ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {ficexo}Baby witness in loveพยานรักประจักษ์ใจ hunhan krislay

    ลำดับตอนที่ #1 : INTRO

    • อัปเดตล่าสุด 12 ธ.ค. 56


     


     ฟ้าหลังฝนมักสดใสเสมอ ... แต่ทำไมผมไม่คิดแบบนั้นนะ ?
    ชีวิตของผมเหมือนขาดอะไรไป เมื่อไม่มีเขา ..คนใจร้ายที่กำหัวใจของผม



     

    เมื่อ5ปีก่อนผมอยู่กลางสะพานสายยาวที่มีเส้นทางให้เลือกอยู่สองฝั่ง ... ระหว่างทางเป็นกับทางตาย หัวใจของผมอ่อนแรงแทบหยุดเต้น ผมก้มมองลงในแม่น้ำแสนเย็นเฉียบ หมอกหนาเริ่มปกคลุมจนผมมองไม่เห็นทา  บรรยากาศที่เงียบสงัดปลุกเร้าให้หัวใจผมเต้นอีกครั้ง ผมใช้เวลาอยู่กับตัวเองโดยไม่มีใครคอยเคียงข้าง

     

     

                             ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไปแล้ว!!

     

                             ผมยังมีลูกในท้องอีกคนที่ต้องดูแล

     

                             แม้ว่าพ่อของเขาจะไม่สนใจใยดีก็ตาม ...

     

     

    ตลอดเวลาผมคิดว่าเสมอว่า คนที่ผมไว้ใจที่สุดนั้นคือ เพื่อน เพื่อนแท้ที่ไม่ทิ้งผม และ ไม่แย่งชิง ของๆผม หึ หึ บางทีผมอาจจะมองโลกสวยเกินไป ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปตามกาลเวลา หรือ บางทีมันก็ตีสองหน้าใส่ผม!!

     

     

                             “ลู่หาน

     

     

    มือเรียวยาวของพี่คริสเอื้อมมาแตะที่ไหล่ของผม ทำเอาผมสะดุ้งตัว ตื่นจากภวังค์ที่ผมสร้างขึ้น ดวงตาของผมแหงนขึ้นไปมองพี่ชายแท้ๆที่ผมเคยหนีจากเขาไป และท้ายที่สุด ผมก็ต้องโทรมทรานกับมาหาเขาเมื่อเรื่องราวทุกอย่างมันเกิดขึ้น แต่ถึงอย่างไงซะ ผมก็ไม่เคยมองเด็กในท้องเป็นปัญหา

     

     

                             ผมมองเขา ว่าเขาเป็นของขวัญจากพระเจ้า

     

                             แต่ทำไมพ่อของเด็กคนนี้ถึงมองเขา เป็นเพียง มารหัวขน

     

                             “มานั่งที่นี่คนเดียวทำไม เข้าบ้านเถอะ ป้าแม่บ้านเตรียมซุปร้อนๆไว้ให้

     

                             “ฮะ

     

     

    ผมพยักหน้าเชิงว่าเข้าใจก่อนที่จะลุกขึ้นเดินเข้าไปในบ้านแต่โดยดี ปกติแล้วบ้านผมจะมีเพียงผม พี่ชาย  แม่บ้าน และ บอดี้การ์ด อีกเป็นสิบที่ ถึงจะมีคนเยอะอย่างไง ...ในบ้านที่ทุกคนเรียกว่าคฤหาสน์ก็เงียบสงบอยู่ดีเพราะพี่คริสไม่ชอบเสียงดังสักเท่าไร

     

     

                             พอหว่าหวาเกิดมา ทุกอย่างในบ้านก็มีแต่เสียงหัวเราะและความวุ่นวาย

     

     

    หว่าหวาเป็นลูกชายของผมที่เกิดมาจากแฟนหนุ่มชาวเกาหลีคนหนึ่ง ...คนที่เห็นแก่ตัว มักมากจนผมรู้สึกรังเกียจ ผมไม่อยากให้หว่าหวารัยบรู้เรื่องราวในอดีต ให้เขารู้แค่เพียงว่า .. พ่อของเขาได้ตายหายไปจากโลกใบนี้แล้วก็พอ

     

     

                             “มามี๊ !! ป้าเทียนหมิงทำซุปไว้ให้ฮะ

     

     

    เด็กน้อยตัวแสบวิ่งมาหาผมด้วยสีหน้าร่าเริง ผมเองก็ยิ้มให้กับลูกก่อนที่ลูกจะจูงมือผมไปยังโต๊ะอาหาร ตอนนี้หว่าหวาก็อายุ 4 ขวบแล้วซินะ เวลามันช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน พี่คริสหัวเราะเบาๆในลำคอตามสไตล์คนขี้เก๊ก เมื่อหว่าหวาอ่านข่าวตอนเช้าเป็นภาษาต่างดาวให้ฟัง ผมเองก็ขำด้วย

     

     

                             “เอาล่ะๆ ลูกหยุดอ่านแล้วกินข้าวเลยนะ เดี๋ยวไปโรงเรียนสาย  ผมหยิบหนังสือพิมพ์ในมือลูกชายก่อนที่จะลูบหัวเบาๆด้วยความรัก เด็กตัวน้อยก็ยิ้มให้กับผมพร้อมทั้งใช้มือหยิบอาหารขึ้นมากินโดนไม่ใช้ช้อน =[]=

     

                             “ไอ้ตัวเล็ก!! ลูกทำอย่างนี้ได้ไงครับ

     

                             “ก็ช้อนมันหนักนี้ฮะมามี๊ วาวาหนัก~”

     

     

    ไอ้ตัวเล็กทำให้ผมกับพี่คริสส่ายหน้าพร้อมกันเบาๆ หลังจากนั้นผมก็ต้องเป็นคนป้อนอาหารให้ลูกจนหมดจาน พี่คริสมักจะฝึกให้หว่าหวาช่วยเหลือตัวเองโดยการกินข้าวโดยม่มีผมเป็นคนป้อน แต่หว่าหวามักจะใช้ข้ออ้างตลอดจนผมต้องเป็นคนป้อนให้ทุกครั้งนั้นแหละ เฮ้อ~

     

     

                             “มามี๊

     

                             “หวาหว่า ..รักษามารยาทบนโต๊ะอาหารพี่คริสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งจนหว่าหวาถึงกับเอามือผิดริมฝีปาก

     

                             “พี่ฮะ หลานยังเด็กอยู่นะ

     

     

    ผมเอามือลูบหัวลูกเบาๆ หว่าหวาเองก็ค่อยๆลดมือลงเมื่อเห็นว่าผมออกโรงปกป้อง เด็กน้อยหันซ้ายหันขวา มองบอดี้การ์ดของพี่คริสและแม่บ้าน ที่ยืนขนานกับโต๊ะรับประทานอาหารด้วยสายตาที่แสนสงสัย

     

     

                             “วาวาแค่อยากรู้ว่าทำไมเวลาเราทานอาหาร พี่ๆเขาถึงต้องมาดูเรากินด้วยอ่ะฮะ

     

                             “เพราะอันตรายอยู่กับเราทุกที่ พวกเขาก็มีหน้าที่แค่ป้องกันเราจากอันตรายพวกนั้น

     

     

    พี่คริสตอบในขณะที่ยังคงกินอาหารในจานต่อไป หว่าหวาลุกจากเก้าอี้ เดินเตาะแตะไปดึงชายเสื้อพี่คริสที่นั่งหัวมุมโต๊ะเบาๆ ผมมองการกระทำของลูกด้วความงุนงง ..พี่คริสเองก็มองหว่าหวา พรางคิ้วขมวดเป็นปม

     

     

                             “ลุงฮะ

     

                             “ว่าไงเด็กน้อย

     

                             “ถ้าปะป๊ายังอยู่ พวกพี่ๆบอดี้การ์ดก็ไม่ต้องมองเรากินอาหารใช่มั๊ยฮะ

     

                             เกร๊ง!

     

     

    คำถามที่แสนใสซื่อทำเอาช้อนในมือของผมล่วงล่นลงกับพื้นกระเบื้องเงาทันที ...ถ้าเราไม่เปิดประเด็นเรื่องพ่อ หว่าหวาก็จะไม่พูดถึง แต่นี้หว่าหวากำลังพูดถึงผู้ชายคนนั้น !! ผมพยายามควบคุมสติให้อยู่ แม่บ้านคนหนึ่งเดินมาเก็บช้อนที่ผมทำตกก่อนที่จะเดินออกไป ผมเองก็เดินตามเธอออกไป

     

     

                             ผมไม่อยากให้ลูกเห็นน้ำตาอันอ่อนแอของผม

     

     

                             “ปะป๊าจะปกป้องวาวา มามี๊ และก็ลุง เราก็ไม่ต้องอยู่ในอันตรายอีกต่อไปใช่มั๊ยฮะ คำพูดเมื่อกี้ทำเอาฝีก้าวของผมหยุดชะงัก น้ำตาไหลอาบแก้มออกมาอีกครั้ง ผมเช็ดมันอยากลวกๆก่อนที่จะหันไปหาลูก เด็กน้อยตัวเล็กจ้องมองผม แววตาของลูกดูมีความหวัง

     

                             หว่าหวาอยากอยู่กับปะป๊าของเขา

     

                             “จะไปโรงเรียนสายแล้วนะ ถ้าเราไปสายจะพลอยทำให้ลุงคริสไปทำงานสายด้วยนะ

     

                             “ตะ แต่ปะป๊า ...

     

                             “ไปกันเถอะ

     

     

    พี่คริสพูดตัดบทก่อนที่จะอุ้มหว่าหวาขึ้นมา แล้วเดินออกจากคฤหาสน์ไปพร้อมกับลูกน้องอีกสี่ห้าคน หลังจากที่ลูกออกไปแล้วผมเองก็แทบทรุดลงกับพื้น โชคดีที่ป้าเทียงหมิงและแม่บ้านคนอื่นๆมาพยุงผมเอาไว้ทัน ก่อนที่จะพาผมไปพักผ่อนที่ห้องนอน

     

     

                             ลูกคงคิดถึงปะป๊ามากซินะ

                             
    มามี๊ขอโทษนะครับ .. ที่ไม่สามารถเอาปะป๊มาอยู่กับหนูได้


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×