ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พระมาตุลาคู่บัลลังก์:The Prince Uncle ( Yaoi )

    ลำดับตอนที่ #10 : ผู้มาเยือนในอุทยาน

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.ค. 59


    บทที่ 10 : ผู้มาเยือนในอุทยาน


    พระมาตุลาหลี่หยางจื้อยังคงนอนพักภายในห้องบรรทม โดยมีนางกำนัลน้อยเสี่ยวเชียนคอยยืนเฝ้าด้วยความห่วงใย ชายหนุ่มผู้งดงามก็เห็นเด็กสาวอายุไม่ถึงยี่สิบยังคงยืนนิ่งเพื่อหลบความอายที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของนาง เขาขยับกายขึ้นจากหมอนรองหลังเพื่อลดอาการเจ็บปวดของเขา


    เสี่ยวเชียน เจ้าจะยืนพิงเสาอีกนานไหม”


    หญิงสาวยังคงส่ายหน้าไปมา “คือ...หม่อมฉัน...”


    มีอะไรก็บอกข้าเสีย มัวแต่ยืนนิ่ง ทำให้เสียเวลาไร้ประโยชน์”


    หม่อมฉันอยากช่วย...”


    แม่นางกำนัลน้อยหน้าแดง เพราะในใจของนางต้องการรักษาแผ่นหลังขาวผุดผ่องของพระมาตุลาหนุ่มเสียเหลือเกิน...ควรกราบทูลอย่างไรดี...


    บอกมาเสีย ถ้าไม่พูดมา ก็จงออกไปซักผ้า ถูห้องโถงและทำกับข้าวในโรงครัวไป”


    น้ำเสียงทุ้มหนักอันเป็นเอกลักษณ์ของพระมาตุลาหลี่หยางจื้อ ทำให้นางต้องยอมสารภาพ


    หม่อมฉัน...หม่อมฉันต้องการช่วยรักษาแผ่นหลังของพระองค์เพคะ”


    ...ตายแล้ว...ข้ากราบทูลไปได้เยี่ยงไร...มือเรียวของนางปิดหน้าแดงก่ำเสีย...


    เรื่องแค่นี้เหรอ” ชายหนุ่มผู้มีอายุมากกว่าถอนใจราวกับเบื่อหน่าย เพราะว่าเสี่ยวเชียนเอง นางก็ทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโต...เหมือนกับเทียนเอ๋อร์...


    หลี่หยางจื้อตัดสินใจถอดเสื้อนอนของตนออก คราวนี้เสี่ยวเชียนรู้สึกว่าเลือดกำเดาไหลออกมาแน่นอนแล้ว... เพราะนางได้เห็นไหล่กว้างแสนงดงาม ประกอบกับหน้าอกขาวผ่องแข็งแรง...


    ...ข้าอิจฉาฝ่าบาทเทียนอี้เสียจริง...ทำไมข้าไม่เกิดเป็นหลานของเขานะ ข้าจะได้นอนซบอกขาวๆ


    นั้นให้มันทุกไปทุกวันคืนเลย...หรือซบไปตลอดชีวิตก็ได้...


    เจ้ามาทายาให้ข้าได้แล้ว เสี่ยวเชียน” หลี่หยางจื้อกล่าวอย่างสงบ


    ~*~*~*~*~*~


    จ้าวเทียนอี้ไม่ปรารถนาไปสนทนากับพระมาตุลาของเขาในเวลานี้เลย จึงมานั่งปลงตกท่ามกลางหมู่บุปผาจำพวกโบตั๋นสีแดงและชมพูรอบกายของเขาภายในอุทยานเล็กๆของวังแห่งนี้ พลางถอนหายใจหนัก มือเล็กบางยอมให้เปาชิงเทียนปีนขึ้นไปยังต้นไม้สูงตามธรรมชาติของมัน ทว่าเจ้ากระรอกแสนรู้เหมือนจะเข้าใจถึงความไม่สบายอกสบายใจของฮ่องเต้องค์น้อย มันจึงไม่ได้คลานขึ้นไป แถมคลอเคลียกับฝ่าเท้าของเทียนอี้ไม่ห่าง


    เจ้าไม่ปีนต้นไม้แล้วเหรอ อาเปา” เสียงหวานสดใสของเทียนอี้เรียก แล้วลูบหางม้วนสวย


    อาเปา...ข้าอยากยกเลิกกฎต่างๆที่ทำให้เสด็จน้าต้องบาดเจ็บเพราะข้าจริงๆนะ คราวหน้า ข้าจะไม่ให้เสด็จน้าต้องถูกโบยหลังหรือทรมานเพราะข้าอีกต่อไป...”


    ดวงตาของกระรอกน้อยส่องประกายวาววับรับรู้ความเข้าใจ ทำให้เด็กหนุ่มวัยสิบหกปีอย่างจ้าวเทียนอี้จึงอดไม่ได้ที่จะแนบแก้มลงบนตัวของกระรอกน้อย จนกระทั่งได้ยินเสียงของเด็กน้อยสองคน


    พี่เทียนเอ๋อร์อยู่ที่นี้เอง!”


    องค์จักรพรรดิน้อยแห่งต้าเหวิ่นสะดุ้ง เมื่อพบว่าเด็กชายหญิงฝาแฝด ผู้เป็นน้องชายและน้องสาวต่างมารดาของเขามาหาด้วยความรู้สึกคาดไม่ถึง องค์ชายเจิ่งฟงอยู่ในชุดสีฟ้าน้ำทะเล ขณะที่องค์หญิงหยงหลินผู้เป็นน้องสาวอยู่ในชุดชมพูอ่อนสีดอกท้อสมกับวัยสิบขวบของนาง


    ฟงเอ๋อร์! หยงเอ๋อร์! พวกเจ้าออกมาถึงสวนของฝ่ายหน้าได้อย่างไร...”


    เจ้าหญิงองค์น้อยตอบว่า “ ฟงเอ๋อร์ เขาชวนมาไง...”


    เด็กชายก็กระทุ้งไหล่ของนาง “ นี่ เจ้าต่างหากล่ะ ที่อยากพบเสด็จพี่มาก”


    เจ้าอยู่ในเหตุการณ์ที่เสด็จน้าถูกโบย ข้าก็ตกใจมากจนถึงกับแอบออกมาพร้อมกับเจ้านั่นแหละ”


    ใครใช้ให้เจ้าตามข้าออกมา” องค์ชายเจิ่งฟงเถียงน้องสาว จึงถูกนางตีบนแขน


    โอ้ย! เจ้าตีข้าอีกแล้ว” เจิ่งฟงโวยวาย


    ฮ่องเต้หนุ่มน้อยจึงต้องใช้เรียวแขนแยกสองพี่น้องออกจากกัน


    พอๆ พวกเจ้าทะเลาะกัน ขณะที่พี่ไม่สบายใจแบบนี้ พี่ไม่ชอบนะ”


    ดวงตากลมโตของฝาแฝดสบกับดวงตาของจักรพรรดิหนุ่มน้อยที่เหมือนกัน...


    ...ดวงตากลมใหญ่คล้ายคลึงกับจักรพรรดิผู้ลาลับของพวกเขาทั้งสามคน...


    พวกเราเข้าใจแล้ว...เสด็จพี่เทียนเอ๋อร์...”


    พี่อยากบอกพวกเจ้าว่า พี่ผิดเองที่ทำให้เสด็จน้าทรงได้รับโทษแบบนั้น พี่จะบอกว่า พี่ขอแก้ไขกฎข้อนั้นไปเสีย นี่เป็นสิ่งแรกที่สำคัญและต้องการให้พวกเจ้าทราบนะ”


    อ้อ!”


    แล้วองค์หญิงน้อยนึกอะไรขึ้นได้ จึงวางถุงเล็กที่นางห้อยบนกระเป๋าเอวออกเสีย


    นี่ๆ เสด็จแม่ของข้าทรงทำถั่วอบพวกนี้ ข้าเลยแอบเอามาฝากท่าน อร่อยมากๆเลยนะ”


    พระสนมฉางกุ้ยเฟยโปรดปรานการทำขนมหวานนัก เลยทำให้สองพี่น้องฝาแฝดมีรูปร่างกลมป้อม แก้มยุ้ยน่าเอ็นดู ขณะที่ฮ่องเต้องค์น้อยต้องถูกควบคุมอาหาร เพื่อรักษารูปร่างให้สง่างามทุกวัน


    ขอบใจนะ หยงเอ๋อร์ ” ผู้เป็นพี่ชายคนโตรับเม็ดถั่วจากองค์หญิง พร้อมกับแบ่งให้เปาชิงเทียนกินด้วย


    องค์ชายเจิ่งฟงจึงชี้ให้พระน้องนางเห็นเจ้ากระรอกน้อย “ นี่ไง อาเปาของเสด็จพี่”


    น่ารักจังเลยนะ ฮี่ๆ” แล้วสองพี่น้องก็ผลัดกันลูบเนื้อลูบตัวของกระรอกสีน้ำตาล ซึ่งมันก็แสดงกิริยาส่ายหางไปมา แสดงความรำคาญ ขณะที่ฮ่องเต้น้อยเทียนอี้เคี้ยวถั่วอบพร้อมกับชมท้องฟ้าสดใส

    แล้วรู้สึกว่าอากาศแบบนี้ ชวนน้องๆวิ่งเล่นก็คงไม่เป็นไรมั้ง


    ฟงเอ๋อร์! หยงเอ๋อร์! มาวิ่งเล่นกันเถอะ!”


    ในเวลานั้นเอง สมุหกลาโหมมู่หรงซู่ก็ได้พาบุตรชายบุญธรรมของเขามายังพระราชวังฝ่ายหน้า มู่หรงยงหลางตื่นตะลึงความสง่างามทางสถาปัตยกรรมของสิ่งก่อสร้างแสนตระการตา ราวกับเด็กหนุ่มบ้านนอกที่เขามาในวังหลวง...ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ...เพราะว่าเขาฝึกซ้อมการรบค่ายทหาร หรือไม่ก็บ้านพักของมู่หรงซู่ประจำค่ายนั้นๆ แล้วมู่หรงซู่ก็ไม่ได้อนุญาตให้เขามาที่นี่จนกว่าเขามีอายุยี่สิบปี เพราะว่าเขาเป็นเพียงบุตรบุญธรรมของสมุหกลาโหม มู่หรงซู่ต้องการให้ยงหลางบรรลุนิติภาวะตามประเพณีนิยม เพราะว่า เขาก็ต้องการให้ชายหนุ่มผู้นี้มาอยู่ร่วมในแผนการร้ายในใจของเขานั่นเอง...


    ท่านพ่อ! คนที่นี่รวยกันจริงๆ ประดับหลังคาด้วยสีทองเต็มไปหมดเลย”


    ยงหลาง ทำตัวให้เรียบร้อยเถอะ ประเดี๋ยว พ่อจะพาเจ้าไปเข้าเฝ้าท่านพระปิตุลาอ๋องห้าเสีย”


    ดวงตาเรียวคมของมู่หรงซู่ตำหนิชายหนุ่มซึ่งทำหน้าตาตื่นตะลึงจากบรรยากาศไม่หาย


    แล้ว...พระมาตุลาซื่อต้ากงอ๋องที่ท่านเล่ามาล่ะ”


    แม่ทัพหนุ่มใหญ่เม้มริมฝีปากหนา “ เขาไม่สบาย...เจ้าพบท่านอ๋องห้าก่อนดีกว่า...”


    ก็ได้...ขอรับ...”


    หากว่าชายหนุ่มนั้นสนใจในธรรมชาติของร่มไม้สีเขียวที่อยู่ในมุมขวาสุดของวังเสียมากกว่า


    อ้าวๆ ท่านมู่หรง” เสนาบดีชราหน้าตาสุขุมผู้หนึ่งทักทาย


    คารวะ ท่านเสนาถัง” เมื่อบิดาบุญธรรมคารวะ มู่หรงยงหลางก็คารวะตาม


    เสนาถังมองใบหน้าคมคายของชายหนุ่มในชุดสีน้ำตาลเข้มผู้แปลกหน้าแปลกตา


    ท่านมู่หรง เด็กคนนี้เป็นใคร...”


    แม่ทัพหนุ่มก็โอบไหล่กว้างของยงหลางด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม


    ลูกชายของข้าเอง ลูกบุญธรรมนามว่า ยงหลาง ข้าเลี้ยงเขามาหลายปีแล้ว”


    งั้นหรือ...ดูทะมัดทะแมงดี และก็มีสง่าราศีสมเป็นบุตรของท่าน”


    ชายหนุ่มวัยยี่สิบปีจึงคำนับลง “ ขอบคุณที่ชมขอรับ...”


    หลังจากนั้นเสนาถังผู้เฒ่าก็ชวนแม่ทัพมู่หรงคุยเรื่องการรบการเมืองด้วยศัพท์ชั้นสูง ซึ่งยงหลางฟังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ เขาจึงแอบเดินหนีไปจากบิดาบุญธรรมแล้วไปชมหมู่ไม้สีเขียวขจีที่เขาชอบมากกว่าการสนทนากับบุคคลแปลกหน้า เพราะเขาเห็นความยากลำบากในค่ายทหารและการเข่นฆ่าเสียจนเบื่อหน่าย ถ้าเลือกได้มู่หรงยงหลางคนนี้ อยากอยู่กับธรรมชาติร่มรื่นแล้วเงียบสงบ ร่างสูงแข็งแรงจึงเดินมายังสวนที่ประดับไปด้วยดอกโบตั๋นสีแดงสะสวยกำลังบานสะพรั่งตามฤดูกาล กลิ่นหอมพาชื่นอกชื่นใจ...ทำให้เขาสบายใจมากขึ้นและมากกว่าเดิม จนกระทั่งเขาได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กๆ ...น่าสนใจดีแฮะ...ยงหลางคิด จึงคิดว่าถ้าเป็นเด็ก เขาก็ดีใจมากกว่าพบผู้ใหญ่...ชวนเล่นด้วยก็คงเพลิดเพลินดีแล้วค่อยกลับไปหาท่านพ่อ...


    ฝีเท้าบางของชายหนุ่มดำเนินมาจนได้เห็นภาพเคลื่อนไหวชวนให้เขาตกใจเล็กน้อย


    ...และเป็นภาพที่งดงามภาพหนึ่งที่งดงามมากที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา


    ...เขาไม่อาจลืมได้ในตลอดชีวิตอีกเลย...


    ร่างบอบบางของเด็กหนุ่มผิวขาวละมุนละไมในชุดสีเหลืองอ่อนกำลังวิ่งไล่จับกับเด็กชายและเด็กหญิงสองคนซึ่งยงหลางเดาจากหน้าตาได้ว่า ต้องเป็นพี่น้องกันแน่แท้ แล้วเขาก็อดคิดไม่ได้...ทำไมแสงตะวันในยามบ่าย จับจ้องผิวพรรณของเด็กหนุ่มผู้นั้นให้ขาวผุดผ่องเหมือนหยกล้ำค่า เรือนผมสีดำขลับดังท้องฟ้าในยามราตรีประดับดาราปลิวสะบัดตามแรงวิ่งของเขาเปล่งประกายเป็นสีน้ำตาลอมทองจากแสงตะวัน แถมรอยยิ้มที่มีลักยิ้มลึกทั้งสองข้างแก้มชมพูเรื่อให้กับเด็กน้อยหน้าตาน่ารักหวานสดใสทั้งสองคน...ทำไมถึงได้น่ารักกันถึงเพียงนี้นะ...ลูกผู้ดีในวังก็แบบนี้หมดล่ะมั้ง...


    ...แล้วหัวใจของมู่หรงยงหลางก็รู้สึกว่าเต้นแรงมากกว่าเดิม...เขาจับกิ่งโบตั๋นที่บังตัวเขาอย่างมั่นคง...


    งั้น เราเล่นซ่อนหากันเถอะ” องค์ชายเจิ่งฟงกล่าว แล้วจับมือขององค์หญิงหยงหลินผู้เป็นน้องสาวออกไปพร้อมกัน ฮ่องเต้องค์น้อยจึงปิดตานับถึงเลยยี่สิบ โดยที่เจ้ากระรอกเปาชิงเทียนก็รออยู่ปลายเท้าของเจ้านายนั่นเอง...


    หนึ่ง...สอง...สาม...สี่...”


    ยงหลางคิดว่าควรออกจากพุ่มโบตั๋นดีไหม หรือว่าจะลองเล่นซ่อนหากับเด็กหนุ่มหน้าตาสะอาดสวยคนนี้ดู...เขาตัดสินใจไม่ถูก...ร่างสูงจึงทรุดนั่งลงในร่มไม้ไปก่อนดีกว่า...


    เอาล่ะ ถึงยี่สิบแล้ว ฟงเอ๋อร์ หยงเอ๋อร์ พี่จะหาพวกเจ้าล่ะนะ”


    ร่างบอบบางของเทียนอี้ดำเนินการค้นหาพระอนุชาและพระขนิษฐา ขณะที่เจ้าเปาชิงเทียนเห็นความเคลื่อนไหวในพุ่มไม้ที่ดูน่าสงสัย มันจึงรีบกระโดดเข้าไปในพุ่มไม้นั้น


    เฮ้ย เจ้ากระรอกตัวนี้นี่...” ยงหลางตกใจที่เห็นเจ้าสัตว์ตัวน้อยมาเกาะไหล่ของเขา เขาจึงสะบัดมันออกด้วยความตกใจ แต่ว่ากระรอกน้อยก็ออกไปด้วยความตกใจเหมือนกัน


    อาเปา เจ้าพบใคร น้องชายหรือน้องสาวข้าล่ะ...ฮ่าๆ”


    ฮ่องเต้องค์น้อยจึงคุกเข่าลง แล้วรับอาเปามาไว้ในมือเรียวของตน


    ฟงเอ๋อร์หรือหยงเอ๋อร์ ออกมาได้แล้วน่า ฮี่ๆ”


    คือ...คือ...” เสียงทุ้มสั่นระริกที่ไม่ใช่ของน้องๆ


    แต่ว่า จ้าวเทียนอี้คนนี้ไม่กลัวตามสายเลือดกษัตริย์ “ เจ้าเป็นใคร ออกมาเถอะ ออกมา!”


    แล้วดวงตากลมใหญ่ของเทียนอี้ก็เบิกกว้างทันที เมื่อได้พบร่างสูงของคนแปลกหน้าออกมาจากพุ่มไม้

    ชายหนุ่มหรือนิ...เขาเป็นชายหนุ่มร่างสูงแข็งแรงที่ฮ่องเต้องค์น้อยไม่เคยเห็นมาก่อน...

    รูปลักษณ์ก็ดูแปลกมาก เพราะเขาไว้ผมยาวสีดำมัดรวบเป็นหางม้าสูงกลางกระหม่อม แล้วปอยผมปรกหน้าผากและข้างแก้มน้ำตาลอ่อนของเขา ดวงตาเรียวใหญ่แสดงถึงความตกใจเช่นเดียวกับฮ่องเต้องค์น้อย ที่สำคัญเขาอยู่ในชุดสีน้ำตาลเข้มลายพยัคฆ์ตัวน้อย ซึ่งเทียนอี้รู้ทันทีว่า เขาเป็นลูกของขุนนาง...ลูกของใคร...ทำไมจึงไม่เห็นเขาเลย...


    หน้าตานั้นจัดว่าเป็นคนซื่อตรง แต่เสด็จน้าบอกว่า อย่าวางใจคนแปลกหน้าไหนๆทั้งสิ้น...


    ข้า...ข้าขอโทษเจ้าด้วย ข้าแค่มาเดินเล่นในสวน” ผู้มาเยือนกล่าวโดยไม่ได้สบตา


    เอ่อ...ไม่เป็นไร ข้าแค่เล่นกับน้องๆและเจ้ากระรอกตัวนี้ เจ้ามาทำอะไรที่นี่เหรอ”


    ยงหลางจึงตอบว่า “ ข้าตามท่านพ่อมา ข้าเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก...ในวัง...”


    เจ้าโตมานอกวังล่ะสินะ เจ้าเลยสับสนกับเส้นทางที่นี่”


    คือ...ข้าไม่ได้หลงทางเสียหน่อย...” ยงหลางรู้สึกว่าตัวเองหน้าแดงขึ้น “ ข้าจะกลับออกไปแล้ว”


    รอข้าประเดี๋ยวนะ ข้าต้องตามน้องๆก่อน ฟงเอ๋อร์! หยงเอ๋อร์! ออกมาเถอะ...มีคนหลงทางมา”


    น้องชายน้องสาวของเทียนอี้จึงต้องออกมาจากที่ซ่อน แล้วตะลึงงันเมื่อพบชายแปลกหน้าที่เขาไม่รู้จัก


    แต่ว่าองค์หญิงหยงหลิน นางกลับหน้าแดงเล็กน้อย เพราะว่าผู้ชายคนนี้หน้าตาดีชวนพาเขินอาย


    เจ้านี่นะ หน้าแดงอะไร หยงเอ๋อร์...”


    เปล่านะ ไม่ได้หน้าแดง เลิกแหย่ข้าเถอะ”


    ฝ่ายเด็กหนุ่มผู้เป็นพี่ชายต้องตอบว่า “ อย่าคิดมากเลย น้องๆของข้าชอบเถียงกัน แต่พวกเขาก็น่ารักดี...เอาล่ะ ข้าจะพาเจ้ากลับไปข้างหน้าเอง...”


    ข้า...ข้าขอบคุณนะ...” ยงหลางกลับรู้สึกว่า ตัวเองหน้าแดงขึ้นไปอีกเมื่อสบตากลมโตคู่นี้


    พี่เทียนเอ๋อร์ พาเขาไปส่งข้างนอกกัน” องค์หญิงหยงหลินกล่าว พร้อมกับมือของพระเชษฐา


    ฮ่องเต้องค์น้อยยิ้ม “ แน่นอนสิ” แถมพยักหน้ารับกับอาเปาซึ่งนั่งอยู่บนไหล่ของเขาแล้ว


    พี่เทียนเอ๋อร์ เดี๋ยวพวกเราต้องกลับตำหนักแล้วล่ะ” องค์ชายน้อยเสริมตาม


    ฝ่ายมู่หรงยงหลางก็ตกตะลึงราวกับตัวเองเคลื่อนไหวอะไรไม่ได้...เทียนเอ๋อร์...เทียนเอ๋อร์...


    ...เด็กหนุ่มหน้าสวยหวานคนนี้...ชื่อว่า เทียนเอ๋อร์ ที่เขาจำได้ว่า มันเป็นชื่อเล่นขององค์จักรพรรดิ...


    ตามที่ท่านพี่เฉียงคนนั้นเล่ามา...เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง...องค์จักรพรรดิไม่ควรจะมาเล่นแบบนี้...


    ทันใดนั้น ร่างสูงโปร่งขององครักษ์หนุ่มก็ปรากฏขึ้น พร้อมกับแสดงกระบี่ประจำกายออกมา


    เจ้าเป็นใคร กล้ายืนโดยไม่แสดงความเคารพต่อฝ่าบาทและองค์ชายองค์หญิง!”


    พี่ฮุย!” ฝาแฝดทั้งสองอุทานด้วยความตกใจ


    ฝ่ายฮ่องเต้องค์น้อยจึงรีบไปยืนข้างองครักษ์หนุ่ม แล้วบอกด้วยน้ำเสียงชัดเจน


    พี่ฮุย ลดกระบี่ของพี่ลงก่อน ผู้ชายคนนี้หลงทางมา แล้วข้ากับน้องจะพาเขาไปส่งแล้ว”


    ยงหลางจึงทำอะไรไม่ถูกเลยจึงยอมทรุดลงบนพื้นหญ้านุ่ม


    ข้า...เอ่อ...ขอโทษ...ที่เข้ามา...ขอโทษ...” ร่างโปร่งของเขาสั่นระริกราวกับลูกนกตากฝน


    เหอจวิ้นฮุยจึงนำกระบี่เข้าฝักเงินตามปกติ ฝ่ายฮ่องเต้องค์น้อยจึงถามให้แน่ใจ


    ข้าจะพาเจ้าออกไป แต่เจ้าต้องบอกก่อนว่า เจ้าชื่ออะไร แซ่อะไรกับข้าก่อน”


    ข้ามีชื่อ...เอ่อ... มู่หรงยงหลาง เป็นบุตรบุญธรรมของท่านแม่ทัพมู่หรงซู่...ขอรับ...”


    ...ลูกชายของมู่หรงซู่หรือนิ...ทั้งฮ่องเต้และองครักษ์ต่างตะลึงงัน เพราะไม่คาดคิดมาก่อนว่า แม่ทัพหนุ่มใหญ่ที่วางตัวเย่อหยิ่งอาจหาญ เป็นผู้ที่พระมาตุลาไม่พอใจอย่างยิ่ง... จะมีลูกชายที่ดูขี้กลัวหัวหดขนาดนี้...เลยเหรอ...


    ~*~*~*~*~*~


    หลี่หยางจื้อนั้นเริ่มรำคาญที่แม่นางกำนัลน้อยเสี่ยวเชียนยังคงทายาสมุนไพรทั้งหู่จื่อและอบเชย ซึ่งเป็นสมุนไพรชั้นดีสำหรับการรักษาการปวดของกล้ามเนื้อบนหลังกว้างของเขาอย่างเคอะเขิน แถมมือน้อยคลอเคลียนั้นกลับสั่นชวนขนลุกไปหมด...


    เสี่ยวเชียน เจ้าจะทายาหรือจะเล่นอะไรบนหลังของข้ากันแน่!”


    ท่านอ๋องมาตุลาเพคะ...คือ หม่อมฉันพอใจที่จะถู...เอ้ย...รักษาหลังของท่านไปอีกชั่วยามได้ไหมเพคะ...ได้ไหมเพคะ...”


    แม่นางกำนัลน้อยเช็ดเลือดกำเดาของตนเองต่อไป มือเล็กทั้งอยากฟัดและอยากแนบหลังกว้างซึ่งมีรอยแผลนี้ให้หายเสียเหลือเกิน...นางก็ต้องการเป็นสนมของเขา...แต่ว่า หลี่หยางจื้อไม่สนใจนัก...


    พอได้แล้ว...ข้าควรให้...เทียนเอ๋อร์มาทาหลังให้ดีกว่า!”


    แล้วเวลาของนางก็หมดลง เมื่อชายหนุ่มที่นางปลื้มในนักหนากลับไปใส่ชุดนอนสีขาวของตน

    ท่านอ๋องของหม่อมฉัน...คือ...ให้นวดได้อีกเถอะนะ...เพคะ...” นางอ้อนวอนอย่างหมดใจ


    พอได้ล่ะ นังหนู! ” พระมาตุลาหนุ่มส่ายหน้า “ ข้าสั่งให้เจ้าไปต้มยาให้ข้าเพิ่ม แล้วข้าจะอ่านหนังสือ...รอจนกว่าฝ่าบาทจะกลับมาแล้วกัน”


    ...ฮือๆ...พระมาตุลาคนงามของหม่อมฉัน...เสี่ยวเชียนคนนี้ไปก็ได้...


    ร่างเล็กบางเดินออกจากห้องบรรทมไปเสีย แถมยังสะดุดหกล้มด้วยความเปิ่นของนางอีกที...


    ~*~*~*~*~*~


    แม่นางกำนัลน้อยผู้น่าสงสาร....แต่ว่า ขอแนะนำ หนุ่มหน้าใสแสนซื่อบื้อคนใหม่...


    ...ยงหลางคนนี้นะคะ...ได้เจอฮ่องเต้น้อยแล้ว...ไปได้ไวจริงๆน่าเนี่ย ^><^


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×