คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Chapter 10 : ออนเซ็น? (2)
Chapter 10 : ออนเซ็น(2)
ว่ากันว่าการแช่ออนเซ็นมีสรรพคุณช่วยในการแก้อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ โรคร้ายต่างๆจำพวกโรคผิวหนัง และยังช่วยให้ผิวเนียนกระชับ เต่งตึง ราวกับสาววัยแรกรุ่น จนบริษัทผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางต่างๆในประเทศญี่ปุ่นต่างมุ่งมั่นตั้งใจค้นคว้าวิจัยออนเซ็นกันยกใหญ่ ว่าเหตุใดบ่อน้ำพุร้อนธรรมดาๆถึงได้มีความมหัศจรรย์ถึงเพียงนี้
แถมพอได้แช่แล้วก็มีความสบาย มีความสุข จนไม่สามารถเอื้อนเอ่ยบรรยายออกมาได้
โอเค...อย่างน้อยๆตอนแรกเธอก็คิดเช่นนั้น
แต่เมื่อเธอได้แช่จนเกือบครบสองชั่วโมงแล้ว คุณประโยชน์ของออนเซ็นก็เลือนหายไปจนหมดสิ้น!
ที่เธอยังทนอยู่ ก็เพราะคุณประโยชน์อันดับสุดท้ายที่ไม่ว่ายังไงก็ห้ามลืมเด็ดขาด
คุณประโยชน์ที่มีชื่อว่า ‘คิมแทยอน’
“อูย..หนาว”ไม่รู้จะแก้หนาวยังไงดี หันไปทางไหนก็เจอแต่น้ำ
จริงอยู่ที่ว่าออนเซ็นเป็นบ่อน้ำพุร้อน แต่มันก็ช่วยให้ร่างกายเธอร้อนเฉพาะส่วนที่กำลังแช่อยู่ในน้ำเท่านั้นแหละ ตรงส่วนไหนที่เปียกๆแต่ไม่ได้แช่น้ำอยู่ พอลม(ที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน)พัดมา ก็กระตุ้นความรู้สึก ‘ขนลุก’ ได้ไม่น้อย
ทิฟฟานี่ถูสองมือเข้าด้วยกันแล้วเป่าลมเพื่อคลายหนาว หากแต่การกระทำเช่นนั้นท่ามกลางน้ำที่รายล้อมรอบกายมิได้ส่งผลให้อุณหภูมิในร่างกายเธออุ่นขึ้นซักนิด
ฟันบนฟันล่างก็กระทบกันกั่กๆ
หรือว่าเธอควรจะล้มเลิกความตั้งใจดี...เวลาป่านนี้แล้ว แทยอนของเธอคงไม่มาแล้วล่ะ
ร่างกายเตรียมจะว่ายไปยังบันไดตรงขอบบ่อเพื่อขึ้นสู่อิสรภาพ แต่แล้วก็เกิดเสียงดังกึกกักๆหน้าประตู ทิฟฟานี่จึงจำต้องชะงักตัวเองไว้ แล้วกลับมาซ่อนข้างหลังหินก้อนยักษ์ตามเดิม
ก่อนจะชะโงกหน้าออกมาน้อยๆเพื่อสอดส่องแขกคนใหม่
แอบหวังนิดๆว่าแทยอนจะมา...
เมื่อเรียวขาขาวก้าวพ้นขอบประตูเข้ามาทิฟฟานี่ก็จำเป็นต้องรีบหลบหลังก้อนหินต่อในทันที ไม่ใช่เพราะไม่อยากดูต่อ แต่เพราะมันเป็นการยากที่เธอจะแอบดูอยู่อย่างนี้ได้โดยที่ผู้ถูกลวนลามทางสายตาจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย ต่อให้เธอแอบดูในมุมอับมากแค่ไหนก็ตามที
แต่ว่ากันตรงๆแล้ว เจ้าก้อนหินที่ตั้งอยู่ในมุมอับนี้...ก็ใหญ่เกินกว่าที่จะไม่มีใครสนใจได้
ของแบบนี้มันต้องมีศิลปะในการดู...ช้าๆได้พร้าสองเล่มงาม
ทิฟฟานี่ค่อยๆหาจังหวะดีๆโผล่หัวดูเรือนร่างแขกผู้มาเยือนที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับการปรับสภาพร่างกายให้ชินกับอุณหภูมิน้ำ โดยไล่ตั้งแต่เรียวขางาม แต่ก็จำต้องหยุดมองและหันกลับไปหลบตามเดิมทั้งๆที่ยังแอบดูไม่ถึงไหน
ไม่ใช่เพราะผู้ถูกลวนลามรู้สึกตัวได้หรือเพราะจิตสำนึกฝ่ายดีของเธอหรอก...
ภาพแบบนี้ ถ้าเธอยังทนดูต่อไป ออนเซ็นแห่งนี้ได้กลายเป็นบ่อน้ำพุร้อนเลือดเป็นแน่!
โอ้!แม่เจ้า เลือดกำเดาไหล
แม้จะไม่ได้ตั้งใจร่ำเรียนมาอย่างดีในวิชาสุขศึกษา แต่เรื่องประเภทนี้เธอคิดว่าเธอสามารถรับรู้ได้โดยสัญชาติญาณบวกกับความซุ่มซ่ามที่เป็นดั่งประสบการณ์ติดตัวมาแต่กำเนิดจวบจนถึงปัจจุบันนี้ ก็ทำให้ทิฟฟานี่พอจะแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้
ทิฟฟานี่รีบทำตามขั้นตอนที่พอจะจำได้โดยการเงยหน้าขึ้นบีบจมูก แต่ก็มิวายที่จะแอบส่องต่อด้วยความยากลำบาก
ที่ดูต่อไม่ใช่เพราะเธอเป็นคนโรคจิตอะไรนะ เธอแค่อยากรู้ว่าเจ้าของเรียวขาสวยนั่นใช่แทยอนหรือเปล่าเท่านั้นเอง
ถ้าไม่ใช่แทยอนก็จะไม่เสียเวลาดู เธอจะเดินเชิ่ดออกไปอย่างสง่าผ่าเผย
แต่ถ้าเป็นแทยอน...ก็จะหลบซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดนี้ต่อไป!
เมื่อกี้ถึงไหนแล้วนะ...อ่อ เรียวขาขาว ขาอ่อน โคนขา ไล่ไปเรื่อยๆจนถึง....แผ่นหลังบางที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีน้ำตาลยาวสลวยดุจเส้นไหม
เอ๊อะ!
อ่ะ..เอ่อ ผมสีน้ำตาลยาวถึงกลางหลังเหรอ แทยอนของเธอแค่ประมาณระบ่าเองนี่นา
ไม่ทันที่ทิฟฟานี่จะได้คิดอะไรต่อ เจ้าของเรือนร่างบางก็หันหน้ามาประจันกับเธอในทันที จึงไม่สามารถหลบซ่อนหลังก้อนหินได้ตามเดิมอีก ต่างคนต่างอึ้งไปชั่วขณะ
ตามองตา...
สบสายตาสื่อถึงความในใจ....
เถิกๆแบบนี้...
เงิงๆแบบนี้...
“จองเจสสิก้า!”
“ฮวังทิฟฟานี่!”
“เธอมาทำอะไรที่นี่!”
“ปกติฉันต้องนอนกับไอยูนี่นา แล้วไหงจู่ๆวันนี้ถึงต้องมานอนกับพี่ด้วย”บ่นประโยคเดิมซ้ำๆตั้งแต่เริ่มเข้าห้องยันใกล้เวลานอน จริงอยู่ว่าเป็นการบ่นแบบพึมพำๆ เหมือนบ่นกับตัวเองมากกว่าการบ่นให้ใครฟัง แต่ระดับเสียงมันก็ดังมากพอจะให้คนหูดีอย่างซันนี่ได้ยิน
และมันก็สร้างความหงุดหงิดให้กับคนตัวเล็กได้มากจริงๆ!
ยอมรับว่าเธออาจจะเป็นใจร้อนไปหน่อย แต่ก็แยกแยะถูกว่าอะไรควร อะไรไม่ควร
และเธอเองในฐานะคนที่ทำงานในวงการบันเทิง เธอย่อมมีความสามารถในการปรับเปลี่ยนสีหน้าท่าทางและควบคุมอารมณ์ได้ทุกรูปแบบทุกสถานการณ์ แต่ไม่รู้ทำไมทุกครั้งที่อยู่กับเด็กตัวสูงคนนี้ความสามารถเหล่านั้นก็พลันสูญหายไปหมด
เหลือไว้แต่ความหงุดหงิด....
“พี่เป็นคนขอแลกกับไอยูเองแหละ”เพราะซันนี่ไม่อยากหาเรื่องทะเลาะกันอีก กลัวว่าจะเป็นการเสียเวลาในการนั่งๆนอนๆเล่นเกมส์ของตัวเอง จึงต้องใช้ความพยายามอย่างแรงกล้าในการควบคุมตัวเองไม่ให้อารมณ์เสียง่ายๆ
“อ้าว...ทำไมล่ะ”
“นอนกับฮโยกับแทแล้วไม่มีใครเล่นเกมส์เป็นเพื่อน”ซันนี่บอกเหตุผลที่คิดว่าจะทำให้ซูยองเข้าใจได้ง่ายที่สุด อันที่จริงแล้วเธอไม่ได้เป็นคนขอแลกห้องกับไอยูหรอกนะ แต่ฮโยยอนต่างหากที่จู่ๆก็ยัดเยียดส่งเธอให้มานอนกับเด็กตัวสูงนี่ ถามเหตุผลก็ไม่ยอมตอบ เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ล้อเลียน ท่าทางเหมือนรู้อะไรแต่ไม่ยอมบอกกัน
เอ่อ...เพราะอย่างนี้ล่ะมั้ง เธอถึงได้ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปกันใหญ่
“ไม่ต้องมาถามมากเลย เป็นเด็กเป็นเล็กไปนอนได้แล้วไป”
หากแต่ซูยองกลับส่ายหน้ารัว แล้วรีบใช้ช่วงขาและช่วงลำตัวที่ยาวกว่าผู้หญิงปกติทั่วไปข้ามมานั่งเตียงเดียวกับเธอ ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีของซูยองหรือเป็นโชคร้ายของเธอกันแน่ เพราะความห่างของเตียงทั้งสองในห้องนี้นั้น เท่าที่ใช้สายตากะประมาณแล้ว อย่างน้อยๆความยาวคงไม่เกินขนาดเอาสองไม้บรรทัดมาต่อกันแน่
แต่จะยังไงก็เถอะ เท่าที่รู้ ตอนนี้เจ้าเด็กตัวสูงก็เข้ามาเบียดเสียดกับเธอจนแทบตกเตียงอยู่แล้ว ดีนะที่ไหวตัวทันเลยยังไม่ตก สามารถขยับตัวขึ้นมานอนได้ตามเดิมอย่างสง่าผ่าเผย
“ไหนว่าพี่ชวนฉันมาเล่มเกมส์ไง...แล้วจะไล่ให้ไปนอนได้ยังไง”ซูยองขมวดคิ้ว มองพี่สาวตัวเล็กคนสนิทด้วยความไม่เข้าใจ “นี่พี่มีเรื่องหงุดหงิดอะไรหรือเปล่า ฉันเห็นท่าทางไม่ดีมาตั้งแต่ตอนบ่ายแล้วนะ”
บอกตามตรงว่าทุกครั้งที่เห็นซันนี่หงุดหงิดเธอก็รู้สึกไม่ดีเท่าไร โดยเฉพาะการหงุดหงิดที่ยาวนานของเจ้าตัว แถมยังไม่รู้ว่าต้นเหตุของเรื่องมาจากอะไร ซึ่งเรื่องแบบนี้ใช่ว่าจะเกิดกันได้ง่ายๆ พี่สาวตัวเล็กคนนี้ไม่เคยโกรธใส่เธอได้นานเกือบครึ่งค่อนวันแบบนี้หรอก
“ขอโทษเถอะ ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วต่างหาก”ซันนี่พึมพำเสียงดังในลำคอ จนซูยองต้องชะโงกหน้าเข้าไปใกล้เพราะไม่รู้ว่าซันนี่ต้องการจะพูดกับเธอหรือเปล่า
“หะ?”
“ไอ้บ้า เอาหน้าออกไปไกลๆเลยนะ คลื่นไส้!”ซันนี่ใช้มือดันหน้าซูยองออกไป แล้วพยายามเปลี่ยนเรื่องคุยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า...เมื่อกี้เหมือนเห็นพี่สาวตัวเล็กหน้าแดง?
อุณหภูมิในห้องมันร้อนขนาดนั้นเลยเหรอ....ไม่น่านะ ขนาดเธอสวมเสื้อทับกันหลายชั้นแล้วยังหนาวจะตายชัก ฮีทเตอร์เก่าๆก็ไม่ได้ช่วยให้อุ่นขึ้นซักเท่าไรเลย
เอ...หรือว่าเธอจะขี้หนาวเกินไปกันแน่นะ สงสัยว่าคงเป็นแบบนั้นแน่ๆเลย
“ไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวฉันก็จะเลิกเล่นแล้ว เธอไปนอนก่อนเถอะ”
“อ่า...งั้นราตรีสวัสดิ์ ฝันดีนะพี่”เพราะรู้ว่าถึงจะดื้อดึงต่อไปยังไงก็ไร้ผล เผลอๆซันนี่อาจจะอารมณ์เสียยิ่งกว่าเดิม คนตัวสูงเลยจำใจต้องอพยพถิ่นฐานย้ายกลับไปอยู่ที่เดิมของตัวเองแม้ว่าภายในใจนั้นมีอะไรที่ต้องการพูดมากมาย
เอาเถอะ...เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าซันนี่ก็หายโกรธเองล่ะ ถึงตอนนั้นแล้วค่อยถามอีกทีก็ได้ว่าเป็นเพราะอะไร และใครเป็นคนทำ
อย่างน้อยๆก็หวังว่าคงไม่ใช่เธอล่ะนะ...เพราะเธอไม่รู้จริงๆว่าเธอไปทำอะไรไม่ดีเอาไว้หรือเปล่า
“อือ”ซันนี่ครางรับ โดยทำทีเป็นไม่สนใจคนเตียงข้างๆ ทั้งๆที่ยังคอยมองอยู่ตลอดด้วยหางตา
ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด...โกรธซูยองที่ไม่เคยรู้อะไรเลย และโกรธตัวเองที่นับวันยิ่งทำตัวงี่เง่าอย่างไม่มีเหตุผล
เธอเป็นแบบนี้...ตั้งแต่เมื่อไร
“ตั้งแต่เจอฉันครั้งแรกเลยใช่ป่าวววว”
“หือ..”ซันนี่สะดุ้งกับการพูดอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยของซูยอง ทั้งๆที่เจ้าตัวยังคงนอนกอดหมอนข้างเยินๆที่ลงทุนแพ็คใส่กระเป๋าเดินทางมาด้วยอย่างหวงแหน ราวกับกลัวใครจะมาขโมยไป แบบนี้แสดงว่ากำลังหลับสนิทนี่นา
อ่อ...ลืมไป ไอ้เด็กนี่เวลาฝันมันชอบละเมอ
“ฟานี่...ฉันขอโทษนะ ที่ปกป้องเธอเอาไว้ไม่ได้”ซอนมียกมือไหว้ ปากก็พร่ำบอกขอโทษเช่นนี้เป็นรอบที่ร้อยวนๆเวียนๆไปไม่รู้จักจบสิ้น
ตั้งแต่เธอเดินกลับเข้ามา เล่าเรื่องราวให้ฟัง เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ เดินกลับมานั่งที่เตียง ยันเช็ดผมจนแห้ง ซอนมีก็ยังพูดต่อไป
เธอจะเป็นคนดีไปไหมซอนมี?
“ไม่เป็นไรซอนมี มันเป็นเหตุสุดวิสัยฉันเข้าใจ”ทิฟฟานี่กัดฟันพูด เรื่องนี้เธอเข้าใจว่ามันไม่ใช่ความผิดของซอนมีเลยแม้แต่น้อย เพราะหน้าที่ของเจ้าตัวคือการป้องกันไม่ให้เจสสิก้าเข้าไปยุ่งกับแทยอน ดังนั้นซอนมีคงสนใจกับแทยอนซะเป็นส่วนใหญ่ จนเปิดเป็นช่องโหว่ปล่อยให้เจสสิก้าเข้ามาพบกับเธอจนได้
เอาเถอะ เธอไม่ได้คาดหวังอะไรมาตั้งแต่ต้นแล้วล่ะ ซอนมีท่าทางเงียบๆเรียบร้อยแบบนั้น ถึงเจ้าตัวจะรับรู้จะเห็นว่าเจสสิก้าเดินไปที่ออนเซ็นก็คงไม่สามารถห้ามได้ คนอย่างซอนมีน่ะรับมือเจสสิก้าไม่ได้หรอก เผลอๆอาจโดนสวนกลับด้วยการเอาเงิงเฉาะหน้า เสียโฉมขึ้นมาใครจะรับผิดชอบเพื่อนสาวของเธอล่ะเนี่ย
และที่เธอกัดฟันพูดไม่ใช่เพราะเรื่องดังกล่าวข้างต้น
แต่เป็นเพราะการได้ฉะกับแม่นางแบบสาวแบบถึงพริกถึงขิงต่างหาก จากที่ตอนแรกเธอแช่ในบ่อออนเซ็นคนเดียวเกือบสองชั่วโมง ก็เลยต้องอยู่ต่ออีกเกือบชั่วโมง เพราะไม่อยากหนีออกมาให้เจสสิก้าหยามว่าเธอเป็นพวกขี้แพ้
ถ้าถามว่าฉะกันเรื่องอะไรบ้าง...ก็มีหลายเรื่องนะ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของแทยอน นอกเหนือจากนั้นก็เป็นเรื่องส่วนตัว วัดกันตรงๆว่าใครแน่กว่ากัน
แน่นอน...เจสสิก้าชนะใสๆ สมกับเป็นนางแบบสาวยอดนิยม แต่เรื่องนั้นก็ไม่ทำให้เธอแค้นเท่าไรหรอก
แค้นที่สุดก็ตรงที่เจสสิก้ามาวิจารณ์เรื่องสัดส่วนของเธอเนี่ยแหละ!
“ตายละ นั่นคนหรือท่อนซุง ทรงตรงแหน่วเลย”
“นั่น! แล้วทำไมต้องหันหลังคุยกับฉันด้วยล่ะ มารยาทน่ะมีไหม”
ถ้าจะด่ากันว่า ‘แบน’ เธอว่ามันจะยังเจ็บน้อยกว่าอีกนะ
ดูเหมือนว่าเธอจะตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเองนานเกินไป จนคนข้างกายต้องสะกิดเรียกยิกๆ
“เป็นอะไรไหมฟานี่”
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก”ยิ้มน้อยๆแล้วส่ายหน้าเบาๆ เพราะไม่อยากให้เพื่อนผู้แสนดีต้องเป็นห่วง
“เอาเถอะ ฉันว่าเธอรีบนอนดีกว่านะฟานี่”ซอนมีว่าด้วยความเป็นห่วง เพราะทิฟฟานี่เหนื่อยมาแล้วทั้งวัน เกรงว่าหากยังพูดคุยกันต่อไปจะเสียเวลา “พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า”
“นั่นสินะ ราตรีสวัสดิ์นะซอนมี ปิดไฟให้ด้วย”ส่งท้ายค่ำคืนแรกในต่างแดนด้วยการใช้ซอนมีให้สาสม ไหนๆก็มีเรื่องให้ช่วยมาทั้งวันแล้ว ขออีกซักเรื่องจะเป็นไรไป
“เสียดายชะมัดเลย อุตส่าห์จะแช่ออนเซ็นให้สบายใจซะหน่อย ดันไปเจอยัยฟานี่ซะได้”
“อ่าหะ...งั้นพวกเธอไม่ทะเลาะกันตายเลยเหรอ”ยูริถามแม้จะรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่เนื่องจากไม่อยากนั่งอยู่เฉยๆเพราะกลัวสมองจะฟุ้งซ่าน พยายามควบคุมสติให้อยู่กับเนื้อกับตัว มือไม้ที่ดูจะเกะกะไม่รู้จะวางไว้ที่ไหนก็เอาไปจิ้มโต๊ะเล่นซะ
เชื่อเถอะ ใครที่เป็นอย่างเธอ เมื่อได้มาอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้แล้วจะเกิดอาการไปไม่เป็นเหมือนกันทุกคน
เพราะตอนนี้ควอนยูริได้มีโอกาสนั่งเล่นในห้องพักของเจสสิก้า!
ยอมรับว่าตอนแรกที่เจสสิก้าเคาะประตูหน้าห้องเธอ แล้วเรียกให้ตามไปหาที่ห้องนั้น เธอค่อนข้างประหลาดใจปนดีใจนิดหน่อย เพราะรู้ดีว่านิสัยของเจ้าหล่อนน่ะเป็นอย่างไร นอกจากความวีนความเหวี่ยงและเอาแต่ใจแล้ว สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยคือ รักความเป็นส่วนตัว
ของอะไรที่เป็นของเจ้าหล่อน ห้ามคนอื่นยุ่งเด็ดขาด โดยเฉพาะห้องนอนของเจสสิก้า ที่คริสตัลเคยเล่าให้เธอฟังว่าพี่สาวของตนนั้นไม่ยอมให้ใครเข้าไปในห้องตั้งแต่เด็กๆ แม้แต่พ่อแม่ก็ยังหวง พอมีคอนโดเป็นของตัวเองแล้วก็ยิ่งไปกันใหญ่ แทบตัดขาดออกจากโลกภายนอกเลยทีนี้
ถึงแม้ว่านี่จะเป็นเพียงห้องพักที่ใช้นอนไม่กี่คืน แต่ก็ถือว่ามันเป็นของส่วนตัวของเจสสิก้าเหมือนกัน
“มีแหลกแหละงานนี้”เจสสิก้ายิ้ม เดาได้เลยว่าผลจากการทะเลาะกันครั้งนี้เจสสิก้าชนะทิฟฟานี่ชัวร์ “เอ้อ เช็ดผมให้หน่อยได้ไหม”
“ไม่ได้ทำนาน จนเกือบลืมหน้าที่นี้ไปแล้วนะเนี่ย”ยูริหัวเราะ ก่อนนั่งลงข้างหลังเจสสิก้ารับผ้าขนหนูมาแล้วจัดการตามคำสั่ง จะว่าไป...ก็เกือบลืมไปแล้วว่าเธอเคยมีสิทธิพิเศษแบบนี้ด้วย
“ย่ะ!”
เช็ดผมให้เจสสิก้า...
เรื่องมันเริ่มขึ้น หลังจากที่เจสสิก้าลงแข่งกีฬาว่ายน้ำตามคำขอร้องจากรุ่นพี่ที่หล่อนปลื้มนักปลื้มหนา เพราะมันเป็นการแข่งขันที่สำคัญ ทุกๆเย็นหลังเลิกเรียนเจสสิก้าจึงต้องซ้อมว่ายน้ำที่โรงเรียนกับรุ่นพี่คนนั้นทุกวันจนดึกดื่น
แน่นอนว่าทุกๆวันยูริจะคอยไปนั่งเฝ้าข้างสระ รอกลับบ้านพร้อมเจสสิก้าตามคำสั่งแสนเอาแต่ใจของเจ้าหล่อน มืดเท่าไรดึกแค่ไหนก็ต้องรอ แต่อยากจะบอกนัก...ถึงไม่สั่งให้ทำ เธอก็จะทำอยู่ดี
และนอกเหนือจากการนั่งรอแล้ว เมื่อเจสสิก้าซ้อมว่ายน้ำเสร็จ หน้าที่ๆสำคัญมากของยูริก็คือการเช็ดหัวให้เจ้าหล่อนนั่นแหละ
แอบไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมคนที่รักความเป็นส่วนตัวแบบนี้ถึงไม่เช็ดด้วยตัวเอง...แต่ก็ช่างมันเถอะ เธอไม่คิดที่จะถามกับเจสสิก้าตรงๆหรอก กลัวว่าพอถามแล้วหล่อนจะไม่ยอมให้เธอทำอีกเนี่ยล่ะสิ
ตึก....ตึก...
กลิ่นกายอ่อนๆที่คุ้นเคยเหมือนแต่ก่อน ส่งผลให้คนที่ติดอยู่ในสถานะแอบรักเพื่อน หน้าแดง ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ โชคดีที่นั่งเช็ดอยู่ข้างหลัง ไม่งั้นความแตกแน่นอน
ให้ตายเถอะควอนยูริ เมื่อไรแกจะชินกับเรื่องนี้ได้ซักทีนะ
“เป็นอะไรไปน่ะ เช็ดต่อดิ อย่าทำให้ต้องอารมณ์เสียได้มะ”ท่าทางยูริจะมัวเพ้อนานไปหน่อย เจสสิก้าถึงกับเอ่ยปากต่อว่าเช่นนี้ “รีบๆเช็ด จะได้รีบๆไปนอน”
“รับทราบค่า~”
ถึงจะอยากประวิงเวลาให้นานกว่านี้มากแค่ไหน เธอก็ไม่สามารถทำได้ จำใจเช็ดผมให้เจสสิก้าต่อไปอย่างเร่งรีบและอ่อนโยนเพราะไม่อยากให้สาวเจ้าเจ็บ
เอาเถอะ...อย่างน้อยได้แค่นี้ก็ดีแล้วล่ะ
“ทิฟฟานี่ไม่สบายงั้นเหรอ”แทยอนท่าทางแปลกใจเมื่อได้ฟังคำพูดของซอนมี
ตอนนี้ทุกคนได้รวมตัวกันยังจุดนัดหมายเรียบร้อยแล้ว แต่เพราะเหตุผลข้างต้นที่ต้องอยู่คุยกันก่อน จึงทำให้ไม่สามารถออกไปไหนได้
แปลกแฮะ...เมื่อวานก็ยังเห็นลากตัวเธอไปมา ท่าทางสบายดีนี่นา แล้วไหงวันนี้ถึงได้ป่วยขึ้นมา
“ค่ะ ตอนนี้กำลังนอนพักอยู่ในห้อง”
“สงสัยคงปรับตัวกับอากาศไม่ได้มั้ง”ฮโยยอนเดา เพราะอุณหภูมิที่ญี่ปุ่นในช่วงนี้นั้นถือว่าหนาวแบบสุดๆ คนบางคนที่สภาพร่างกายอ่อนแอจริงๆก็มีสิทธิ์ที่จะเป็นลมหรือป่วยเอาได้ง่ายๆ “แล้วจะเอายังไง ซอนมีจะไปด้วยหรือจะอยู่ดูแลฟานี่เขา”
“เอ่อ...ฉัน”ซอนมีอ้ำอึ้งไม่รู้จะให้คำตอบเช่นไรดี ใจนึงเธอก็อยากไปเที่ยวเพราะใช่ว่าจะได้มาเที่ยวฟรีบ่อยๆ เมื่อมีโอกาสแล้วเธอก็ควรจะรับมันไว้ แต่อีกใจหนึ่งก็เป็นห่วงเพื่อนใหม่ที่นอนแบ๊บอยู่ในห้องนอนคนเดียว
ถึงเจ้าตัวจะบอกให้เธอออกมาเที่ยวก็เถอะ แต่มันไม่สบายใจเลย...
“ฉันว่า ฉัน...”ก่อนที่จะให้คำตอบ จู่ๆความคิดอันชั่วร้าย(ที่ติดมาจากฟานี่)ก็ไหลแล่นเข้าหัวเธอซะดื้อๆ
งานนี้ อาจจะยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวแฮะ...แค่อาศัยหลักการพูดบวกกับมารยาหญิงนิดหน่อย
“ฉันก็คงจะต้องอยู่เฝ้าฟานี่แหละค่ะ”พูดด้วยท่าทางเศร้าๆ ก่อนเสริมขึ้นมา
“แต่ว่า ฉันเองก็ไม่ค่อยเก่งเรื่องนี้ซักเท่าไรหรอกค่ะ”
“ฉันน่ะ ทั้งซุ่มซ่าม ทั้งขี้ลืม ก็กลัวว่าแทนที่จะได้ดูแลฟานี่ กลับต้องมาทำให้ฟานี่ต้องมีอาการแย่ลง”
“เอ่อ ถ้างั้นคุณซอนมีไปเที่ยวดีกว่ามั้งครับ แล้วค่อยหาคนอื่นมาดูแลคุณทิฟฟานี่แทน”ผู้จัดการวงผู้ใจดีเอ่ยขึ้น จากที่ฟังมาแล้ว คงไม่น่าไว้ใจนักถ้าจะให้ซอนมีอยู่ดูแลทิฟฟานี่ตลอดทั้งวันด้วยตัวคนเดียว แต่ในขณะเดียวกันโปรแกรมการท่องเที่ยวของพวกเขาที่เหลือก็จะยกเลิกไปไม่ได้ เพราะเตรียมการกันมานานแล้ว
“แล้วใครล่ะคะที่จะมาดูแลฟานี่ได้ ฟานี่ไม่รู้จักกับใครเลย”ว่าแล้วก็ก้มหน้านิ่งสร้างฟีลดราม่าอีกครั้ง
“เอ่อ ฉะ ฉัน”ยูริพยายามยกมือ ส่งสัญญาณให้ทุกคนสนใจตนเอง แต่เพราะรังสีความน่าสงสารที่แผ่มาจากตัวซอนมีนั้นเจิดจ้าจนเกินไป คนอื่นๆเลยไม่สามารถมองเห็นตัวยูริได้
“ฉันทิ้งฟานี่ไม่ได้หรอกค่ะ”
เชื่อเถอะ ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมมีหนึ่งคนที่จะเป็นพระเอกขี่ม้าขาวเข้ามาช่วยเหลือ
“เอ่อ ถ้างั้นฉันช่วยเฝ้าให้ก็ได้ค่ะ”
และแน่นอนว่าคนๆนั้นคือ คิมแทยอน
“ไหนๆ ทิฟฟานี่ก็ถือว่าเป็นแฟนคลับของฉันแล้วด้วย”แทยอนพูดพร้อมรอยยิ้ม ที่แม้แต่เพื่อนๆรว่มวงที่ใกล้ชิดกันมานานยังเดาไม่ออกว่ามันคือรอยยิ้มที่แสดงถึงอารมณ์ไหนของแทยอนกันแน่
“ก็อยากจะดูแลให้ดีที่สุดน่ะค่ะ”
“ซอนมีไปเที่ยวให้สบายเถอะ ทางนี้ฉันจัดการเอง”
“เอ่อ...ค่ะ”ซอนมีตอบรับหน้าเศร้าเพิ่มคะแนนความน่าสงสารจากคนอื่นได้ดี โดยที่คนเหล่านั้นคงไม่มีวันรู้เลยว่าจริงๆแล้วในใจของซอนมีนั้นกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งแสดงความยินดีกับความสำเร็จของแผนการตัวเองอยู่
“ไม่ได้นะ! แทอย่าทำแบบนี้สิ อุ๊บบบ”เจสสิก้าค้านเสียงหลง พยายามจะห้ามการกระทำของแทยอนเต็มที่ แต่ก่อนที่จะไปถึงตัวนักร้องตัวเล็กก็ดันมีมารผจญเอามือมาปิดปากซะก่อน
“อุ๊ย คุณเจสสิก้าเนี่ยล่ะก็ ท่าทางร่าเริงจังเลยนะคะ คงอยากไปเที่ยวจนตัวสั่นเลยสิท่า”
ที่น่าแปลกคือ มารที่ว่านั้นเพิ่งแสดงบทดราม่าเรียกคะแนนสงสารไปหยกๆ
“อื้อๆๆ”นางแบบสาวดิ้นสุดแรง ทั้งๆที่เธอมั่นใจมากกับพลังกายของตัวเอง ผู้ชายตัวยักษ์ๆบางคนที่ว่าแน่ยังเคยงัดข้อแพ้เธอเลยคิดดูสิ
แต่นี่มันอะไรกัน...ซอนมีก็เป็นแค่ผู้หญิงตัวผอมๆ ท่าทางเรียบร้อยไม่มีแรง ไหงเธอถึงไม่สามารถดิ้นหลุดจากอ้อมแขนของสาวคนนี้ได้
“ค่ะๆ รู้แล้วค่ะว่าใจร้อน มาค่ะๆ เดี๋ยวฉันพาไปเองค่ะ ไม่ต้องห่วงค่ะ”ว่าแล้วก็จัดการลากตัวเจสสิก้าไปขึ้นรถท่ามกลางสายตางงๆของทุกคนในที่นี้
ได้ข่าวว่าเมื่อกี้ยังทำหน้าเศร้าตีบทโศกอยู่เลยไม่ใช่เรอะ?
“แท แกไหวแน่นะ”ยุนโฮหันกลับมาสนใจนักร้องในความดูแลของตน เนื่องจากไม่แน่ใจว่าแทยอนจะทำหน้าที่นี้ได้ด้วยดี
เปล่า...ไม่ใช่ว่าชายหนุ่มจะไม่เชื่อว่าแทยอนจะสามารถดูแลคนอื่นได้ แทยอนเป็นคนที่สามารถพึ่งพาได้มากๆคนหนึ่ง รับรู้ได้จากการที่เห็นแทยอนดูแลเอาใจใส่น้องๆในวง
แต่ที่ไม่แน่ใจ เพราะไม่รู้ว่าแทยอนมีจุดประสงค์อะไรถึงได้ทำเช่นนี้ต่างหาก
ปกติแทยอนเห็นแก่ตัวจะตาย อะไรที่ทำแล้วตัวเองต้องเสียประโยชน์นี่อย่าได้หวังว่าจะทำ
“พี่แทไม่อยากไปเที่ยวเหรอ”ซูยองโผล่มาจากทางข้างหลังอย่างเงียบๆจนคนถูกถามเกือบตกใจ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ใส่ใจนัก เพราะรู้สึกสนใจนิดหน่อยกับท่าทางที่เปลี่ยนแปลงไปของหัวหน้าวงมากกว่า
“ยังเหลือเวลาเที่ยวอีกตั้งหลายวันน่า ไม่เป็นไรหรอก”
“อีกอย่างสถานที่เที่ยววันนี้ก็ไม่ค่อยมีอะไรไม่ใช่เหรอ แค่เที่ยวชมบรรยากาศเฉยๆ”ด้วยความสัตย์จริง แทยอนตอบปฏิเสธอย่างไม่คิดอะไร มันก็จริงอย่างที่เธอพูดนะ ดูจากโปรแกรมการท่องเที่ยวแล้วก็ไม่มีอะไรมากมาย ถึงจะเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และเป็นที่ๆเธอไม่เคยเห็นมาก่อน แต่จะสนใจอะไรล่ะ ในเมื่อชีวิตคนสำคัญกว่า
แต่ทั้งๆที่เธอไม่คิดอะไร เจ้าพวกที่เหลือก็หาทางคิดจนได้
“ใจดีผิดปกตินะคะเนี่ย”ไอยู
“ผีเข้าสิงแหงเลย”ซูยอง
“ฉันก็ว่างั้นแหละ”ฮโยยอน
“พวกแก”แทยอนจ้องหน้าเพื่อนร่วมวงที่อายุน้อยกว่าเรียงตัวด้วยสายตาอาฆาตแค้นแบบสุดๆ
อะไรของพวกมัน...ทำเลวก็ว่า ทำดีก็แซว หรือว่าเพราะเธอทำแต่เรื่องแย่ๆมากเกินไป พอถึงเวลาที่คิดจะทำความดีบ้างมันเลยดูเป็นเรื่องตลก
“แหม ล้อเล่นหน่อยเดียว ทำเป็นโกรธ”
“ก็ไม่แปลกหรอกนะที่พวกเราจะคิดแบบนี้น่ะ”ซันนี่เข้าร่วมวงสนทนาด้วย หลังจากที่เงียบไปนาน
“ปกติไม่เคยเห็นแทยอนมีน้ำจิตน้ำใจไมตรีกับใครมาก่อน”
“ถ้าไม่อยู่ต่อหน้ากล้อง คนๆนั้นก็ต้องมีความสำคัญอย่างสูง”
เอิ่ม...คิดๆแล้วก็ชักอยากจะให้ซันนี่เงียบต่อไปแฮะ เล่นสาธยายซะละเอียดขนาดนี้
“นั่นแน่! พี่แทแอบหลงรักคุณทิฟฟานี่เข้าแล้วล่ะเซ่”คนตัวสูงกระแซะสีข้างเธอเล่นๆ มีเจตนาอย่างชัดเจนว่าต้องการแซว
“เรื่องของฉันน่า อย่ามายุ่งจะได้ไหม!”และไม่รุ้ว่าเป็นเพราะอะไร แทยอนถึงได้เผลอตวาดออกไปเช่นนั้น
จากความเป็นไปได้คงมีสองกรณี ถ้าไม่รำคาญมากๆ ก็น่าจะเป็นอาการร้อนตัว?
“อ๊ะๆ มีขึ้นสงขึ้นเสียงซะด้วย”
“แถมยังไม่ปฏิเสธอีกต่างหาก”ฮโยยอนเสริม
“ไปกันเถอะพวกเรา อย่ารบกวนเวลาสวีท เอ๊ย!ดูแลแฟนคลับของพี่แทเขาเลย”
“อะ ไอ้หยอง!”
ปวดหัวชะมัด!
เป็นเพราะยัยนางแบบบ้านั่นแท้ๆเชียว ทิฟฟานี่คนสวยถึงต้องตกอยู่ในสภาพที่น่าสมเพชเช่นนี้ ทนแช่น้ำในบ่อออนเซ็นนานสามชั่วโมงไม่พอ ตื่นเช้ามาก็ดันป่วยซะอีก ไม่ใช่ป่วยธรรมดานะ ไข้ขึ้นสูงจนตัวเองแทบจะเป็นลมตายแทนป่วยตาย
แต่ถึงกระนั้นด้วยจิตใจฝ่ายดีที่สิงอยู่ในตัว ไม่อยากรบกวนซอนมีมากไปกว่านี้ จึงบอกไปว่าไม่เป็นไร
เอาเถอะ...ก็แค่ป่วย นอนพักนิดนอนพักหน่อย เดี๋ยวก็หายเองนั่นแหละน่า
ไม่ทันที่ทิฟฟานี่จะได้คิดอะไรต่อ เสียงไขกุญแจก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงประตูที่ถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบา ถึงแม้ตอนนี้เธอจะนอนหันหลังให้กับประตูอยู่ แต่ก็รับรู้ได้ว่าผู้มาเยือนนั้นไม่ใช่ใครนอกจากซอนมีแน่นอน
ซึ่งแน่นอนว่าภายหลังจากนี้เธอจะได้รู้ว่าตัวเองคิดผิดมหันต์
“กลับมาทำไมล่ะซอนมีไม่ไปเที่ยวเหรอ”
“เอ่อ...”ผู้มาเยือนอ้ำอึ้ง ไม่รู้จะให้คำตอบเช่นไรดี
ได้ข่าวว่าป่วยอยู่ ก็กลัวว่าหากบอกความจริงไปแล้วเจ้าหล่อนจะช็อคตาย
“เธอไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกน่า แค่ป่วยนิดหน่อย นอนคนเดียวได้อยู่แล้ว”ทิฟฟานี่เริ่มพล่ามเมื่อคู่สนทนาเงียบไป
“แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือแทยอนของฉัน ไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง”
“ป่านนี้คงถูกยัยสิก้าลวนลามจนบอบช้ำแล้วแน่ๆ”
“จริงๆแล้วเธอน่าจะทิ้งฉันไว้ที่นี่ แล้วไปปกป้องความปลอดภัยของแทยอนแทนฉันนะ”
“อือ...”อึ้ง อึ้ง อึ้ง...บอกได้คำเดียวเลยว่าอึ้งสุดๆ
เกิดมาไม่เคยเจอใครที่แสดงความหึงหวงห่วงได้มากขนาดนี้มาก่อนเลยแฮะ
ทำราวกับเธอเป็นเพียงแค่เด็กตัวเล็กๆวัย 5 ขวบ ผู้ซึ่งไม่ประสีประสาในความโหดร้ายของโลกมนุษย์ แถมตอนนี้กำลังจะโดนโจรจิตทรามผู้ชั่วร้ายหมายหัวต้องการจะทำร้ายอะไรทำนองนั้น
ผู้หญิงคนนี้...เวอร์กว่านี้มีอีกไหม
เธอยอมรับว่าแปลกใจที่ทิฟฟานี่กล้าพูดประโยคพรรค์นั้นออกมาได้
แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดหรือรำคาญกับการกระทำของเจ้าหล่อน
กลับกัน...เธอคิดว่ามันค่อนข้าง...น่ารักดี?
“นี่ วานหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กๆสีฟ้ามาให้ฉันหน่อยได้ไหม ที่วางอยู่ในห้องน้ำอ่ะ”คนป่วยที่ยังคงไม่รู้เรื่องอะไรก็เลยเอ่ยปากออกคำสั่งกับแทยอนหน้าตาเฉย ซึ่งแทยอนก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะตัวเองตั้งใจมาเพื่อดูแลทิฟฟานี่อยู่แล้ว จึงทำตามคำสั่งโดยดี
จนถึงเวลาที่เดินเข้าไปหาทิฟฟานี่ ยื่นผ้าขนหนูให้ แล้วทิฟฟานี่เงยหน้าขึ้นมาเตรียมจะขอบคุณเพื่อนสาวตามมารยาทที่ควรพึงกระทำ
“ขอบใจมากนะซอน...เอิ๊กส์!!”แล้วคำขอบคุณก็เลือนหายไป พร้อมๆกับการมาแทนที่ของความตกใจ “แทยอน มาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร”
“มาพร้อมซอนมีในจินตนาการของเธอเลยล่ะ”
“งั้นก็แสดงว่า....”
“...”
“...”
“ว๊าย ละเมอค่ะ ละเมอ คร่อก”ล้มตัวลงนอนคลุมโปงด้วยความไวเหนือแสง
“...”
“...”
แทยอนอดอมยิ้มไม่ได้กับความน่ารักของทิฟฟานี่ เกิดมาไม่เคยเจอใครที่แถได้ไม่เนียนขนาดนี้เลยชีวิต
แต่สงสัยคงจะอายน่าดูล่ะนะ ก็เล่นพูดประโยคแสดงความหึงหวงต่อหน้ากันซะนาดนั้น
“ถึงยังไงก็เถอะ ละเมอขึ้นมากินข้าวเช้าก่อนไหม เกือบเก้าโมงแล้วนะ”
************************************************************
โปรดไว้อาลัยให้กับความโก๊ะของฟานี่ด้วยเถิด55555
เชื่อว่าในช่วงแรกๆของตอนนี้ สร้างความหงุดหงิดให้กับคุณคนอ่านทุกๆท่านได้ไม่น้อย
กะจะรอโมเม้นท์ ‘แทนี่’ ฟานี่ส่องคิมแทงซะหน่อย
แต่เรากลับหักหลัง(?) เปลี่ยนเป็น ‘เจทิ’ ซะงั้น5555
เฉลยค่ะ ความจริงแล้วฟิคเรื่องนี้เราแต่งเจทิ ไม่ใช่แทนี่ แว๊กก(me/คนอ่านปารองเท้า)
แต่ถึงยังไง เราก็จัดการให้แทนี่มาอยู่ด้วยกันในตอนท้ายแล้วไงคะ><
และคาดว่าฉากแทนี่จะค่อยๆเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้นเรื่อยๆตลอดแน่นอนค่ะ!
ความคิดเห็น