ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ชายาอ๋องไร้ใจ (ZiYu)

    ลำดับตอนที่ #14 : บทที่ 7 (1/2)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 11.08K
      379
      1 ส.ค. 64

     บทที่ 7

    เมืองแห่งการค้า

    เมืองเทียนจิน

    หย่งจื่อและหมิ่งหลานออกเดินทางจากเมืองหลวงเป่ยจินสู่เมืองเทียนจิน เมืองที่ติดชายทะเล ซึ่งใช้เวลาในการเดินทางเกือบสองวัน โดยไม่เร่งรีบอะไร หย่งจื่อได้วางแผนลาหยุดสิบวันเพื่อที่จะพาพระชายาตัวน้อยเที่ยวหลังจากแต่งงาน ฮ่องเต้ก็รีบอนุญาตให้ลาทันที พร้อมอวยพรให้มีลูกหลานเร็วๆ เมืองเทียนจินก็เป็นตัวเลือกที่ดีเมืองหนึ่ง เป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรทางทะเล และยังเป็นแหล่งการค้าทางทะเลระหว่างแคว้น เป็นศูนย์กลางการค้าที่ใหญ่รองจากเมืองหลวง

    "พระชายาเพคะ ต่อจากนี้จะเข้าเขตการค้าแล้ว ต้องเบาฝีเท้าชะลอรถม้าลง ข้างหน้าเป็นเขตชุมชนมีคนพลุกพล่าน ทางการจึงห้ามรถม้าวิ่ง ต้องจูงแทนเพคะ"

    "ก็ดี เดินทางจากที่พักมานานข้ารู้สึกเวียนหัว" เป็นครั้งแรกในชีวิตของจื่ออวี้ตั้งแต่มาอยู่ในร่างของหมิ่งหลาน ที่ต้องเดินทางยาวนาน นั่งอุดอู้ในรถม้า ถึงจะเป็นรถม้าคันใหญ่นั่งสบายได้หลายคน แต่ต้องใช้เวลาเกือบสองวัน แถมนางยังไม่เคยมีประสบการณ์นั่งรถม้าออกจากเมืองหลวง ถนนหนทางก็แตกต่างกันมาก มีหลุม มีบ่อขรุขระ ทำให้รถม้าส่ายไปส่ายมา หมิ่งหลานจวนจะอาเจียนเต็มที ดีที่มีถิงถิงคอยปรนนิบัติ

    "หมิ่งหลาน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" หย่งจื่อกระโดดลงจากหลังอาชาเหงื่อโลหิต (ม้าสายพันธุ์อัคคัลทีค) ตัวโปรดนามเสี่ยวสุ่ยที่มีสีน้ำตาลแดง ฮ่องเต้ประทานให้เมื่อตอนที่องค์ชายรองหย่งจื่ออายุสิบหนาว เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพนอกจากนี้ยังประทานให้โอรสองค์อื่นๆ ด้วย เพื่อเป็นการบ่งบอกถึงความรับผิดชอบก่อนที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นจิ้นอ๋อง

    หย่งจื่อเมื่อถึงเขตห้ามขี่ม้าเขาก็ต้องลงจากหลังม้าเปลี่ยนมานั่งในรถม้าเป็นเพื่อนพระชายาแทน เมื่อเห็นสีหน้าความเหนื่อยล้าจากการเดินทางของชายาตัวน้อยเขาก็อดสงสารไม่ได้ เห็นที่เขาคงต้องเคียวเข็ญให้นางฝึกวรยุทธ์ เพื่อไม่ให้เหนื่อยง่าย เวลาจำเป็นที่จะต้องเดินทางนางจะไม่ได้ทรมานจากความอ่อนเพลีย

    "พออดทนได้อยู่เพคะ" หมิ่งหลานที่กำลังเวียนหัวพะอืดพะอมจากการเมารถ (รถม้า) ที่พึ่งเดินทางไกลครั้งแรกก็หน้าง้อ มือน้อยๆ ถือสมุนไพรหอมแก้วิงเวียนจ่อจมูกไม่ยอมปล่อย ตัวบางเอนไปอิงไหล่หนาของจิ้นอ๋องที่พึ่งจะขึ้นบนรถม้า มานั่งข้างๆ นาง ทั้งที่นอกจากตอนเดินเข้าเมืองที่มีคนพลุกพล่านแล้ว จิ้นอ๋องมักจะขี่ม้าอยู่ด้านนอกมากกว่า ส่วนถิงถิงเมื่อมีจิ้นอ๋องดูแลพระชายาของตนแล้วก็ขยับลงจากรถม้าเงียบๆ แล้วเปลี่ยนมาเดินรวมกับทหารองครักษ์คนอื่นแทน

    จุ๊บ ~~~

    "อื้อ จะถึงจวนแล้วอีกไม่กี่ก้านธูป เจ้าอดทนหน่อยนะ" หยิ่งจื่อหยิบพัดจากด้านในเสื้อมาพัดให้หมิ่งหลานเบาๆ ลมเย็นๆ ทำให้หมิ่งหลานรู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย มือข้างที่ว่างไม่ได้ถือพัดก็มาโอบกอดประคองให้หมิ่งหลานซบไหล่ไม่ให้ขยับไปไหนและจูบเบาๆ ที่กลางกระหม่อม

    "เพคะ" แม้ร่างกายจะพบเจอกับความทรมานแค่ไหน ความอบอุ่นจากอ้อมกอดนี้ก็บรรเทาความทรมานให้ลดลงไปได้ไม่น้อย

    จวนจิ้นอ๋อง เมืองเทียนจิน

    สามวันหลังจากที่มาถึงเทียนจิน มีขุนนาง พ่อค้า แขกเหรื่อมากมายนำของกำนัลมาถวายจิ้นอ๋อง เพื่อเป็นการต้อนรับ และเป็นเกียรติของขุนนางและชาวบ้านทุกคน ที่จิ้นอ๋องเสด็จเมืองเทียนจิน ผู้ตรวจการหมิงซื่อได้ขออนุญาต จิ้นอ๋องจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ที่จวนอ๋องเอง โดยมีผู้ตรวจการหมิงซื่อเป็นแม่งาน จัดเตรียมงานทุกอย่าง เพียงแต่ใช้สถานที่ภายในจวนอ๋องเท่านั้น โดยมีพ่อบ้านของจวนอ๋องให้ความร่วมมือและช่วยเหลือ

    "พระชายางดงามมากเพคะ" ถิงถิงเอ่ยชมพระชายาที่แต่งตัวงดงามเหมาะสมยิ่งนัก หมิ่งหลานมองเงาตนเองในกระจกทองเหลือง วันนี้ถือว่าเป็นวันสำคัญของนางอีกวัน เป็นวันที่นางได้แสดงตนว่าเป็นพระชายาจิ้นอ๋อง ต่อหน้าพี่น้องเหล่าทหารและขุนนางเมืองเทียนจินที่ไม่ได้มีโอกาสได้ไปร่วมพิธีกราบไหว้ฟ้าดินที่เมืองหลวง ฉะนั้นฉลองพระองค์ที่นางสวมใส่นั้น ต้องเน้นความเรียบง่ายแต่ยังคงดูสูงส่ง หมิ่งหลานจึงเลือกผ้าไหมสีไข่มุกปักด้วยด้ายสีชมพูประกายมุก ตรงหน้าอกปักดอกไม้สีเมฆให้ตัดกับสีของฉลองพระองค์ ส่วนทรงผม หมิ่งหลานให้ถิงถิงเกล้าผมขึ้นเหมือนสตรีชั้นสูงที่ออกเรือนแล้ว ประดับผมด้วยชุดหยกขาวมันแพะที่แกะสลักเป็นดอกไม้

    "ไปเถอะ" เมื่อสำรวจความเรียบร้อยดูแล้ว ถิงถิงก็ประคองพระชายาไปที่หน้าเรือน โดยมีจิ้นอ๋องที่รออยู่แล้ว

    "หมิ่งหลาน" หย่งจื่อถึงกับเผลอเรียกชื่อชายาตัวน้อยเลยทีเดียว วันนี้ หมิ่งหลานของเขางดงามยิ่งนัก ยิ่งเกล้าผมแบบที่แสดงออกว่าเป็นสตรีที่ออกเรือนแล้ว สีหน้าของหย่งจื่อถึงกับแสดงออกได้ชัดว่าพอใจในตัวพระชายาเป็นอย่างมาก ทำให้คนรอบข้างต่างก็พลอยยิ้มกริ่มในใจไปด้วย

    หมับ

    มือหนาของหย่งจื่อยื่นมาคว้ามือเรียวงามของหมิ่งหลานไปจับไว้ จากนั้นก็พาหมิ่งหลานเดินสาวเท้าเข้าไปในงานอย่างเชื่องช้า แต่แฝงด้วยการก้าวเดินที่หนักแน่นมั่นคง เมื่อเข้าไปถึงบริเวณงานเลี้ยงฉลองเล็กๆ ที่ใต้เท้าหมิงซื่อได้จัดเตรียมขึ้น

    ณ ลานกว้างภายในจวนอ๋อง

    "จิ้นอ๋อง จิ้นหวางเฟย เสด็จ"

    "ถวายพระพรพ่ะย่ะค่ะ/เพคะจิ้นอ๋อง จิ้นหวางเฟย "

    "ทุกท่านตามสบาย"

    เมื่อหย่งจื่อและหมิ่งหลานเสด็จมาประทับด้านบนสุด เป็นตั่งยาวที่นั่งได้สองคน จิ้นอ๋องก็สั่งให้ขุนนาง พลทหารในงานนั่งลงได้ พร้อมกับงานเลี้ยงที่ได้เริ่มขึ้นแล้ว ใต้เท้าหมิงซื่อส่งสัญญาณมือให้นางรำที่เตรียมไว้ออกมาแสดงหน้าพระพักตร์

    "ท่านอ๋อง พระชายา กระหม่อมหมิงซื่อ ได้เตรียมการแสดงให้ท่านอ๋องและพระชายาได้ทอดพระเนตรพ่ะย่ะค่ะ"

    "เชิญ ใต้เท้าหมิง"

    เมื่อนักดนตรีบรรเลง นางรำที่ใต้เท้าหมิงซื่อเตรียมไว้ ก็เริ่มออกมาร่ายรำด้วยท่าทางอ่อนช้อย รูปโฉมของสตรีทั้งห้าคนจัดว่างดงาม รูปร่างเย้ายวนใจ จนเหล่าทหารมองตาหยาดเยิ้มไม่กะพริบ ต่างจากหย่งจื่อที่มองสตรีเหล่านั้นด้วยความว่างเปล่า ไม่ต่างจากมองผักปลา เมื่อหมิ่งหลานเห็นท่าทางเฉยชาที่มีต่อนางรำแล้วก็ยิ้มหวานอย่างพอใจในใจ ค่อยๆ จิบชาทานอาหารอย่างเงียบๆ โดยไม่ลืมเอาอกเอาใจจิ้นอ๋องด้วยการคีบอาหารใส่จานหย่งจื่อบ้าง รินเหล้าบ้าง หรือแม้แต่ใช้ตะเกียบป้อนอาหารจิ้นอ๋อง จนทำให้หญิงสาวหลายคนในงานต่างอิจฉาตาร้อนไปตามกัน

    ในมุมหนึ่งของงานเลี้ยง หมิงอวี้เจินบุตรีคนเล็กที่เกิดจากฮูหยินเอกของ หมิงซื่อ เมื่อหลายปีก่อนจิ้นอ๋องหย่งจื่อเคยยกทัพมาปราบโจรสลัดที่ปล้นเรือสินค้า ฆ่าชาวบ้าน และข่มขืนหญิงสาวชาวบ้านที่อาศัยอยู่ติดชายทะเล ในระหว่างที่ จิ้นอ๋องมาปราบโจรอยู่นั้น จิ้นอ๋องมาพักที่จวนของบิดานางชั่วคราวในระหว่างการสร้างจวนอ๋อง หมิงอวี้เจินและหมิงม่านลี่พี่สาวของนาง ต่างตกหลุมรักจิ้นอ๋องกันทั้งนั้น ในตอนนั้นนางยังเด็กและยังไม่ถึงวัยปักปิ่นจึงยอมถอยให้หมิงม่านลี่ ส่วนหมิงม่านลี่ก็ทำตัวโง่งม ประกาศไปทั่วเทียนจินว่าเป็นคนสำคัญของจิ้นอ๋อง พยายามกรีดกรายเข้าหาอย่างน่าละอายไม่ต่างจากพวกนางโลม จนสุดท้ายท่านพ่อทนไม่ไหว เลยให้แต่งไปกับพ่อหนุ่มร่ำรวยคนหนึ่ง ก่อนที่บุตรีหัวแก้วหัวแหวนคนนี้จะนำภัยมาแก่ตระกูล

    "ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันหมิงอวี้เจิน ขอคำนับท่านอ๋อง พระชายา ด้วยเหล้าจอกนี้ ในระหว่างที่ประทับอยู่เทียนจิน หม่อมฉันยินดีปรนนิบัติท่านอ๋อง พระชายา เพคะ" หมิงอวี้เจินที่ทนดูความใส่ใจของจิ้นอ๋องที่มีต่อพระชายาไม่ได้ นางหลงรัก จิ้นอ๋องมาหลายปีแต่ก็ไม่มีโอกาสที่จะถวายตัวเป็นชายาหรือแม้กระทั่งสนมเล็กๆ ในตำหนักจิ้นอ๋อง นางรู้ดีว่าตำแหน่งพระชายาเอกคงเป็นไม่ได้ บิดาของนางเป็นขุนนางประจำเมืองมิได้ไปรับใช้ใกล้ชิดฮ่องเต้ ความเหมาะสมจึงเป็นกำแพงชิ้นใหญ่ที่นางไม่อาจสู้พระชายาได้ สำหรับนางแล้วขอเพียงได้อยู่ใกล้ชิดกันคนที่นางรัก ไม่ว่าจะตำแหน่งไหนก็ดีทั้งนั้น ขั้นตอนแรกนางควรเข้าหาพระชายาให้นางโปรดปราน และอยู่ในสายตาของจิ้นอ๋อง

    "แม่นางอวี้เจิน ช่างมีน้ำใจ ไม่ทราบว่า..."หมิ่งหลานหยิบจอกเหล้ายกขึ้นเพื่อเป็นการตอบรับก่อนจะดื่มเหล้าหอมๆ ให้ไหลลงคอไป ก่อนที่จะเอ่ยถามว่านางคือใคร สตรีผู้นี้น่าจะเป็นบุตรีขุนนางสักคน นางแต่กายเรียบหรูดูงดงามสบายตา น่ามองไปอีกแบบ ถ้าเทียบกับเหล่าสตรีคนอื่นๆ ที่แต่งตัวมาแข่งขันกันปานนกแก้ว สีสันแสบตา

    "ทูลพระชายา เจินเอ๋อร์เป็นบุตรีคนเล็กของกระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ หากพระชายาต้องการสิ่งใด กระหม่อมกับเจินเอ๋อร์ก็จะถวายการรับใช้เป็นอย่างดีพ่ะย่ะค่ะ"หมิงซื่อแนะนำบุตรีของตนเอง หวังว่าจิ้นอ๋องและพระชายาจะเมตตานาง บุตรีคนนี้ของเขาเป็นคนหลักแหลมแตกต่างจากลี่เอ๋อร์มาก เขาเชื่อว่าหากจิ้นอ๋องมิชมชอบสตรีทั่วไป เจินเอ๋อร์ของเขาก็เป็นตัวเลือกที่ดี หากเจินเอ๋อร์มีโอกาสได้ปรนนิบัติใกล้ชิด จิ้นอ๋องต้องโปรดปรานนางได้แน่นอน

    "ที่แท้บุตรีของท่านเองรึใต้เท้าหมิง ช่างเป็นสตรีที่งดงามจริงๆ ว่าไหมเพคะ ท่านอ๋อง" หมิ่งหลานสังเกตสายตาที่หมิงอวี้เจินแอบมองจิ้นอ๋อง นางคงมีใจให้ จิ้นอ๋องเป็นแน่ แต่พอนางลอบมองสามีของตนกลับมิได้สนใจหมิงอวี้เจินเท่าที่ควร หมิ่งหลานแอบสงสารคุณหนูหมิ่งอวี้เจินที่มาหลงรักพยัคฆ์ไร้ใจผู้นี้

    "เจ้าว่าอย่างไร ก็ตามแต่เจ้า"

    "เช่นนั้นในระหว่างที่อยู่เทียนจิน หม่อมฉันให้นางมาคุยเป็นเพื่อนดีไหมเพคะ"ในเมื่อหย่งจื่อไม่ได้สนใจหมิงอวี้เจินเลย หากนางคบหากันกับหมิงอวี้เจินคงดีไม่น้อยต่อธุรกิจการค้าที่นางกำลังจะสร้างขึ้น

    "หึ หวางเฟยถ้าเจ้าอยากมีเพื่อนสนทนาก็ตามใจเจ้า แต่อย่าสนใจคุณหนู หมิงอวี้เจินจนลืมเปิ่นหวางละ" หย่งจื่อมองชายาตัวน้อยของเขาแค่ปราดเดียว แววตาของนางก็แสดงออกมาหมดจดแล้ว เขาจะกล้าขัดใจนางได้อย่างไรถ้านางมีความสุข เขาก็พลอยอารมณ์ดีไปด้วย

    "หม่อมฉันมิกล้าลืมหรอกเพคะ"

    "เช่นนั้นคงต้องรบกวนใต้เท้ากับคุณหนูรองแล้ว ที่ต้องมาสนทนาเป็นเพื่อนหวางเฟยของเปิ่นหวาง" เมื่อหย่งจื่อหยอกเย้าชายาพอแล้วก็หันมารับสั่งใต้เท้า หมิงซื่อและคุณหนูรองหมิงอวี้เจินอย่างจริงจัง

    "หม่อมฉันเต็มใจเพคะ"เป็นครั้งแรกในรอบหลายมีที่หมิงอวี้เจินคนนี้ได้อยู่ในสายตาของจิ้นอ๋องคนที่นางรักสุดหัวใจ และยังรับสั่งกับนางอีก ต่อให้เรื่องที่รับสั่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับพระชายาก็ตาม มันก็ทำให้นางรู้สึกดีไม่น้อย

    เรือนว่านเซียน

    เมื่องานเลี้ยงเริ่มไปได้ไม่นาน หย่งจื่อและขุนนางคนอื่นๆ ก็แยกตัวมาดื่มพบปะสนทนากันตามประสาบุรุษ ส่วนหมิ่งหลานก็ยังอยู่ที่เดิม เพราะนางไม่ได้รู้จักใคร หรืออยากจะสนทนากับใครเป็นพิเศษ ในงานนี้คุณหนูหม่าเยว่ฉีก็ไม่ได้มาร่วมงาน จะมาแต่เพียงนายท่านหม่ากับฮูหยินเพียงเท่านั้น ภายในงานเลี้ยงก็ไม่ได้เงียบเหงามากนัก มีนางรำ นักดนตรี คอยผลัดขึ้นมาแสดงความสามารถ ตลอดจนมี ฮูหยินของขุนนางหลายคนขึ้นมาดื่มคารวะหมิ่งหลาน จนทำให้หมิ่งหลานต้องดื่มไปหลายจอก

    หมิ่งหลานเมื่อเริ่มควบคุมสติไว้ไม่ไหว ถิงถิงและข้ารับใช้คนอื่นๆ เลยพาพระชายากลับมาที่เรือนว่านเซียน ถิงถิงจัดการอาบน้ำเช็ดตัวให้พระชายาเรียบร้อย แต่หมิ่งหลานก็ไม่ยอมเข้าบรรทม รับสั่งแต่จะหาจิ้นอ๋อง จนลี่ถิงไปแอบกระซิบองครักษ์ส่วนตัวจิ้นอ๋องให้รีบไปตามจิ้นอ๋องมาดูอาการพระชายา

    ส่วนจิ้นอ๋องเมื่อทราบว่าพระชายาง้อแงไม่ยอมเข้านอนเพราะรอเขาอยู่ ก็รับสั่งให้พ่อบ้านรีบส่งแขก ก่อนปลีกตัวมาเรือนว่านเซียน หย่งจื่อสาวเท้าเข้ามาในห้องก็พบหมิ่งหลานนอนตาหวาน ในหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ นอนตะแคงข้างอยู่บนเตียง เมื่อหมิ่งหลานลืมตาขึ้นมาเห็นหย่งจื่อกำลังเดินเข้ามาหานาง ความโหยหาในตัวหย่งจื่อที่เริ่มก่อตัวขึ้นมาได้สักระยะ เริ่มชัดเจนขึ้นมาก ร่างกายของหมิ่งหลานที่เต็มไปด้วยความร้อนรุ่มมันไวกว่าความรู้สึกนึกคิด นางลุกขึ้นจากเตียงกระโดดไปกอดหย่งจื่ออย่างแนบแน่น ขาเรียวสวยกอดเกี่ยวกับเอวสอบ ปากก็ร้องเรียกชื่อเสียงหวาน

    "อื้อออออออออ หย่งจื่อ"

    "หมิ่งหลานเจ้าอยู่นิ่งๆ สิ เจ้าดื่มมากไปแล้วนะ ข้าไปคุยธุระไม่นานทำไมเจ้าถึงเมามายเช่นนี้" หย่งจื่อรู้สึกตกใจกับพฤติกรรมของคนตรงหน้าเขาไม่น้อย ปกติแล้วหมิ่งหลานไม่ค่อยได้ดื่ม เขาจึงไม่มีโอกาสได้เห็นนางเมามายเช่นตอนนี้ ทำให้หย่งจื่อลบภาพนางแมวน้อยแสนเอาแต่ใจ รู้จักวางตัวฉลาดเฉลียว กลายเป็นนางพญาจิ้งจอกเก้าหางที่แสนยั่วยวนไปแล้ว เขาจึงได้แต่หวาดล้อมให้นางลงมาคุยกันดีๆ

    "ขออภัยเพคะ หลังจากที่พระองค์ไป ก็มีทั้งฮูหยิน คุณหนูหลายท่านชวนพระชายาดื่มเพคะ" ถิงถิงที่ยืนก้มหน้าก้มตาไม่กล้าแม้แต่ขยับตัวไปไหนก็ได้ทูลความจริงไปว่าเหตุใดพระชายาถึงได้เมาสุราเช่นนี้ได้

    "เจ้าออกไปก่อน" หย่งจื่อสั่งให้ถิงถิงออกไปจากห้อง เพื่อที่จะปรนนิบัติชายาของตนได้สะดวก ก่อนจะสั่งให้เงาขยับเขยื้อนออกไปจากเรือนสิบก้าว เมื่อเงาออกห่างจากเรือนถึงสิบก้าว ซิงเฉิงองครักษ์ที่รู้พระทัยจิ้นอ๋องมากที่สุด ก็สั่งให้ทุกคนขยับออกจากเรือน

    จิ้นอ๋องสร้างม่านพลังบางๆ ป้องกันพวกหนูสกปรกมารบกวน และม่านพลังยังช่วยเก็บเสียงอีกระดับหนึ่งด้วย ทำให้จิ้นอ๋องไม่ต้องกังวลใจว่า หมิ่งหลานจะเสียงดังเท่าไหร่

    "อื้อออ จูบหน่อยยยย~~~~" หย่งจื่ออุ้มหมิ่งหลานที่เกาะเอวสอบเป็นลูกลิงน้อยมาที่เตียง ก่อนจะปล่อยให้หมิ่งหลานนั่งบนเตียงอย่างเบามือ ราวกับกลัวว่าจะสลายหากเขา เผลอทำรุนแรงเกินไป หมิ่งหลานที่นั่งอยู่บนตักของหย่งจื่อไม่ยอมลงมานั่งบนเตียงดีๆ แต่กลับยึดเอวหนาไว้แน่น ใบหน้าที่งดงามก็ยื่นไปจุมพิตปาก จิ้นอ๋อง

     

    ขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนมาตลอดนะคะ 

    เม้นทุกเม้นการตลอด มันทำให้มีกำลังใจในการแต่งจริงๆคะ 

    ภรรยา

    ตอนต่อไปอย่าลืมแวะมาดูหมิ่งหลานเมาแล้วอ่อยนะคะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×