คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Perfect:2
Perfect 2
“ความลับไม่มีในโลก หากแต่เราเก็บมันไว้ส่วนลึกลงไป ก็จะไม่มีใครที่ได้ล่วงรู้มัน”
บทกวีในหนังสือปกสีน้ำเงินทะเลถูกเจ้าของหนุ่มเสียงดีอ่านทวนซ้ำไปซ้ำมาราวกับต้องการซึมซับความหมายของมัน ก่อนเสียงปิดหนังสือปกแข็งจะดังตบท้าย
“เฮ้ออ มันจะนานแค่ไหนกันสำหรับการปกปิดเรื่องๆหนึ่ง” พูดลอยๆออกมาไม่ได้หวังจะต้องมีคำตอบ รูปหน้าสวยเงยขึ้น มือที่เมื่อครู่ทำหน้าที่ในการพลิกเปิดหน้ากระดาษกลับสอดรองไว้ให้หัวแทน ตาจ้องตรงไปยังเพดานสีเบจพลางคิดทบทวนสิ่งที่อยู่ในใจ...
ผมไม่อยากให้ใครรับรู้ว่าภายในนั้นมีอะไรที่ผมพยายามไม่ ‘เปิดเผย’ กับสมาชิกทุกคนในวง
หากมันไม่เป็นที่ยอมรับล่ะ? ผมจะทำยังไงต่อไปดีเมื่อมันไม่อาจย้อนคืนได้เป็นดั่งเดิม เหมือนเวลาที่คงไหลผ่าน และสิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ ความสัมพันธ์ มันจะจบลงที่รูปแบบไหนผมนั้นพอเดาออก
สายตาที่จับจองไปบนเพดานเบนออกสู่นอกหน้าต่าง ลม พัดหอบไอความร้อนจากด้านนอกเข้ามาภาบในห้อง ทุกอย่างเงียบสนิท ไร้การเคลื่อนไหว.....แต่นั้นมันแค่ 2 นาที กับอีก 39 วิ ก่อนหน้านี้เท่านั้น เพราะเมื่อเสียงไขกุญแจจากหน้าหอพักถูกเปิดออก ความวุ่นวายที่มักทำให้ผมลืมเรื่อง ‘นั้น’ ก็กลับมาอีกครั้ง
“ยะฮู้! มีใครอยู่บางมั๊ยยย? อ๊ะ! นั้นรองเท้าจุนซูฮยองนี้ ฮยองพวกเรากลับมาแล้วคร๊าบบบบ” เสียงโหวกเหวกของไอ้เด็กหน้าแก่ ฮวาง ชานซอง ดังเข้ามาจนต้องยิ้มออกตาม
‘นี้ก็อีกคน ที่ไม่รู้จักโต’
“ย่าห์! นายจะเสียงดังทำไมห๊ะ? ชานซอง รบกวนคนห้องข้างๆกันหมด” เดินพูดหลังจากออกมาพบหน้าเด็กโข่งกล้ามโตที่ถือของฝากกลับมาเต็มไม้เต็มมือ
“ก็กลัวฮยองจะไม่รู้ว่าพวกผมกลับมาแล้วนะสิ ฮยองยิ่งทำงานไม่แคร์อะไรอยู่” ว่าแล้วก็เดินมานั่งที่โซฟาตัวใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิม
“ฮยอง คุณฮยองไปข้างนอกหรอ?” ถามพี่ชายที่อายุก็มากกว่าเขาแต่หน้ายังเอาะๆ ถึงหนุ่มไทยที่มักอยู่ในห้องตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา
“อื้ม คุณไปข้างนอกกับอูยอง คงกลับมาก็เย็นๆ นั้นแหละ” ปากก็บอกมือก็แกะถุงของฝากที่ชานซองหิ้วมาไม่หยุด
“ห๊ะ! อูด้งกลับมาแล้วหรอฮยอง!? ทำไมมาเร็วจัง กว่าจะถึงหอก็น่าจะบ่ายๆสิ” คิ้วเรียวขมวดถามคนที่นั่งรื้อของในถุงไม่เลิก
คำพูดของชานซองทำเอามือที่พยายามหาของฝากจากในถุงหยุดซะดื้อๆ ไร้การตอบสนองจากพี่ชายที่อยู่ตรงหน้า
‘จุนซูฮยองเหมือนจะคิดอะไรอยู่’
ก่อนที่ชานซองจะได้ถามต่อกลับมีเสียงคนเปิดประตูเข้ามาอีกครั้ง แม้ไม่หันไปมองแต่ชานซองก็รู้ว่าใครป็นคนเปิดเข้ามมา ถ้าไม่ใช่คนที่ไปงาน แฟนมีทติ้ง ร่วมกับเขา อี จุนโฮ และแทคฮยอง นั้นเอง
ทั้งสองเดินมาอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ก่อนกล่าวทักจุนซูที่อยู่กับชานซอง
“นี่พวกนายทำไมถึงพึ่งขึ้นมาห๊ะ!?” คุณปู่แดกูถามขึ้นหลังจากเงียบไปสักพัก
“โถ่ ฮยองรู้มั๊ยว่ารถข้างล่างมันไม่ที่จองอ่ะ ผมกับแทคฮยองเลยต้องวนกันตั้งหลายรอบ..แน่ะ! ฮยองไม่ต้องมาฉีกยิ้มเลย! ถ้าไม่ใช่เพราะฮยองขับเลยที่มันว่างตลอดก็คงไม่ต้องวนหลายทีหรอก” มาถึงคุณนูนอก็พูดไม่หยุดฉุด(?) ก็ไม่อยู่ และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้บรรยากาศในห้องมันดีขึ้นจากเสียงหัวเราะของทุกๆ คนกับเรื่องที่ได้ฟัง
แทคยอนได้แต่ยักไหล่อย่างไม่หยี่หระกับคำกล่าวหาที่จุนโฮได้คาดโทษเอาไว้ อันที่จริงเรื่องมันมีอยู่ว่าเขาไม่ได้ ’เผลอ’ ขับรถผ่านที่จอดว่างๆอย่างที่ไอ้ตูดเด้งมันพูดเอาไว้หรอก แต่เขา ‘บังเอิญ’ เห็น เหตุการณ์บางอย่าง อยู่ตั้งหาก
เกี่ยวกับคนที่ผมเรียกว่าเพื่อนสนิทอย่าง นิชคุณ กับ อูยอง ไอ้เด็กงานเยอะที่แทบล้นตารางในช่วงนี้ เดินคู่กันไปมา!!
หากมันจะไม่น่าประหลาดใจเลยถ้าไม่ใช่ไอ้สุดหล่อ มันพึ่งจะบอกปฏิเสธทุกคำชวนของผม แต่กลับไปเดินทอดน่องกับเด็กหัวทองซะงั้น!
ดู๊ดู แต่ละประโยคที่มันปัดความมีน้ำใจของผมสิ
ไม่ว่าจะเป็นตอนชวนไปเที่ยว....
“แทค ฉันยังไม่อยากไปไหน”
ชวนไปทานข้าว....
“ฉันไม่อยากรบกวนนาย ขอบใจว่ะ”
หรือนั่งคุยเป็นเพื่อน.....
“ฉันอยากอยู่คนเดียว..สักพัก”
ตอนนี้มันคงหมดช่วง ‘อยากอยู่คนเดียวสักพัก’ แล้วสินะ ฉันถึงได้เห็นแก ยิ้มหัวเราะอย่างกับคนถูกหวยเลยพาเด็กมาเลี้ยงแบบนั้น!?
เห็นแล้วมันก็อยากสอดรู้สอดเห็น....ขับตามแมร่งเลย!!
แต่ก็นะ ผมยังลืมไปว่ายังมี อีกบุคคล ที่ยังอยู่ในรถ หากไม่ได้ยินเสียงที่บอกให้ผมเข้าที่จอดตลอด ผมจะขับให้รู้ลึกรู้จริงตามติดชิดถึงขอบถนนที่สองคนนั้นเดินกันแล้ว
‘ชิ ตอนแรกบอกไม่อยากลงพร้อมไอ้ชาน มาตอนนี้บอกว่าอยากลงเร็วๆกลัว ไอ้มักเน่มันรอนาน แกเล่นตัวไรนักหนาว่ะไอ้ตี๋!’
สุดท้ายผมเลยจำใจวนกลับทางเดิมเพื่อเข้าที่จอดของหอพัก ซึ่งโชคดีที่มีรถออกพอดี กลับมาบนหอก็เห็นไอ้มักเน่นั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อข้างๆ จุนซูฮยองเรียบร้อย ไม่วายโดนไอ้ตุดเด้งบ่นอีก
เฮ้อออ ชีวิตของชายแทคชั่งน่าสงสารเสียนี่กระไร ไอเพื่อนรักฉันล่ะ อยากได้ยินจริงๆประโยคอะไรของไอ้ด้งมันถึงทำให้แกยอมออกจากหอว่ะ!?
ป๊าบบบ!
เป็นเสียงที่ทำให้รู้สึกเจ็บตรงกระหม่อมข้างขวาแบบสุดๆ ชนิดที่ว่าต้องเอามือมากุมกันเลย
“ไอ้แทค! เหม่ออะไรของแกเนี๊ย! พี่เรียกตั้งนาน”
“โอ๊ย!! ฮยองเล่นแรงไปแล้วนะ” ผมร้องพลางทำท่าซี้ดซ๊าด ที่คนอายุมากกว่าดันใช้กำลังทำร้ายร่างกายอันบอบบาง(?)ของผม ด้วยการใส่ Acting ระดับฮอล์ลี่วู้ดยังชิดซ้าย
“เฮ้ย! แทคเป็นไรมากมั้ย ไหนพี่ดูหน่อยสิ” เมื่อคนตรงหน้าเอื่อมมือมาหมายจะดูอาการ เด็กเลี้ยงแกะ อย่างผม เพียงแค่คีบเดียวที่มือจะแตะกัน ผมกลับกระชากแขนของจุนซูฮยองแล้วเหวี่ยงลงบนโซฟา ก่อนจะปิดทางด้วยท่อนแขนทั้งสองข้างมากั้นเอาไว้
“อะ! ไอ้แทค แกทำบ้าอะไรเนี๊ย! ลุกออกไปเลยนะ” ฮยองผมเป็นคนน่ะ! ไม่ได้เป็นหมาบ้า เล่นเบียดตัวหนีจนจะกลืนไปกับโซฟาแบบนั้นมันอะไร!?
“อะไรอ่ะ ฮยองไม่คิดจะดูแผลให้ผมแล้วหรอ?” ทำหน้าแอ๊บแบ๊ว...นี้แหละไม้ตายผม!
“แกไม่ต้องมา สำออย เลยแทค พี่ไม่หลงกลแกหรอ” จุนซูฮยองผลักไหล่ของผมนิดๆหน่อยๆ เพื่อบอกเป็นนัยๆว่าให้ผมขยับตัวออก
“ง่ะ! ถ้าเป็น เจย์ คงดูให้ผมแล้ว” นั้นสิ ถ้าเป็น เขา ถึงผมจะแกล้งสำออยยังไง พี่ชายใจดีคนนั้นก็มักจะดูแลเสมอ
“อะ ไม่แกล้งฮยองแล้วก็ได้ ไปหามักเน่กับไอ้ตี๋ในห้องครัวดีกว่า”
“เฮ้ฮยอง พวกเราซื้อของมากันเยอะแยะเลยนะ มีแต่ของอร่อยๆทั้งนั้น” ชานซองตะโกนออกมาจากทางด้านใน
‘ไอ้หมีเอ๊ย อะไรก็อร่อยหมดนั้นแหละ!’
“ฮยองเข้าไปกินด้วยกันสิ ไอ้สองตัวนั้นมันแทบจะเหมามาทั้งร้านเลยนะ” ผมเรียกจุนซูฮยองที่ยังคงนั่งอยู่บนโซฟา
“เอ่อ พี่พึ่งกินไปเอง นายไปกินเถอะ...ขอบใจมาก”
“อื้มๆ ถ้าฮยองหิวก็เข้าไปนะ” เมื่อจุนซูฮยองไม่คิดจะกินก็ไม่รู้ว่าจะไปดึงดันทำไม
ผมทำเพียงเดินเข้าห้องครัวหยิบขนมมาสองสามชิ้นแล้วตรงเข้าห้องไปที่โน๊ตบุ๊คเครื่องโปรดเพื่อเช็คข่าวสารต่างๆ ....
แต่ผมคิดไปเองรึเปล่านะ ว่าเสียงฮยองมันสั้นเครือ ตอนที่เอ่ยออกมา อ่าผมคงเหนื่อยจากการทำงานมาสินะ ถึงได้ยินแบบนั้น?
----------------------------------------------------------
ไรเตอร์มาอัพแล้ว!
ใครที่รออ่านตอนอิด้งกับพี่คุณไปเที่ยวตอนหน้า(หรือถัดไป) มีแน่!!
PS. อยากได้คอมเม้น ><
ความคิดเห็น