คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5 :: Do You Mind? [Loading 100%]
'ขอแสดงความเสียใจด้วยนะเซฮุน ท่าทางงานนี้มึงคงชวดเงินสิบล้านวอนของจริงว่ะ...'
'เพราะกูต้องหมั้นกับเยริเดือนหน้าแล้ว'
"สงบสติตัวเองหน่อยโอเซฮุน" ซูจองเอ่ยปรามเพื่อนสนิทของเธออีกครั้งเมื่อเห็นว่าเขายังคงไม่มีสมาธิในการเรียน ทั้งท่าทางยุกยิกคล้ายคนอยู่ไม่สุขผสมด้วยอาการถอนหายใจติดกันเกินสิบรอบ แถมหน้าตายังซีดเซียวเหมือนพักผ่อนไม่เต็มที่ "ขืนนายยังเป็นอย่างนี้รับรองได้โดนอาจารย์ชเวเชิญออกนอกห้องแน่"
"ฉันมีสติอยู่แล้วซูจอง" ถึงจะตอบแบบนั้นแต่คนปากแข็งก็รู้ดีว่าสติของตัวเองล่องลอยไปไกลมากแค่ไหน คำพูดของศาสตราจารย์เกี่ยวกับบทเรียนไม่สามารถทะลุเข้าสู่สมองส่วนใดของชายหนุ่มได้เลย เพราะสิ่งเดียวที่เซฮุนคิดถึงคือคำพูดประโยคสั้นๆ ของใครบางคนซึ่งวนเวียนติดค้างอยู่ในหัวตลอดทั้งคืน
มันวนเวียนอยู่อย่างนั้นซะจนเขาข่มตานอนไม่ลง ... และเรื่องที่ตลกที่สุดคือจนป่านนี้เซฮุนยังได้ยินเสียงของจงอินชัดเจนราวกับเราสองคนเพิ่งพูดถึงเรื่องหมั้นของมันไป
"ต่อให้นายโกหกคนอื่นเก่งแค่ไหน แต่นายโกหกตัวเองไม่ได้หรอก"
ใช่ โอเซฮุนโกหกตัวเองไม่ได้...
เขายอมรับอย่างไม่อายว่ารู้สึกวูบโหวงในอกเหมือนถูกพรากของสำคัญตอนเปิดประตูออกมานอกห้องนอนแล้วพบแผ่นหลังกว้างของคนคุ้นเคยกำลังเดินห่างออกไปเรื่อยๆ ... จงอินกำลังไปหาเด็กผู้หญิงคนนั้น ไปเพื่อแสดงให้เธอมั่นใจว่าทั้งคู่จะเข้าพิธีหมั้นหมายภายในหนึ่งเดือนข้างหน้า
"ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อยยัยลูกลิง"
"นายทนไม่ไหวแล้วต่างหากเพื่อน" มือเรียวสวยฉุดต้นแขนของผู้ชายร่างโปร่งให้ลุกขึ้นยืนก่อนจะก้มหัวต่อหน้าอาจารย์ชเวซึ่งเธอเรียกจนติดปากเป็นเชิงขออนุญาตออกนอกห้องชั่วคราว พอเห็นว่าฝ่ายนั้นไม่ว่าอะไรจึงลากตัวเพื่อนสนิทมาถึงม้านั่งบริเวณสวนสาธารณะใกล้ๆ "เอาล่ะ ไหนบอกมาสิว่านายมีเรื่องไม่สบายใจอยู่ใช่ไหม"
"ไม่ใช่" เอ่ยปฏิเสธพร้อมทรุดตัวลงนั่ง เซฮุนสูดลมหายใจลึกสุดปอดเพราะหวังว่ากลิ่นอายธรรมชาติจะช่วยบรรเทาความมัวหมองที่เกิดขึ้นอย่างไร้สาเหตุได้ ทว่าประโยคเสียดแทงจิตใจจากปากเพื่อนที่คบกันมาหลายปีก็ทำเอาเขาไปต่อไม่ถูก
"ถ้าไม่ได้มีเรื่องไม่สบายใจแล้วน้ำตาที่คลอเบ้าอยู่คือ?" ซูจองรู้จักเซฮุนดีที่สุด เธอรู้ว่าเขาเป็นผู้ชายอ่อนแอที่พยายามสร้างกำแพงเพื่อปกป้องตัวเองจากความเจ็บปวด จนทำให้บางครั้งดูแข็งกระด้างเกินความจำเป็น "รู้ไหมเซฮุน ขนาดคนที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลกยังเคยร้องไห้..."
"..."
"มนุษย์กับปัญหาเป็นของคู่กัน..."
"..."
"นายสามารถไม่พอใจ ร้องไห้ โวยวาย หรือแม้กระทั่งวิ่งหนีปัญหาไปเลยก็ได้..."
"..."
"แต่สิ่งที่นายไม่ควรทำอย่างเด็ดขาดคือแบกความทุกข์ไว้คนเดียว..."
"..."
"เพราะนายยังมีฉันเป็นเพื่อน ฉันยืนอยู่ตรงนี้ไงเซฮุน..."
"..."
"ถ้านายมีเรื่องไม่สบายใจก็แค่ระบายให้ฉันฟัง และถ้าปัญหามันหนักหนานักก็ร้องไห้ออกมาเลย ร้องไห้ให้ดังจนไซเรนรถตำรวจอายก็ยังได้"
ตลอดเวลาที่รู้จักกันมาเซฮุนมองซูจองด้วยความชื่นชมเสมอ สำหรับเด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่สูญเสียทั้งพ่อและแม่ด้วยอุบัติเหตุ ซ้ำร้ายยังถูกพี่สาวทอดทิ้งให้ใช้ชีวิตคนเดียว แต่เธอก็ยังรอดมาได้และยืนหยัดอย่างสง่างามไร้มลทิน
เขาโชคดีจริงๆ ที่มีโอกาสได้เป็นเพื่อนกับเธอ
"เกลียดเธอจริงๆ ยัยลูกลิงเอ๊ย!"
"เกลียดฉันเหรอ? ถ้าเกลียดมากนักก็เอาความทุกข์ของนายทุ่มใส่ฉันนี่! เอาให้สาสมเลยนะ!"
"แน่ใจว่าเธอรับไหว?" คราวนี้เซฮุนเริ่มเข้าสู่โหมดจริงจัง เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าแม่สาวเก่งที่ต้องการแบ่งเบาความไม่สบายใจของคนอื่นจะช่วยให้คำปรึกษาได้ดีขนาดไหนเชียว
"You bet!"
"จงอินกำลังจะหมั้น..."
ประโยคหยุดโลกของแท้เป็นอย่างนี้เองสินะ
หญิงสาวรูปร่างหน้าตาสมบูรณ์แบบกระพริบตาถี่ๆ เพื่อเรียกสติตัวเองกลับมาหลังมันบินหายไปภายในชั่ววินาที เซฮุนกำลังบอกเธอว่าคิมจงอินคือสาเหตุแห่งรอยน้ำตาและสภาพคล้ายผีดิบอดนอนของเจ้าตัวน่ะเหรอ บ้าน่า!
"นายเสียใจ? หรือแค่เสียดายเงินสิบล้านวอนที่เป็นค่าจ้างอย่างที่นายเคยเล่าให้ฉันฟัง"
เซฮุนส่ายหน้าแทนคำตอบ เขาไม่กล้าพอที่จะบอกซูจองตรงๆ ว่าเขากำลังเสียใจและเจ็บปวดเพียงเพราะจินตนาการถึงภาพสองคนนั้นเดินเคียงคู่กัน แค่คิดว่าจงอินกับเยริเหมาะสมกันทุกอย่างยังทรมานมากขนาดนี้ แล้วถ้าวันนั้นมาถึงจริงๆ เขาจะทำยังไง
อาจเพราะการศึกษาหรืออะไรสักอย่างที่ทำให้ชายหนุ่มยึดติดว่าตนเกิดมาเพื่อคู่กับผู้หญิงเท่านั้น เซฮุนเป็นคนฉลาดที่พยายามจะโง่ด้วยการปิดหูปิดตาตัวเอง พยายามที่จะไม่รับรู้หรือยอมรับว่ารูมเมทผิวสีแทนมีผลต่อความรู้สึกมากมายเหลือเกิน
ไม่ใช่ไม่รู้... ตรงกันข้ามคือเขารู้ทุกอย่าง
รอยยิ้มของจงอิน เสียงหัวเราะของจงอิน ท่าทางของจงอิน นิสัยของจงอิน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นผู้ชายคนนั้นล้วนแล้วแต่ดึงดูดให้เขาติดอยู่ในเขาวงกตที่หาทางออกไม่เจอง่ายๆ
เพราะฉะนั้นเซฮุนจึงต้องตอบโต้ด้วยการตีตัวออกห่าง!
จากที่เคยเจอหน้าทุกวันก็กลายเป็นนานๆ ครั้ง จากที่เคยพูดคุยด้วยก็แปรเปลี่ยนเป็นคำด่าทอที่เอาแต่ทำร้ายจิตใจอีกฝ่าย แล้วสุดท้ายระยะห่างระหว่างเราสองคนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างน่าตกใจ
กำแพงที่คิดว่าแข็งแรงพอจะต้านทานกลับพังทลายไม่เหลือชิ้นดีเมื่อจงอินตกลงปลงใจจะหมั้นกับเด็กผู้หญิงที่ชื่อเยริตามความเห็นของครอบครัวทั้งที่เคยคัดค้านหัวชนฝามาตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่เซฮุนนึกเกลียดความโลเลของไอ้มนุษย์ขี้กวนเพราะมันทำเอาเขาเสียศูนย์
เขาควรทำอย่างไรต่อไปดี...
"พี่จะรีบแก้ขนาดช่วงเอวให้ใหม่ ยังไงอีกสามวันรบกวนน้องเยริแวะเข้ามาลองสวมชุดที่ร้านหน่อยนะคะ" น้ำเสียงละมุนจากเจ้าของเวดดิ้งสตูดิโอชื่อดังเรียกรอยยิ้มสดใสของเด็กสาว เธอพยักหน้าและโค้งหัวทำความเคารพตามมารยาทที่ถูกปลูกฝังอย่างเคร่งครัดก่อนจะขอตัวตามว่าที่คู่หมั้นหนุ่มซึ่งเดินหนีทันทีหลังภารกิจของตัวเองเสร็จสิ้น
"พี่จงอินรอเยริด้วยสิคะ!" เสียงหวานตะโกนเรียกชายหนุ่มผิวสีแทนที่เร่งฝีเท้าอย่างรวดเร็ว "เยริบอกว่าให้รอก่อนไม่ได้ยินหรือไง!"
จงอินถึงกับหยุดชะงักปลายเท้าทันทีที่ได้ยินเสียงตะคอกของว่าที่คู่หมั้น เขาแค่นหัวเราะกับตัวเองอยู่สักพักแล้วจึงหันหน้ากลับไปหาเธอ ไม่บ่อยนักหรอกที่สุภาพบุรุษอย่างลูกชายท่านอัยการจะชิงชังใครถึงขั้นยิ้มเหยียดหยามใส่ แต่สำหรับผู้หญิงคนนี้เขาคิดว่าเธอสมควรได้รับมัน
"ทำไมพี่ต้องรอ?" ยังไงซะเราสองคนก็ต่างคนต่างมา ดังนั้นถ้าจะต่างคนต่างกลับก็ไม่เห็นแปลกตรงไหน
"เพราะมันเป็นหน้าที่ของพี่ค่ะ" เด็กสาววัยมัธยมปลายตอบเสียงเย็น "หน้าที่ของคู่หมั้นที่ดีคือต้องดูแลกันและกันบ้าง อย่างเช่นตอนนี้ที่พี่ไม่ควรปล่อยให้เยริกลับบ้านเอง"
"เธอรู้อยู่แก่ใจว่าพี่ไม่ต้องการหมั้น!"
ให้ตายสิ! ทั้งที่จงอินมีจุดยืนที่ชัดเจนมาเสมอว่าคิดกับเยริเพียงน้องสาวและให้ความเอ็นดูเธอเป็นอย่างดี แล้วดูสิ่งที่เธอตอบแทนเขา! มันไม่ต่างอะไรจากการถอดรองเท้าฟาดหน้าเลยด้วยซ้ำ! แค่เรื่องไร้สาระเมื่อวานกลับทำให้เธอโทรไปร้องไห้ใหญ่โตกับแม่เขาจนงานหมั้นบ้าบอถูกเลื่อนเข้ามาอีก
ทั้งที่เขาอุตส่าห์บอกเธอไปตั้งหลายรอบเรื่องคนรัก ... ทว่าเยริกลับไม่นำพาสิ่งนั้นใส่สมองเลย ความดื้อดึงและนิสัยเอาแต่ใจตัวเองของเธอนั่นแหละที่ส่งผลให้คนรอบข้างต่างส่ายหัวเพราะเอือมระอา
"ถ้าอย่างนั้นก็ไปบอกครอบครัวของพี่สิคะ! ไปบอกกับพ่อแม่ของพี่ซะว่าต้องการยกเลิกงานหมั้นระหว่างเรา บอกให้หมดว่าพี่มีคนรักเป็นเพศเดียวกันและรังเกียจเยริมากขนาดนี้..."
"..."
"เลิกขี้ขลาดมุดหัวอยู่ในกระดองแล้วทำตัวให้สมกับที่เกิดมาเป็นผู้ชายหน่อย! รสนิยมทางเพศที่ผิดจากคนทั่วไปมันไม่ได้หมายความว่าพี่จะสามารถไร้ความรับผิดชอบด้วยการโยนหน้าที่ปฏิเสธทุกอย่างมาให้เด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะได้!..."
"..."
"แต่ถ้าพี่จงอินไม่มีความกล้ามากพอก็ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมต่อไปเถอะค่ะ!"
"..."
"อ้อ! ไอ้วิธีกินเหล้าย้อมใจมันมีไว้ใช้สำหรับคนขี้แพ้เท่านั้นนะคะ คนที่เขาได้กลิ่นก็รังแต่จะสมเพชมากกว่าสงสาร คราวหน้าถ้าช่วยล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาดก่อนมาเจอกันจะขอบคุณมากค่ะ"
"..."
"ขอโทษที่เผลอเสียมารยาทนะคะพี่จงอิน..." พอกล่าวจบเด็กสาวผมยาวในชุดเดรสเนื้อดีก็โค้งตัวจนหัวแทบชิดเข่าก่อนจะเดินจากไปโดยไม่สนใจใยดีคนทางนี้อีกเลย
บ้าไปแล้วคิมจงอิน... นี่นายสิ้นคิดถึงขั้นต้องให้เด็กมัธยมปลายสั่งสอนเลยหรือไง...
คนเราจะอับอายได้มากที่สุดแค่ไหน?
จงอินเฝ้าถามตัวเองหลายชั่วโมงว่าตัวเขากำลังทำอะไรอยู่ เขากำลังทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้วใช่ไหม และคำตอบที่ได้คือไม่... ไม่ใช่เลย
ความจริงคือเขาพลาดตั้งแต่เลือกใช้วิธีกดดันเยริจนทำให้เธอเก็บทุกสิ่งไปคิดมากกระทั่งระเบิดออกมาในวันที่สภาวะอารมณ์ไม่มั่นคง เด็กผู้หญิงคนนั้นไม่มีความผิดสักนิด เธอก็แค่ทำตามคำสั่งของครอบครัวแล้วยังต้องมาเจอกับผู้ชายแย่ๆ ที่ผลักภาระให้พ้นตัวอย่างเขา
แต่ถ้าจะให้จงอินบอกครอบครัวตามตรงเขาก็ทำไม่ได้เหมือนกัน
มนุษย์ทุกคนล้วนแล้วแต่มีด้านมืดหรือจุดบอดของตัวเองทั้งสิ้น และจงอินคือหนึ่งในนั้น เพราะเขาเห็นแก่ตัวอย่างไม่น่าให้อภัยเลยทีเดียว
ย้อนเวลากลับไปประมาณสามปีก่อนที่ชายหนุ่มได้มีโอกาสย้ายเข้าหอพักครั้งแรกหลังถูกขังไว้ใต้กรอบของแม่มาตลอดชีวิต ทั้งที่ระยะทางไปกลับบ้านและมหาวิทยาลัยนั้นใกล้นิดเดียว แต่จงอินก็เลือกที่จะโบยบินเข้าสู่อิสระซึ่งเจ้าตัวปรารถนา
ทว่าสิ่งที่ทำให้เขามีความสุขที่สุดคือโอเซฮุน รูมเมทผิวขาวผ่องที่เล่นตลกกับหัวใจอย่างร้ายกาจตั้งแต่วันแรกที่เจอหน้ากัน
จงอินกล้าสาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายว่าเขาไม่ใช่เกย์และยังชอบผู้หญิงหุ่นเอ็กซ์เซ็กส์แตกตามธรรมชาติของผู้ชาย แต่สงสัยเซฮุนคงเป็นข้อยกเว้นของกฎเกณฑ์ทุกอย่างบนโลกใบนี้ล่ะมั้ง
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด...
เสียงกดรหัสตามด้วยเสียงเปิดประตูเรียกสติชายหนุ่มกลับสู่ปัจจุบันอีกครั้ง ร่างโปร่งของคนที่เพิ่งคิดถึงหมาดๆ เดินสะโหลสะเหลคล้ายคนหมดแรงพลางโยนกระเป๋าสะพายลงบนโต๊ะหน้าโซฟาก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งอย่างไม่กลัวเจ็บ
"ไง ว่าที่คู่หมั้นมึงสวยมากไหมเวลาใส่ชุดเต็มยศน่ะ"
จงอินไม่อยากจะเชื่อว่าเขาต้องทำร้ายจิตใจเยริเพื่อคนซื่อบื้อแบบเซฮุน ไม่รู้เพราะเขายังเป็นคนเปิดเผยไม่พอหรือไอ้ตัวขาวมันแกล้งโง่กันแน่ถึงได้ไม่ยอมรู้เรื่องสักทีว่าที่ลงทุนทำตัวเลวอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อมันล้วนๆ
ทั้งอ้อนวอน ทั้งขู่เข็ญ จนสุดท้ายต้องงัดไม้ตายเอาเงินสิบล้านวอนมาหลอกล่อกว่าไอ้รูมเมทที่รักจะยอมเปิดเผยตัวในฐานะแฟนของเขา
เออ! คิมจงอินแม่งประสาทแดกตั้งแต่ไปหลงชอบผู้ชายที่ชื่อโอเซฮุนแล้ว!
"ไม่ต้องสนใจเรื่องของว่าที่คู่หมั้นกูหรอก!"
ชายหนุ่มผิวแทนผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาไม่อยากคุยกับเซฮุนตอนที่หัวเสียขั้นหนัก อย่างน้อยที่สุดก็ต้องเป็นช่วงที่เขาอารมณ์ผ่อนคลายกว่านี้ แต่แล้วแรงยื้อตรงข้อมือบวกกับน้ำเสียงแหบพร่าก็ส่งผลให้หัวใจชายหนุ่มอ่อนยวบไม่ต่างจากขี้ผึ้งลนไฟ
"มึงจะหมั้นกับ 'คนอื่น' จริงๆ เหรอจงอิน"
บ้าเอ๊ย! ทำหน้าทำตาอย่างนั้นอยากโดนจับฟัดนักหรือไงวะ?!
"เยริไม่ใช่คนอื่น เธอเป็นลูกสาวของครอบครัวที่แม่กูรู้จัก"
เซฮุนปล่อยพันธนาการออกจากข้อมือหนาทันทีที่ได้ยินคำตอบซึ่งมีฤทธิ์เสมือนเข็มแหลมพันเล่ม เขาก้มหน้ามองพื้นห้องพลางทบทวนสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในรอบสัปดาห์ที่พ้นผ่าน
ความรู้สึกของคนเราที่เก็บซ่อนไว้เนิ่นนาน ทำไมถึงเพิ่งมาถูกปลุกเอาตอนนี้นะ ถ้าเลือกได้ชายหนุ่มขอกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมซะดีกว่า
กลับไปเป็นเซฮุนที่เกลียดขี้หน้าจงอินน่ะ
"กูอยากดื่มน้ำมะเขือเทศปั่น มึงจะเอาด้วยไหม" ร่างโปร่งผละลุกขึ้นแล้วตรงดิ่งไปยังตู้เย็นขนาดกลางที่ตั้งอยู่ด้านซ้ายของครัวซึ่งนานทีปีหนจะมีคนใช้งาน ค้นหาถุงมะเขือเทศสดอยู่สักพักจึงนำออกมาล้างทำความสะอาดก่อนเตรียมอุปกรณ์อื่นๆ
"เอาสิ ดื่มน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพบ้างก็ดีเหมือนกัน" จงอินมองแผ่นหลังบางผ่านเสื้อเชิ้ตสีอ่อนก่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จะผุดขึ้นที่มุมปาก "วันนี้เยริน่ารักมากเลยว่ะ"
ปึ้ก!
วัตถุให้ความคมกระแทกลงกลางแผ่นเขียงไม้ด้วยความรุนแรง หลายครั้งหลายคราที่เซฮุนพยายามบังคับมือให้หยุดสั่น แต่ท้ายที่สุดมันก็ไร้ความหมายโดยสิ้นเชิงเพราะใครบางคนที่ยังไม่ยอมหยุดพล่ามเรื่องที่ฟังแล้วแสลงหูสำหรับเขา
"อย่างน้องเยริเนี่ยนะน่ารัก?"
"เออสิ ดูไปดูมาน้องเขาน่ารักจริงๆ" จากยิ้มเจ้าเล่ห์กลายเป็นรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม "หรือมึงไม่คิดแบบเดียวกับกู"
เสร็จแน่โอเซฮุน! เก็บความรู้สึกไม่เก่งเหมือนเคย...
ถึงสามปีที่ผ่านมาเซฮุนจะแกล้งโง่ไม่ยอมรับรู้ความรู้สึกที่เขามีให้แต่มันกลับแสดงปฏิกิริยาคล้ายเด็กอนุบาลหวงของเล่นทุกครั้งที่เขามีทีท่าสนใจเพศตรงข้าม กรณีหนักสุดที่จำได้คือเมื่อช่วงต้นปีที่เขาแอบหนีเที่ยวผับโดยไม่บอกมันก่อน พอกลับมาถึงห้องก็เจอซากกระเป๋ากับเสื้อผ้ากองระเกะระกะเต็มไปหมด
เซฮุนแบกข้าวของเขาออกมาทิ้งแล้วอ้างว่าไม่อยากอยู่รวมกับคนติดเหล้าทั้งที่ตัวเองดื่มหนักกว่าเขาซะอีก! ลำบากต้องง้ออยู่หลายชั่วโมงกว่าจะได้แบกสารร่างพังๆ เข้าไปนอนแก้อาการแฮงค์ข้ามคืน
เหตุการณ์นั้นสอนให้จงอินจำฝังหัวว่ารูมเมทตัวขาวเป็นคนประเภทรักแรงหึงแรง! และห้ามทำให้หึงเด็ดขาดถ้ายังอยากมีชีวิตรอด...
"ในสายตากูหน้าตาแบบน้องเยริหาได้เกลื่อนแถวเมียงดง" ริมฝีปากสีสดขมุบขมิบพูดเสียงเบา "บล็อกนี้โรงพยาบาลศัลยกรรมกำลังฮิตไม่รู้หรือไง คงเป็นลูกค้าประจำเลยล่ะสิ"
"อคติหน่า..." จงอินแกล้งทำตัวเป็นชายหนุ่มโลกสวยประหนึ่งกำลังวิ่งเล่นอยู่ในทุ่งดอกลาเวนเดอร์ "น้องเขาอาจจะเป็นคนหน้าโหลก็ได้"
"เหอะ! หน้าโหลเพราะมีดหมอร้อยเปอร์เซ็นต์!"
"..."
"โครงหน้าเรียวผิดปกติทั้งที่ตัวบวมเกินน้ำหนักมาตรฐาน..."
"..."
"ตาสองชั้นนั่นก็ดูออกว่าไม่ใช่ของธรรมชาติ..."
"..."
"จมูกโด่งปลายเชิดรั้นตามพิมพ์นิยม..."
"..."
"ริมฝีปากบวมตุ่ยสงสัยคงยังไม่ค่อยเข้าที่..."
"..."
"พอดูรวมๆ แล้ว... พลาสติก!"
จงอินแทบกลั้นขำไม่อยู่ตอนฟังเซฮุนร่ายยาวต่อว่าเด็กสาววัยมัธยมปลายแบบเกินจริงหลายเท่าตัวเพราะแรงโทสะ ท่อนขายาวก้าวช้าๆ หวังเข้าประชิดตัว ทว่าคนไวต่อสิ่งเร้ากลับหันขวับมาเขวี้ยงค้อนวงโตใส่เต็มหน้า
"กูไม่มีอารมณ์ทำให้มึงกินแล้วจงอิน ไสหัวไปให้พ้นสายตาด้วย!" คนตัวขาวหยิบถ้วยใบเล็กจากตู้เก็บของเพื่อใส่มะเขือเทศหั่นซีก
"มึงว่าถ้ากูมีลูกกับเยริ ลูกกูจะหน้าเหมือนคะ..."
เปรี้ยง!
"มาถามกูทำบ้าอะไร?! ไปถามเมียที่อุ้มท้องลูกมึงนู่นไอ้ห่า!" เซฮุนปาสิ่งของในมืออัดกำแพงห้องครัวด้วยความลืมตัว เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นลูบใบหน้าแดงจัดเพื่อระงับอารมณ์ นึกถึงคำที่แม่พร่ำสอนว่าเกิดเป็นลูกผู้ชายต้องเข้มแข็งและอย่าเสียน้ำตาง่ายๆ แล้วก็ได้แต่สะท้อนใจ
ความรู้สึกที่คับแน่นในอกมันผลักดันเอาหยดของเหลวให้ไหลทะลักจนล้นออกมานอกดวงตาเรียวรี เขาไม่อยากเป็นคนอ่อนแอ แต่เปลือกความเข้มแข็งที่สร้างไว้หลอกตัวเองและคนอื่นไม่ถาวรคงทนสักเท่าไหร่
"ขี้แยจังวะ" ความอบอุ่นจากอ้อมแขนสีแทนและน้ำเสียงทุ้มข้างหูเล่นเอาร่างโปรงแข็งทื่อเหมือนหุ่นขี้ผึ้งในพิพิธภัณฑ์ หัวใจเจ้ากรรมเต้นแรงและดังจนน่ากลัวว่าจะกระเด็นหลุด ที่น่าโมโหคือร่างกายไม่รักดีก็รู้สึกสะบัดร้อนสะบัดหนาวราวกับถูกพิษไข้ป่ารุมเร้า
ทว่าทุกอาการที่เกิดขึ้นเมื่อครู่มันเทียบไม่ได้เลยกับสัมผัสอันตรายที่หลังต้นคอขาวผ่อง
เซฮุนเป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบสองปี เขาไม่ใช่เด็กไร้เดียงสาที่จะงุนงงกับการที่อีกฝ่ายใช้ริมฝีปากลากผ่านบริเวณผิวเนื้ออ่อนนุ่มแล้วจงใจสัมผัสให้ลึกซึ้งกว่าเดิมด้วยปลายลิ้นเปียกชื้น ยิ่งถูกฟันคมกัดเบาๆ ถี่ๆ บางสิ่งบางอย่างที่เคยซุกซ่อนไว้ก็โผล่พรวดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ขอโทษทีนะเยริ พี่เคยบอกเธอรึยังว่าความเห็นแก่ตัวเป็นเรื่องไม่เข้าใครออกใครพอๆ กับเรื่องเงินนั่นแหละ
Loading 100%
ขอกำลังใจหน่อยจิ ><
เราจะขอทยอยอัพตอนนี้ให้ครบ 100% แล้วพักสักหน่อยนะคะ ทั้งสงครามมิดเทอมที่เหลือวิชา โภชนาการ จิตวิทยาฯ เจเนอรัลไซน์ บวกกับสภาพจิตใจที่ไม่โอเคจริงๆ หวังว่าทุกคนจะเข้าใจแล้วเข้มแข็งไปด้วยกันนะคะ /\
*เราลงตอนนี้ได้เพราะแต่งสำรองไว้ค่ะ แต่ยังไงก็ไม่ทิ้งแน่ๆ จะกลับมาเมื่อทุกอย่างดีขึ้น รักเสมอ ><
เม้นท์เป็นกำลังใจและสกรีมในทวิตแท็ก #ficthislove กันได้นะค้าา
ฟิคเรื่องนี้ไม่มีน้องฮุน มีแต่พี่ฮุนคนแมนที่พร้อมไฟท์กับทุกคน
*** อ่านแล้วก็ช่วยเม้นท์ช่วยโหวตกันสักนิดนะคะ เราอยากรู้ว่าคุณรู้สึกยังไงกับตัวอักษรที่เราพยายามเรียบเรียงออกมา เข้าใจความรู้สึกของคนที่พูดคนเดียวมั้ยอ่า เศร้านะ T-T ***
ความคิดเห็น