ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {ficexo}Baby witness in loveพยานรักประจักษ์ใจ hunhan krislay

    ลำดับตอนที่ #5 : BABY witnessinlove : WARM

    • อัปเดตล่าสุด 18 ธ.ค. 56


     

           เด็กน้อยหลงทาง กับ อ้อมแขนแสนอบอุ่น   


     

                             <ลู่หานtalk>

     

    ตอนนี้ผมกับพี่คริสถึงสนามบินอินชอนแล้ว ... เรื่องราวเก่าๆเมื่อ 5 ปีที่แล้วมันไหลเข้ามาในหัวผมโดยอัตโนมัติ พี่คริสโอบไหล่ผมขึ้นรถพร้อมทั้งลูบหัวเพื่อเป็นกำลัง  ผมรู้สึกดีใจที่ทางตำรวจเกาหลีสามารถจับพวกค้ามนุษย์ได้ในเวลารวดเร็ว

     

     

                             แต่ที่ผมกลัวก็คือ ... จะมีใครซื้อหว่าหวาไปหรือเปล่า?

     

                             พวกเขาจะช่วยหว่าหวาได้หรือเปล่า?

     

                             ลูกอ่อนแอและบอบบางมาก ....

     

     

      

    หัวใจผมแทบสลายเมื่อพี่คริสบอกวว่าหว่าหวาถูกจับตัวไปโดยพวกค้ามนุษย์ข้ามชาติ !! ตอนแรกลูกหนีออกจากบ้านเพื่อจะไปตามหาปะป๊า  มามี้ขอโทษ ...ขอโทษที่เอาปะป๊ามาอยู่กับเราไม่ได้  ทำไมหนูต้องคิดสั้นๆด้วยนะหว่าหวา ..ถ้าหนูเป็นอะไรขึ้นมามามี๊จะอยู่อย่างไงครับ?

     

     

    ผมมองไปทางพี่คริสซึ้งเอาโทรศัพท์แนบหูตลอดเวลาที่มาถึงเกาหลี สีหน้าของพี่คริสดูเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ในใจของผมเต้นตุบๆ กลัวว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับหวาหว่า ดูเหมือนว่ามันจะเป็นอย่างที่ผมคิด!! พี่ชายมองหน้าผมอย่างปวดใจ ผมรู้สึกชาไปครึ่งตัวเลยที่เดี๋ยว

     

     

                             “ลู่หาน .. ฟังพี่นะ

     

                             ผมกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ลงคออย่างยากลำบาก

     

                             “ไอ้ชานยอลมันบอกว่า ตำรวจเกาหลีให้เด็กที่ถูกจับมาจากจีนอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว คำพูดของพี่คริส ทำให้ผมยิ้มได้อีกครั้ง

     

                             “แต่ชานยอลบอกว่า เด็กทั้งหมดที่มาจากจีนไม่มีหว่าหวา !!”

     

     

    ผมอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เหงื่อเม็ดใหญ่มันผุดขึ้นเต็มขมับ อุณหภูมิในร่างกายมันลดต่ำลงจนผมรู้สึกมึนหัว พี่คริสจับหัวของผมไปพิงกันไหล่ของตัวเองเพราะรู้ว่าอาการของผมเริ่มแย่ลง ลูกหายไปไหน? หว่าหวา หนูหายไปไหนลูก?

     

     

                             “แบคฮยอน ขับรถพาฉันไปโรงพยาบาลก่อน

     

                             “ไม่!! พี่คริส เรารีบไปสถานีตำรวจเถอะ ผมเป็นห่วงลูก

     

                             “ตะ ..แต่ ..”

     

                             “ผมสบายดี  แบคฮยอนขับต่อไป

     

     

    ผมพยายามฝืนตัวเองทั้งๆที่ข้างในมันเจ็บจนทรมาน ผมเป็นห่วงลูกมากเหลือเกิน ถ้าลูกผมเป็นอะไรขึ้นมาล่ะ? ผมกับพี่คริสจะอยู่อย่างไง? หว่าหวาอย่าเป็นอะไรนะลูก มามี๊ขอร้อง

     

     

    ผมหลับตากล่ำกลืนหยาดน้ำตาที่มันจะไหลออกมา ริมฝีปากมันสั่นระริกด้วยความกลัว  พระเจ้าโปรดช่วยผมด้วย ลูกคือสิ่งเดียวที่ผมเหลืออยู่ ผมไม่เหลือใครอีกแล้ว ถ้านายรู้ว่าฉันเลี้ยงลูกได้ไม่ดีแบบนี้ นายจะโกรธฉันไหมนะ เซฮุน ?

     

                                <ลู่หานend>


     

                   
     

     

    ความชุนละมุนวุ่นวายทุกอย่างได้หมดลง เซฮุนจึงออกจากงานปาร์ตี้โดยทางด้านหลังงานเพราะเดี๋ยวนักข่าวที่อยู่ทางด้านหน้าจะเข้าใจผิดคิดว่าเซฮุนเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาการค้ามนุษย์ข้ามประเทศ

     

     

    เรียวขายาวก้าวเดินตามทางอันสลัวๆ เพื่อที่จะตรงไปยังรถพอร์ช สีเหลืองคันโปรดซึ่งจอดอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก  ทว่าในระหว่างทางเดิน สายตาอันคมเข้มของร่างหนา ก็ดันไปเห็นร่างน้อยๆของเด็กอายุ4ปี กำลังนอนสลบอยู่ข้างๆรถสิบล้อคันใหญ่

     

     

                             คนหรือผีว่ะ?

     

     

    เซฮุนอดคิดคำถามนี้ขึ้นมาในใจไม่ได้จริงๆบริเวณนี้ก็มีคนอยู่ไม่มากนักด้วยซิ  เขาจะหาใครมาช่วยเด็กคนนี้ดีล่ะ? โทรศัพท์ก็ดันมาแบตหมดอีก!! เซฮุนส่ายหัวกับความซวยของตัวเองเบาๆ เขาเลือกที่จะเดินผ่านไปทำเป็นไม่เห็นเด็กน้อยเสียดีกว่า เพราะ ถ้าเป็นผีขึ้นมา ร่างหนาก็โครตซวยเลยคราวนี้

     

     

                             “ไอ้เปี๊ยก เอ๊ย เป็นไรเปล่า?

     

                             ไม่รู้ทำไมจู่ๆเซฮุนก็อยากจะช่วยขึ้นมา!!

     

     

    ร่างกายมันไม่ทำตามที่สมองสั่งสักนิด เซฮุนสะกิดเด็กน้อยเบาๆ แต่เด็กที่นอนสลบไม่รู้เรื่องอยู่ ก็ไม่มีทีท่าจะฟื้นขึ้นมาสักนิด  ร่างหนาหันซ้ายหันขาวอย่างสับสนเหมือนเห็นว่ามีเลือดไหลออกมาจากศีรษะของเด็กหนุ่ม มิหนำซ้ำเนื้อตัวยังร้อนรุ่มราวกับเปลวไฟ  ใบหน้าใสมีรอยช้ำเป็นรอยมือ   ข้อมือทั้งสองข้างก็ยังมีรอยแดงเขียวของเชือก บ่งบอกได้เลยว่าเด็กคนนี้ถูกทารุณมากอย่างหนัก

     

     

                             เซฮุนถึงกับตาโตเมื่อเห็นสภาพของเด็กน้อย

     

                            “เชรี่ย!! ไอ้เปี๊ยกกั้นใจไว้นะ เดี๋ยวอาจะพาไปหาหมอเอง

     

     

    ร่างแกร่งอุ้มเด็กชายวัย4ขวบไว้ในอ้อมแขนแน่น ก่อนที่จะรีบวิ่งมาไปยังรถของตัวเอง ในใจของร่างหนาตอนนี้มันกังวลแปลกๆ เด็กคนนี่หน้าตาเหมือนลู่หานไม่มีผิด เหมือนเขาด้วยจนเซฮุนรู้สึกถูกชะตา  เขาไม่เข้าใจตัวเองด้วยซ้ำว่าทำไมต้องรู้สึกเป็นห่วงเด็กหลงทางที่อยู่ในอ้อมกอดมากขนาดนี้

     

     

                             ยิ่งมองเด็กน้อยแปลกหน้าคนนี้ .. มันยิ่งทำให้เขาคิดถึงลู่หานเข้าไปใหญ่

     

     

    5 ปีผ่านไปแล้ว แต่เซฮุนกับยังลืมลู่หานไม่ได้ด้วยซ้ำ เขาพยายามหาผู้หญิงมาระบายความใคร่ เพื่อที่จะลืมเด็กหนุ่มหน้าหวานขี้น้อยใจ แต่ภาพเหตุการณ์ต่างๆมันไม่เคยถูกลบออกจากหัวของเซฮุนเลย เขายังคงภาวนาให้ลู่หานกลับมา แม้เขาจะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ก็ตามที


                     

     

    ลู่หานและคริส เดินเข้ามาในสถานีตำรวจที่ตอนนี้วุ่นวายไปด้วยนักข่าวมากมาย แต่พอคริสกับลูกน้องลงจากรถเท่านั้นแหละ  ทุกคนที่กำลังโวยวายถามโน่นถามนี่ ต่างหยุดเงียบ หันมามองผู้มีอำนาจเป็นทางเดียวกัน ชานยอลที่อยู่หน้าสถานีตำรวจพร้อมลูกน้องจำนวนหนึ่งจึงเดินมาโค้งให้เจ้านายของตน

     

     

                             “คุณอู๋ สวัสดีครับ

     

     

    สายตาคมของผบ.ตร.ที่กำลังให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอย่างมัวเมา หันมามองคริสสักพัก ก่อนที่จะเดินเข้าไปทักทายเพราะพึ่งนึกได้ว่า คนๆนี้มีอำนาจทางการตลาดมากขนาดไหน คริสพยักหน้ารับไหว้ก่อนที่จะถามเรื่องของหว่าหวาขึ้นมาทันที เลนส์กล้องของนักข่าวต่างจับภาพของ อู๋อี้ฟานนักธุรกิจชาวจีนที่ประสบความสำเร็จไปทั่วโลก

     

     

                             “ผมขอคุยกับคนที่รับผิดชอบคดีนี้หน่อยซิ

     

                             “ได้ครับ รองคิม รอท่านอยู่ในสถานีแล้ว

     

                             “รองคิม?

     

                             “สวัสดีครับ ผมรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คิม จงอิน

     

                             <ลู่หานtalk>

     

    เพียงแค่ได้ยินชื่อเท่านั้นแหละ ผมถึงกับหันหลังเดินกลับเข้าไปในรถทันที!! ไคคงยังไม่เห็นผมหรอกมั้งเพราะเขาพึ่งเดินออกมาจากสถานีตำรวจ พี่คริสเองก็เข้าใจและสั่งให้แบคฮยอนเข้ามานั่งในรถเป็นเพื่อนผม ..ตอนนี้ในใจของผมเป็นห่วงลูกจนใจจะขาด แต่คนที่รับผิดชอบคดีดันเป็นไค ... เพื่อนของเซฮุน

     

     

                             ผมไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคนรอบข้างของ เซฮุนอีก

     

                             อดีตสอนผมในหลายๆเรื่อง

     

                             โดยเฉพาะ เรื่องมิตร!!!

     

     

    ผมนั่งตัวสั่นอยู่หลังรถ แบคฮยอนหันมามองผมเป็นระยะๆ ลูกน้องที่นั่งตรงคนขับเอง ก็ยื่นน้ำขวดให้ผมแต่ผมไม่รับ  ตัวเองสั่นหงึกหงักอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากเป็นเริ่มซีดลงเรื่อยๆ ในใจของผมมันสับสนจนสติจะแตกอยู่แล้ว ผมอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกบ้าง

     

     

                             “คุณแบคฮยอนครับ กลับเพนท์เฮ้าส์กันเถอะครับลูกน้องที่นั่งประจำตำแหน่งคนขับได้เอ่ยขึ้น แบคฮยอนที่นั่งอยู่ข้างๆคนขับก็พยักหน้าเบาๆ เป็นสัญญาณว่า ออกรถ

     

                             “พี่คริสซื้อเพนท์เฮ้าส์ที่นี่หรอ?

     

                             “ครับ ท่านพึ่งสั่งซื้อตอนที่กำลังจะมาเกาหลี เป็นเพนท์เฮ้าส์หรูใจกลางกรุงโซล เครื่องความสะดวกสบายครบครับ

     

                             “บอกพี่คริสด้วย ว่าเรามาอยู่แปปเดี๋ยว จองแค่โรมแรมก็พอ

     

     

    ผมพูดเบาๆอย่างไม่มีเสียงในขณะที่รถเบนซ์สีดำเงากำลังขับเคลื่อนไปตามถนนสายยาว ผมเอาหัวพิงกับกระจก สายตามันทอดมองไปตามสถานที่ต่างๆ ที่รถขับผ่าน สมองของผมนึกย้อนไปในวันวานที่ผมเคยจับมือกับเซฮุนเดินไปตามทางฟุตบาท ... อากาศตอนนั้นหนาวมาก

     

     

                               แต่แปลก ที่เราทั้งสองคนอบอุ่นไปสุดขั้วหัวใจ

     

     

                                <ลู่หานend >

     

     

                       

      

    คริสเข้ามานั่งในห้องสอบสวนขนาดใหญ่ที่มีผู้ต้องหา สาม คนซึ่งถูกใส่กุญแจมือไว้แน่น พวกเขานั่งทำหน้าไม่พอใจสุดๆกับสภาพของตัวเองที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ไคเดินเข้าไปนั่งตรงหน้าพวกเขาพรางส่งสายตาเหยียดหยามและชิงชัง ส่วนคริสเองก็ยื่นอยู่ข้างหลังไคโดยมีลูกน้อง 2-3 ติดสอยห้อยตามมาด้วย

     

     

                             “นี้คือผู้เสียหาย ..แต่เขาหาหลานของเขาไม่เจอ พวกแกทำอะไรกับหลานคุณอู๋!!”

     

                             “อะไรว่ะ ไอ้คุณตำรวจ! พวกกุก็สารภาพไปหมดแล้ว ชิบหาย! เด็กทั้งหมดก็มีอยู่แค่นั้น มันจะหายไปไหนได้ชายหนึ่งในสามที่ดูอาวุธโสสุดโวยวาย คำพูดของชายคนนั้นทำเอาผู้หญิงที่อยู่ข้างๆถึงกับขมวดคิ้ว

     

                             “เดี๋ยวนะ หลานคุณใช่ไอ้เด็กผู้ชายที่ขี้งองแง้ป่ะ

     

                             หญิงสาวมองไปทางคริส คริสก็พยักหน้าตามความเป็นจริง

     

                             “เหอะ! ไอ้เด็กเปรตนั้นน่ารำคาญ ฉันก็เลยจับใส่กรงหมาแล้วเอาไปไว้หลังรถสิบล้อที่จอดอยู่หลังตึกงานประมูลอ่ะ

     

     

    เธอตอบออกมาหน้าตาเฉย ทำเอาคริสถึงกับปรี๊ดแตกเตรียมตัวพุ่งเข้าไปต่อยอีกฝ่ายแล้ว แต่โชคดีที่ไคลุกขึ้นมาห้ามไว้ทัน ..คำว่า จับใส่กรงหมา นั้น คริสรู้สึกฉุนเฉียวมากจริงๆ ตั้งแต่หว่าหวาเกิดมาเขาและลู่หานเลี้ยงดูอย่างดี แล้วคนพวกนี้เป็นใคร? ทำไมถึงทำกับหลานรักของเขาเหมือนสัตว์แบบนี้

     

     

                             “สาบานได้ว่าฉันจะถลกหนังแกออกมาคอยดู !!”

     

     

    ชานยอลถึงกับชะงักเพราะเขาไม่เคยเห็นคริสตะโกนใส่ใครเป็นเป็นฟืนเป็นไฟแบบนี้มาก่อน ปกติคนอย่าเจ้านายเขาจะเป็นคนขี้เก๊ก วางมาดการเป็นนักธุรกิจตลอดเวลา แต่ตอนนี้ คริสกำลังจะเข้าไปต่อยยัยผู้หญิงปากร้ายอีกครั้ง ไคจึงห้ามเอาไว้และชานยอลก็มาช่วยดึงคริสอีกแรง

     

     

                             “หึ หัดอบรมหลานคุณหน่อยนะ พูดมาก! ฉันตบไปหลายรอบจนเลือดกบปากแล้วยังไม่หยุดร้องอีก

     

     

                             “เวรเอ๊ยยยย!!”

     

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×