ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พระมาตุลาคู่บัลลังก์:The Prince Uncle ( Yaoi )

    ลำดับตอนที่ #15 : คู่แข่งผู้ตราหน้า

    • อัปเดตล่าสุด 22 เม.ย. 61




    บทที่ 15 : คู่แข่งผู้ตราหน้า


    ถึงยามราตรี บนลานกว้างหน้าพระตำหนักที่ประทับของผู้สำเร็จราชการแห่งต้าเหวิ่น


    ร่างสูงแข็งแรงของหลี่หยางจื้อกำลังทบทวนวิชากำลังภายในเพื่อฟื้นฟูลมปราณในร่างกายของเขาให้กลับมาแข็งแรงตามเดิม ขณะที่หลานชายหรือฮ่องเต้องค์น้อยกำลังนั่งเสวยผลไม้เชื่อมกับเจ้าเปาชิงเทียนอย่างเพลิดเพลิน


    เสด็จน้าจื้อ! ท่านแข็งแรงขึ้นแล้วจริงๆด้วยนะเนี่ย”


    จ้าวเทียนอี้ยังคงกินผลไม้อย่างเพลิดเพลิน ฝ่ายพระมาตุลาก็สะบัดร่างกายของตนตามวิชาที่ร่ำเรียนมา แม้ว่าจะรู้สึกเหนีื่อยนัก แต่ว่าเขาก็ต้องใช้ความอดทนบำบัดมันไปเสีย


    เทียนเอ๋อร์...เจ้าพร้อมเอาชนะความกลัวแล้วหรือยัง...”


    เออ...” ฮ่องเต้องค์น้อยไปไม่เป็น “ ยังเลย...”


    พระมาตุลาหนุ่มก็ตอบว่า “ น้าคิดว่า ถ้าเจ้าต้องการฝึกวิทยายุทธนั้น เจ้าก็ต้องเริ่มจากการ...”


    ร่างเพรียวแข็งแรงสะบัดหมุนตัวลงสู่พื้นอย่างรวดเร็ว ทำให้หลานชายแถมเจ้ากระรอกน้อยอ้าปากค้างด้วยความตะลึงงัน “ การใช้ร่างกายให้เป็นประโยชน์”


    อ่า...ข้าตกลงจะฝึกกับท่าน เอ้อ! ข้ามีคำถามด้วย”


    ว่ามาได้ เทียนเอ่อร์”


    ท่านพบกับพี่หลางแล้ว ท่านคิดว่าอย่างไร...”


    พระมาตุลาหนุ่มแห่งวังหลวงจึงกลับมายืนอย่างสง่า “ ก็ยังเด็ก แต่คิดอ่านใช้ได้ดี เขามีจิตใจเมตตา...ไม่เหมือนผู้เป็นบิดาเท่าไหร่...น้าก็ยินดีให้เขาทำงานในวังนี้”


    เยี่ยมเลย! เยี่ยมที่สุด!ฮ่าๆ”


    มือเรียวบางของจ้าวเทียนอี้ขยี้หัวของเปาชิงเทียน ซึ่งยังกินผลไม้อย่างไม่สนใจอะไร


    ถ้าพี่หลางเป็นคนดีและเรียบร้อย ข้าก็ว่า จะให้เขาเป็นเพื่อนเล่นกับข้า รวมถึงอาเปา”


    เทียนเอ๋อร์...” หลี่หยางจื้อถอนหายใจ “ เลิกคิดเป็นเด็กได้แล้ว”


    ถ้าท่านน้ายังอยู่...เทียนเอ๋อร์คนนี้ก็จะไม่โต ฮ่าๆ”


    เสียงหัวเราะสดใสของฮ่องเต้องค์น้อยเกิดขึ้น เพราะเขาดีใจที่ได้พบพี่หลางในวันนี้...


    ...ป่านนี้ พี่ยงหลางคงอยู่ที่บ้านของท่านมู่หรงแล้วมั้ง...


    ...พรุ่งนี้ชวนเขาไปชมวังให้ทั่วดีกว่า...จะได้สนุกกัน...


    ~*~*~*~*~*~


    ในเวลาเดียวกัน จวนของสมุหกลาโหมมู่หรงซู่กำลังครึกครื้นอย่างเต็มที่ บุตรชายบุญธรรมของเขานามว่า มู่หรงยงหลาง กำลังอ่านหนังสือสมุนไพรที่ยืมมาจากหอสมุดแห่งวังหลวงฝ่ายหน้าด้วยความสนอกสนใจภายในห้องหนังสือประจำจวน จนกระทั่งผู้รับใช้ได้มาตามให้เขาเตรียมตัวในงานฉลองการต้อนรับคุณชายมู่หรงอย่างเป็นทางการ ยงหลางนั้นก็ไม่ได้คิดว่าตนเองสำคัญถึงขนาดที่ท่านพ่อจะต้องอวยยศให้เขาถึงเพียงนี้ แต่ว่าเขาก็กลัวท่านพ่อจะตำหนิแน่ ถ้าไม่เข้าร่วมงานมงคลครั้งแรกของเขา ชายหนุ่มร่างผอมจึงยอมวางหนังสือสมุนไพรเล่มนั้นลง แล้วแนบขลุ่ยคู่ใจของตนเข้ากับผ้าผูกเอวของตนไปแทน...


    ดวงตาเรียวใหญ่ของยงหลางเห็นบิดาบุญธรรมในชุดประจำตำแหน่งสีแดงเพลิงลายพยัคฆ์กำลังสนทนาอย่างออกรสกับเหล่าขุนนางซึ่งเป็นเหล่าสหายของมู่หรงซู่ แต่ว่ายงหลางนั้นก็ยังรู้สึกเขินอายกับที่ต้องมาเจอคนแปลกหน้าที่เป็นชนชั้นระดับสูงที่เขาไม่คิดว่า เมื่ออายุได้ยี่สิบปีแล้ว ท่านพ่อจะเปิดหูเปิดตาให้เขามาอาศัยในนครฉางหลิงเสียที...แม้จะคิดถึงท่านยายอู่ก็ตาม...


    เอ้า! ยงหลาง เจ้ามาแล้วสินะ ลูกข้า” มู่หรงซู่กวักเรียวมือใหญ่เรียกร่างผอมเพรียวในชุดยาวสีม่วงเข้มปนแดงลายพยัคฆ์คำรามสีทองของมู่หรงยงหลาง ชายหนุ่มจึงเดินมาเคียงร่างงามสง่าแสนยิ่งใหญ่ของผู้เป็นบิดาบุญธรรม มู่หรงซู่ตรงเข้าโอบไหล่กว้างของบุตรชาย


    ทุกท่าน นี่คือ มู่หรงยงหลาง บุตรบุญธรรมของข้า จากเขตหยุนเตอ เขาจะมาเป็นทายาทของข้า และว่าที่สมุหกลาโหมคนต่อไปแห่งแคว้นเหวิ่น หลังจากข้าสิ้นชีวิต”


    อ้อ...หน้าตาคมคายแถมน่าเอ็นดูนะ”


    สง่าดีแท้ เจ้าพอมีโหวงเฮ้งเป็นผู้นำได้เลย”


    เราต่างยินดีที่ได้้เห็นบุตรชายของท่านมู่หรง”


    ยงหลางก็คำนับต่อเหล่าขุนนางรายล้อมเขากับบิดาบุญธรรม “ ขอบคุณทุกท่านขอรับ”


    จนกระทั่งอาคันตุกะอีกสองท่านได้มาเยือน คราวนี้มู่หรงซู่รู้สึกเบิกบานใจมากกว่าทุกครั้ง คนนำหน้าเป็นบุรุษวัยกลางคนใกล้ชราที่มีรูปลักษณ์สง่าผ่าเผย แม้ว่าเกศายาวจะเป็นสีเทาทั้งหมด เขาก็ยังดำเนินมาอย่างสง่างาม พร้อมกับดวงตาเรียวคมดังปลายมีด แถมหนวดเคราสีเทายาวถึงอกกว้าง อาภรณ์ของเขาเป็นสีเทาเข้ม พร้อมสวมหมวกใบกว้าง แสดงถึงความเป็นอาวุโสผู้หนึ่งเลยทีเดียว แล้วผู้ติดตามหลังมานั้น เขาเป็นชายหนุ่มอายุราวยี่สิบห้าปี เขาเป็นคนร่างสูงสง่าคล้ายคลึงกับขุนนางผมสีเทา ประกอบกับเรียวคิ้มเฉียงลงรับกับดวงตาที่ถอดพิมพ์เดียวกันมาไม่ผิดเพี้ยน เขาอยู่ในอาภรณ์สีเขียวไข่กา พร้อมกับถือพัดสีขาวด้วบบุคลิกแสนงามสง่าเช่นเดียวกับหน้าตาของเขา สามารถหลอมละลายหัวใจของสตรีได้ไม่ง่าย แม้แต่บุรุษนั้นก็ต้องตะลึงงงงัน


    ท่านอดีตอัครเสนาบดีจางเทาเจี้ยนกับบุตรชายคนเล็กจางเจียเหานี่เอง ฮ่าๆ”


    เสนาบดีเจ้าของผมสีเทายิ้มปรายต่อมู่หรงซู่ “ ข้ายินดีนักที่ได้พบท่าน สหายผู้น้อง”


    มู่หรงซู่จับมือใหญ่หากว่าเหี่ยวย่นของท่านจางเทาเจี้ยน “ ข้ายินดีที่ได้พบ ท่านพี่จางขอรับ”


    แล้วเขาก็ทักทายต่อชายหนุ่มรูปงามแต่ถือพัดสะบัดไปมาแสดงความเย่อหยิ่งในศักดาอย่างยิ่ง


    คุณชายเล็กแห่งสกุลจาง ท่านก็สง่างามไม่ผิดท่านพ่อ ครั้งยังหนุ่มเลยนะ”


    ชายหนุ่มร่างสูงผู้นั้นก็หุบพัดลง พร้อมใส่สายตาเรียวคมต่อผู้ที่อยู่เบื้องหน้าตน


    ขอบคุณที่ชม ท่านแม่ทัพผู้เกรียงไกรแห่งต้าเหวิ่นของเรา”



    อ๊า...ดีๆ ไหนล่ะ ลูกชายของท่าน” ท่านอดีตเสนาบดีจางถามอย่างสนใจ


    อ้า...ยงหลาง!” มู่หรงซู่เรียกขานหนุ่มน้อยคนเดียวในวงสนทนาของเหล่าขุนนาง


    ทำให้ชายหนุ่มตรงมายืนเพื่อคำนับผู้มาในงานเลี้ยงอีกครั้ง


    นี่คือ บุตรบุญธรรมของข้า ท่านเสนาจาง คุณชายจาง ข้าเรียกเขาว่า ยงหลาง”


    ยินดีที่พบพวกท่านขอรับ” ยงหลางแสดงคารวะอีกครั้ง


    ชายหนุ่มผู้นั้นก็แนะนำตัวบ้าง “ ข้าชื่อว่า จางเจียเหา บุตรแห่งจางเทาเจี้ยน”


    ครั้นพอมู่หรงยงหลางเงยหน้าขึ้น ชายหนุ่มก็ตะลึงงันในความหล่อเหลาของคนตรงหน้า


    แต่บุรุษหนุ่มในชุดอาภรณ์สีเขียวก็จ้องมองเขาราวกับใช้สายตามองเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ราวกับว่าเย้ยหยัน...ยงหลางนั้นถึงจะไม่ค่อยเข้าใจธรรมเนียมของนครหลวงเท่าไหร่ แต่สายตาที่มองมานั้นเหมือนกับว่า ชายหนุ่มหน้าตาดีผู้นี้กำลังดูหมิ่นเขาเป็นแน่...ใบหน้าเรียวมนจึงเมินหนีทันที...ไม่พึงพอใจเลย...


    หน้าตาคมคายดีนี่นา ดูอ่อนโยนเสียด้วย... ถึงข้าว่าเขาจะตัวเล็กเกินกว่าจะเป็นสายสกุลมู่หรงซักหน่อย ซึ่งมีแต่รูปร่างสูงใหญ่ดังภูผามาหลายชั่วอายุคนก็ตามที” จางเทาเจี้ยนกล่าวชม


    ยงหลาง ถึงจะภายนอกนั้นผอมบาง แต่เขาก็เป็นคนแคล่วคล่องว่องไว และปราดเปรื่องในการใช้ดาบ กระบี่และธนูเป็นอย่างยิ่ง ข้าพอใจที่เขามีทักษะในการรบมาหลายปีแล้ว”


    จางเจียเหาหัวเราะเล็กน้อย “ ข้าก็มั่นใจว่า ท่านมู่หรงรักบุตรชายของท่านแน่นอนขอรับ”


    หากว่า สายตาคู่นั้นยังจับจ้องมู่หรงยงหลาง พร้อมกับริมฝีปากงามคมริบดังดาบที่พร้อมจะสังหาร...


    ขณะที่สาวใช้ผู้ชรากำลังจะยกชุดน้ำชามาต้อนรับแขก ชายหนุ่มก็รู้สึกสงสารในความชราภาพของนางนักหนา จึงอาสารับชุดน้ำชาไปยกให้ด้วยตัวเอง


    คุณชายเจ้าคะ ไม่จำเป็นหรอกเจ้าค่ะ ข้ายกไปเองได้”


    ท่านป้า ไม่เป็นไร ข้ายกไปให้ท่านพ่อได้ แรงของข้าก็มีไง ฮ่าๆ”


    เดี๋ยว ท่านพ่อจะตำหนิเอานะเจ้าคะ”


    แต่ว่าชายหนุ่มผู้มีใจเมตตากรุณาเป็นที่ตั้งกลับยกถาดน้ำชามาไว้ในมือ แล้วตั้งใจว่าจะยกไปให้บิดาบุญธรรมของตน ร่างสูงสง่าในอาภรณ์สีไข่ไก่ก็เข้ามายืนขวาง พร้อมกับฉายรอยยิ้มเยาะเย้ย


    จนยงหลางรู้สึกรำคาญใจนักหนา...ตาคนนี้ถือดีอะไรมาขวางทางของข้า...


    ขออภัย คุณชายจาง โปรดหลีกทาง”


    แต่ว่าใบหน้าหล่อเหลานั้นกลับยืนขวาง แถมฉายรอยยิ้มบนริมฝีปากสีแดงเรื่อนั้นอีก


    ความหล่อเหลาจากใบหน้าหมดจดของบุตรเสนาบดีแสนสูงศักดิ์นั้น ทำให้ยงหลางรู้สึกใจเต้นนักหนา


    แต่มันไม่เหมือนที่เขารู้สึกตอนพบกับฮ่องเต้องค์น้อยจ้างเทียนอี้ พระมาตุลาหลี่หยางจื้อ


    หรือพี่องครักษ์เหอจวิ้นฮุยที่ผ่านมาแล้วเลย...เพราะว่า...


    ...บุรุษผู้นี้ แสดงแววตาที่ไม่ได้เจตนาแสนดีต่อเขา...ทำให้ยงหลางกำลังตัวสั่นด้วยความกลัว...


    อนิจจา คุณชายมู่หรง เจ้าเป็นถึงบุตรบุญธรรมแห่งสมุหกลาโหม ไฉนต้องมาทำหน้าที่เป็นคนรับใช้เช่นนี้เล่า...น่าละอายเสียจริง...”


    ข้าทำหน้าที่ของบุตรชายของท่านพ่อที่ยกชุดน้ำชาต้อนรับให้ท่านและสหายของท่าน ข้าทำผิดอะไร”


    หึๆ คุณชายมู่หรง ลูกขุนนางเขาไม่ทำหน้าที่แบบนี้หรอก มันเป็นหน้าที่ของคนรับใช้...แสนสามัญแท้ๆเชียวนะ...”


    มู่หรงยงหลางจึงโต้กลับ “ หน้าที่ของคนสามัญก็ดีกว่าคนสูงส่ง แต่มาขวางทางคนอื่น ขออภัยเถิด”


    ร่างเพรียวของชายหนุ่มผู้เป็นบุตรบุญธรรมแห่งสกุลมู่หรงจึงดันกายผลักไหล่กว้างของคุณชายจางเจียเหาผู้นั้น...โดยที่อีกฝ่ายนั้นกลับยิ้มกริ่มด้วยเจตนาร้ายกาจ


    เจ้าเด็กคนนี้...คุณชายกำมะลอหรือ...น่าขันนักหนา...


    ...หน้าตาก็น่าเอ็นดูดีหรอก...น่าสนใจนัก ถ้าสกุลมู่หรงจะมีผู้สืบสกุลเช่นนี้...


    ...ใกล้ถึงความพินาศของสกุลมู่หรงผู้กล้าแห่งต้าเหวิ่นหรืออย่างไร...


    ~*~*~*~*~*~


    ฝ่ายมู่หรงซู่นั้นก็เห็นบุตรชายบุญธรรมของตนยกถาดน้ำชามา สายตาดุดันของแม่ทัพหนุ่มใหญ่ก็แสดงความหน่ายใจนักหนา มู่หรงซู่ตำหนิจึงทันที


    ยงหลาง! เจ้ายกถาดน้ำชามาทำไม”


    ขออภัยขอรับ ท่านพ่อ! ข้าอยากช่วยท่านป้า เพราะนางอายุมากแล้ว ข้ากลัวว่านางจะถาดน้ำชาหกแล้วมันจะทำให้พื้นในห้องนี้เลอะเทอะได้ขอรับ...”


    หืมมม...ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่พ่อจะเห็นเจ้ายกน้ำชานะ จำไว้!”


    ยงหลางจึงค้อมศีรษะลงด้วยความสำนึกผิด พร้อมกับวางถาดน้ำชาลงบนโต๊ะรับรอง


    ทว่าท่านเสนาบดีจางกลับส่ายหน้า “ ไม่ต้องดุเขาหรอก ท่านมู่หรง บุตรชายของท่านเป็นคนมีเมตตาและต้องการช่วยเหลือสาวใช้ ข้ากลับว่า เขาน่าสรรเสริญนักหนา”


    นั่นนะสิ ลูกชายของข้า เอาแต่ใจเกินข้าสั่งสอนอีกแนะ ” ขุนนางอีกท่านเสริม


    มู่หรงซู่ส่ายหน้าเรียวคมเข้มของตนไปมา “ เขาต้องรู้จักฐานะตนเองให้เหมาะสมกว่านี้ ข้ากำลังฝึกยงหลางอยู่นั่นแหละทุกท่าน เขาต้องรับหน้าที่สำคัญต่อจากข้า”


    ฝ่ายคุณชายจางเจียเหาซึ่งเดินตามมา เขายังคงพัดให้กับตนเองด้วยท่าทีแสนสำรวยนักหนา


    ไม่ต้องกังวลหรอก ท่านมู่หรง ข้าเชื่อว่า น้องชายยงหลาง จะปรับตัวกับที่นี่ได้ดี”


    เจ้ามาก็ดีแล้ว เจียเหา” ท่านอดีตเสนาบดีกล่าว “ มานั่งทานข้าวกับพ่อเถอะ”


    ขอรับ” ร่างสูงยิ่งของจางเจียเหาก็ดำเนินไปนั่งบนเก้าอี้ข้างบิดาของตน


    ฝ่ายหนุ่มน้อยยงหลางก็รู้สึกไม่พอใจต่อบุคลิกของคุณชายจางเช่นนี้เลย...


    อาหารรสเลิศแถมการร่ายรำของสตรีที่ท่านพ่อคัดมาเพื่อฉลองเขาก็ไม่ได้ทำให้ยงหลางรู้สึกสบายใจนัก เพราะต้องมานั่งใกล้กับคุณชายแสนสำอางผู้นี้ ซึ่งสนทนากับท่านพ่อบุญธรรมของเขาไปอย่างดี


    ~*~*~*~*~*~


    พอเหล่าขุนนางพากันดื่มเมรัยกับท่านพ่อบุญธรรมมู่หรงซู่ ยงหลางซึ่งไม่ค่อยชอบกลิ่นเครื่องดื่มชนิดนี้จึงเดินหนีออกมานั่งบนศาลาริมน้ำประจำจวน พลางถอนหายใจให้กับบรรยากาศรอบข้าง

    ดวงตาเรียวใหญ่แสนอ่อนโยนของเขามองไปยังท้องฟ้าประดับดวงดาราสุกสกาว ซึ่งก็ดีเหมือนกันที่คืนนี้ไร้แสงจันทรามาบดบังดวงดาว...ริมฝีปากบางเอ่ยถึงสวรรค์...เทียน...เทียนเอ๋อร์...


    ...ฮ่องเต้องค์น้อยของข้า...พรุ่งนี้ให้ข้าได้พบท่านอีกนะ...ข้าอยากพบท่านจริงๆ...


    ชายหนุ่มนึกขึ้นว่า ตนเองควรเป่าขลุ่ยให้จิตใจผ่อนคลายขึ้น จึงหยิบขลุ่ยขึ้นมาบรรเลงให้ดังกังวาน แสดงถึงความรู้สึกดีๆที่ได้พบพระมาตุลาหลี่หยางจื้อ แม้ว่าสายตาคู่นั้นจะดูจริงจังนักหนา แต่เขาก็ชื่นชมข้าแล้วยินดีช่วยดูแลทหารเป็นอย่างดี...ความยินดีในการสนทนากับท่านพี่ฮุย...แล้วเสียงหัวเราะแสนสดใสของเทียนเอ๋อร์...เป็นสิ่งที่ล้ำค่าที่สุด...ก็ดีเหมือนกันที่ข้าได้อยู่ในเมืองหลวงซักที...


    แสงดาราสุกสกาวพราวสดใส


    ข้านั้นแต่นึกในดวงทหัยของข้านี้


    ยินดีนักยามประสบพบโอรสสวรรค์


    พาสุขสันต์มายังชีวาไม่อาจเลือน


    ยงหลางคนนี้ไม่อาจฝากอะไรได้


    เพียงฝากใจในจันทรางามคล้อยเคลื่อน


    เพียงฝากไว้ในความจำคอยย้ำเตือน


    ไม่อาจเลือนเทียนเอ๋อร์ที่พบแล้วได้เลย



    ...เสียงขลุ่ยใสกังวานของมู่หรงยงหลาง...นำพาความชื่นใจมาสู่ผู้มาเยือน...จนเขาเอ่ยชม...


    โอ..ไม่น่าเชื่อว่า คุณชายคนใหม่แห่งสกุลมู่หรง จะเป่าขลุ่ยได้ไพเราะเพียงนี้”


    เสียงทุ้มแสนเย้ยหยันนั้น ทำให้ยงหลางต้องเหลียวกลับไป ร่างสูงสง่ากับใบหน้าหล่อเหลาที่แสดงความมาดร้ายในแววประกายงามดังดวงตาหงส์ของเขา ชายหนุ่มยังใช้พัดนั้นสะบัดให้แก่ตนเอง


    ท่าน...คุณชายจาง...ไฉน ท่านถึงออกมาจากงานรับรอง”


    ข้าควรถามเจ้ามากกว่า คุณชายมู่หรง ในเมื่อเป็นงานรับรองต้อนรับเจ้าโดยแท้...”


    สายตาเรียวคมจับจ้องใบหน้าเรียวแสดงถึงความตรงไปตรงมาของยงหลาง


    เจ้ากลับออกมาจากงานเลี้ยงทำไมเล่า คุณชายคนดี”


    ข้า...ข้า...ไม่ชอบดื่มเหล้าและกลิ่นเหล้า...จึงปลีกตัวออกมา...”


    จางเจียเหาหัวเราะเยาะ “ เจ้าก็เลยมานั่งเป่าขลุ่ยคนเดียวสินะ คุณชายคนรับใช้ ฮึๆ”


    ความสุขใจของข้า ว่าแต่ท่านเถอะ ทำไมต้องแสดงอาการเหยียดหยามข้าด้วย”


    คุณชายแสนสำอางนั้นกลับยิ้มเยาะต่อคำพูดตรงไปตรงมาของมู่หรงยงหลาง


    เจ้าจะรู้อะไร เจ้ามาเป็นบุตรบุญธรรมของสกุลมู่หรงที่มีชื่อเสียงในการศึกสงครามมานานแล้วตั้งแต่นครฉางหลิงเปลี่ยนราชวงศ์ใหม่มาเป็นราชวงศ์จ้าวนี้ ส่วนสกุลของข้าคือ สกุลจาง เป็นเชื้อสายของราชวงศ์เดิมที่ก่อตั้งนครฉางหลิงแห่งนี้ นับแล้ว ข้าก็เป็นเชื้อพระวงศ์เช่นเดียวกัน รู้ไหม”


    ยงหลางกลับวางขลุ่ยไม้ลงข้างกาย “ ข้านึกว่า เชื้อพระวงศ์ที่ดีจริง ไม่แสดงอาการเหยียดหยามใครหรือดูถูกผู้ใด เพราะพระมาตุลาหลี่นั้นยังทรงเมตตากับข้า หรือแม้แต่ฮ่องเต้องค์น้อยกลับทรงแสดงความเมตตาให้แก่ข้า โดยไม่สนใจว่า ข้าเป็นใครมาจากไหนทั้งนั้น...”


    จางเจียเหาหุบพัดขาวในมือลง พร้อมเดินมาประชิดใกล้ร่างเพรียวบางของมู่หรงยงหลาง


    เจ้าไปพบพระมาตุลาผู้นั้น แม้แต่องค์จักรพรรดิมาแล้วหรือไร”


    ใช่” ยงหลางตอบ “ ข้าพบพวกเขาแล้ว”


    คุณชายจางเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนโต้ว่า “ เอาซิ เจ้าจะได้รู้ว่า ใครกันแน่ เป็นเชื้อพระวงศ์ที่แท้จริง แซ่จางหรือแซ่เจ้าที่โค่นล้มราชวงศ์จางกัน...”


    ร่างสูงสง่านั้นนั่งลงข้างยงหลางด้วยความคิดมาดร้ายของตน


    มือเรียวได้รูปของคนเจ้าเล่ห์ลูบไล้ปอยผมยาวทรงหางม้าของยงหลาง พร้อมกับยกเรือนผมนั้นขึ้นจูบ


    เอ๊ะ ! ท่านจะทำอะไร...” ยงหลางรู้สึกผวานัก


    หึๆ” จางเจียหางหัวเราะในลำคอ “ คุณชายมู่หรง จะว่าไป เจ้าก็น่าเอ็นดูนัก พอดีว่า ข้าสนใจหนุ่มน้อยจากบ้านนอกที่ได้มาเป็นลูกขุนนางซะด้วยสิ มิหนำซ้ำ เสียงขลุ่ยแสนหวานของเจ้ายังปลุกเร้าอารมณ์ของข้ามากซะด้วย...”


    เรียวมือใหญ่ทั้งสองข้างได้ทีรัดเรียวเอวบอบบางของยงหลาง พร้อมกับซุกไซ้ท้ายทอยของหนุ่มน้อย


    ตรงหน้า จนยงหลางทั้งตกตะลึง ทั้งตกใจแล้วกลัวจนสั่นทั้งร่างเป็นอย่างยิ่ง


    ท่าน! คุณชายจาง! ปล่อยข้านะ! ท่านจะทำอะไรใส่ข้า...ปล่อย...ปล่อย...”


    คุณชายแห่งสกุลจางผู้ชั่วร้ายก็ดันร่างบางของยงหลางลงบนม้านั่งของศาลา พร้อมกับใช้ริมฝีปากสี


    ทับทิมของตนดึงคอเสื้อด้านหลังจนเผยให้เห็นเรียวไหล่ขาวนวลอมน้ำผึ้งไม่ได้กร้ามแดดของยงหลาง


    คุณชายมู่หรง...ผิวสวยเหมือนกันนะเนี่ย...น่าสนใจกว่าที่ข้าคิดแต่แรกเห็นจริงๆ...”


    ริมฝีปากนุ่มนั้นจูบลงบนเนื้อนวลบางแล้วดันร่างตนเองนอนแนบแผ่นหลังของหนุ่มน้อย


    ไม่...อ๊ะ...”


    แต่หนุ่มน้อยกลับรู้สึกเคว้งคว้าง เมื่อมือเรียวนั้นลูบช่วงต้นขาเรียวภายใต้กางเกงสีม่วงเข้ม


    ทำไมจะไม่ได้เล่าคุณชายน้อย ข้าก็แค่อยากรู้ว่า สายเลือดลูกคนชั้นต่ำมีดี


    อะไรมาอยู่ในสกุลสูงส่งได้...เจ้าก็เป็นเด็กบำเรอของท่านมู่หรงซู่มาก่อนใช่ไหม...”


    ไม่...ท่านพ่อไม่เคยทำกับข้าแบบนี้...ปล่อยนะ...ท่านพ่อ...ท่านพ่อ...”


    เหมือนโชคดีของยงหลางโดยแท้ เมื่อสมุหกลาโหมมู่หรงซู่ตะโกนเรียกเขา


    ยงหลาง! ยงหลาง! เจ้าอยู่ไหน!”


    จางเจียเหาจึงยอมลุกขึ้นจากร่างบอบบางนั้น ฝ่ายยงหลางนั้นก็ผลักร่างสูงออกจากร่างกายของ


    ตนเอง จัดคอเสื้อให้เรียบร้อย พร้อมกับหยิบขลุ่ยของตนเองเร่งไปหาบิดาบุญธรรม


    ยงหลาง! เจ้าไปอยู่ไหนมา!” แต่ว่าหนุ่มน้อยวัยยี่สิบปีกลับตรงเข้ากอดร่างใหญ่ของมู่หรงซู่


    พร้อมกับเรียก “ ท่านพ่อ...ท่านพ่อ...ช่วยด้วย...ข้ากลัว...”


    บุรุษหนุ่มใหญ่ตกตะลึงเล็กน้อย แต่เขาก็ลูบหลังกว้างบอบบางของยงหลาง


    กลัวอะไรมา เจ้าหนู...” เขาพยายามปลอบ


    คือ...”


    คุณชายแสนร้ายกาจนั้นก็เดินมาพร้อมกับพัดอย่างสง่างาม


    ข้าแค่พูดคุยน้องยงหลางเล่นเท่านั้นเอง ท่านมู่หรง เขาตกใจเกินไป ยังต้องปรับตัวอีกมาก”


    ไม่! ท่านจะล่วงเกิน...”


    มู่หรงซู่กลับส่ายหน้าไปมา พร้อมกับตบหลังของยงหลาง แล้วหันไปยังชายหนุ่มผู้นั้น


    ขออภัยแก่ข้าด้วยเถิด คุณชายจาง เอาล่ะ ยงหลาง เจ้ากลับไปห้องของเจ้าได้แล้ว”


    เมื่อได้รับคำสั่งของผู้เป็นบิดาบุญธรรมทำให้ชายหนุ่มต้องยอมออกจากอ้อมกอด แล้วรีบเดินจากบริเวณนั้น โดยที่คุณชายแห่งสกุลจางยังคงยืนกอดเรียวอกของตน


    ลูกชายคนนี้ของท่านดูอ่อนหัดเกินกว่าจะเป็นแม่ทัพคนต่อไปล่ะมั้ง ท่านมู่หรง”


    หืมม คุณชายจาง ท่านก็อย่าถือดีอะไรมาแกล้งเขา”


    ริมฝีปากงามของจางเจียเหาปรายยิ้ม “ ท่านต้องการความช่วยเหลือจากพวกข้า และท่านพ่อของข้าก็มีบุญคุณกับท่าน...ข้าอยากได้ข้อแลกเปลี่ยน...”


    อะไรหรือ”


    ไว้ข้าจะบอกท่านเอง ท่านสมุหมู่หรง ข้าขอตัวกลับล่ะ”


    สายตาของมู่หรงซู่จับจ้องแผ่นหลังของคุณชายเจ้าสำอางนี้อย่างไม่วางใจ แต่เขาก็รู้ดีว่าทำไม...


    ...แซ่จางนี้เอง ก็ต้องการได้บัลลังก์มังกรแห่งนครฉางหลิงมาครองเหมือนกัน!...


    ...คู่แข่งตราหน้าคนสำคัญ...ข้าจะประมาทไม่ได้จริงๆแล้ว...


    ~*~*~*~*~*~


    แฮะๆ เปิดตัวหนุ่มร้ายคนใหม่ค่ะ...สงสารน้องหลางจุง...


    ...แต่ว่ามันก็พาฟินเล็กน่า..สู้ๆยงหลาง ~~



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×