คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ค่ำคืนแสนอบอุ่น
บทที่ 12 : ค่ำคืนแสนอบอุ่น
ภายในจวนของสมุหกลาโหมนามว่า มู่หรงซู่ ภายในศาลาหลังคาสีน้ำเงินสลักสลวยซึ่งมีดอกโบตั๋นและดอกไห่ถังสีชมพูออกดอกบานสะพรั่ง โดยมีชายหนุ่มร่างผอมเพรียว ใบหน้างามคมสันและดูซื่อตรงจากดวงตาเรียวใหญ่ของเขา เขานั่งบนม้านั่งภายในศาลาเล็กริมน้ำแล้วถอนหายใจ...ดวงตาเรียวใหญ่มองดวงจันทร์ที่ใกล้จะเต็มดวงในไม่ช้า...
...ดวงจันทร์เสี้ยวใกล้เต็มดวงเรียวมน คล้ายคลึงกับใบหน้านวลกระจ่างขององค์จักรพรรดิองค์น้อย...
...เรือนผมสีดำขลับเป็นมันเงาตามแรงลม...ดังท้องฟ้าในยามราตรีนี้เลยนะ...
...ท้องฟ้าก็คือ เทียนเอ๋อร์ นะหรือ...เทียนเอ๋อร์...ฮ่องเต้ผู้งดงามดังนภาสดใส...
ริมฝีปากบางได้รูปของมู่หรงยงหลางจรดขลุ่ยไม้คู่ใจที่เขาชอบเล่นจรดนิ้วเพื่อเล่นอย่างไพเราะ...
ใบหน้าคมสันสมเป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่แห่งต้าเหวิ่นมองแผ่นหลังกว้างของบุตรบุญธรรมของเขา
มู่หรงซู่ถอนหายใจ เขานั้นรักและเอ็นดูหนุ่มน้อยยงหลาง เพราะมู่หรงซู่นั้นก็ต้องการมีลูกนักหนา ทว่าเขาก็มีปัญหาในรสนิยมทางเพศของเขา เพราะว่าเขาชอบร่วมอภิรมย์กับบุรุษด้วยกันมากกว่าสตรี ขนาดบิดาผู้สิ้นชีพไปแล้วให้เขาแต่งงานครั้งแรกเมื่ออายุยี่สิบเอ็ด ภรรยาของเขาก็ไม่สามารถทนอารมณ์ทางเพศแสนวิปริตของเขาได้เลย นางขอหย่าร้างภายในแปดเดือนหลังจากวันวิวาห์และเขาก็ไม่เสียใจนัก เพราะเขาไม่ได้รักนาง...จนกระทั่งอีกสองปีต่อมา เขาก็ได้พบเด็กชายวัยหกขวบที่กำลังถูกทหารในค่ายกลั่นแกล้ง...เด็กคนนี้มีลักษณะดีและงดงามมากกว่าเป็นแค่คนรับใช้...เขาจึงรับมาเป็นลูกบุญธรรมของเขา...แล้วรักเด็กคนนี้...โดยไม่มีความเสน่หาทางเพศมาเจือปน...
“ ยงหลาง มานั่งเป่าขลุ่ยอะไรคนเดียว”
ชายหนุ่มในชุดยาวสีเขียวสะดุ้งเล็กน้อย จึงเหลียวกลับหลังไปพบร่างสูงใหญ่ยิ่งของบิดาบุญธรรม
“ ท่านพ่อขอรับ...ขออภัย ถ้าเสียงขลุ่ยของข้ารบกวนท่านหรือไม่”
“ ไม่ๆ เจ้าเป่าขลุ่ยเพราะดีต่างหาก” มู่หรงซู่กล่าว ร่างใหญ่เดินมานั่งข้างลูกชายบุญธรรม
“ ขอบคุณที่ชมขอรับ ท่านพ่อ ข้าก็ติดแต่เป่าขลุ่ยในยามค่ำ ตอนอยู่ค่ายทหารแทบทุกคืนนี่แหละขอรับ”
“ เจ้าเป็นทหารที่ดี มีความอดทนและรู้จักการรอคอย รอให้ตนเองอายุยี่สิบปี แล้วให้พ่อพาเจ้ามาอยู่ในนี้ ต่อไปนี้ เจ้าคือ คุณชายมู่หรงยงหลาง บุตรแห่งสมุหกลาโหมต้าเหวิ่น เข้าใจไหม”
“ ขอรับ ท่านพ่อ” ยงหลางค้อมศีรษะลงอีกครั้ง
มู่หรงซู่นั้นไม่รู้ว่าจะดีใจหรือหน่ายใจกันแน่...ยงหลาง ลูกบุญธรรมผิวพรรณสีน้ำผึ้งของเขานั้น งามคมคายเหมือนเทวดาหนุ่มน้อย รูปร่างก็สูงสง่านักหนาในชุดเกราะ อีกประการหนึ่ง ฝีมือการใช้อาวุธนั้นไม่เป็นสองรองใคร เขามีความสามารถในระดับที่มู่หรงซู่พอใจ...เสียดายที่ว่าจิตใจอ่อนโยน มีเมตตาดังพระโพธิสัตว์เกินไปนี่แหละ...มู่หรงซู่ไม่แน่ใจเลยว่า เขาควรมอบตำแหน่งสมุหกลาโหมแห่งต้าเหวิ่น ซึ่งสกุลมู่หรงดำรงใช้กันมาถึงแปดชั่วอายุคนแล้วให้ลูกคนนี้ดีไหม...
“ เจ้าคิดอ่านอย่างไร เมื่อเจ้าไปพบพระปิตุลาอ๋องเคอโจว”
“ ข้าได้พบแล้ว...ก็เห็นว่า เขาสง่างามดีสมเป็นเจ้าคนนายคน แต่ว่า...องค์ฮ่องเต้ทรงงดงามน่ารัก...”
เมื่อยามบ่ายที่ผ่านมา เขาจำอะไรไม่ค่อยได้เลย ตอนที่เขาเดินตามฮ่องเต้น้อย กับองค์ชายองค์หญิงไปยังกับสู่วังฝ่ายหน้า เขาจำได้ว่าพบบุรุษหนุ่มรูปงามล้ำเลิศอายุราวสามสิบต้นในอาภรณ์สีน้ำเงิน หากว่าแววตาเจิดจรัสดังดวงดาวนั้นดูไม่วางใจผู้เป็นบิดาบุญธรรมของเขา...รวมถึงตัวเขาเอง...เพราะอะไรน่ะหรือ...
“ ท่านพ่อ...แต่ข้าไม่ชอบสายตาของพระปิตุลานั้นเลย...เขาไม่ชอบท่านพ่อหรือ”
“ แววตาของเจ้ามองออกนี่นา ใช่แล้ว! พ่อรู้ว่าตัวเองไม่เป็นที่พอใจของเหล่าเชื้อพระวงศ์ในวังหรอก ถ้าเจ้าพบพระมาตุลาหลี่หยางจื้อ เจ้าต้องพบว่าสายตาของเขามองพ่อว่า พ่อตำ่ต้อยไม่เป็นที่ต้องการอะไรทั้งสิ้น ขนาดพ่อกับเจ้าตั้งใจไปตีเมืองขึ้นที่กระด้างกระเดื่องให้ เขาก็ด่าพ่อให้อย่างสาดเสียเทเสียว่า พ่อทำตัวไร้แก่นสาร บ้าอำนาจ...หึ! ให้มันรู้ไปเลยว่า ใครเป็นใคร!”
ยงหลางอ้าปากค้าง...พระมาตุลาคนนั้นกล้าดูถูกท่านพ่อของข้าหรือนี่...มือเรียวกร้านจับขลุ่ยแน่น...
...สำหรับยงหลางคนนี้ ใครกล้าตำหนิพ่อบุญธรรมแสนดีของข้าก็ให้มันรู้ไปสิ...
“ ก็ได้ขอรับ ถ้าใครกล้าตำหนิท่าน ข้าจะต่อต้านเขาเอง”
“ ดีมากลูกข้า” มู่หรงซู่ลูบเกล้ามวยผมประดับผ้าของบุตรชาย “ ขอบใจที่อยู่ข้างพ่อ”
“ แต่ข้าขอถามท่านพ่ออีกข้อหนึ่ง” ยงหลางสบตาเรียวคมของบิดาบุญธรรม
“ ว่ามา ยงหลาง”
“ ฮ่องเต้องค์น้อยที่ข้าพบ เขาเป็นหลานของพระมาตุลาที่ไม่ชอบท่านจริงๆเหรอ”
บุรุษใหญ่ยิ้มปราย “ ใช่แล้ว... ฮ่องเต้องค์น้อยเป็นหลานชายคนเดียวของพระมาตุลา ผู้เป็นน้องชาย
ของพระพันปี ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงวางพระทัยให้เขาเป็นผู้ปกครองของฮ่องเต้น้อย จนกว่าฮ่องเต้จะ
อายุยี่สิบปี เขาจึงจะเป็นอิสระต่อหน้าที่นั้น...”
ยงหลางหนุ่มน้อยพยักหน้ารับ “ ข้าเข้าใจแล้วขอรับ ถ้าท่านพ่อจะให้ข้าทำอะไรก็สั่งข้าได้”
“ พ่อว่า...พ่อจะให้เจ้ารับราชการในวังแห่งนี้ เป็นฝ่ายดูแลกองทหารฝ่ายในนครฉางหลิง
เพราะพ่อจะไปเตรียมกำลังทหารออกศึกครั้งต่อไปตรงชายแดนฝั่งใต้...”
“ แต่...แต่...ชายแดนของเราก็ไม่มีปัญหาอะไรนี่แล้วนะขอรับ ท่านพ่อ อย่าทรมานพวกทหารให้มาซ้อมรบหนักเลย ให้พวกเขาไปทำงาน เลี้ยงดูครอบครัวบ้างเถอะ”
“ หึ!” คราวนี้ มู่หรงซู่ส่งสายตาดุดันราวกับสายตาพยัคฆ์ร้ายใส่บุตรชาย
“ เจ้าเป็นลูกคนเดียวของแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งต้าเหวิ่นที่ต้องการขยายอาณาเขตให้กว้างขึ้น กว้างไพศาล เจ้าต้องจำไว้นะ เจ้าต้องสืบทอดอำนาจต่อจากข้า ผู้เป็นบิดาของเจ้าเท่านั้น!”
สองมือใหญ่ของมู่หรงซู่บีบไหล่บางทั้งสองข้างของบุตรชายบุญธรรม
“ ข้ารับทราบแล้วขอรับ ท่านพ่อผู้งามสง่าของข้า”
หนุ่มน้อยผงกศีรษะรับ หลายอย่างเขาก็ไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมหลายอย่างของบิดา
...หากว่า มู่หรงซู่เป็นผู้ช่วยชีวิตของเขาไว้ ทำให้เขาได้มีพ่อ...มีตำแหน่ง...มีคนเคารพ...มีความรู้ในการรบ...มาจนถึงวัยสู่วัยหนุ่มเต็มตัว...
...หน้าที่ของลูกบุญธรรมของเขาก็ต้องกตัญญูต่อบิดาผู้นี้...ดังที่แม่เฒ่าที่มู่หรงซู่ฝากให้ดูแลสอนเขา...
“ เอาล่ะ เจ้าควรกลับไปนอนได้แล้ว อีกสองวันเจ้าต้องกลับเข้าในวัง เจ้าจะได้พบกับฮ่องเต้องค์น้อยและพระมาตุลาผู้นั้นเป็นครั้งแรกของเจ้าแน่นอน ทำตัวให้สง่างามมากกว่านี้ด้วย...ลูกชายของข้า...”
“ ราตรีสวัสดิ์ขอรับ ท่านพ่อ”
ชายหนุ่มในชุดสีใบไม้น้อมศีรษะลง แล้วเดินออกไปจากศาลา...
ฝ่ายมู่หรงซู่ก็ยิ้มกริ่มให้กับตนเอง เมื่อนึกถึงแผนการชั่วร้ายของตน
...ถ้าวันหนึ่ง...ข้าได้บัลลังก์แห่งนครฉางหลิง...ข้าจะให้เจ้าเป็นรัชทายาทต่อจากข้า...
...ถ้าข้าได้ครอบครองหลี่หยางจื้อ...อ่า...ข้าจะบำเหน็จเจ้าให้ได้ครองฮ่องเต้น้อยนั้นก็ได้...
...ยงหลาง เป็นลูกชายที่ดี เขาจะฟังข้าและทำตามที่ข้าสั่งทุกอย่าง ฮ่าๆๆๆ...
ชายหนุ่มผู้เป็นบุตรบุญธรรมแห่งสกุลมู่หรงกลับไปซบหมอนนุ่มภายในห้องนอนแสนหรูหราสมกับตำแหน่งบุตรชายของขุนนางใหญ่แห่งนครฉางหลิง หากว่า เขารู้สึกสบายใจนักที่ได้พบกับ
...ฮ่องเต้องค์น้อย...ใบหน้านวลผ่องแสนงดงามน่ารัก...ตลอดชีวิตที่เกิดมา ยี่สิบปี...ยงหลางคนนี้ไม่เคยพบใครคนหนึ่งที่สวยงามและน่ารักมากไปกว่าองค์จักรพรรดิน้อยจ้าวเทียนอี้หรือเทียนเอ๋อร์คนนี้มาก่อนเลย...ไม่น่าเชื่อว่า ข้าจะชอบเขาได้เพียงนี้...แม้ครั้งแรกที่พบกัน...
...อีกสองวัน ข้าจะได้พบท่านอีกครั้งใช่ไหม...ฮ่องเต้น้อยเทียนเอ๋อร์...เทียนเอ๋อร์...
มือเรียวของยงหลางลูบไล้ขลุ่ยน้อยไปมาด้วยความพึงพอใจ...เพราะเขานั้นรู้สึกว่า แม้จะเป็นคุณชายสกุลมู่หรง แต่อาศัยภายในค่ายทหารมาสิบกว่าปี เห็นแต่ความเจ็บปวด การทะเลาะเบาะแว้งและการทำร้ายของคนในค่ายทหารนั้น...แม้แต่เขาเอง ถ้าไม่ได้มู่หรงซู่ผู้นี้ช่วยไว้ พวกทหารนั้นคงแกล้งจนเขาขาดใจตายแน่ๆ...ความงามที่หนุ่มน้อยยงหลางเห็นมาตลอดก็คือ ความงามตามธรรมชาติของท้องฟ้า แสงแดดยามเช้ากับหมู่ไม้ใบหญ้าเขียวขจี ที่เขาชอบหนีออกไปนั่งเล่นคนเดียวกับอาชาคู่ใจของเขา...และสัมผัสอ่อนโยนและคำสอนอ่อนหวานของแม่เฒ่าอู่ ซึ่งเลี้ยงดูเขามาเท่านั้น ที่ทำให้เขาไม่มีจิตใจหยาบกระด้างเหมือนบิดาบุญธรรมซักนิดเดียว...ตอนนี้มีความสวยงามแสนอ่อนหวานจากเด็กหนุ่มผู้มีศักดาเป็นถึงจักรพรรดิต้าเหวิ่นเสียด้วย...ยงหลางตื่นเต้นเหลือเกิน...
“ ข้าอยากรู้จักท่านและเล่นกับท่าน เทียนเอ๋อร์...แต่ว่า...ท่านจะสนใจข้าไหมเล่า...”
มู่หรงยงหลางก็หลับตาพร้อมกับนึกถึงรอยยิ้มสดใสของฮ่องเต้น้อยที่เขาพบจนหลับไป
~*~*~*~*~*~
ร่างบอบบางสมวัยรุ่นในชุดขาวสำหรับนอนของจ้าวเทียนอี้กลับมาภายในห้องบรรทมของพระมาตุลา ซึ่งตอนนี้ร่างสูงสง่าสามารถกลับมานั่งโต๊ะทรงงาน พร้อมกับตรวจสอบเอกสารราชการแผ่นดินตามปกติ ราวกับว่า เขาหายจากอาการปวดหลังไปเสียแล้ว...
“ เจ้ามาแล้วหรือ เทียนเอ๋อร์”
“ ใช่...เสด็จน้า...ข้ากลับมาแล้วล่ะ” เด็กหนุ่มขานรับ ดวงตาแจ่มใสมากขึ้น
แล้วใบหน้างามสง่าก็หันมองยังหลานชาย “ เจ้าไปเล่นสนุกอะไรเล่าในยามบ่าย แถมงานเอกสารพวกนี้ เจ้าไม่ยอมตรวจตราเลยนะ ให้เฉากงกงยกมาวางแบบนี้...เฮ่อ...”
“ เออ...น้าจื้อ...ตอนบ่ายที่ผ่านมา ข้าไปเล่นกับน้องๆแล้วพบกับคนแปลกหน้าคนหนึ่งด้วย”
“ อือม...” ชายหนุ่มที่ยังอยู่ในชุดบรรทมขาวของตนลุกขึ้นจากเก้าอี้ทรงงาน แล้วยามนี้ เขาก็เริ่มกลับมายืนตรงได้อย่างมั่นคง “ คนแปลกหน้าคนนั้นคือใครล่ะ...”
“ ฮี่ๆ น้าจื้อ...” ฮ่องเต้องค์น้อยยืนกอดอกอย่างมั่นใจ “ เขาเป็นลูกชายของท่านมู่หรงซู่ไงเล่า”
คราวนี้ มือเรียวงามของหลี่หยางจื้อกำหมัดแน่น “ อะไรนะ ลูกเหรอ ข้าไม่ได้ยินมาก่อนว่า มู่หรงซู่มีลูก เพราะเขาหย่าร้างกับภรรยาหลวงไปนานมากแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ เอ่อ...เขาชื่อ มู่หรงยงหลางแหละ เสด็จน้า เห็นเขาบอกว่า เป็นลูกบุญธรรมนะ แถมหน้าตาดูซื่อๆ เหมือนหนุ่มบ้านนอกเข้ากรุง ไม่มีอะไรเหมือนท่านมู่หรงคนพ่อเลยล่ะ”
คราวนี้พระมาตุลาหนุ่มเม้มริมฝีปากแน่น...คราวก่อนก็พานักดีดพิณมา...คราวนี้ก็เอาลูกเลี้ยงมาหาเทียนเอ๋อร์...เจ้าคิดอะไรของเจ้า...มู่หรงซู่...อย่าให้ได้เจอการรังควานของเจ้าอีกนะ...
“ แล้วข้าก็พาเขาไปพบเสด็จอาหลิวด้วย เสด็จอาก็ต้อนรับเขาดีทีเดียว”
เทียนอี้ปล่อยให้เจ้ากระรอกน้อยเปาชิงเทียนให้มันคลานไปนั่งบนตักกว้างของหลี่หยางจื้อ
ชายหนุ่มลูบหางของมันเพื่อความสบายใจ แล้วริมฝีปากงามก็ผุดรอยยิ้ม
“ เทียนเอ๋อร์...ช่วยน้าอย่างหนึ่งได้ไหม”
“ อือๆ ให้ข้านอนเล่นกับท่านหรือเปล่า”
ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ส่ายหน้า “ เสี่ยวเชียน มัวแต่ทายาโดยที่ฝีมือไม่ได้เรื่องเลย เจ้าจะนวดหลังให้น้าคนนี้ได้ไหมเล่า”
“ ฮ่าๆ แค่นี้เอง” เทียนอี้ถอดรองเท้าขาวของตนแล้ว ขึ้นมาบนเตียงแล้วนั่งด้านหลังของเสด็จน้าที่รักยิ่งของเขา แถมก็ใช้ยาสมุนไพรที่เหลืออยู่ทาแผ่นหลังกว้าง โดยที่หลี่หยางจื้อปัดเรือนผมยาวสลวยของตนไปยังด้านหน้า แล้วเล่นหยอกล้อกับเจ้ากระรอกเปาชิงเทียน
“ เจ้าน่าเอ็นดูจริงนะ อาเปา” นิ้วเรียวงามจิ้มศีรษะของกระรอกน้อย ปล่อยให้หลานชายผู้เป็นถึงเจ้าเหนือหัวของเหล่าประชาชนแห่งแคว้นนี้ ต้องมานวดหลังให้เขา
มือเรียวนิ่มของเทียนอี้นั้น มีน้ำหนักดีกว่ามือของแม่นางเสี่ยวเชี่ยนจริงๆ บนฝ่ามือของฮ่องเต้ก็อิ่มเอิบสมบูรณ์เหมาะแก่การนวดเพื่อรักษาเป็นอย่างยิ่ง
“ เทียนเอ๋อร์ ถ้าเจ้าไม่ได้เป็นฮ่องเต้แล้ว เจ้าก็ทำงานเป็นหมอบำรุงกายดีกว่าล่ะมั้ง”
“ แฮะๆ เสด็จน้าจื้อ ท่านพอใจเล่นข้านวดให้ท่านเหรอไง”
“ ก็ดีนะ” ผู้เป็นน้าชายยิ้ม “ ถ้าเราสองคนเป็นคนธรรมดา น้าจะเดินทางไปรักษาคนทั่วทุกที่ และมีเจ้าเป็นผู้ช่วยอีกแรง แล้วเรานั้นเดินทางกันไปทั่วใต้หล้าให้ไกลกว่าแคว้นเหวิ่นแห่งนี้”
ฮ่องเต้องค์น้อยพยักหน้ารับ “ ดีเลยๆ พาอาเปาไปด้วย แล้วก็พาฟงเอ๋อร์ หยงเอ๋อร์เดินทางไปด้วยนะ ข้าจะบอกให้เสด็จอาหลิวดูแลร้านขายยาในเมือง เวลายาเราหมดก็ให้เสด็จอาหลิวทรงทำยาให้เหลือไว้มากๆเลย เย้ๆสนุกแน่ๆ”
มือเรียวน้อยตบเนื้อนูนซึ่งตอนนี้แผลบนหลังลดลงไปแล้วบ้าง ทำให้พระมาตุลาหนุ่มสะดุ้ง
“ เบาๆหน่อยเถอะ เทียนเอ๋อร์...เราต่างก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้...”
คราวนี้ดวงตากลมโตของฮ่องเต้น้อยก็หลุบลง “ ใช่...มันเป็นไปไม่ได้เลย...ข้าก็อยากมีชีวิตแบบคนธรรมดานะ เสด็จน้าจื้อ ข้าคิดว่า ถ้าไม่มีตำแหน่งฮ่องเต้ของข้าหรือตำแหน่งอ๋องของท่าน เราก็ไม่ต้องมีกฎมณเทียรบาลแบบนั้นมาทำร้ายท่านกับข้า...แบบนี้ด้วย”
“ เด็กหนอเด็ก” หลี่หยางจื้อรำพึง “ เอาเถอะ เจ้าเลิกนวดและลงยาได้แล้ว เทียนเอ๋อร์”
แต่ก่อนพระมาตุลาหนุ่มจะสวมเสื้อนอนของตนอีกครั้ง จ้าวเทียนอี้มองเห็นรอยแผลแดงบนหลังขาวนวลละเอียดของน้าชายคนเดียวของเขา...เด็กหนุ่มวัยสิบหกปีหลั่งน้ำตาอีกครั้งแล้ววางใบหน้านวลของเขาซบบนหลังนั้น...ทำให้หลี่หยางจื้อตื่นตะลึงในกิริยาที่คาดไม่ถึงของหลานชาย...
“ น้าจื้อ ท่านเจ็บมากไหม เพราะข้าผิดเอง ที่ข้ากลัวความสูง ทำให้ท่านต้องมารับโทษที่ดูแลข้าไม่ดี เพราะข้าเป็นฮ่องเต้ เพราะข้าผิดเองที่เอาชนะความกลัวไม่ได้...ฮือๆ”
“ เทียนเอ๋อร์...ไม่หรอก...น้าคนนี้ต่างหากที่ผิด...น้าปล่อยเจ้าให้อยู่ในอันตราย นี้เป็นข้อผิดพลาดของน้าคนนี้ รู้อยู่เต็มอกว่าเจ้ากลัวความสูงเพียงใด แต่เจ้าก็สมควรมีวรยุทธป้องกันตัวแล้ว...เพียงว่า...ตอนที่เจ้าตกลงจากยอดไม้...น้ากลัวว่า ถ้าน้าไม่รับเจ้า...เจ้าจะไม่รอด...ซึ่งเป็นเช่นนั้นแล้ว น้าจื้อคนนี้ก็จะยอมสังหารตัวเองตามเจ้าไป...น้าได้รับโทษเช่นนี้ก็สมควรแล้วที่ดูแลหลานไม่ดี”
ฮ่องเต้องค์น้อยหลั่งเสียงสะอื้นดังลั่นออกมา “ ฮือ...ฮือ...ทำไม...ท่านต้องทำถึงข้าถึงเพียงนี้ด้วย...”
“ ไม่รู้สินะ เพราะหน้าที่ของพระมาตุลาที่ต้องรับใช้ฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์กระมัง”
ชายหนุ่มผู้มีอายุมากกว่าตอบพร้อมสั่นเสียงครือในลำคอ
“ ข้า...ข้าคิดว่า ท่านรักหลานคนนี้มาก...จนยอมตายแทนได้”
ร่างแข็งแรงของพระมาตุลาหนุ่มละออกจากการกอดของหลานชาย แล้วสวมเสื้อนอนของตนให้เรียบร้อย ขณะที่ฮ่องเต้หนุ่มน้อยยังคงสะอื้นไห้ น้ำตาเม็ดโตยังไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง
“ เทียนเอ๋อร์...น้าก็ขอบใจเจ้ามาก ที่เจ้าวิ่งมาปกป้องน้า ได้โปรดรับการคารวะเสีย”
ยามชายหนุ่มผู้เป็นพระมาตุลาจะประสานมือคารวะ แต่ว่าฮ่องเต้องค์น้อยกลับรั้งมือนั้นไว้แล้วสวมกอดเสด็จน้าแนบแน่นจนได้ยินเสียงหัวใจเต้นของหลี่หยางจื้อได้ แถมยังร้องไห้ต่อไป
“ น้าจื้อ...น้าจื้อ...ได้โปรด อย่าทำแบบนั้นเพื่อข้าอีกเลยนะ”
“ เทียนเอ๋อร์...ไม่เอานะ...เลิกร้องได้แล้ว...เลิกร้องเสีย...เด็กคนนี้...”
“ ข้ารักท่าน...ข้าไม่อยากให้ท่านต้องเจ็บปวดอะไรทั้งนั้นเลย...น้าจื้อ...”
“ ฝ่าบาท...เทียนเอ๋อร์...” เรียวคางสวยของพระมาตุลาหนุ่มซบเรียวไหล่บางของหลานชาย
พร้อมกับหอมไหล่ขวาให้เหมือนครั้งที่เขาเคยอุ้มทารกน้อย...เด็กคนนี้ยังไม่ยอมโตเลยนะ...
...ใบหน้านวลกระจ่างของเทียนเอ๋อร์คล้ายคลึงกับเขามาก...เพียงแต่มีดวงตากลมใหญ่...
...ดวงตาที่มีแต่ความเมตตาและความรักขององค์จักรพรรดิผู้เป็นบิดา...ที่ต่างจากเขาเท่านั้น...
“ ข้ารักน้าจื้อจริงๆนะ เพราะข้ามีน้าแค่คนเดียว...”
“ เทียนเอ๋อร์...น้าจื้อรู้แล้วล่ะ...น้าเข้าใจ...”
ชายหนุ่มผู้เป็นน้าทั้งลูบผมยาวสลวยแล้วหลังบางนุ่มจนเสียงสะอื้นของหนุ่มน้อยเบาลง
พร้อมทั้งวางริมฝีปากงามลงเพื่อหอมแก้มแสนนุ่มซ้ายขวาของหลานชายที่รักให้
...คราวนี้ ฮ่องเต้องค์น้อยก็ยอมหยุดร้องได้จริงๆ...เสด็จน้า...หอมแก้มให้เลยเหรอ...
“ นอนได้แล้ว เทียนเอ๋อร์”
พอเขากล่าวย้ำเข้า อาเปาก็ได้ทีมานอนลงบนเรือนผมยาวสลวยของพระมาตุลาหนุ่มเสียอย่างนั้น
ในค่ำคืนนี้ ฮ่องเต้องค์น้อยก็วางร่างบางของตนนอนเคียงน้าชายตามความคุ้นเคย
หลี่หยางจื้อนึกสนุกจึงโอบหลังบอบบางของเทียนเอ๋อร์ จนศีรษะมนของฮ่องเต้ซบกับทรวงอกกว้าง
“ น้าจื้อ...เออ...” ดวงหน้าหวานน่ารักของฮ่องเต้น้อยก็ขึ้นสีแดงระเรื่อ
เรียวมือแข็งแรงสางเรือนผมด้วยความรักที่มีต่อหลานชาย พลางกระซิบนุ่มนวล
“ ตอนเด็กๆ เจ้าอ้อว่า อยากนอนบนอกของน้า...จำได้ไหม”
“ ก็...อกของท่านนิ่ม...จนข้าคิดว่าเป็นหมอนนี่นา” ฮ่องเต้น้อยตอบด้วยความเขินอาย
“ แล้วข้าก็ได้ยินเสียงหัวใจของท่าน...มันอบอุ่นดี...ดีใจที่น้าจื้ออยู่กับหลาน...”
“ เอาเถอะ คืนนี้ นอนให้สบายใจ ถือซะว่าเป็นสิ่งตอบแทนจากหลี่หยางจื้อแล้วกัน”
“ ฝันดีนะ น้าจื้อ...อย่าลืมปลุกหลานเทียนเอ๋อร์คนนี้ด้วยนะ”
ดวงตากลมโตของเทียนอี้เปล่งประกายสดใสราวกับแสงดารา...ยามนี้เขามีความสุขเหลือเกิน...
มือบางนุ่มของฮ่องเต้น้อยก็วางบนเรียวหน้าท้องนิ่มนวลของน้าชายที่เขารักดังบิดา
...จนกระทั่งหลับไปด้วยความสุขใจนักหนา...จนไม่รู้ว่า มือแกร่งยังสางผมของเขาอย่างอบอุ่นหัวใจ
“ อาเปาก็หลับบนผมข้า เทียนเอ๋อร์ก็นอนบนอกของข้า...จะมีเวลาอะไรที่มีความสุขมากไปกว่านี้”
หลี่หยางจื้อกระซิบให้กับตนเอง...พร้อมกับยืนยันให้กับหนุ่มน้อยผู้เป็นหลานอีกครั้ง...
… หว่อ เจียง โหยงเหยี่ยน อ้าย หนี่ อี๋เก้อ...เทียนเอ๋อร์...
...น้าจะรักเจ้าคนเดียวตลอดไปนะ...เทียนเอ๋อร์...
~*~*~*~*~*~
ขอให้ทุกคนมีความสุขนะคะ แล้วนอนหลับฝันดีค่าาา <3
ความคิดเห็น