คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ✿chapter : VI
“ทะเลลลลลลลลล!~”
ร่างบางในชุดสวมสบาย วิ่งลงเล่นน้ำทันทีที่รถสปอร์ตเปิดประทุนจอดริมชาดทราย ชานยอลหัวเราะเล็กๆกับท่าทีที่เหมือนเด็กของแบคฮยอน มือกว้างถอดแว่นกันแดดของตนออกก่อนที่จะหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาต่อสายหาแฟนสาว ... เพราะเวลานี้ซูจีคงจะโกรธชานยอลแย่อยู่แล้ว
“สวัสดีครับ~”
[พี่ยอล!! อยู่ไหนค่ะซูจีมาหาที่คอนโดก็ไม่เจอ โทรหาก็ไม่ติด]
“พี่มาทำวิจัยที่ปูซานนะ ขอโทษนะ จะไม่ทำให้เป็นห่วงอีกแล้วววว~!” ชานยอลลากเสียงยาวๆอย่างออดอ้อนสุดฤทธิ์
[ซูจีอยากไปด้วยค่ะ เดี๋ยวซูตามไปนะค่ะ กิกิ]
ชานยอลถึงกับชะงักกับประโยคเมื่อกี้ ... ถ้าแฟนสาวของตนมาถึง จะคิดยังไงเมื่อเห็นเขาอยู่กับแบคฮยอน แต่ถ้าจะทิ้งผู้ชายตัวเล็กคนนั้นไป เขาก็ทำไม่ได้อยู่ดี ดวงตากลมอันเลื่อนลอย เหม่อมองร่างบางที่เล่นสนุกอยู่คนเดียวท่ามกลางแสงตะวันที่กำลังลับขอบฟ้า
ทำไมนายถึงเป็นคนลังเลแบบนี้ชานยอล
ทำไมนายไม่ซื่อสัตย์กับซูจี ...คนที่รักนาย
ร่างสูงเงียบไม่เอ่ยคำใดออกมาก่อนที่จะวางสายอีกฝ่ายไปเสียดื้อๆ ฝีเท้าก้าวค่อยๆก้าวไปยังหาดทราย ไปหาคนที่จิตใต้สำนึกกำลังคิดถึง โหยหา และปรารถนามาตลอด ชานยอลไม่เข้าใจ ทำไมความรู้สึกแบบนี้มันซัดเข้ามาภายในทีเดียวแรงๆ ราวกับคลื่นสึนามิที่โหมกระหน่ำไปด้วยความแปรปวน
“..เจ้าตัวน้อย”
ริมฝีปากหยักแผ่เสียงออกมาแผ่วเบา ถึงจะเบาแค่ไหนแต่แบคฮยอนที่อยู่ในน้ำทะเลก็ได้ยินมันชัดเจน ใบหน้าหวานหันหน้ามาหาร่างสูงที่ยืนบนผืนทราย ก่อนที่จะอมยิ้มเล็กน้อย ...สายตาของร่างเล็กช่างอ่อนโยนจับขั้วหัวใจของชานยอล ทำเอาน้ำตามันหลั่งออกมาโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
“ชานยอล ...อย่าร้องนะ”
แบคฮยอนหุบยิ้มทันทีที่เห็นหยาดน้ำตาใส ฝีเท้าเล็กค่อยๆเดินเข้ามาหาชานยอล ก่อนที่จะเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้พร้อมกับรอยยิ้มอันบริสุทธิ์ที่ผุดขึ้นมาบนดวงหน้าหวาน เมื่อชานยอลเริ่มได้สติกลับมา เขาก็สะดุ้งเบาๆ ก่อนจะจับมือเล็กที่กำลังเอื้อมมาหาเขา พร้อมยิ้มให้กับแบคฮยอน
“ทำตัวเป็นเด็กดีจังนะ”
“ก็ชานยอลร้องไห้ น้องแบค...”
“เป็นห่วงเหรอ?”
ร่างสูงถามไม่จริงจัง ก่อนที่จะเคาะหัวร่างบางเบาๆ แบคฮยอนหัวเราะได้อีกครั้งเมื่อเห็นว่า อีกฝ่ายอารมณ์ดี ร่างบางนั่งลงบนพื้นทราย ก่อนที่จะก่อปราสาททรายเหมือนเด็กน้อยเห็นของเล่น ทำเอาชานยอลต้องนั่งลงข้างๆ ในเวลาโพล้เพล้แบบนี้ มันช่างโรแมนติกเหลือเกิน
“ทำไมถึงถามว่าน้องแบคเป็นห่วงชานยอลล่ะ?”
“อ้าว ..ก็..”
“ความรู้สึกของน้องแบค มันเกินคำว่าเป็นห่วงไปแล้วแหละ”
“นายเป็นใครกันแน่ ...แบคฮยอน”
สายลมพัดผ่านร่างของทั้งสองคน คำถามของชานยอลยังคงไม่ได้คำตอบ แบคฮยอนไม่ตอบอะไรทั้งสิน พรางยิ้มอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับเล่นต่อไป ส่วนชานยอลก็ได้แต่ขมวดคิ้ว บางครั้งเขาก็กลัวผู้ชายตัวเล็กที่อยู่ข้างกาย ..คนนี้ยากที่จะเข้าถึงจริงๆ
“ถ้าวันหนึ่ง ชานยอลรู้เส้นทางของตัวเองแล้ว ชานยอลก็ต้องมองขึ้นท้องฟ้านะ”
“นายหมายความว่าไง?”
“ความลับ กิกิ”
แบคฮยอนหัวเราะออกมาอย่างไร้เดียงสา ทำเอาชานยอลคิดว่าตัวเองคงคิดมากไปจริงๆ ตัวเล็กๆและทำตัวเหมือนเด็กน้อยอย่างนี้ จะมีเล่ห์นัยแฝงอยู่ได้ไง ..มือแกร่งยกขึ้นขยี้กลุ่มผมหอม ก่อนที่จะจุ๊บลงเบาๆที่กลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนอย่างเอ็นดู ... ความรักจากอดีตจะมาเป็นความรักในปัจจุบันได้หรือปล่านะ? คงทำได้แต่ภาวนา : ))))
น้องแบครู้ ...ว่าเส้นทางเลือกของชานยอลคงไม่มีน้เองแบคอยู่ตรงนั้น ถ้าวันหนึ่งน้องแบคหายไปจริงๆ ของให้ชานยอลได้รู้ว่า น้องแบคกับชานยอลยังอยู่ใต้ฟ้าเดียวกันเสมอ แม้ว่าวิญญาณของน้องแบคจะตกนรกไปแล้ว แต่หัวใจของน้องแบคยังอยู่กับชานยอลตลอดไป
ใบหน้าหล่อฉีกรอยยิ้มออกมาจนเห็นเขี้ยวฟันอันแหลมคม เกินกว่าจะเป็นเขี้ยวของมนุษย์ กายหนาที่ยืนอยู่บนสุดของมะพร้าวพรางใช้ดวงตาแดงกล่ำจับจ้องสองร่างที่ยิ้มให้กับอย่างสนุกสนาน !!! ปีกสีดำขลับอันแข็งแกร่ง กระพือปีกยกตัวของเจ้าของขึ้น จื่อเทาช่างขำขันกับความโง่งมงายของแบคฮยอนเสียเหลือเกิน
..จำไว้นะ บยอนแบคฮยอน เจ้าต้องเป็นเจ้าสาวของข้า เพียงคนเดียว!!...
<ซูโฮ>
พอเลิกงานเสร็จ ซูจีก็ชวนผมไปหาคุณพ่อของชานยอลที่บริษัท เพื่อไปถามท่านว่าไอ้ชานยอลมันอยู่ไหนเพราะหลังจากที่ซูจีโทรไปล่าสุดก็ไม่สามารถติดต่อได้เลย พอเสร็จธุระทุกอย่างแล่วผมก็พาเธอมาเลี้ยงข้าวที่ภัตตาคารหรู เกรดA เชียวนะ คิคิ
“ทำไมหัวข้อวิจัยของพี่ยอลถึงต้องไปไกลด้วยนะ ..เฮ้อ ปูซานเลยนะเนี่ย” ผมนั่งฟังเธอบ่นเป็นรอบที่ล้านแล้วแหละครับ
“ต้องทำใจแล้วแหละ ฮ่าๆ”
ผมหัวเราะออกมาก่อนที่จะลูบหัวคนตัวเล็กเบาๆ ผมว่านะ ถ้าซูจีไม่เป็นแฟนไอ้ชานยอลผมคงจีบไปนานแล้ว ผู้หญิงอะไรไม่รู้น่ารักชะมัด = w = เธอเองก็หัวเราะคิคิ ตอบผมกลับเหมือนกัน
“จริงซิ !! ต้องนั้นที่ซูจีไปหาพี่ซูโฮที่โรงพยาบาล พี่ซูโฮทำไมไม่ทักทายพี่จื่อเทาล่ะค่ะ?”
เอ๋? ไอ้จื่อเทามันมาด้วยเหรอ?
“พี่..ไม่รู้ซินะ ตอนนี้พี่เมินไอ้จื่อมันอยู่ ฮ่าๆ”
แหลสด! ผมหัวเราะกลบเกลื่อนกับความสตอเบอร์รี่ของตัวเอง ... ผมคิดว่าซูจีอาจจะยังไม่รู้เรื่องของจื่อเทาก็เป็นไปได้ ตามน้ำไปก่อนแล้วกันกู -0- ผมแอบปาดเหงื่อที่หน้าผากก่อนที่จะหันมาสนใจอาหารแสนอร่อยตรงหน้า
ปะ..ปลาหมึก!
“ซูจี พี่ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
ผมถึงกับกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ลงคอ เพราะอาหารที่ผมพึ่งกินเข้าไปมีส่วนผสมของปลาหมึก!! ผมแพ้อาหารทะเลขั้นรุนแรง ซูจียังไม่รู้เรื่องนี้ ผมไม่อยากให้เธอเป็นห่วงจึงขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ฮึก! รู้สึกจุกที่ทรวงอกจนแทบไม่อยากทำอะไร ..ผมเดินลงไปยังลานจอดลงของภัตตาคารอย่างกะเสือกกะสน แค่กๆ เริ่มหายใจไม่ออกแล้วซิ
“เอ๊ะ!! คุณครับ! เป็นอะไรหรือเปล่า?”
ผมไม่รู้ว่าคนที่วิ่งเข้ามาพยุงผมเป็นใคร แต่ที่รู้ๆคือ!!
มันมาจับก้นผมอย่างหื่นกระหาย!
เพี๊ยะ!
ดวงตามันพรางมัวจนแทบมองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น ผมสะบัดมือของผู้ชายมือไวคนนั้น แต่เขากับตบเข้ามาที่ใบหน้าของผม ..ไม่มีแรง ผมรับรู้แค่ว่าร่างกายเล็กๆมันกระเด็นไปอยู่กับพื้นซะแล้ว แค่กๆ เหนื่อย ทำไมมันเหนื่อยแบบนี้ ผมต้องไปโรงพยาบาล ...ผมต้องไปที่นั้นเดี๋ยวนี้!!!
<ซูโฮ end>
ชายร่างกำยำตัวสูงใหญ่ขึ้นคร่อมร่างเล็กที่ตอนนี้แทบไม่ได้สติเลย ร่างเล็กที่อ่อนแรงตอนนี้ทำได้เพียงหอบหายใจราวกับปลาทองขาดน้ำ ดวงตากลมฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำตา ถึงจะร้องไห้มากเพียงใด คนขึ้นคร่อมก็ไม่หยุดซุกไซร้ซอกคอขาวโอโม่
“เฮ้ย!”
จู่ๆ ผู้ชายแปลกหน้าก็มีท่าทางหวาดกลัวอะไรสักอย่างจนเขาร้องอุทานเสียงดังลั่น ซูโฮเห็นทุกอย่างไม่ชัดนัก สติของร่างเล็กเริ่มหลุดลอยไปอย่างๆช้าๆ จนไม่สามารถรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลย ... ร่างของผู้ชายสารเลว ค่อยๆหายไปกับสายลมราวกับถูกร่ายคาถา
“แฮ่ก!”
อสูรกายตัวใหญ่ยักษ์ซึ่งมาจากโลกปรภพ ได้กระโจนกัดกินร่างกายและดวงวิญญาณของมนุษย์ผู้นั้นจนหมดสิ้น มันค่อยๆ ขยับร่างกายอันน่าเกลียดและเหม็นเน่าเข้ามาหาซูโฮอย่างช้าๆ ก่อนที่จะคุกเข่าทำความเคารพ
“กระผมขออนุญาตแตะต้องร่างกายขอท่าน ผู้ซึ่งเป็นดวงใจของพญามัจจุราชตามคำทำนาย”
วูบ
แสงสีทองส่องประกายทั่วลานจอดรถ ก่อนที่ร่างของซูโฮจะลางหายไปพร้อมกับร่างของสัตว์นรก ทุกอย่างมันช่างเกิดขึ้นรวดเร็วน่าหวาดกลัว ...กล้องวงจรปิดไม่สามารถจับภาพเหตุการณ์ทุกอย่างได้ ...ไม่มีใครรู้ว่าผู้ชายร่างกำยำคนนั้นหายไปไหน
และไม่มีใครรู้ว่าซูโฮมาโผล่อยู่โรงพยาบาลได้ไง!
ความคิดเห็น