ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I'm yours ฉันรักเธอแล้ว รับผิดชอบด้วยล่ะ [SNSD] (Yuri)

    ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 6 : ที่ปรึกษา

    • อัปเดตล่าสุด 24 ต.ค. 54




    Chapter 6 :
    ที่ปรึกษา

     

    วันนี้ไม่ค่อยมีลูกค้าเลยเนอะพี่คีย์บ่นกระปอดกระแปดในขณะที่มือกำลังใช้ไม้ไล่แมลงวัน ทั้งๆที่ไม่มีแมลงวันสักตัว


    ร้านนี้เปิดแอร์นะ แล้วแมลงวันมันจะบินมาจากไหน...จากแอร์เรอะ


    เอ๊ะ!ยังไงกันคิบอม ลูกค้าเยอะก็บ่น ลูกค้าน้อยก็บ่นยูริหันไปจิกคนอายุน้อยกว่าด้วยชื่อจริงที่เจ้าตัวไม่ค่อยชอบ เพราะมันเชยและโหลโคตรๆ ปกติเธอใช้เรียกเวลาทำอะไรที่เป็นทางการหรืออยากทำท่าทางดุๆให้คนฟังเกรงกลัวเท่านั้น


    แต่ว่าก็ว่าเถอะ...เดี๋ยวนี้เรียก คิบอม จนคอแห้งมันก็ไม่ยอมกลัวเธอเหมือนเดิม


    แล้วฉันบ่นไม่ได้เหรอไง กะอีแค่บ่นจะเป็นอะไรนักหนาเล่าเจ้าตัวยังคงเถียงค้างๆคูจนผู้มีศักดิ์เป็นเจ้านายมองแล้วละเหี่ยใจ


    แถได้โล่ แถจนสีข้างถลอกปอกเปิกหมดแล้วนะนั่น


    ทำไมลูกค้าพวกนี้ไม่หัดมาให้มันพอดีๆบ้าง เดี๋ยวก็เยอะเกินเดี๋ยวก็น้อยเกิน คนค้าคนขายเขาเหนื่อยนะยังคงบ่นแบบเอาแต่ใจตัวเองต่อไป


    เราจะมีสิทธิ์เลือกอะไรมากล่ะคีย์จียอนพูดบ้างหลังจากไปเก็บเงินลูกค้าเสร็จเรียบร้อย เราเป็นคนขายของ ก็มีหน้าที่แค่รอให้ลูกค้ามาใช้บริการเท่านั้นแหละ


    ที่สำคัญนะ จะมากจะน้อย ก็ถือว่าเป็นลูกค้า จ่ายเงินเราได้เหมือนกัน


    ยูริฟังแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้ ทั้งๆที่จียอนและคีย์นั้นเป็นเพื่อนกันมานาน เรียกได้ว่าเติบโตมาพร้อมๆกันเลย แต่นิสัยกลับต่างกันคนละขั้ว คีย์เป็นพวกดื้อรั้น ใจร้อน ขี้โมโห และเอาแต่ใจเหมือนเด็กๆ ส่วนจียอมจะสุขุม นิ่ง มีเหตุมีผลมากกว่า


    แต่ถึงอย่างไรทั้งคีย์และจียอนก็ขยันขันแข็งกันทำงานด้วยดีน่ะนะ


    คิดซะว่าพักผ่อนสิ...เพราะถ้าลูกค้าเยอะก็คงเหนื่อยจนไม่มีเวลาพักยูริชี้นิ้วไปทางโทรทัศน์ที่เปิดไว้ให้ความบันเทิงแก่ลูกค้า(และคนขายอย่างพวกเธอด้วยในหลายๆครั้ง) ดูซะสิ เห็นบ่นว่าไม่ค่อยได้ดูละครไม่ใช่เหรอ


    นั่นสินะ ไหนๆลูกค้าก็ยังไม่มา เรามาดูละครกันเถอะจียอน~”


    ว่าแต่นี่เรื่องอะไร สนุกมากเหรอ ถึงได้ดูติดใจขนาดนี้


    อ๋อ ชื่อเรื่องรักใสๆของไอ้หน้าโง่น่ะพี่ตอบโดยไม่มองสีหน้าคนฟัง ตาดูปากว่างๆก็เล่ารายละเอียดเรื่องต่อ เป็นความรักของพระเอกที่มันเป็นเพื่อนที่แสนดี แอบหลงรักนางเอกมาตลอดเกือบสิบปีแต่นางเอกก็ไม่เคยสนใจ


    รู้สึกเหมือนโดนหลอกด่า...ไม่หรอกมั้ง คีย์หมายถึงเนื้อหาของละครนี่นา ไม่เกี่ยวกับเธอซะหน่อย


    ว่าแต่ทำไมเนื้อหามันคุ้นๆ ฟังแล้วจุกๆยังไงก็ไม่รู้แฮะ


    เออ ดูกันต่อไปเลยยูริพึมพำในลำคอ พลางเบือนหน้าหนีไม่ยอมดูละครกับน้องๆ ไม่รู้ทำไม พอพวกนั้นด่าวิจารณ์ความโง่ของพระเอกที ก็กระทบถึงเธอทุกที จนพาลให้สมองที่ว่างๆไม่มีอะไรทำนึกคิดถึงคนบางคนที่อยู่ไกลแสนไกล


    ไม่ได้ไกลแค่ระยะทาง...อาชีพการทำงานความเป็นอยู่ยิ่งต่างกันราวฟ้ากับเหว


    คนนึงเป็นนางแบบ ส่วนอีกคนเป็นแค่เจ้าของร้านอาหารเล็กๆ


    คนนึงมีหน้ามีตาในสังคมหรูหรา ส่วนอีกคนร้านธรรมดาๆพื้นๆกับลูกน้อง 2 คน


    เจสสิก้า...ป่านนี้เธอจะเป็นยังไงนะ ลืมเพื่อนโง่ๆอย่างควอนยูริไปแล้วหรือยัง


    ยูรินั่งเหม่อไปอีกเกือบชั่วโมง ก็เหมือนจะเห็นร่างบางหุ่นสวยประดุจนางแบบเดินโฉบเฉี่ยวสวยเจิดจ้ามาแต่ไกล หน้าตาท่าทางคล้ายๆกับ...เจสสิก้า


    บ้าน่า เจสสิก้าเขามีงานของเขา ป่านนี้คงถ่ายแบบเดินแบบอยู่ ไม่มีเวลาว่างมาหาเธอถึงที่นี่หรอก


    สงสัยจะคิดถึงสิก้ามากไป เลยเบลอสะบัดหัวไล่ความคิดนั่นออกไป เผื่อว่าจะทำให้อาการประสาทหลอนจนเกิดภาพเบลอหายไปบ้าง


    แต่ยิ่งอยากจะไล่ มันกลับยิ่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ


    และใกล้ขึ้นเรื่อยๆ


    เรื่อยๆ...


    จนเมื่อเจสสิก้าเดินมาอยู่ตรงหน้าเธอท่ามกลางสายตาตกตะลึงของคนในร้านนั่นแหละ เธอถึงได้ตรัสรู้


    เจสสิก้า ตัวจริง เสียงจริง ไม่อิงนิยายแฮะ


    เอ้อ...หวัดดีสิก้าทักทายเก้ๆกังๆ มือไม้ดูจะเกะกะไปหมด เลยต้องจับไปวางไว้บนตักเขี่ยไปเขี่ยมา มาที่นี่มีอะไรงั้นเหรอ


    มีเรื่องอยากจะคุยด้วยหน่อยนะ ยูลพอจะว่างไหมเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆนิ่งๆซึ่งเป็นการพูดที่ดีที่สุดที่เจสสิก้าให้กับเธอ และมักจะมาเวลาเจ้าหล่อนอยากขอความช่วยเหลืออะไรจากเธอ และต้องสำคัญมากจริงๆ แต่ก็ถือว่ายังดีกว่าเหวี่ยงใส่เหมือนปกติล่ะนะ


    ใครบอกว่าเป็นเพื่อนกับเจสสิก้าแล้วจะไม่โดนเหวี่ยงใส่ เธอขอค้านหัวชนฝา


    เจสสิก้าเหวี่ยงใส่เธอมากกว่าที่เหวี่ยงใส่ทุกคน...เวลาอารมณ์เสียใครก็ลงที่เธอหมด เหมือนมีเธอไว้เพื่อระบาย


    แต่เธอก็ไม่คิดมากหรอก ดีใจด้วยซ้ำที่อย่างน้อยเจสสิก้าคิดถึงเธอเป็นคนแรก แม้ว่าจะเป็นเวลาอารมณ์ไม่ดีก็ตาม


    ว่างสิ แต่ฉันว่าเราไปคุยกันข้างในดีกว่าไหม ถ้าลูกค้ามาเห็นสิก้านั่งอยู่อย่างนี้คงดูไม่ดีเท่าไรแม้ลูกค้าจะมีไม่มาก และตอนนี้ดูท่าทางไม่สนใจเจสสิก้ามากเท่าไร แต่เธอก็ไม่ควรประมาท...เผื่อว่าเรื่องของเจสสิก้าจะเป็นเรื่องสำคัญมาก คนอื่นๆจะได้ไม่ต้องมาแอบฟังแล้วเอาเรื่องราวไปเม้าท์กันทีหลัง


    เอาสิยูริเดินนำเจสสิก้าเข้าไปข้างในเพื่อสะดวกต่อการพูดคุย โดยไม่ลืมย้ำกับทั้งคีย์และจียอนให้ดูแลร้านและลูกค้า ซึ่งทั้งสองก็รับคำเป็นอย่างดี ทั้งๆที่ตามัวแต่จดจ้องอยู่กับละคร


    เดี๋ยวปั๊ดไล่ออกซะเลยนี่เจ้าพวกนี้...


     

     

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด! ได้บัตรแล้วทิฟฟานี่มองบัตรสีสดใสที่แนบมาพร้อมกับเอกสารการเดินทางและกิจกรรมที่จะทำตลอด 1 สัปดาห์ด้วยใจที่เป็นสุข


    ใช่แล้ว...เธอได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นกับวงChocolate!


    แหม...ก็กะเอาไว้แล้วล่ะนะว่ามันต้องเป็นแบบนี้ ยุนอาไม่เคยทำให้เธอผิดหวังเลยจริงๆ


    ขอบคุณนะคะคุณบุรุษไปรษณีย์เพราะอารมณ์ดีเลยส่งยิ้มหวานเรี่ยราดให้กับทุกคนที่เดินผ่านไปผ่านมาและมองเธออย่างสนใจจากเสียงกรีดร้องเมื่อครู่ โดยเฉพาะบุรุษไปรษณีย์ที่เจอรังสีนี้เข้าไปเต็มๆจนแทบละลาย


    ผู้หญิงอะไรเนี่ย ยิ้มสวยเป็นบ้า น่าร๊อกอ่ะ~ (ถึงจะเสียงดังไปหน่อยก็เถอะ)


    คร้าบ~ ด้วยความยินดีเลยตะเบ๊ะให้อย่างชายชาติทหาร(ทั้งๆที่ไม่จำเป็น) ก่อนจะลอยกลับไปทำงานต่อด้วยใจที่เป็นสุข


    ลัล ละ ลัล ลัล ลา~ ทิฟฟานี่กระโดดโลดเต้นฮัมเพลงเป็นนางเอกละครเวทีเข้ามานั่งชื่นชมบัตรและอ่านรายละเอียดการเดินทางต่อภายในห้อง


    อ่านให้มันชัดๆเคลียร์ๆ จะได้ไม่ต้องมีปัญหาอีก


    ความฝันเป็นจริงแล้ว อีกไม่นานเราก็จะได้ไปเที่ยวกับแทยอนมองบัตรในมือเพ้อๆ พลางคิดจินตนาการไปไกลเกี่ยวกับการเดินทางในครั้งนี้


    วันแรกเราจะเดินข้างๆแทยอน


    วันที่สองเราก็เดินข้างๆแทยอน


    วันที่สามเรายังเดินข้างๆแทยอน


    วันที่สี่เราก็ยังอยู่กับแทยอน


    วันที่ห้าเราก็ยังอยู่ข้างๆแทยอน


    วันที่หกเราจะเดินควงแทยอน


    และวันสุดท้ายจะขโมยหอมแก้มแทยอนซะเลย!


    แอร๊ยยย! บ้า บ้า บ้า บ้า บ้า บ้าที่สุดเลย~


    คิดอะไรพรรค์นั้นได้ยังไง ไม่เป็นกุลสตรีเอาซะเลยนะฮวังมิยอง


    ต้องรักนวลสงวนตัวไว้ในวันแรกๆ ทำตัวเป็นแฟนคลับที่แสนดี มีน้ำใจ โอบอ้อมอารี เรียบร้อย น่ารัก


    พอทุกคนเชื่อใจเมื่อไร ค่อยหาโอกาสลวนลาม เอ๊ย! ใกล้ชิดแทยอน ก็ยังไม่สาย มีเวลาตั้ง 7 วัน ทำอะไรได้เยอะแยะเลย


    ทิฟฟานี่ตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง โดยมีเสียงหัวเราะคิกคักดังขั้นเป็นระยะๆเมื่อเกิดมีความคิดที่ถูกใจลอยเข้ามาในหัว และยิ่งถูกใจเข้าไปอีก ถ้าได้คิดจินตนาการว่าเรื่องนั้นมันจะเกิดขึ้นมาจริงๆ


    บางทีนะ บางที...ความฝันเมื่อหลายวันก่อน อาจจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมก็ได้ กร๊ากๆๆๆๆๆ


    อุ๊ย! ตายละ ลืมไป ต้องเป็นกุลสตรีนี่นา เผลอไปหน่อยเดียวก็หลุดซะแล้วนะฟานี่ ไม่ไหวเลยจริงๆ โฮ๊ะๆๆๆๆ~


     

     

    นั่งก่อนสิ....ตามสบายเลยนะ คิดซะว่าเป็นบ้านของตัวเอง


    ...เจสสิก้าผงกหัวเล็กน้อย เธอนั่งลงเงียบๆ โดยปราศจากเสียงใดๆทั้งสิ้น เหมือนกับว่าเธอกำลังลังเลอยู่ ลังเลว่าจะบอกหรือไม่บอก เธอรู้ดีว่ายูริเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งและไว้ใจได้มากที่สุดเท่าที่เธอเคยมีมา เธอกับยูริก็รู้จักกันมานาน โตมาด้วยกัน เรียนโรงเรียนเดียวกัน เวลามีปัญหาก็จะได้เพื่อนคนนี้ช่วยเสมอ


    และก็ยังคงเงียบต่อไป จนกระทั่งยูริกล้าเอ่ยปากถามขึ้นมา


    เล่ามาสิ เรื่องของสิก้าน่ะ


    ไม่เป็นไร สิก้าก็รู้ดีนี่...ฉันไม่บอกคนอื่นหรอกน่ายูริส่งยิ้มอ่อนโยนเช่นเคย เจสสิก้าก็เป็นซะอย่างนี้...ถึงจะดูวีนเหวี่ยง ทำอะไรไม่แคร์สื่อ เอาแต่ใจตัวเอง ไม่กลัวเป็นข่าว พอเป็นข่าวก็ไม่คิดจะแก้


    แต่ใครเล่าจะรู้...ลึกๆภายในใจ แม่สาวขาวีนคนนี้ก็แอบเครียดเป็นเหมือนกัน


    โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับความรัก จำได้แม่นเลยเมื่อสมัยพวกเธออายุ 16 มีรุ่นพี่คนนึงหน้าตาดีมาก เป็นนักร้องของโรงเรียน...


    ฉันมีความรักแหละยูริ


    เดี๋ยว! อะไรนะ!


    เธอ เธอว่าไงนะยูริแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ถามทวนอีกครั้ง โดยแอบหวังลึกๆในใจว่าขอให้เธอหูฝาดไปเอง


    คงเพราะคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ เลยเผลอเอามาปนกันแน่ๆเลย อย่าเพิ่งลนสิยูริ ใจเย็นๆน่า...


    ฉันบอกว่า ฉัน มี ความ รักเจสสิก้าพูดทวนอีกครั้ง โดยเน้นทีละคำอย่างชัดถ้อยชัดคำ และเป็นประโยคที่ฟังแล้วทิ่มแทงใจคนฟังเหลือเกิน


    กับใครเหรอพยายามปั้นหน้ายิ้มจริงใจเต็มที่ จริงๆแล้วเธอก็ไม่ค่อยถนัดเรื่องแบบนี้สักเท่าไรหรอก เธอน่ะเป็นคนโกหกไม่เก่ง แต่เธอก็ไม่ใช่คนประเภทที่อยากจะทำอะไรตามใจตัวเอง ทุกๆอย่างต้องผ่านการคิดการใคร่ครวญมาอย่างดี


    โดยเฉพาะกับหญิงสาวตรงหน้านี้...


    คิมแทยอน นักร้องนำวงChocolate เธอรู้จักหรือเปล่า


    คิมแทยอน คิมแทยอน คิมแทยอน...


    ไม่ใช่ว่าไม่รู้จัก เธอรู้จัก เพราะเคยฟังเพลง เคยดูรายการของวงนี้ ที่สำคัญเมื่อไม่นานมานี้ก็ยังพาเพื่อนสาวไปดูที่ห้างLotte จนได้เจอกับ...


    อ๋อ..เข้าใจแล้ว เธอเข้าใจแล้ว


    วันนั้นที่เธอได้เห็นเจสสิก้าอีกครั้งในรอบปีที่ห้างLotte ที่เคยสงสัยว่าเพราะอะไร ตอนนี้ได้เข้าใจแล้ว


    ไม่ใช่เพราะมีงาน


    ไม่ใช่เพราะอยากไปเที่ยวเล่น


    ไม่ใช่เพราะอยากไปซื้อของ


    แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพราะ....อยากเจอแทยอน


    ไม่แปลกใจหรอกที่เจสสิก้าจะยอมทำได้ถึงขนาดนี้ บอกแล้วว่าผู้หญิงคนนี้แรง เกลียดแรง รักแรง ทุ่มเท ทำทุกอย่าง บางครั้งอาจยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองเพียงเพื่อคนที่รัก


    จริงๆแล้วที่เจสสิก้าเข้าวงการมาเป็นนางแบบ ก็เป็นเพราะรุ่นพี่รักแรกคนนั้นชมว่าเจสสิก้าหุ่นดี เท่านั้นเอง

    เท่านั้นจริงๆ...


    เคยฟังเพลง ก็เพราะดีนะฝืนตอบแม้หัวใจจะแหลกสลาย


    ไม่เป็นไรหรอกน่ายูริ...อกหักครั้งที่เท่าไรแล้วล่ะ เจ็บไม่นานหรอก เดี๋ยวมันก็ชินชาไปเอง


    แล้วมีอะไรหรือเปล่าล่ะ...ฉันไม่คิดว่าสิก้าจะมาบอกฉันเพราะเรื่องแค่นี้


    มันก็แน่อยู่แล้วล่ะย่ะนั่นปะไร...คุยไปคุยมา เริ่มเข้าโหมดเหวี่ยงซะแล้ว


    คือฉันน่ะชอบแทยอน พยายามจีบมาโดยตลอด จนสนิทกัน...แต่ตอนนี้ฉันก็ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าระหว่างฉันกับแทยอน ความสัมพันธ์มันเป็นแบบไหน

    อือฮึ


    บางทีฉันก็ต้องมานั่งๆนอนๆคิดนะ ว่าฉันยุ่งกับชีวิตแทยอนมากจนเกินไปหรือเปล่า กลัวว่าเขาจะรำคาญ กลัวว่าเขาจะเบื่อ กลัว กลัวอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย


    อือฮึ


    เมื่อวานฉันก็ได้ยินข่าวว่า เดือนหน้าแทยอนจะมีทริปไปเที่ยวญี่ปุ่นทำกิจกรรมกับแฟนคลับ 1 สัปดาห์


    อือฮึ


    นี่!ควอนยูริ เธอจะเลิกอือฮึๆได้หรือยัง ฉันรำคาญ!”เจสสิก้าจิกตาใส่ยูริอย่างร้อนแรง แม้จะเคยชินแล้ว แต่ก็อดน้อยใจไม่ได้


    เจสสิก้า...เคยบอกเธอว่า ทุกครั้งที่ตัวเองพูด อยากได้ยินคนแสดงความคิดสักหน่อย อย่างน้อยให้รู้ว่ามีคนๆนึงฟังอยู่ ไม่ใช่ว่ากำลังพูดตัวคนเดียวเหมือนคนบ้า และเธอก็ทำอยู่นี่ไง...


    โธ่...จะไปคิดอะไรมากยูริ เจสสิก้าเคยเห็นเธออยู่ในสายตาเมื่อไรกันล่ะ


    โทษทีนะเอ่ยขอโทษแม้รู้ดีว่าตัวเองไม่ผิด ทำไปเพียงเพื่อให้คนฟังสบายใจเล่าต่อสิ


    ก็ไม่มีอะไรหรอก


    ฉันแค่คิดว่าตัวเองคงทนขาดแทยอนไปไม่ได้ ระหว่าง 7 วันที่แทยอนไปญี่ปุ่นเท่านั้นเอง


    ทำไมล่ะ...เป็นปีที่ฉันไม่ได้เห็นหน้าเธอ ฉันยังทนได้เลยนะ


    ยูริอยากจะเอ่ยประโยคนี้ออกไปให้รู้แล้วรู้รอด แต่เพราะยังไม่อยากให้เสียความเป็นเพื่อน และไม่อยากทำให้เจสสิก้าต้องลำบากใจ จึงได้แต่เงียบเอาไว้ และนั่งคิดวิธีที่จะช่วยเจสสิก้า


    เอาแบบนี้ดีไหม...สิก้าก็ตามแทยอนไปญี่ปุ่น ถึงจะไม่ได้อยู่ในทริปเดียวกัน แต่ก็น่าจะเที่ยวด้วยกันได้ยูริเสนอความคิดที่ดีที่สุดเท่าที่เธอจะนึกออก ถึงจะลำบากและกะทันหันไปนิด แต่ก็ยังดีกว่าให้เจสสิก้านั่งรอตลอด 7 วัน โดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย


    ใช้ความเป็นนางแบบคนดังของเธอให้เป็นประโยชน์สิ เชื่อฉันเถอะ ไม่มีใครหน้าไหนกล้าว่าเธอหรอกเจสสิก้า


    ช่างเถอะ...ถึงแม้ว่าเธอจะเจ็บสักหน่อยก็ไม่เป็นไร คนอย่างเธอเจ็บมาเยอะแล้ว


    แต่เจสสิก้าคงไม่ชินกับความเจ็บปวด...และไม่สมควรที่จะมีน้ำตา


    เธอไม่มีทางยอมให้เจสสิก้าต้องเสียใจเหมือนอย่างที่เธอเป็นเด็ดขาด


    จริงด้วย...ความคิดดีเหมือนกันนะเนี่ยยูริเจสสิก้าเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แบบที่เธอชอบมอง...แบบที่เธอได้เห็นเจสสิก้าเป็นครั้งแรก


    และได้ตกหลุมรักเจสสิก้า


    รอยยิ้มของเจสสิก้า สดใสและน่ารักเสมอ...เสียดายที่ไม่ได้เห็นบ่อยๆ


    แต่ไม่เป็นไร...ถึงอย่างไรเธอก็จะรับรู้ได้ว่าเจสสิก้าคงยิ้มอย่างเป็นสุขให้กับแทยอนที่ญี่ปุ่นแน่นอน


    เจสสิก้าจะมีความสุขเมื่อได้อยู่กับคนที่รักเสมอ


    เช่นเดียวกัน...เธอเองก็จะมีความสุข เมื่อรู้ว่าเจสสิก้ากำลังยิ้ม มีความสุข ไม่ได้มีเรื่องทุกข์ใจอะไรเลย


    มันก็แค่นี้เอง...


    งั้นฉันจะรีบซื้อตั๋วเที่ยวบินไปญี่ปุ่น 2 ที่ให้เร็วที่สุดนะเสียงใสๆของนางแบบสาวดังขึ้นปลุกยูริให้ตื่นจากภวังค์


    เมื่อกี้...อะไรนะ


    สองใบเหรอ...นี่เธอยอมให้ผู้จัดการส่วนตัวของเธอไปไหนมาไหนด้วยตั้งแต่เมื่อไรยูริถามงงๆ จำได้ว่าเมื่อก่อนเจสสิก้าชอบมาบ่นให้เธอฟังเรื่องความจู้จี้จุกจิกของผู้จัดการส่วนตัวที่ทำงานด้วยกันมาหลายปี แต่จนแล้วจนรอดก็ยังคงมีความคิดเห็นที่ขัดแย้งกันทุกที


    เจสสิก้าบอกว่า...เคยแอบรับงานหรือยกเลิกบางงานโดยไม่บอกผู้จัดการส่วนตัวด้วยแหละ


    จะบ้าเหรอ ฉันจะพาไปทำไมคนแบบนั้นเจสสิก้าแหวเสียงสูง ท่าทางไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด ขืนพาไปได้ทะเลาะกันตาย คนบ้าอะไรไม่รู้ขี้บ่นชะมัดเลย


    หรือจะเป็นน้องสาวคนสวยของเธอ


    ยัยคริสตัลน่ะเหรอ...คนนี้คงมีตบกันตายตั้งแต่ก่อนขึ้นเครื่องบินแล้วล่ะคราวนี้จ้องยูริตาขวางกว่าเดิม โทษฐานที่พูดไม่เข้าหู แล้วใครใช้ให้เธอไปชมยัยนั่นห๊ะ..เธอเป็นเพื่อนฉันนะยูริ


    ยูริอดหัวเราะกับคำพูดของเจสสิก้าไม่ได้ ก็เพราะเป็นเพื่อนกับเจสสิก้ามานานเนี่ยแหละ ถึงได้รู้ว่าเจ้าหล่อนไม่ถูกกับน้องสาวอย่างแรง เจอหน้ากันทีไร ถ้าไม่กัดกัน ก็ตบกัน ต่างคนต่างเหวี่ยง ต่างคนต่างแรง ไม่มีใครยอมกัน


    ล่าสุด เห็นเจสสิก้าให้สัมภาษณ์ในนิตยสารชื่อดังเล่มหนึ่งอย่างไม่แคร์สื่อว่า สิ่งที่ฉันอยากให้หายไปจากโลกนี้คือน้องสาวของฉันเองค่ะ


    อ้าว แล้วตกลงเธอจะพาใครไปล่ะเจสสิก้าเองไม่ใช่คนมีเพื่อนเยอะ โดยเฉพาะเพื่อนที่สนิทกันมากๆถึงขนาดพาไปเที่ยวได้ อย่าว่าแต่เพื่อนเลย...จริงๆแล้วเจสสิก้าไม่ยอมสนิทกับใครเลยต่างหาก


    แล้วใครกันคือคนที่เจสสิก้าจะพาไปด้วย


    จะใครที่ไหนอีก...ก็เธอไงล่ะ


    ห๊ะ..ฉันเหรอชี้หน้าตัวเองงงๆ เธอหูฝาดไปหรือเปล่าเนี่ย


    แหงสิ...ก็ต้องเป็นเธออยู่แล้วเจสสิก้าว่า เธอเป็นเพื่อนคนเดียวที่ฉันไว้ใจมากที่สุด


    ยูริแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เธอกำลังได้รับโอกาสที่ไม่เคยได้รับ...โอกาสที่เจสสิก้าได้มองเห็นถึงความสำคัญของเธอขึ้นมาบ้างนิดนึง


    ปกติเจสสิก้าไม่ชอบให้ใครมายุ่งด้วย กับเธอเองก็แค่เดินเรียนกินข้าวด้วยกันที่โรงเรียนเท่านั้น


    นี่!จะเหม่อไปถึงไหนห๊ะควอนยูริเจสสิก้าเรียกสติคนตรงหน้า เอ้าๆ ดีใจเข้าไป ทำตัวอย่างกับพวกบ้านนอกไม่เคยไม่เที่ยวต่างประเทศ


    แฮะๆ ขอโทษนะ...แค่กำลังคิดว่าถ้าฉันไม่อยู่ซักสัปดาห์แล้วน้องๆมันจะดูแลร้านกันยังไงน่ะ


    พูดอย่างนี้หมายความว่าเธอไม่อยากไปกับฉันใช่ไหมยูริ!”อ้าว..ไหงเจสสิก้าถึงได้ตีความคำพูดของเธอไปในแนวนั้นซะงั้นล่ะ แต่จะว่าไปก็ถูกของเจสสิก้าแฮะ โอเค...ยอมรับว่าในเวลานั้นเธออาจจะเผลอดีใจกับเรื่องของตัวเองมากไป แต่ถึงอย่างไรเธอก็ต้องนึกถึง คนที่อยู่ข้างหลัง ด้วย


    คีย์กับจียอน แน่นอนว่าฝีมือการทำอาหารไม่เป็นรองใครแน่ เพราะเธอช่วยสอนทักษะพร้อมมอบสูตรการทำอาหารให้อย่างทะลุปรุโปร่ง จนบางเมนูสองคนนี้ทำออกมาได้น่ากินและอร่อยกว่าเธอเยอะ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือเรื่องการรับมือกับลูกค้าต่างหาก...


    อย่างที่บอกไว้ ลูกค้าส่วนใหญ่มาร้านนี้เพราะ เจ้าของร้าน ถ้าวันไหน ไม่มีลูกค้าถามถึงยูริสักคน วันนั้นถือว่าเป็นวันอัปมงคลฝนตกน้ำท่วมแผ่นดินไหวภูเขาไฟระเบิดแน่นอน


    แล้วตั้งหนึ่งสัปดาห์ที่เธอไม่อยู่ ก็ไม่รู้ว่าคีย์กับจียอนจะสามารถเปิดร้านควบคู่ไปกับการรับมือลูกค้าผู้น่ารัก(?)เหล่านั้นได้ดีหรือไม่


    เธอเอง...ไม่น่าจะเอาความเห็นแก่ตัวมาก่อนเลย เพราะถึงอย่างไรเธอก็ทิ้งคีย์กับจียอนไม่ได้


    แต่ในขณะเดียวกัน...เธอก็ทิ้งเจสสิก้าไม่ได้


    ให้ตายเถอะควอนยูริ...อย่ามาทำตัวงี่เง่าได้ไหมนางแบบสาวสบถ เดินวนๆเวียนๆรอบห้องอย่างหาสาเหตุไม่ได้ แต่ถ้าให้เดาคงทำไปเพราะอยากจะสงบสติอารมณ์ของตัวเอง


    ฉันอยากให้เธอไปกับฉัน เธอก็ต้องไปกับฉัน!”


    แต่ว่าร้าน...ยูริพึมพำในลำคออย่างแผ่วเบาจนตัวเธอเองแทบไม่ได้ยิน หากแต่ว่าคนที่กำลังเดินวนเวียนเป็นหนูติดจั่นกลับหูดีได้ยินขึ้นมาซะงั้น


    ถ้าร้านมันจะเจ๊งเพราะขาดเธอไปคนนึงก็ให้มันรู้ไปซิเจสสิก้าหยุดเดิน ชี้หน้ายูริอย่างเอาเรื่องที่สำคัญ...เธอมีลูกน้องไม่ใช่เหรอ ตั้งสองคน คนพวกนั้นสามารถดูแลร้านให้ได้ในเวลาที่เธอไม่อยู่ นั่นแป็นเรื่องที่แน่นอนที่สุด


    ส่วนเธอ...ต้องไปญี่ปุ่นกับฉัน นี่ไม่ใช่คำขอร้อง แต่มันคือคำสั่ง


    เอาล่ะสิ เอาล่ะสิ...เล่นประกาศิตซะขนาดนี้ เธอไม่มีหนทางไหนที่จะปฏิเสธได้จริงๆเลยสินะ


    แต่ก็ท่าจะจริงของเจสสิก้า...เธอไม่อยู่ซักหน่อย คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง


    โอเคๆ ไปก็ไปอย่าแปลกใจว่าทำไมเธอถึงได้ยอมตกลงง่ายขนาดนี้..ตามจริงแล้ว ถึงเจสสิก้าจะไม่พูดอะไรเลย สุดท้ายเมื่อเธอได้คิดทบทวนความรู้สึกก็คงเลือกไปกับเจสสิก้าอยู่ดีนั่นแหละ ดูเหมือนเธอเป็นคนเห็นแก่ตัวนะ?...ใช่เลย เธอยอมรับว่าเธอเห็นแก่ตัวมาก


    แต่เชื่อเถอะว่าเธอไม่ได้เป็นแบบนี้กับทุกคน...ทั้งชีวิตก็เคยแค่คนเดียว


    ถ้าถามว่าโง่ไหม เธอยอมรับหน้าด้านๆเลยว่าเธอ โง่ มาก


    เพราะถึงอย่างไร การเที่ยวครั้งนี้ อย่างดีที่สุด เธอก็แค่ไปเป็นเพื่อนเจสสิก้า ไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับชีวิตเจ้าหล่อนเลยแม้แต้น้อย เอาตรงๆ...นางแบบสาวสามารถไปญี่ปุ่นได้โดยไม่มีเธอ


    แต่เธอไม่สนหรอกว่า เมื่อได้ไปญี่ปุ่นกับเจสสิก้า เจ้าหล่อนจะทิ้งเธอหรือไม่ และไม่สนเลยว่าถ้าได้เห็นเจสสิก้าเดินเคียงข้างแทยอนมันจะชวนให้เจ็บปวดเท่าไร


    อย่างน้อยๆ เธอก็รู้ตัวเองดีว่า....เธอไม่มีทางที่จะทิ้งเจสสิก้าได้เด็ดขาด


    และตราบใดที่ควอนยูริยังยืนอยู่ข้างๆเจสสิก้า


    สัญญาได้เลย...


    ฉันต้องไม่ทำให้เธอผิดหวังแน่นอน


    ไม่ใช่แค่ จะ ที่เป็นเพียงแค่ความเป็นไปได้ควบคู่กับความเป็นไปไม่ได้เท่านั้น


    แต่เป็น ต้อง ที่มีแต่ความเป็นไปได้


    เพื่อความสุขของเจสสิก้า...ควอนยูริทำได้ทุกอย่าง


    ดูเหมือนว่ายูริจะลืมไปว่านอกจากเจสสิก้าแล้ว...ยังมีผู้หญิงอีกคนนึง ที่รักแทยอนมาก

    และผู้หญิงคนนั้น ก็เพิ่งลากเธอไปดูแทยอนเมื่อไม่กี่วันมานี้...


     

     

    ซอฮยอนจ๊ะ พี่ขอแนะนำให้รู้จักกับอิมยุนอา ผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่


    เอ๋~ แล้วพี่ซึงยอนล่ะคะสาวน้อยหันไปถามพี่ผู้จัดการคนสนิทด้วยสายตาเว้าวอน แต่ก็มิวายส่งประกายตาเชือดเฉือนไปยังว่าที่ผู้จัดการส่วนตัวที่เอาแต่ยืนยิ้มแป้นมาให้


    บอกตรงๆ มองแล้ว ไม่ถูกชะตาอย่างแรง!


    พี่ต้องกลับไปดูแลแม่พี่น่ะจ้ะ...ท่านป่วยหนักมาก คงอยู่ได้อีกไม่นาน พี่ก็อยากจะอยู่ดูใจท่านเป็นครั้งสุดท้ายให้สมกับที่เป็นลูกสาวคนเดียวของท่านเหตุผลประหนึ่งนางเอก...ไม่รู้ว่าไปติดนิสัยนี้มาจากใคร


    แต่...ซอฮยอนอยากจะห้าม แต่รู้ดีว่าเธอไม่สามารถห้ามได้ และถึงยังไงเธอก็ไม่ใช่คนใจจืดใจดำที่จะพรากแม่ลูกจากกันเพียงเพราะความเห็นแก่ตัวของตัวเอง แล้วจะไปนานแค่ไหนคะ


    พี่ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ...ก็คงอีกนานพอสมควรเลยแหละซึงยอนเอ่ยด้วยความไม่มั่นใจ เพราะเธออยากจะอยู่กับบุพการีจนถึงวาระสุดท้าย แต่เธอดันไม่รู้ว่าแม่ของเธอจะอยู่ไปได้อีกนานแค่ไหน


    เพราะหมอบอกว่าเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจของผู้ป่วยด้วย ถ้าดีคงอยู่ต่อไปได้อีกนาน แต่ไม่เกิน 6 เดือนแน่นอน


    อย่างมากสุดน่าจะประมาณห้าหกเดือนล่ะจ้ะ


    พี่คะ...เปลี่ยนผู้จัดการไม่ได้เหรอซอฮยอนโพล่งขึ้นมา ซอไม่ชอบคนนี้


    บอกไม่ถูก แค่ไม่รู้สึกถูกชะตา...เธอไม่ชอบให้ใครมาเถียงเธอด้วยเหตุผลข้างๆคูๆเช่นนั้น


    จริงอยู่ว่าเธอก็ผิดที่ไปใส่ร้าย..แต่ในสถานการณ์แบบนั้น เธอเชื่อว่าทุกคนต้องคิดแบบเดียวกันกับเธอ


    อย่าเอาแต่ใจมากนักสิคุณนักร้องยุนอาเอ่ยน้ำเสียงกวนๆ แบบที่เธอเกลียดมากที่สุด


    เอ่อ...อันที่จริงถ้าออกมาจากปาก อิมยุนอา แบบไหนเธอก็เกลียดหมดล่ะ


    มีผู้จัดการให้ก็ดีแค่ไหนแล้ว อยากจะทำงานด้วยตัวคนเดียวหรือไง


    แต่ว่า..


    ถูกของยุนอาเขานะ จูฮยอนอย่าเอาแต่ใจตัวเองนักเลยซึงยอนลูบหัวนักร้องสาวตากลมอย่างเอ็นดู อีกอย่างยุนอาก็เป็นคนเก่ง มีความสามารถ พี่เชื่อว่าจูฮยอนกับยุนอาจะร่วมงานกันได้ด้วยดีตลอดเวลาที่พี่ไม่อยู่แน่จ้ะ


    ...ซอฮยอนเม้มริมฝีปาก มองผู้จัดการคนสนิทกับว่าที่ผู้จัดการหน้าตากวนส้นสลับไปมา


    เพื่อเรื่องงานที่เธอรักแล้ว เธอคงไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้เลยสินะ


    เอาเถอะ...เธอไม่อยากให้พี่ซึงยอนกับคนอื่นๆต้องมาลำบากใจเพียงเพราะความเอาแต่ใจของเธอคนเดียว


    ทนๆเอาหน่อย ไม่ตายหรอกน่า ซอจูฮยอน


    ตกลงค่ะ ซอจะยอมร่วมงานกับคุณยุนอาคำตอบจากปากซอฮยอนทำเอาคนฟังทั้งสองชีวิตถอนหายใจอย่างโล่งอก นึกดีใจที่ผลออกมาดีอย่างที่ตนได้หวังเอาไว้


    ต่อจากวันนี้...ก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะคุณอิมยุนอานักร้องสาวยื่นมือไปตรงหน้าว่าที่ผู้จัดการส่วนตัว ส่งยิ้มหวานใส ทั้งๆที่นัยน์ตาแข็งกร้าวอย่างปิดไม่มิด


    เช่นกันค่ะยุนอาจับมือกับซอฮยอนบีบกันแน่น ต่างฝ่ายต่างส่งรังสีอาฆาตให้กันและกันอย่างไม่มีใครยอมแพ้


    พี่ดีใจจังเลยที่ทั้งสองยอมเข้าใจกันพูดโดยไม่สัมผัสถึงความอาฆาตของคนทั้งคู่เลยสักนิด...เอ่อ นี่เจ๊จะสดใสไปไหนเนี่ย


    ค่ะ หลังจากนี้พวกเราคงเข้าใจกันมากขึ้นกว่านี้แน่นอนค่ะ



     

    คุณเจสสิก้ากลับไปเมื่อไรอ่ะพี่ ไม่เห็นเลยคีย์ถามด้วยความสนใจ เนื่องด้วยตอนนั้นเขามัวแต่ดูละครกับจียอนจนเพลิน เลยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างนัก รู้ตัวอีกที คุณเจ้าของร้านก็ลากพวกเธอกลับไปทำงานแล้ว


    นานแล้วล่ะยูริพยายามไม่ใส่ใจ โดยการหันไปปิดประตูร้านแทน


    เพราะไม่อยากเผยความดีใจที่มีจนล้นให้ลูกน้องรู้ เดี๋ยวมันได้แซวเธอตาย


    อีกอย่าง...เธอยังไม่ได้บอกเจ้าพวกนี้เลยเรื่องที่เธอจะไปญี่ปุ่นกับเจสสิก้าน่ะ เอ่อ...เธอกำลังอยู่ในช่วงเรียบเรียงคำพูดน่ะนะ ไม่รู้จะใช้ประโยคไหนดีให้ทั้งสองเข้าใจและยอมให้เธอไปโดยไม่งอแง


    ถ้าเป็นจียอนนี่ยังไม่ค่อยน่าเป็นห่วง เด็กคนนั้นเข้าใจอะไรง่ายๆอยู่แล้ว...ที่น่าเป็นห่วงน่ะ ยืนพูดมากอยู่ตรงหน้าต่างหาก


    เอ้อ!ว่าแต่พี่ยังอยากรู้เนื้อเรื่องของ รักใสๆของไอ้หน้าโง่ อยู่อีกไหมเมื่อนึกขึ้นได้เด็กหนุ่มจึงรีบชิงพูดทันที ด้วยกลัวว่าจะลืม


    จริงๆแล้วเขาคันปากอยากเล่าให้เจ้านายฟังตั้งนานแล้ว แต่ก็ลืมทุกที


    ไม่ได้สนใจเท่าไรนะ แต่จะฟังก็ได้ยูริยิ้มรับ เปลี่ยนอิริยาบถจากจากยืนเป็นนั่งลงบนเก้าอี้แทนเพื่อความสะดวกในการฟังเรื่องราว


    นี่คือ...ไม่ได้สนใจเลยจริงๆ


    ตอนนี้นะ นางเอกกำลังเปิดใจให้พระเอกล่ะ!”เล่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ได้ไปเที่ยวด้วยกันสองต่อสองด้วย โรแมนติกสุดๆไปเลยล่ะ


    เหรอ...ดีจังเลยนะคำพูดของคนอายุน้อยกว่ายิ่งทำให้ยูริมีกำลังใจมากขึ้นไปอีก


    ไม่ได้อยากจะเพ้อ ไม่ได้อยากจะเข้าข้างตัวเองหรอกนะ...แต่ตามปกติของมนุษย์แล้ว มันย่อมมีความคิดเพ้อฝันเข้าข้างตัวเองบ้างเป็นธรรมดา


     นี่นายยังเล่าไม่หมดนะคีย์...อย่าลืมสิว่าสุดท้าย นางเอกก็ทิ้งพระเอกไปอย่างไม่ใยดี แล้วหนีไปเที่ยวกับคนที่รักและแล้วความหวังอันริบรี่ของยูริก็ต้องมีอันพังทลายลงเพียงเพราะคำพูดของลูกน้องสาวหน้าใส


    เอ่อ...จียอนจ๊ะ ถ้าไม่เล่าต่อมันจะเยี่ยมกู้ดมากเลยจ้ะ


     

     

    ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ ถึงได้มาเป็นผู้จัดการให้ยัยนักร้องบ้านั่นยุนอาบ่นอย่างหัวเสียทันทีที่กลับมาถึงบ้าน ยิ่งอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับซอฮยอนที่ผู้จัดการคนเก่าลงทุนเขียนให้มาดูก็ยิ่งหงุดหงิดขึ้นทุกที


    ถ้าไม่ใช่เพราะงานนะ เธอไม่ยอมลงทุนเสียเวลาขนาดนี้หรอกน่า!


    ถูกแล้ว...สิ่งที่เธอทำลงไปทั้งหมด มันคืองานของเธอ


    หลังจากที่เธอมีเรื่องกับซอฮยอนไปแล้ว ไม่กี่วันก็มีอีเมลส่งมาให้เธอไปขโมยแหวนเงินที่ซอฮยอนใส่ติดตัวตลอดเวลา


    เธอล่ะอยากจะปฏิเสธงานนี้เสีย เนื่องจากไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวกับคนพรรค์นั้นให้เสียอารมณ์อีก


    หากแต่ค่าจ้างที่ได้มันก็สูงลิบลิ่วจนยากที่จะสามารถปฏิเสธได้


    100 ล้านวอน แลกกับการขโมยแหวนจืดๆวงเดียว ใครไม่รับก็บ้าแล้ว!


    เพราะอย่างนั้นเธอจึงต้องรีบไปสมัครเข้าทำงานในบริษัทCS.Ent จริงๆ โดยอาศัยการโกงและการปลอมแปลงเอกสารอีกนิดหน่อย เท่านี้เธอก็กลายเป็นหนึ่งในพนักงานชั้นสูงของบริษัทโดยไม่ต้องก้มหน้าก้มตาไต่เต้าระดับให้มันยุ่งยากอะไรเลย


    แต่บอกตามตรงว่าเรื่องที่เธอได้มาเป็นผู้จัดการส่วนตัวของซอฮยอนเนี่ย...มันไม่คาดคิดจริงๆ


    อาจเพราะเอกสารการเข้าทำงานของเธอบอกไว้ว่า เคยเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้ดารานักร้องแถวหน้ามามากมาย เมื่อซึงยอนเกิดบังเอิญต้องลางานไปกะทันหัน และไม่มีผู้จัดการคนอื่นเหลือ ซอฮยอนเลยต้องตกมาอยู่ในความดูแลของเธออย่างไม่มีเงื่อนไข


    ดีแล้วล่ะ...ยิ่งใกล้ชิดกันมากเท่าไร โอกาสที่จะทำงานได้สำเร็จก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น


    และเมื่อเธอสามารถขโมยแหวนวงนั้นมาได้แล้ว เธอก็ไม่จำเป็นต้องอยู่กับซอฮยอนอีกต่อไป


    ถึงเวลานั้นเดี๋ยวค่อยหาข้ออ้าง...ขอลาออกซะ


    เท่านี้เป็นอันจบ


    ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย


     

     

     

    **********************************************

    กรุณาจุดพลุฉลองให้กับ โอกาส ของควอนยูริกันค่ะ555

    และต้องขออภัยบางคนด้วย ถ้าหากว่าฉากความคิดของยูรินั้นมีเยอะเกินไปหน่อย

    ถึงคนแต่งจะไร้สาระ แต่เรื่องที่แต่งจะพยายามไม่ให้ไร้สาระ หรือมีไว้แค่อัพลงให้มันจบๆไปอย่างเดียวแน่นอนค่ะ

    ที่ต้องเน้น ที่ต้องย้ำ คือจะสื่อว่าคนดีๆอย่างยูริ ก็มีจุดที่ เห็นแก่ตัว โดยไม่ได้ตั้งใจเหมือนกัน

    อาจไม่เข้าใจ...เราแค่จะให้ทุกคนรู้ว่าสำหรับยูริแล้ว เรื่องของเจสสิก้าไม่ใช่เรื่องเล่นๆค่ะ

    ทุกการกระทำต้องคิดแล้วคิดอีก คิดแล้วคิดอีก กลั่นกรองมากมาย

    มาลุ้นกันดูซิว่า ทริปนี้ยูลสิกจะแย่งซีน เอ๊ย! จะหวานกันได้หรือเปล่า?

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×