คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3 :: Anything Else? [Loading 100%]
Chapter 3
"ทำหน้าเหมือนโดนบังคับให้ดมตดหมา เป็นห่าอะไรของมึงครับคุณจงอิน" ปาร์คชานยอลเอ่ยประโยคทักทายเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยวัยละอ่อนที่แยกตัวไปเรียนอีกคณะหนึ่งเพื่อสานฝันการเป็นนักการเมืองมือสะอาดของมัน "หรือว่ามหาลัยเขาจะไล่มึงออก"
"ตลกละไอ้เหยิน" บยอนแบคฮยอนโบกหัวเพื่อนตัวสูงจนใบหน้าหล่อเหลากระแทกโต๊ะเรียน "มึงกรุณาให้เกียรติพ่อของเพื่อนกูที่ทำงานเป็นท่านอัยการประจำโซลด้วยครับ ถ้ามหาลัยกล้าไล่ออกก็เกินไป๊!"
"กูไม่ได้ชื่อเหยิน!" ชานยอลปัดมือเพื่อนตัวเล็กให้ถอยห่างแล้วเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเอง เขาไม่เถียงว่าสมัยมัธยมฟันทั้งปากมันทำท่าจะออกมาชมโลกภายนอกตลอดเวลา แต่คือตอนนี้กูดัดฟันแล้วไงครับ! ดัดจนแม่งจะผลุบกลับเข้าคอหอยแล้วด้วยเหอะ!
"กูรู้ว่ามึงชื่อชานยอล แต่กูพอใจจะเรียกว่าไอ้เหยินมีอะไรมะ" แบคฮยอนจีบปากจีบคอตอบ ความล่อมือล่อเท้าของเจ้าตัวทำเอาชานยอลบันดาลโทสะถอดรองเท้าผ้าใบคู่โปรดเขวี้ยงใส่กลางแผ่นหลังดังอั้ก "เล่นของต่ำเหรอวะมึง?!"
"เออ! กูรู้ว่ารองเท้าเป็นของต่ำ แต่กูพอใจจะเล่นมีอะไรมะ" ชานยอลแกล้งล้อเลียนคำพูดกับท่าทางของอีกฝ่ายเพื่อยั่วโมโห "ทีหลังถ้ายังเรียกกูแบบนี้อีก ภาพมึงตอนนุ่งน้อยห่มน้อยกระจายทั่วเว็บเพจมหาลัยแน่!"
สิ้นคำขู่ของไอ้เพื่อนไซส์ยักษ์แบคฮยอนก็ทำได้เพียงอ้าปากพะงาบๆ ไร้หนทางจะสู้อย่างทุกครั้งที่เขาต้องยอมแพ้มัน เพราะความฉลาดน้อยบวกกับเชื่อใจถึงยอมเปลี่ยนเสื้อผ้าทั้งที่ชานยอลนั่งอยู่ในห้องนอนด้วย แล้วท้ายที่สุดไอ้เหยินก็ทรยศแอบถ่ายรูปเขาเก็บไว้แบล็คเมล์
"โรคจิตนะมึงไอ้ชานยอล" เป็นจงอินที่ออกโรงช่วยแบคฮยอนเพราะไม่อยากทนฟังคำคร่ำครวญกว่าสามชั่วโมงเต็มแบบครั้งก่อน ยิ่งช่วงที่ผ่านมาเขาอารมณ์ไม่ค่อยดี บอกตามตรงว่าอาจเผลอด่าซ้ำมากกว่าการปลอบใจ
"โอ๊ยยย! วันนี้สามีขาน่ารักที่สุด" แบคฮยอนวิ่งเข้าไปกระแซะแผงอกของชายหนุ่มผิวแทนเพื่อเอาใจโดยไม่สนสายตาหาเรื่องของใครอีกคน เขาชอบอ้อนจงอินตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย โดยเฉพาะอ้อนขอของกินคืองานถนัด ร้านไหนเปิดใหม่ ร้านไหนอร่อย ขอให้บอกจงอินเป็นอันจบ...
ป๋าจงอินเขาใจดีเลี้ยงข้าวเพื่อนฟรีตล๊อดๆ
"เอาเรื่องตัวเองให้รอดก่อนครับเพื่อน" ชานยอลเบ้ปากหมั่นไส้อาการกะหนุงกะหนิงเกินเหตุของเพื่อนรักทั้งสอง เราสามคนเริ่มรู้จักและเป็นเพื่อนสนิทมาพร้อมๆ กัน ไม่เข้าใจสักนิดว่าทำไมไอ้พวกนี้ถึงชอบรักกันปานจะกลืนกินอยู่แค่นั้นแล้วถีบเขาออกนอกวงเหมือนหมาหัวเน่า!
นี่ไม่ได้อิจฉานะจริงๆ บังเอิญขี้สงสัยตามประสาคนไอคิวสูง
"นั่นสิจงอิน กูเห็นมึงอารมณ์ไม่ค่อยดีมาสักพักแล้ว สรุปเรื่องของน้องเยริไปถึงไหน น้องยังอยากหมั้นอยู่เหรอ?"
"ไม่รู้ว่ะ" หลังจากวันนั้นที่เขาพาเซฮุนไปเจอเธอที่ร้านกาแฟเด็กสาวก็ไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย มีเพียงโทรศัพท์สายตรงจากแม่ของเธอถึงคุณหญิงคิมซองอึนแม่ของเขาว่าอยากนัดทานข้าวพร้อมกันทั้งครอบครัวสักครั้ง ลองอีหรอบนี้ก็เดาได้ทางเดียวคือเยริยังไม่ยอมล้มเลิกงานหมั้นระหว่างเรา
"ถ้าไม่รู้จะเครียดทำไมวะ" ชานยอลค่อนข้างแปลกใจ ปกตินอกจากเรื่องเรียนจงอินก็ไม่เคยใส่ใจเรื่องอื่นถึงขั้นเก็บมาเครียดข้ามวัน ยกเว้น...
"หรือว่าซูจองกลับมาเกาหลีแล้ว?" แบคฮยอนโพล่งถามโดยไม่ได้คิด ทว่าปฏิกิริยาของเพื่อนก็ยืนยันคำตอบได้เป็นอย่างดี
"บางทีกูก็ไม่เข้าใจว่ามึงจะอคติกับซูจองทำไมนักหนา ถ้าไม่ชอบเจอหน้าเธอก็แค่เลี่ยงไปซะ ง่ายนิดเดียว" ชานยอลลองเสนอความคิดเห็นผ่านตรรกะง่ายๆ ที่เด็กชั้นประถามยังคิดออก
"เรื่องนี้กูเห็นด้วยกับไอ้ยะ... เอ้ย! ไอ้ชานยอล ใช่ๆ! ต้องเรียกไอ้ชานยอล" ผู้ชายซึ่งตัวเล็กที่สุดในกลุ่มลอบพรูลมหายใจด้วยความโล่งอกที่เรียกสติตัวเองไว้ทัน ไม่อย่างนั้นเขาอาจได้สิทธิพิเศษเป็นนายแบบภาพนู๊ดประจำมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซลแหงแซะ
"มันไม่ง่ายอย่างนั้นน่ะสิ!" เมื่อไม่รู้จะอธิบายยังไงมนุษย์หมีผิวสีน้ำผึ้งจึงขยี้ผมตัวเองแก้กลุ้ม "ไม่ใช่กูไม่เลี่ยง แต่ยิ่งเลี่ยงดันยิ่งเจอ"
"มึงอธิบายทีชานยอล ตกลงว่ากูโง่หรือคุณจงอินสุดหล่อเขามีทักษะด้านการอธิบายต่ำวะ" แบคฮยอนหันหน้าเข้าหาเพื่อนตัวสูง "แต่ถ้าเป็นอย่างหลังนี่แย่เลยนะเว้ย เป็นนักการเมืองแล้วพูดนโยบายไม่ชัดเจน ประชาชนคนไหนจะลงเสียงให้มึ้ง!"
"คืออย่างนี้ครับเพื่อนแบคฮยอน สมมติว่านายเอชอบวอแวกับนายบีมาก แต่บังเอิญนายบีเขาดันใกล้ชิดกับนายซีที่นายเอไม่ชอบ พอเป็นแบบนี้นายเอก็เลยต้องทนทรมานใจน่ะครับ"
"อ้าว! แล้วนายเอมันมีเหตุผลอะไรถึงไม่ชอบนายซีล่ะครับ เป็นหมวดพยัญชนะภาษาอังกฤษเหมือนกันหนิ" แบคฮยอนแสร้งถามพลางเหล่ตามองจงอินเป็นระยะ
"เหตุผลง่ายนิดเดียวครับ เพราะนายบีเขาสนใจนายซีมากกว่า นายเอก็เลยเข้าทำนองเด็กน้อยขี้อิจฉา ขนาดเรียกร้องความสนใจนู่นนี่สารพัดก็ยังถูกเมินอยู่ดี น่าสงสารเขานะครับ..."
"อ๋อ แบบนี้นี่เอง"
"ได้ข่าวเมื่อกี้พวกมึงสองคนกัดกันอยู่ แล้วพอตอนนี้มารวมหัวถล่มกูนี่คือ?" จงอินลุกขึ้นยืนก่อนจะยกข้อมือหนาข้างซ้ายที่ประดับด้วยนาฬิกาเรือนหรูมาดูเพื่อตรวจสอบบางอย่างซึ่งค่อนข้างสำคัญ
"กาลเวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยนไงเพื่อนรัก"
"เอาที่สบายใจเลยแบคฮยอน เพราะกูก็ได้เวลากลับไปชาร์ตแบตให้ตัวเองแล้วเหมือนกัน"
'ทำไมจงอินถึงต้องเจาะจงเลือกนายเป็นคนรักปลอมๆ'
'มั่นใจรึเปล่าเซฮุนว่ารูมเมทของนายไม่ได้ชอบผู้ชายจริงๆ'
ชายหนุ่มผิวพรรณขาวจัดสะบัดหัวขับไล่ความคิดไร้สาระให้พ้นจากสมอง อุตส่าห์หนีมาหาที่สงบอ่านหนังสือคนเดียวก็ยังไม่วายถูกคำพูดของซูจองเกี่ยวกับรูมเมทตามหลอกหลอนอยู่ได้ คนประเภทจงอินเนี่ยมันเป็นบุคคลอันตรายชัดๆ
พูดกันตามตรงเซฮุนก็ไม่รู้หรอกว่ารสนิยมทางเพศของจงอินเป็นแบบไหน ถึงจะรู้จักและอยู่ร่วมหอพักกว่าสามปีแต่เขาไม่เคยสอดเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่าย ขนาดตารางเรียนยังไม่ค่อยได้สนใจด้วยซ้ำว่าไอ้คนกวนมันเข้าหรือเลิกเรียนเมื่อไหร่บ้าง
แล้วถ้าจงอินเป็นเกย์จริงๆ ล่ะ?!
เซฮุนไม่อยากคิดถึงสภาพตัวเองถ้าหากรูมเมทผิวสีแทนเกิดพิศวาสในตัวเขาขึ้นมา หรือแค่คิดภาพว่าจงอินหอบหิ้วชายเหนือชายกลับมาพลอดรักกันที่หอเขาก็รู้สึกประหลาดแทบควบคุมตัวเองไม่อยู่ ไม่สิ! บางทีซูจองอาจจะคิดมากไปเอง
จงอินจำเป็นต้องโกหก ... ไอ้บ้านั่นมันไม่ได้ชอบผู้ชายหรอก!
หลังจากปล่อยให้ความคิดฟุ้งซ่านสักพักใหญ่ฝ่ามือขาวจึงเอื้อมหยิบหนังสือซึ่งเคยวางแถวชั้นมุมห้องสมุดมากอดไว้แนบอก ขายาวก้าวช้าๆ ขณะบรรจงเก็บพวกมันกลับเข้าที่อย่างใจเย็น ตั้งแต่เล็กจนโตเขาถูกแม่ปลูกฝังให้เป็นคนมีระเบียบกับทุกเรื่องอยู่เสมอ ดังนั้นเซฮุนเลยหงุดหงิดใจเวลาที่จงอินทำให้พื้นที่ส่วนกลางของเราเละเทะ
"แล้วจะไปคิดถึงมันทำไมวะ..." ชายหนุ่มส่ายหน้าน้อยๆ โน้มตัวลงจับสายกระเป๋าเป้สีเทาขึ้นสะพายหลัง คำนวณคร่าวๆ อีกประมาณครึ่งชั่วโมงถึงจะเป็นเวลาเลิกงานของพวกผู้ใหญ่ เท่ากับว่าตอนนี้เป็นเวลาทองของการขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินโดยไม่จำเป็นต้องอดทนแออัดเหมือนปกติ
เซฮุนเลือกที่นั่งตรงกลางฝั่งขวามือขบวนสำหรับวันนี้ หลายครั้งที่เขายอมรับกับตัวเองว่าชีวิตโสดมันค่อนข้างไร้สีสันและน่าเบื่อ บางครั้งก็เคยแอบอิจฉาคู่รักหวานแหววที่สวีทหวานกันโดยไม่เกรงใจคนรอบข้าง แต่สิ่งที่ทำให้เขาเบื่อยิ่งกว่าคือการถูกใครสักคนแทรกแซงชีวิต
มันไม่สนุกสักนิดถ้าเขาต้องแบ่งเวลาอันมีค่าของตัวเองให้คนแปลกหน้าที่ไหนก็ไม่รู้
เชื่อเถอะว่าคนโสดกว่าครึ่งล้วนแล้วแต่หวงพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองกันทั้งนั้น เราต่างมีตารางชีวิตที่จัดสรรไว้เรียบร้อยว่าจะทำอะไรในแต่ละวัน พอมีสิ่งไหนมากระทบหรือทำให้ปรับเปลี่ยนก็น่ารำคาญใจอยู่ไม่น้อย อย่างเช่นหากเซฮุนวางแผนจะใช้เวลาว่างทบทวนบทเรียนกับดูหนังเรื่องโปรดสักเรื่องแต่แผนการทุกอย่างกลับโดนยกเลิกกลางครันเพราะผู้หญิงคนหนึ่ง
นั่นแหละที่เซฮุนรับไม่ได้...
ไม่ใช่ว่าชายหนุ่มเป็นลูกที่ดีเชื่อฟังคำสั่งแม่ถึงขนาดไม่เคยเปิดใจรับใครเข้ามาในชีวิต ตรงกันข้ามเซฮุนพยายามแล้วหลายหนก่อนจะต้องล่าถอยให้ความล้มเหลวที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งยิ่งกว่าการสังเคราะห์แสงของต้นไม้!
ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธเซฮุน ... ตัวเขาเองต่างหากล่ะที่เลือกปฏิเสธพวกเธอ
สารภาพตามตรงว่าเจ้าตัวยังคงหาสาเหตุของปัญหาโลกแตกนี้ไม่ได้ว่าทำไมถึงไม่มีผู้หญิงคนไหนสามารถดึงดูดความสนใจของเขาได้เกินครึ่งวัน อย่างมากที่สุดเท่าไหร่นะ? อ้อ! สองวันครึ่ง!
ส่วนผู้หญิงที่อยู่กับเซฮุนชนิดข้ามปีใหม่ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบคงมีเพียงซูจองคนเดียวเท่านั้น แน่นอนว่าอนาคตนักการฑูตทั้งสองจะไม่เสี่ยงมิตรภาพของเราเพื่อแลกกับความสุขชั่วครั้งชั่วคราว
แต่ถ้ายัยลูกลิงมีฝาแฝดเขาก็อาจจะพิจารณาดูอีกที...
ผู้ชายรูปร่างผอมสูงก้าวขายาวๆ ผ่านประตูกระจกอัตโนมัติบานใหญ่ของสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ขณะที่ผู้คนจำนวนมากกำลังหลั่งไหลเข้ามาด้านในเพื่อโดยสารเจ้าหนอนยักษ์กลับไปยังจุดหมายปลายทางซึ่งต่างกัน
เซฮุนเบี่ยงตัวหลบหญิงสาวท่าทางกระฉับกระเฉงที่เร่งฝีเท้าเดินสวนทางอย่างเร่งรีบ พลันความทรงจำหนึ่งก็ผุดขึ้นในสมองของเขา
ความทรงจำที่เซฮุนเจอจงอินครั้งแรก...
ผู้ชายสองคนพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าใบโตยืนเคว้งคว้างข้างหน้าหอพักหลังถูกเจ้าของลอยแพเพราะโอนเงินค่ามัดจำช้ากว่ากำหนดไม่กี่ชั่วโมง เรามองหน้ากันเงียบๆ โดยไม่มีใครพูดอะไร วินาทีนั้นทั้งคู่เอาแต่โทษฟ้าโทษฝนกับโชคชะตาน่าตลกของตัวเอง จนกระทั่งชายหนุ่มผิวสีแทนเป็นคนเอ่ยปากชวนขึ้นก่อนเซฮุนถึงยอมเปิดประตูโลกส่วนตัวของเขาให้อีกฝ่ายได้เข้ามา
'เราไปหาหอพักใหม่กันเถอะ'
'ทำไมต้องหาใหม่ ฉันว่าเราควรเข้าไปคุยกับเจ้าของอีกครั้งมากกว่า'
เด็กหนุ่มตัวผอมขมวดคิ้วกับคำแนะนำของคนแปลกหน้าก่อนจะเสนอวิธีแก้ปัญหาแบบง่ายๆ เพราะไม่อยากเสียเวลาเพิ่ม
'คุยกับคนไม่มีน้ำใจอย่างนั้นน่ะเหรอ' คนตัวหนากว่ายิ้มเยาะทว่ายังรักษามารยาทเนื่องจากไม่ได้คุยกับคนคุ้นเคย 'มั่นใจรึเปล่าว่าในอนาคตตาลุงนั่นจะไม่ขนของนายออกมาทิ้งเพราะจ่ายค่าเช่าผิดเวลาอีก'
เซฮุนเผลอคิดตามคำพูดของคนตรงหน้า ถ้าเกิดว่าเดือนไหนพี่ชายที่อยู่ต่างประเทศโอนเงินให้ช้าหรือเขาบังเอิญติดธุระที่มหาวิทยาลัยแล้วจะทำยังไง ท่าทางเจ้าของหอพักก็ดูเขี้ยวลากดินไม่ใช่เล่น...
'เอาตามนั้นก็ได้ รีบๆ เดินนำไปสิ'
ในที่สุดพระเจ้าก็เข้าข้างคนทั้งสอง หอพักสภาพใหม่เอี่ยมตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินทำให้เดินทางไปกลับมหาวิทยาลัยได้อย่างสะดวกและรวดเร็วในกรณีตื่นสาย คนดูแลเองก็เป็นมิตรและจริงใจกับเด็กหนุ่มที่เพิ่งพ้นวัยมัธยมปลายมาหมาดๆ แต่ปัญหาคือเหลือห้องว่างเพียงห้องเดียว!
'พวกนายสองคนเป็นเพื่อนกันใช่ไหม? พอดีเหลือห้องว่างอยู่แค่ห้องเดียว'
'ผมกลัวเพื่อนจะอึดอัด'
เซฮุนชิงเสแสร้งทำตัวเป็นคนดี ความจริงจากก้นบึ้งหัวใจคือเขาเนี่ยแหละที่อึดอัด!
ต่อให้คนแปลกหน้าที่รู้จักกันได้เพราะความซวยจะดูดีไม่เหมือนพวกมิจฉาชีพแต่เขาก็ไม่อยากไว้ใจใครง่ายๆ!
'ตัวผมยังไงก็ได้ แต่เพื่อนน่ะสิจะอึดอัดรึเปล่า'
เพราะคำพูดเชิงยอกย้อนส่งผลให้เซฮุนถลึงตาใส่ผู้ชายผิวสีแทนซะยกใหญ่ นี่ถ้าไม่เกรงใจเขาจะเตะหน้าแข้งแก้อาการหมั่นไส้มันสักป้าบ!
'ไม่ต้องกลัวอึดอัดหรอก หอที่นี่ค่อนข้างกว้างแล้วก็มีห้องนอนตั้งสองห้อง พวกนายอยู่ด้วยกันได้สบายๆ อีกอย่างถ้าอยู่คนเดียวราคาค่าเช่ามันก็... '
สุดท้ายคนดูแลหอก็ใช้วาทศิลป์หว่านล้อมก่อนจะยื่นกุญแจสำรองให้สองชุดหลังทำสัญญาเช่าห้องแบบรายปีเสร็จและรับเงินค่ามัดจำเรียบร้อย
'ฉันชื่อคิมจงอิน เป็นนักศึกษาสาขารัฐศาสตร์มหาลัยโซล ที่สำคัญไม่เคยมีประวัติลักขโมยหรือทำร้ายร่างกายใคร นายไว้ใจได้'
ผู้ชายที่แนะนำตัวด้วยประวัติสั้นๆ ยื่นบัตรประชาชนกับบัตรนักศึกษาให้เซฮุนดูเป็นหลักฐานยืนยันตัวตน คนตัวขาวรับมาดูและแสดงมารยาทด้วยการกระทำเช่นเดียวกัน ตอนนั้นเองที่เซฮุนเพิ่งนึกได้ว่าระหว่างเขาและจงอินล้วนเต็มไปด้วยเรื่องบังเอิญอย่างไม่น่าเชื่อ
บังเอิญถูกยกเลิกสัญญาหอที่เก่าเพราะจ่ายเงินค่ามัดจำช้าเหมือนกัน
บังเอิญเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเดียวกัน คณะเดียวกันแตกต่างแค่สาขาที่เรียน
สุดท้ายคือเราบังเอิญต้องมาอยู่ร่วมห้องเดียวกันทั้งที่ไม่เคยกระทั่งเห็นหน้าของอีกฝ่ายมาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว
เหอะ! ตลกสิ้นดี!
กว่าจะรู้ตัวอีกทีนิ้วมือขาวก็กดรหัสปลดล็อคประตูลงบนแผงควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ตามสัญชาตญาณของร่างกาย เซฮุนเดินเหม่อลอยคิดถึงเรื่องที่เขากับจงอินเริ่มคุ้นเคยและเปลี่ยนสรรพนามเรียกแทนกันสมัยเรียนปีหนึ่งเทอมสองถ้าจำไม่ผิด
"ทำไมกลับมาป่านนี้วะ ปกติถ้าไม่ใช่วันพฤหัสมึงเลิกเรียนไม่เกินบ่ายสองไม่ใช่เหรอ" จงอินเอ่ยถามเมื่อเห็นคนที่เขานั่งรอเปิดประตูเข้ามาด้านในห้องด้วยสภาพคล้ายคนวิญญาณหลุดออกจากร่าง
"อืม" เซฮุนส่งเสียงตอบแบบขอไปทีแล้วทรุดตัวลงนั่งอีกฝั่งของโซฟาหน้าทีวีภายในห้องนั่งเล่นซึ่งถือเป็นพื้นที่ส่วนกลางระหว่างเราสองคน
"เป็นอะไรของมึงเซฮุน" ว่าที่นักการเมืองคนเก่งไล่สายตาเพื่อสำรวจร่างกายเพื่อนตัวบางว่ามีสิ่งไหนผิดปกติบ้างหรือไม่ "ก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่หว่า"
"ร่างกายกูยังครบสามสิบสองเท่าเดิม ไม่ต้องมองเหมือนจะเอ็กซเรย์ก็ได้มั้ง"
"ใครจะไปรู้ เห็นทำท่าทางแปลกๆ" จงอินยักไหล่คล้ายไม่สนใจแล้วเบนหน้าหนี "ไม่ได้เป็นห่วงหรอกนะ แค่สงสัยว่าเหม่อขนาดนี้เป็นเพราะอะไร"
หวังว่าทักษะการพูดปดของเขาจะพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ
"กูแค่คิดถึงมึงอยู่น่ะ"
ฝันไปหรือเปล่า?!
คำตอบเมื่อครู่ทำเอาจงอินหันขวับกลับมามองจนคอเกือบเคล็ด เขาคิดไม่ออกจริงๆ ว่าสิ่งที่หลุดจากปากเซฮุนเป็นเรื่องจริงหรือสิ่งที่อีกฝ่ายจงใจปั่นหัวเล่นกันแน่ ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นมันสนใจใยดีสักนิดแล้ววันนี้เกิดเฮี้ยนอะไรขึ้นมาถึงได้บอกคิดถึง
"รู้ตัวไหมเซฮุนว่ามึงทำกูขนลุก"
"กูต้องแคร์?"
นี่สิโอเซฮุนตัวจริง! ทำกร่างแล้วหันหลังให้โลกทั้งใบอย่างนี้แหละที่เขาชอบ...
"เอาที่มึงสบายใจเถอะครับเพื่อน"
สิ้นประโยคนั้นท่อนขาขาวภายใต้กางเกงยีนส์ตัวยาวก็ถีบสะโพกคนกวนเข้าเต็มแรง จงอินขยับก้นหนีพร้อมร้องโอดโอยพอเป็นพิธีก่อนจะเอนหัวพิงกับพนักด้านหลังของโซฟา ช่องรายการทีวีถูกสับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วตามความพอใจของใครอีกคนในขณะที่เขาทำเพียงยิ้มมุมปากทั้งที่เพิ่งโดนแย่งอภิสิทธิ์รีโมตไป
"เป็นบ้าเหรอคิมจงอิน นั่งยิ้มคนเดียวอย่างกับพวกเมาทินเนอร์"
"เป็นอะไรก็ช่างกูเถอะเซฮุน" ชายหนุ่มผิวสีแทนส่ายหน้าราวต้องการบอกว่าอย่ายุ่งกับเขาซึ่งเซฮุนก็ยอมทำตามแต่โดยดี "ขอนั่งพักสักหน่อยแล้วกัน วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันเลย"
"ตามใจมึง" เซฮุนละความสนใจจากคนที่เขยิบตัวเข้าใกล้อีกครั้งและปล่อยให้ความเงียบทำงานตามเดิม เราสองคนเผาเวลาทิ้งไปเรื่อยๆ ด้วยการเปิดโทรทัศน์เสียงเบาเท่าแมวกระซิบแล้วหามุมเหมาะสำหรับการงีบหลับระยะสั้นๆ
จะว่าแปลกก็แปลก จะว่าไม่แปลกก็ไม่แปลก...
ทั้งจงอินและเซฮุนต่างก็ตอบไม่ได้ว่าทำไมพวกเขาถึงไม่แยกตัวกลับเข้าไปนอนพักผ่อนในห้องตัวเองให้สบายแต่เลือกจะนั่งหลังแข็งขดตัวอยู่บนโซฟาขนาดกลางข้างๆ กันอย่างนี้
ที่สำคัญคือมันรู้สึกดีกว่าการอยู่คนเดียวซะด้วยสิ...
หรือจะเป็นเพราะโซฟาตัวนี้นุ่มเป็นพิเศษใช่ไหมนะ?
"เซฮุน..." น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยเรียกชื่อรูมเมทผิวขาวเพื่อที่จะทดสอบว่าอีกฝ่ายหลับลึกมากแค่ไหน ซึ่งอาการขยับตัวยุกยิกคล้ายรำคาญก็คงแทนคำตอบได้อย่างดีว่าคนขี้โมโหแค่หลับตาอยู่เท่านั้น "ถามจริงมึงมีเรื่องเครียดอะไรรึเปล่า"
"ปะ..."
"อย่าปฏิเสธเพราะสายตากับร่างกายมึงมันฟ้องว่ากูพูดถูก" แม้จะยังหลับตาแต่จงอินก็เดาได้ถึงปฏิกิริยาของเซฮุน ตลอดสามปีที่อยู่ด้วยกันเขาเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นผู้ชายคนนี้อย่างครบถ้วน ดังนั้นเขาถึงจับสังเกตได้ทันทีที่เกิดความผิดปกติขึ้น
แน่นอนว่าเซฮุนไม่คิดจะเรียนรู้หรือปรับตัวเข้าหากันเหมือนที่จงอินพยายามทำเพื่อเราทั้งคู่
"แน่ใจเหรอจงอินว่ามึงพร้อมจะฟังเรื่องน่าปวดหัวนี้น่ะ?" น้ำเสียงเย้ยหยันถูกเปล่งผ่านริมฝีปากสีชมพูสด เซฮุนกำลังพิจารณาว่าเขาควรถามสิ่งที่สงสัยและติดค้างในใจมานานหลายวันให้กระจ่างหรือปล่อยเบลอไป ทว่าคำยืนยันของคนปากดีที่ยังไม่รู้ชะตากรรมตัวเองก็ทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
"มันก็ไม่มีเหตุผลที่ทำให้กูไม่พร้อมฟังหนิ"
"งั้นกูขอถามบ้าง สาเหตุที่ทำให้มึงไม่อยากหมั้นกับน้องเยริเป็นเพราะชอบผู้ชายด้วยกันใช่รึเปล่า"
"..."
เมื่อกี้เป็นแค่อาหารเรียกน้ำย่อย ของจริงต้องต่อจากนี้ต่างหาก...
"มึงคิดอะไรกับกูมากกว่ารูมเมทใช่ไหม"
"..."
"มึงชอบกูเหรอจงอิน"
loading 100%
พี่บอกแล้วว่าเรื่องนี้เซฮุนแมนมาก แต่ยังเป็นไคฮุนนะไม่ต้องห่วง 555555
เราซ่อนหลายอย่างไว้ในหลายตัวอักษร และเราหวังว่าคนอ่านจะหาเจอ ^-^
เม้นท์เป็นกำลังใจและสกรีมในทวิตแท็ก #ficthislove กันได้นะค้าา ชอบไม่ชอบยังไงก็มาบอกกันบ้างนะจ๊ะๆ
* ฟิคเรื่องนี้ไม่มีน้องฮุน มีแต่พี่ฮุนคนแมนที่พร้อมไฟท์กับทุกคน
สำหรับตอนแรกๆ เราจำเป็นต้องปูพื้นฐานตัวละครเพื่อให้คนอ่านเข้าใจการกระทำของเขาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนะคะ
ปล. เมื่อไหร่เค้าจะได้กัน ( คลบ้าาา )
ความคิดเห็น