ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วุ่นนักเมื่อรักต้องคำสาบ

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 3 มี.ค. 53


    เรื่องราวในอาทิตย์ที่ผ่านมา    อาณาจักรควีนเดียร์ซ่า  มีลอร์ด ผู้หนึ่งเข้ามาในวังควีนเดียร์ซ่า  ที่ทุกคนกล่าวขาลว่าเจ้าชายผมเงิน เฟลิกซ์ เวลนิง

    “ไม่ได้มาตั้งนานเลยน่ะท่านเฟลิกซ์...ประมาณ 2 ปี แล้วมั๊ง...”เสียงอันทรงพลังของพระราชาเดอร์ก้าแห่งควีนเดียร์ซ่าปกคลุมไปทั่วท้องพระโรง

    “พระยะคะ..ตั้งแต่ท่านพ่อเสีย...ข้าก็เลยต้องรับช่วงต่อและมีงานยุ่งมาก..ขอโทษท่านด้วยที่ไม่ได้ส่งข่าวอะไรมาเลย...”

    “แค่ทักทายกันก็พอ..ท่านเฟลิกซ์...คืนนี้จะจัดงานเลี้ยงให้ท่าน..ขอให้พักผ่อนที่ห้องก่อนเถิด...”

    “พะยะคะ..”

     

     

    ณ ป่าต้องห้าม  ที่เป็นส่วนหนึ่งของวังควีนเดียร์ซ่า

    “ยัง...ยัง!! ใจอ่อนเกินไป...อย่างนี้จะคุ้มครองเจ้าหญิงได้ยังไง....”  แก๊ง  แก๊ง!  ดาบของ เฟร ตวัดขึ้นมาป้องดาบอีกอันที่กระหน่ำฟาดลงมาไม่ขาดมือด้วยความเข้มแข็ง  แกร๊ก!

    “โอ๊ย!!!” สุดท้ายแล้วดาบในมือของเฟร ก็กระเด็นไปนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นหญ้า

    “ยังไงก็สู้จูริสไม่ได้เหมือนเดิม ฮะ..ฮะ..ฮะ”

    “ฮะ...ฮะ...ฮะ..เฟร เพิ่งจะ16 เอง..ถ้าฝึกอีกซักหน่อยก็จะเป็นผู้มีชื่อเสียงแน่ๆ”

    “จริงเหรอ..จูริส..ผมจะพยายาม...” ขณะที่คุยกับจูริส สายตาของเฟรก็ไปสดุดที่ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนรับลมที่ระเบียง

    “เฟลิกซ์ ...ที่พวกผู้หญิงพูดกันว่า เป็นชายโสดที่เด่นที่สุดในเมืองนี้...”

    “อืมมม...ใช่...”

    “จูริส..ไม่ชอบหรือ...”

    “เปล่า..รูปร่างหน้าตาก็ดี แต่...ผู้ชายไม่ใช่ดูกันที่ภายนอก..ที่สำคัญต้องเป็นคนที่ใจกว้างปกป้องคุ้มครองและเป็นคนจริงใจ..ฉันไม่ชอบผู้ชายที่มีผู้หญิงลุมล้อม..”

    “ใช่สิน่ะ...ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน...”

    ณ ระเบียงห้องของเจ้าหญิงเชลเฟอร์

    “เมื่อ 2 ปีก่อนเห็นยังทรงเป็นเด็กอยู่ เดี๋ยวนี้ทรงโตเป็นสาวแล้วนะ พะยะคะ เจ้าหญิงเชลเฟอร์”

    “ท่านเฟลิกซ์....”เจ้าหญิงเชลเฟอร์เอ่ยออกมาเบาด้วยความเคอะเขิล

    “เชลเฟอร์!!”เสียงที่ดังแหวกอากาศ ที่คับคั่งและหายใจไม่ทั่วท้องของเจ้าหญิงเชลเฟอร์ เสียงนี้ช่างเหมือนเสียงของสวรรค์จริงๆ “เชลเฟอร์นี่น้ำแอ๊ปเปิ้ล...”

    “ขอบคุณ เฟร...”

    “ท่านเฟลิกซ์ด้วย...เชิญดื่ม...”เฟร ชวนเจ้าชายเฟลิงซ์ด้วยท่าทางที่เป็นมิตร

    “เฟร....! เสียงของเฟลิกซ์ที่ดังก้องไปมาทำทุกคนในห้องขนลุกวาบ

    “อะไร...ครับ..”

    “ถึงเจ้าจะเป็นพี่น้องแม่นมเดียวกัน...แต่การที่เจ้าไม่เรียกว่าเจ้าหญิงเป็นการเสียมารยาท...ดูตัวเองซะบ้าง...” เฟร อึ้งกิมกี่กับคำพูดของเฟลิกซ์ไปทันที

    “ท่านเฟลิกซ์คะ...เฟร..ก็เหมือนกับพี่น้องจริงๆของเรา...ยิ่งกว่านั้นอีกนะคะ...”เจ้าหญิงเชลเฟอร์คัดค้าน

    “แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ควรเสียมารยาท..เจ้าหญิงเชลเฟอร์ทรงใจดีก็ดีอยู่หรอก...แต่ควรจะวางตัวด้วย”

    ...วางตัว.. จริงสิน่ะเชลเฟอร์เป็นธิดาองค์เดียวของอาณาจักรนี้แล้วก็ต้องสืบราชสมบัติ..และยิ่งกว่านั้นเราก็เป็นเพียงเด็กคนหนึ่งในครอบครัวนี้เท่านั้น.....

    “ทำไมมาอยู่นี่คนเดียวล่ะ” เสียงที่นุ่มนวลน่าเสน่ห์หาเอ่ยออกมาเบาๆ

    “พระองค์หญิง....”

    “ดูเจ้าไม่สดชื่นเลยน่ะ...มีอะไรเหรอ...”

    “เอ่อ...คือ...เฟลิกซ์ได้ตักเตือนว่าให้ดูตัวเองด้วย....ผมไม่ควรเรียกเจ้าหญิงเชลเฟอร์แต่ชื่อเฉย ๆ...”

    “โถ่......เฟร อย่าไปกังวลเรื่องนี้เลยน่ะ...เจ้าเป็นเด็กที่เลี้ยงมาด้วยกันตั้งแต่ยังเป็นทารก...ให้มันเป็นเหมือนเดิมเถิดนะ..ลืมคำพูดของเฟลิกซ์ซะ... ” องค์หญิงไดอาน่ะยกมือขึ้นมาประโลมที่ร่างอันเข้มแข็งที่ซ่อนความอ่อนแอเอาไว้จนน่าทึ่ง

    “ครับ...องค์หญิง..”

    2 วันผ่านไป ณ เขตป่าต้องห้ามที่จูริสชอบไปซ้อมดาบกับ เฟร

    “จูริส!! ๆ”

    “อย่าเฟร...อย่าดูดีกว่า...มันโหดร้ายมาก...”

    “ไม่! อย่ามาขวางข้านะ...จูริสเป็นพี่ชายของข้า...” เธอพรวดพราดเข้าไปในป่าต้องห้ามที่มีหญ้าและต้นไม้แปลกๆ กลิ่นอายของความโศกเศร้ากำลังตลบอบอวลไปมาคลอบคลุมป่าต้องห้ามผืนนี้ ภาพที่ปรากฏตรงหน้ามีเพียงร่างกายที่ดูไม่ได้ของชายคนหนึ่งที่นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น ร่างกายมีรอยเล็บกรีดเป็นแผลยาวเต็มไปหมด และคนๆ นั้นก็คือ จูริส พี่ชายของเฟร...

    ‘ผู้ที่จะเป็นนักดาบจะต้องไม่กลัวความตาย...ถึงแม้จะเป็นความตายของใครก็ตามต้องไม่พูดว่า...เศร้าใจ...ไม่แสดงความเศร้าออกมาอย่างเด็ดขาด..ต้องเก็บไว้ข้างใน...’ คำพูดนี้ พูดซ้ำๆ ในความทรงจำไปมาเพื่อย้ำเตือนเฟร

    “ไม่ได้! ผมทำไม่ได้ จูริส!!

     

    ณ ท้องพระโรงในวังควีนเดียร์ซ่า

    “อะไรน่ะ...จูริส!!” เสียงที่ตื่นตระหนกของพระราชาดังลั่นปราสาท

    “พะยะค่ะ..ดูจากร่องรอยแล้วน่าจะโดนหมาป่าทำร้าย และตอนนี้ก็เริ่มกวดขันกันดูแลแล้วพะยะค่ะ..”

    “อย่างงั้นรึถ้าเจอหมาป่าให้ฆ่าทันที..”

    “พะยะคะ”

    “ท่าน!คะ”

    “ไดอาน่ะ...” องค์หญิงทรงเข้ามาโอบกอดพระราชาด้วยท่าทางที่ตกใจและหวาดกลัวกับอะไรซักอย่าง

    “ท่านพี่..ข้ารู้สึกเป็นห่วงยังไงก็ไม่รู้..ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนั้นล่ะก็...โถ่!..” เจ้าหญิงไดอาน่ายกมือเรียวขึ้นมาปิดปากน้ำตาไหลพรากทันทีจนพูดไม่ออก

    “ไม่เป็นไรหรอกน่า....ให้เด็กๆ อยู่แต่ในห้องอย่าให้ออกมาเดินเล่นก็แล้วกัน...เด็กคนนั้นจะต้องอายุ17 ปีได้โดยปลอดภัย..”

    “ต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน..เพค่ะ ท่านพี่...”เจ้าหญิงไดอาน่าโอบกอดพระราชาแน่นเข้าไปอีกโดยหารู้ไม่ว่ามีใครคนหนึ่งแอบซุ่มฟังทั้งสองพระองค์อยู่ห่างๆ

    ...ฮะ..ฮะ...ฮ่า..นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น...ต่อไปนี้แหละ...

    ตึง ตึง ตึง ปัง ปัง ปัง !! เสียงรัวทุบประตูที่ดังแทรกขึ้นมาขัดจังหวะความคิดของใครคนหนึ่งและเสียงนั้นมาจากห้องของเจ้าหญิงเชลเฟอร์ และแน่นอนว่าต้องไม่ใช่ฝีมือของเจ้าหญิงแน่ๆ

    “ปล่อยผมน่ะ! ผมจะออกไปฆ่ามัน...เปิดประตูน่ะ...!!!” เสียงของ เฟร ที่ดังแหวกความสงบเงียบของราตรีชวนคนทั้งวังปั่นป่วน

    “พระราชาสั่งว่าไม่ให้เจ้าหญิงเชลเฟอร์กับเฟร ออกนอกห้อง! อยู่เฉยๆ แล้วอ่านหนังสือไปซะ...!”ทหารที่เฝ้าหน้าประตูตะโกนลั่นเข้ามาในห้องที่เจ้าหญิงและเฟรอยู่

    “เวลาอย่างนี้ ใครจะไปอ่านหนังสือได้กันล่ะ ...พระราชาบ้า!!!” เฟรตะโกนออกไปซะลั่นวัง

    “เฟร ไม่มีประโยชน์หรอก...พวกเรายังเป็นเด็กรู้ว่าอยากจะแก้แค้นแทน จูริสแต่ว่า...”

    “เชลเฟอร์!!...เจ็บใจนัก” เฟรยก หมัดอันน้อยนิดฟาดลงที่ฝ่ามืออีกข้างด้วยความเจ็บใจ

     

    ณ ท้องพระโรงในวัง ซึ่งเป็นที่ๆ พระราชาทรงประทับอยู่

    “พระราชา...”

    “อ้าว...ว่าอย่างไร..ท่านเฟลิกซ์..”

    “รู้สึกว่าช่วงนี้จะมีเรื่องเกิดขึ้นในวังเยอะจังนะพะยะคะ...”

    “อืมม...เรื่องหมาป่าเข้ามาในวังได้นะ...”

    “เวลาอย่างนี้ข้าก็อยากช่วยอะไรเหมือนกันแต่...จริงๆแล้วก็มีเรื่องอยากพูดกับท่านพะยะคะ...” พระราชายิ้มรับอย่างเป็นมิตรแต่แล้วก็ต้องชักสีหน้ากลับด้วยความตกใจในคำพูดของเฟลิกซ์ทันที

    “อะไรน่ะ...เจ้าจะขอเชลเฟอร์แต่งงานอย่างนั้นเหรอ...!!?..แต่เชลเฟอร์ยังเป็นสมบัติล้ำค่าของเราอยู่น่ะ..และต้องเป็นคนที่สืบราชสมบัติต่อ....” เฟลิกซ์..ชักสีหน้าโกรธทันทีที่ พระราชายังทรงไม่พร้อมที่จะยกเจ้าหญิงให้

    “หรือว่าข้าไม่เหมาะสมที่จะเป็นคู่ครอง..ตระกูลเวลนิงของเรา..เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่ควีนเดียร์ซ่าเปิดประเทศ..และข้าเชื่อว่าคงจะเหมาะสมพอนะพะยะคะ...”

    “เราตอบไม่ได้..ขอให้เราปรึกษาราชินีก่อน...”

    “พะยะคะ...ถ้าอย่างนั้น..ข้าขอทูลลา...”

    ณ ห้องบรรทมของพระราชาและราชินี  พระราชาได้ทรงเรียก เฟร ให้ไปพบที่ห้องบรรทม

    “เฟร มาแล้ว พะยะคะ..” เสียงของทหารที่เฝ้าหน้าประตูห้องตะโกนออกมาเบาๆ พร้อมกับฝีเท้าที่ดัง ตึกตั๊ก ของผู้มาเยือน

    “มาใกล้ๆ หน่อย...” ราชินีเรียกเฟรที่ทำหน้าตกใจกับการเข้ามาในห้องบรรทมของพระราชาและราชินีเป็นครั้งแรก

    “พะยะคะ...”

    ...อุตส่าห์ไปเรียกผมมา...มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นน่ะ...หรือว่า! พระราชาจะได้ยินที่เราว่า ‘พระราชาบ้า’..ต้องใช่แน่ๆเลยยึยย...

    “เฟร...จริงๆแล้วข้าอยาก....”

    “ขอโทษ!..ที่ว่า‘พระราชาบ้า’ ผมไม่ได้ตั้งใจ..แต่...ต้องการที่จะออกจากห้องให้ได้เท่านั้น...”เสียงของพระราชาถูกตัดบทโดย เฟร ที่กระวนกระวายใจเรื่องที่ ว่า พระราชาบ้า

    “เจ้าพูดเช่นนั้นเหรอ? ” พระราชาดวงหน้าที่งุนงง กับคำพูดของเฟร โดยไม่โกรธเคืองอะไรเลย

    “อ้าวไม่ใช่เรื่องนี้หรอกเหรอ....”

    “เอ่อ เฟร..เจ้าชายเฟลิกซ์..ทรงขอเจ้าหญิงเชลเฟอร์แต่งงานนะ...” เสียงของราชินี ตัดทอ ความเข้าใจผิดระหว่างราชากับ เฟร

      “หา!! ท่านว่ายังไงน่ะ...”เฟรทวนเสียงสูงด้วยความตกใจ

    “อย่างที่เจ้าได้ยินนั้นแหละ เฟร..ข้าเลยอยากถามความเห็นของเจ้า...” พระราชาพูดด้วยท่าทีที่กลุ้มใจ

    “เอ่อ...ผมว่า..ควรถามตัวเจ้าหญิงเชลเฟอร์เองจะดีกว่าน่ะ พะยะคะ...” เฟรเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่งุนงง

    “ใช่!...แต่เราอยากรู้ความคิดของคนที่อยู่ใกล้ชิดเชลเฟอร์..เจ้าว่า..ท่านเฟลิกซ์ดูเป็นยังไง!..ถ้าเชลเฟอร์แต่งแล้วจะมีความสุขมั๊ย...”

    “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะ พะยะคะ..แต่...จูริส...เคยบอกไว้ว่าไม่ชอบผู้ชายที่มีผู้หญิงลุมล้อม แต่ขอให้เป็นคนที่รักเราคนเดียวเท่านั้น....ผมก็คิดแบบนั้นเช่นกัน...”

    “ใช่..เราก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน แต่เจ้าชายเฟลิกซ์คงรอไม่ได้นะคะ...”

     

    ณ ท้องพระโรง ที่มีพระราชาทรงนั่งประทับกับบัลลังก์อยู่

    “ได้รับคำตอบรวดเร็วอย่างนี้..ข้าไม่ค่อยแน่ใจเลยพะยะคะ..ว่าคำตอบจะเป็นอย่างไร” เฟลิกซ์ชักสีหน้าเจ้าเลห์ และลังเลใจ

    “ก่อนอื่น..ข้าขอถามเจ้าตรงๆก่อน..ว่า..ถ้าเกิดเจ้าหญิงเชลเฟอร์ไม่ใช่เจ้าหญิงจริงๆ ท่านจะแต่งงานด้วยมั๊ย....”

    “หมายความว่ายังไงพะยะค่ะ...” พระราชามองไปยังเจ้าชายเฟลิกซ์ท่าทางเย็นชา

    “ที่ท่านอยากแต่งงานด้วยเพราะอยากได้อาณาจักรควีนเดียร์ซ่า หรือว่ารักตัวเจ้าหญิงเชลเฟอร์...แต่..ถึงอย่างไรเหตุผลอย่างนั้นก็ไม่ใช่เหตุผลสำคัญ..เราไม่สามารถรับ..คำขอของท่านไว้....” พระราชา ตรัส ด้วยสีหน้าเรียบเฉย

    “อย่างนั้นเหรออออ...” เฟลิกซ์เปล่งเสียงในลำคอเบาๆ จนพระราชาแทบไม่ได้ยิน  แอ๊ดดดด! ประตูบานใหญ่ในท้องพระโรงเปิดออกช้าๆ ปรากฏร่างบางของเจ้าหญิงเชลเฟอร์ที่ดวงหน้าไม่ค่อยจะสดชื่นซักเท่าไหร่

    “ท่านพ่อ เชลเฟอร์เองเพคะ...มีเรื่องอะไรกันเพคะ..” พระราชาชักสีหน้าแปลกใจที่เจ้าหญิงเชลเฟอร์เดินเข้ามาใกล้ๆ

    “เชลเฟอร์! พ่อไม่ได้เรียกเจ้ามา...เจ้ามาทำไม..”

    “แต่มีคนไปบอก...ข้า..”เชลเฟอร์ทวนเสียงในลำคอเบาๆ ขณะที่เจ้าชายเฟลิกซ์กำลังปั้นหน้าโศกเศร้าเพื่อตบตาเจ้าหญิง

    “ข้าเป็นคนบอกให้ไปเรียกเองแหละ เจ้าหญิง...เรามาขอเจ้าแต่งงานด้วย..แต่ พระราชาทรงปฏิเสธเพราะฉะนั้น... คนที่ทำให้เจ้าเจ็บคือ...พระราชา...” เฟลิกซ์อ้ำอึ้งเล็กน้อยก่อนจะใช้ฝ่ามือฟาดเข้าไปที่หน้าท้องขององค์หญิงด้วยความแรงจนเจ้าหญิงขยับตัวไม่ได้

    “โอ๊ย!!

    “เฟลิกซ์!! เจ้าจะบ้าเหรอ...ปล่อยเจ้าหญิงเดี๋ยวนี้น่ะ...” พระราชารีบลุกจากบัลลังก์เพื่อเข้าไปช่วยเจ้าหญิง แต่ ถูกเฟลิกซ์ใช้เวทย์น้ำแข็ง..จึงขยับตัวไม่ได้

    “พระราชา...ในเมื่อพูดกันไม่รู้เรื่องข้าก็ต้องทำแบบนี้..ข้าจะพาเจ้าหญิงไป อาราเบียน..ถ้าไม่อยากให้เจ้าหญิงเป็นเหมือนจูริสก็อย่าส่งทหารฝีมือแย่ๆไปล๊ะ..”

    “ที่แท้ จูริสก็ถูกเจ้า....”  พระราชาพูดไม่จบ ก็มองไปเห็นฟันที่แหลมคมของเฟลิกซ์งอกขึ้นมาสองข้างเหมือน  DEVIL “เจ้าไม่ใช่เฟลิกซ์..” พระราชาชักสีหน้าตกใจทันที

    “ใช่แล้ว เฟลิกซ์มันไม่อยู่ก่อนที่มันมาที่นี่..ข้าได้ฆ่ามันตายแล้ว...ชื่อของข้าคือเฟอรีล..เป็นลูกชายของพ่อมดดำชมิดท์ที่ถูกเจ้าฆ่าตายเมื่อ 18 ปีก่อน...เจ้าจำข้าเอาไว้ให้ดีล๊ะ...ฮ่า..ฮ่า...ฮ่า...”

    ...เจ้าพ่อมดดำ ชมิดท์ ที่ฆ่าท่านพ่อของข้า.....

    “เฮ่ย!! ได้ยินมั๊ย...เจ้าหญิงเชลเฟอร์ถูกเจ้าชายเฟลิกซ์จับตัวไป...”

    “ไม่ใช่!! ไม่ใช่เจ้าชายเฟลิกซ์...มันเป็นพ่อมดดำปลอมตัวมา เป็นคนที่ฆ่า จูริสด้วย...”

    “ให้รวมผู้ที่มีฝีมือแล้วจัดตั้งกองทัพขึ้นมา..” เสียงดังของทหารปั่นป่วนไปทั่วพระราชวังของควีนเดียร์ซ่าเมื่อทราบข่าวว่าเจ้าหญิงเชลเฟอร์ว่าถูกจับตัวไป

    “ได้โปรดเถิดพระราชา! ให้ผมร่วมกองทัพไปช่วยเชลเฟอร์ด้วย....” เฟร ถามพระราชาด้วยสีหน้าที่เป็นห่วงเจ้าหญิงจับใจ

    “เจ้าพูดบ้าอะไร..เฟร..เด็ก ๆอย่างเจ้าจะไปได้ยังไง..ไปเกะกะเขาด้วยน่ะสิ...” พระราชาชักสีหน้าไม่ดีเมื่อเห็นเด็กคนนี้แสดงความกล้าเกินไม่ต่างจากชายหนุ่มคนหนึ่ง

    “แต่มันฆ่าจูริสแล้วยังจับตัวเชลเฟอร์ไปด้วย..ผม..ผมมีหน้าที่คุ้มครองเชลเฟอร์ แต่เวลาสำคัญๆ ผมกลับไม่อยู่...ผมทนอยู่ในวังเฉยๆ ไม่ได้...ผมไม่ไปเกะกะแน่..ให้ผมได้ทำหน้าที่ด้วยเถอะ...ได้โปรด..”

    “ไม่ได้!!!  ตึกตั๊ก ๆ ๆ เสียงรองเท้าที่บ่งบอกถึงความร้อนรุ่มและเสียงที่น่าเสน่หาของราชินีเปร่งออกมาด้วยท่าทางตกใจ “ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าละก็..ข้าจะอยู่ยังไง..ถึงแม้ เชลเฟอร์จะถูกจับก็ไม่เป็นไรหรอก...ขอให้เจ้าไม่เป็นอะไรไปข้าก็ดีใจแล้ว”  อุ๊บ!!  ราชินียกมือขึ้นมาปิดปาด้วยท่าทางที่เก้ๆ กังๆ

    “หา!!!  เฟร ยืนอึ้งกับคำพูดของราชินีที่ ไม่มีท่าทีว่าจะเป็นห่วงเจ้าหญิงแม้แต่น้อย

    “ท่านพี่....ถึงเวลาแล้วเพคะ...ถึงเวลาที่จะบอกความจริงแล้วล่ะเพคะ...” ไดอาน่าเข้าไปโอบกอดพระราชาด้วยท่าทีที่เศร้าโศก

    “ท่านโหร......” พระราชาเอ่ยชื่อผู้มาเยือนคนใหม่อีกคนที่สวมชุดคลุมสีขาว กับหนวดสีขาวโพนที่ยาวลงถึงหน้าอก

    “เฟร...” ท่านโหรเดินเข้ามาใกล้เฟร อีกขั้นหนึ่ง “เจ้าหญิงเชลเฟอร์ไม่ใช่เจ้าหญิง...แต่เป็นเจ้าต่างหากที่เป็นเจ้าหญิงที่แท้จริงของอาณาจักรควีนเดียร์ซ่าของพวกเรา....”

    “หา!!! 

    “เพราะว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงกับเจ้าหญิง พระราชาจึงเปลี่ยนกับลูกของแม่นมและเลี้ยงให้เป็นเด็กผู้ชาย..คนที่รู้เรื่องนี้มีไม่กี่คน...”

     เสียงของท่านโหร ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวสมองของเธอไปมา เฟร นอนฟุ๊บอยู่บนเดียงที่นุ่มนิ่มในวังควีนเดียร์ซ่า  น้ำตาแห่งความโศกเศร้ากำลังล้นทลักออกจากที่กักเก็บจนนองทั่วดวงหน้าที่ราวกับประติมากรรมชั้นยอด

    ...ผมเป็นเจ้าหญิงของประเทศนี้..เป็นลูกแท้ๆ ของพระราชาและพระราชินี..อา....หัวผมจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ...แต่ถึงยังไงคนที่ถูกจับควรจะเป็นผม..ไม่ใช่ เชลเฟอร์..แต่เราจะต้องช่วยเชลเฟอร์ให้ได้.....

    เจ้าหญิงเฟร จอมแก่นแก้ว วางแผนหนีไปช่วยเชลเฟอร์โดยการปีนกำแพงวังที่สูงชลิ่ว ชวนสันหลังวาบ โดยไร้ทหารที่คอยเฝ้าตามกำแพงเมืองต่างๆยามราตรีเหมือนทุกที ตุ๊บ!!

    “เอ๊! ทำไม หนีง่ายจังน่ะ  ทหารก็ไม่มีซักกะคน...”ขณะที่เธอกำลังจะก้าวขาวิ่งออกจาเมืองควีนเดียร์ซ่า

    “เฟร....” เสียงที่ดังแหวกความเงียบสงบของยามราตรี สะกดให้เธอหันไปตามเสียงนั้น เหมือนมีมนต์

    “พระราชา...พระราชินี...” เฟร ทวนเสียงสูงด้วยท่าทีที่ตกใจ

    “จะไปช่วยเชลเฟอร์ให้ได้ใช่มั๊ย...” พระราชาถามท่าทางเป็นห่วง... ”เป็นไปตามที่คิด...”

    “ถ้าจะห้ามผม คงไม่สำเร็จ...ผม...”

    “ยื่นมือมา ....”เสียงอันดื้อรั้นของเฟรถูกตัดด้วยคำพูดของพระราชาทันที “เอาถุงเงินนี่ติดตัวไปด้วย..” พระราชาวางถุงเงินไว้บนมือเรียวของ เฟร เบาๆ

    “เฟร...ไม่ใช่เฟร อีกต่อไป...แต่เป็นเจ้าหญิงเฟร่า..แห่งควีนเดียร์ซ่า.. และนี่คือสิ่งที่เจ้าต้องเอาติดตัวไป..” วัตถุกลมๆ รูปดาวห้าแฉก จารึกไว้ว่า...วีล บราวน์ เรล เป็นภาษาอะไรซักอย่างที่ดูแล้วอ่านไม่ออก เชื่อมโยงกับสร้อยคอสีเงินแวววับสวยงาม มันถูกบรรจงสวมเบาๆที่ต้นคอโดย ทับไว้บนผ้าคลุมสีน้ำเงินเข้มผูกไว้ที่คอของเธออยู่

    “มันเป็นอะไรเหรอ...ฮะ..แล้วทำไมผมต้องสวมมันเหรอ...”

    “มันเป็นเครื่องรางใช้ป้องกันพวกพ่อมดดำที่ชั่วร้าย..ปีศาจต่างๆ และศัตรูของเราไม่ให้ทำร้ายเจ้าหญิงของข้าได้...อย่าให้หลุดออกจากตัวเป็นอันขาด...เพราะมันคือ เครื่องรางตระกูลของเรา วีล บราวน์เรล..ซึ่งสลักเป็นภาษา พ่อมด..และให้สัญญากับข้าด้วยว่า...เจ้าต้องกลับมาให้ได้นะ...” ไดอาน่าเข้าไปกอดเจ้าหญิงองค์น้อยที่แก่นแก้วด้วยท่าทางที่ห่วงใย

    “ครับ...ท่านแม่..แล้วผมจะกลับมา..ขอบพระทัยมากครับ ท่านพ่อ ท่านแม่..” ร่างบางที่เหมือนชายหนุ่มวิ่งฝ่าความมืดไปข้างหน้าจนลับสายตา ขณะที่ทั้งสองพระองค์ยังคงมองดูด้วยความเจ็บปวดและทรมานใจที่ต้องทำให้เจ้าหญิง เฟร่า ตกละกำลำบาก

    “ให้ไปนะ ดีแล้ว.....” เสียงๆ หนึ่งที่นิ่มนวลเอ่ยขึ้นช้าๆ ขณะที่พระราชาและราชินีกอดกันกลมด้วยความอาลัย

    “ท่านโหร...” พระราชาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

    “ดูหน้าตาเขาสดชื่นดีน่ะ..ถึงจะฝืนให้อยู่ในวังนี้ ก็มีแต่จะทำให้เจ็บปวดทรมาน..วันเวลาที่ทรงเลี้ยงเขามาแบบผู้ชาย..ไม่ทำให้พวกเราผิดหวังแน่ๆ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×