คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Chapter 11 : ไม่เข้าใจ...ในบางที (100%)
Chapter 11 : ไม่เข้าใจ...ในบางที
“คุณมารับฉันช้าไป 15 นาที กับอีก 32 วินาทีนะคะ”อื้อหือ เปิดตัวมาก็เอาซะอิมยุนอาไปไม่เป็นเลยทีเดียว เมื่อได้พบหน้านักร้องสาวนั่งรอเธออยู่บนโซฟาของบริษัทในสภาพเตรียมพร้อม ดูจากท่าทางและสภาพแวดล้อมแล้วคาดได้ว่านั่งรอมานานไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง
และอีกสิ่งหนึ่งทีสามารถรับรู้ได้โดยไม่ต้องคาดเดาคือ ตอนนี้ซอฮยอนกำลังเคืองมากๆ
“เห้! นี่ฉันก็เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วนะ”ยุนอาว่าเสียงหอบ เพราะเหนื่อยล้าจากการเร่งรีบมาให้ทันตามเวลา ถึงแม้ว่าท้ายที่สุดมันจะไม่ทันก็ตามที “ทำไงได้อ่ะ รถมันติดนี่ รู้หรือเปล่าว่ามีรถชนกันก่อนหน้าบริษัทอ่ะ เรียงกัน 4 คัน ปิดถนนซะเกือบมิดเชียวนะ”
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องใช้ข้ออ้างกับผู้หญิงคนนี้ ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องอธิบายเหตุผลให้มันยุ่งยาก
เธอไม่ใช่คนชอบพูด เธอไม่ใช่คนที่ต้องมานั่งแคร์ความรู้สึกคนอื่น เพราะการอยู่ด้วยตัวคนเดียวมาโดยตลอด คนที่เธอสนิทถึงขั้นพอจะพูดกันได้ยาวๆหรือใส่ใจความรู้สึกนี่เห็นทีจะมีแค่คุณป้าใจดีแถวบ้านที่คอยช่วยเหลือเธอมาโดยตลอด ในคราที่เธออ้างว้าง ไม่มีที่พึ่ง...
อีกแล้ว...นึกถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว
มันเป็นแค่อดีตอิมยุนอา...ผ่านไปแล้วก็ผ่านไป ไม่ควรค่าแก่การเสียเวลาใส่ใจ
ตอนนี้สิ่งที่เธอควรจะสนใจคือปัจจุบันกับอนาคต และสิ่งที่เธอควรทำก็คือจดจ่อกับงานการขโมยแหวนของนักร้องสาวในครั้งนี้
“รถติดมักเป็นข้ออ้างของพวกไม่มีความรับผิดชอบเสมอๆเลยนะคะ”ซอฮยอนยิ้มเย็น ท่าทางไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมา ซึ่งแบบนี้แหละในความหมายของเจ้าตัวเองแล้วคือกำลังโกรธแบบสุดๆ
ปกติ เธอไม่ใช่คนใจร้อนอะไรมากมาย จริงๆแล้วเธอใจเย็นมากๆด้วยซ้ำไป
เธอสามารถเข้าใจเหตุผลของทุกคนได้ ทำงานกับทุกคนด้วยความเข้าใจเสมอมา และแน่นอนว่ามันไม่มีปัญหาอะไร
แต่กับคุณผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่คนนี้...ถือเป็นข้อยกเว้น
ยกเว้นอย่างที่สุด!
เป็นคนที่ไม่เคยทำอะไรให้เธอสบายใจเลยตั้งแต่เริ่มทำงาน โดยเฉพาะที่ตัดตารางงานเธอทิ้งเป็นว่าเล่น กับความไม่ตรงต่อเวลาซึ่งมีมากมายจนนับไม่ถ้วน ไม่เข้าใจว่าชีวิตจะยุ่งวุ่นวายอะไรนักหนา
บวกกับการที่ไม่ชอบขี้หน้ากันตั้งแต่แรกพบ ยิ่งทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อิมยุนอาเป็นคนทำดูแย่ไปหมด
เรียกได้ว่าความผิดของยุนอา เท่ากับความผิดที่คนอื่นมีสามเท่า!
ที่เขาว่ากันว่าจริงๆแล้วคนใจเย็นนั้น ก็เป็นเพียงคนใจร้อนที่ไม่แสดงอาการนั้น ท่าจะเป็นความจริงซะล่ะมั้ง
“เอาเถอะค่ะ ฉันไม่อยากจะเสวนากับคุณมาก เดี๋ยวจะยิ่งเสียเวลาไปกันใหญ่ รีบไปกันเถอะค่ะ”
“อือ...”ยุนอาพยักหน้ารับเนือยๆ ไม่เข้าใจว่าตัวเองจะรับงานนี้ไปทำไม ถ้ารู้ว่าจะเหนื่อยขนาดนี้นะ ต่อให้มีเงินมาประเคนดีแค่ไหนเธอก็ไม่ยอมรับทำหรอก ติดตรงที่ว่าเธอย้อนเวลาไม่ได้ และตอนนี้เธอก็รับงานและมาไกลเกินกว่าจะถอยหลังกลับแล้ว
สุดท้ายคงต้องรีบๆหาโอกาสแล้วทำงานให้มันจบๆไปสินะ
แต่ที่ไม่เข้าใจที่สุด คือไม่รู้ทำไมเธอถึงต้องยอมพ่ายแพ้ให้กับซอฮยอนเสมอ
นี่มันเป็นเพราะความเนียนหรอกเหรอ?
ไม่เข้าใจจริงๆ...
แต่ที่ไม่เข้าใจคือ...เธอไม่เข้าใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้ หรือว่า เธอไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำเหมือนตัวเองไม่เข้าใจกันแน่
บางที โลกนี้มันก็มีอะไรซับซ้อนมากกว่าที่เธอคิดน่ะนะ
ดูเอาเถอะ...กะอีแค่ความคิดของตัวเองยังไม่เข้าใจเลย
ว่ากันว่าคนเรามีอยู่สองสาเหตุที่ทำให้นอนหลับได้ไม่เต็มตา
หนึ่ง..คิดถึงคนที่ตัวเองรัก
สอง..เจอคนที่ตัวเองรักบ่อยๆ
เอิ่ม..ถ้างั้นมนุษย์โลก โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีความคิดอันลึกซึ้งกว่ามนุษย์ทั่วไปนี่คงจะไม่มีวันไหนที่หลับได้เต็มตาเลยล่ะมั้ง
อย่างน้อย ถ้าจะยกตัวอย่างให้เห็นชัดๆเลยก็คือ ฮวังมิยอง หรือทิฟฟานี่ สาวน้อยตายิ้มที่นอนเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข ไม่ยอมหลับไม่ยอมนอนมากว่าสองชั่วโมง เพราะเหตุผลในข้อความข้างต้นทั้งสองข้อนั่นแหละ
บอกแล้วไงว่าจิตใจผู้หญิงน่ะมันลึกซึ้งและลึกลับซับซ้อนมากกว่าอะไรทั้งหมดทั้งมวลบนโลกนี้
แต่ว่าก็ว่าเถอะ นึกไม่ถึงจริงๆว่าการมาเที่ยวญี่ปุ่นมันจะคุ้มค่าได้มากมายขนาดนี้
ตลอดสามวันที่ผ่านมา นับตั้งแต่เธอป่วยและได้แทยอนมาดูแล ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็พัฒนาขึ้นมากเรื่อยๆ
รู้อยู่หรอกว่าแทยอนเป็นคนที่รักแฟนคลับมาก แต่จากประสบการณ์ในการดูรายการทุกรายการที่แทยอนไปออกแล้ว ยังไม่เห็นรายการไหนที่นักร้องตัวเล็กจะเป็นห่วงเป็นใยแฟนคลับเท่าครึ่งหนึ่งของเธอเลย นี่ยังไม่รวมแฟนแคมการปฏิบัติตัวต่อแฟนคลับของแทยอนที่ถูกถ่ายมาและอัพโหลดวีดีโอลงเว็ปไซต์ชื่อดังระดับโลกอย่างยูทูป
ก็ยังไม่เคยเห็นใครที่แทยอนจะยอมให้ควงแขนเที่ยวตะเลงๆไปทั่วโดยไม่เบื่อหน่ายเหมือนเธอเลยซักนิด
ก็ยังไม่เคยเห็นใครที่แทยอนแจกยิ้มหวานให้ทั้งวัน
ก็ยังไม่เคยเห็นใครที่แทยอนป้อนข้าว(ตอนป่วย)
ก็ยังไม่เคยเห็นใครที่แทยอน...
แอร๊ยยย! ต่อให้เรื่องเหล่านี้เป็นแค่ความฝันหรือแค่การเซอร์วิสธรรมดาๆ เธอก็พอใจและพร้อมจะนอนตายตาหลับแหล่วววว
แต่จากความคิดโดยทั่วไปของมนุษย์ ยิ่งมนุษย์ผู้หญิงที่หลงตัวเองสุดๆแบบทิฟฟานี่ แน่นอนว่ากว่า 50% เชื่อมั่นไปแล้วว่าตัวเองมีความสำคัญต่อแทยอน
แหม รู้น่าว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะคิด หรือจะเถียง?
“ฟานี่ เมื่อไรเธอจะเลิกพลิกตัวกลับไปกลับมาซะที ฉันรำคาญ!”แล้วความเพ้อฝันของทิฟฟานี่ก็มีอันสะดุดลงเพราะคำทักท้วงจากเพื่อนร่วมห้อง ที่ถึงแม้จะรู้จักกันไม่นาน แต่เพราะนิสัยและปัจจัยหลายๆอย่างจึงทำให้พวกเธอเธอสนิทกันได้
แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นเป็นเพราะความชอบใจกับนิสัยร้ายลึกแต่ก็รักเพื่อนของซอนมี
ใครจะไปนึกได้เล่า ว่าผู้หญิงตัวเล็กๆท่าทางผอมแห้งไม่มีพิษไม่มีภัยคนนี้ พอถึงบทจะเอาจริงขึ้นมาก็เล่นเอาซะทุกคนคาดไม่ถึง
ว่าแล้วก็ต้องขอขอบคุณซอนมีจริงๆที่ช่วยเปิดโอกาสให้เธอได้อยู่กับแทยอนสองต่อสองบ่อยๆ แม้จะไม่ทุกเวลา แต่ก็เรียกได้ว่ามากกว่าใคร เพราะแทยอนมาที่นี่ในฐานะนักร้องพาแฟนคลับเที่ยว ดังนั้นผู้โชคดีคนอื่นๆที่ถึงแม้จะชื่นชอบสมาชิกในวงคนอื่นแต่แทยอนก็ควรที่จะดูแลและเที่ยวกับคนพวกนั้นด้วย แถมยังช่วยป้องกันแมลงวี่แมลงวันที่เข้ามาตามเกาะแกะแทยอนให้ออกไปพ้นๆ
“เห้! นี่เธอฟังฉันอยู่หรือเปล่า”ซอนมีเปลี่ยนอิริยาบถจากนอนเป็นนั่งแทน หล่อนเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟเล็กๆที่หัวเตียงเพื่อจะได้คุยกับเพื่อนชัดๆ
“เอ่อ ฟังอยู่...ตะกี้เธอถามว่าอะไรนะ”นี่คือฟังอยู่ ยอดเยี่ยมจริงๆเลยเพื่อนฉัน!
“ฉันถามว่าเมื่อไรเธอจะเลิกนอนพลิกไปพลิกมาซะที”อันที่จริงแล้ว เตียงที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้นั้นเป็นเตียงใหญ่ ค่อนข้างหรู ซึ่งไม่สามารถทำให้เกิดเสียงอะไรมากมายเวลาแขกผู้มาพักผ่อนนอนพลิกตัวกลับไปมา หรือแม้แต่กระโดดบนเตียงเลยก็ตามที
แต่เพราะเข็มสั้นบนเรือนนาฬิกาที่แปะเด่นหราอยู่ในห้องชี้จนถึงเลข 2 แสดงให้เห็นถึงเวลาอันเงียบสงบและเหมาะแก่การนอนเป็นที่สุด ดังนั้นต่อให้มีคนหย่อนเข็มลงพื้น เธอก็คงได้ยิน!
“ทำไมถึงไม่ยอมหลับไม่ยอมนอนล่ะเนี่ย พรุ่งนี้ต้องรีบตื่นนะ เราจะไปโตเกียวกันแล้ว”เมื่อคำถามไม่ได้รับคำตอบ จึงตัดสินใจถามคำถามใหม่
“มันนอนไม่หลับนี่ ตื่นเต้น”เท่านี้แหละ เท่านี้ซอนมีก็เข้าใจได้ทันทีว่าไอ้ความตื่นเต้นที่มารบกวนจิตใจของทิฟฟานี่นั้นเกิดจากอะไร
ถึงเธอจะไม่ได้สนิทกับทิฟฟานี่มากมาย แต่ก็มากพอที่จะทำให้เธอได้รู้ว่า สิ่งที่ทำให้เพื่อนสาวตายิ้มคนนี้ตื่นเต้นได้มีอะไรบ้าง...
“เธอจะตื่นเต้นทำไมนักเนี่ย อยู่กับแทยอนมาหลายวันแล้ว ยังไม่ชินอีกเหรอ”
“ของแบบนี้มันไม่มีคำว่าชินหรอกย่ะ”ทิฟฟานี่ตั้งหน้าตั้งตาเถียงคอเป็นเอ็น เธอล่ะก็อุตส่าห์หลงนึกว่าซอนมีจะเข้าใจความรู้สึกของเธอซะอีก “เธอเองจะปฏิเสธไหมล่ะ ว่าทุกครั้งที่เห็นหน้าแฟนตัวเอง บางทีก็รู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ”
“เอิ่ม...”
“นั่นไง แล้วฉันผิดตรงไหน”
เธอคิดว่าทุกคนที่กำลังรักใครซักคนก็ต้องเป็นแบบนี้แหละ ต่อให้เจอหน้ากันทุกวันจนชินแค่ไหน แต่ถึงยังไงทุกครั้งที่ได้เจอก็ต้องเกิดความตื่นเต้นขึ้นมาทั้งนั้น เธอไม่เห็นว่ามันจะเป็นเรื่องแปลกตรงไหน
ใจสั่นทุกทีที่เห็นหน้า ไปไม่เป็นทุกครั้งที่ได้เจอ โดยเฉพาะกับคนเพ้อฝันอย่างเธอที่พนันได้เลยว่าตอนนี้จินตนาการไปแล้วเรียบร้อยว่าอยากให้เรื่องราวการเดินทางการท่องเที่ยวพรุ่งนี้ออกมาในรูปแบบไหน
“เรื่องนั้นฉันเข้าใจนะฟานี่ แต่...”พยายามเกลี่ยกล่อม “ฉันคิดว่าเธอควรจะรีบๆพยายามสงบสติอารมณ์ตัวเองให้ดีแล้วข่มตาลงนอนซะ ถ้าพรุ่งนี้ตื่นไม่ทันฉันจะทิ้งเธอจริงๆด้วย”
“ใจร้าย”ทิฟฟานี่หน้าหงอ นัยน์ตาสวยแสดงท่าทีการอ้อนเพื่อนสาวร่วมห้อง หากแต่เจ้าหล่อนกลับไม่ยอมใจอ่อน แถมยังยิ่งถลึงตามองเธออย่างเคียดแค้นราวกับเป็นศัตรูกันมาแต่ชาติปางก่อน แต่คนอย่างทิฟฟานี่มีหรือจะกลัวกะอีแค่สายตาแค่นี้
“เอ่อ...นอนค่ะนอน นอนแล้วค่ะ”ซะที่ไหน...ยอมเป็นเด็กดีว่านอนสอนง่ายแหละดีแล้ว
เพราะประสบการณ์และสัญชาติญาณในตัวมันบอกเธอว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่สมควรที่จะต่อกรด้วย...
สุดท้ายก็นอนไม่หลับ...
หลังจากที่เอ่ยราตรีสวัสดิ์กับเพื่อนร่วมห้อง และนอนเกลือกกลิ้งต่อเป็นเวลานาน ทิฟฟานี่ก็ได้พบสัจธรรมความจริงว่า ไม่ว่าจะทำเช่นไรเธอก็นอนไม่หลับอยู่ดี ยิ่งเธอไปบังคับพยายามสะกดจิตใจตัวเองให้หลับ มันก็ยิ่งตาสว่างมากขึ้นกว่าเดิมซะงั้น
ซอนมีทนกับสถานการณ์นี้ไม่ไหว จึงเอ่ยปากไล่ทิฟฟานี่ให้ไปเดินเล่นสงบจิตสงบใจข้างนอก เผื่อว่าสมองปลอดโปร่งโล่งๆแล้วจะได้หลับสบาย
โชคดีที่บนดาดฟ้าของโรงแรมนี้มีสวนหย่อมเล็กๆให้เธอสามารถเดินเล่นได้ จัดอยู่ในโดมกระจกใสพร้อมกับสระว่ายน้ำ
อ้อ!แน่ล่ะ เธอไม่ได้ขึ้นมาว่ายน้ำเล่นแน่นอน ถึงแม้ว่าอุณหภูมิในที่นี้จะอุ่นเพราะการปรับอุณหภูมิของทางโรงแรม แต่จากเหตุการณ์อันน่าเศร้าสลดเมื่อวันก่อน เธอก็เลยรู้สึกขยาดน้ำไปพักใหญ่ ขนาดแค่อาบน้ำ เธอยังอาบไม่ถึง 3 นาทีเลย
เดินวนรอบริมสระด้วยสายตาเหม่อลอยทำตามแบบของนางเอกในมิวสิควีดีโอ สมองก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย...
แต่เรื่องเรื่อยเปื่อยที่ว่าก็มีบุคคลที่ชื่อ คิมแทยอนเข้ามามีส่วนร่วมด้วยเสมอ
แน่นอนว่าหนึ่งในความคิดครั้งนี้ก็เป็นเพียงความเพ้อฝัน ทั้งเรื่องราวในอดีต หลายวันที่ผ่านมาที่ได้เที่ยวด้วยกัน และเหตุการณ์ในอนาคตที่ไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นไร แอบจินตนาการไว้ว่าถ้ามันเป็นแบบนั้นก็คงดี
-------------------------------------------------------------
“มาทำอะไรคนเดียวดึกดื่นป่านนี้”ทันทีที่เสียงนุ่มทุ้มทักมา ทิฟฟานี่ก็สามารถรับรู้ได้ในทันทีว่ามันเป็นเสียงของใคร เธอค่อยๆหันกลับไปยังทิศด้านหลังช้าๆราวกับนี่เป็นหนึ่งในฉากโรแมนติกแสนประทับใจของละครซักเรื่อง ซักเรื่องที่เธอลืมไปแล้วว่าชื่ออะไร รู้แค่ว่ามันสนุกดี
นางเอกที่ออกมายืนรับลมคิดทบทวนเรื่องภายในใจ และมีพระเอกทักด้วยความเป็นห่วงเป็นใยจากทางด้านหลัง อร๊ายย~ โรแมนติกสุดๆ
อ้อ แต่ขอเหมือนแค่ฉากนี้นะ ไม่ขอเหมือนฉากจบ เพราะเธอจำได้ว่าตอนจบของเรื่องนี้พระเอกขับรถตกดอยตาย ส่วนนางเอกหนีไปแต่งงานใหม่กับพระรอง...นี่มันละครบ้าอะไรฟะเนี่ย!
“อ่า...เดินเล่นค่ะ”ตอบอ้อมแอ้ม พลางเสมองไปทางอื่น
“ดาวสวยดีเนอะ”เป็นแบบนี้อีกแล้ว ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ ทั้งๆที่หลายวันก่อนที่ได้เที่ยวกับแทยอนเธอก็ยังแสดงความเป็นตัวของตัวเองมาได้อย่างเต็มที่ ถึงแม้จะมีความตื่นเต้นลึกๆในใจ แต่มันก็ไม่ได้สื่อออกมาด้วยความเขินอาย
หรือมันต่างกันเพราะตอนนี้เธออยู่กับแทยอนสองต่อสองกันแน่
“ฉันไม่เห็นว่ามันจะมีดาวซักดวง”แทยอนเงยหน้ามองฟ้าแล้วเลิกคิ้ว “มีแต่หิมะ”
“อ้อ สงสัยฉันจะมองหิมะเป็นดาวน่ะ”หัวเราะแห้งๆพลางเกาแก้มแก้เก้อ พอเป็นแบบนี้เธอยิ่งรู้สึกอึดอัดใจมากขึ้นเรื่อยๆ
ก็แบบนี้ทุกที...ทั้งๆที่ในใจนึกจินตนาการเอาไว้แล้วว่าพรุ่งนี้อยากอยู่กับแทยอนสองต่อสองโดยไม่มีใครมาขัดขวางเหมือนวันก่อนๆและอยากเที่ยวเล่นกันได้อย่างสนิทสนม แต่พอได้มาอยู่ด้วยกันสองต่อสองแบบไม่มีอุปสรรคจริงๆเธอกลับไม่กล้าซะงั้น
การคิดมันง่ายกว่าการทำเยอะ...
ให้ตายเถอะ...ส่งยัยนางแบบเจสสิก้ามาทีสิ เผื่อว่าเธอจะได้กล้าเข้าใกล้แทยอนมากกว่านี้โดยลืมความเขิน
“แล้วทำไมถึงยังไม่นอน พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้านะ”ถามเพราะเป็นห่วงมากกว่าจะต่อว่าจนคนฟังสัมผัสได้ แต่เธอก็ยังนิ่งไม่เอื้อนเอ่ยคำพูดใดออกมา ทั้งๆที่คำถามไม่ได้ยากแก่การเข้าใจ
ประเด็นหลักนั้นเป็นเพราะคำตอบของเธอมันซับซ้อนเกินไปต่างหาก...
“ฉันนอนไม่หลับน่ะ” คิดวกไปวนมาสรรหาคำอธิบายสมองแทบระเบิด แต่สุดท้ายก็ต้องยอมเอ่ยออกมาเป็นคำสั้นๆเพียงไม่กี่พยางค์ที่แสนจะคลาสสิค
“ฉันมียานอนหลับนะ เธอจะเอาไปกินไหม”คนตัวเล็กยื่นข้อเสนอให้ด้วยความหวังดีพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจอย่างที่ชอบใช้บ่อยๆ
อาจจะดูแปลกประหลาดไปบ้างที่เธอจะมียานอนหลับติดตัวไปด้วยตลอด แต่เธอยอมรับว่าเธอขาดมันไม่ได้จริงๆ เพราะถึงจะมีหลายวันที่พวกเธอ 5 คน เหน็ดเหนื่อยกับการทำกิจกรรมการโปรโมทหรือการออกงานต่างๆในแต่ละวัน แต่สำหรับเธอแล้วในบางครั้งก็มีเรื่องที่ต้องคิดหนักจนถึงขั้นนอนไม่หลับ ดังนั้นเพื่อป้องกันการพักผ่อนไม่เพียงพอ แทยอนจึงจำเป็นต้องมีเจ้านี่
“ไม่ดีกว่า ฉันคิดว่ามันคงใช้ไม่ได้ผล”ทิฟฟานี่ยิ้มหวาน “เพราะถ้ามันได้ผล แทยอนคงไม่มาอยู่ตรงนี้หรอก”
น่าแปลกที่ถึงทั้งเธอและแทยอนรู้จักและสนิทสนมกันได้ในระดับหนึ่งแล้ว แต่เธอเองกลับรักษาระยะห่างโดยเรียกแทยอนด้วยชื่อเต็ม แถมยังใช้ภาษากึ่งกันเองกึ่งทางการ ต่างจากแทยอนที่เรียกเธอว่า ‘ฟานี่’ และใช้ภาษาที่เป็นกันเองกับเธอ
“ทำเป็นรู้ดี...ของมันดีจริง ฉันแค่ไม่กินเท่านั้นเอง”แทยอนยักไหล่ ทำทีเป็นไม่ใส่ใจ เพราะถึงเธอจะมีมันไว้เพื่อให้ตัวเองนอนหลับ แต่วันนี้เธอมีเรื่องต้องทำและยังนอนไม่ได้ เลยไม่ได้กินเหมือนเช่นวันอื่นๆ
“แล้วทำไมไม่กินล่ะ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไม่ใช่เหรอคะ”ประโยคคุ้นๆที่เอ่ยออกมาจากปากสาวตายิ้ม ทำเอาแทยอนคิ้วกระตุก
บทจะกวน ก็กวนกันจริงนะ...
“ฉันยังไม่อยากนอนน่ะ”
“แล้วทำไมยังไม่อยากนอนล่ะคะ”
“ก็ไม่ง่วง”
“แล้วทำไมถึงไม่ง่วง”
“เธอจะถามไปทำหนังสือชีวประวัติฉันเรอะ”แทยอนถลึงตามองทิฟฟานี่ หากแต่เป็นการแกล้งทำกันเล่นๆมากกว่าโกรธจริงจัง ซึ่งสาวเจ้าก็เข้าใจดี
แต่ถึงยังไง...เธอก็จะยังหน้าด้านอยู่ต่อไปเนี่ยแหละ
ทันใดนั้น แทยอนก็นั่งลงบนพื้น มือถือสมุดบันทึกเล่มบางๆที่เธอเพิ่งสังเกตเห็นขึ้นมาแล้วใช้มืออีกข้างที่ถือดินสอเขียนอะไรบางอย่างลงไป เป็นเช่นนี้ต่อไปจนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบสิบนาที แทยอนก็ยังคงนั่งเขียนๆลบๆขยุกขยิกจนทิฟฟานี่สงสัย
สาวตายิ้มค่อยๆเขยิบตัวเข้าไปใกล้แทยอนเรื่อยๆ พลางชะเง้อคอมองดูรายละเอียดในสมุดเล่มบางนั้นเต็มที่ ทว่าเธอคงทำได้ช้าไป เพราะกว่าจะรู้ตัวแทยอนก็ปิดสมุดเล่มนั้นลงแล้วจ้องเธอตาเขม็งซะแล้ว
“อยากรู้นิดอยากรู้หน่อยไม่ได้เหรอไงกัน”ทิฟฟานี่ทำหน้ามู่ทู่งอนราวกับตัวเองเป็นเด็กๆ ซึ่งเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากแทยอนได้ไม่ยาก
“ขอโทษทีนะ ความลับน่ะ...”
“ฮ่ะๆๆ อย่าน้อยใจไปเลยน่า สัญญาว่าถ้าถึงเวลาเมื่อไร ฉันจะบอกเธอเป็นคนแรกเลย”เอ่ยปลอบใจไปทั้งๆที่ไม่เข้าใจตัวเองเท่าไรว่าพูดไปทำไม
มีหลายสิ่งหลายอย่างในตัวของสาวตายิ้มคนนี้ที่เธอไม่เข้าใจ
ซึ่งน่าแปลก ที่สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งดีๆที่เธอไม่เคยทำ และไม่เคยคิดกับใครคนไหนมาก่อน
ทิฟฟานี่เป็นคนเดียวที่เธอเต็มใจพูดแบบนี้...โดยไม่มีความรู้สึกรำคาญเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการกระทำใดๆของเจ้าหล่อน เธอก็ล้วนมองว่ามันน่ารักเสมอ
เธอไม่รู้หรอก...ว่ามันคือความรู้สึกแบบไหนกันแน่ แต่ทางที่ดี เธอคิดว่าเธอควรจะเก็บมันไว้ก่อน
คนอย่างทิฟฟานี่ ไม่ได้หากันง่ายๆ...มันคงไม่คุ้มค่ากันหากเอาแลกกับการตัดสินใจเพียงชั่ววูบของเธอเอง
สำคัญที่สุด...คนที่ทำเธอเผยยิ้มอย่างจริงใจ และมองอะไรๆสวยงามขึ้น อย่างทิฟฟานี่ ก็ไม่ได้มีเยอะนัก
เผลอๆอาจจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ...
“จริงนะ”
“เอ๊อ! จริงดิ เกี่ยวก้อยสัญญาเลยเอ้า”ว่าแล้วก็ชูนิ้วก้อยขึ้นมาเกี่ยวกัน
“ห้ามคืนคำนะ”ฝ่ายทิฟฟานี่ก็พูดไปเขินไป อายซะจนอยากจะเอาหน้าทิ่มสระว่ายน้ำให้รู้แล้วรู้รอด
แบบนี้...เธอก็น่าจะยังพอมีหวังล่ะนะ
รุ่งเช้าของวันต่อมา เพราะต่างก็รู้หน้าที่กันบวกกับความตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยวยังสถานที่ใหม่นั่นก็คือโตเกียวแล้ว คณะผู้เดินทางทั้งหมดจึงรวมตัวกันครบองค์ประชุมได้ในเวลาไม่นาน อาจจะล่าช้าไปหน่อยเพราะต้องรอคุณนายสายเสมออย่างเจสสิก้าตามมารยาท แต่ก็ไม่ได้ทำให้กำหนดการเลื่อนไปอย่างน่าเกลียดแต่ประการใด
ดังนั้นถ้าบวกลบคูณหารเวลาแล้ว กว่าจะนั่งรถไปถึงสถานีรถไฟ ก็คงใกล้ได้เวลารถออกจากสถานีพอดี
ใช่...ทั้งๆที่ทุกคนต่างก็รู้กันอย่างนั้นแล้วแท้ๆ
แล้วทำไมในเวลาที่รถไฟใกล้จะออกแหล่มิออกแหล่อย่างนี้ ถึงไม่มาเตรียมพร้อมกันตามจุดนัดพบ!
“ฉันว่าสองคนนั้นเข้าห้องน้ำนานเกินซะล่ะมั้ง”ฮโยยอนเอ่ยถามขึ้นมา ซึ่งนั่นเป็นคำพูดที่ตรงใจแทยอนพอดี
เมื่อสิบห้านาทีก่อน หลังจากที่ลงจากรถได้ไม่นาน ไม่รู้ว่าเจสสิก้านึกครึ้มอกครึ้มใจอะไร ถึงได้ชวนทิฟฟานี่ให้พาไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อน แม้เธอจะสงสัยนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เพราะคิดว่าสองคนนั้นคงดีกันแล้ว
“นั่นสิคะ ทั้งๆที่มันก็ไม่ได้อยู่ไกลเลย”ซอนมีเสริม ท่าทางร้อนใจอยู่ไม่น้อย “เราเดินไปดูกันไหมคะ”
แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไร ก็เห็นเจสสิก้าเดินกลับมาท่าทางอารมณ์เสีย...แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นคือ
ทำไมถึงไม่มีร่างของทิฟฟานี่เดินกลับมาด้วย?
ไวเท่าความคิด ซอนมีเดินปราดเข้าไปดักหน้านางแบบสาว
“ทิฟฟานี่ล่ะ”
เจ้าหล่อนดูจะตกใจน้อยๆกับการมาแบบไม่ทันได้ตั้งตัวของสาวร่างผอม แต่ก็ยอมตอบกลับไปแม้จะงงๆ
“อ้าว ไหงงั้นล่ะ ฉันนึกว่ากลับมาแล้วซะอีก”
“ทำไมล่ะ ไปด้วยกันไม่ใช่เหรอ”แทยอนขมวดคิ้ว
“ฉันเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วไม่เห็นใคร ตะโกนถามก็ไม่ตอบ เลยคิดว่าฟานี่กลับมาแล้ว”เจสสิก้าเอ่ยเป็นฉากๆ “สรุปว่ายังไม่กลับมาหรอกเหรอ”
“อีกสามนาทีรถไฟจะออกแล้วนะ”ยุนโฮมองนาฬิกาสลับกับจองซูด้วยความกังวลใจไม่แพ้กัน
ทว่าไม่ทันที่ทั้งหมดจะได้ทำอะไร แทยอนก็วิ่งออกไปจากตรงนั้น โดยไม่สนใจเสียงเรียกร้องจากเพื่อนร่วมวงและผู้จัดการอย่างยุนโฮเลยแม้แต่น้อย
“ทุกคนขึ้นรถไฟไปก่อนเลย เดี๋ยวฉันจะไปตามหาทิฟฟานี่เอง”
แทยอนมาจนถึงข้างในห้องน้ำก็ยังไม่พบสิ่งใดผิดปกติ มีลูกค้าผู้หญิงเดินเข้าออกเป็นจำนวนมาก ไม่มีห้องไหนที่ปิดทิ้งไว้เลย ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้หากทิฟฟานี่จะติดอยู่ในห้องน้ำ เธอจึงเปลี่ยนไปดูยังสถานที่ใกล้เคียงอื่นๆดู
เป็นไปได้หรือเปล่าที่เจสสิก้าจะแกล้งทิฟฟานี่?
แต่แล้วก่อนที่จะได้คิดอะไรมาก แทยอนก็จำต้องหยุดวิ่งแล้ว เหมือนว่าเธอจะเห็นอะไรแว๊บๆแฮะ
“ฟานี่...ฟานี่ นั่นเธอใช่ไหม”
สาวตายิ้มเงยหน้ามองนักร้องในดวงใจของตัวเองงงๆ แต่ก็จำต้องละการสนใจไป เพราะตอนนี้เธอมีเรื่องสำคัญกว่าต้องทำ
“ฉันต่างหากที่สมควรถามว่าเธอมาทำอะไรตรงนี้ รถไฟจะออกแล้วนะ”แทยอนนั่งยองๆลงเคียงข้างทิฟฟานี่ที่ก้มๆเงยๆใช้ความพยายามอย่างยิ่งกับการงัดแงะฝาท่อระบายน้ำนี่
จะว่าเศษเหรียญตกก็คงไม่น่าจะใช่แฮะ
และทิฟฟานี่ก็ไม่ปล่อยให้แทยอนต้องสงสัยนาน เงยหน้าขึ้นมาตอบด้วยเสียงสั่นเครือพร้อมกับหยาดน้ำตาใสๆเต็มหน้า
“ฉันทำตั๋วรถไฟตกลงไปค่ะ!”
******************************************************************
...ไม่กล้าสู้หน้าเลยแฮะ555 บอกว่าไม่เกินวันเราจะมาอัพ ถ้าไม่ลืม
และเราก็ลืมจริงๆ ขอโทษด้วยนะคะ>//\\<
ใจจริงจะอัพตั้งแต่เมื่อคืนละ แต่ลืม- -‘
เอาเป็นว่าเรามาลุ้นเรื่องราวของแทยอนกับทิฟฟานี่กันต่อเถอะค่ะ5555
ก็ดูกันต่อไปว่าแทนี่จะตกรถไฟหรือเปล่า?
นึกออกอีกทีก็เมื่อเช้า แต่อัพไม่ได้เพราะต้องไปซ้อมแอโรบิคกับเพื่อน
แต่พอกลับมาถึงบ้านเราก็อัพทันทีเลยนะ *3* (ประกายตาแสนใสซื่อ?)
ความคิดเห็น