ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พระมาตุลาคู่บัลลังก์:The Prince Uncle ( Yaoi )

    ลำดับตอนที่ #6 : หลักปราชญ์การปกครอง

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.ค. 59



    ตอนที่ 6 : หลักปราชญ์การปกครอง


    ครั้นถึงยามราตรีซึ่งมีดวงจันทราในยามข้างขึ้นส่องสว่างมาถึงพระตำหนักของฮ่องเต้จ้าวเทียนอี้


    แม่สาวน้อยซึ่งเป็นนางกำนัลนามว่า “เสี่ยวเชียน” ได้จัดเตรียมน้ำอุ่นในอ่างหยกขนาดใหญ่


    นางฮัมเพลงร้องเล่นอย่างสบายใจที่นางได้ทำหน้าที่รับใช้พระมาตุลาหลี่หยางจื้อมากที่สุด


    ...แม้จะเป็นความรู้สึกปลาบปลื้มเพียงฝ่ายเดียว นางก็พอใจมาก...พอใจที่สุดในชีวิต...


    แล้วเสียงประตูห้องสรงน้ำก็เปิดขึ้น พร้อมปรากฏร่างสูงสง่าผ่าเผยในชุดผ้าบางสำหรับสรงน้ำ


    เจ้าจัดเตรียมน้ำเสร็จแล้วหรือยัง เสี่ยวเชี่ยน”


    เพคะ พระมาตุลา เชิญเสด็จลงได้เลยเพคะ”


    คราวนี้ ใบหน้ากลมป้อมของนางกำนัลน้อยก็ขึ้นเฉดสีแดงราวกับลูกทับทิม เมื่อชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ที่สุดรองจากตำแหน่งฮ่องเต้เท่านั้น...ทำไม พระองค์ถึงได้รูปร่างและหน้าตางดงามแสนดึงดูดใจเราถึงเพียงนี้...ผิวพรรณขาวผ่องสะท้อนแสงเทียนเปล่งประกายราวไข่มุก แถมเรือนเกศาสีดำดกหนาก็น่าสัมผัสอย่างยิ่ง...ถ้าได้โอบกอดซักครั้ง นางก็คงขึ้นสวรรค์เป็นแน่แท้!


    ขอบใจมาก เอาล่ะ เจ้าไปตามองค์ฮ่องเต้มาสรงน้ำได้แล้ว”


    เพคะ...ท่านอ๋องมาตุลา....เอ่อ...”


    ร่างสูงเพรียวงดงามปลดเสื้อคลุมสีขาว และถอดปิ่นสีทองรัดเกล้าของตนเองออก


    เรือนผมนั้นยาวสยายถึงช่วงเอวเพรียวบอบบาง ทว่าดูแข็งแกร่ง ทะมัดทะแมงสมชายชาตรี


    ช่วงหลังกว้างด้วยกล้ามเนื้องามพอประมาณ แล้วสะโพกเรียวขาว แถมช่วงขานั้นอีก...


    ดวงตาเรียวเล็กของเสี่ยวเชี่ยน เหมือนกับเห็นภาพวาดแสนงดงามในความฝัน...


    นางต้องรีบออกไปก่อนที่เลือดกำเดาจะไหลออกจากจมูกจนหมดเนื้อหมดตัว...



    ฝ่ายฮ่องเต้องค์น้อยนั้นยังสนใจที่จะอ่านหลักปราชญ์ของขงจื้อต่อไป เพื่อว่าเสด็จน้าที่รักของเขานั้น มักชอบตั้งคำถามให้เขาได้คิดเกือบทุกวัน...บางที เทียนอี้เองก็คิดว่า ต้องการให้เสด็จน้าจื้อเป็นฮ่องเต้ปกครองแคว้นเหวิ่นมากกว่าตนเองเสียอีก

    ฝ่าบาทเพคะ เสด็จน้าทรงตามให้ไปสรงน้ำแล้ว!”


    อือมๆ ข้ารู้แล้วน่า!” แล้วร่างบอบบางของเทียนอี้ก็ลุกขึ้นจากพื้น


    พร้อมกับเจ้าเปาชิงเทียนที่วิ่งนำหน้าเขาไปด้วยความสนใจใคร่รู้


    อาเปา จะรีบไปหาเสด็จน้าของข้าหรือไงนะเนี่ย!”




    จ้าวเทียนอี้เดินมาเข้าในห้องสรงน้ำ แล้วพบว่าร่างสูงโปร่งของพระมาตุลาหลี่หยางจื้อแช่อยู่ในน้ำอุ่นที่ยังมีควันขึ้นอยู่ ดวงตาของเขาหลับนิ่งเหมือนใช้ความคิดบางอย่าง แต่ว่าฮ่องเต้องค์น้อยนึกอยากแกล้งเสด็จน้าให้ประหลาดใจเล่นบ้าง จึงรีบถอดชุดขาวสำหรับสรงน้ำของตนออกบ้าง

    แล้วร่างบอบบางเปลือยเปล่ากระโจนลงอ่างน้ำที่เต็มไปด้วยดอกไม้ลอยซะกระจาย


    เทียนเอ๋อร์ !!!!” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งซึ่งแช่น้ำอยู่ก่อนแล้วตวาด


    ฟุ้ย~” ฮ่องเต้องค์น้อยพ่นน้ำออกจากริมฝีปากอิ่ม “ น้ำอุ่นดีจังเลย”


    เอาผ้าไปเช็ดหน้าสิ” หลี่หยางจื้อโยนผ้านุ่มสำหรับเช็ดหน้าและเรือนกาย


    หนุ่มน้อยผู้เยาว์วัยจึงรับผ้านั้นมาเช็ดหน้าอย่างเพลิดเพลินใจ


    ฝ่ายพระมาตุลาหนุ่มรูปงามกลับหันหลังไปชมดวงจันทร์นอกหน้าต่างกว้าง


    จักรพรรดิหนุ่มน้อยจึงนึกแกล้งน้าชายของเขา...แบบว่า...


    มือเล็กน่าเอ็นดูเข้าไปจักกะจี้เรียวเอวแกร่งนั้นซะเลย!!


    ไม่เอาน่าาา เทียนเอ๋อร์ !!!”


    ฮ่าๆ” เทียนอี้หัวเราะเสียงใส “ ข้ารู้ว่าเสด็จน้าทรงกลัวการถูกจักกะจี้มากที่สุด”


    รู้แล้ว ทำไมถึงแกล้งน้าได้ แล้วเจ้ายังไม่ถอดกวานอีกนะ!”


    เออ...” ดวงตากลมโตแสดงความตกใจเล็กน้อย “ ก็ได้ใส่ทั้งที่แล้ว อยากใส่นานๆนี่นา”


    ไม่พูดให้มากความอะไร หลี่หยางจื้อก็ขยับกายไปถอดเครื่องประดับศีรษะของหลานชายออกแล้ว วางมันบนโต๊ะเคียงอ่างน้ำหยก พร้อมกับถอนหายใจเมื่อเส้นผมยาวของหลานชายได้สัมผัสน้ำซะที!


    อายุสิบหกแล้วนะ เทียนเอ๋อร์ เลิกทำตัวเป็นเด็กห้าหกขวบเสียทีได้ไหม”


    แหม เสด็จน้าเองก็พูดจาอะไร ไม่เห็นว่าเทียนเอ๋อร์คนนี้จะโต ต่อให้ข้าเป็นฮ่องเต้หรือไม่ได้เป็น ข้าว่าท่านก็เห็นข้าเป็นเด็กไม่เลิกอยู่ดีนั่นแหละ”


    ชายหนุ่มผู้มีอายุมากกว่าจึงรั้งเรียวไหล่บางของหลานชายให้หันหน้ากลับมา


    งั้นเรามาคุยกันแบบคนโตๆกันสนทนาดีไหม”


    คุยอะไร...เหรอ” ดวงตากลมโตกระพริบไปมา


    ยามเทียนอี้ได้มองใบหน้าหมดจดสมเป็นบุรุษรูปงามที่สุดแห่งวังหลวงของพระมาตุลา แววตาคมคายแสนมุ่งมั่นของเขา ทำให้เทียนอี้ต้องยอมจำนนทุกครั้ง...เสด็จน้าจื้อหล่อเหลานัก...ถ้าข้าเป็นผู้หญิงก็คงหลงรักเขามากแน่ๆ...ความจริง...การอยู่กับเสด็จน้ามาตั้งแต่เด็ก...มันก็ไม่ใช่ความงามน่าหลงใหลที่ทำให้เขารักน้าจื้อ หากเป็นความอบอุ่นและความห่วงใยที่น้าชายมอบให้เขาต่างหาก...ทำให้เขารักเสด็จน้าจื้อเป็นที่สุด...


    น้าจื้อ...ท่านอยากคุยเรื่อง...”


    หลักคำสอนของท่านขงจื๊อที่เจ้าท่องมามีอะไรบ้าง”


    เออ...” เทียนอี้ทำตาลอยไปมาเมื่อโดนตั้งคำถาม “ มี...มีอยู่ห้าประการ”


    เจ้ากระรอกน้อยเปาชิงเทียนซึ่งวิ่งมานั่งบนโต๊ะข้างอ่างหยก แถมมันก็นึกสนุกที่ได้กัดกวานของเทียนอี้


    เฮ้ย! อาเปา อย่ากัดกวานของข้านะ”


    ร่างเล็กบางของฮ่องเต้องค์น้อยรีบลุกออกจากอ่างน้ำหยกไปคว้ากวานและกองผ้าที่เขาถอดแล้ววางบนที่สูง พร้อมกับส่งสายตาเคืองมาที่เจ้ากระรอกน้อย มันดูสับสนนักหนา


    อาเปา อยู่กับข้าต้องมีระเบียบวินัยมากกว่านี้นะ”


    ถูกต้องแล้ว วินัยสำคัญนัก” หลี่หยางจื้อกล่าว “ กลับมาอาบน้ำ แล้วตอบคำถามสิ เทียนเอ๋อร์”


    กษัตริย์องค์น้อยจึงยอมมาแช่กายในอ่างน้ำ แล้ววางนิ้วชี้จิ้มบนฝ่ามือซ้ายราวกับคำนวณเลข



    คำสอนของท่านขงจื๊อมีหลักห้าประการคือ... ศรัทธา หมายถึง ศรัทธาในธรรมชาติของมนุษย์ ขงจื๊อคิดว่า คนเรามีธรรมชาติที่ดีมาแต่กำเนิด เราจึงควรศึกษาธรรมชาติของคน เพื่อจะได้เข้าใจความดีและความสมบูรณ์แบบของธรรมชาติ”


    ข้อสองล่ะ”

    ท่านดำริว่า การศึกษาจะช่วยให้คนเข้าใจกันดีขึ้น ทั้งยังช่วยให้คนประพฤติตัวดีเป็นแบบอย่างแก่ผู้อื่นได้ด้วย และข้อสามคือการบำเพ็ญประโยชน์ ขงจื๊อคิดว่า การมีเมตตาจิตต่อกันจะทำให้สังคมเป็นสุข”


    มือเรียวบางเล่นกลีบดอกไม้เล็กๆที่ลอยน้ำ หากว่าอีกสองข้อ...เทียนอี้ดันลืมเสีย...


    ทำไมหยุดเล่า เทียนเอ๋อร์” น้ำเสียงทุ้มละมุนของพระมาตุลาถาม


    น้าจื้อ ขอเวลาประเดี๋ยวน่า”...ขอเวลานึกหน่อยสิ...


    เฮ่อ...” พระมาตุลาหนุ่มถอนใจ “ ถ้านึกไม่ได้ก็ไม่ต้องลุกขึ้นจากอ่างน้ำแล้วกระมัง”


    ข้าก็ไม่อยากแช่น้ำทั้งคืนเหมือนกันแหละ”


    อีกสองข้อ เทียนเอ๋อร์ น้ารู้ว่าเจ้าจำได้ เพราะเจ้าท่องมาแล้วนะ”


    เอาล่ะ! อีกแค่สองข้อ! เทียนอี้ เจ้าจำได้อยู่แล้ว!


    ริมฝีปากน้อยจึงเม้มอีกครั้ง แล้วตอบด้วยความมั่นใจ

    การสร้างลักษณะนิสัยและทัศนคติที่ดี คนเราต้องพัฒนาตนเองก่อนจะไปปฏิรูปสังคม การติดต่อกับคนอื่นต้องอยู่บนรากฐานของความถูกต้องและมนุษยธรรม หมายถึง “จงอย่าปฏิบัติต่อผู้อื่น ในสิ่งที่ท่านไม่ต้องการให้ผู้อื่นปฏิบัติต่อท่าน” ข้อสุดท้ายคือ ขนบธรรมเนียมและจารีตประเพณี สังคมจะพัฒนาได้ต้องมีระเบียบแบบแผน การพัฒนาปัจเจกบุคคลก็คือ การศึกษาบทกวีและดนตรีที่มีคุณค่า”


    ใช้ได้แล้ว เทียนเอ๋อร์ เจ้าต้องกลับไปบันทึกอีกครั้งด้วย”


    ฮ่องเต้องค์น้อยจึงยกเรียวแขนขึ้นด้วยความดีใจ “ อา...ในที่สุด ข้าก็ท่องคำสอนของท่านขงจื๊อได้”


    ขณะที่พระมาตุลาหนุ่มนั่งอิงขอบอ่างน้ำหยกราวกับครุ่นคิดสิ่งสำคัญที่ต้องทำต่อไป


    เสด็จน้า...ข้ามีคำถามอยากถามท่านบ้าง”


    ดูจากสีหน้าของเจ้า เจ้าคงมีคำถามมากเป็นแน่”


    ก็...วันนี้ข้ามีอายุสิบหกบริบูรณ์แล้ว...ข้าได้สวมกวานบนหัว...ข้าได้พบเครือญาติทุกคน...แม้แต่พระหมื่นปี...ทำไมนางถึงเรียกข้าว่า...ซือเทียน...ทั้งๆที่ นามนั้นเป็นนามจริงของเสด็จพ่อ”


    พระอัยยิกาหมื่นปีอู๋เซียง แม้จะเป็นพระมารดาเลี้ยงของพระบิดาเจ้า แต่พระนางทรงรักดังพระโอรสแท้ๆ...เพราะเจ้าละม้ายคล้ายคลึงกับองค์พระบิดามาก...องค์จักรพรรดิผู้ลาลับ...”


    ท่านเคยบอกว่า เสด็จพ่อมีมังกรทองนำพระองค์ไปสู่ท้องฟ้าแล้ว ข้าก็เห็นแต่ป้ายหลุมพระศพบนเนินของเหล่าบรรพชนเท่านั้นเอง”


    ผ่านไปตั้งสิบปีแล้ว เจ้ายังอุตส่าห์จำได้นะ เทียนเอ๋อร์”


    ฮ่องเต้หนุ่มน้อยหัวเราะ “ ขอบคุณน้าจื้อที่ชม แต่...ข้ากลับจำเสด็จพ่อไม่ค่อยได้เลย”


    เราก็ต่างเหมือนกัน น้าคนนี้ก็จำพ่อของตัวเองไม่ได้เท่าไหร่...”


    จริงเหรอ...ท่านจำท่านตาไม่ได้เหรอ ก็...เสด็จตาเสียชีวิตไป หลังจากเสด็จพ่อสิ้นไปไม่กี่ปีนี่นา...”


    จำในแง่ดีไม่ค่อยได้...” หลี่หยางจื้อรำพึง


    ทำไม...” หลานชายถามเปรย


    ช่างเถอะ!”พระมาตุลาหนุ่มส่ายเรียวพักตร์ “ น้าไม่ต้องการเล่าถึงเสด็จพ่อของตัวเองเท่าไหร่นัก”


    จ้าวเทียนอี้ใช่ว่าจะไม่เข้าใจ...เพราะว่าเขาก็พอทราบ...ในสมัยที่เสด็จพ่อของเขายังทรงพระชนม์ชีพ เสด็จตาหรือท่านอ๋องหลี่หยางเหวินได้ชื่อว่าเป็นผู้เชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ที่หลงแต่น้ำจัณฑ์ และชอบใช้อารมณ์ดุว่าภรรยาและบุตรของตนเอง แม้แต่กับเสด็จแม่ซึ่งเป็นธิดาคนโตของท่าน แม้แต่โอรสองค์เล็กของเขาก็ไม่สามารถอยู่ร่วมกับเขาได้ หลี่เหยียนฮวาผู้เป็นพี่สาวต้องทะเลาะกับบิดา เพื่อรับน้องชายของนางมาอยู่ในวังกับนาง ก่อนที่พระบิดาของเทียนอี้ได้ส่งหลี่หยางจื้อไปศึกษาที่สำนักผาหลันเซิงประจำนครฉางหลิง ทำให้ความห่างเหินระหว่างบิดาแท้ๆกับบุตรชายคนเดียวจึงยากที่จะมาสมานกัน...


    ...แม้ว่าเสด็จตาจะสิ้นพระชนม์ไปแล้ว...เทียนอี้ก็ยังจำภาพที่เสด็จตากับเสด็จน้าเมินหนีได้...


    พระมาตุลาเพคะ!” นางกำนัลน้อยหน้าแป้นโผล่มาอีกครั้ง แล้วนางก็หน้าแดงอีกครั้ง


    เมื่อพบว่าฮ่องเต้องค์น้อยก็นั่งแช่น้ำอุ่นกับผู้เป็นน้าชาย


    ...ช่างเป็นบุญตาวาสนาของข้าแท้ๆ...เมื่อได้เห็นบุรุษรูปงามอ่อนหวานทั้งสองอาบน้ำ


    ...องค์เทียนอี้ ฮ่องเต้ของข้า...ช่างคล้ายท่านหลี่หยางจื้อเสียจริง...แม้จะตัวเล็กไปหน่อยก็เถอะ...


    เสี่ยวเชี่ยน เจ้ามาแบบนี้ไม่มีมารยาทเลยนะ”


    นางรีบค้อมศีรษะลงด้วยความอายเป็นอย่างยิ่ง


    ขอประทานอภัยเพคะ ขอประทานอภัย”


    ฝ่ายเทียนอี้กลับตอบว่า “ ข้าอยากได้น้ำอุ่นเพิ่มอีกจังเลย พี่เสี่ยวเชียน”


    หม่อมฉันจะรีบไปตักน้ำอีกนะเพคะ” นางกล่าวอย่างร่าเริง


    แล้วร่างสูงสง่าของพระมาตุลาหนุ่มก็ลุกขึ้นจากอาบน้ำ พร้อมกับสะบัดผ้าเพื่อเช็ดตัว


    อ้าว! น้าจื้อ ท่านจะลุกไปแล้วเหรอ”


    เฮ่อ..น้าจะไปรอในห้องหนังสือ เจ้าเองก็ไม่ควรแช่น้ำนานเกินไป ตัวจะเปื่อยเอาได้!”


    คำเตือนของเสด็จน้าหลี่หยางจื้อ ทำให้เทียนอี้ยังคงลังเลอยู่ แม้ว่าเสี่ยวเชียนจะเข้ามาแถมบ่นว่า


    เอ้า เสด็จน้าไปแล้วเหรอเพคะ...ฮืออออ...”


    ไม่เป็นไรน่า พี่เสียวเชี่ยน เสด็จน้าแค่ไม่สบายใจนิดหน่อย”


    หม่อมฉันก็อยากถวายนวดแด่พระมาตุลาจังเลยเพคะ”


    น้าจื้อเขาดูไม่ค่อยอยากให้เจ้ายุ่งกับเขา เพราะเขามีกรอบส่วนตัวสูง”


    ว้า...ฝ่าบาททรงไม่รั้งเสด็จน้าเลยนะเพคะ”นางกำนัลน้อยสะบัดกระโปรงไปมา แถมมองมาที่เจ้าเปาชิงเทียนที่ยังคลานบนพื้นไปมาเพื่อสำรวจห้องสรงน้ำ


    อาเปานี่นา...ก็ไม่ช่วยข้าเล้ย...” นางบ่นส่งท้าย


    ฝ่ายฮ่องเต้องค์น้อยซึ่งยังคลอเคลียกับกลีบดอกไม้ในอ่างน้ำ กลับเกิดความคิดดีๆว่า


    ควรทำให้เสด็จน้าสบายพระทัยขึ้นมากกว่านี้...เขาควรทำอย่างไรดี...



    ~*~*~*~*~*~


    ข้าต้องการนำจื้อเอ๋อร์เข้าไปในวังมากกว่าจะอยู่กับท่าน! เสด็จพ่อ!”


    ทำไม...เจ้าจะเลี้ยงน้องเป็นลูกเองเหรอ เหยียนฮวา...”


    บุรุษวัยกลางคนยังคลอเคลียกับนารีงามข้างกายและเมรัย


    ข้าเลี้ยงเขาได้ ท่านอย่าได้ห่วงเลย”


    ถ้าเจ้าจะเอาจื้อเอ๋อร์ไป แล้วพ่อจะเหลือลูกคนไหน นังลูกอกตัญญู!”


    ท่านไม่ต้องการเขาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”


    เสียงหวานหนักแน่นของหลี่เหยียนฮวาผู้เป็นพี่สาวของเขาทะเลาะกับเสด็จพ่อ


    เด็กชายร่างบางวัยเจ็ดแปดขวบจำได้ดี...


    จื้อเอ๋อร์...มาหาพ่อ...มานี่!”


    ร่างเล็กบางถูกผู้เป็นบิดารั้งตัวไว้ “ มานี่! เจ้าต้องอยู่กับข้า...”


    ท่านอ๋องผู้เมามายยกน้ำจัณฑ์เพื่อเข้าริมฝีปากน้อยของพระโอรส


    เสด็จพ่อ! ข้าไม่อยากกินเหล้า ไม่เอา!”


    ถ้าเจ้าเป็นลูกข้า เจ้าต้องกิน!”


    ไม่เอาๆ ข้าไม่อยาก...ข้าไม่เอาาาา!”


    แล้วอ้อมแขนนิ่มนวลของผู้เป็นพี่สาวก็ดึงร่างน้อยออกมาจากบิดาเสีย


    ทำให้ท่านอ๋องผู้ขาดสติเขวี้ยงถ้วยเหล้าจนแตกกระจาย


    งั้นพวกเจ้าก็ไปอยู่ในวังของฝ่าบาทซะเถอะ! แล้วไม่ต้องมาอยู่ในบ้านของข้าอีกต่อไป!”



    พระมาตุลาหนุ่มถอนหายใจดังอีกครั้ง เขานั้น...ไม่เคยสัมผัสความรักจากบิดาบังเกิดเกล้า...

    ผู้ที่ทำหน้าที่เสมือนบิดาของเขาก็คือ ฮ่องเต้ผู้ลาลับทรงนามว่า จ้าวซือเทียน ผู้เป็นสวามีของพี่สาวคนเดียวของเขา...พระองค์นั้นยังไม่มีพระโอรสและพระธิดาเป็นของพระองค์เองเสียที พระองค์จึงโปรดปรานที่จะเลี้ยงดูเหล่าพระญาติที่ยังเยาว์วัยของพระองค์ หลี่หยางจื้อก็เป็นหนึ่งในนั้น และเขาก็เป็นน้องชายของฮองเฮา ฮ่องเต้พระองค์ก่อนจึงโปรดปรานเขามากราวกับพระโอรสองค์น้อย...


    ดวงตาเฉียบคมของชายหนุ่มมองแผ่นหลังบางของจ้าวเทียนอี้ที่ยังตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือการปกครองกับหลักปราชญ์โบราณที่เขามอบให้


    ( แถมเขาสั่งให้เทียนเอ๋อร์อ่านทุกครั้งก่อนเข้านอนอีกต่างหาก)


    ...องค์จ้าวซือเทียนในวัยหนุ่มน้อยจะคล้ายคลึงเทียนเอ๋อร์ในยามนี้หรือไม่นะ...


    ตอนที่ข้าได้เข้าเฝ้าฝ่าบาทครั้งแรก พระองค์ก็มีพระชนมายุถึงสี่สิบกว่าแล้ว...


    ...บางทีเทียนเอ๋อร์ก็เป็นภาพจำลองในวัยเยาว์ของพระองค์มาให้ข้าเลี้ยงดูกระมัง...


    ...เพื่อแสดงถึงความกตัญญูต่อพระองค์ ฮ่องเต้น้อยจะครองราชย์ด้วยพระองค์เองในอีกสี่ปีข้างหน้า


    ...อย่างสมพระเกียรติที่สุดและสง่างามที่สุด...เมื่อถึงเวลานั้น..เขาก็บรรลุหน้าที่แล้ว...


    ฮ่าๆ อาเปา อย่าเล่นพู่กันของข้าสิ”


    จักรพรรดิองค์น้อยหยิบพู่กันไม้มา แล้วจุ่มหมึกเพื่อเขียนตัวอักษรต่อไป เปาชิงเทียนนั้นก็คลานมาคลอเคลียเรียวมือบอบบางของเทียนอี้


    ข้ารู้ว่าเจ้ามันขี้ประจบนะ อาเปา”


    เทียนเอ๋อร์” ชายหนุ่มนั่งบนเก้าอี้ตรงหน้า “ อยากทราบหรือไม่ หลักคุณธรรมของท่านขงจื๊อหรือไม่”


    หลักคุณธรรมหรือ เสด็จน้าจื้อ”


    พระมาตุลาหนุ่มเปรยรอยยิ้มงามละไมแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นคงยิ่ง


    ระบบคุณธรรมในปรัชญาของขงจื๊อมีสวรรค์เป็นฝ่ายควบคุม คอยให้ความยุติธรรมแก่มนุษย์ในรูปของกฎหมายสากล ดังเช่นคำกล่าวที่ว่า “ผู้ใดทำผิด สวรรค์ย่อมลงโทษ” ระบบคุณธรรมนี้มาจากความเชื่อของชาวจีนโบราณที่ว่า สวรรค์อยู่เหนือโลก คอยสอดส่องควบคุมจริยธรรมของชาวโลก กษัตริย์เป็นโอรสของสวรรค์ ได้รับการมอบหมายจากสวรรค์ให้ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างสวรรค์กับราษฎร ความมั่นคงของกษัตริย์และราชวงศ์ขึ้นอยู่กับความกรุณาของสวรรค์ ถ้าความประพฤติของกษัตริย์ไม่ตั้งอยู่ในหลักธรรม สวรรค์ก็จะบันดาลให้เกิดภัยพิบัติต่างๆในแผ่นดิน ทั้งภัยธรรมชาติและความระส่ำระสายทางการเมืองและสังคม เมื่อนั้นก็จะมีผู้คบคิดกันโค่นอำนาจของกษัตริย์ ด้วยเหตุนี้ ผู้เป็นกษัตริย์จึงพยายามตั้งมั่นอยู่ในจริยธรรม กษัตริย์แสดงความเคารพยำเกรงสวรรค์ให้ปรากฏต่อสายตาของโลกโดยประกอบพิธีเซ่นสรวงบูชาให้ถูกต้องตามแบบแผน ส่วนประชาชนก็ทำหน้าที่โดยเชื่อฟังและภักดีต่อกษัตริย์ เมื่อถึงตรุษสารทก็ทำพิธีเซ่นไหว้ให้ถูกต้องตามประเพณี หากทำได้ดังนี้ชีวิตของแต่ละคนก็จะราบรื่น และอาณาจักรก็จะมีแต่สันติสุข”


    ท่านจดจำได้ดีถึงเพียงนี้...เลยเหรอเนี่ย...”


    ความสามารถของพระมาตุลาของเขามากมายเสียจริง!


    แน่นอนสิ เสด็จพ่อของเจ้าสอนน้าเอง ตอนที่ยังเด็กกว่าเจ้าด้วยซ้ำ”


    อือม...ข้าก็ว่าอย่างงั้น...แต่ว่า ข้าอยากรู้ว่า ท่านฝึกวิทยายุทธมาจากไหน”


    เจ้าจะรู้ไป ทำไมกัน เป็นฮ่องเต้ไม่จำเป็นต้องมีวิชาพวกนี้ เจ้าควรจำหลักการปกครองนะ”


    แต่ท่านลอยขึ้นไปได้ แล้วอุ้มข้ากับเปาชิงเทียนลงมาได้ ข้าอยากฝึกบ้างนี่นา...”


    แววตากลมโตแสดงถึงความมุ่งมั่นหรือความอยากรู้อยากเห็นกันแน่นะ?


    เช่นนั้น...เจ้าต้องฝึกสมาธิมากกว่านี้ แล้วอย่าเล่นกับเปาชิงเทียนในขณะอ่านหนังสือ”


    นั่นไง! เล่นเอาเจ้ากระรอกน้อยพลอยหัวหดตามไปด้วย!


    ข้านึกอะไรอย่างหนึ่งได้นะ น้าจื้อ ข้าว่า ท่านปรมาจารย์ขงจื๊อเองก็ยังจดจำคำปราชญ์ของท่านเองไม่ได้เหมือนกันนั่นแหละน่า...”


    การพูดจาเล่นสนุกเช่นนี้ ทำให้ดวงตาคู่งามของหลี่หยางจื๊อฉายแววดุดันทันที


    คุณธรรมของฮ่องเต้อีกประการหนึ่ง คือ อย่าได้ล้อเล่นกับบูรพาจารย์...เทียนเอ๋อร์...”


    อา..เสด็จน้า...ข้าเข้าใจแล้วพระเจ้าค่ะ...”


    ดี ” หลี่หยางจื่อเน้นน้ำเสียง “ จารีตประเพณีคืออะไร เทียนเอ๋อร์...”


    มันเป็นหลักปฏิบัติที่ว่าด้วยระเบียบของแผ่นดินและ...”


    ชายหนุ่มในอาภรณ์ขาวทั้งสองยังต้องท่องตำราแล้วตอบโต้กันต่อไป ฝ่ายเปาชิงเทียนก็ได้แต่นอนกระดิกหางม้วนจนหลับคาตักของฮ่องเต้องค์น้อยนั่นเอง



    ~*~*~*~*~*~


    ในคืนนี้ สองน้าหลานมีสาระมากนะคะ...น้าจื้อสอนหนังสือหลานได้ดีค่ะ!


    เห็นหลายคนเชียร์ให้ท่านน้าจื้อเป็นเคะ...ขอบอกว่า อุบไว้ก่อนนะคะ...><

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×