คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ความทรงจำที่ผ่านมา
ตอนที่ 13 : ความทรงจำที่ผ่านมา
หลังการประสูติพระโอรสองค์แรกของฮ่องเต้เสวียนเหวินตี้ ทำให้หนุ่มน้อยหลี่หยางจื้อนั้นได้มีโอกาสมาร่วมแสดงความยินดีกับพระเชษฐภคินีของเขา เพราะนางเป็นฮองเฮาองค์เดียวขององค์จักรพรรดิและหลานชายของเขาจะได้เป็น “ไท่จือ” หรือเจ้าชายรัชทายาทที่เฝ้ารอคอยกันมานานหลายปี สำหรับเด็กหนุ่มที่กำลังศึกษาอยู่ในสำนักเรียนภูผาหลันเซิง ซึ่งเป็นสำนักเรียนวิทยายุทธแห่งนครฉางหลิง เขานั้นได้รับอนุญาตจากเล่าซือหรือท่านอาจารย์ให้นำของขวัญล้ำค่ามาแสดงความยินดีต่อพระโอรสองค์น้อยแห่งฮ่องเต้ด้วยความจงรักภักดีของสำนักวิชาที่จักรพรรดิทรงอุปถัมภ์
ร่างสูงเพรียวของหลี่หยางจื้อนั้นอยู่ในชุดนักศึกษาสีขาวอมฟ้า แถบปลายเสื้อและกางเกงเป็นสีดำ ทว่าศีรษะนั้นยังสวมหมวกสีดำสูงอยู่ เขาคิดว่าจะต้องไปเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิ พบท่านพี่หญิงของเขา อีกทั้งทารกน้อยที่กำเนิดใหม่แล้วด้วย...ยังไม่รู้ว่า ฝ่าบาทจะประทานพระนามของพระโอรสของพระองค์เองว่าอะไร....
หนุ่มน้อยถอนหมวกแล้วสะบัดไปมาเพื่อลดความร้อนของอากาศในยามนี้
ฟุ้ย...ฟุ้ย...อากาศร้อนในช่วงนี้...ทำให้เหงื่อไหลตลอดเวลาเลยนะ...
ว่าแล้ว หลี่หยางจื้อก็หยิบกระดาษเปล่าขึ้นมาจากย่ามพร้อมกับใช้พู่กันเติมลงในขวดหมึก
เขียนตัวอักษรที่เข้าจะถวายองค์รัชทายาทของจักรพรรดิที่เคารพดังบิดาบังเกิดเกล้า
หลี่หยางจื้อก็รู้สึกว่ามีสายตาหนึ่งจับจ้องเขาอยู่ไม่ห่าง แล้วมันก็เป็นความจริง...
ชายหนุ่มวัยยี่สิบต้นในชุดทหารสีน้ำตาลปนทอง เขาสวมกวานสูงสีทองซึ่งบ่งบอกว่าเขาอยู่ในสกุลขุนนางชั้นสูง ใบหน้าหล่อเหลา คิ้วหนาเรียวเหนือสายตาเรียวดังพญานกอินทรี รับกับเคราบางรอบคาง แถมสายตาเจ้าเล่ห์ที่พาเหล่าสตรีงามทั้งแท้และไม่แท้หลอมละลายได้ในบัดดล...เขาคือ มู่หรงซู่ บุตรแห่งสมุหกลาโหม มู่หรงเฉิน...เขาเป็นทายาทคนต่อไป ที่จะได้ครองตำแหน่งแม่ทัพเอกของนครฉางหลิง แคว้นเหวิ่นอย่างเต็มภาคภูมิ
หลี่หยางจื้อประหลาดใจนักที่ไม่ได้พบกับชายหนุ่มผู้นี้มาก่อน ขณะนั้นเอง ชายหนุ่มตรงหน้าของหลี่หยางจื้อก็เหมือนตะลึงงันไม่แพ้กัน...งดงาม...ช่างงดงามนัก...ทำไมข้าถึงได้เห็นเทพบุตรองค์น้อยเบื้องหน้าของข้าด้วย...ผิวพรรณขาวผ่องดังแสงจันทรากระทบหิมะ... เรือนผมสีดำขลับยาวสลวยดกหนามัดเกล้ากลางกระหม่อมดังหมึกได้ละลายลงบนศีรษะกลมได้รูปสวย...ใบหน้างดงามราวกับหยกสลักชั้นดีแล้วริมฝีปากแดงเรื่อสดใสดังทาด้วยชาดอ่อนๆ...น่าจุมพิตเสียเหลือเกิน...
...น่าเสียดายนัก ความงามล้ำเลิศดังภาพเขียนของจิตรกรเอกต้องมาอยู่ในเสื้อผ้าที่ดูแสน...
...แสนกระจอกนักหนาในความคิดของมู่หรงซู่...ชายหนุ่มพยายามนึก...
...หรือว่าเด็กหนุ่มคนนี้คือ ปันอัน...บุรุษนักปราชญ์รูปงามที่สุดในตำนานกลับชาติมาเกิดกันเล่า...
มู่หรงซู่ก็ไม่ใช่บุรุษพรหมจรรย์ เพราะเขานั้นเชยชมการร่วมอภิรมย์ในหอคณิกาก่อนเข้าพิธีวิวาห์เสียอีก...แล้วเขาก็หย่าร้างกับภรรยาไปเมื่อสองเดือนเท่านั้น...แม้จะรู้สึกคิดถึงนางอยู่...หากว่า หนุ่มน้อยผู้นี้นั่นแหละ...ทำให้หัวใจของเขาเต้นสั่นดังกลองในสนามรบไปหมดแล้ว...
...ถ้าได้ร่างบอบบางนั้นมาอยู่ในอ้อมกอดเสียล่ะ...จะดีไหม เจ้าหนุ่มน้อยคนนี้ดูมีอายุไม่เกินสิบหกหรือสิบเจ็ดปี...ยังนับว่า ยังเยาว์วัย เพิ่งผ่านพิธีสวนกวานบนศีรษะด้วยล่ะมั้ง...
“ ยินดีที่ได้พบเจ้า...บัณฑิตหนุ่มน้อย” มู่หรงซู่เริ่มทักทายก่อน
หากว่า ดวงตาเรียวกลมคู่นั้นกลับแสดงถึงความไม่วางใจต่อชายหนุ่มหน้าเข้มผู้นี้เลย..
“ ขออภัย ได้โปรด อย่าเรียกว่า บัณฑิต ข้ายังไม่จบการศึกษาในสำนักของข้า แล้วท่านคือใคร”
“ข้ามีนามว่า มู่หรงซู่ บุตรแห่งสมุหกลาโหมคนปัจจุบัน แล้วเจ้าล่ะ หนุ่มน้อย เจ้าเป็นใคร ถึงได้เข้ามาในวังหลวง ทั้งที่แต่งกายเป็นนักศึกษาแสนธรรมดา...ไม่เหมาะสมกับเจ้าเลยนะ”
“ อะไรกัน! อย่าตำหนิชุดเครื่องแบบจากสำนักศึกษาของข้านะ”
ดวงตาแสนสวยคู่นั้นแสดงความเคืองใจนั้นกลับทำให้ชายหนุ่มผู้มีร่างสูงกว่าหัวเราะ
“ ข้าแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง เจ้าก็แนะนำตัวมาสิ...หนุ่มน้อยคนสวย...”
น้ำเสียงทุ้มของมู่หรงซู่เข้มขึ้น แต่เด็กหนุ่มคนนี้ก็ตอบอย่างไม่เกรงกลัว
“ หลี่หยางจื้อ คือนามของข้า ข้าเป็นบุตรของท่านอ๋องหลี่หยางเหวิน พระมาตุลาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันกับสนมรองของเขา...”
ดวงตาเรียวสวยของเด็กหนุ่มหม่นลง เมื่อกล่าวถึงท่านแม่ที่เสียชีวิตไปนานแล้ว...
“ อ๋องหลี่หยางเหวินงั้นหรือ...” ชายหนุ่มผุ้มีอายุมากกว่าพึมพำ
ข้าได้ยินกิตติศัพท์มาว่า เป็นอ๋องที่โปรดสุรานารี เป็นชีวิตจิตใจนี่เอง...
ไม่น่าเชื่อว่า ท่านอ๋องขี้เหล้าแบบนั้นจะมีบุตรชายงดงามเพียงนี้ได้
“ เช่นนั้น เจ้าก็คือ องค์ชายหลี่หยางจื้อ ผู้อยู่ในอุปการะของฝ่าบาทนะหรือ”
“ แล้วแต่ท่านดำริแล้วกัน”
มู่หรงซู่ปรายยิ้มกว้าง “ ฮองเฮาหลี่เหยียนฮวา ก็คือพี่สาวแท้ๆของเจ้า...อา...ข้าคงต้องคารวะเสียแล้วกระมัง...องค์ชายหลี่หยางจื้อ...”
ครั้นชายหนุ่มผู้มีอายุมากกว่าจะคารวะ องค์ชายหลี่หยางจื้อก็ห้ามเสีย
“ อย่าเลย ท่านมู่หรง ท่านมีตำแหน่งข้าราชการแล้ว แต่ข้ายังไม่มี เพราะข้าเป็นเพียงนักศึกษา...ข้ายังต้องสอบผ่านก่อนจะกลับมาเป็นเสวียซื่อหรือขุนนางของวังหลวงแห่งนี้”
ถ่อมตนเสียด้วยหรือ...ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากหนาของตน ยามจับจ้องพวงแก้มนวลผ่องน่าจุมพิตนั้น...
...ถ้าได้จุมพิตซักฟอดสองฟอดจะเป็นอะไรหรือไม่...แววตาจับจ้องนั้น ทำให้ฝีเท้าบางของหนุ่มน้อยเริ่มถอยหลังลง...
“ ท่านมู่หรง อย่าได้มองข้าด้วยสายตาแบบนี้”
“ อะไรเหรอ องค์ชายหลี่” ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม “ ข้ามองท่านด้วยสายตาแบบไหนกันล่ะ”
“ ข้าไม่ชอบสายตาที่จับจ้องข้ามากเกินไปของท่านแล้วกัน!”
เถียงเก่งเสียด้วย...น่ารักจริงๆ...น่ารักกว่า ผู้หญิงที่ข้าเคยพบเป็นไหนๆ...
ครั้นพอชายหนุ่มก้าวไปข้างหน้าเพื่อใกล้ร่างในชุดนักศึกษาของหลี่หยางจื้อ เพื่อหวังว่าจะทำให้ร่างบอบบางนั้นหลงใหลในความหล่อเหลาสมชายชาญของตน
ก็ได้ยินเสียงทักแสนสดใสของบุคคลหนึ่ง
“ คุณชายมู่หรง! หยางจื้อ!”
ชายหนุ่มหน้าตาดีผู้หนึ่งขานชื่อของสองบุรุษ เขาอยู่ในชุดสีน้ำเงินครามประจำราชสำนักแห่งวังหลวง ใบหน้าของเขางามคม ประกอบดวงตากลมโตดังดวงตาของลูกกวางน้อยในพนาไพร แม้ว่าเรียวจมูกโด่งใหญ่และคิ้วเข้มจะดูสมชายชาตรีมากกว่าหลี่หยางจื้อ ประกอบกับสง่าราศีที่บ่งบอกว่าเขาต้องเป็นเชื้อพระวงศ์แน่แท้...ฝ่ายมู่หรงซู่ก็จับจ้องใบหน้าหมดจดของชายหนุ่มผู้มาทัก แล้วก็รำพึงว่า เหล่าเจ้าชายเชื้อพระวงศ์จ้าวนี่งดงามน่ารักน่าใคร่กันหมดหรืออย่างไรนะ...แล้วความกำหนัดก็เกิดขึ้นในห้วงแห่งจิตสำนึกของเขา...อยากได้เสียจริง...อยากได้หมดเลย...
“ ท่านพี่อ๋องอิงหลิว” หลี่หยางจื้อเร่งเก็บกระดาษและเครื่องเขียน แล้ววิ่งกลับไปยังชายหนุ่มผู้มาอายุมากกว่าตนเพียงสามปี “ ข้าดีใจทีี่ท่านเรียกข้าได้เหมาะสมมาก”
“ อะไรเล่า เสด็จพี่...ฝ่าบาทรับสั่งให้เจ้าไปหาฮองเฮา แล้วก็...หลานชายของเราไง”
“ข้ารู้ดี ท่านพี่อ๋องห้า แล้วข้าจะได้อุ้มเขาไหม...” ใบหน้าของเด็กหนุ่มปรากฏรอยยิ้มให้เห็นขึ้น ฝ่ายพระอนุชาขององค์ฮ่องเต้กยิ้มตามด้วยความสุขใจ ขณะที่บุตรชายของแม่ทัพเอกแห่งนครฉางหลิง ก็เริ่มคิดด้วยดำริอกุศลขึ้น...
...หนุ่มน้อยหลี่หยางจื้อ องค์ชายผู้นี้น่าสนใจกว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก ท่าทางสนิทสนมได้ดีกับชายหนุ่มคนนี้ด้วย...งดงามไม่แพ้กัน...แต่ข้าชอบบุคลิกขัดขวางข้าแต่แรกเห็นของหลี่หยางจื้อมากกว่า...
...ไม่มีใครกล้าปฏิเสธข้าตั้งแต่แรกเห็น เพราะความหล่อเหลาของข้า...มีเพียงเจ้าเด็กคนนี้!...
“ เจ้าพบคุณชายมู่หรงแล้วแนะนำตัวแล้วสิ”
“ ก็ทำนองนั้น...เอาเถอะ! ข้าอยากเข้าไปในวังแล้วล่ะ”
“ คุณชายมู่หรง พวกข้าต้องไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทก่อน แล้วพบกัน”
จ้าวอิงหลิวรับสั่ง แล้วจูงหัตถ์บางขององค์ชายผู้มีอายุน้อยกว่าตนขึ้นระเบียงของตำหนัก
“ทูลลา พระอนุชาและองค์ชายหลี่ พะย่ะค่ะ”
...หลี่หยางจื้อ...นามก็ไพเราะสมกับหน้าตาเหมือนกัน...ปัญญาสว่างดังดวงตะวัน...
...วันหนึ่ง...ถ้าเป็นไปได้...ข้าจะได้เจ้ามาเคียงคู่ประดับบารมีของข้าให้ได้ด้วยตนเอง...
มือแกร่งของมู่หรงซู่จับดอกแพงพวยข้างกายแล้วเด็ดมันด้วยอารมณ์คุกรุ่นในใจ...
ผ่านไปถึงสิบหกปีแล้ว...
ฝ่ายพระมาตุลาหลี่หยางจื้อเองก็ไม่ลืมสายตาน่ารำคาญของเจ้าแม่ทัพคนนั้นได้!
แล้วท่าทางจะไม่เลิกมองข้าแบบนั้นตลอดชีวิตด้วย!
~*~*~*~*~*~
หลังจากนั้น ฮ่องเต้องค์น้อย นามว่า จ้าวเทียนอี้ ก็มานั่งบนบัลลังก์มังกรทองโดยที่พระมาตุลาหนุ่มประทับนั่งบนเก้าอี้ฝ่ายขวาเคียงกาย และเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง เมื่อเสนาบดีทั้งหมดต่างถวายบังคมโดยการคุกเข่าลงต่อองค์จักรพรรดิน้อยและพระมาตุลาอย่างพร้อมเพรียง
“ พวกท่านทำไม คุกเข่ากันหมดล่ะเนี่ย” ฮ่องเต้เทียนอี้รู้สึกประหลาดใจ
“ พวกท่านล้วนชราแล้วทั้งสิ้น ลุกขึ้นเถิด” พระมาตุลาเสริมด้วยสีหน้าที่ไม่ต่างจากหลานชาย
ฝ่ายเสนาบดีถังกราบทูล “ เหล่าข้าพระองค์ต่างได้ทราบข่าวพระมาตุลายอมสละพระองค์เพื่อรับการลงทัณฑ์โบยห้าสิบครั้ง และฝ่าบาททรงเข้ามาปกป้องพระมาตุลาของพระองค์...หากพระมาตุลาซื่อต้ากงอ๋อง กลับทรงปฏิเสธความช่วยเหลือจากพระนัดดาผู้เป็นจักรพรรดิแล้วรับพระราชอาญาแสนศักดิ์สิทธิ์ตามกฎมณเทียรบาล เป็นวีรกรรมที่กล้าหาญ กล้าเสียสละอย่างยิ่งเพื่อรักษาเกียรติยศของราชวงศ์จ้าวแห่งแคว้นเหวิ่น ข้าพระองค์ขอถวายพระพรฝ่าบาทและพระมาตุลา ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปีๆ”
คราวนี้ ฮ่องเต้องค์น้อยสรวลด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง
“ พวกท่านเคารพข้าเช่นไร ก็ขอให้เคารพเสด็จน้าจื้อของข้าเช่นนั้นต่อไปเถอะนะ”
“ ฝ่าบาท อย่าพูดเล่นเหมือนเด็กน้อย” หลี่หยางจื้อปราม
“ ข้าหมายถึงว่า” เทียนอี้รับสั่ง “ ขอให้ทุกคนในวังหลวงที่อยู่ในที่แห่งนี้ จงบันทึกวีรกรรมของพระมาตุลาอ๋องซื่อต้ากงลงในพงศาวดารประจำรัชกาลของข้า และขอให้ชนรุ่นหลังได้จดจำและเจริญรอยตามคุณธรรมที่น่านับถือของเสด็จน้าหลี่หยางจื้อของข้าต่อไปด้วยเถิด”
...เริ่มเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาหน่อยแล้ว...วันนี้ เทียนเอ๋อร์กล่าวได้สมเป็นจักรพรรดิมาก...
...ขอบใจมากนะ เทียนเอ๋อร์...
หลี่หยางจื้อผงกศีรษะแล้วคำนับรับราชโองการ
“ ฝ่าบาท ขอทรงพระเจริญหมื่นปีๆ” เหล่าขุนนางต่างขานรับดังกังวาน
จนกระทั่ง เสนาธิการประกาศดังนี้
“ ท่านสมุหกลาโหมมู่หรง คุณชายมู่หรงและนักดนตรีเฉียง ขอเข้าเฝ้า!”
เหล่าขุนนางในท้องพระโรงทุกท่านต่างหลีกทางให้กับร่างสูงใหญ่สมเป็นนักรบในอาภรณ์สีแดงเลือดหมูของมู่หรงซู่ ยามนี้เขาแต่งกายในเครื่องแบบขุนนางพร้อมกับลายพยัคฆ์ใหญ่กำลังคำรามประจำสกุลของเขา โดยมีชายหนุ่มผิวสีขาวปนน้ำผึ้ง มีความสูงน้อยกว่ามู่หรงซู่ประมาณสองนิ้ว เรือนผมเกล้าเป็นหางม้าเหนือศีรษะด้วยรัดเกล้าทอง ยามนี้ยงหลางดูดีขึ้นมากในอาภรณ์สีเขียวเข้ม ลายเดียวกับมู่หรงซู่ ผู้เป็นบิดาบุญธรรมของเขา หากว่าสายตาอ่อนโยนของเขาดูราวกับยังประหลาดใจให้กับความอลังการและผู้คนมากมายในท้องพระโรงแห่งนี้ ฝ่ายเฉียงลิฉินนั้น เขากลับดูงดงามชวนค้นหาราวกับอิสตรีในอาภรณ์สีน้ำเงินอ่อนประกายทอง ถึงไม่ได้แต่งหน้าตาด้วยเครื่องสำอางใดๆทั้งสิ้น ทุกคนต่างก็ยังมองเข้าด้วยความตื่นตะลึงงันอยู่ดี...ผู้ชายอะไรจะมีหน้าตาสวยเหมือนสตรีขนาดนี้...
“ ข้าพระองค์ มู่หรงซู่ ถวายบังคมฝ่าบาท”
“ ข้าพระองค์...มู่หรงยงหลาง...ขอถวายบังคม...ฝ่าบาท” ยงกลางยังไม่หายตื่นเต้น
ฝ่ายเฉียงลีฉินก็ถวายบังคมด้วยลีลาอ่อนช้อย “ ขอถวายบังคม โอรสสวรรค์แห่งต้าเหวิ่น”
ฮ่องเต้องค์น้อยยิ้มรับ แล้วสั่งให้พวกเขาลุกขึ้น ขณะที่พระมาตุลาซื่อต้ากงพร้อมกับพระปิตุลาอ๋องเคอโจวก็ยังมองมาที่มู่หรงซู่ พร้อมผู้ติดตามทั้งสองคนอย่างไม่วางใจ
“ ท่านสมุหมู่หรง ท่านมีอะไรบอกกับข้าล่ะ”
“ ฝ่าบาท ฟากขวานี้คือ บุตรชายบุญธรรมของกระหม่อม และฟากซ้ายคือ นักดนตรีผู้มากความสามารถ นามว่า เฉียงลิฉิน นั่นเอง”
“ ฮ่าๆ ท่านมู่หรงไม่ต้องแนะนำหรอก ก็ข้าพบทั้งสองคนแล้ว พี่เฉียงในวันเกิดของข้า เมื่อสัปดาห์ก่อน และก็พี่หลางคนนี้ เมื่อวานไงเล่า ดีใจที่พบท่านพี่ทั้งสองคนอีกครั้งนะ”
พี่หลางเหรอ...คราวนี้ ยงหลางรู้สึกตื่นเต้นขึ้นกว่าเดิม องค์จักรพรรดิองค์น้อยบนบัลลังก์มังกรเรียกเขาว่า “พี่หลาง” ขนาดท่านพ่อยังเรียกเขาว่า “ยงหลาง” เต็มชื่อเลยนะ...
“ ฝ่าบาท ขอให้เรียบร้อยด้วยเถิด” พระมาตุลาหนุ่มรับสั่งเสียงขรึม
คราวนี้ องค์จักรพรรดิน้อยตอบว่า “ เสด็จน้าจื้อ ข้าแค่ทักทายเพื่อไม่ให้พวกเขาตื่นเต้นเกินไป”
พระมาตุลาผู้สำเร็จราชการจึงกล่าวต่อผู้อยู่เบื้องล่างทั้งสามคน
“ ท่านมู่หรง ท่านนำบุตรชายของท่านและนักดนตรีของท่าน มาเพื่อการอันใดเล่า”
“ กระหม่อมจะขอลาไปดูแลกองทหารในชายแดนส่วนใต้ และนำบุตรชายเพื่อเข้ารับราชการเป็นผู้ดูแลส่วนทหารภายในนครฉางหลิงสนองคุณแห่งองค์จักรพรรดิแทนกระหม่อม และเฉียงลีฉิน เป็นนักดนตรีผู้มากความสามารถมารับราชการฝ่ายมโหรีพระเจ้าค่ะ”
ท่านอ๋องเคอโจวหรือท่านอ๋องห้าคิดว่า หลี่หยางจื้อจะปรามพวกเขา...แต่ว่า สายตาของพระมาตุลาหนุ่มผู้เป็นที่รักของฮ่องเต้กลับมีบางอย่างที่คาดเดาได้ยากยิ่ง...ขนาดเติบโตมาด้วยกัน ท่านอ๋องห้าก็ยังไม่อาจอ่านสายตาของหลี่หยางจื้อได้...
“ มู่หรงยงหลาง ชายหนุ่มผู้นี้นะหรือ บุตรชายของท่าน ไม่ค่อยเหมือนท่านเท่าไหร่เลยนะ”
“ เขาเป็นบุตรบุญธรรมของกระหม่อม พระมาตุลา”
“ นักรบหนุ่มแสนองอาจทั้งสนามรบและสนามรัก ไม่มีบุตรชายสืบสกุลด้วยตนเองหรือไร...”
ทุกคนในท้องพระโรงอ้ำอึ้ง แม้แต่เทียนอี้เองก็ประหลาดใจในวาทะแสนตรงไปตรงมาของน้าชาย
คราวนี้ มู่หรงซู่รู้สึกเจ็บใจนัก...ได้ทีก็ยอกย้อนข้า...หลี่หยางจื้อ...
ทีตัวเอง...หลงหลานคนนี้จนน่าหมั่นไส้..อย่ามาดูถูกยงหลางของข้าแล้วกัน!
“ หามิได้ พระมาตุลา...” แม่ทัพหนุ่มรับสั่ง “ เด็กผู้นี้เป็นบุตรบุญธรรมของกระหม่อมก็จริง แต่เขาก็ได้รับความรักจากข้า และความสามารถในการรบศึก...เขาเป็นบุรุษวัยยี่สิบปีที่ฉลาดหลักแหลม...และเป็นความหวังแห่งสกุลมู่หรงของกระหม่อมพระเจ้าค่ะ”
“ แล้วเฉียงลีฉินเล่า เจ้ายินดีเป็นฝ่ายมโหรีของวังฝ่ายหน้าหรือไม่”
นักดนตรีหนุ่มหน้าสวยก็กราบทูล “ กระหม่อมผู้นี้ยินดีเข้ามารับราชการในวังหลวง เป็นพระกรุณาอย่างหาที่สุดมิได้สำหรับสามัญชนธรรมดาเช่นกระหม่อม”
“ งั้นก็ดีเลย ข้าต้อนรับพวกท่านนะ!” ฮ่องเต้องค์น้อยตบหัตถ์อย่างยินดี
...แต่ว่าพระมาตุลาหนุ่มยังส่งสายตาตำหนิ...เทียนเอ๋อร์ ทำองค์ให้เรียบร้อยหน่อยเถอะ...
ขณะที่สายตาของมู่หรงยงหลางได้สบกับดวงตากลมโตไร้เดียงสาของฮ่องเต้องค์น้อย
...คราวนี้ เทียนอี้ก็รู้สึกหน้าแดงเหมือนกัน...ทำไม เขาถึงดูดีขึ้นกว่าเมื่อวาน หรือเพราะเครื่องแบบบุตรแห่งขุนนางที่เขาสวมอยู่ทำให้ยงหลางคนนี้สง่างามขึ้น...แต่ก็ดูซื่อๆน่าแกล้งดีแฮะ...
...ชายหนุ่มก็รู้สึกว่า ตนเองไม่สมควรจับจ้องฮ่องเต้องค์น้อยนานเกินไป จึงหลบสายตาด้วยความละอาย...พยายามระงับความตื่นเต้นของตนเองไว้
ฝ่ายหลี่หยางจื้อนั่นยังคงนั่งนิ่งบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งอย่างสง่างาม...
...ลูกบุญธรรมของมู่หรงซู่...ก็สมควร...ภายนอกของเด็กหนุ่มคนนี้ไม่มีอะไรเหมือนเจ้าแม่ทัพที่ชอบมา
หื่นกามใส่ข้าเลย...และจัดว่าหน้าตาดีแบบคนเรียบร้อยและซื่อตรง...น่าจะพอเป็นประโยชน์ได้บ้าง...
...แต่ว่า ทำไมเขาถึงมองเทียนเอ๋อร์ด้วยความสนใจเล่า...อย่าประพฤติคล้ายบิดาของเจ้าเลย...
...มู่หรงยงหลาง บุตรแห่งมู่หรงซู่...
~*~*~*~*~*~
วันนี้มาส่งหนุ่มใหม่เข้าวังเต็มตัวค่ะ ฮี่ๆ ช่วงนี้เหนื่อยนะคะ แถมมีสอบด้วยแหละ
เอาน้าจื้อสมัยเท่าเทียนเอ๋อร์มาฝากด้วยแหละ คงถูกใจกันนะ ฮี่ๆ
เราจะได้เห็นมาดใหม่ของเสด็จน้าจื้อกันแล้วนะคะ >///<
ความคิดเห็น