คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : Chapter 15 : เดทลั้ลลา(?)
Chapter 15 : เดทลั้ลลา(?)
“โปรเจคต์ใหม่เหรอคะ?”
“กับซอฮยอนน่ะ”ยุนโฮว่า อีกไม่นานต้นสังกัดวางแผนที่จะคัมแบ็คซอฮยอน นักร้องสาวสุดน่ารัก โดยในครั้งนี้คาดว่าจะแหวกแนวปั้นซอฮยอนให้ร็อคตามเสียงเรียกร้องจากแฟนคลับที่เริ่มอยากเห็นอะไรใหม่ๆบ้างแล้ว แต่จะให้ไปยืนร็อคคนเดียวก็ใช่ที่ จึงคิดที่จะเอาวง Chocolate มาร่วมเล่นโปรโมทไปกับเจ้าหล่อนด้วย
อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่แทยอนได้ร้องเพลงกับซอฮยอน งานนี้ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เพราะนอกจากเหล่าแฟนๆจะได้ตื่นตาตื่นใจกับมาดใหม่ของซอฮยอนแล้ว ด้วยความเป็นนักร้องเดี่ยวอันดับต้นๆของเจ้าหล่อนก็อาจจะช่วยดันวงChocolate ให้ดังมากขึ้นกว่านี้ก็เป็นได้
และแอบคาดหวังเอาไว้ว่า หากงานนี้ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ทางต้นสังกัดก็จะจัดโปรเจคต์ให้วงChocolate มาร่วมเล่นร่วมร้องกับซอฮยอนบ้างเป็นครั้งคราว
“เดี๋ยวเย็นนี้พวกเราต้องเข้าไปที่บริษัทเพื่อคุยเรื่องนี้กับโปรดิวเซอร์และซอฮยอน”ผู้จัดการหนุ่มไม่ลืมกำชับทั้งห้าชีวิตที่ตอนนี้นั่งเอ๋อไปเป็นที่เรียบร้อย “เตรียมตัวให้พร้อมด้วยละกัน” และเดินจากไปโดยไม่ให้ข้อมูลอะไรเพิ่มอีกเลย งานเยอะก็งี้
“เอ้อ...จะว่าดีมันก็ดีแฮะ แต่คิดไปคิดมาก็ชักจะเกร็งๆนะเนี่ย”ฮโยยอนแสดงความเห็น แม้ว่าซอฮยอนจะมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับพวกเธอ แต่ในทางวงการบันเทิง ซอฮยอนเป็นรุ่นพี่พวกเธอหลายปี แถมยังมีแฟนคลับมีคนรักคนชอบมากมาย
เพราะงั้นจึงเกิดเป็นความกลัว...กลัวว่างานนี้ วงดนตรีน้องใหม่ไฟเกือบแรงอย่างพวกเธอจะไปทำอะไรให้ซอฮยอนต้องเดือดร้อนหรือเสื่อมเสียหรือเปล่า ยิ่งรั่วๆบ้าๆบอๆกันอยู่ กลัวว่าถ้าไปร่วมงานกับคนดูมีระเบียบแบบนั้นจะพากันตกเหวมากกว่าขึ้นสวรรค์
“จะไปเครียดทำไม ฉันเคยเจอซอฮยอนตัวจริงแล้วครั้งนึง ท่าทางเขาก็น่ารักเป็นกันเองดีนะ”ซันนี่เจอซอฮยอนที่บริษัท Cs Ent. นั่นแหละ เจอก่อนที่พวกเธอจะเดบิวต์ได้สักช่วงหนึ่ง โปรดิวเซอร์ได้แนะนำเธอให้ซอฮยอนรู้จัก ได้คุยกันนิดหน่อย ในฐานะรุ่นพี่ก็นับว่าเจ้าหล่อนเป็นรุ่นพี่ที่ดีให้คำปรึกษาดีๆกับเธอได้ไม่น้อย
“แล้วฉันจะเกร็งไม่ได้หรือไงเล่า ปกติเห็นหน้าแต่ในทีวี พอมาเจอตัวจริงก็ต้องมีเกร็งกันบ้างอะไรบ้าง”เถียงคอเป็นเอ็น ตามประสานักร้องน้องใหม่ที่ไม่ค่อยได้เจอรุ่นพี่ในวงการเท่าไรนัก
“ทำงานด้วยกันเรื่อยๆก็คงจะเลิกเกร็งไปเองล่ะน่า”ซูยองพูดอย่างมั่นใจ
“ทำมาเป็นปากดี แล้วฉันจะคอยดูว่าวันแรกที่เจอหน้าซอฮยอน เธอจะทำตัวยังไง”ซันนี่กระแหนะกระแหนคนตัวสูงอย่างเหลืออด ทำมาเป็นพูดดี ได้ข่าวว่าเมื่อวันก่อนยังเข้าเว็ปบอร์ดแฟนคลับของซอฮยอนเปิดดูภาพแล้วนั่งเขินเองคนเดียวอยู่เลย
ชิ! ชอบนักน่ะ ปรึกษานู่น ปรึกษานั่น เชี่ยวชาญเรื่องของคนอื่น แต่กับเรื่องของตัวเองนี่ ไม่เค๊ย ไม่เคยจะรู้อะไรบ้างเล๊ย
ว่าแล้วก็แค้น แสนจะแค้น ขอเตะสักทีให้หายแค้นหน่อยเถอะ
“ไอ้บ้าเอ๊ย!”ไม่คิดอย่างเดียว ต้องทำจริง
ฝ่ายซูยองที่โดนเตะโดยไม่รู้สาเหตุ ก็ได้แต่กระโดดเหย็งๆรอบห้องเพื่อหลบลูกเตะของสาวอารมณ์ร้อนตัวเล็กไปมา สร้างเสียงหัวเราะแบบเดิมๆให้กับหอพักได้อีกคราว
ไอยูหัวเราะไปกับคู่นี้สักพัก ก็หันมาถามหัวหน้าวงที่นั่งหน้านิ่งดูทีวีต่อไปอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรเลย
“แล้วพี่แทยอนไม่ตื่นเต้นเลยเหรือคะที่จะได้ทำงานร่วมกับรุ่นพี่ซอฮยอน”
“เอ่อ..พี่ควรจะตอบยังไงดีล่ะ”ครางเสียงดังในลำคอ “ตอนแรกมันตื่นเต้นนิดนึงนะ แต่พอคิดว่ามันคือการได้ร้องเพลงก็หายตื่นเต้นไปเลยล่ะ”
เพราะเธอรักในการร้องเพลงมาแต่ไหนแต่ไร เรื่องบางเรื่องเธออาจจะมีอาการตื่นเต้นบ้างอย่างเช่นการออกรายการเกมโชว์ แต่ถ้าเปลี่ยนมาเป็นการร้องเพลง ความรู้สึกตื่นเต้นทั้งหมดก็จะหายไปโดยทันที มันจะกลายมาเป็นความสนุก..ทำเท่าไรก็ไม่เบื่อ
“แล้วต้องทำยังไงพี่แทยอนถึงจะตื่นเต้นมากๆคะ...พูดกับพี่ทิฟฟานี่หรือเปล่า”
รู้สึกว่าเรื่องของเธอนี่มันจะชวนให้นินทาทุกเรื่องเลยนะ ตั้งแต่เรื่องของเจสสิก้า ยันมาถึงเรื่องของทิฟฟานี่ ฉาวกันได้ตลอด
“ใครสั่งให้เธอถามแบบนั้นเนี่ย ไอยู”เอ่ยเสียงขรึม หวังจะใช้ความขี้เก๊กมากลบเกลื่อนทุกอย่าง แต่สำหรับคนที่รู้จักกันมานานแน่นอนว่ามันย่อมไร้ผล
“ถามเล่นๆไม่ได้หรือไงกันคะ ใจร้ายจัง”ปั้นหน้าเศร้าอย่างไม่จริงจัง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสดใสร่าเริงและยิงคำถามใส่คนอายุมากกว่าอีก
“ว่าแต่เรื่องของพี่แทยอนกับพี่ทิฟฟานี่ไปถึงไหนกันแล้วล่ะคะ”
“ไม่ได้มีอะไรมากนักหรอก”แทยอนถอนหายใจ คล้ายกำลังชั่งใจว่าจะบอกความจริงหรือโกหกไปดี
แต่ไหนๆเรื่องมันก็มาถึงขนาดนี้แล้ว ซูยองมันคงไปป่าวประกาศให้ทุกคนในวงฟังนานแล้ว ในเมื่อน้องอยากรู้ก็ต้องบอกให้สมใจอยาก...
ก็ไม่รู้นี่นะ ว่าจะต้องปกปิดพวกมันไปทำไม ถึงพวกมันจะชอบนินทาเรื่องของเธอกันมากแค่ไหน ก็นินทากันอยู่แค่ในขอบเขต ไม่ได้เอาไปเผยแพร่ให้คนนอกได้ยิน แถมในบางที ยังได้เจ้าพวกนี้นี่แหละที่คอยช่วยเหลือแนะนำและให้คำปรึกษากับเธอ
แต่ละคนน่ะ มันมีประสบการณ์ความรักมากกว่าเธอซะอีก อย่างฮโยยอนกับซันนี่ก็เคยมีแฟนมาอย่างหลากหลาย ไอยูที่แม้จะไม่เคยมีแฟนเพราะอายุยังน้อยแต่ก็มีข้อคิดอะไรดีๆมาให้เสมอ...อ่อ ส่วนซูยองถึงเรื่องรักๆใคร่ๆของตัวเองจะไม่ประสีปะสาและอ่อนด๋อยสุดติ่ง แต่ถ้าเป็นเรื่องของคนอื่นแล้ว ถ้าให้เอาจริงเอาจัง ก็นับว่าเป็นที่ปรึกษาที่ดีคนหนึ่ง
“ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด วันเสาร์นี้จะไปเที่ยวด้วยกัน”
“พี่แทยอนกับพี่ทิฟฟานี่จะไปเดทกันวันเสาร์นี้!”
หืม...ถ้าจะตะโกนดังขนาดนี้ ไม่เอาไปบอกนักข่าวเลยล่ะคะคุณน้อง
แล้ว...ไปเที่ยวกันเฉยๆ ทำไมต้องเรียกว่าเดทด้วย?
ซวย ซวยจริงๆ...
ซอฮยอนนึกค่อนขอดในใจอย่างเหนื่อยหน่ายเมื่อพบกับภาพอันน่าอดสูตรงหน้า
รู้กันอยู่นะว่าทุกสิ่งบนโลก มีเกิดแล้วย่อมมีดับเป็นเรื่องธรรมดา แค่ไม่คาดไม่คิดว่ามันจะดับเร็วได้ถึงขนาดนี้
“ของหายไปไหนหมดห๊ะ!”ทั้งข้าวของเครื่องใช้ในตู้เก็บของ ยาสระผมสบู่ยาสีฟันในห้องน้ำ อาหารกระป๋องของแห้ง รวมทั้งของสดในตู้เย็น...หายวับไปกับตา เอ่อ...ไม่ทราบว่าตอนที่เธอไม่อยู่นี่ แอบมีใครเข้ามาขโมยไปหรือเปล่า แต่โจรขโมยของใช้และของสด เกิดมาไม่เคยได้ยินแฮะ
“จะไปรู้เรอะ”
อ่อ...ลืมไป มีตัวเห็บตัวหมัดเกาะแย่งของเธออยู่ตัวหนึ่งนี่ ตอนนี้ก็กำลังนั่งๆนอนๆดูทีวีสบายอารมณ์ราวกับเป็นบ้านของตัวเอง
ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะช่วยกันหารค่าใช้จ่ายต่างๆกับเธอ แต่เธอก็รู้สึกว่ามันไม่คุ้มอยู่ดี
“พูดมากน่า เกาะคนอื่นกินแล้วยังจะมาทำปากดี”ลืมไปสนิทเลยว่าตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกแล้ว ตั้งแต่ยุนอาย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน เธอก็ยังไม่ได้พากันออกไปซื้อของเพิ่มเลย ของปัจจุบันที่มีอยู่ก่อนเจ้าตัวเข้ามาก็น้อยเต็มที ดังนั้นจึงไม่น่าแปลก หากของจะหมดภายในระยะเวลาไม่นาน
โชคดีที่ช่วงนี้เธอไม่มีงานอะไร เพราะต้องหยุดพักผ่อนก่อนที่จะลุยโปรโมทการคัมแบ็คอัลบั้มใหม่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ตอนนี้ก็สายๆเกือบจะเที่ยงแล้ว เธอมีเวลาอีกเยอะที่จะออกไปซื้อข้าวของเครื่องใช้และของสดสำหรับทำอาหาร
แต่ถึงแม้ว่าสิ่งที่เธอต้องออกไปซื้อนั้นจะเป็นของส่วนรวม เธอก็ไม่คิดที่จะพกยุนอาตามไป ด้วยกลัวว่าจะทะเลาะกันกลางห้างจนงามหน้าชาวประชาชนที่เดินผ่านไปผ่านมาอีก เดี๋ยวภาพลักษณ์นักร้องสาวน่ารักของเธอจะหายไปหมด
ไอ้เรื่องข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวน่ะ ต่างคนต่างซื้อละกัน...ไม่ได้ใจร้ายนะ ไม่ได้ใจร้ายจริงจริ๊ง
“นั่นเธอจะไปไหน”ยุนอาเงยหน้าขึ้นมาเมื่อเห็นซอฮยอนเตรียมหยิบกระเป๋าจะออกจากห้องไป หญิงสาวไม่ใคร่สนใจที่จะตอบคำถาม แต่เพราะแรงโดนกดดันทางสายตาจากผู้จัดการส่วนตัว จึงยอมจำใจตอบไปส่งๆ
ไม่ได้คาดหวังอะไรอยู่แล้ว และไม่หวังจะให้มาช่วยด้วย เธอคิดว่าออกไปคนเดียวคงสบายใจกว่า
“ออกไปซื้อของไง ของหมดแล้วเนี่ยไม่เห็นเหรอ”
“งั้นฉันไปด้วย”ผิดคาด ยุนอามีท่าทีกระตือรือร้นขึ้นมาในทันที
“จะไปด้วยทำไมเล่า เกะกะ”ตอบปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย หากแต่การกระทำนี้มันกลับไร้ผล เพราะยุนอากระเด้งตัวขึ้นมายืนข้างเธอเป็นที่เรียบร้อย
“อ๊ะ! ฉันเป็นผู้จัดการเธอนะ ก็ต้องตามไปดูแลเธอสิ”อ้างสิทธิ์ของความเป็นผู้จัดการส่วนตัวเต็มที่ “เดี๋ยวเกิดถูกโรคจิตที่ไหนไม่รู้ลากไปข่มขืนขึ้นมาจะว่ายังไง”
เดี๋ยวนี้ยิ่งมีข่าวโจรฆ่าข่มขืนฉกชิงวิ่งราวอยู่ด้วย โดยเฉพาะที่สำคัญซอฮยอนเป็นนักร้อง ต่อให้ปลอมแปลงตัวมากแค่ไหนก็ย่อมเป็นที่สะดุดตาคนอื่นอยู่ดี...ถึงเป้าหมายสำคัญของเธอจะเป็นการขโมยแหวนของซอฮยอน แต่เธอก็ไม่หวังจะให้เจ้าหล่อนต้องมีอันตรายในขณะที่อยู่ด้วยกัน
ถึงจะเป็นโจรเป็นขโมย เธอก็มีจรรยาบรรณพอนะ!
“โห คนอย่างเธอนี่รู้จักเป็นห่วงฉันด้วยเหรอ”ยุนอาไม่สนใจที่จะตอบคำถาม ยืนลอยหน้าลอยตาทำท่าทางกวนอวัยวะเบื้องล่างที่ใช้เดินของเธอต่อไป
“เออๆ ให้ตามมาด้วยก็ได้”ซอฮยอนถอนหายใจ เพราะรู้ว่าถึงจะห้ามไม่ให้ไป ถึงอย่างไรเจ้าตัวก็ต้องดื้อตามมาอยู่ดี “ดีเหมือนกัน จะได้มีคนช่วยถือของ”
“นี่ปลาสดบ้านเธอเหงือกซีดขนาดนี้เลยเหรอ”ยุนอาใช้นิ้วคีบปลาขึ้นมาพลางจ้องด้วยความสยดสยอง ดูดีๆแล้วนอกจากเหงือกซีดแล้วเกล็ดยังหลุดตัวยังช้ำอีกนะเนี่ย “เธอหลับตาสุ่มเลือกใช่ไหม”
“ก็ฉันเลือกไม่เป็นนี่นา”ความจริงข้อนี้ทำเอายุนอาแทบจะเป็นลม ใครจะไปคิดล่ะว่าเด็กสาวท่าทางเรียบร้อย(กับคนอื่น)อย่างซอฮยอนจะทำเรื่องง่ายๆแค่นี้ไม่เป็น แต่คิดดูดีๆแล้วก็ไม่น่าแปลกเท่าไร ผู้จัดการคนเก่าท่าทางน่าจะเก่งอะไรแบบนี้ คงไม่ปล่อยให้ซอฮยอนเลือกลงมือทำเองหรอก
“นอกจากเลือกไม่เป็นแล้ว ยังทำไม่เป็นอีกหรือเปล่า”
คำตอบที่ได้รับคือการพยักหน้าหงึกหงักสามทีจากนักร้องสาว
มิน่าน่ะ...เห็นทำกินแต่เมนูเดิมๆทุกวัน ยังนึกสงสัยอยู่เลยว่าซอฮยอนกินแต่ไข่นึ่งในไมโครเวฟทุกมื้อแบบนั้นไม่ขาดสารอาหารตายเหรอ
“คราวหลังบอกกันก่อนสิว่าทำไม่เป็น ฉันจะได้ทำเผื่อ”ยุนอาเอ่ยอย่างใจดี พลางสอดส่องสายตาเลือกของสดอื่นๆเพื่อมาทดแทนของสดที่ไม่ได้เรื่องของซอฮยอนต่อไปเรื่อยๆ
“นี่ๆ ฉันสอนเลือกของสดให้เอาไหม เผื่อวันไหนฉันไม่อยู่เธอจะได้รู้จักเลือกเองบ้าง”เมื่อไม่ได้ยินคำตอบใดจากคนถูกถาม ยุนอาจึงถือว่ามันคือคำตอบรับ
เพราะสำหรับซอฮยอนแล้ว ถ้าจะปฏิเสธเจ้าหล่อนจะเถียง เถียงคอเป็นเอ็น แถมยังด่าไฟแล่บ
“ผักต้องอวบ มีสีสด ใบติดกันแน่น ไม่แห้งเหี่ยว นี่คือผัดสด ส่วนเรื่องของความสะอาดปลอดสารพิษ ฉันว่าเธอน่าจะรู้ดีอยู่แล้ว คงไม่ต้องบอกอะไรมาก หลักการก็ง่ายๆ อันที่จริงดูจากรอยกัดกินของแมลงของหนอนก็ได้”
“ส่วนปลา อย่างที่บอกไว้เมื่อกี้ถ้าเป็นปลาสดเหงือกจะแดง ไม่ซีดขนาดนี้แน่ ตาจะไม่ขุ่น และเนื้อปลาต้องมีความแน่น ถ้าใช้นิ้วกดแล้วยกขึ้น เนื้อปลาต้องคงสภาพเดิม...ซึ่งปลาที่เธอเลือกมานอกจากเหงือกจะซีดแล้ว ตายังขุ่น แถมเนื้อก็ยังไม่แน่นอีก บอกได้คำเดียวเลยว่าไม่สด”
ร่ายอธิบายเสียยืดยาว จนคนไม่เคยมีความรู้เรื่องนี้ได้แต่อ้าปากพะงาบๆรับฟังไปอย่างไม่มีอะไรจะโต้แย้ง
จะว่าไปแล้ว นี่อาจจะเป็นครั้งแรกเลยมั้งที่เธอสรรหาคำมาเถียงผู้จัดการส่วนตัวคนนี้ไม่ได้ ทั้งทึ่งทั้งเคารพเลย เพราะตลอดชีวิตเธอถูกครอบครัวเลี้ยงดูมาแบบไข่ในหิน พ่อแม่เฝ้าทะนุถนอมด้วยความรักใคร่ ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม มีคนรับใช้บริการช่วยเหลือตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
ส่วนชีวิตของยุนอา จะเป็นอย่างไรเธอไม่รู้หรอก...แต่หลังจากวันนี้เป็นต้นไป พวกเธอคงต้องพยายามทำความรู้จักกันและกันให้มากยิ่งขึ้นกว่านี้
เพราะตอนนี้อคติของเธอที่เคยมีให้กับยุนอา มันค่อยๆเลือนรางหายไปเรื่อยๆ
และถ้ายุนอายังคงทำตัวดีแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่แน่นะ...บางที พวกเธออาจจะเข้าใจกัน ไม่ทะเลาะกันเหมือนก่อนก็ได้
“เห้ย!พี่ซันนี่ นั่นมันคุณซอฮยอนหรือเปล่านั่น”คนตัวสูงกระตุกเสื้อคนตัวเล็กกว่ายิกๆ พลางชี้ชวนให้ดูนักร้องสาวชื่อดังที่กำลังจะมีงานร่วมกันกับพวกเธออีกไม่นานนี้ ใส่หมวกแก๊ปปิดบังใบหน้าเดินเคียงคู่มากับหญิงสาวรูปร่างโปร่งอีกคนที่กำลังลากรถเข็นอยู่ “เดินมาซื้อของกับใครอ่ะ”
ทันใดนั้น ซันนี่ก็เกิดคิดแผนการบางอย่างขึ้นมาได้ โดยอ้างอิงจากหนังสือ ‘108กลเม็ดเคล็ดไม่ลับในการทำให้รักสมหวัง’ ซึ่งเคยอ่านเมื่อสมัยยังเป็นเด็กสาววัยรุ่นอยู่ แต่ถึงแม้ว่ามันจะผ่านมาหลายปีแล้ว เธอก็คิดว่ามันน่าจะยังใช้ได้อยู่
ต่อให้คนๆนั้นเป็นซูยอง...มนุษย์ที่ซื่อบื้อที่สุดในโลกก็ตามที
“ไม่รู้สิ แต่ท่าทางดูดีจังเลยเนอะ”กลเม็ดที่ 73 แกล้งชมคนอื่นให้เขาเห็น...ว่ากันว่าวิธีนี้เป็นวิธีทดสอบความรักที่เขามีต่อเรา ซึ่งอาจจะมีอยู่ลึกๆภายในใจ
ยิ่งซูยองเป็นคนหลงตัวเองอยู่มากแล้ว คงแสดงอาการไม่พอใจแน่นอนเมื่อเธอเอ่ยปากชมคนอื่นอย่างออกนอกหน้านอกตาขนาดนั้น
“อืม นั่นสิ ถ้าฉันเป็นผู้ชายนะ ป่านนี้จีบไปแล้ว”
อ้าว...อินี่ นอกจากจะไม่แสดงอาการหึงหวงอะไรแล้ว ยังจะมาสนับสนุนกันอีก แต่จะว่าไปแล้วก็เป็นอย่างที่ซูยองพูดนั่นแหละ ถึงคนๆนั้นจะท่าทางกวนๆแต่หน้าตาและรูปร่างโดยรวมถือว่าเข้าขั้น ‘สวย’ กว่าคนปกติ จึงไม่น่าแปลกอะไรที่ผลมันจะออกมาเป็นแบบนี้
อยากให้เขาหึง สุดท้าย เราก็กลับต้องกลายมาเป็นฝ่ายหึงเขาแทนซะงั้น
ซันนี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเร่งเดินนำหน้า ปล่อยให้ซูยองลากรถเข็นเดิมตามหลังต้อยๆ
“เลิกไร้สาระได้แล้ว รีบๆซื้อกันเถอะ จะได้รีบๆกลับ”
วันนี้..ไม่รู้เป็นวันอะไรของเธอ จู่ๆไอยูก็ร่ำร้องอยากจะกินอาหารทะเล อ้างว่าต้องการเลี้ยงฉลองให้กับความก้าวหน้าของหัวหน้าวง ซึ่งทุกคนต่างก็เห็นดีด้วย เพราะไม่ได้กินอาหารทะเลมานานแล้ว หากแต่ว่าพวกเธอก็ขี้เกียจจะออกไปกินที่ร้านอาหาร การเดินทางคงเป็นไปด้วยความลำบากเพราะยุนโฮต้องไปคุยเรื่องงานใหม่ของเธอที่บริษัท จึงคิดว่าทำกินกันเองที่ห้องน่าจะดีกว่า
โดยไม่ฟังคำทัดทานของเพื่อนร่วมวง ฮโยยอนก็เสนอเองเสร็จสรรพ คนนั้นเป็นแม่ครัว คนนี้เป็นผู้ช่วยแม่ครัว คนโน้นจัดสถานที่...
และสุดท้ายพวกเธอสองคนก็ต้องระเห็จออกมาซื้อของ โดยที่ฮโยยอนอ้างว่า
‘พวกเธอดีเกินกว่าจะจัดสถานที่ และแย่เกินกว่าจะมาทำอาหารด้วย’
แต่เธอก็ไม่ได้นึกปฏิเสธอะไร เพราะอีกใจหนึ่งก็รู้อยู่แล้วว่าสถานการณ์ทั้งหมดนี้เพื่อนร่วมวงทั้งสามคน จงใจสร้างมันขึ้นมาให้พวกเธอสองคนได้มีโอกาสอยู่ด้วยกันสองต่อสอง เพื่อที่จะมีการพัฒนาความสัมพันธ์กันต่อไป(?)
บอกแล้ว...เรื่องนี้น่ะ คนอื่นเขารู้เรื่องกันหมดแล้ว มีแค่ซูยองเท่านั้นแหละ ที่ยังไม่รู้
“ไปซื้อผักกันก่อนเถอะ”ด้วยความที่มีฝีมือในการทำอาหารสูงกว่าซูยองเล็กน้อย ซันนี่จึงต้องกลายเป็นผู้นำทัพในการเลือกซื้ออาหาร “เอ้า เข็นตามมาดีๆสิ”ส่วนซูยองก็ต้องรับหน้าที่ใช้แรงงานไปโดยปริยาย
และยอมรับเลยว่า ซูยองทำหน้าที่นี้ไม่ดีเท่าที่ควร
เปล่า...ใช่ว่าซูยองจะเป็นประเภทผอมแห้งแรงน้อย เจ้าโย่งน่ะแรงฟายจะตาย แต่ปัญหามันติดอยู่ตรงที่ว่า...
ซูยองมันไม่ได้กระตือรือร้นที่จะซื้อของไปทำกินที่ห้องเลย
“อยากกินขนมมมมมมม!”
“ไปซื้อของสำคัญก่อน อันนี้ค่อยเอาทีหลังก็ได้”ซันนี่ว่า จริงๆแล้วเธอไม่ค่อยสนับสนุนให้สมาชิกในวงโดยเฉพาะซูยองกินขนมพวกนี้...ไขมันก็เยอะ ประโยชน์ก็แทบจะไม่มี แต่ก็เห็นชอบกินกันจัง
แต่...ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เธอรู้ดีว่าห้ามไปยังไงก็ไร้ผล
“ไม่รู้ ไม่สน จะเอาตอนนี้เลย”ว่าแล้วก็หยิบฉวยขนมที่หมายตาไว้ใส่ตระกร้ารถเข็นหน้าตาเฉย
หญิงสาวตัวเล็กมองภาพตรงหน้าด้วยความเอ็นดูระคนระอาใจ แต่จะทำยังไงได้ล่ะ...เรื่องของกินน่ะสำคัญมากสำหรับซูยอง ต่อให้เธอใช้กำลังบังคับขู่เข็ญมากแค่ไหน คนตัวสูงก็ไม่ยอมเธอง่ายๆเหมือนเรื่องอื่นๆหรอก
“เออๆ เลือกเสร็จแล้วก็ตามไปเลยนะ”สุดท้ายเลยต้องปล่อยไปตามน้ำ “ฉันจะไปเลือกของรอ”
ทิ้งให้ซูยองมีความสุขกับการเลือกขนมของตัวเองต่อไป...ทำอย่างกับขาดมาหลายวัน ได้ข่าวว่าสองวันที่แล้วยังนั่งเขมือบเป็นกระสอบอยู่เลยนะไอ้ขนมยี่ห้อนี้น่ะ
“รับทราบ”
ผู้หญิงที่ชื่อว่าอิมยุนอา มีอะไรหลายอย่างในตัว แบบที่เธอต้องคาดไม่ถึงจริงๆ
นอกจากจะเลือกของเก่งแล้ว ยังทำอาหารได้คล่องแคล่วขนาดนี้!
ที่ผ่านมาเธอไม่เคยคิดจะสังเกตถึงแม้ว่าจะอยู่ในห้องเดียวกันก็ตามที เพราะต่างฝ่ายต่างพยายามไม่สนใจกัน แบ่งแยกเขตแดนและเวลาในการใช้อะไรต่อมิอะไรกันอย่างชัดเจน บางวันถ้าไม่มีงานพวกเธอก็ไม่ค่อยได้เห็นหน้ากันเลยด้วยซ้ำไป
ถ้าไม่ใช่เพราะของหมด บางที...ตอนนี้พวกเธอก็คงแยกกันต่างคนต่างอยู่เหมือนเดิมแหละ
“จะยืนบื้อไปถึงเมื่อไร”ยุนอาเอียงคอมองเธออย่างขัดใจ
“มาช่วยฉันหั่นผักหน่อยสิ”เธอจึงต้องจำใจเดินไปหั่นผักตามคำสั่ง ทำไงได้ล่ะ ก็คนมันไม่มีความรู้ด้านนี้นี่นา
เอ...แล้วไอ้เจ้าแครอทนี่มันหั่นยังไงล่ะเนี่ย มันจะเหมือนแครอทที่เขาต้มกินกันหรือเปล่านะ? น่าจะใช่แหละเนอะ
“เธอทำอะไรของเธอน่ะซอจูฮยอน!”ยุนอาชะงัก รีบวางมีดลงในทันที
“ก็ หั่นแครอทไง”ฝ่ายคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้ก็ตอบไปซื่อๆจนยุนอาแทบอยากจะเอาเหม่งตัวเองโขกกำแพงฆ่าตัวตายเสียให้รู้แล้วรู้รอดกันไปจริงๆ
รู้หรอกนะว่าไม่มีความรู้ความสามารถในทางนี้...แต่มันจะไม่รู้ได้ถึงขนาดนี้เชียวเรอะ!
“หั่นแครอทบ้านป้าเธอสิ หนาซะขนาดนี้”สุดท้ายจึงต้องลงมือสอนเอง “มันต้องค่อยๆหั่นแบบนี้ต่างหากล่ะ” ยุนอาอ้อมเข้าไปโอบซอฮยอนจากด้านหลังแล้วจับมือของเจ้าหล่อนให้เคลื่อนไหวไปตามการควบคุมของเธอ หั่นอย่างบรรจงทีละชิ้นๆ ไม่แน่ใจเท่าไรว่าวิธีนี้มันจะได้ผลหรือเปล่า...แต่อย่างน้อยๆคนฉลาดอย่างซอฮยอน ถ้าได้ลองทำตามขั้นตอนของเธอ ก็คงจะค่อยๆเข้าใจได้ล่ะมั้ง
“เข้าใจไหม”และคำตอบที่ได้รับคือการส่ายหน้าแรงๆสามที...เยี่ยม!
“โอเค งั้นฉันหั่นผักเอง...เธอไปเปิดเตาแก๊สรอละกัน”แม่ครัวจำเป็นจึงต้องยอมทำหน้าที่นี้เองตัวคนเดียว แต่ก็สั่งให้ซอฮยอนไปทำหน้าที่ๆง่ายที่สุดแทน กะอีแค่เปิดเตาแก๊ส หมุนๆนิดเดียวเอง ถ้าทำไม่ได้เธอก็ไม่รู้จะว่ายังไงละ
ซอฮยอนน่ะ เป็นผู้หญิงแท้ๆ ไม่คิดบ้างหรือไงว่าถ้าต้องแต่งงานไปจะดูแลสามีของตัวเองยังไง ในเมื่อแค่อาหารเล็กๆน้อยยังไม่สามารถทำได้
ตูมมมม~
“เฮ้ยยย!”ยุนอาผงะ ไม่ทันที่จะตั้งตัวและหายตกใจกับเสียงระเบิดนั้น ควันก็กระจายตัวไปทั่วจนมองไม่เห็นอะไร
ตะกี้มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ? อย่าบอกเชียวนะว่าแก๊สระเบิดน่ะ
“อะไรกันเนี่ย”ซอฮยอนไอโคลกๆ พลางควานมือหาที่ยึดเหนี่ยวไปเรื่อย เพราะแรงระเบิด(?)เมื่อครู่ ส่งผลให้เกิดควันลอยเต็มไปหมด
ไอ้เตาแก๊สบ้านี่ก็อ่อนแอจริงเชียว บิดแค่สามทีก็ระเบิดซะแล้ว
“ยุนอาเธออยู่ไหน”แต่ตอนนี้เธอควรจะสนใจกับการหาคนอีกคนผู้มีศักดิ์เป็นผู้จัดการส่วนตัวของเธอมากกว่า
“ฉันอยู่นี่”เสียงของยุนอาดังขึ้นไม่ไกล เธอจึงสามารถควานหาและจับมือกับยุนอาได้ในที่สุด
“เป็นอะไรไหม”ยุนอาถามด้วยความเป็นห่วง พยายามจะสำรวจเนื้อตัวซอฮยอน แม้จะมองไม่เห็นสิ่งใดเลยก็ตาม ทำไงได้ล่ะ...ตาเธอเคยฝึกมองแค่ในความมืด ไม่เคยฝึกมองท่ามกลางกลุ่มควัน
แต่เมื่อควันจางหายไป ยุนอาก็มีอันต้องพบเจอกับความจริงอันน่าสะพรึง
ก้มตัวงอหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตายกับภาพตรงหน้า รู้อยู่หรอกนะว่าเกิดทั้งระเบิดและควันขนาดนี้ย่อมส่งผลกระทบตามมาเล็กน้อยๆ แต่แค่ไม่คิดว่าผลกระทบที่ว่านั้นจะมีความรุนแรงอย่างร้ายกาจได้ขนาดนี้
“ฮ่ะๆๆๆ หน้าดำหมดแล้ว”
เป็นไปตามที่เธอพูดนั่นแหล่ะ อาจเพราะเหตุผลสองข้อที่กล่าวมาข้างต้นจึงทำให้นักร้องสาวต้องมีสภาพหน้าดำเปื้อนเขม่าควันบวกกับผมไหม้เล็กน้อยเพราะโดนไฟเผา และสภาพหน้าของซอฮยอนก็ส่งผลให้เธอหลุดหัวเราะได้ เป็นการหัวเราะอย่างรู้สึกสนุกสนาน ที่ไม่เคยมีมานาน
“ฮะ เฮ้...น่ารักจริงนะน้องสาว”เอ่ยแซวอย่างไม่คิดอะไรทั้งคนพูดและคนฟัง อันที่จริงถ้าเป็นเมื่อก่อน ถ้าซอฮยอนได้ยินยุนอาพูดแบบนี้กับเธอคงมีทะเลาะกันหนักแน่นอน
แต่เพราะในตอนนี้ สถานการณ์มันกลับแปรเปลี่ยนไปจากเดิม มาก
นอกจากเธอจะไม่รู้สึกอยากทะเลาะหรือโกรธยุนอาแล้ว ยังมีกะจิตกะใจมาแซวกลับทั้งๆที่หน้าตัวเองเละขนาดนั้น
“ว่าแต่ฉัน จริงๆแล้วเธอเองก็น่ารักเหมือนกันนี่”
“อะ อะไร!”คนที่ไม่เคยถูกใครชมว่า ‘น่ารัก’ ออกอาการลนลานขึ้นมาในทันที จากที่ยิ้มๆอยู่ก็หุบและแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าโหดทันที แม้ในใจมันมีทั้งความรู้สึก ‘อาย’ และ ‘เขิน’ ปนอยู่ด้วยกัน จนแทบแยกไม่ออก...หรือเพราะตอนนี้เธอสติแตกอยู่ก็ไม่รู้แฮะ
“นี่ๆ ยิ้มแบบเมื่อกี้อีกทีสิ น่ารักออก”ซอฮยอนตื๊ออย่างที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน เธอพยายามจะเข้าไปดึงแก้มยุนอาให้ฉีกยิ้มเหมือนเมื่อครู่ แม้จะรู้ว่าไม่มีทางสำเร็จ แต่เธอไม่ได้แกล้งยอจริงๆนะ เธอไม่เคยเห็นยุนอายิ้มสดใสแบบนี้มาก่อนตั้งแต่รู้จักกันมา
มันไม่ใช่ยิ้มอย่างมีเลศนัย ไม่ใช่ยิ้มอย่างจำยอม แต่มันเป็นยิ้มที่ออกมาจากใจจริงไม่มีการเสแสร้ง
และยิ้มจริงใจของยุนอา มันดูมีเสน่ห์ น่ารักอย่างบอกไม่ถูก
“มัวแต่ทำหน้าบึ้งหน้ากวนอยู่ได้ ฉันเลยหลงหมั่นไส้ตั้งนาน”
“ถ้ารู้ว่าเธอจะยิ้มน่ารักขนาดนี้นะ ฉันคงชอบเธอไปตั้งนานแล้วล่ะยุนอา”
********************************************************
แทนี่กับยูลสิกหาย?5555
อ่อ แทนี่ยังพอจะเห็นเป็นน้ำจิ้มเล็กน้อยในตอนแรก แต่ยูลสิกไม่มีเลยจริงๆ
ซูซันก็โผล่มาเล็กน้อย แต่ความสัมพันธ์ยังไม่คืบหน้าเหมือนเคย
ทำไงได้ล่ะ เจ้าคนตัวสูงมันซื่อ(บื้อ) กว่าจะรู้ตัวคงอีกนาน
เพราะฉะนั้น ตอนนี้คู่ที่เด่นก็คือยุนซอ!-3- น่ารักใช่ไหมล่ะ น่ารักใช่ไหมล่ะ><
ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างก็เริ่มเข้ากันได้ละ อีกไม่นานอะไรๆก็คงจะเข้าที่เข้าทาง
ไม่แน่นะ อาจจะล้ำหน้าคู่ของพี่ๆเลยก็ได้^^
ไม่แน่นะ...ไม่แน่
ความคิดเห็น