ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Liar Game II

    ลำดับตอนที่ #6 : ศัตรู

    • อัปเดตล่าสุด 19 ต.ค. 55


    เสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้นทำให้เด็กสาวที่เดินดื่มน้ำอยู่ข้างๆหน้าแดงก่ำ

    “อะไรกัน นี่เธอคิดว่าฉันจะหนีไปเหรอ” เด็กหนุ่มพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ แต่สำหรับเด็กสาวแล้ว ไม่มีตรงไหนที่น่าหัวเราะขบขันเลยสักนิด

     เด็กสาวทำเสียงฮึ และหันไปมองทางอื่น จนเด็กหนุ่มต้องขอโทษ พวกเขาทั้งสองออกจากซอกตึกแล้วเมื่อเด็กสาวหยุดร้องไห้ และน้ำที่เด็กสาวกำลังถือดื่มอยู่ ก็ได้มาจากที่เด็กหนุ่มไปหยิบ มาจากร้านขายของชำในละแวกใกล้เคียง เพราะถึงยังไงเขาก็ถูกเรียกได้ว่าเป็นฆาตกรแล้ว อีกอย่างเขาก็คงไม่มีชีวิตรอดเป็นคนสุดท้ายอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมาห่วงภาพลักษณ์ที่แย่อยู่แล้วจะแย่ไปกว่าเดิม

    เด็กสาวเหลือบมองเด็กหนุ่มที่เดินอยู่ข้างๆ เธอไม่กล้าถามว่าเด็กหนุ่มได้ฝันถึงชายหนุ่มคนนั้นหรือไม่ ถ้าหากเด็กหนุ่มฝันเห็นเหมือนเธอ ก็ไม่ควรไปถามเด็กหนุ่มย้ำเหตุการณ์ที่น่ากลัวแบบนั้น

    “เมื่อคืนเธอฝันเห็นผู้ชายคนนั้นรึเปล่า?” ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้น ทำให้เด็กสาวถึงกับชะวักความคิดเมื่อครู่นี้อย่างเฉียบพลัน “...ผู้ชายที่เราเจอกันที่ห้องโถงน่ะ”  เด็กหนุ่มถามย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นเด็กสาวมีท่าทีเปลี่ยนไป

    “...” เด็กสาวไม่ตอบ เธอก้มหน้าลงมองพื้นอิฐครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าตอบคำถามของเด็กหนุ่ม

    “ฉันว่าเราแยกกันไปดีกว่าไหม?” คำถามของเด็กหนุ่มทำให้คนตัวเล็กที่เดินอยู่ข้างๆต้องหันมาหาคนร่างสูงที่ถามขึ้น “เพราะถ้าเราอยู่ด้วยกันอย่างนี้เราทั้งคู่จะเป็นห่วงกันซะมากกว่า”

    แม้ว่าเหตุผลของเด็กหนุ่มจะฟังดูขึ้นหู แต่สำหรับเด็กสาวที่ทำอะไรไม่ได้แม้แต่จะทำร้ายผู้อื่นมันเหมือนปลายมีดที่กรีดลงผิวหนังของเธอ หากว่าไม่มีเด็กหนุ่มแล้ว เธอก็ต้องหลบๆซ่อนๆเหมือนเช่นที่ผ่านมา อย่างนั้นเหรอ?

    จะหนีก็หนีไป แต่หนีให้เหลือเป็นคนสุดท้ายละกันนะครับ

    คำพูดของชายหนุ่มดังขึ้นเตือนให้เด็กสาวรู้ถึงผลดีของการหลบๆซ่อนๆของเธอ แต่จะให้เหลือรอดเป็นคนสุดท้าย...แล้วถ้าเกิดว่ามีใครคนหนึ่งรอดมา เธอก็ต้องตายอย่างนั้นเหรอ ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเด็กหนุ่มที่ยืนข้างเขาคนนี้เป็นคนฆ่าเขาล่ะ มันไม่น่าเศร้ากว่าเหรอ...

    “...เราไม่ต้องแยกกันก็ได้” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นคนร่างเล็กนิ่งเงียบไปด้วยความกลัว

    เศร้าขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วต่อไปถ้าหาของกินมาได้ก็ต้องแบ่งกัน ถ้าเกิดอันตรายก็ต้องพาเธอไปด้วยเหรอ...เอาน่าไม่มีปัญหามากมั้งผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง

    “จะแย...!!!

    ปัง!!

    ยังไม่ทันที่เด็กสาวจะพูดจบเสียงปืนก็ดังขึ้น ลูกกระสุนปักเข้าที่แผ่นหลังเล็กด้านขวาของเด็กสาว เธอล้มลงเหมือนทรงตัวไม่อยู่ทันที

    ดวงตาสีน้ำตาลเข้มหันไปมองทางที่ลูกกระสุนมา สิ่งที่เขาเห็นคือชายหนุ่มร่างท้วมกำลังหมอบลงกับพื้น สุดสายตาของออยมองเห็นร่างสูงที่กำลังวิ่งมาทางเขา ออยจับแขนของเด็กสาวไว้ที่คอแขนข้างซ้ายช้อนขาของเธอขึ้นมา ใบหน้าของเด็กหนุ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อยเพราะต้องแบกรับร่างของเด็กสาว

    ฝีเท้าที่เคยวิ่งเร็วเริ่มช้าลง ชายหนุ่มร่างท้วมที่วิ่งอยู่ด้านหลังเริ่มวิ่งมาประชิดตัวเด็กหนุ่มมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้น เสียงปืนยังคงดังอยู่ไม่หาย

    ครู่หนึ่งเด็กหนุ่มหลุบมองใบหน้าของเด็กสาว ใบหน้าเรียวเริ่มซีดขาวริมฝีปากอิ่มเริ่มแห้งทีละนิด ดวงตากลมโตเริ่มถูกเปลือกตาปิด แต่เด็กสาวพยายามลืมตาขึ้น ถึงแม้ว่าสิ่งที่มองเห็นจะพร่ามัวก็ตาม

    “อย่าหลับตานะ” เด็กหนุ่มพูดขึ้นใบหน้าของเด็กหนุ่มพร่ามัว ที่เด็กหนุ่มพูดตอนนั้นถูกทุกอย่างที่บอกว่าให้แยกกัน มันทำให้เขาลำบากไปซะเปล่าๆ ลำพังตัวของเขาเองสามารถเหลือรอดเป็นคนสุดท้ายด้วยซ้ำ ฉันน่าจะปล่อยให้เขาแยกไปซะตั้งแต่แรก

    “เธอ!!!” เด็กหนุ่มตะโกนเรียกเด็กสาวในอ้อมกอด ผู้คนรอบข้างต่างหันมามองดูชายหนุ่มร่างท้วมที่วิ่งกะหิดกะหอบเหมือนหนีตายจากสิ่งที่น่ากลัว กับเด็กหนุ่มที่วิ่งไปอย่างไร้จุดหมายโดยมีเด็กสาวที่นอนหลับอยู่ในอ้อมกอด แต่สิ่งที่ชาวบ้านให้ความสนใจมากที่สุดคงหนีไม่พ้นเลือดของเด็กสาวที่หยดเป็นทางยาวตั้งแต่เด็กหนุ่มเริ่มวิ่ง

    เด็กหนุ่มวิ่งออกมาทางถนนใหญ่แล้ว ผู้คนแถวนั้นต่างแตกตื่นกับสิ่งที่เห็น เด็กหนุ่มแทรกตัวเข้าไปในหมู่คนที่กำลังจะเดินข้ามถนน ร่างสูงที่คุ้นเคยเดินเข้าใกล้เขา ทำให้เด็กหนุ่มเห็นได้ชัดว่า เขาคือใคร ร่างเล็กของเด็กสาวถูกวางลงพื้นท่ามกลางสายตาของผู้คน ใบหน้าซีดขาวจนเห็นเส้นเลือดนอนลงกับพื้นอย่างนุ่มนวล

    หางตาของเด็กหนุ่มหันไปเห็นร่านขายอาหารข้างทางที่อยู่ข้างๆ มือหนาเปิดตู้ขายน้ำของร้าน ก่อนจะมองเห็นเจ้าของร่างสูงที่ยืนห่างจากเขาประมาณคนสี่คนยืน ใบหน้าของคนไล่ล่าเด็กหนุ่มเรียบเฉยเหมือนไม่สนใจว่าเขาจะเป็นใคร ขอเพียงเขาเป็นคนที่เล่นเกม และเป็นคนที่เขาต้องฆ่า

    มือหนารีบคว้าขวดแก้วทันที เมื่อคนไล่ล่าเล็งอาวุธมาที่เขา เด็กหนุ่มขว้างขวดแก้วลงพื้นถนนเมื่อเห็นรถยนต์วิ่งผ่าน ก่อนจะคว้ามาอีกขวดและทำอย่างเดียวกัน พร้อมกับเสียงปืนที่ดังขึ้น เสียงของชาวบ้านแถวนั้นร้องโวยวายด้วยความตกใจ เมื่อมีผู้เคราะห์ร้าย

    เอี๊ยดดดดดดดด!!!

    รถยนต์คันหนึ่งเบรกทันทีเมื่อรู้ว่ายางล้อรถของเขาแตก ชายร่างผอมเปิดประตูรถลงมาดูด้วยความตกใจ ก่อนจะได้ยินเสียงเปิดประตูรถดังขึ้น ชายร่างผอมหันไปที่รถของเขาก็เห็นร่างเด็กสาวที่มีใบหน้าซีขาวถูกโยนเข้าไปในรถอย่างรีบร้อนโดยเด็กหนุ่มชุดดำที่วิ่งผ่านหน้าเขาไปอย่างรวดเร็ว ออยขับรถคันนั้นไปทันที

    ชายร่างผอมร้องโวยวายด้วยความตกใจ ไม่สิทุกคนในละแวกนั้นซะมากกว่า แต่ท่ามกลางความวุ่นวายก็มีสายตาเรียบเฉยที่จ้องมองรถยนต์ยางแตกที่ถูกขับออกไปไกลแล้วเช่นกัน...

     

    เจ้าของมือหนาที่กำพวงมาลัยแน่นหันไปมองร่างเด็กสาวที่นอนอยู่ที่เบาะข้างๆแวบหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจจอดรถไว้ข้างทาง เพราะระยะทางของที่นี่ห่างไกลจากที่เกิดเหตุมากพอสมควรแล้ว

    มือหนาพลิกร่างเล็กของเด็กสาวเพื่อดูบาดแผล เด็กหนุ่มถอดเสื้อสีดำตัวนอกของเด็กสาวออกอย่างร้อนรน แต่โชคดีที่กระสุนมาได้ฝังเข้าไปในร่างลึก เด็กหนุ่มค่อยๆหยิบลูกกระสุนสีทองออกจากแผ่นหลังของเธอ

    วินาทีนั้นทำให้เด็กหนุ่มรู้ทันทีว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่จะหยิบลูกกระสุนออกจากร่างของใครสักคน แต่เด็กสาวตรงหน้าของเขากลับทำได้เหมือนเป็นเรื่องปกติ เธอไม่มีท่าทีรังเกียจบาดแผลเหมือนที่เขาเป้นอยู่ตอนนี้เลยสักนิด หรือเพราะเธอรู้ว่าความเจ็บปวดเป็นเรื่องชั่วคราวเดี๋ยวก็หาย เพราะฉะนั้นการที่เขาจะนำลูกกระสุนออกจากแผ่นหลังของเธอก็เป็นความเจ็บเพียงชั่วคราวเช่นกัน

    ลูกกระสุนสีทองได้อยู่ในมือของเด็กหนุ่มเรียบร้อยแล้ว เขารีบนำเสื้อคลุมสีดำที่เขาถอดออกจากร่างของเด็กสาวมาห้ามเลือดไว้ทันที มือขวาของเขาพลิกใบหน้าซีดขาวของเธอให้หันมาสบตากับเขา ออยร้องเรียกเด็กสาวตรงหน้า มือหนาตบใบหน้าของเด็กสาวเบาๆเพื่อให้เธอรู้สึกตัว แต่เด็กสาวก็ไม่มีวี่แววจะลืมตา

    “เธอไม่ตายหรอกครับ” เสียงที่เด็กหนุ่มรู้จักดีดังขึ้น ด้วยความเบื่อหน่ายเด็กหนุ่มจึงปิดตาลงและส่ายหน้าเบาๆแต่ไม่ได้หันไปมองผู้พูด “ฮึ ถ้าเบื่อกันอย่างนี้ผมไม่มาบอกข่าวให้คุณรู้นะ”

    “มีอะไรก็พูดๆมา”  เด็กหนุ่มพูดอย่างเสียอารมณ์ แต่รอยยิ้มของชายหนุ่มกลับไม่จางหายเลยแม้แต่น้อย

    “ผู้ชายร่างท้วมคนนั้นตายไปแล้วนะ คนที่วิ่งมาราธอนกับคุณน่ะ” คำพูดของชายหนุ่มทำให้สีหน้าของเด็กหนุ่มที่เขาจ้องมองอยู่เปลี่ยนไป ใบหน้าเรียบเฉยปรากฏขึ้น “ยังไงก็รีบๆฆ่าคนอื่นด้วยก็ดีนะครับ..”

    “เดี๋ยว” เด็กหนุ่มเรียกชายหนุ่มที่นั่งอยู่เบาะหลัง ใบหน้าของชายหนุ่มเหมือนรู้อยู่แล้วว่าเด็กหนุ่มจะต้องรั้งเขาไว้ก่อน เด็กหนุ่มหันมาสบตากับชายหนุ่มแต่เสียงของเขายังคงเรียบเฉยเหมือนเดิม “ตอนนี้เหลืออยู่กี่คน”

    “ สิบคนครับ” ชายหนุ่มตอบ ก่อนจะหายไปเหมือนรู้ว่าเด็กหนุ่มหมดคำถามแล้ว สายตาของเด็กหนุ่มกลับมามองที่เด็กสาวอีกครั้ง เขารู้สึกโล่งอกทันที เมื่อเห็นเธอหายใจเข้าออก ถึงแม้ว่าการหายใจของเธอจะแผ่วเบาแต่เด็กหนุ่มก็เชื่อว่าเธอจะต้องลืมตาขึ้น...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×