คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : BABY witnessinlove : WARM
เด็กน้อยหลงทาง กับ อ้อมแขนแสนอบอุ่น
<ลู่หานtalk>
ตอนนี้ผมกับพี่คริสถึงสนามบินอินชอนแล้ว ... เรื่องราวเก่าๆเมื่อ 5 ปีที่แล้วมันไหลเข้ามาในหัวผมโดยอัตโนมัติ พี่คริสโอบไหล่ผมขึ้นรถพร้อมทั้งลูบหัวเพื่อเป็นกำลัง ผมรู้สึกดีใจที่ทางตำรวจเกาหลีสามารถจับพวกค้ามนุษย์ได้ในเวลารวดเร็ว
แต่ที่ผมกลัวก็คือ ... จะมีใครซื้อหว่าหวาไปหรือเปล่า?
พวกเขาจะช่วยหว่าหวาได้หรือเปล่า?
ลูกอ่อนแอและบอบบางมาก ....
หัวใจผมแทบสลายเมื่อพี่คริสบอกวว่าหว่าหวาถูกจับตัวไปโดยพวกค้ามนุษย์ข้ามชาติ !! ตอนแรกลูกหนีออกจากบ้านเพื่อจะไปตามหาปะป๊า มามี้ขอโทษ ...ขอโทษที่เอาปะป๊ามาอยู่กับเราไม่ได้ ทำไมหนูต้องคิดสั้นๆด้วยนะหว่าหวา ..ถ้าหนูเป็นอะไรขึ้นมามามี๊จะอยู่อย่างไงครับ?
ผมมองไปทางพี่คริสซึ้งเอาโทรศัพท์แนบหูตลอดเวลาที่มาถึงเกาหลี สีหน้าของพี่คริสดูเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ในใจของผมเต้นตุบๆ กลัวว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับหวาหว่า ดูเหมือนว่ามันจะเป็นอย่างที่ผมคิด!! พี่ชายมองหน้าผมอย่างปวดใจ ผมรู้สึกชาไปครึ่งตัวเลยที่เดี๋ยว
“ลู่หาน .. ฟังพี่นะ”
ผมกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ลงคออย่างยากลำบาก
“ไอ้ชานยอลมันบอกว่า ตำรวจเกาหลีให้เด็กที่ถูกจับมาจากจีนอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว” คำพูดของพี่คริส ทำให้ผมยิ้มได้อีกครั้ง
“แต่ชานยอลบอกว่า เด็กทั้งหมดที่มาจากจีนไม่มีหว่าหวา !!”
ผมอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เหงื่อเม็ดใหญ่มันผุดขึ้นเต็มขมับ อุณหภูมิในร่างกายมันลดต่ำลงจนผมรู้สึกมึนหัว พี่คริสจับหัวของผมไปพิงกันไหล่ของตัวเองเพราะรู้ว่าอาการของผมเริ่มแย่ลง … ลูกหายไปไหน? หว่าหวา หนูหายไปไหนลูก?
“แบคฮยอน ขับรถพาฉันไปโรงพยาบาลก่อน”
“ไม่!! พี่คริส เรารีบไปสถานีตำรวจเถอะ … ผมเป็นห่วงลูก ”
“ตะ ..แต่ ..”
“ผมสบายดี แบคฮยอนขับต่อไป”
ผมพยายามฝืนตัวเองทั้งๆที่ข้างในมันเจ็บจนทรมาน ผมเป็นห่วงลูกมากเหลือเกิน ถ้าลูกผมเป็นอะไรขึ้นมาล่ะ? ผมกับพี่คริสจะอยู่อย่างไง? หว่าหวาอย่าเป็นอะไรนะลูก มามี๊ขอร้อง …
ผมหลับตากล่ำกลืนหยาดน้ำตาที่มันจะไหลออกมา ริมฝีปากมันสั่นระริกด้วยความกลัว พระเจ้าโปรดช่วยผมด้วย ลูกคือสิ่งเดียวที่ผมเหลืออยู่ ผมไม่เหลือใครอีกแล้ว ถ้านายรู้ว่าฉันเลี้ยงลูกได้ไม่ดีแบบนี้ นายจะโกรธฉันไหมนะ เซฮุน ?
<ลู่หานend>
ความชุนละมุนวุ่นวายทุกอย่างได้หมดลง เซฮุนจึงออกจากงานปาร์ตี้โดยทางด้านหลังงานเพราะเดี๋ยวนักข่าวที่อยู่ทางด้านหน้าจะเข้าใจผิดคิดว่าเซฮุนเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาการค้ามนุษย์ข้ามประเทศ
เรียวขายาวก้าวเดินตามทางอันสลัวๆ เพื่อที่จะตรงไปยังรถพอร์ช สีเหลืองคันโปรดซึ่งจอดอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก ทว่าในระหว่างทางเดิน สายตาอันคมเข้มของร่างหนา ก็ดันไปเห็นร่างน้อยๆของเด็กอายุ4ปี กำลังนอนสลบอยู่ข้างๆรถสิบล้อคันใหญ่
คนหรือผีว่ะ?
เซฮุนอดคิดคำถามนี้ขึ้นมาในใจไม่ได้จริงๆบริเวณนี้ก็มีคนอยู่ไม่มากนักด้วยซิ เขาจะหาใครมาช่วยเด็กคนนี้ดีล่ะ? โทรศัพท์ก็ดันมาแบตหมดอีก!! เซฮุนส่ายหัวกับความซวยของตัวเองเบาๆ เขาเลือกที่จะเดินผ่านไปทำเป็นไม่เห็นเด็กน้อยเสียดีกว่า เพราะ ถ้าเป็นผีขึ้นมา ร่างหนาก็โครตซวยเลยคราวนี้
“ไอ้เปี๊ยก เอ๊ย เป็นไรเปล่า?”
ไม่รู้ทำไมจู่ๆเซฮุนก็อยากจะช่วยขึ้นมา!!
ร่างกายมันไม่ทำตามที่สมองสั่งสักนิด เซฮุนสะกิดเด็กน้อยเบาๆ แต่เด็กที่นอนสลบไม่รู้เรื่องอยู่ ก็ไม่มีทีท่าจะฟื้นขึ้นมาสักนิด ร่างหนาหันซ้ายหันขาวอย่างสับสนเหมือนเห็นว่ามีเลือดไหลออกมาจากศีรษะของเด็กหนุ่ม มิหนำซ้ำเนื้อตัวยังร้อนรุ่มราวกับเปลวไฟ ใบหน้าใสมีรอยช้ำเป็นรอยมือ ข้อมือทั้งสองข้างก็ยังมีรอยแดงเขียวของเชือก บ่งบอกได้เลยว่าเด็กคนนี้ถูกทารุณมากอย่างหนัก
เซฮุนถึงกับตาโตเมื่อเห็นสภาพของเด็กน้อย
“เชรี่ย!! ไอ้เปี๊ยกกั้นใจไว้นะ เดี๋ยวอาจะพาไปหาหมอเอง”
ร่างแกร่งอุ้มเด็กชายวัย4ขวบไว้ในอ้อมแขนแน่น ก่อนที่จะรีบวิ่งมาไปยังรถของตัวเอง ในใจของร่างหนาตอนนี้มันกังวลแปลกๆ เด็กคนนี่หน้าตาเหมือนลู่หานไม่มีผิด … เหมือนเขาด้วยจนเซฮุนรู้สึกถูกชะตา เขาไม่เข้าใจตัวเองด้วยซ้ำว่าทำไมต้องรู้สึกเป็นห่วงเด็กหลงทางที่อยู่ในอ้อมกอดมากขนาดนี้
ยิ่งมองเด็กน้อยแปลกหน้าคนนี้ .. มันยิ่งทำให้เขาคิดถึงลู่หานเข้าไปใหญ่
5 ปีผ่านไปแล้ว แต่เซฮุนกับยังลืมลู่หานไม่ได้ด้วยซ้ำ เขาพยายามหาผู้หญิงมาระบายความใคร่ เพื่อที่จะลืมเด็กหนุ่มหน้าหวานขี้น้อยใจ แต่ภาพเหตุการณ์ต่างๆมันไม่เคยถูกลบออกจากหัวของเซฮุนเลย … เขายังคงภาวนาให้ลู่หานกลับมา แม้เขาจะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ก็ตามที
ลู่หานและคริส เดินเข้ามาในสถานีตำรวจที่ตอนนี้วุ่นวายไปด้วยนักข่าวมากมาย แต่พอคริสกับลูกน้องลงจากรถเท่านั้นแหละ ทุกคนที่กำลังโวยวายถามโน่นถามนี่ ต่างหยุดเงียบ หันมามองผู้มีอำนาจเป็นทางเดียวกัน ชานยอลที่อยู่หน้าสถานีตำรวจพร้อมลูกน้องจำนวนหนึ่งจึงเดินมาโค้งให้เจ้านายของตน
“คุณอู๋ สวัสดีครับ”
สายตาคมของผบ.ตร.ที่กำลังให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอย่างมัวเมา หันมามองคริสสักพัก ก่อนที่จะเดินเข้าไปทักทายเพราะพึ่งนึกได้ว่า คนๆนี้มีอำนาจทางการตลาดมากขนาดไหน … คริสพยักหน้ารับไหว้ก่อนที่จะถามเรื่องของหว่าหวาขึ้นมาทันที เลนส์กล้องของนักข่าวต่างจับภาพของ อู๋อี้ฟานนักธุรกิจชาวจีนที่ประสบความสำเร็จไปทั่วโลก
“ผมขอคุยกับคนที่รับผิดชอบคดีนี้หน่อยซิ”
“ได้ครับ รองคิม รอท่านอยู่ในสถานีแล้ว”
“รองคิม?”
“สวัสดีครับ ผมรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คิม จงอิน”
<ลู่หานtalk>
เพียงแค่ได้ยินชื่อเท่านั้นแหละ ผมถึงกับหันหลังเดินกลับเข้าไปในรถทันที!! ไคคงยังไม่เห็นผมหรอกมั้งเพราะเขาพึ่งเดินออกมาจากสถานีตำรวจ พี่คริสเองก็เข้าใจและสั่งให้แบคฮยอนเข้ามานั่งในรถเป็นเพื่อนผม ..ตอนนี้ในใจของผมเป็นห่วงลูกจนใจจะขาด แต่คนที่รับผิดชอบคดีดันเป็นไค ... เพื่อนของเซฮุน
ผมไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคนรอบข้างของ เซฮุนอีก
อดีตสอนผมในหลายๆเรื่อง
โดยเฉพาะ เรื่องมิตร!!!
ผมนั่งตัวสั่นอยู่หลังรถ แบคฮยอนหันมามองผมเป็นระยะๆ ลูกน้องที่นั่งตรงคนขับเอง ก็ยื่นน้ำขวดให้ผมแต่ผมไม่รับ ตัวเองสั่นหงึกหงักอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากเป็นเริ่มซีดลงเรื่อยๆ ในใจของผมมันสับสนจนสติจะแตกอยู่แล้ว ผมอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกบ้าง
“คุณแบคฮยอนครับ กลับเพนท์เฮ้าส์กันเถอะครับ” ลูกน้องที่นั่งประจำตำแหน่งคนขับได้เอ่ยขึ้น แบคฮยอนที่นั่งอยู่ข้างๆคนขับก็พยักหน้าเบาๆ เป็นสัญญาณว่า ‘ออกรถ’
“พี่คริสซื้อเพนท์เฮ้าส์ที่นี่หรอ?”
“ครับ ท่านพึ่งสั่งซื้อตอนที่กำลังจะมาเกาหลี เป็นเพนท์เฮ้าส์หรูใจกลางกรุงโซล เครื่องความสะดวกสบายครบครับ”
“บอกพี่คริสด้วย ว่าเรามาอยู่แปปเดี๋ยว จองแค่โรมแรมก็พอ”
ผมพูดเบาๆอย่างไม่มีเสียงในขณะที่รถเบนซ์สีดำเงากำลังขับเคลื่อนไปตามถนนสายยาว ผมเอาหัวพิงกับกระจก สายตามันทอดมองไปตามสถานที่ต่างๆ ที่รถขับผ่าน สมองของผมนึกย้อนไปในวันวานที่ผมเคยจับมือกับเซฮุนเดินไปตามทางฟุตบาท ... อากาศตอนนั้นหนาวมาก
แต่แปลก ที่เราทั้งสองคนอบอุ่นไปสุดขั้วหัวใจ
<ลู่หานend >
คริสเข้ามานั่งในห้องสอบสวนขนาดใหญ่ที่มีผู้ต้องหา สาม คนซึ่งถูกใส่กุญแจมือไว้แน่น พวกเขานั่งทำหน้าไม่พอใจสุดๆกับสภาพของตัวเองที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ไคเดินเข้าไปนั่งตรงหน้าพวกเขาพรางส่งสายตาเหยียดหยามและชิงชัง ส่วนคริสเองก็ยื่นอยู่ข้างหลังไคโดยมีลูกน้อง 2-3 ติดสอยห้อยตามมาด้วย
“นี้คือผู้เสียหาย ..แต่เขาหาหลานของเขาไม่เจอ พวกแกทำอะไรกับหลานคุณอู๋!!”
“อะไรว่ะ ไอ้คุณตำรวจ! พวกกุก็สารภาพไปหมดแล้ว ชิบหาย! เด็กทั้งหมดก็มีอยู่แค่นั้น มันจะหายไปไหนได้” ชายหนึ่งในสามที่ดูอาวุธโสสุดโวยวาย คำพูดของชายคนนั้นทำเอาผู้หญิงที่อยู่ข้างๆถึงกับขมวดคิ้ว
“เดี๋ยวนะ หลานคุณใช่ไอ้เด็กผู้ชายที่ขี้งองแง้ป่ะ”
หญิงสาวมองไปทางคริส คริสก็พยักหน้าตามความเป็นจริง ‘
“เหอะ! ไอ้เด็กเปรตนั้นน่ารำคาญ ฉันก็เลยจับใส่กรงหมาแล้วเอาไปไว้หลังรถสิบล้อที่จอดอยู่หลังตึกงานประมูลอ่ะ”
เธอตอบออกมาหน้าตาเฉย ทำเอาคริสถึงกับปรี๊ดแตกเตรียมตัวพุ่งเข้าไปต่อยอีกฝ่ายแล้ว แต่โชคดีที่ไคลุกขึ้นมาห้ามไว้ทัน ..คำว่า จับใส่กรงหมา นั้น คริสรู้สึกฉุนเฉียวมากจริงๆ ตั้งแต่หว่าหวาเกิดมาเขาและลู่หานเลี้ยงดูอย่างดี แล้วคนพวกนี้เป็นใคร? ทำไมถึงทำกับหลานรักของเขาเหมือนสัตว์แบบนี้
“สาบานได้ว่าฉันจะถลกหนังแกออกมาคอยดู !!”
ชานยอลถึงกับชะงักเพราะเขาไม่เคยเห็นคริสตะโกนใส่ใครเป็นเป็นฟืนเป็นไฟแบบนี้มาก่อน ปกติคนอย่าเจ้านายเขาจะเป็นคนขี้เก๊ก วางมาดการเป็นนักธุรกิจตลอดเวลา แต่ตอนนี้ คริสกำลังจะเข้าไปต่อยยัยผู้หญิงปากร้ายอีกครั้ง ไคจึงห้ามเอาไว้และชานยอลก็มาช่วยดึงคริสอีกแรง
“หึ หัดอบรมหลานคุณหน่อยนะ พูดมาก! ฉันตบไปหลายรอบจนเลือดกบปากแล้วยังไม่หยุดร้องอีก”
“เวรเอ๊ยยยย!!”
ความคิดเห็น