คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ว่าด้วยหนังสือสมุนไพร
ตอนที่ 14 : ว่าด้วยหนังสือสมุนไพร
เมื่อร่างสูงโปร่งแข็งแรงของมู่หรงยงหลางได้เข้ามาในหอสมุดประจำพระราชวังฝ่ายหน้าแห่งนครฉางหลิง ซึ่งทำให้เขาตื่นตะลึงอย่างยิ่ง เพราะจากบ้านชนบทและค่ายทหารที่เติบโตมา ทำให้หาหนังสืออ่านได้น้อยเหลือเกิน...และความสนใจในหนังสือก็เป็นส่วนแตกต่างจากบิดาบุญธรรมของเขาด้วยเช่นกัน...
แม้ว่าจะอ่านมาแต่ตำราพิชัยสงครามมาตั้งแต่เด็กตามคำสั่งของมู่หรงซู่ ผู้เป็นบุตรชายก็สนใจในประวัติศาสตร์ในความเป็นมาของแว่นแคว้น จนไปถึงความเป็นอยู่ของเหล่าราษฎรในแต่ละสมัย
แต่สิ่งที่น่าสนใจคือตำราพฤกษาศาสตร์และสมุนไพรโบราณ ชายหนุ่มยิ้มกว้าง เพราะเขาจะได้คัดเลือกสมุนไพรชั้นดีไปแจกจ่ายเหล่าทหารในชายแดนที่เขาเคยอาศัยก่อนเข้านครฉางหลิง
เมื่อได้พบหนังสือที่ถูกใจสองสามเล่ม เขาก็หยิบมันไปให้อาลักษณ์ซึ่งนั่งสัปหงกนั่นเอง
“ ท่านลุงขอรับ ท่านลุง...” บุตรแห่งสกุลมู่หรงเรียกขานชายวัยกลางคน ไว้เครายาวในชุดยาวน้ำตาลของราชสำนัก เขาได้ยินเสียงเรียกของยงหลางจึงลืมตาขึ้น
“ อะไรเหรอ หาว...เจ้าหนุ่มคนนี้ ไม่คุ้นหน้าเลย เข้ามารับราชการใหม่เหรอ”
“ ใช่ขอรับ...ข้าชื่อ มู่หรงยงหลาง ในวันนี้ข้าเข้ามาเป็นผู้ดูแลกรมทหารของท่านพ่อมู่หรงซู่”
“ อ้อๆ ลูกของท่านสมุหมู่หรงหรือ...แปลกประหลาดจริง...ในสกุลของเขาไม่สนใจในหนังสือพวก...ต้นไม้หรือยาสมุนไพรเลยนะเนี่ย...”
“ งั้นเหรอขอรับ” ชายหนุ่มขมวดคิ้วเรียวคมของตน
“ อา...สกุลมู่หรง แม้ว่าจะเป็นสมุหกลาโหมมาแปดชั่วอายุคนแห่งต้าเหวิ่น ทุกคนล้วนแต่สนใจแต่การรบศึก สงคราม ไม่สนใจการอ่านหนังสือเบ็ดเตล็ดพวกยาสมุนไพรหรือการเกษตรแบบที่เจ้ายืมมาหรอก”
ยงหลางนั้นก้มหน้ารับ...เพราะข้าไม่ใช่สายเลือดแท้ๆของท่านพ่อ...ก็ไม่เป็นไร...ข้าก็มีความสามารถในการรบทัพจับศึกมาตั้งแต่อายุสิบห้าแล้ว...ของพวกนี้ก็คือ สิ่งที่ข้าจะเอาไปช่วยทหารต่างหาก...
“ ข้ามาขอยืมไปอ่านเพื่อสั่งยาสมุนไพรไปส่งให้พวกทหารที่อยู่ในค่ายรอบชายแดนขอรับ”
“ โอ้...คุณชายมู่หรง...มีเมตตาเสียจริง...ท่านพ่อของท่านคงประทับใจมาก”
มู่หรงยงหลางผงกศีรษะรับ ขณะเจ้ากรมอาลักษณ์ประทับตราบนหนังสือที่เขาต้องการยืม
“ อย่าลืมคืนให้ตรงเวลา จะได้ไม่ถูกปรับนะ คุณชายมู่หรง”
“ ขอรับ” ชายหนุ่มยิ้มกว้าง
ขณะนั้นเอง มหาดเล็กผู้หนึ่งก็เข้ามาเรียกเขา “ คุณชายมู่หรงแห่งสมุหกลาโหมใช่หรือไม่”
“ อ่า...ใช่” ร่างสูงโปร่งในอาภรณ์สีเขียวเข้มกล่าวอย่างประหลาดใจ
“ พระมาตุลามีรับสั่งให้ท่านไปพบขอรับ”
พระมาตุลาคนนั้นหรือ...บุรุษผู้รูปงามผู้นั่งข้างฮ่องเต้องค์น้อย...คนที่ไม่ชอบท่านพ่อ...
“ ตกลง ข้าจะตามท่านไปเดี๋ยวนี้แหละ”
ร่่างสูงโปร่งแสนสง่างามในอาภรณ์สีขาวประดับลายสีเทาเข้มของหลี่หยางจื้อนั่งบนเก้าอี้ทรงงานประจำของเขาตามปกติ ระหว่างรอหลานชายที่รักหรือฮ่องเต้องค์น้อยเรียนหนังสือกับพระอาจารย์ผู้เฒ่า มหาดเล็กนั้นได้กราบทูลว่า มู่หรงยงหลาง มาถึงแล้ว
“ ให้เข้ามาได้ แล้วให้ทุกคนด้านนอกออกไปก่อน”
“ พะย่ะค่ะ ...เชิญ คุณชายมู่หรง...”
จะว่าด้วยความตื่นเต้นที่ยังไม่หายไปของยงหลาง ร่างเพรียวของเขาทรุดลงบนพรมสีเหลืองเข้มหน้าโต๊ะทรงงานของพระมาตุลาหลี่หยางจื้อ แล้วแสดงความเคารพต่อเขาอย่างนอบน้อม
“ กระหม่อม มู่หรงยงหลาง ถวายบังคมพระมาตุลา”
ชายหนุ่มผู้อายุมากกว่าพยักหน้ารับ ขณะที่เขียนตัวอักษรในหมายเหตุประจำวัน
“ เชิญลุกขึ้นแล้วนั่งบนเก้าอี้เบื้องหน้าข้าเถอะ คุณชายมู่หรง”
ยงหลางจึงขยับตัวพร้อมกับถือหนังสือที่ยืมมาจากหอสมุดของตนวางบนตัก
ขณะเดียวกัน พระมาตุลาแห่งต้าเหวิ่นก็วางหมายเหตุประจำวันลง เผยให้เห็นใบหน้างามสง่าดังดวง
จันทราในวันเพ็ญแก่มู่หรงยงหลางอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก...ทำให้ยงหลางตื่นตะลึง
...ช่างสง่านัก...งดงามเสียจริง...เรือนผมสีดำยาวสลวยยาวลงบ่าประกอบกับ
ใบหน้าขาวผ่องนั้นเล่าเป็นพิมพ์เดียวกับฮ่องเต้ผู้งามน่ารักคนนั้นเสียด้วย...
...แต่ว่าสายตาเรียวคมแสดงถึงความจริงจัง เข้มงวด ไม่ได้อ่อนหวานหรือไร้เดียงสาเหมือนหลานชายของเขาเท่าไหร่...
...จะว่าไป เขานิสัยไม่ดีเหมือนท่านพ่อเล่าให้ข้าฟังหรือไม่...ข้าต้องระวังเขาเหมือนกัน...
“ แนะนำตัวอีกครั้งให้ข้าฟัง คุณชายมู่หรง” หลี่หยางจื้อกล่าว
“ กระหม่อมชื่อ...มู่หรงยงหลางพะย่ะค่ะ...”
“ ยงหลาง เป็นชื่อที่มีความหมายดี ชายหนุ่มผู้เป็นที่รักและกล้าหาญ...ท่านพ่อของเจ้า คงรักเจ้ามากใช่ไหมเล่า...”
“ ก็...ประมาณนั้นพะย่ะค่ะ...” ชายหนุ่มในอาภรณ์เขียวลายพยัคฆ์เอ่ย แต่ไม่กล้าสบตาเรียวงามของหลี่หยางจื้อ...ไม่สมกับเป็นลูกชายของมู่หรงซู่นั้นจริงๆเลย...ให้ตายสิ...เจ้าคนหื่นกามนั้น มีลูกชายขี้อายขนาดนี้ได้ไง...บางทีต้าเหวิ่นก็มีอะไรที่แปลกประหลาดเกินกว่าข้าจะคาดคิด...
“ เจ้ามาเป็นบุตรบุญธรรมของมู่หรงซู่ได้เช่นไร สกุลนี้เกี่ยวข้องถึงความมั่นคง เสถียรภาพและการสงครามของแคว้นเหวิ่นมานานกว่าร้อยปี องค์ฮ่องเต้ยังทรงมอบอำนาจทางทหารให้ดูแลทั้งหมดมาถึงแปดชั่วอายุคน ที่ข้าประหลาดใจก็คือ ไฉนเจ้าถึงกลายมาเป็นบุตรบุญธรรมของท่านมู่หรงได้...หนุ่มน้อย...”
“ คือว่า...”
สายตาเรียวคมของหลี่หยางจื้อก็เห็นชื่อบนหน้าปกหนังสือบนหน้าตักของมู่หรงยงหลาง
“ หนังสือสมุนไพรหรือ...ให้ข้าได้ชมได้ไหม”
“ อ้อ พะย่ะค่ะ...” มือเรียวของชายหนุ่มจึงส่งหนังสือทั้งหมดถวายพระมาตุลา
หลี่หยางจื้อก็พลิกอ่านหนังสือทุกเล่ม แล้วเขาก็ยิ่งประหลาดใจกว่าเดิม
“ น่าแปลกจริง...เจ้าไม่ใช่หมอหลวงนะ ยงหลาง ทำไมเจ้าสนใจพืชพรรณและเรื่องสมุนไพร”
“ เอ่อ...กระหม่อมเป็นคนรักต้นไม้มาก และต้องการทราบชนิดสมุนไพรทั้งหมดเพื่อทำเป็นยาไปรักษาพวกทหารภายในค่ายตรงชายแดน พวกเขากำลังเป็นโรคติดต่อ หลายคนกำลังทรมานและกำลังจะตายไปเรื่อยๆ...กระหม่อมไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น...จึงอยากได้ยาชั้นดีไปรักษาพวกเขา...”
คราวนี้ พระมาตุลาหนุ่มจึงแย้มริมฝีปากอิ่มงามของตน
“ ขอบใจที่เล่าถึงความเป็นอยู่ของเหล่าทหารให้ข้าฟัง ข้าจะจัดหน่วยแพทย์อาสาจากในวังให้ไปยังชายแดนที่ตั้งค่ายทหารที่เจ้าต้องการ และข้าจะให้เหล่าหมอในเมืองหลวงแบ่งเวรไปรักษาพวกเขาด้วย”
“ จริงเหรอ” ดวงตาเรียวใหญ่ของยงหลางเปล่งประกายสดใส “ ขอบ...ขอบพระทัย...พระมาตุลา...ท่านอ๋อง...ขอบพระทัยจริงๆ”
ครั้นหนุ่มน้อยจะทำความเคารพด้วยความตื่นเต้นตามประสาหนุ่มบ้านนอก หลี่หยางจื้อก็ปรามเสีย
“ ไม่หรอก มู่หรงยงหลาง ข้าต้องขอบใจเจ้า เพราะเจ้าทำให้ข้าได้ทราบถึงการสงครามได้ดีขึ้น เจ้าเป็นคนละเอียดและมีเมตตากรุณา ห่วงใยเหล่าทหารทั้งหลาย แม้จะเป็นถึงบุตรแห่งสมุหกลาโหมผู้สูงศักดิ์...ข้ายินดีที่ท่านมู่หรงมีบุตรชายเช่นเจ้า...”
“ ท่านพ่อไม่เคยกราบทูลเรื่องทหารให้ท่านฟังหรือ”
“ ฮ่าๆ บิดาของเจ้าเป็นคนชอบทำสงครามมาแต่ไหนแต่ไร เขาไม่สนใจเล่าถึงการดำรพชีพของทหารให้พวกเราในวังรับทราบ แต่ข้าก็นับถือในความสามารถการศึกของเขามาสิบกว่าปีได้แล้ว”
“ ขอบพระทัย พระมาตุลาหลี่”
พระมาตุลาหนุ่มจึงส่งหนังสือทั้งหมดคืนให้บนเรียวมือของยงหลาง
“ เจ้าอ่านหนังสือเหล่านี้ให้ดีเถิด ก่อนไป ข้าขอถามเจ้า...ทำไมเจ้าถึงได้มาเป็นบุตรบุญธรรมของมู่หรงซู่ได้...”
“ คือ ตอนนั้น กระหม่อมยังเป็นเด็กประมาณห้าหกขวบ จำได้ว่าพ่อแม่ที่แท้จริงนำกระหม่อมมาขายให้มาเป็นเด็กรับใช้ในค่ายทหารแล้วท่านพ่อก็รับมาในอุปการะ โดยที่ให้กระหม่อมอยู่ในความดูแลของแม่เฒ่าอู่จนถึงอายุสิบห้า จึงนำมาฝึกซ้อมการรบเป็นเวลาต่อมา พระเจ้าค่ะ”
ยงหลางยังตอบด้วยความสุภาพนบน้อมอย่างดี ฝ่ายพระมาตุลาพยักเรียวหน้ารับ
“ ข้าเข้าใจแล้ว ซึ่งข้าพอใจมากที่เจ้าตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา มู่หรงยงหลาง เจ้ากลับไปได้แล้ว...อย่าลืม อ่านหนังสือด้วย”
“ พะย่ะค่ะ พระมาตุลาหลี่” ชายหนุ่มผู้เยาว์วัยตอบอย่างชัดเจน แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้
พร้อมกับออกจากห้องทรงงงาน...
ชายหนุ่มจากชนบทที่มีหน้าตางดงามคมคาย แววตาซื่อตรงและน่าเอ็นดู...
...มีใจเมตตากรุณา อย่างที่สกุลมู่หรงคลั่งไคล้ทำสงครามนั้น...ไม่มีใครเคยเป็นมาก่อน...
...มู่หรงซู่...นี่เจ้าหยิบใครมาอยู่ในสกุลของเจ้านี่...ยงหลาง...
...ลูกไม้หล่นไกลต้น เหมือนข้ากับเสด็จพ่อหรือไรนะ...
ร่างสูงโปร่งของพระมาตุลาหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้ทรงงาน พลางมองไปยังทิวทัศน์นอกหน้าต่างงามสลักสลวย...ดวงตาเรียวงามมองไปยังท้องฟ้าครามสดใสของฤดูร้อน...
“ อย่าประมาทไป...หลี่หยางจื้อ...อย่างไรเสีย เขาก็เป็นลูกของคนที่เจ้าชิงชังมานานแล้ว...มีบุตรคนใดบ้างที่ไม่เลือกข้างบิดาของตนเอง...บางที เจ้าก็เป็นหนึ่งในนั้น หลี่หยางจื้อ...แต่กับชายคนนี้ คงไม่...
เพราะว่า เขาก็ต้องเลือกฟังชายผู้พระคุณมากมายกับเขา เช่นเดียวกับข้าและฝ่าบาทผู้ลาลับ”
~*~*~*~*~*~
ขณะนั้นเอง จ้าวเทียนอี้ ฮ่องเต้องค์น้อยก็เรียนวิชาการปกครองจนหมดเวลาในยามบ่ายแล้ว
เขาก็เร่งไปหาเจ้ากระรอกน้อยเปาชิงเทียน ซึ่งกำลังแทะลูกไม้บนต้นหลิวอย่างเอร็ดอร่อยตามประสา
“ อาเปาๆ เจ้าลงมาได้แล้วนะ ข้าเรียนเสร็จแล้ว วันนี้เล่าซือ สั่งการบ้านให้ข้าเพียงอย่างเดียว”
กระรอกน้อยสีน้ำตาลร้องขานหาเจ้านายแล้วเร่งไปหาเจ้านายที่รัก
“ ฮ่ะๆ อาเปา...มาหาข้านี่มา...ฮ่ะๆ” ขณะที่ร่างบอบบางของฮ่องเต้องค์น้อยเดินถอยหลังไปพร้อมหัวเราะเสียงใสจนชนหลังกว้างของบุคคลหนึ่งซึ่งมีร่างสูงกว่า และฝ่ายนั้นก็ตกใจเหมือนกัน
และทำหนังสือสามเล่มที่ถือมาตกลงบนพื้นหญ้า
“ เฮ้ย! เจ้า!” เขาอุทานดังลั่น
เทียนอี้ก็สะดุ้งเหมือนกัน พอหันหลังไปก็... “ เจ้า! เอ้อ! พี่หลางนี่เอง!”
คราวนี้ ชายหนุ่มผู้มีอายุมากกว่า และส่วนสูงมากกว่าก็หน้าซีดเผือดจนสีเลือดหายไปจากแก้ม
“ ฝ่าบาท...ฝ่า...บาท...ได้โปรด ขอโทษ เอ้ย ขออภัย อย่างยิ่ง พระเจ้าค่ะ”
สีหน้าตื่นกลัวของมู่หรงยงหลางพร้อมกับหมอบลงกับพื้นหญ้า
“ ไม่เป็นไรๆ พี่หลาง ข้าก็แค่แปลกใจนิดหน่อย จนเดินชนหลังของพี่ได้ ฮ่าๆ”
ฝ่ายเปาชิงเทียนเองก็ได้ทีขึ้นมาบนกางเกงของชายหนุ่มอย่างสนอกสนใจ
ชายหนุ่มจึงค่อยๆหยิบมันมา แววตาของกระรอกน้อยเปล่งประกายแถมส่ายหางม้วนไปมา
“ ข้าจำเจ้าได้นะ...เจ้าเป็นตัวกระรอกที่มาเกาะไหล่ของข้าและเป็นสัตว์เลี้ยงของฝ่าบาทหรือ”
“ เปาชิงเทียน เป็นเพื่อนของข้า เสด็จน้าทรงจับมันมาให้ข้าเมื่อวันเกิดที่ผ่านมาไงล่ะ”
เทียนอี้ตอบด้วยน้ำเสียงสดใส แต่นั้นกลับทำให้ยงหลางรู้สึกเขินอายอย่างบอกไม่ถูก
“ เสด็จน้า พระมาตุลา...พระทัยดีนัก...”
“ เสด็จน้าจื้อของข้า ถึงจะเป็นคนดุกับนิ่งนะ แต่ภายในใจแล้ว เขาใจดีมากๆ พี่หลางต้องชอบเขาแน่ๆในวันหนึ่ง...พี่หลางจะได้เป็นแม่ทัพเอกต่อจากท่านมู่หรงจริงไหม...”
แล้วชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งก็นึกขึ้นได้ว่า “ หนังสือของกระหม่อมตก”
ร่างสูงโปร่งก็ตรงเข้าหยิบหนังสือ โดยที่เทียนอี้จะช่วยเก็บหนังสือแล้วพระหัตถ์น้อยของจักรพรรดิน้อยก็เผลอต้องฝ่ามือของยงหลาง ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว่า หัวใจของเขากำลังจะหยุดเต้น...
...นี่เขาถูกต้องมือนุ่มขององค์จักรพรรดิ โอรสสวรรค์แห่งต้าเหวิ่นได้อย่างไร...
...โอ้ สวรรค์...ข้าจะเป็นลมให้ได้เลย...ยงหลาง...วาสนาของเจ้าแท้ๆ...
“ ไม่เป็นไรๆ กระหม่อมเก็บเองได้พะย่ะค่ะ...” ชายหนุ่มตอบด้วยความเขินอาย...อายอย่างสุดๆ...
ฝ่ายเด็กหนุ่มวัยสิบหกปีก็ลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า “นี่แน่ะ พี่หลาง พี่ชอบอ่านหนังสือพวกต้นไม้ด้วยเหรอ”
“ อือม...”
“ ดีจังเลย เป็นเพื่อนของอาเปาได้นะ มันก็ชอบอยู่บนต้นไม้มากๆ”
น้ำเสียงหวานไร้เดียงสา ทำให้มู่หรงยงหลางอยากจะเอาหนังสือปิดหูเสียจริง...ไม่งั้น ฝ่าบาทได้เห็นสีแดงเรื่อที่ปรากฏขึ้นบนใบหูและหน้าตาของข้า...ให้เห็นไม่ได้...
แล้วเจ้าเปาชิงเทียนก็กระโดดหนี เมื่อพบกับชายหนุ่มรูปงามในชุดขององครักษ์สีขาวอมฟ้า
ยงหลางก็จำได้ดี เพราะเขาผู้นี้เป็นคนที่นำกระบี่มาจ่อเขา...หน้าตาก็งดงามดีหรอก...
...แต่สายตาคู่นั้นสิ...ทำราวกับจะดุดันใส่ข้าตลอดเวลา...
“ อาเปา ข้าดีใจที่พบเจ้านะ” เหอจวิ้นฮุยรับเจ้ากระรอกน้อยมาวางบนไหล่ด้านซ้ายของตน
ฝ่ายฮ่องเต้ก็วิ่งกลับไปยืนข้างร่างโปร่งแกมล่ำสันขององครักษ์หนุ่มของพระมาตุลา
“ พี่ฮุย ท่านมาแล้วหรือ...ดีเหลือเกิน ที่ข้าก็ได้พบท่านพร้อมกับพี่หลางคนใหม่นี้ด้วย”
สายตาเรียวคมขององครักษ์หนุ่มเห็นใบหน้าเรียวที่ก้มลงกับพื้นหญ้าของมู่หรงยงหลาง
เขาก็นึกเอ็นดู ทว่า เขาก็ไม่วางใจบุตรบุญธรรมแห่งมู่หรงซู่เช่นเดียวกับเจ้านายของตน
ขณะที่เทียนอี้หัวเราะเสียงใสแล้วรับอาเปามาไว้ในอุ้งมือน้อยของตน
“ ข้าต้องไปประชุมเหล่าเสนารอบเย็นกับเสด็จน้าและเสด็จอาอีกครั้ง พี่ฮุย ฝากพี่หลางไปส่งด้วยนะ”
เมื่อร่างบอบบางซึ่งเป็นที่หมายปองต่อสายตาของสองบุรุษหนุ่มนั้นจากไป
เหอจวิ้นฮุยก็เดินใกล้ร่างเพรียวของชายหนุ่มซึ่งยังก้มหน้านิ่ง แม้ว่าร่างจะสูงเกือบเท่ากัน
แต่ว่าใบหน้าซื่อละมุนของยงหลางยังบ่งบอกว่าเขาดูเด็กกว่าเหอจวิ้นฮุย
“ คุณชายมู่หรง มาทำอะไรในอุทยานฝ่ายหน้าเล่า”
“ ข้า...ข้าแค่ชอบสวนแห่งนี้เลย...อยากมาเดินเล่นอีกครั้งและอ่านหนังสือ
...จนพบฝ่าบาท เท่านั้น ท่านองครักษ์”
“ อา...ไม่ต้องเขินไปหรอก คุณชายมู่หรงยงหลาง” องครักษ์หนุ่มส่ายหน้าพร้อมกล่าวน้ำเสียงกันเอง
ซึ่งนั้นก็ทำให้ยงหลางรู้สึกผ่อนคลายขึ้น
“ ข้าขอบใจนะ ท่านพี่เหอจวิ้นฮุย...เอ่อ...ขออภัยที่เรียกท่านเช่นนี้”
“ เรียกชื่อ พี่ฮุย ก็ได้ งั้นข้าจะเรียกว่า คุณชายหลาง เราทั้งสองคนจะได้สนิทกันดี”
“ ตามนั้น ท่านพี่ฮุย” หนุ่มน้อยในชุดสีเขียวเข้มกล่าว ขณะที่เหอจวิ้นฮุยนั้นก้รู้สึกประหลาดใจ
ทำไม...ชายหนุ่มคนนี้...อยู่ในสกุลมู่หรงแสนคลั่งไคล้ทำสงครามได้...คุณชายหลางคนนี้...
...ดูเหมาะสมอยู่ในสกุลนักปราชญ์หรือสกุลหมอรักษาคนมากกว่ากระมัง...
“ เจ้าสนใจเรื่อง สมุนไพรด้วยหรือ” คิ้วเรียวได้รูปของเหอจวิ้นฮุยขมวดพองาม
“ ใช่ ข้าสนมานานแล้ว แต่ข้าเพิ่งได้ตำรามาอ่านในวันนี้”
เหอจวิ้นฮุยยิ้มเล็กน้อย “ ข้ารู้จักเจียวกู่หลาน เป็นไม้เถาล้มลุก ลำต้นเล็กเรียวยาว เลื้อยยาว แตกกิ่งแขนงได้ โดยส่วนที่ใช้เป็นยา คือที่เป็น ต้นส่วนเหนือดินและใบ มีรสชาติขมอมหวาน มีสรรพคุณและมีประโยชน์อย่างยิ่ง จนขนานนามว่าเป็น "สมุนไพรอมตะ" ข้าใช้มันรักษาอยู่นั่นแหละ”
“ โอ...ท่านพี่ฮุย” ริมฝีปากบางของมู่หรงยงหลางเผยอขึ้นเล็กน้อย
“ ท่านรู้จักเจียวกู่หลาน...แต่ข้าชอบใช้ โหงวปี้จี้ หรือ อู่เว่ยจื่อ เป็นผลไม้สีน้ำตาลแดง มีรสชาติปนกันห้ารส ระหว่างรสเค็ม หวาน เปรี้ยว ปร่า และขม สรรพคุณของมันมีบำรุงอวัยวะภายในได้ดีกว่า...”
“ เจ้าเองก็เข้าใจเรื่องสมุนไพรดีพอใช้ น้องชาย”
“ ขอบคุณที่ท่านพี่ฮุยชมข้าอีกครั้งขอรับ”
ขณะที่สายตาสุกใสของยงหลางก็ตื่นตะลึงในความหล่อเหลาของเหอจวิ้นฮุย ซึ่งมีริมฝีปากจิ้มลิ้มดูมีเสน่ห์นักหนา...คนในวังนี้ทำอะไรก็ดูดีไปหมดเสียจริง...คนนี้ก็เป็นอีกคนหรือที่ท่านพ่อบอกว่า งดงาม เป็นอันดับสามแห่งวังหลวง...องค์พระมาตุลาหลี่หยางจื้อ...องค์พระปิตุลาอ๋องเคอโจว...และพี่ชายคนนี้...
...ก็สมควร เหล่าเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงกับองครักษ์หนุ่ม ผู้จากตระกูลขุนนางเก่าแก่...
...ใครจะมาจากบ้านนอกคอกนาเช่นข้าเล่า...น้อยคนด้วยซ้ำ...
“ เจ้าหายตื่นกลัวข้าหรือยัง คุณชายหลาง” เหอจวิ้นฮุยกล่าว ขณะเดินไปพร้อมกับชายหนุ่ม ผู้น่าจะเป็นสหายคนใหม่ของเขาได้ในวันนี้
“ ดีขึ้นแล้วล่ะ ท่านพี่ฮุย”
“ ข้าจะพาคุณชายไปส่งเองนะ”
ริมฝีปากงามดังปากวิหคแย้มขึ้น เมื่อได้เห็นหนุ่มน้อยที่ไว้เกล้าผมหางม้า พร้อมกับถือหนังสือในมือ
ด้วยความถ่อมตน...แววตาของเขาดูอ่อนโยนน่าคบหาได้...แต่เขาก็เป็นคนที่ข้าไม่ควรวางใจ...
...เพราะเขาคือ คนที่พระมาตุลารับสั่งไว้แล้วให้จับตามองให้ดี!...ระวังให้มาก!...
~*~*~*~*~*~
ตอนนี้ พ่อยงหลางเริ่มมามีบทขึ้นแล้วนะคะ ท่าทางสนุกจัง แถมพี่องครักษ์ฮุยมาร่วมแจมด้วย
แต่ว่า เสด็จน้าจื้อล่ะ ควรวางใจน้องหลางคนนี้ดีไหม...ติดตามกันๆ >////<
ความคิดเห็น