คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Intro
Intro..
“และตอนนี้ก็ถึงเวลาอันสมควรแล้ว ขอให้ทุกคนร่วมปรบมือให้แขกรับเชิญในวันนี้ของเราด้วยครับ ขอต้อนรับวงChocolateครับ!”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!”
สิ้นเสียงของพิธีกรหนุ่ม สมาชิกทั้ง 5 คนของวง Chocolate วงดนตรีหน้าใหม่แห่งค่าย CS Ent. ที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้ก็ค่อยๆปรากฏตัวออกมาทีละคน และพวกเธอเหล่านั้นต่างก็เรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนๆในสตูดิโอได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
“โอ้โห เหล่าแฟนๆนี่ก็เสียงดีไม่แพ้กันเลยนะครับ”พิธีกรหนุ่มคนเดิมแซวแฟนๆ ก่อนจะเชิญให้แขกรับเชิญทั้ง 5 ของตนนั่งลงบนเก้าอี้ที่จัดเตรียมไว้ เพื่อทำการพูดคุยกันตามสคริปต์ที่จัดไว้ของทางรายการ “เอ้า!แนะนำตัวกันหน่อยครับ เผื่อว่าคุณผู้ชมทางบ้านบางท่านจะยังไม่รู้จัก”
“สวัสดีค่ะพวกเราวง Chocolate ค่ะ”ทั้ง 5 เอ่ยขึ้นพร้อมกัน และเริ่มแนะนำตัวเองตามลำดับการนั่งที่เรียงตามอายุของแต่ละคน
“สวัสดีค่ะ ฉันแทยอน ตำแหน่งหัวหน้าวงและร้องนำค่ะ”
“กรี๊ดดดดดดดด!”
“สวัสดีค่ะ ฉันซันนี่ คีย์บอร์ดและร้องเสริมค่ะ”
“กรี๊ดดดดดดดด!”
“สวัสดีค่ะ ฉันฮโยยอน เล่นเบสค่ะ”
“กรี๊ดดดดดดดด!”
“สวัสดีค่ะ ฉันซูยอง มีหน้าที่ตีกลองค่ะ”
“กรี๊ดดดดดดดด”
“และสุดท้าย ฉันไอยู เล่นกีต้าร์ค่ะ”
“กรี๊ดดดดดดดด!”
“ต้องขอชื่นชมเสียเชียร์จากแฟนๆจริงๆนะครับ ฮ่ะๆ”พิธีกรหนุ่มยิ้มกว้าง รู้สึกปลื้มใจแทนวง Chocolate จริงๆที่มีแฟนคลับน่ารักขนาดนี้ “อยากจะทราบความหมายของชื่อวงหน่อยครับ Chocolate นี่มันหมายถึงอะไรกัน”
“ค่ะ ช็อกโกแลตโดยปกติแล้วเป็นของหวานที่นิยมกินกันทั่วโลกใช่ไหมคะ ซึ่งมีหลากหลายชนิด รสชาติอร่อย นอกจากนั้นกินแล้วยังช่วยให้มีความสุขค่ะ”แทยอนอธิบาย “ดังนั้น Chocolate ของพวกเราจึงเป็นวงดนตรีที่มีหลายรสชาติในคำเดียว และมีจุดมุ่งหมายที่จะสร้างความสุขให้กับทุกคนทั่วโลกที่ได้ฟังเพลงของเราค่ะ”
“โดยพวกเรา 5 คน ก็จะแบ่งเป็นช็อกโกแลตชนิดต่างๆตามลักษณะของแต่ละคนค่ะ ฉันเป็น Unsweetened Chocolate หรือช็อกโกแลตที่ไม่ได้เพิ่มความหวานค่ะ จะมีความเข้มข้นและลึกลับตามแบบของช็อกโกแลตที่บริสุทธิ์ แต่ถ้าได้เพิ่มส่วนผสมต่างๆเข้าไป ก็จะทำให้เกิดช็อกโกแลตอื่นๆขึ้นมาค่ะ”
“ของฉันเป็น Confectionery Coating ค่ะ”ซันนี่เริ่มอธิบายในส่วนของตัวเอง แต่ก็ได้รับการขัดจากพิธีกรหนุ่มเสียก่อน
“คอนๆ อะไรนะครับ ฟังไม่ทัน”
“Confectionery Coating ค่ะ เป็นช็อกโกแลตที่มีไว้เคลือบพวกลูกกวาดต่างๆ ทำให้มีสีสันสดใสค่ะ”
“ส่วนของฉันเป็นช็อกโกแลตชนิด Couverture ค่ะ มีลักษณะเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครกล้าเหมือน คือเป็นมันเงา มักเอาไว้เคลือบผลไม้หรอหุ้มไส้ช็อกโกแลตค่ะ จะมีรสเผ็ดนิดๆด้วย”ฮโยยอนบอก ท่าทางภูมิใจกับการได้อธิบายเกี่ยวกับลักษณะของตนเอง
“ของฉันคือ Dark Chocolate ค่ะ แต่ไม่ใช่เพราะมันดำเหมือนสีผิวของฉันนะคะ”ซูยองเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคน “เป็นช็อกโกแลตธรรมดาที่ไม่มีนมเป็นส่วนประกอบ ช็อกโกแลตชนิดนี้จะช่วยไม่ให้เกิดโรคร้ายจำพวกไขมันอุดตันหรือความดันน่ะค่ะ รสชาติก็จะขมนิดๆ”
“สุดท้ายก็คือ White Chocolate หรือที่รู้จักกันดีในชื่อช็อกโกแลตขาวนั่นเองค่ะ มีรสชาติอร่อย นุ่มลิ้น จึงทำให้บอบบางและแตกหักได้ง่ายค่ะ”และปิดท้ายด้วยน้องเล็กอย่างสวยงาม
“ครับ ก็ได้สาระกันไปมากทีเดียวสำหรับเรื่อง Chocolate นะครับ งั้นเราขอถามเรื่องส่วนตัวกันบ้างดีกว่าครับ”
“แต่ละคนนี่ดูเป็นสาวสวย แล้วก็ดูเด็กๆกันทั้งนั้นเลยนะครับ ไม่ทราบว่าตอนนี้อายุเท่าไรกันแล้วครับ”
“แทยอน ซันนี่ แล้วก็ฉันอายุ 21 เท่ากันค่ะ ซูยอง 20 ส่วนไอยูอายุน้อยสุด 18 ปีค่ะ”คราวนี้ฮโยยอนทั่นั่งอยู่ตรงกลางเป็นผู้ตอบคำถาม
“แสดงว่ายังเป็นนักเรียนสินะครับ ตอนนี้เรียนกันที่ไหนบ้างครับเนี่ย”
“ฉัน ซูยอง ฮโยยอน เรียนที่...”
“ยิ้มกว้างๆหน่อยสิครับคุณเจสสิก้า”
“นั่นแหละครับ ดีมาก สวยครับสวย”ช่างภาพอาวุโสเผยรอยยิ้มด้วยความพึงพอใจกับการทำงานที่เป็นมืออาชีพของนางแบบสาวผู้ที่เขากำลังลงมือถ่ายภาพให้หล่อนเพื่อลงนิตยสารชื่อดัง ภายใต้สังกัดที่เขาทำงานอยู่
การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น ทำให้เสร็จงานได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
“คุณเจสสิก้านี่เก่งสมคำร่ำลือจริงๆนะครับ ทำงานได้เป็นมืออาชีพมากๆ สมกับที่เป็นนางแบบอันดับหนึ่งของเกาหลีจริงๆ”ทีมงานเอ่ยชมด้วยความจริงใจ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมานั้น ไม่ใช่รอยยิ้มตามมารยาทอย่างที่ควรจะเป็น
“ก็แน่อยู่แล้วล่ะย่ะ ให้มันรู้ซะมั่งว่าฉันน่ะเป็นใคร....ว่าแต่นางแบบคนสวยทำงานเหนื่อยๆนี่ ทีมงานไม่คิดจะมีน้ำให้บ้างหรือไง!”
“เอ่อ ครับๆ ขอโทษครับ จะไปเตรียมน้ำมาให้เดี๋ยวนี้ครับ”ทีมงานหนุ่มหน้าเสีย รีบวิ่งไปหยิบขวดน้ำเปล่ามาให้ แต่ท่าทางว่าจะยังไม่เป็นที่พอใจของเจ้าหล่อน
“ไม่มีน้ำเย็นหรือไง ฉันต้องการจะกินน้ำเย็น!”
“ครับ จัดให้ครับ เฮ้ย!จองซุกเอาน้ำในตู้เย็นมาที”คราวนี้ทีมงานคนอื่นที่ไม่มีหน้าที่ใดเป็นฝ่ายเอามาให้ แน่ล่ะ สตูดิโอนี้มีทีมงานกันตั้งหลายคน ถ้าไม่ช่วยกันทำมาหากิน คงมีหวังได้โดนนางแบบสาวคนนี้เหวี่ยงใส่แน่ๆ
เอ่อ...จริงๆแล้ว ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ก็ถือว่าพวกเขากำลังโดนเหวี่ยงเล็กๆอยู่ด้วยล่ะนะ
“เอามาแล้วครับ”ทีมงานที่มีชื่อว่าจองซุกวิ่งกระหืดกระหอบมา น้ำเปล่าบริสุทธ์หนึ่งขวดถูกยื่นมาให้เจสสิก้า เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะโวยวายเสียงดังลั่น “จะบ้าหรือไง ถ้าไม่มีแก้วกับหลอด ฉันจะกินได้ยังไง!”
“ขะ ขอโทษครับ! เฮ้!ส่งแก้วน้ำกับหลอดมาที”
“โอ้ย!ทำงานได้ไม่เป็นมืออาชีพกันเลยนะพวกเธอเนี่ย แย่จริงๆ”เจสสิก้าบ่น “แล้วไหนล่ะคนพัด ฉันร้อนๆอยู่ ไม่คิดจะมีคนมาพัดให้เลยหรือ!”
“ยัยเจสสิกาอะไรนั่นน่ะคิดว่าตัวเองเป็นใครกันนะ”ทีมงานสาวที่กำลังเตรียมงานอื่นอยู่บ่นกับเพื่อนสาวที่ทำหน้าที่เดียวกัน “กะอีแค่ดังนิดหน่อย แต่ทำตัวอย่างกับว่าตัวเองเป็นนางแบบระดับโลก น่าหมั่นไส้จริงๆ”
“ทำไงได้ล่ะ ก็หล่อนมั่นใจในตัวเองซะขนาดนั้น คิๆๆ อยากจะรู้จริงๆเลยนะ ว่าถ้าวันนึงหล่อนตกอับขึ้นมา จะยังกล้าทำตัวแบบนี้อีกไหม”
“ถึงจะอยากทำก็คงทำไม่ได้หรอกย่ะ คนแบบนี้ ถ้าไม่ดังจริงๆ ไม่มีใครอยากจะร่วมงานด้วยหรอก เก่งแต่หยิ่ง”
“นี่!สองคนตรงนั้นน่ะ กระซิบกระซาบอะไรกันมิทราบ”เสียงแว้ดๆของเจสสิก้าดังขึ้นมา พลางใช้สายตาจ้องทีมงามสองสาวอย่างอาฆาตจนคนที่อยู่แถวๆนั้นรู้สึกเย็นวาบเสียวสันหลังไปตามๆกัน
“ไม่มีอะไรค่า! พวกเราสองคนแค่พูดถึงนางอิจฉาในละครเมื่อคืนเท่านั้นเองค่ะ”
“งั้นก็แล้วไป แต่อย่าให้รู้นะว่าพวกเธอกำลังนินทาฉันอยู่ ไม่งั้นพวกเธอตายแน่”เจสสิก้าชี้หน้าขู่สองสาว ก่อนจะกลับไปสนใจการตะโกนด่าทีมงานคนอื่นที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจเธอต่อ
“รู้นี่ว่าทำตัวได้น่านินทา แต่ก็ยังจะไม่เลิกทำอีก”
“วันนี้ตอนบ่ายโมงครึ่งต้องไปแสดงโชว์เปิดงานการแข่งขันฟุตบอล เสร็จแล้วตอนบ่ายสามโมงก็ต้องถ่ายรายการ สุดท้ายตอนหนึ่งทุ่มเข้าไปที่บริษัทเพื่อคุยเรื่องแผนการคัมแบ็ค”
“รีบๆเข้าเถอะจูฮยอน เดี๋ยวจะไม่ทัน”
“ค่าๆ เสร็จแล้วค่ะ”จูฮยอน หรือที่รู้จักกันในนามของซอฮยอนนักร้องสาวชื่อดังแห่งค่ายเพลง CS Ent. เดินตามผู้จัดการคนสนิทของเธอขึ้นรถตู้ไปและนั่งหลังพิงเบาะด้วยความเหนื่อยล้า แต่ก็เพียงชั่วครู่ ไม่นานเธอก็กลับมานั่งหลังตรง หน้าเชิด พลางส่งยิ้มให้พี่ผู้จัดการที่หันหน้ามามองเธอด้วยความเป็นห่วง
“ไหวหรือเปล่าจูฮยอน”พี่ผู้จัดการเอ่ยด้วยสรรพนามที่คุ้นเคยกัน “ถ้าไม่ไหวก็บอกได้นะ จริงๆแล้วงานเปิดงานการแข่งขันฟุตบอลน่ะ มีศิลปินไปทั้งหลายคน ถ้าเราจะยกเลิก...”
“ไม่ได้หรอกค่ะพี่ซึงยอน จริงอยู่ที่มันเป็นแค่งานเล็กๆ แต่ว่า..แฟนๆของฉันก็คงตามไปให้กำลังใจอีกตามเคย ฉันไม่อยากให้พวกเขาต้องคอยเก้อค่ะ”สำหรับเธอแล้ว ไม่ว่าจะเจอเรื่องร้ายมากมายเท่าไร แค่นึกถึงเสียงเชียร์และรอยยิ้มของเหล่าแฟนๆเวลาที่ฟังเพลงของเธอ ความทุกข์ ท้อ เศร้า ก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง
“งั้นเหรอ? มั่นใจใช่ไหมว่าไหวน่ะ”ซึงยอนถามย้ำอีกทีเพื่อความแน่ใจ เธออยู่กับยัยเด็กคนนี้มานาน รู้ดีว่ามันดื้อแค่ไหน งานบางงานทั้งๆที่สามารถยกเลิกไปได้แท้ๆ แต่กลับไม่ยกเลิก ยอมเหน็ดยอมเหนื่อย เพียงเพราะแค่ไม่อยากให้แฟนๆไปคอยเก้อ
ไม่รู้ว่าจะจิตใจงามดั่งนางฟ้ามาโปรดมากไปไหน..
“ค่ะ ไม่ไหวก็ต้องไหวค่ะ”ซอฮยอนส่งยิ้มสดใสให้ ส่วนคนรับก็ส่ายหน้าอย่างระอาใจกับความดื้อด้านของเจ้าตัว จึงหันไปจัดการเคลียร์ตารางงานในส่วนของวันอื่นๆต่อไป
‘บางอัน แอบตัดทิ้งไปบ้างก็ดี จูฮยอนจะได้มีเวลาพักผ่อนบ้าง’
“เอ่อ พี่คะ...พี่อย่าแอบตัดงานทิ้งนะคะ เดี๋ยวแฟนๆ...”
“โธ่!จูฮยอนน ไอ้อันที่พี่จะตัดน่ะมันงานของเดือนหน้าเชียวนะ เป็นข้อมูลที่ไม่ได้มีการเอาไปลงที่ไหนแน่นอน ไม่ต้องกลัวว่าแฟนๆเขาจะรอเก้อหรอก”ผู้จัดการสาวถอนหายใจ สงสัยว่าคนที่เหนื่อยที่สุดคงจะเป็นเธอซะล่ะมั้งเนี่ย อุตส่าห์หวังดียกเลิกงานที่ไม่จำเป็นออกไป “อีกอย่าง ทางนั้นเขาเพิ่งโทรมานัดเมื่อไม่นานมานี้เอง พี่เองก็ยังไม่ได้ตอบตกลงอะไรไป ไม่มีปัญหาหรอกน่า”
“พี่ซึงยอนคะ ฉันต้องไหวแน่ค่ะ ถ้าจะรับงานเพิ่ม คงไม่มีปัญหา”สีหน้าจริงจัง น้ำเสียงหนักแน่น แต่คนฟังรู้สึกได้ว่าลึกๆแล้วตอนนี้คนพูดแทบไม่มีแรง จึงตัดสินใจเงียบใส่ และตั้งใจทำหน้าที่ของตนต่อไป
ฝ่ายเด็กน้อยตากลมก็ได้แต่มองพี่สาวคนสนิทตาละห้อย ก่อนจะกลับมานั่งเงียบๆและผล็อยหลับไปในที่สุด
“พี่ยูลครับ ลูกค้าโต๊ะหกสั่งบะหมี่ดำ 2 ที่ บะหมี่เย็นอีก 1 ที่ กิมจิ 1 ที่ แล้วก็น้ำส้มคั้นอีก 3 ที่ครับ!”
“เออๆ รอเดี๋ยว”
“พี่ยูริคะ โต๊ะสี่สั่งต็อกโปกี 1 ที่ น้ำองุ่น 1 ที่ค่ะ!”
“จ้าๆ”
“พี่ยูล ลูกค้าโต๊ะสองสั่งพิงซูเพิ่ม 2 ที่ครับ”
“พี่ยูริ โต๊ะห้าเก็บเงินค่ะ!”
“พอแล้วๆ”ควอนยูริ ผู้มีศักดิ์เป็นเจ้าของร้านและคนทำอาหารชะโงกหน้าออกจากห้องครัวแล้วกวาดสายตามองลูกจ้างทั้ง สองของตนด้วยความหงุดหงิดเล็กๆ ก่อนจะค่อยๆออกคำสั่งกับทั้งสองคนนั้น
“คิบอม นายไปทำน้ำส้มคั้น น้ำองุ่น และพิงซู”หันไปหาอีกคน “ส่วนเธอจียอน ช่วยเก็บเงินโต๊ะห้า เสร็จแล้วก็เก็บของแล้วกลับไปรอต้อนรับลูกค้าเหมือนเดิม”
“อ้อ!คิบอม ถ้าเสร็จก็เข้ามาช่วยฉันทำงานหลังร้านนี่ด้วยนะ”
“อ้าว!ทำไมต้องเป็นผมล่ะ ทีจียอนยังไปยืนสวยรับลูกค้าเลย”เด็กหนุ่มทำหน้ามู่ทู้ไม่พอใจกับคำสั่งของเจ้านาย จนเธอต้องส่งยิ้มเย็นมาให้
“จะทำ หรือไม่ทำ^^”
“เอ่อ...ทำครับ ทำ”
“จียอนล่ะ มีปัญหาอะไรไหม”
“ไม่มีค่ะ งานแค่นี้สบายมาก โฮะๆๆๆ”ช่างเป็นเสียงหัวเราะที่จริงใจจริงๆ!
“น้องๆ นี่ น้องคนนั้นน่ะ”หลังจากนั้นไม่นานลูกค้าโต๊ะสองก็เรียกตัวจียอนไป ตอนแรกเธอนึกว่าคุณลูกค้าจะเก็บเงิน แต่พอได้พินิจดูของที่เหลืออยู่บนโต๊ะก็ต้องเกิดอาการสงสัย “มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ”
“พี่อยากคุยกับคุณยูริเจ้าของร้าน เรียกให้หน่อยสิ”เท่านี้จียอนก็ถึงบางอ้อ ไม่รู้ว่าเธอลืมไปได้ยังไงว่า พี่ยูริของเธอน่ะ เสน่ห์แรง ขนาดไหน
ไม่อยากจะเม้าท์หรอกนะ(แต่ก็จะเม้าท์) จำนวนลูกค้าทั้งหลายที่มาใช้บริการร้านนี้น่ะ เกือบครึ่งมาเพียงเพราะอยากจะทำความรู้จักกับเจ้าของร้าน
ควอน ยูริ คนที่ทั้งสวย ทั้งหล่อ ในคราวเดียวกัน อุปนิสัยเข้ากับคนง่าย ใจดี(ใจร้ายบ้างเป็นบางที โดยเฉพาะเวลาที่เธอกับคิบอมทำงานพลาด) อบอุ่น สุภาพ มีรอยยิ้มประดับหน้าตลอด ฐานะก็ดี จึงไม่แปลกที่จะเกิดเหตุการณ์ลูกค้าเรียกเด็กเสิร์ฟอย่างพวกเธอให้ไปเรียกยูริที่อยู่หลังร้านมาให้
“คงไม่ได้หรอกค่ะ พี่ยูริเขาเป็นแม่ครัว ต้องคอยทำอาหารอย่างเดียว ไม่สามารถปลีกเวลาออกมาในร้านได้หรอกค่ะ”และจียอนก็อธิบายด้วยประโยคนี้ตามที่ยูริสั่งไว้กับเหล่าลูกค้าประเภทนี้เป็นร้อยรอบ จนแทบจะกลายเป็นประโยคติดปากของเธอไปเสียแล้ว
อารมณ์เดียวกันกับพนักงานเซเว่นอีเลฟเว่นล่ะมั้ง ที่ต้องพูดประโยคซ้ำๆเดิมๆทุกวัน ‘ยินดีต้อนรับค่ะ...รับขนมจีบซาลาเปาเพิ่มไหมคะ’
เข้าใจความรู้สึกเลย ว่ามันโคตรน่าเบื่อ!
“ก็พวกฉันอยากเจอเขานี่! เรียกออกมาไม่ได้เหรอ”ลูกค้าสาวพวกนั้นเริ่มขึ้นเสียงกับเธอ
“พี่ยูริสั่งไว้ค่ะ ไม่ว่ายังไงก็ไม่ได้”จียอนย้ำ
“แล้วไงล่ะ พวกเธอไม่เคยได้ยินเหรอว่าลูกค้าคือพระเจ้าน่ะ”
“เพราะฉะนั้น พวกฉันสั่งอะไร พวกเธอก็ต้องทำตาม!”
“อ้อ..ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ ฉันจะไปเรียกมาให้ รอไปก่อนนะคะ”จียอนหน้าเสีย ไม่นึกว่าพวกหล่อนจะกล้าใช้ประโยคนี้กับเธอ “พี่ยูริคะ...แฟนคลับโต๊ะสองเขาอยากเจอตัวน่ะค่ะ ช่วยออกไปให้พวกเขายลโฉมหน่อยได้ไหมคะ!”ตะโกนเสียงดังก้องร้าน เอาสิ ถ้าแรงมาเธอก็กล้าแรงกลับเหมือนกัน
“หะ ห๊า? อะไรนะ..”
“ขโมยยยย ช่วยด้วย! ช่วยจับตัวหัวขโมยที!”เสียงห้าวๆของชายผู้โชคร้ายดังลั่นไปทั่วย่านเมียงดง เขาพยายามจะใช้ขาสั้นๆพาร่างอ้วนพุงพลุ้ยของตนวิ่งตามหัวขโมยตัวร้ายไป แต่ก็ไม่สามารถวิ่งได้ทันเพราะความคล่องตัวนั้นต่างกันลิบลับ
ท่ามกลางหมู่ฝูงชน คนรูปร่างผมย่อมเคลื่อนไหวได้ดีกว่าคนอ้วนเช่นเขาอยู่แล้ว
“เฮ้ย!คนมีตั้งเยอะตั้งแยะ ทำไมไม่ช่วยกันจับขโมยล่ะว้อยย”เขาตะโกนด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะสบถอย่างหงุดหงิดเมื่อพบว่าหัวขโมยได้พากระเป๋าเงินสดของเขาหายไปอย่างไม่มีร่องรอยแล้ว
ส่วนในอีกด้านหนึ่ง เมื่อพบว่าเป้าหมายของตัวเองหันหลังไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะกลับมาอีก เธอจึงค่อยๆแสดงตัวออกมาจากมุมมืด ดวงตาส่องประกายแพรวพราวยามได้มองจำนวนเงินสดหลายแสนวอนในกระเป๋าที่เพิ่งฉกมาเมื่อครู่
“หึหึหึ...กระจอกจริงๆเลยตาอ้วนคนนี้”เธอหยิบแบงค์เป็นฟ่อนๆนั่นออกมายัดใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนจะทิ้งกระเป๋าเปล่าๆพร้อมกับบัตรเครดิตทั้งหลายทั้งแหล่ที่เธอไม่สามารถเบิกได้ทิ้งลงถังขยะอย่างไม่ใยดี
“รีบกลับบ้านดีกว่า ป่านนี้ลูกค้าคงคอยเหงือกแห้งแล้วมั้ง”
หัวขโมยสาวเดินพาร่างผอมเพรียวของตนไปยังรถมอเตอร์ไซค์คู่ชีพที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมานาน ขับกลับที่ซุกหัวนอนเพื่อไปเตรียมการงานหลักๆของตนเสียที
อ๊ะๆ เห็นเธอฉกชิงวิ่งราวอย่างนี้ อย่าเพิ่งคิดว่าเธอเป็นหัวขโมยกระจอกๆที่ดีแต่ขโมยเงินคนอื่นไปวันๆนะ งานจริงๆของเธอน่ะ ง่ายกว่านี้ และได้เงินเยอะกว่านี้ด้วย
‘รับจ้างขโมยของทั่วราชอาณาจักร’ อาจจะฟังแล้วไม่เข้าใจ เอาเป็นว่ามันก็คล้ายๆกับการขโมยของทั่วๆไปนั่นแหละ
แค่เธอไปขโมยของตามที่ลูกค้าสั่ง เสร็จแล้วก็ได้รับค่าจ้างตามระดับความยากง่ายและมูลค่าของสิ่งของนั้นๆ
บางทีนะ ในหนึ่งวัน ก็ได้เงินเป็นสิบล้านวอนเลยล่ะ
ก็แน่ล่ะ...เธอน่ะมีประสบการณ์ด้านนี้มาอย่างโชกโชน นอกจากจะขโมยของมาได้ดีโยไร้ตำหนิใดๆแล้ว เธอยังเคยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆไว้ให้ผู้เสียหายตามสืบได้เด็ดขาด จึงเป็นที่ไว้วางใจของพวกผู้มีอิทธิพลมืดมาติดต่อใช้งานเธอบ่อยๆ และก็ไม่ต้องเป็นห่วงด้วยนะว่าเธอจะโดนตำรวจจับโดยการปลอมตัวเป็นลูกค้า...ไม่มีใครเคยเห็นหน้าเธอ เธอรับงานทางอีเมลเท่านั้น ฉะนั้นก่อนจะเอ่ยรับงานเธอจึงสามารถแฮ็คเครื่องเพื่อตรวจสอบข้อมูลของอีกฝ่ายได้
“อ้าว!ยุนอา ไปไหนมาล่ะนั่น กลับซะมืดเชียวนะ”คุณป้าใจดีที่ขายของชำอยู่แถวๆบ้านเธอเอ่ยทักอย่างเอ็นดู เนื่องจากรู้จักและสนิทสนมกันมาหลายปี
“ออกไปทำงานพิเศษน่ะค่ะ ดูสิ”ทุบกระเป๋าสามที “ได้เงินมาเพียบเลย...”
“งั้นฉันยืนรออยู่หน้าร้านเนี่ยแหละ ไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจเลย”
“จะบ้าเหรอฟานี่ ยืนคนเดียวได้ไงเหงาตายเลย มาช่วยฉันเลือกซีรีส์สนุกๆดีกว่าน่า”หญิงสาวว่า พลางลากตัวเพื่อนสาวคนสนิทที่ตัวเองเรียกว่า ‘ฟานี่’ เข้ามาในร้านขายซีดีและดีวีดีขนาดใหญ่กลางห้างดัง
“ก็ฉันไม่ชอบดูซีรีส์นี่นา จะไปรู้ได้ยังไงล่ะว่าเรื่องไหนสนุก เรื่องไหนไม่สนุก”ฟานี่ หรือทิฟฟานี่เอ่ยเสียงแข็งใส่เพื่อน ไม่เข้าใจเลยว่าเพื่อนของเธอไปติดของไร้สาระพรรค์นี้ได้ยังไง
“ถ้าเธอไม่เคยลอง เธอจะรู้ได้ยังไงว่ามันไม่ดี”
“ของแบบนี้ มองตาเปล่าก็รู้แล้วล่ะย่ะ อะไรนักล่ะเนี่ย...สะดุดรักคุณชายกำมะลอ รักอลวนของยัยแสนซนกับนายเจ้าเล่ห์ คุณชายขี้เก็กกับยัยตัวเล็กจอมดื้อ สะดุดรักที่พักใจยัยกะล่อน โอ๊ยย!ดูแต่ละชื่อสิ กลิ่นน้ำเน่ามาแต่ไกล”ไล่วิจารณ์ชื่อซีรีส์ติดอันดับขายดีเสียงดัง จนเจ้าของร้านหันมามองตาเขียว หากแต่เจ้าตัวยังทำเหมือนไม่สนใจอะไร
“เมื่อไรแกจะเลิกดูของไร้สาระพรรค์นี้ซะทีนะนิโคล”
“คนไม่เคยมีความรักอย่างแกน่ะ ไม่เข้าใจฉันหรอกฟานี่”นิโคลยังเลือกซีรีส์ต่อ “การที่เราได้ลุ้นว่าเรื่องราวมันจะเป็นยังไงต่อไปน่ะ สนุกดีจะตาย ไหนจะฉากน่ารักๆของพระเอกนางเอก บางเรื่องฉันดูทุกวันยังไม่เบื่อเลย”
“ถึงยังไงก็เถอะ..แกก็ไม่ควรจะติดมากถึงขนาดนี้นะ ถ้าวันนึงแกขาดมันไม่ได้ขึ้นมา แกก็กลายเป็นพวกโรคจิตที่วันๆเอาแต่ดูซีรีส์พวกนี้น่ะสิ”
“แกปากเสียมากเลยนะรู้ตัวไหม...ของแบบนี้ฉันรู้ตัวย่ะ ว่าควรจะควบคุมยังไง อย่างน้อยๆฉันก็ไม่ได้กินข้าวไปด้วยดูไปด้วยละกัน”
“ระวังเถอะ เดี๋ยวจะเป็นเหมือนพวกแฟนคลับที่วันๆเอาแต่บ้านักร้อง โอป้าซารางเฮ ออนนี่ซารางเฮ ฮ่ะๆๆฉันดูแล้วยังนึกขำเลย ไม่รู้ว่าชอบกันเข้าไปได้ไง แถมยังยอมเสียเงินเพื่อซื้ออัลบั้มแพงๆพวกนี้”
“ฉันชักอยากจะเอาคีมมาง้างเอาหมาออกจากปากแกจริงๆฟานี่...อย่าไปพูดแบบนี้ให้คนพวกนั้นฟังเชียวนะ เดี๋ยวแกได้โดนตบตาย”
“ก็มันจริงนี่ ฉันล่ะเบื่อ...”
“หยุดพูด แล้วฟังฉันนะทิฟฟานี่ การที่คนพวกนั้นเขาเลือกจะรักจะชอบอะไรมันเป็นสิทธิ์ของพวกเขา เราไปห้ามไม่ได้ และที่เขายอมเสียเงินเพราะต้องการแสดงตัวให้ศิลปินของตัวเองรู้ว่ายังมีคนที่คอยสนับสนุนอยู่ หรืออาจจะเป็นเพราะอยากเก็บสะสมผลงานของศิลปินนั้นๆไว้ ซึ่งฉันไม่เห็นว่าเป็นเรื่องผิด”นิโคลพูดด้วยประโยคที่ยาวที่สุดนับตั้งแต่เกิดมา เธอสูดลมหายใจเข้าปอดอีกฟอดใหญ่และพูดต่อ “เรื่องความรักพวกเขาเลือกไม่ได้นี่ ไม่งั้นเขาก็คงเลือกที่จะไม่รักไปแล้วจริงไหม...แต่ในเมื่อมันรักไปแล้วจะถอนตัวคงไม่ได้ ก็ต้องทำในสิ่งที่ตัวเองพอจะทำได้ พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะได้ใกล้ชิด ขอแค่เจอหน้า และทำให้ศิลปินที่รักมีความสุขก็พอ”
“ในตอนนี้แกอาจจะยังไม่เข้าใจนะฟานี่ แต่เชื่อฉันเถอะว่าซักวัน เมื่อแกมีความรักเหมือนชาวบ้านเขาขึ้นมา แกจะรู้ซึ้งถึงประโยคที่ฉันพูดเลยล่ะ”
“ฉันไม่ยุ่งกับแกแล้วนิโคล เชิญเลือกให้ตามสบายเลย ฉันจะไปยืนรอข้างนอก”ทิฟฟานี่สะบัดหน้าพรืดเดินออกไปงอนๆ เธอพูดเล่นๆแค่นี้ ทำไมนิโคลจะต้องทำเป็นจริงเป็นจังไปได้
แต่ทว่า..เดินไปไม่ทันจะออกนอกร้านสายตาของเธอก็ดันไปเจออะไรดีๆเข้าซะก่อน
โทรทัศน์เครื่องใหญ่ภายในร้านกำลังเปิดมิวสิควีดีโอของศิลปินกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นวงดนตรี ประกอบไปด้วยสมาชิกสาวๆหน้าตาดีทั้ง 5 คนที่กำลังกระโดดโลดเต้นสร้างสีสันให้กับมิวสิควีดีโอของพวกเขาซึ่งแต่ละคนก็ดูมีเสน่ห์ในแบบที่แตกต่างกันออกไป แต่เธอคงไม่มีเวลามาพิจารณาเสน่ห์ที่ว่าของเขาแต่ละคนได้
เพราะตอนนี้สติของเธอกำลังจดจ่ออยู่กับนักร้องนำหน้าใสที่ฉีกยิ้มชวนละลายมาให้!
และเธอคงจะยืนนิ่งเช่นนี้ต่อไปอีกนานถ้านิโคลไม่เดินมาสะกิด “เฮ้ ยัยฟานี่ เป็นอะไรไปน่ะ”
“นะ..นิโคล แก...ฉันจะทำยังไงดี”อยากจะพูด แต่เสียงมันดันไม่ออกมาให้ ราวกับว่าเป็นคนติดอ่าง “นิโคล..ฉัน”
“ว่าไง นี่แกเป็นอะไร ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”
“ฉันว่า...ฉันกำลังมีความรักแล้วล่ะ”พอดีกันกับที่มิวสิควีดีโอเล่นจบ ทันใดนั้นมุมล่างซ้ายของภาพในจอก็ปรากฏตัวอักษรเล็กๆขึ้นมา
‘ศิลปิน Chocolate’
จบกันไปแล้วสำหรับอินโทร เป็นยังไงบ้างคะ><
อาจจะสั้นไปนิด ค้างไปหน่อย ก็ต้องเข้าใจล่ะนะว่ามันคืออินโทร5555
คงสื่อรายละเอียดของตัวละครได้ไม่หมด แต่อย่าไปใส่ใจรายละเอียดนักเลยค่ะ
ถ้าจริงจังกับมันมากๆ เดี๋ยวจะเครียด เส้นเลือดในสมองแตกตายกันพอดี(เวอร์)
ถึงตรงนี้ก็ขอชี้แจงหน่อยละกันค่ะ ว่าเรื่องนี้เป็นแฟนฟิคสบายๆ เรื่อยๆ เพราะเราแต่งดราม่าไม่เป็น
ดำเนินเรื่องโดยมีทิฟฟานี่เป็นหลัก!
ความคิดเห็น