ฟัง คุณริโนะคุณก็มาช่วยฉันเล่าด้วย”

     

    “ค่ะ?!”

     

    ฉันและริโนะที่เป็นผู้ที่ไม่ได้สลบได้เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นให้พวกเรย์จิฟัง ซึ่งหลังจากที่พวกเขาได้ฟังสีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความสงสัย ก่อนที่เรย์จิจะพูดโพล่ขึ้นมา

     

    “แต่ว่า! พวกเราไม่สามารถปล่อยให้ผู้คนมากมายลำบากเพราะการรุกรานของพวกปีศาจไม่ได้ เรน่าเองก็ต้องการให้พวกเราทำแบบนั้น”

     

    แม้ว่าเรย์จิจะได้ฟังที่ฉันเล่าไปทั้งหมดแล้วแต่เขาก็ยังคงมีความคิดที่จะไปปราบราชาปีศาจเช่นเดิม เขาจะยึดติดอะไรกับเรน่าขนาดนั้น

     

    “แต่รุ่นพี่เรย์จิค่ะหลังจากที่ฉันได้ลองคิดดู ไม่เคยมีเหตุการณ์ไหนที่พวกปีศาจมาบุกโจมตีมนุษย์ก่อนเลยนะคะ”

     

    ขวับ!!

     

    ทุกคนหันไปมองที่ริโนะพร้อมกันทำให้เธอสะดุ้งเพราะความตกใจที่ถูกทุกคนจับจ้อง

     

    “หมายความว่ายังไงหรอริโนะจัง”

     

    ชิโรเนะถามด้วยความสงสัย 

     

    “คะ-คือว่าฉันได้เก็บคำพูดของไดร์ฮาร์ดมาลองคิดดูน่ะค่ะ แล้วก็พบว่าทุกเหตุการณ์ที่มีคนเสียชีวิตจากปีศาจล้วนเกิดจากการที่มนุษย์เป็นฝ่ายเริ่มก่อน..ค่ะ..”

     

    ทุกคนที่ได้ยินแบบนั้นก็เงียบและเริ่มคิดตามคำพูดของริโนะ ซึ่งก็เป็นอย่างที่ริโนะพูดเป็นมนุษย์ที่เป็นฝ่ายโจมตีปีศาจก่อนทุกครั้ง ไม่เคยมีเหตุการณ์ไหนเลยที่ปีศาจจะเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อน

     

    “แต่ปีศาจก็ยังต้องถูกกำจัดอยู่ดี คิดดูสิว่าดีผู้กี่ชีวิตที่ต้องสูญเสียเพราะพวกปีศาจน่ะ”

     

    เรย์จิได้พูดขึ้นมาทำลายบรรยากาศอันอึมครึม ทำให้ทุกคนเริ่มมีสีหน้าที่ดีขึ้น ยกเว้นฉันและริโนะที่เริ่มคิดว่าสิ่งที่พวกเรากำลังทำอยู่ในตอนนี้นั้นมันถูกต้องหรือเปล่า

     

    “แต่ถ้าพวกเราไม่กำจัดราชาปีศาจก็ไม่สามารถกลับบ้านได้ไม่ใช่เหรอค่ะ?”

     

    พวกเราพยักหน้าให้กับคำพูดของคายะเพราะเดิมทีแล้วที่พวกเราต้องงดิ้นรนมากขนาดนี้ก็เป็นเพราะต้องการที่จะกลับบ้าน มีแต่ต้องปราบราชาปีศาจเท่านั้น แต่ตอนนี้มีกำแพงที่มีชื่อว่าไดร์ฮาร์ดกำลังขวางเป้าหมายของพวกเราเอาไว้อยู่

     

    “ใช่แล้วล่ะนี่ก็ผ่านมาครึ่งปีแล้วครอบครัวของพวกกเราคงเป็นห่วงพวกเรามากจนบางทีอาจจะคิดว่าพวกเราตายไปแล้วก็ได้”

     

    ที่ชิโรเนะพูดมาก็ถูกเพราะนี่ก็ผ่านมาครึ่งปีแล้วไม่รู้ว่าคนทางนู้นตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง

     

    “คุณชิโรเนะเองอยากจะเจอกับเพื่อสมัยเด็กอีกครั้งใช้มั้ยค่ะ?”

     

    ฉันที่เห็นว่าบรรยากาศมันเริ่มกลับมาอึมครึมอีกครั้งจึงเปลี่ยนคู่สนทนามาที่ชิโรเนะเพื่อเปลี่ยนเรื่อง

     

    “เอ๋!? สงสัยจังว่าเพื่อสมัยเด็กของคุณชิโรเนะเป็นคนแบบไหน?”

     

    ซาโฮโกะเร่งเร้าชิโรเนะเพราะเธอเองก็อยากที่จะรู้ด้วยความกัน และถือเป็นการตัดคู่แข่งออกไปด้วยในตัว

     

    “อืม~ซาโฮโกะริโนะก็ไม่รู้หรอกน้า~แต่คงเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่ให้คำสัญญาไว้กัยคุณชิโรเนะใช่ม๊า~”

     

    “ดะ-เดี๋ยวสิ! แม้แต่คุณนิโนะด้วย ฉันกับคุโรกิไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบนั้นกันสักหน่อย!!”

     

    “งั้นหรอ แต่ฉันเห็นเขาฝึกอยู่ในโรงฝึกของครอบครัวเธอนี่นา ฉันเองก็สนใจเขาอยู่ด้วย เขาอาจจะดูเป็นคนเรียบๆแต่ก็เป็นคนที่สุดยอดเลยล่ะ แถมยังค่อนข้างหล่ออีกด้วยนะ บางทีถ้าไม่มีเรย์จิคุงอาจจะเป็นทีนิยมก็ได้นะ”

     

    ฉันตั้งใจฟังที่ริโนะพูด ถึงแม้ว่าฉันจะเคยได้ยินเรื่องเพื่อสมัยเด็กจากชิโรเนะมาบ้างแล้วแต่ก็ไม่เคยเจอตัวจริงของเขาหรอก

     

    แต่ถึงขนาดที่ริโนะที่ทำงานในวงการไอดอลชมว่า‘ค่อนข้างหล่อ’ดังนั้นเขาก็คงจะดูดีกว่าผู้ชายทั่วไปนั่นแหละ

     

    แต่เพราะผู้ชายคนอื่นในโรงเรียนโดนเรย์จิกลบรัศมีไปหมดนั่นล่ะมั้งทำให้เป็นเหตุผลที่ทำให้คุณเพื่อนสมัยเด็กไม่โดดเด่น

     

    “...หล่อหรอ? ก็คงจะใช่มั้ง?”

     

    ชิโรเนะเองหัว ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ค่อยแน่ใจ

     

    “เขา...”

     

    เรย์จิพูดคำหนึ่งออกมาซึ่งมีความหายเชิงลึก ทำให้ชิโรเนะที่ได้ยินดังนั้นก็ถึงกับออกอาการลนลาน

     

    “..ร-เรย์จิคุงคงไม่เข้าใจผิดใช่มั้ย!? ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุโรกิคุงสักหน่อย!”

     

    ชิโรเนะรีบอธิบายให้เรย์จิฟังอย่าสุดตัวเพื่อไม่ให้เขาเข้าใจผิด ฉันรู้ดีว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่ ยกเว้นคายะเอาไว้คนหนึ่งรายนั้นไม่รู้จักความรักหรอก ผู้หญิงทุกคนต่างมีความรู้สึกดีดีให้กับเรย์จิทั้งนั้น

     

    ถ้ามองในมุมมองของฉันดูท่าชิโรเนะจะไม่มีความรู้สึกอะไรพิเศษกับเพื่อนสมัยเด็ก แต่ถ้าให้ฉันเดาเพื่อนสมัยเด็กคนนั้นน่าจะชอบชิโรเนะก็เป็นได้

     

    และชิโรเนะยังบอกอีกว่าอยากขอโทษเพราะก่อนที่เธอจะถูกอัญเชิญมาเธอได้พูดเรื่องโหดร้ายกับเอา(ไม่มีโอกาสแล้วจ่ะ)

     

    “แต่คุณชิโรเนะไม่ได้บอกเหรอคะว่าอยากจะขอโทษเพื่อนสมัยเด็กคนนั้น?”

     

    “เรื่องนั้น...”

     

    ชิโรเนะลังเลที่จะพูด ทุกคนที่อยู่ที่นี่กำลังเฝ้ารออย่างตั้งใจ

     

    “เอาล่ะทุกคนเรามาคุยเรื่องของเรน่าก่อนดีมั้ย? การฟังเรื่องของชิโรเนะเก็บไว้ก่อนก็ยังไม่สายเกินไปหรอกว่ามั้ย?”

     

    “เอ๋~”

     

    ริโนะพูดออกมาด้วยความเสียดายที่เรย์จิห้ามเอาไว้ ทั้งๆที่อีกนิดเดียวเธอก็จะได้รู้ความลับของคู่แข่งแล้วแท้ๆ

     

    แต่เรื่องของเรน่านั้นสำคัญกว่าเพราะพวกเรามีอีกหลายเรื่องที่อยากถามเธอ ซึ่งเป็นคำถามที่ไม่ได้ถามก่อนจะเริ่มออกเดินทาง

     

    ทำไมเหล่าเทพถึงปล่อยราชาปีศาจที่จะเป้นอันตรายต่อตัวเองเอาไว้?

     

    แล้วมันเป็นความจริงไหมที่ว่าพวกเราจะกลับไปไม่ได้จนกว่าจะปราบราชาปีศาจได้?

     

    ก่อนที่พวกเราจะสลายกลุ่มกันไป...

     

    +++

     

    ไรต์เกลียดตัวเองว่ะ เอาเป็นว่าไม่ต้องมงต้องมีมันเเล้วเวลาลง เสร็จตอนไหนก็ลงตอนนั้น 


    เห้อ~ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×