คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ความจริง กับ 2ศพ
ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง ไม่มีใครทำอะไร หรือแม้แต่เอ่ยคำพูดสักคำก็ไม่มี ไอมองไปมารอบห้องก็ไม่พบสิ่งใดที่สามารถเอามาใช้ประโยชน์ได้เลย
“นั่นคุณจะไปไหน?” นาถามศักดิ์อย่างกระวนกระวาย เมื่อเห็นศักดิ์เดินไปหยิบดาบที่วางอยู่ที่เตาผิง จริงๆแล้วมันก็เป็นเพียงของประดับบ้านที่ใช้งานได้จริงก็เท่านั้น แต่สำหรับศักดิ์ที่มีท่าทีหวาดกลัวในสายตาของไอแล้ว ก็ไม่แปลกที่เขาจะเก็บไว้เพื่อป้องกันตัว
ไอนั่งครุ่นคอดถึงเรื่องราวต่างๆที่อยู่ในหัว ทั้งเรื่อง ทำให้เด็กหนุ่มคนนั้นหลั่งน้ำตา ฆ่าจนกว่าจะให้เหลือเป็นคนสุดท้ายอีก
ทั้งๆที่ทุกคนก็รู้ แต่ทำไมไม่ลงมือล่ะ?...
ทั้งที่ตอนนี้คนที่ชิงลงมือก่อนจะได้เปรียบแท้ๆ
“เดิ๋ยวผมขอไปเดินดูในคฤหาสน์หน่อยนะครับ” รันเอ่ยขึ้น
“ฉันไปด้วย” ไอรีบขอทันที ก่อนจะหันไปชวนเจสซิก้า กับเอริก้าที่กอดกันกลมเป็นลูกบอลด้วยความกลัว
“งั้นพวกเราก็น่าจะแยกย้ายกันไปสำรวจนะ” นุชเอ่ยขึ้น ทำให้ความเงียบหายไป “ไม่ดีเหรอค่ะ เราจะได้รู้ทางหนีทีไล่ด้วย อีกอย่างจะได้สร้างความสนิทสนมคุ้นเคยกันด้วย”
ชายหญิงที่ไม่แสดงความคิดเห็นต่างปรึกษากัน ก่อนจะตอบตกลงด้วย “งั้นพอสำรวจเสร็จเรามาเจอกันที่นี่นะครับ” เมื่อพูดจบ ทุกคนก็เดินออกจากห้องรับแขกไปสำรวจห้องต่างๆ...
ภายในบ้านที่กว้างใหญ่และคดเคี้ยว ทำให้ทั้งสี่คนเดินอย่างระมัดระวังให้มากที่สุด แต่จากการสำรวจห้องแล้วห้องเล่าก็ดูจะไม่มีอะไรที่ดูจะเป็นที่สังเกตมากที่สุดเลยแม้แต่ห้องเดียว แต่กลับมีเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แกคนอาศัยเสียด้วยซ้ำ
เอริก้า เด็กสาวผมสั้นแฝดคนน้อง ดูจะสนใจกับสิ่งรอบข้างที่อยู่ภายในห้องนอนฝั่งตะวันตกเป็นพิเศษ ทำให้เจสซิก้าถูกหลงลืมไปบ้างเป็นครั้งคราว
“จะเดินดูอะไรกันนักกันหนานะ!” เจสซิก้าตวาดใส่เอริก้า ที่หยิบแจกันลวดลายแปลกตามาดู เจสซิก้ารีบเข้าไปกอดไปกอดเอริก้าด้วยความเคยชิน
“...” ไอยืนมองเด็กสาวฝาแฝดตรงหน้าด้วยสายตาที่ด้านชา แต่ภายในกลับมีคำถามมากมายที่อยากจะถามพวกเธอ ไอเลิกสนใจภาพของพี่น้องฝาแฝดที่เกาะติดเป็นตังเม ไปสนใจข้าวของมีค่าภายในตู้เสื้อผ้าอีกครั้ง
“ดูแปลกๆนะ...” รันเอ่ยขึ้นก่อนจะนั่งลงข้างๆไอและหยิบสร้อยมรกตฝังเพชร ที่ยังคงสวยเหมือนใหม่ หนำซ้ำยังไม่มีร่องรอยของรอยนิ้วมือที่ติดอยู่
เพราะของล้ำค่าเช่นนี้ มีคนคิดที่จะขโมยก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ถึงแม้ว่ามันจะเก็บอยู่ในตู้เสื้อผ้าที่มิดชิดก็จริง แต่ถ้ามีเวลาในเกมมากมายเช่นพวกเขาแล้ว จะนั่งค้นไปเรื่อยๆจนเจอ ก็คงไม่แปลกอะไร...
“เป็นไปได้ไหมว่าที่นี่จะมีคนอยู่นอกจากพวกเรา?”
“อืม” ไอตอบ “สิ่งที่นายสันนิฐานมาน่ะ ก็ไม่ผิดหรอก ถูกหมดทุกข้อด้วย”
เด็กหนุ่มเงยมองเด็กสาวที่ยืนขึ้น “หมายความว่าไง? กำกวมชะมัด”
“ฉันไม่ได้เห็นแค่ตู้เสื้อผ้าแปลก แต่ฉันหมายถึงบ้านทั้งหลังเลยต่างหาก...” ไอพูดถึงตั้งแต่ที่พวกเขาก้าวเข้ามาภายในคฤหาสน์แห่งนี้ และสิ่งที่เธอใช้สายตากวาดมอง
สิ่งที่เธอสงสัยเป็นอย่างแรกคือ คฤหาสน์แห่งนี้ไม่มีหน้าต่าง เหมือนกับว่า มีใครบางคนต้องการให้พวกเราไม่มีรู้เวลาของโลกภายนอก ให้รู้แต่เพียงว่า ภายในเกิดอะไรขึ้นบ้าง?...
“...อย่างเดียวเหรอ?” รันที่นั่งฟังอยู่ถามขึ้นอย่างงงๆ ทำให้เด็กสาวผู้ถูกถามหน้าแดงอ่อนๆ แต่สายตายังคงนิ่งเฉย เหมือนไม่รู้สึกอะไร “ก็...อืม...มีอย่างเดียว...เดี๋ยวเดินไปเรื่อยๆก็...ก็เจอข้อสงสัยอีก...นั่นแหละ” เด็กสาวตอบอย่างแก้ตัว ไม่สบตาเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่
ทำให้เด็กหนุ่มที่นั่งมองอดขำไม่ได้ รันยืนขึ้นเดินผ่านไอไปพร้อมกับคำพูดลอยๆด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “นักเรียนดีเด่น”
“ขอบใจ” ไอเดินชนไหล่รันจนเซ เธอมุ่งหน้าไปหาเด็กสาวฝาแฝด เพื่อบอกให้ไปอีกห้องหนึ่ง เจสซิก้าจับมือของเอริก้าแน่น จนเอริก้าแฝดน้องร้องอุทานขึ้น “อ้าว!” เสียงแผ่วเบาของเธอดังขึ้น รันหันไปมอง ก่อนจะถามด้วยความเป็นห่วง “เป็นอะไรรึเปล่า?”
“...?...” ไอหันไปมองเด็กสาวฝาแฝดหลังจากที่รันถาม ก่อนจะเห็นเอริก้าส่ายหน้าพร้อมกับรอยยิ้มที่ถูกบังคับให้ยิ้ม รันเดินไปอีกห้องหนึ่งทันที...
“อ้าว!”
“อ้าว!”
รันและพัตน์ วีรพัตน์ อุทานขึ้นพร้อมกัน เมื่อรันเปิดประตูมาอีกห้องหนึ่งก็พบกับพัตน์และนุชที่มาก่อน
“พวกคุณน้าไปดูห้องฝั่งตะวันออกไม่ใช่เหรอค่ะ?” ไอถามขึ้น
“ใช่ ไปดูมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษเลยนะ...” พัตน์เข้นเสียงเข้ม “ฉันว่าบ้านหลังนี้แปลกๆ”
ไอและรันมองหน้ากันก่อนจะถามขึ้นพร้อมกัน “มีอะไรแปลกเหรอครับ/ค่ะ?”
นุชที่เดินดูของประดับภายในห้องด้วยท่าทางขยะแขยง สร้างความไม่พอใจให้กับเอริก้าและเจสซิก้าเป็นอย่างมาก
“ดูสิ จะทำตัวเป็นคุณนายไปถึงเมื่อไหร่น่ะ” เจสซิก้าพูดเสียงกระซิบ ไม่ให้ฝ่ายที่เธอพูดถึงได้ยิน เจสซิก้าเดินไปนั่งบนเตียง ปล่อยให้เอริก้ายืนดูของภายในห้องอย่างมีความสุข ตามประสาคนหัวโบราณ...
“ไม่มีหน้าต่าง...” ไออุทาน
“แล้วมันแปลกตรงไหนล่ะ ก็แค่ไม่อยากให้เราหนีไม่ใช่เหรอ” รันถาม
ไอหันไปหารันที่อยู่ข้างๆด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย และตอบคำถามของเด็กหนุ่มด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายเป็นที่สุด “ก็ใช่...ใครเขาจะให้เราหนีล่ะ...แต่ฝั่งนั้นน่ะเป็นฝั่งตะวันออก...จะไม่มีหน้าต่างได้ยังไงเล่า...!” ไอเบิ่งตากว้างขึ้น เหมือนเธอคิดอะไรบางอย่างได้ “จริงสิ...” ไอพูดด้วยเสียงปกติ “แล้วที่นี่มีพัดลมรึเปล่าค่ะ?!”
“หา!” พัตน์อุทานด้วยความสงสัย ก่อนจะเห็นรันยืนนิ่ง ก่อนจะซูดหายใจเฮือกใหญ่ให้เต็มปอด
“ถ้าไม่มีพัดลมหรือหน้าต่างเราก็มีสิทธิ์ตายได้เลยนะ!”
“ตาย!! อะไร อะไรกัน พูดเรื่องอะไรกันน่ะ?!” นุชที่เดินผ่านมาได้ยินเข้า หญิงสาวโวยวายเป็นการใหญ่ ก่อนที่เจสซิก้าจะทนไม่ไหว “ป้า! ป้าจะโวยวายทำไมน่ะ”
“นี่แกว่าฉันเป็นป้าเหรอ!”
“แล้วจะทำไมล่ะ”
“จะทะเลาะอะไรกันนักกันหนา ยิ่งจะต้องมาฆ่ากันเองแล้ว ปรองดองไว้ไม่ดีกว่าเหรอ” ไอพูดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนัก คำพูดของไอทำให้หญิงสาวตรงหน้าไม่พอใจ ที่จะมีแม่พระที่มาจากไหนไม่รู้มาทำให้อารมณ์โมโหของเธอเพิ่มมากขึ้น
“แกไปไกลๆเลยไป! ว้าย!!” นุชผลักไอที่ยืนอยู่ออกไป แต่เด็กสาวกลับไวกว่า ไอผลักหญิงสาวตรงหน้าให้ล้มลงก่อนที่เธอจะเข้ามาทำร้ายเด็กสาว “นี่ ไอ้เด็กเลว ฉันเจ็บนะ...”
“คุณจะได้รับพลังชีวิตตามที่ขอครับ” ชายหนุ่มชุดดำปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับนาฬิกาทรายที่เริ่มไหลลงตามแรงโน้มถ่วง ก่อนที่ชายหนุ่มจะหายตัวไปเหมือนเล่นกล...
“เพราะแกนังเด็กเวร!” นุชชี้นิ้วไปที่ไอและตวาดเธอเสียงดัง ทำให้บรรยากาศรอบข้างแย่ลงไปมากกว่าเดิม เจสซิก้าตกใจกับภาพที่เห็นจนสั่นระริกไปทั้งตัว
“เอ่อ...การได้รับพลังชีวิตมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” รันถามขึ้น ด้วยน้ำเสียงสั่นเทาเพราะถ้าหากเด็กหนุ่มพูดอะไรไม่เข้าหูของเธอขึ้นมา เรื่องนี้จบไม่สวยแน่
หญิงสาวก้มหน้าลงทั้งน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม เธอทรุดนั่งลง ไอก้าวถ่อยทีละก้าวช้าๆ เสียงร้องไห้ของเธอดังขึ้นเรื่อยๆ น้ำลายที่ไหลออกจากปากด้วยอารมณ์ที่ควบคุมสติตัวเองไม่อยู่ ทำให้ไอหน้าซีดขาว ก้าวเท้าไปด้านหลังให้เร็วขึ้น ก่อนที่เธอจะพยายามวิ่งหนี...
“ว้ายยยยย!!” มีบางอย่างจับขาเธอ ไอหันไปมองต้นเหตุที่ทำให้เธอล้มลง ภาพที่ทุกคนเห็น ไม่ต่างจากไอ มันคือภาพของสาวออฟฟิศที่มีกิริยามารยาทสุภาพเรียบร้อย กำลังใช้เล็บสีแดงสวยของเธอจิกกดลงไปในเนื้อขาของเด็กสาว จนเลือดไหลซิบๆ
“แกตายไอ้เด็กเวร!!!...” หญิงสาวนำมีดพกที่เธอซ่อนไว้ออกมา หวังจะแทงที่หัวใจของเด็กสาวให้หยุดเต้น
“ไอ!!” รันรีบวิ่งเข้าไปช่วย แต่เอริก้าที่อยู่ใกล้กว่ารีบดึงแขนของไอออกมาอย่างรวดเร็ว ทำให้เล็บสีแดงที่จิกกดอยู่ที่ขา ข่วนขาที่อาบไปด้วยเลือดเป็นทางยาว
ไอรีบลุกขึ้นยืนและวิ่งออกไปจากห้องพร้อมกับทุกคนที่อยู่ในห้อง แต่เจสซิก้าที่นั่งอยู่บนเตียงกลับวิ่งออกจากห้องไม่ทัน เธอรีบวิ่งตามแผ่นหลังของพัตน์ไปอย่างเร็ว แต่ช้าไป...
“กรี๊ดดดดดด!!!” ผมสีทองยาวถูกกระชากอย่างแรง แทบจะหลุดออกจากหนังศีรษะ
“แกจะไปไหน!!” หญิงสาวเหวี่ยงเด็กสาวร่างบางไปนอนกองอยู่กับพื้นด้วยแรงมหาศาล ร่างบางนอนอยู่กับพื้นด้วยอาการงุนงง เพราะศีรษะกระแทกกับพื้นไม้อย่างแรง
น้ำตาและเหงื่อของเธอปะปนกันอยู่ที่ใบหน้าจนเปียกแฉะ เด็กสาวมองร่างของนุชที่ตอนนี้ ไม่ใช่
‘มนุษย์’ แต่เป็นบางอย่างที่น่าหวาดกลัวมากที่สุด!
“ขอร้องละค่ะ อย่าทำอะไรหนูเลย...ฮือ ฮึก หนูกลัวแล้ว ฮือ...” เจสซิก้ายกมือที่ขาวและบอบบางขึ้นมาพนมมือไหว้หญิงสาวตรงหน้า แต่เธอไม่ฟังในสิ่งที่เด็กสาวอ้อนวอน เธอชูมีดขึ้นสุดแขน ก่อนจะแทงลงไปในอกข้างซ้าย ที่มีหัวใจเต้นแรง
หญิงสาวแทงที่อกข้างซ้ายของเด็กสาวซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเป็นโพรงขนาดใหญ่ เด็กสาวร่างบางในชุดกระโปรงสีดำ ถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงเข้ม และกลิ่นคาวเลือดที่น่ารังเกียจ
เด็กสาวพูดไม่ทันจริงๆ คำว่าเจ็บ หรือ ช่วยด้วย เพราะมันเร็วเสียจนตาเปล่ามองแทบไม่เห็น นัยน์ตาสีฟ้าเบิกกว้างด้วยความแค้น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี...
หญิงสาวหัวเราะชอบใจกับผลงานที่ตัวเองได้ทำ ก่อนจะกำมีดแน่นเพื่อไปสังหารเด็กสาวที่ทำให้พลังชีวิตของเธอเหลือน้อยลง เสียงรองเท้าส้นสูงของเธอ ถูกกลบด้วยเสียงรองเท้าผ้าใบสีดำ ที่ถูกทิ้งน้ำหนักลงกับพื้นเวลาเดิน
“กะ...กรี๊ดดดดดดดดด!!!” ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะเอ่ยชื่อ เทียนในมือของใครบางคนก็พุ่งตรงมาที่ตาของเธออย่างรวดเร็ว ทำให้นุชล้มลง เธอร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด แต่สายเกินไปที่จะร้องว่า เจ็บ หรือ
“ไง ยังไม่ตายหรอกนะ แค่นั้นน่ะ...” เสียงเสียงหนึ่งดังขึ้น แต่หญิงสาวไม่มีสมาธิพอที่จะฟังเสียงนั้นได้อย่างเต็มที่ เธอรู้เพียงว่า เป็นเสียงที่ทุ้มต่ำ และหยาบคายสำหรับเธอ
ช่างเป็นเสียงที่น่ารังเกียจที่สุด!!!...
ผู้ถือเทียนในมือ โยนเทียนที่เขาถือลงบนร่างของหญิงสาว เขาไม่ได้ตั้งใจให้เธอตายทันทีเด็ดขาด เพราะสิ่งที่เขาหยิบมามันคือ เทียน...เล่มเดียว...
“น้องของคุณเคยมาเล่นเกมนี้แล้วตาย คุณก็เลย ศึกษาเกมนี้อย่างจริงจังเพื่อจะกลับมาเอารางวัลไปกอบกู้ชื่อเสียงคืนสินะ...” เขาพูด “แต่คุณรู้ไหม ถ้าคิดจะเหยียบมาในเกมนี้แล้วน่ะ ไม่มีทางที่จะรอดไปเกินสองคนหรอก...รู้ไว้ซะด้วย!!” เขาตวาดหญิงสาวที่ร้องขอความช่วยเหลืออยู่ที่พื้นและใช้มือจิกหัวหญิงสาวก่อนจะกระแทกลงไปกับพื้นอย่างแรง เพราะความร้อนของเปลวเทียน เพราะความเจ็บแสบที่ดวงตา หรืออาจจะเพราะ ความจริงที่ออกจากปากของใครคนนั้น มันช่างเสียดแทงไปถึงกระดูกจริงๆ...
ความคิดเห็น