คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : อย่าตายนะ
ปัง!
“อ๊าก!” ลูกกระสุนสีทองทะลุผ่านฝ่ามือหนาของอีกฝ่ายจนปืนในมือหล่นลงพื้น เด็กหนุ่มผิวแทนเล็งปากกระบอกปืนไปที่อีกฝ่าย “นายมาที่นี่ทำไม”
เด็กหนุ่มร่างผอมสูงจับข้อมือข้างที่ถูกยิงเขายืนแทบทรงตัวไม่อยู่ “...มาหานายนั่นแหละ ฉันก็แค่อยากจะมาถามว่า นายฆ่าคนไปกี่คนแล้ว”
กวินลดปืนลงมองเด็กหนุ่มร่างผอมอย่างไม่วางใจ ถึงแม้ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าเขาจะเป็นเพื่อนกัน แต่ในยามขับขันเพื่อนก็ไม่อาจจะวางใจได้
“6 คน” กวินตอบเขายังคงมอง นนท์ เด็กหนุ่มร่างผอมตรงหน้าแทบไม่กระพริบตา “แล้วนายล่ะ? ไม่ยักรู้ว่านายจะตามหาฉัน”
“ก็เพราะฉันต้องการให้นายมาร่วมมือกับฉันไง” นนท์ที่บาดเจ็บอยู่เดินเข้ามาใกล้กวินมากขึ้นเรื่อยๆจนเด็กหนุ่มผิวแทนเริ่มหวาดกลัว เขายกปืนขึ้นจ่อที่หน้าอกของนนท์ในระยะประชิด เมื่อนนท์เดินเข้ามาใกล้เขามากเท่าไหร่ บาดแผลที่ควรจะเป็นรูโบ๋ที่ฝ่ามือกลับค่อยๆประสานตัวเอง จนเด็กหนุ่มแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“เริ่มกลัวฉันแล้วซิ” นนท์เอ่ยขึ้น ดวงตาทั้งสองจ้องมองกัน ใบหน้าของกวินเริ่มมีเหงื่อซึมเล็กน้อย “จริงๆฉันไม่เหมือนพวกนายที่เป็นผู้ถูกเลือก...”
นนท์เข้าใกล้กวินมากขึ้นทั้งที่ทั้งสองแทบจะหายใจรดต้นคอกันอยู่แล้ว กวินยังคงจับปืนแน่น เขาเตรียมลั่นไกลปืนได้ตลอดเวลา นนท์โน้มตัวลงจนค่อมกายกวินที่นอนลงอย่างง่ายดาย แต่สายตาและนิ้วชี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ถึงแม้ว่าทุกอย่างจะหยุดนิ่งแต่นิ้วที่เตรียมจะปลิดชีวิตเด็กหนุ่มนั้นไม่เลย
“ฉันเป็นคนอาสามาเอง...ราคาค่าตัวของฉันก็ไม่ได้ถูกๆซะด้วย...”
“นายพูดอะไร?”
นนท์แสยะยิ้มเสียงหัวเราะที่อยู่ในลำคอทำให้คนร่างสูงที่อยู่ด้านล่างทำอะไรไม่ถูก “ฉันจ่ายชีวิตให้ ‘มัน’ เพื่อจะเข้ามาเล่นเกมนี้ เพราะฉะนั้นนายไม่ต้องแปลกใจหรอก...” มือหนาของนนท์จับที่คางของกวินเบาๆ “ที่ฉันไม่มีวันมีบาดแผล และไม่มีวันตาย”
“ต้องการอะไร?!” กวินปัดมือของนนท์ออกเขาลุกขึ้นนั่งเหมือนเดิม แต่ความคิดกลับสวนทางกับท่าทางที่สงบนิ่งของเขามาก
ไอ้บ้านี่มันเป็นอะไรของมัน ก็แปลกใจอยู่หรอกที่มันไม่ตาย แล้วทำไมต้องมานอนค่อมแล้วก็จับคางคนอื่นด้วยก็ไม่รู้ สับสนทางเพสรึไง!
“ฉันต้องการมาร่วมมือกับนาย”
ความคิดที่เดินไปเรื่อยๆของกวินหยุดนิ่งทันทีเมื่อนนท์เอ่ยคำพุดนั้นออกมา
“...”
“ที่ฉันขายชีวิตตัวเองก็เพื่อมาเป็นคนรับใช้ผู้ที่ชนะเกมนี้ ซึ่งฉันคิดว่าควรเป็นนาย”
ดวงตาของกวินฉายแววความหวังเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่กับเพื่อนคนนี้มานานหลายปีแต่ไม่นึกว่าเขาจะกลายเป็นผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่าเพื่อนคนนี้มากขนาดนี้
“อะไรทำให้นายมั่นใจว่าฉันจะชนะ?” เด็กหนุ่มผิวแทนถาม
“...ไม่รู้สิ แต่ฉันคิดว่าต้องเป็นนาย”
กวินหันไปมองเด็กหนุ่มร่างผอมครู่หนึ่งและนอนลงที่เก้าอี้หินอ่อนตัวใหญ่ที่เขานั่งอยู่ ร่างสูงผอมของนนท์นอนลงข้างๆกวินที่หลับตาลงแล้ว แต่ภายในหัวของกวินยังคงคิดไปเรื่อยๆ ว่าต่อไปเขาจะไปหาผู้เล่นเกมอีกที่ไหน จะฆ่าด้วยวิธีใดได้บ้างนอกจากปืน และสิ่งที่กวินหวังไว้เป้นอย่างมาก นั่นคือ เขาคงไม่ได้เป็นผู้ฆ่าออย...ใช่ไหม?
ภาพที่พร่ามัวตรงหน้าทำให้เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองไม่เห็นผู้ที่นอนอยู่ข้างๆได้ชัดนัก เธอกระพริบตาปริบๆก่อนจะมองภาพตรงหน้าอีกครั้ง ภาพที่พร่ามัวเมื่อครู่กลับเป็นภาพที่คมชัดเหมือนเดิม เด็กสาวเห็นเด็กหนุ่มร่างสูงที่เธอคุ้นเคยนอนอยู่ข้างๆ นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนกลอกไปมาทำให้เธอรู้ว่าตอนนี้เธออยู่ในรถกระบะ
และสิ่งที่ทำให้เด็กสาวดีใจมากที่สุดคือ เธอยังมีลมหายใจกับหัวใจที่เต้นเป็นปกติ ถนนรอบข้างที่เงียบสงบในยามเช้าที่พระอาทิตย์เริ่มขึ้น ทำให้เด็กสาวที่นอนอย่างหมดแรงรู้ว่า...หมดไปอีกวันแล้ว
“ตื่นแล้วเหรอ?” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นน้ำเสียงของเขาดูงัวเงียเพราะเพิ่งตื่นจากการหลับใหลที่ยาวนาน ถึงแม้ว่าภายในรถกระบะจะนอนสบายกว่าซอกตึกที่เขาต้องยืนนอน แต่มันก็ไม่ได้สบายเหมือนได้นอนบนเตียง จึงทำให้ร่างกายของเด็กหนุ่มร่างสูงอ่อนล้าและเกินรอยที่นั่งคนขับที่แขนและใบหน้า
“ตอนนี้เราอยู่ไหน” เสียงทุ้มหวานยังคงแผ่วเบา ท่าทางของเธอยังคงนอนราบกับเบาะข้างคนขับ ในลักษณะนอนหงายตรง ผมประบ่าที่ถูกซอยปลายจนเป็นเส้นแหลมสยายออก
“ไม่รู้สิ เกือบจะออกจากเมืองแล้วมั้ง” เด็กหนุ่มพยุงตัวขึ้นอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน เขาหันมองใบหน้าที่เคยซีดขาวเมื่อวาน แต่วันนี้กลับกลายเป็นผิวขาวเนียนอีกครั้ง แต่ร่างกายของเธอยังคงอ่อนแรงเพราะเสียเลือด
“แล้วยังเจ็บแผลอยู่รึเปล่า?” ออยลุกขึ้นนั่งเอนตัวไปหาเด็กสาวร่างเล็กมากขึ้น
เด็กสาวส่งยิ้มอ่อนๆให้คนร่างสูงที่นั่งอยู่ “ไม่เจ็บแล้วล่ะ” เธอโกหก ทั้งที่จริงแล้วเธอรู้สึกเจ็บและปวดที่บาดแผลด้านหลังมาก แต่เพื่อไม่ให้เด็กหนุ่มที่พาเธอหนีตายมาต้องมาลำบากเพื่อเธออีก เธอจึงต้องโกหก
ออยส่งสายตาเรียบเฉยหาเด็กสาวงก่อนจะขับรถออกจากข้างถนน โดยไม่มีจุดหมายปลายทาง มิหนำซ้ำเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาอยู่ที่ไหน
เวลาที่ล่วงเลยไปเรื่อยๆไม่ได้ทำให้ความคิดของเด็กหนุ่มหยุดลงเลยแม้แต่น้อย ต่อไปเขาจะฆ่าคนอีกไหม? แล้วเด็กผู้หญิงที่เขาไม่รู้จักแม้แต่ชื่อล่ะ จะทำยังไง? มันก็จริงที่เด็กผู้หญิงคนนี้ทำให้เขาลำบาก...แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ?
รถยนต์ของเด็กหนุ่มค่อยๆเคลื่อนที่ช้าลงเพราะสัญญาณไฟเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง ออยถอนหายใจยาวก่อนจะพิงที่เบาะรถ เขาไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะเป็นยังไง กับตัวเขา เด็กผู้หญิงคนนี้ หรือแม้แต่คนที่ไม่รู้เรื่องแล้วต้องมาโดนลูกหลงไปด้วย
สายตาของเด็กหนุ่มมองสูงขึ้นไปที่กระจกมองหลังที่อยู่ด้านบน สิ่งที่เขาสังเกตเห็นคือ หญิงสาวในชุดสีดำและสิ่งที่น่าตกใจมากกว่านั้นคือ เธอสวมเสื้อสีดำ
หญิงสาวผมยาวถักเปียขับรถมอเตอร์ไซด์และเคลื่อนมาใกล้เขามากขึ้น เด็กหนุ่มยิ่งสังเกตเห็นมีดที่ถูกซ่อนอยู่ตามโคนขาของเธอได้ชัดเจนมากขึ้น และแล้วการเคลื่อนตัวอย่างช้าๆของเธอก็ต้องจบลง เมื่อเธอจอดรอสัญญาณไฟอยู่ข้างๆรถเด็กหนุ่มพอดี ร่างสูงรีบก้มตัวลงไปด้านหน้าทันทีเพื่อไม่ให้เธอเห็นเขา ระหว่างที่เด็กหนุ่มกำลังก้มตัวลงเขานึกใบหน้าของหญิงสาวได้ว่า เธอเคยนั่งอยู่ข้างๆกวินก่อนที่จะไปหยิบปืน
ซวย...มันจะมีอะไรบังเอิญกว่านี้อีกไหม...
“ทำไมถึงก้มตัวอย่างนั้นล่ะ?” เมื่อร่างของเด็กสาวลุกขึ้น เรียกความสนใจของหญิงสาวที่อยู่ข้างๆได้เป็นอย่างดี ทั้งสองสบตากัน มือหนารีบกดใบหน้าของเธอลงนอนที่เบาะเหมือนเดิมทันที เด็กหนุ่มหันไปมองปฏิกิริยาของหญิงสาว เธอดูร้อนรนเพราะรีบอยิบปืน
เด็กหนุ่มดึงที่ล็อคประตูขึ้นและผลักเด็กสาวออกไปด้านนอก ไม่นานเสียงปืนก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียงกระจกที่แตกออก
มือหนาจับข้อมือของเด็กสาวและพาวิ่งหนีจากหญิงสาวคนนั้นทันที ไม่ว่าร่างของเด็กสาวจะไปในทิศทางใดเธอก็รู้สึกเจ็บปวดที่แผ่นหลังทุกครั้งที่เคลื่อนไหว
ไม่ว่าเด็กหนุ่มจะวิ่งเร็วเท่าใดเสียงมอเตอร์ไซด์ก็ยังคงดังไล่หลังพวกเขามาติดๆ อันที่จริงเด็กหนุ่มจะหันไปแล้วยิงล้อรถมอเตอร์ไซด์ของหญิงสาวเมื่อไหร่ก็ได้ หากไม่มีเด็กสาว
“หาที่จับดีๆนะ!” เด็กหนุ่มหันไปบอกเด็กสาวที่วิ่งอยู่ด้านหลัง ก่อนจะเหวี่ยงตัวของเธอไปทางด้านซ้าย โดยไม่รู้ว่าที่ตรงนั้นมีแต่พุ่มไม้สาธารณะ
“กรี๊ดดด!!!”
เด็กหนุ่มหันกลับไปทางหญิงสาวที่มีมีดอยู่ในมือข้างที่ว่างอยู่ในท่าเตรียมขว้างมีด มือหนารีบหยิบปืนที่อยู่ด้านหลัง และยังไปที่ล้อของหญิงสาวทั้งสองข้าง
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
เมื่อรู้ว่าล้อรถมอเตอร์ไซด์ถูกยิงแล้ว เขาก็รีบคว้าแขนของเด็กสาวที่นั่งอยู่บนพุ่มไม้และวิ่งต่อ หญิงสาวทรงตัวไม่ทันจึงล้มลงพร้อมกับรถมอเตอร์ไซด์
“โธ่เว้ย! บัดซบจริง!” หญิงสาวรีบลุกขึ้นกวาดมองร่างสูงของเด็กหนุ่มทันที เสียงฝีเท้าที่รีบเร่งวิ่งหนีดังขึ้น ทำให้เธอรีบวิ่งไปทางที่เด็กหนุ่มวิ่งไปทันที
เสียงหอบของเด็กสาวดังขึ้นเรื่อยๆแต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้หันมาให้ความสนใจแต่อย่างใด ความคิดของเด็กหนุ่มตอนนี้มีเพียงแค่ วิ่งหนีหญิงสาวคนนั้นให้เร็วที่สุด เพราะเขาไม่อยากฆ่าใครอีกแล้ว
ศพเดียวก็เกินพอแล้ว...
ภาพของหญิงสาวผมสั้นที่เขาเป็นคนฆ่าเธอด้วยปืนกระบอกนี้ที่เด็กหนุ่มถืออยู่ในมือขวา ร่างของเธอจมกองเลือด ใบหน้ามีแต่รอบแผลถลอกกับลูกกระสุนสีทองที่ฝังเข้าไปในหลอดลมของเธออย่างแม่ยำโดยไม่ได้ตั้งใจ บางคนคงพูดได้ว่า ‘ฉันสามารถฆ่าคนได้’ นั่นไม่ใช่คำพูดที่ผิด แต่อยู่ที่ว่า เราจะไม่เสียใจในภายหลังใช่ไหม? จะไม่กลับไปนึกถึงภาพที่คอยวนเวียนอยู่ในหัวใช่ไหม?
การฆ่าคนไม่ใช่ความผิด
เสียงหวานดังขึ้น พร้อมกับความรู้สึกถึงมือเรียวที่เขาคุ้นเคยเข้ามาจับที่มือข้างที่เขาถือปืนอยู่
เสียงพี่ไอ!!!
หากเข้ามาอยู่ในเกมนี้แล้ว การฆ่าคนไม่ใช่ความผิด พวกเขาเข้ามาในเกมนี้ก็เพราะเขายอกรับแล้วว่าเขาต้องตาย พวกเขาเข้ามาในเกมนี้ก็เพราะพวกเขารู้ว่าพวกเขาต้องฆ่า ยิงเธอซะ พี่ไม่อยากเห็นเธอตาย...มีชีวิตอยู่ต่อไป...
ความรู้สึกถึงมือเย็นที่เข้ามาจับมือข้างที่ถือปืนของเขาหายไปหลังจากคำพูดที่เหมือนลมพัดผ่านไป เขาค่อยๆหยุดวิ่งอย่างช้าๆ ก่อนจะหยุดสนิท เขาหันไปมองร่างของหญิงสาวที่เขาคิดว่าน่าจะวิ่งมาใกล้ตัวของพวกเขาแล้ว แต่...
“กรี๊ดดดดดดด!!!” เสียงกรีดร้องของเด็กสาวเรียกความสนใจของเด็กหนุ่มให้รีบหันไปทางต้อนเสียงทันที ร่างเล็กที่เขาเคยจับข้อมือปอยู่ในวงแขนของหญิงสาวคนนั้นเสียแล้ว ส่วนสูงที่สูงเพียงไหล่ของหญิงสาวแสดงออกทางใบหน้าว่าเธอกำลังหวาดกลัวสุดขีด น้ำตาที่เอ่ออยู่ภายในดวงตาแทบจะไหลลงอาบแก้มเมื่อเหลือบเห็นมีแหลมอยู่ใกล้คอของเธอในระยะประชิด
เด็กหนุ่มรีบวิ่งเข้าไปจับมือของหญิงสาวที่ถือมีดอยู่ออก เมื่อเห็นเสี้ยววินาทีที่มีดถูกกดลงไปที่ผิวหนังช่วงคอของเธอ
“หนีไปสิ!!” เด็กหนุ่มตะคอกใส่เด็กสาวที่ทรุดคัวนั่งลงที่พื้นโดยที่เขาไม่ได้หันมามองเด็กสาวที่นั่งหอบอยู่กับพื้น “บอกให้ไปก็ไปสิ นั่งบื้ออยู่ได้!!!”
เด็กสาวรีบวิ่งหนีไปหาที่หลบซ่อนใกล้ๆอย่างอ่อนแรง เด็กสาววิ่งเข้าในสวนสาธารณะที่อยู่ไม่ห่างจากที่เด็กหนุ่มกำลังยื้อมือของหญิงสาวมากนัก
เธอมุดเข้าไปภายในโดมสีเหลืองที่มีรูกลมๆอยู่รอบๆไว้ให้เด็กตัวเล็กๆเล่น และนี่ก็เป็นโชคดีของเธอที่เธอสูงเพียง 148 ซม.จนสามารถเข้ามาภายในนี้ได้
มินนั่งหอบด้วยความเหนื่อยและอ่อนล้า มือเรียวของเธอแตะที่คอด้านซ้ายที่ถูกมีดกดลงไปภายในผิวหนัง บาดแผลนี้ทำให้เธอรู้สึกเจ็บแสบ แต่ก็เทียบไม่ได้กับบาดแผลด้านหลังที่เริ่มมีเลือดไหลซึมอีกครั้งหลังจากที่หยุดไปแล้ว
ใบหน้าของเด็กสาวเริ่มซีดขาวอีกครั้ง ริมฝีปากแห้งผาก เหงื่อเริ่มไหลตามใบหน้าและร่างกายทีละนิด คอของเธอที่มีบาดแผลอยู่เมื่อสัมผัสกับเหงื่อที่ไหลซึมออกมาก็รู้สึกเจ็บแสบมากกว่าเดิมมาก โดยเฉพาะที่แผ่นหลังของเธอ ไม่นานดวงตาของเธอก็เริ่มพร่ามัวก่อนที่เปลือกตาจะปิดดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของเธอ พร้อมกับเสียงปืนที่ดังขึ้น
ปัง!!!
...อย่าตายนะ...
ความคิดเห็น