ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {ficexo}Baby witness in loveพยานรักประจักษ์ใจ hunhan krislay

    ลำดับตอนที่ #7 : BABY witnessinlove : MIND

    • อัปเดตล่าสุด 21 ธ.ค. 56



         เสี่ยวลู่ ในร่างเด็กน้อยหว่าหวา ..ความคิดถึงที่ไม่มีวันเจือจาง  



    ภายในห้องผู้ป่วย
    VIP โรงพยาบาลรักษาเด็กอ่อนโดยเฉพาะ มีร่างหนาที่ดูภูมิฐานนั่งติดขอบเตียงไม่ไปไหนเพื่อดูเด็กเล็กซึ่งหลับเป็นตายอยู่บนเตียง ริมฝีปากของเด็กน้อยดูซีดอย่าเห็นได้ชัด ถึงแม้ว่าแพทย์บอกว่าปลอดภัยแล้วแต่เซฮุนก็ไม่ไว้ใจอยู่ดี ..เขารู้สึกเป็นห่วง  ผูกพันกับเด็กแปลกหน้าคนนี้มาก

     

     

                             บางทีเซฮุนอาจจะคิดไปเอง

     

     

    เขาพยายามจะติดต่อจงอินให้ช่วยสืบหาพ่อแม่ของเด็กคนนี้แต่ติดตรงว่าโทรศัพท์แบตหมด!! ร่างหนาคิดว่าเด็กน้อยแปลกหน้าคนนี้ต้องเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ที่หนีรอดออกมาแน่ สภาพของเด็กชายดูสะบักสะบอมน่าสงสาร  ผิวพรรณเนียนนุ่มมีรอยช้ำเขียวอยู่ประปราย  หัวก็แตกมิหนำซ้ำบนใบหน้าก็มีรอยมือ เซฮุนอดไม่ได้จริงๆที่จะสงสารเด็กตาดำๆ

     

     

                             “อือ .. มา ..มี๊

     

     

    เสียงละเมอของเด็กน้อยทำให้เซฮุนหลุดออกจากภวังค์ ใบหน้าคมหันไปมองคนที่อยู่บนเตียงด้วยความเป็นห่วง อีกมองทีไรก็ทำให้เขาอดคิดถึงลู่หานไม่ได้ทุกที  ถ้าไม่เจอเด็กน้อยในสภาพนี้ เซฮุนคงคิดว่าเด็กนี้คือ ลูกของเขากับลู่หาน ซะแล้ว

     

     

                             “ไอ้เปี๊ยก เป็นอะไรมั้ย?

     

     

    เซฮุนเอ่ยถามเบาๆ คำถามนั้นทำเอาหว่าหวาขมวดน้อยๆขมวดเป็นปม ก่อนที่ร่างเด็กเล็กจะลุกขึ้นพรวดมามองหน้าเซฮุน  ดวงตาแป๋วเบิกกว้างคิดเมื่อเห็นคนตรงหน้า เซฮุนเองก็แปลกใจที่เด็กน้อยมองเขาแบบนั่น

     

     

                             “อ่อ ..อาไม่ใช่คนไม่ดีนะ

     

                             “ปะป๊า!!”

     

     

    เด็กตรงหน้าโผล่เอากอดเซฮุนด้วยความดีใจ ต่างจากเซฮุนที่อึ้งอ้าปากค้าง ร่างหนาผละเด็กน้อยออกเบาๆพรางขมวดคิ้วอย่างงุนงง  หว่าหวายิ้มแย้มอย่าสดใส ดวงตาทั้งสองข้างมันดูมีความสุขเอามากๆ เซฮุนมองกี่ทีๆก็ยิ่งรู้สึกคิดถึงลู่หานเข้าไปใหญ่

     

     

                             “ไอ้เปี๊ยก เมื่อกี้พูดอะไร? อาไม่ใช่ปะป๊าของเรานะ

     

     

    คำพูดของเซฮุนทำเอาหว่าหวาเอียงคอเล็กน้อยสำรวจใบหน้าหล่อคมไปมา ถึงแม้กาลเวลาจะผ่านไปมากแต่หน้าตาเซฮุนดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเมื่อเข้าวัย 20 ตอนปลาย ถึงอย่างไงหว่าหวาก็จำได้ดี เด็กน้อยแอบจุ๊บภาพรูปของปะป๊ากะมามี๊ทุกคืน ..ทำไมหว่าหวาจะจำปะป๊าไม่ได้ !!

     

     

                             “มองหน้าอาอีก เอาแหละๆ เราอาจจะตกใจมากไปหน่อยแต่ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวอาจะประสานงานกับตำรวจและจะพากลับไปหาปะป๊าของหนู

     

     

    เซฮุนยิ้มให้เด็กน้อยอย่างอ่อนโยนเพื่อเป็นกำลัง ก่อนที่จะลูบหัวเบาๆอย่างรักใคร่และเอ็นดู  หว่าหวายิ้มออกขึ้นมาทันที เด็กน้อยคิดว่าถ้าทำเป็นไม่รู้จักปะป๊าจะดีกว่า เพราะเดี๋ยวปะป๊าจะพาไปหามามี๊ ..หว่าหวากลัวว่าถ้าถูกส่งกลับจีนไปแล้ว จะไม่มีโอกาสได้เจอปะป๊าอีก

     

     

                             “มามี๊บอกว่า ปะป๊าตายไปแล้วดวงตาที่เคยมีความสุขตอนนี้มันเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด

     

                             “อ๊าว .. งั้นมีเบอร์มามี๊หนูมั้ย? เดี๋ยวอาจะพากลับบ้าน

     

                             “มามี๊ก็ตายเหมือนกันเด็กน้อยเลือกที่จะโกหกออกไปเพราะกลัวว่าจะถูกส่งตัวกลับจีน

     

                             “...

     

                             “มามี๊ รักปะป๊า  มามี๊แอบร้องไห้เพราะคิดถึงปะป๊า วาวาไม่เหลือใครแล้ว วาวาปวดหัว วาวาไม่อยากกลับจีน เพราะว่าวาวาไม่มีใคร

     

     

    คำพูดของเด็กน้อยดูจริงจังจนเซฮุนแปลกใจ เด็กตัวเล็กหยิบมาห่มขึ้นมาคลุมโปรงพรางตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด  เซฮุนรู้สึกสงสารเห็นใจเด็กหน้าหวานคนนี้  เขาเองก็อยากจะเลี้ยงเด็กจีนที่มีสำเนียงเกาหลีเป็นเลิศคนนี้จริงๆ ถ้าได้เด็กน้อยมาเป็นลูกบุญธรรมก็ดีซินะ

     

     

                             “เปี๊ยก ..ไอ้เปี๊ยก ร้องไห้หรอเรา?เซฮุนสะกิดเด็กน้อยในผ้าห่มเบาๆ หว่าหวาเห็นอย่างนั้นจึงเด้งตัวขึ้นมาพร้อมเบ้ริมฝีปากนิดๆให้ดูน่าเห็นใจยิ่งขึ้น

     

                             “ไม่ได้ร้อง

     

                             “ชื่ออะไร?

     

                             “ไม่บอก เพราะบอกไป ปะป๊าก็เอาไปแจ้งให้ตำรวจ แล้วตำรวจก็จะส่งวาวากลับบ้าน คำตอบที่แสนฉลาดทำเอาเซฮุนอมยิ้มนิดๆก่อนที่จะขยี้กลุ่มผมของเด็กน้อยเบาๆ

     

                             “ไม่ส่งก็ได้ อยู่กับอานี้แหละ

     

                             “ปะป๊า ...วาวาอยากเรียกว่าปะป๊า

     

                             “ฮ่าๆ ตามใจๆ เรียกปะป๊าก็ได้ แน่ใจนะว่าทางประเทศจีนจะไม่มีใครเป็นห่วง

     

                             “วาวาเป็นเด็กกำพร้าหว่าหวาเลือกที่จะโกหกอีกครั้งเพื่อจะได้ไปอยู่กับเซฮุนอย่างที่ตั้งใจเอาไว้โดยลืมขึ้นถึงจิตใจของผู้เป็นแม่ไปซะสนิทเลย

     

                             “มาอยู่กับปะป๊าไหม?

     

                             “เย่!~ อยู่ฮะ

     

     

    คราวนี้เด็กน้อยตัวเล็กก็ยิ้มแก้มฉีกถึงรูหู เขากระโดดโลดเต้นไปรอบๆเตียงโดยไม่ลืมที่จะหอมแก้มของเซฮุนเบาๆ เซฮุนเองก็ไม่ได้คิดว่าหว่าหวาเป็นภาระสักนิด หว่าหวาทั้งเป็นเด็กฉลาดและขี้อ้อน หวาดรอบเขาไปซะทุกเรื่อง มิหนำซ้ำมีเด็กน้อยอยู่เดียวแบบนี้มันทำให้เขาอุ่นใจ ..ราวกับว่ามีเสี่ยวลู่อยู่ข้างๆ

     

     

                             “วาวา ชื่อ อู๋ หว่าหวา ฮะ ^^”

     

                             “เด็กจีนนี้เก่งเกาหลีจังเลยแฮะ

     

                             “ปะป๊าของวาวาเป็นคนเกาหลี แต่หว่าหวาใช่นามสกุลของมามี๊

     

     

    คำพูดที่ดูไร้พิษภัยของเด็กน้อยทำเอาเซฮุนเลิกคิ้วอย่างใช้ความคิด .. ลู่หานก็ใช้นามสกุล อู๋ และลู่หานก็เคยบอกว่าถ้ามีลูก ลู่หานจะตั้งชื่อว่าหว่าหวา ที่แปลว่าตุ๊กตา  เรื่องทั้งหมดมันน่าคิดแฮะแต่เซฮุนก็เลือกที่จะสะบัดออกจากความคิดไปซะเพราะถึงอย่างไง ..เรื่องของเขากับลู่หานมันก็เป็นแค่อดีต

     

     

                             อดีตที่ไม่มีวันลืม

     

                             และมันยังคงเป็นปัจจุบันเสมอมา ...



                           


     

    เช้าวันใหม่ที่อากาศสดใส แต่มันกลับหม่นหมองทันทีที่ลู่หานได้รับรู้เรื่องของลูกชายจากพี่ชายของตน  ร่างเล็กทรุดลงกับพื้นทันทีที่ทราบข่าว เหล่าป้าแม่บ้านจึงพาลู่หานไปพักผ่อน แต่ลู่หานกับยื่นกรานว่าไม่เป็นไรและจะไปตามหาลูกทั้งๆที่สภาพร่างกายและจิตใจย่ำแย่สุดๆ

     

     

                             “ลู่หานนอนคริสเข้ามาในห้องพร้อมสั่งเสียงแข็ง ทำเอาลู่หานต้องจำใจนอนลงไปกับเตียงอีกครั้งหนึ่ง

     

                             “พี่คริส ... พาผมไม่หาหว่าหวา ได้โปรด ผมเป็นห่วงลูก

     

                             “พี่ก็เป็นห่วงเหมือนกัน .. ตอนนี้ชานยอลกำลังประสานงานกับตำรวจอยู่

     

                             “ละ แล้ว .. คราบเลือดข้างรถบรรทุกสิบล้อล่ะ? ผลออกมาใช้เลือดของหว่าหวาหรือเปล่า?

     

     

    คริสฝืนใจพยักหน้าเบาๆ  ลู่หานรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาทันที ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยน้ำตาที่ไหลริน ความเจ็บปวดพวกนี้ลู่หานรับมันไม่ไหวจริงๆ เขาไม่ใช่คนเข้มแข็ง  ลู่หานเป็นเพียงคุณแม่คนหนึ่งที่คิดถึงลูกชายราวกับจะขาดใจ ..

     

     

                             “ฮื่อๆ หว่าหวา

     

     

    คริสลูบหัวน้องชายเบาๆเพื่อเป็นกำลังใจ เขาเองก็เป็นห่วงหลานไม่แตกต่างจากลู่หาน ตอนนี้ตำรวจก็กำลังสืบหาเด็กชายชาวจีนกันอย่างวุ่นวายจนไม่เป็นการทำงาน  คริสเองก็วุ่นวายกับการตามหาหลานด้วยเช่นกัน แต่เขาก็ยังคงทำงานอยู่ถึงแม้จะไม่อยู่ที่จีนก็ตาม

     

     

    เขามีบริษัทอยู่ที่โซล ซึ่งเป็นบริษัทย่อยมาจากจีน มิหนำซ้ำ ในเกาหลีใต้นี้ คริสก็ไม่ได้มีแค่บริษัทเดียว เขายังเป็นเจ้าของโรมแรมระดับท๊อปของเกาหลี และเป็นเจ้าของการประมงที่ใหญ่ที่สุดในปูซาน

     

     

                             “ลู่หาน ฟังพี่นะ

     

                             “...

     

     

                             “พี่จะเอาหลานกลับคืนมาให้ได้ !”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×