ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Lair Game

    ลำดับตอนที่ #7 : ห้ามตาย!!

    • อัปเดตล่าสุด 13 พ.ค. 55


    เสียงฝีเท้าบนพื้นไม้ดังขึ้น เหมือนตึกทะล่ม ก่อนที่ฝีเท้าคู่หนึ่งจะหยุดวิ่งและเอ่ยขึ้นด้วยตำถามที่ทุกคนลืม เจสซิก้าล่ะ?!”

    ทุกคนหันมองไอที่เอ่ยขึ้น เอริก้ารีบวิ่งกลับไปที่ห้องซึ่งอยู่ปลายทาง

    นี่เธออย่าไปนะ ถ้ายัยป้านั่นมาอีกล่ะ เธอจะหนีทันเหรอ รันห้ามไว้ ก่อนจะสั่งให้ไอที่อยู่ใกล้ว่าจับเอาไว้

    ความจริงที่รันและไอคิดไว้ปรากฏขึ้น เอริก้าร้องไห้อย่างไร้เดียงสา แต่เธอไม่พูดหรือร้องอะไรเลย เด็กสาวฝรั่งผมสั้นส่ายหน้าไปมา พยายามดิ้นสุดแรง เพื่อออกไปจากมือของไอ

    แม่หนูคนนี้ พูดไม่ได้เหรอ?” พัตน์ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง

    ไม่ใช่พูดไม่ได้หรอกค่ะ... ไอพูดขึ้น ไม่ได้ยินด้วยซ้ำ

     

    ตาย ฉันว่าเขาทั้งคู่ตายแล้วแน่เลย!!” นา ศศินาพูดขึ้นด้วยความกลัว เธอร้องไห้และหวาดกลัวทุกอย่างรอบตัว ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เธอ

    ภายในห้องนั่งเล่นที่มีผู้เล่นเกมลดลงไปสองคนแล้ว ทำให้ผู้เล่นที่เหลืออยู่ในอาการหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย ไม่มีใครรู้ว่าใครฆ่า ต่างคนต่างระแวงกันเอง ก่อนจะกลับมาที่จุดเดิมอีกครั้ง คือ จะทำอะไรต่อไป?...

    ขออณุญาติครับเสียงของชายชุดดำดังขึ้น เรียกความสนใจจากจากผู้เล่นทั้งแปดคนได้เป็นอย่างดี ต่อจากนี้จะเป็นการเล่นที่ห้ามตายครับ...รบกวนตามผมมาด้วย

     

    ท่ามกลางทางเดินที่มีแต่เทียนปักอยู่ตามจุดต่างๆ กับชายหญิงที่เดินตามชายหนุ่มชุดดำไปอย่างเงียบๆ แต่เสียงก็ไม่ได้เงียบกริบเสมอไป ยังมีเสียงร้องไห้เบาๆของเอริก้าที่ต้องสูญเสียพี่สาวไปในเกม ทั้งๆที่เธอไม่ควรมาตายที่นี่...

    ไอโอบไหล่เอริก้าเพื่อให้กำลังใจ ไอส่งยิ้มให้เป็นระยะๆ ถึงแม้ว่ารอยยิ้มของเธอจะดูเหมือนฝืนยิ้ม เพราะนัยน์ตาที่คมกริบและนิ่งเฉย แต่เอริก้าก็รู้สึกถึงการพยายามช่วยเหลือของเด็กสาวที่โอบไหล่เธออยู่

     ถึงแล้วครับ ชายหนุ่มชุดดำหยุดเดิน ไอที่เดินตามหลังของชายหนุ่มชุดดำอยู่มองไปที่โต๊ะตัวใหญ่ ที่มีเทียนห้อยลงมาตรงกลางโต๊ะ ผมคงไม่ต้องอธิบายการเล่นนะครับว่าเล่นยังไง แต่แค่ ระวังว่าการเชิญดวงวิญญาณมาอาจจะไม่ได้มีดวงเดียว ขอตัวครับ... เมื่อคำพูดสั้นๆของชายหนุ่มจบลง เขาก็หายไป

    ชายหญิงที่ยังเหลือรอดอยู่แปดคนเดินไปที่โต๊ะ สิ่งที่พวกเขาเห็นคือ พื้นโต๊ะสีขาวที่มีตัวพยัญชนะและวรรณยุกต์ไทย ที่ริมโต๊ะด้านซ้ายมีแก้วใบเล็กใสวางอยู่

    นี่ฉัน ฉันเล่นไม่เป็นนะ ฉันขอไม่เล่นได้ไหม... สา สาริษาหญิงสาวในชุดมหาวิทยาลัยพูดขึ้นอย่างกลัวๆ

    ไม่เห็นต้องกลัวเลยนี่พี่ เพราะกฎก็บอกแล้วว่าห้ามให้ใครตายไม่ใช่เหรอ รันพูดขึ้น คำพูดที่ดูอบอุ่นทำให้หญิงสาวใจชื้นขึ้นมาบ้าง แต่กับไอที่ยืนอยู่กับเอริก้านั้น กลับไม่คิดเช่นนั้น

    กฎบอกว่าห้ามตาย แสดงว่าเกมนี้จะต้องเล่นเราถึงตายไง... ไอพูดขึ้นด้วยท่าทางสุขุม มีอย่างที่ไหนมาสั่งให้ว่าห้ามตาย แล้วมาให้เล่นผีถ้วยแก้ว ถ้าทำผิดก็แค่ถูกผีสิงไม่ถึงตายสักหน่อย แล้วจะสั่งว่าห้ามตายทำไม จริงไหมคุณนักเรียนดีเด่น...

    รันแสยะยิ้ม สร้างความพึงพอใจให้กับไอที่ฟังอยู่ เพราะสิ่งที่เธอเห็นในตัวเด็กหนุ่มคือ เขาไม่ใช่คนดี เขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่เรียนดีเรียนเก่ง แต่ธาตุแท้ก็ไม่ต่างจากเด็กมัธยมปลายที่ชอบความท้าทายในชีวิต แล้วนำเรื่องเดือดร้อนมาให้พ่อแม่

    เอาเถอะครับ ไหนๆก็เล่นแล้ว อย่าให้เสียเวลาเลยครับ ศักดิ์พูดขึ้น ก่อนจะหยิบแก้วที่วางอยู่ขึ้นมา และพนมมือ ทำปากขมุบขมิบเหมือนท่องมนต์

    นี่คุณน้าเรียกวิญญาณเป็นด้วยหรือค่ะ?” สาถามขึ้นด้วยสีหน้าและสายตาที่บ่งบอกว่า ไม่เชื่อ ทำให้ชายหนุ่มยิ้มอ่อนๆแก้เขิน

    ขออณุญาตินะค่ะ ไอหยิบแก้วในมือของศักดิ์ด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ก่อนจะมองหาของบางอย่าง

    นี่ครับคุณไอ เสียงของชายหนุ่มชุดดำดังขึ้นข้างหลังเธอ เด็กสาวร้องอุทานขึ้นด้วยความตกใจ ก่อนจะก้มมองธูปในมือของชายหนุ่ม เธอหยิบมาอย่างเบามือ ก่อนที่ชายหนุ่มจะหายตัวเข้าไปในความมืดอย่างรวดเร็ว

       เด็กสาวเขย่งตัวขึ้นไปจุดธูปหนึ่งดอกในมือ และพนมมือ ขอให้ดวงวิญญาณทั้งหลายที่สถิตอยู่ณ ที่แห่งนี้มารวมตัวกัน และให้ดวงวิญญาณที่เหมาะสมที่สุดเข้ามาอยู่ในแก้วใบนี้ เพื่อตอบคำถามของพวกเราทั้งหลายเป็นจริง... ไอไหว้หนึ่งครั้ง ก่อนจะเริ่มสับสนอีกครั้ง เมื่อเธอนึกขึ้นได้ว่าไม่มีที่ปักธูป

    ปักตรงนั้นสิค่ะน้อง สาชี้นิ้วไปที่ที่วางเทียนข้างหนึ่งที่ว่างเปล่า สาอาสาปักธูปให้ ตามแบบฉบับพี่สาวใจดี

    ไอรีบคว่ำแก้วลง และสั่งให้ทุกคนแตะที่ก้นแก้ว รันมองหน้าไออย่างไม่วางตาทำให้เด็กสาวรู้สึกสะอิดสะเอียนไม่น้อย

    มองอะไรเนี่ย?” ไอถามอย่างรำคาญ

    จำที่เธอพูดไม่ได้เหรอ ที่ว่าให้ดวงวิญญาณมารวมตัวกันน่ะ... เด็กหนุ่มเตือนสติ ทำให้เด็กสาวฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าการที่เธอพูดคำนั้นออกมา แสดงว่าในที่ที่พวกเธอกำลังยืนอยู่ ไม่ได้มีแค่พวกเธอแปดคนเสียแล้ว

    แล้วเราจะถามอะไรกันล่ะ ชุน อรชุน ชายหนุ่มนักศึกษาที่ไม่ค่อยพูด เอ่ยถามขึ้นมา เตือนสติเหล่าชายหญิงทั้งเจ็ดให้กลับมาถามตัวเองอีกครั้ง

    มีมือบอบบางข้างหนึ่งมาสะกิดที่แขนของไอเบาๆ เอริก้ามองหน้าไอด้วยแววตาที่ดูอ่อนต่อโลก ทำให้ไอเดาได้ว่าเขาจะสื่อถึงอะไร

    ตอนนี้ เจสซิก้า สวอน อยู่ที่นี่รึเปล่า?” เมื่อถามจบ แก้วที่ทุกคนแตะอยู่ก็ค่อยๆเลื่อนไปตามพยัญชนะและวรรณยุกต์ต่างๆเพื่อตอบคำถาม

    อ...

    อย...

    อยู...

    อยู่...

    ทุกคนอยู่ในความเงียบแต่ภายในกลับตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก ภายในห้องสี่เหลี่ยมที่มีแต่แสงเทียนที่ให้แสงสว่าง กับประตูที่ไม่รู้ว่าเปิดออกหรือไม่

    นี่ถามต่อสิ อะไรก็ได้ นาพูดขึ้น น้ำเสียงของเธอยังคงหวาดกลัวไม่เปลี่ยน มีเพียงแต่มือที่สั่นเทาของเธอ

    ไอทำอะไรไม่ถูก เพราะเธอไม่ได้มีคำถามที่ตัวเองสนใจหรืออยากจะรู้เป็นพิเศษ เอริก้ามองไออย่างเป็นห่วง เพราะเธอเหมือนเป็นศูนย์กลางของทุกคน ทั้งๆที่จริงๆแล้วเธอก็เป็นแค่เด็กมัธยมปลายคนหนึ่งเท่านั้น

    ...ใครจะเป็นผู้ชนะในเกมนี้?...” รันถามขึ้น ทุกสายตาจับจ้องมาที่เขา เพราะไม่มีใครคาดคิดว่า จะมีคนถามคำถามนี้ออกมา แก้วที่ทุกคนแตะอยู่ค่อยๆเลื่อนไปช้าๆ ทุกความคิดที่ถาโถมเข้ามาคือ จุดจบของคนที่ไม่ผ่าน คืออะไร?...

    อ...

    อา...

    อาร...

    อารญ...

    อารญา...

    ทุกสายตาจับจ้องไปที่ไอโดยไม่ได้นัดหมาย ไอเบิ่งตากว้าง เธอไม่คิดมาก่อนว่าเธอจะเป็นผู้ชนะ เหงื่อของเธอเริ่มก่อตัวจากรูขุนขนเล็กๆ เธอสบตาของผู้เล่นแต่ละคนอย่างหล้าๆกลัวๆ

    ไม่จริงหรอกค่ะ ผีถ้วยแก้วน่ะ มันก็เป็นแค่ผีมาอยู่ในถ้วยแล้วก็เดินไปตามตัวอักษร ถ้าถ่ายแม่นขนาดนี้ ป่านนี้คนบนโลกก็ไม่ต้องทำอะไรแล้วไม่ใช่เหรอค่ะ โอ๊ย!!” ยังไม่ทันที่ไอจะพูดจบ หัวของเธอก็กระแทกกับโต๊ะอย่างแรง

    เอริก้าจับไหล่ของไอเบาๆด้วยความเป็นห่วง เด็กสาวใช้มือซ้ายจับหน้าผากที่กระแทกกับโต๊ะ นากรีดร้องอย่างหวาดกลัว หญิงสาวเริ่มรู้สึกถึงการมีอยู่ของบางอย่างที่เธอมองไม่เห็น

    หญิงสาวถอยหลังจนชนกับพนัง เธอร้องไห้อย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะได้กลิ่นเหม็นๆลอยเข้ามาในจมูก

    กะ กลิ่นอะไรน่ะ?!” ชุนรีบปิดจมูกอย่างเร็วเมื่อได้กลิ่นเหม็นเน่าเกินคำบรรยาย ศักดิ์รีบวิ่งไปเปิดประตูที่ถูกปิดอยู่ออก เพื่อหนีออกไป

    อย่าครับ มันเปิดไม่ออกหรอก รันพูดขึ้นทั้งๆที่ตัวเองยังประคองตัวเองให้ยืนไม่อยู่ ศักดิ์หันมาถามเด็กหนุ่มที่ลงไปนอนกับพื้นเพราะหายใจไม่ออก ว่าเขารู้ได้ยังไง? ของอย่างงี้มันก็แน่อยู่แล้วล่ะครับ แฮ่ก แฮ่ก

    ไอปิดจมูกจนทนไม่ไหวจึงต้องเอามือออก ก่อนจะรู้สึกถึงกลิ่นเหม็นที่มากขึ้น เด็กสาวรีบปิดจมูกอย่างเดิม สิ่งที่เธอทำได้ตอนนี้คืออยู่ที่นี่ให้นานที่สุด เพราะกลิ่นที่พวกเขาได้กลิ่นก็คงไม่พ้นกลิ่นซากศพ

    แกร่ง แกร่ง แกร่ง...

    เสียงๆหนึ่งดังขึ้น เรียกให้ทุกสายตาจับจ้องไปที่ต้นเสียง คือ โคมเทียนด้านบน ศักดิ์ที่ยืนอยู่ใกล้ประตูมากที่สุด รีบเปิดประตูที่รันบอกว่าเปิดไม่ออกทันที

    นี่คุณ เป็นผู้ชายซะเปล่า แค่นี้ก็ไม่มีแรงเหรอ!” นาที่ร้องไห้อยู่ตวาดใส่ชายหนุ่ม ก่อนจะเดินไปเปิดประตูเอง และก็พบว่า มันเปิดไม่ออก...

    แกร่งๆ...

    ไอมองขึ้นไปที่โคมเทียน มือของแตะที่พื้นเบาๆก็รู้ทันทีว่าเป็นไม้ ไอมองผู้คนรอบข้างที่นอนลงกับพื้นโดยไม่พูดอะไร มีเพียงเสียงร้องไห้ของนาที่ดังลั่นห้องสี่เหลี่ยม หญิงสาวใช้มือของเธอทุบประตูอย่างแรงเพื่อให้มันเปิด

    เอริก้า... ไอสะกิดเอริก้าที่อยู่ข้างๆ และใช้มือตบที่ขาโต๊ะเหมือนกำลังจะบอกว่า ให้ช่วยยกหน่อย ไอเอามือออกจากจมูกก่อนจะรู้สึกถึงกลิ่นเหม็นที่รุนแรงกว่าเดิมมาก รัน ไอเรียกเด็กหนุ่มที่นอนลงกับพื้น ช่วยยกหน่อย เร็วเซ่!!... ไอตวาดเด็กหนุ่มที่แม้แต่จะหันหน้ามาฟังเธอยังทำไม่ได้

    สา ที่ยืนงอตัวอยู่กับพนังเห็นเด็กสาวทั้งสองคนพยายามจะทำอะไรบางอย่าง ซึ่งเธอก็ไม่รู้หรอกว่าพวกเธอคิดอะไรกันอยู่ แต่ก็ดีกว่าจะมายืนสูดดมกลิ่นเหม็นๆแบบนี้

       สาเข้าไปจับโต๊ะอีกด้านหนึ่ง ไอหันมามองก่อนจะส่งยิ้มให้ พี่ค่ะ หนูจะใช้พื้นโต๊ะไปกระแทกกับประตูน่ะค่ะ ช่วยยกหน่อยนะค่ะ...  ไอพูดด้วยสีหน้าที่ลำบากพอดู ทำให้ชุนทนมองไม่ไหวเข้ามาช่วยอีกแรง ไอก้มมองรันที่ค่อยๆลุกขึ้นมาจากพื้นอย่างยากเย็น ทำให้เธออารมณ์เสียไม่น้อย

    แกร่ง แกร่ง แกร่งๆ...

    มีบางอย่างอยู่ด้านบนเพดานของห้อง ทำให้โคมเทียนที่อยู่ด้านบนสั่นสะเทือน ไอรีบสั่งให้ทุกคนยกโต๊ะไปกระแทกประตูอย่างเร็ว แต่โต๊ะตัวนี้หนักเกินกว่าจะยกได้ นากรีดร้องอย่างดังเหมือนกับว่าความตายมาอยู่ตรงหน้านี้แล้ว

    นี่ป้า อยู่เงียบๆจะตายไหม?!” ไอตวาดนาเสียงดัง ด้วยความโมโหเธอกระทืบเท้าลงที่พื้นหนึ่งครั้งว้าย!!” ไม้ที่เธอกระทืบลงไปแตกเป็นช่องว่าง ทำให้ขาของเธอตกลงไปถึงระดับเข่า เอริก้ารีบพาไอ

    ขึ้นมาจากไม้เพื่อมายกโต๊ะไปกระแทกประตูต่อ

    น้องได้แล้วค่ะ!” สาพูดขึ้นด้วยความดีใจ เด็กวัยรุ่นทั้งสี่คนจับขาโต๊ะขึ้นและให้หน้าโต๊ะกระแทกกับประตูอย่างแรงเพื่อให้เปิด

    แต่การที่โต๊ะกับประตูกระแทกกันอย่างแรง ส่งผลให้โคมเทียนด้านบนสั่นสะเทือนตามแรงที่ถูกระแทก

    ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง

    แกร่ง แกร่ง แกร่ง เพล้ง!!

    กรี๊ดดดดดดดดดดด!! นี่พวกแกทำให้มันเบามือหน่อยเป็นไหม

    หุบปากไปเลยป้า!!” ชุนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ใส่อารมณ์ไม่น้อย ทำให้นาอยู่นิ่งเฉยไปชั่วขณะ แต่เธอก็ต้องร้องโวยวายอีกครั้ง เมื่อไฟจากเทียนลุกขึ้นตามพื้นไม้

    นากรีดร้องอย่างดัง เธอกระโดดไปมาเพื่อหนีไฟที่ลุกโชน ไม่นานประตูก็หลุดออก เด็กวัยรุ่นทั้งสี่พุ่งตัวออกมาจากห้อง ทิ้งโต๊ะตัวใหญ่ที่ถืออยู่ลงพื้น พวกเธอปาดเหงื่ออย่างเหนื่อยล้า ไอมองตรงไปยังห้องที่มีเปลวไฟลุกโชนอยู่ ก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็น ไฟที่พวกเขาเห็นไม่ลุกลามออกมาด้านนอก...

    รันกลิ้งตัวออกมาจากกองเพลิง ก่อนจะยื่นมือเข้าไปช่วยศักดิ์ที่ยื่นมือมาให้เขา ทั้งสองจับมือกัน รันดึงร่างขิงชายหนุ่มที่อยู่ในกองเพลิง เสียงร้องของเขาดังลั่นด้วยความเจ็บปวด

    ปล่อยเขาเถอะ ไอจับไหล่ของรันไว้ เด็กสาวก้มหน้าลงไม่กล้ามองภาพที่น่าสยดสยองตรงหน้า เขาทรมานมากนะ ปล่อยเขาไปเถอะ

    รันมองชายหนุ่มที่ตอนนี้เวลาของเขากำลังจะจบลง พูดว่า อย่าฆ่าฉัน สิครับ เด็กหนุ่มคิดถึงนาฬิกาทรายที่เป็นชีวิตสำรองขึ้นมาได้ทันที เสียงของรันดังเข้าไปด้านใน ทำให้นา และ พัตน์ได้ยินไปด้วย พวกเขาพูดขึ้นพร้อมกันว่า อย่าฆ่าฉัน!!!”

    พวกคุณจะได้รับพลังชีวิตตามที่ขอครับ ชายหนุ่มชุดดำปรากฏขึ้นกลางกองเพลิง ก่อนจะหายไป ชายหญิงทั้งสามรีบวิ่งออกมาจากกองเพลิง

    เนื้อตัวที่สกปรกกับกลิ่นควันไฟติดตัวของพวกเขา เป็นสัญลักษณ์อย่างดีที่บอกว่า พวกเขาเจอเรื่องใหญ่ที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเจอมาแล้ว

    พวกคุณนี่เชื่องกันจังเลยนะครับ เสียงที่คุ้นหูดังขึ้น ทุกสายตาจับจ้องไปที่ต้นเสียงทันที เขาคือเด็กหนุ่มชุดดำ ที่ยืนพิงกำแพงอยู่ พร้อมกับชายหนุ่มชุดดำที่ยืนอยู่ด้านหลัง

    ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ ไม่มีพ่อแม่สั่งสอนรึไง นาพูดขึ้นด้วยอารมณ์โมโหจัด ทำให้เด็กหนุ่มที่กำลังยิ้มอยู่ หุบยิ้มนั้นทันที ทำให้นาที่พูดอยู่ได้ใจ จึงยิ้มอย่างผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่า อ๋อ แกอยู่ที่นี่นะ มีพ่อแม่ก็แปลกแล้ว ไม่งั้นก็คงคิดเกมแบบนี้ขึ้นมาไม่ได้หรอก เพราะคนที่มีพ่อแม่เลี้ยงดูน่ะ เขาไม่ทำอะไรถ่อยๆแบบนี้หรอก!...

    แล้วคนที่มีพ่อแม่อย่างคุณมาเล่นเกมของเด็กเหลือขอทำไมล่ะ?” เด็กหนุ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เก็บกด สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้นาหยุดในสิ่งที่เขาทำ

    แล้วไงล่ะ ก็แกบอกว่าจะให้เงินไง ถึงมา...หรือว่าเงินที่แกบอกน่ะ ไม่มีจริง

    ผมไม่ใช่คนน้ำเน่าอย่างป้านะ ถึงคิดๆได้อย่างนั้น

    แก ไอ้เด็ก...

    พอได้แล้ว จะอะไรกันนักกันหนา หนีออกมาได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว... สาที่ยืนฟังอยู่พูดขึ้น รอดตายมาได้หมดก็ดีแล้ว...

    เด็กหนุ่มมองผู้เล่นเกมทั้งแปดที่อยู่ในสภาพดูไม่ได้ ก่อนจะสั่งให้ชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังอธิบายการเล่นที่แท้จริงให้พวกเขาและเธอฟัง เด็กหนุ่มชุดดำเดินกลับไปและหายตัวไปเหมือนมีเวทมนต์

    ชายหนุ่มมองทุกคนรอบๆ เหมือนกับว่า กำลังตรวจสอบบางอย่าง สิ่งที่พวกคุณคิดว่ารู้ดีแล้ว ผมจะอธิบายให้ฟังครับ... ชายหนุ่มเปิดผ้าคลุมที่มีนาฬิกาทรายของทุกคนอยู่ การที่พวกคุณขอใช้ชีวิตสำรองนั้น หมายถึง คุณได้รับอีกชีวิตหนึ่งมาใช้ ซึ่งมีเวลาจำกัด เช่น เวลาของคุณนาหมด คุณก็จะตายทันที...

    อะไรนะ!!!... นาพูดขึ้น ไอคิดถึงนุชที่ตายไป ซึ่งในตอนนั้นเธอโมโหมาก ทั้งๆที่ได้ชีวิตสำรองมาแล้ว เพราะการที่ขอชีวิตสำรองนั้น คือการใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้คุ้ม

    แสดงว่าพวกเราสามคน จะตายในไม่ช้านี้เหรอครับ พัตน์ถามขึ้น น้ำเสียงของเขาดูเศร้าสร้อยมาก ชายหนุ่มชุดดำพยักหน้ารับ ก่อนจะเบิ่งตากว้างขึ้น และพูดด้วยน้ำเสียงแปลกใจ นี่ยังอยู่กันครบเลยเหรอเนี่ย?!”

    ก็แหงแหละย่ะ แกบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเกมนี้ห้ามตายน่ะ นาพูดเตือนความจำของชายหนุ่ม แต่ชายหนุ่มกลับหัวเราะอย่างขำขัน ทำให้รันรู้สึกแปลกๆ จึงเอ่ยขึ้นมาลอยๆ หรือว่าคุณหลอกเรา

    ฮึ นายพึ่งรู้เหรอ?” ไอถามขึ้น ที่นี่น่ะ เชื่อใครไม่ได้ด้วยซ้ำ...แล้วคุณเองก็กรุณาเก็บมีดพกขึ้นสนิมกลับไปด้วย คุณศศินา

    หญิงสาวที่ล้วงกระเป๋ากระโปรงอยู่เอามือออกมาจากกระเป๋าทันที เพราะเธอพกมีดนั้นมาด้วย หญิงสาวเหงื่อออกอย่างร้อนตัว เธอมองไอที่หันหน้ามาหาเธอด้วยสายตาที่สั่นเทา ผิดกับไอที่มองเธอด้วยสายตาเย็นชา และคมกริบ

    จะฆ่าก็รีบฆ่าเถอะครับ นี่ก็จะหมดเวลาอยู่แล้ว... ชายหนุ่มพูดขึ้น ไอหันไปมองด้วยสายตาค้อนๆ กรี๊ด!!!” ไอร้องขึ้นก่อนจะล้มลง มีเลือดไหลออกมาจากแขนข้างซ้ายของเธอ สิ่งที่เธอเห็นในตอนนี้คือ หญิงสาวที่กำลังถือมีอยู่

    เธอใช้มีดชี้ไปที่ผู้เล่นทุกคน และพูดด้วยคำพูดที่ปลุกเร้าให้ฆ่ากัน ไอพยายามลุกขึ้นแต่เพราะชายเสื้อคลุมของเธอถูกรองเท้าส้นสูงสีดำเหยียบอยู่ ไอดิ้นไปมาเพื่อให้หลุดออกจากตรงนี้

    ทำไมล่ะ เงียบทำไม รีบๆฆ่ากันซะ เรื่องนี้มันจะได้จบกันสักที...

    คุณก็คิดถึงแต่ตัวเองนั่นแหละ เอาละ ฟังผมนะ วางมีดล...ศักดิ์พยายามพูดโน้มน้าวใจ แต่ผลที่ได้กลับมานั้น ผิดคาด

    วางให้โง่สิ! ตั้งแต่ที่ทุกคนตัดสินใจมาเล่นเกมนี้ก็น่าจะรู้ตัวได้แล้วนะ ว่าพวกแกแต่ละคนน่ะ ไม่ใช่คนแล้ว...

    วางมีดลงดีกว่าค่ะ เสียงของไอดังขึ้น ในมือของเธอถือปืนอยู่หนึ่งกระบอก เลือดที่แขนของเธอเห็นเด่นชัดขึ้น เพราะเธอสวมเสื้อแขนกุดสีขาวอยู่ ชายหนุ่มชุดดำ ยิ้มอย่างพอใจแต่ก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่เธอใช้เครื่องทุ่นแรง

    อะไรกันครับ คุณอารญา คุณอย...

    หุบปาก เธอหันปืนไปที่ชายหนุ่มชุดดำ แต่สายตาของเธอยังคงจ้องมองหญิงสาวตรงหน้า เอาสิ แกจะทำอะไรฉัน ฉันดูออกจะว่านี่น่ะ เป็นปืนปลอม

    ฮึ วางใจเหลือเกินนะป้า ไอโยนปืนที่เธอขึ้นลำแล้วไปที่นาอย่างจงใจ นาใช้มือและแขนของเธอป้องกันไว้ตามสันชาติญาณ แต่เธอก็หนีไม่พ้นลูกกระสุนที่ที่ทะลุทะลวงไปที่คางของเธอ ก่อนจะฝังลงไปที่สมองของเธอ...

    ทุกสายตามองร่างไร้วิญญาณของเธอตัดกับภาพของเด็กสาวม.ปลาย ที่เดินเข้าไปใกล้ผลงานที่เธอทำ ไอยื่นมือไปหยิบเสื้อคลุมสีดำของเธอที่หญิงสาวนอนทับอยู่พร้อมกับพูดขึ้นลอยๆอย่างใจเย็น เดี๋ยวเธอจะมาจับที่มือของฉัน...

    เมื่อมือของเด็กสาวเข้าใกล้มากเท่าไหร่ ก็ทำให้หญิงสาวรู้ตัวมากเท่านั้น ด้วยความแค้นเธอจึงจับข้อมือของเด็กสาวไว้ และบีบสุดแรง เก็บแรงไว้ดีกว่ามั้งป้า...แล้วสักพักคุณก็จะพูดประโยคบางอย่าง และตายตาไม่หลับ

    หญิงสาวได้ฟังดังนั้นจึงปล่อยมือออกจากข้อมือของเธอ เด็กสาวสวมเสื้อคลุมเหมือนเดิม และคืนปืนที่เป็นของชายหนุ่ม ชายหนุ่มยิ้มอ่อนๆ ก่อนจะถามเด็กสาวอย่างอารมณ์ดีว่า ทำไมเธอถึงใช้ปืนฆ่าเธอล่ะ ทั้งๆที่เธอปฏิเสธการฆ่าแบบนี้จะตาย

    ฮึ บางครั้งในชีวิตก็ต้องมีผู้ช่วย ไม่งั้นก็ไม่มีสีสันในชีวิตหรอก...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×