ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Liar Game II

    ลำดับตอนที่ #5 : ความจริง?

    • อัปเดตล่าสุด 17 ต.ค. 55


    “แผลคงด้านแล้ว” เสียงทุ้มหวานดังขึ้นท่ามกลางความเงียบยามค่ำคืน เด็กหนุ่มยิ้มให้เด็กสาวตรงหน้าและกล่าวขอบคุณ

    “อ๊ะ นั่น!” เด็กสาวชี้ไปที่หน้าผากของเด็กหนุ่ม ทำให้เด็กหนุ่มรู้ทันทีว่ามันคือแผลที่หญิงสาวคนนั้นเป็นคนทำ ตอนที่เธอกระแทกใบหน้าของเขาลงพื้นอิฐ เด็กสาวกำลังจะเอามือไปแตะที่แผล แต่แล้วเธอก็ต้องรีบชักมือกลับทันที

    “เป็นอะไรเหรอ?” เด็กหนุ่มถาม “มันน่ากลัวจนไม่กล้าจับเลยเหรอ”

    “เปล่าค่ะ ตอนนั้นที่ฉันไปแตะผมคุณ คุณก็ปัดมือฉันออก...”

    “...” เด็กหนุ่มฉีกยิ้มด้วยท่าทางเขินอายปนความรู้สึกผิด “อ๋อ ขอโทษด้วยนะตอนนั้นฉันไม่ค่อยมีแรงด้วย...” เด็กหนุ่มมองเด็กสาวตรงหน้าและพูดขึ้น “จะแตะก็ได้นะ”

    “ได้เหรอ!” เด็กสาวถามพร้อมกับดวงตากลมโตที่เบิกกว้าง เธอค่อยๆแตะหน้าผากของเด็กหนุ่มที่เป็นรอยเขียวเบาๆ เพื่อไม่ให้เด็กหนุ่มรู้สึกเจ็บ

    “ไปโรงพยาบาลดีกว่านะ” เธอเสนอ เด็กหนุ่มเหลือบตาขึ้นมองเด็กสาว

    “ฉันเพิ่งฆ่าคนตายต่อหน้าตำรวจมานะ” เด็กหนุ่มตอบ “ถ้าไปโรงพยาบาลคนคงจะเข้ามาจับฉันซะมากกว่า”

    สิ่งที่เด็กหนุ่มพูดเป็นความจริงที่ไม่อาจจะหาคำมาเถียงให้เด็กหนุ่มใจอ่อนยอมไปโรงพยาบาลได้ เด็กสาวจึงปล่อยมือจากแผลที่เขียวจนน่าสงสาร และต้องเจ็บปวดแทน เธอมีมียา หรืออะไรที่สามารถรักษาหรือบรรเทาความเจ็บปวดให้เด็กหนุ่มได้

    “ไม่เป็นไรหรอก...” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นฉีกยิ้มให้เด็กสาวตรงหน้า “แล้ว...ทำไมเธอถึงช่วยฉันขนาดนี้ล่ะ?”

    “เราเป็นคนไม่ใช่เหรอ” เธอตอบ “มีแต่คนพูดแบบนี้ทั้งนั้นเลย ทั้งๆที่ฉันอยากจะช่วยคนอื่นบ้างแท้ๆ”

    ออยกระพริบตาปริบๆ เขามองเด็กสาวตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย ถึงแม้ว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นจะถูก แต่มันเป็นคำพูดของคนที่อ่อนแอและมองโลกในแง่ดีจนเกินไป ทำให้เด็กหนุ่มไม่ค่อยจะเข้าใจหรือเห็นด้วยกับคำพูดที่เด็กสาวพูด

    ร่างสูงขยับตัวให้สบายมากขึ้นสำหรับค่ำคืนที่ต้องนอนในซอกตึกแคบๆ เด็กหนุ่มหันมองท้องฟ้าในเมืองกรุงที่เขาเห็นมาตั้งแต่เด็ก เป็นท้องฟ้าสีคล้ำดำกับดวงดาวเพียง สองถึงสามดวงเท่านั้น เวลาเด็กหนุ่มจ้องมองดาวเขามักจะคิดเสมอว่า ท้องฟ้ายามค่ำคืนมันช่างเงียบเหงามาก

    เด็กหนุ่มหันกลับไปมองเด็กสาวร่างเล็กที่นอนหลับไปแล้ว ตามเนื้อตัวของเธอยังคงสมบูรณ์แบบไม่ต่างจากที่เขาพบเธอที่ห้องโถงเลย เด็กหนุ่มแตะที่ไหล่ของเขาเพื่อดูว่าแผลเป็นอย่างไรบ้างแล้ว

    เลือดที่เคยมี แข็งตัวตามเวลาซึ่งเป็นผลดีต่อเด็กหนุ่มเองที่ไม่ต้องห่วงเรื่องแผล และคงเป็นผลดีต่อเด็กสาวเองด้วย ที่ไม่ต้องลำบากหาทางมารักษาเขา ทั้งๆที่แค่ชื่อ ยังไม่รู้จักกัน

    ดวงตาสีน้ำตาลถูกหนังตาปิดสนิท เด็กหนุ่มนอนหลับด้วยความอ่อนล้า ข้างๆร่างที่อ่อนล้าของเด็กหนุ่มก็อยู่คู่กับเด็กสาวไร้เดียงสา ที่ต่อจากนี้เธอต้องไปพบเจอกับความเป็นจริง ในอีกไม่ช้า...

     

     

    ปัง!

    มือหนาหยิบปืนที่ตกอยู่ที่พื้นขึ้นมาและเอากระสุนที่อยู่ด้านในออกจนหมด ดวงตาแข็งกร้าวมองร่างสูงของชายหนุ่มที่นอนจมกองเลือดตรงหน้า ก่อนจะก้มหน้าลงมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง

    21.07 น.

    “แค่สามทุ่มกว่าสินะครับ” เสียงคุ้นหูดังขึ้นใกล้ตัวของคนร่างสูงที่ยืนอยู่ เขาทำกระสุนที่อยู่ในกำมือร่วงหล่นลงพื้นด้วยความตกใจ ทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าหัวเราะฮึๆในลำคอด้วยอารมณ์ขบขัน

    “ตกใจขนาดนั้นเลยหรือครับ...” ชายหนุ่มพูดต่อ “คุณกวิน”

    “มาหาผมทำไม?” เด็กหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์

    ไม่เห็นรึไงว่าคนเขาทำอะไรอยู่ ไอ้บ้าเอ๊ย!

    “หวังว่าผมคงไม่ต้องเห็นคุณสู้กับเพื่อนตัวเองเหมือนครั้งก่อนนะครับ”

    เด็กหนุ่มผมยาวประบ่าหันมองค้อนชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาไม่สนใจที่ชายหนุ่มพูด เอาแต่ก้มลงเก็บลูกกระสุนที่ตกลงพื้น

    “ผมเข้าเรื่องเลยละกันนะครับ...”

    “น่าจะเข้าได้ตั้งนานแล้วนะ” เด็กหนุ่มพึมพำกับตัวเอง โดยที่เขาคิดไปเองว่าชายหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ได้ยิน

    ชายหนุ่มหลุบตามองเด็กหนุ่มที่ก้มลงเก็บลูกกระสุน พร้อมกับหัวเราะฮึๆ ชายหนุ่มล้วงของบางอย่างภายในเสื้อคลุมสีดำ สิ่งที่เขาหยิบมาอยู่ในมือก็คือ นาฬิกาทรายของเด็กหนุ่มตรงหน้า เขาบีบตัวนาฬิกาทรายแน่น

    ร่างของเด็กหนุ่มล้มนอนคว่ำอยู่กับพื้น กวินดิ้นทุลนทุลายเพราะเขาหายใจไม่ออก มือที่กวัดแกว่งไปมาก็กวาดไปจับที่ข้อเท้าของชายหนุ่ม เขาตบเท้าของชายหนุ่มด้วยแรงที่เหลือ เพื่อขอชีวิต

    ชายหนุ่มคลายมือออกจากนาฬิกาทรายในมือ พร้อมกับร่างเด็กหนุ่มที่นอนสงบลงในท่านอนคว่ำ กวินรีบหายใจเข้าปอดให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

    เขาไม่มีแรงแม้กระทั่งจะทำอะไรกับชายหนุ่มได้ ทำให้ชายหนุ่มยิ้มอย่างพอใจในผลงานที่เขาเป็นคนทำ และนี่ก็เป็นเหมือนสิ่งที่บอกให้เด็กหนุ่มรู้ว่าเขาไม่มีอะไรสามารถต่อกรกับชายหนุ่มตรงหน้าได้เลยแม้แต่น้อย

    “หวังว่าคงไม่มีในครั้งต่อไปนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ย “ที่ผมจะมาบอกคุณก็คือ ตอนนี้มีคนเสียชีวิตในเกมนี้ทั้งหมด ห้า คนแล้วครับ”

    เด็กหนุ่มมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ทางหางตา ในใจของเด็กหนุ่มมีคำถามมากมายที่จะถามเกี่ยวกับการตายของคนทั้งห้าคนที่ชายหนุ่มบอก แต่เขาไม่มีแม้แต่แรงที่จะออกแรงลุกขึ้นยืนเสียด้วยซ้ำ

    “ก็มีคุณอรที่เป็นนักศึกษา คุณเจนนี่ คุณปกรณ์ คุณขวัญ แล้วก็คุณนันที่คุณเพิ่งฆ่าไปเมื่อครู่นั่นแหละครับ”

    เด็กหนุ่มพริกตัวให้นอนหงาย มองร่างสูงในเสื้อคลุมที่ยืนอยู่ด้วยสายตาล่องลอยไร้วิญญาณ และไร้เรี่ยวแรงใดๆ

    “ผมหมดธุระกับคุณแล้ว ไปก่อนนะครับ ขอให้โชคดี...” ชายหนุ่มหันหลังให้เด็กหนุ่มก่อนจะเดินหายไปในความมืด...

     

    ดวงตากลมโตลืมตาขึ้นเพราะได้ยินเสียงฝีเท้าที่วิ่งไปมาตามพื้นถนน สายตาของเธอมองไปรอบๆก่อนจะออกจากซอกตึกที่คับแคบ เธอถอนหายใจแรงเพื่อให้ลืมเรื่องเก่าๆในอดีตที่ผ่านมาและก้าวเดินไปข้างหน้า เผชิญกับทุกสิ่งที่เธอต้องเจอ

    ก้าวไปข้างหน้าเพียงสองก้าว ท้องฟ้าที่เป็นสีครามกับก้อนเมฆบางตาก็กลับเป็นสีดำมืดในยามค่ำคืน เด็กสาวร้องอุทานเบาๆ เธอเงยหน้ามองท้องฟ้าสีดำมืด ก่อนจะมีแสงไฟหน้ารถของรถยนต์คันหนึ่งสาดใส่เธออย่างจงใจจนเด็กสาวต้องหรี่ตามอง

    เด็กสาวร่างเล็กเดินเข้าไปใกล้รถยนต์สีดำคันดังกล่าวเพื่อมองกระดาษที่ถูกเสียบไว้กับที่ปัดน้ำฝน เธอไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงต้องเดินไป และไม่รู้ว่าทำไมเธอจึงอยากรู้นัก ว่าในกระดาษนั้นมีอะไรอยู่ด้านใน

    มือเรียวหยิบกระดาษใบเล็กสีขาวออกจากที่ปัดน้ำฝน เธอเหลือบมองรถสีดำคันดังกล่าว ก่อนจะรู้สึกตัวว่าในมือของเธอชุ่มไปด้วยของเหลว

    “กรี๊ด!!” เด็กสาวกรีดร้องด้วยความตกใจ เธอรีบสะบัดของเหลวสีแดงในมือออกทันที ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเบิกกว้างด้วยความกลัว

    หัวใจที่สั่นเทายังไม่หายสนิทก็ต้องกลับมาเต้นระทึกใหม่ เมื่อเธอรู้สึกถึงมือหนาที่เข้ามาจับที่ข้อเท้าของเธอ

    “ว๊าย!!

    เมื่อเด็กสาวก้มลงมอง ก็พบกับเจ้าของมือหนาที่กำลังจับข้อเท้าของเธออยู่ เป็นร่างสูงของเด็กหนุ่มที่เธอคุ้นหน้าคุ้นตาดี เขาเงยหน้ามองเธอที่อยู่สูงกว่าด้วยความยากลำบาก

    ดวงตาสีน้ำตาลที่เธอเคยเห็น กลับเป็นกลวงโบ๋ทั้งสองข้าง ใบหน้าเนียนที่เธอเคยเห็นก่อนจะเป็นรอยเขียวช้ำ มีแต่รอยแผลและรอยถูกของมีคมทิ่มแทง เสื้อผ้าสีดำของเด็กหนุ่มขาดวิ่นเหมือนเพิ่งไปเจอกับสิ่งที่ชั่วร้ายมาเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้

    “ช่วย...ด้วย....ช่วย....”

    เสียงคลางขอความช่วยเหลือไม่ต่างจากสัตว์เดรัชฉานที่ใกล้ตายเต็มที น้ำตาของเด็กสาวเริ่มเอ่อเต็มดวงตา

    “ไม่นะ! ปล่อยนะ!!!” เด็กสาวใช้เท้าแตะที่ใบหน้าของเด็กหนุ่มให้เขาปล่อยเธอ และวิ่งหนีจากเหตุการณ์นี้ทันที ข้อเท้าที่มือหนาจับไว้เมื่อครู่เต็มไปด้วยเลือดที่เริ่มไหลลงรองเท้าผ้าใบสีดำของเด็กสาวตามธรรมชาติของของเหลว

    นี่มันต้องเป้นความฝัน ฝันแน่ๆ ฉันกำลังฝันอยู่! ต้องรีบตื่นสิ ฉันกำลังเล่นเกมอยู่นะ จะต้องกลับไปเล่นเกม ต้องตื่นสิ!

    “อ๊ะ!!!

    เด็กสาวหลุดออกจากพวังทันทีเมื่อรู้สึกถึงบางอย่างที่เธอกำลังย้ำอยู่ เด็กสาวก้มลงมองด้านล่าง ก็ถึงกับต้องกรีดร้องสุดเสียง เมื่อรู้ว่าสิ่งที่เธอกำลังเหยียบย้ำอยู่นั้นคือร่างที่กำลังร้องขอชีวิตที่มีแต่เลือดและบาดแผลน้อยใหญ่มากมาย

    “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!! อะ อะไรน่ะ ปล่อยนะ กรี๊ดดดดดดดดดด!!!

    ร่างบางรู้สึกถึงมือหนาที่เข้ามาจับไหล่ทั้งสองข้างของเธอ มือหนาที่จับไหล่ของเธอออกแรงผลักเธอให้ลงไปนอนคว่ำอยู่กับร่างเหล่านั้น

    “ชอบไม่ใช่หรือครับการช่วยเหลือผู้อื่นน่ะ” เสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยของชายหนุ่มผมสีชมพูอมแดงดังขึ้นข้างๆหูของเด็กสาว น้ำตาของเธอไหลอาบแก้มอย่างไม่รู้ตัว

    “คุณรู้ตัวไหมครับว่าการที่คุณช่วยเหลือคุณน่ะ มันผิด” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เหมือนเขาไม่รู้สึกเลยว่าการที่ได้มาอยู่ใกล้ชิดกับร่างไร้วิญญาณและเสียงโหยหวนที่บาดใจนั้น รู้สึกอยากจะบ้าคลั่งสักเท่าไหร่ “ตอนนี้มีคนตายไปห้าคนแล้วนะครับ ห้าคนเชียวนะ การคุณช่วยผู้เล่นคนอื่นผมก็ไม่ได้จะมาว่าหรือตำหนิอะไรหรอก แต่มันจะดีหรือ ที่จะช่วยคนที่เป็นศัตรูกับคุณ เขาจะฆ่าคุณเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แล้วถ้าเกิดว่า คูณช่วยเขาแล้วตอนจบเขาคนนั้นฆ่าคุณล่ะ?” เด็กสาวร้องไห้หนักขึ้น เธอคุกเข่าลงกับร่างที่นอนอยู่ด้านล่าง

    เธอมองไปข้างหน้าก็ต้องร้องไห้หนักกว่าเดิมเมื่อเห็นร่างไร้วิญญาณนอนเกลื่อนถนนเป็นทางยาว เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังระงม แต่เด็กสาวกลับทำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว

    แรงกดของเจ้าของมือหนาเพิ่มมากขึ้น เด็กสาวใช้มือยันร่างของเธอไม่ให้ตกลงทับร่างไร้วิญญาณด้านล่าง

    “จะหนีก็หนีไป แต่หนีให้เหลือเป็นคนสุดท้ายละกันนะครับ คุณมิน”

    มือหนากดร่างนั้นลงกับร่างไร้วิญญาณจำนวนมาก เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งของเขาดังขึ้นพร้อมกับร่างบางที่ลงไปนอนคว่ำอยู่บนร่างนั้น...

    “กรี๊ด!!” เด็กสาวร้องขึ้นพร้อมกับดวงตาที่ตื่นจากการหลับใหล

    ฉันยังอยู่ที่นี่!

    เด็กสาวมองไปที่ที่ร่างของเด็กหนุ่มอยู่ ไม่สิเคยอยู่เสียมากกว่า เพราะร่างสูงของเด็กหนุ่มที่เคยอยู่กับเธอเมื่อคืนนี้หายไป

    เด็กสาวรีบวิ่งออกไปด้านนอก เธอชะงักเท้าด้วยความกลัวเพราะเธอแยกไม่ออกเลยว่าเมื่อครู่นี้เป็นเรื่องจริงหรือความฝัน มันเหมือนจริงไปหมดเสียจนแยกไม่ออก แม้แต่กลิ่น เสียง หรือไหล่ที่ชายหนุ่มสัมผัสเธอ

    เสียงสะอื้นของเด็กสาวดังขึ้น เธอไม่กล้าออกไปไหนอีกแล้ว คำพูดของชายหนุ่มนั้นถูกทุกอย่าง เธอฆ่าใครไม่ได้จริงๆไม่แม้แต่จะทำร้าย เด็กหนุ่มเองก็เพิ่งบอกเธอเมื่อคืนวานว่า เขาเพิ่งฆ่าหญิงสาวไป เพราะฉะนั้นที่เขาหนีไปก็ถือว่าเป็นผลดีต่อเธอ ที่ไม่ถูกทำร้าย

    แต่จะจากไปทั้งๆที่รู้ว่าเธอช่วยเหลือตัวเองก็ไม่ค่อยได้เนี่ยน่ะเหรอ...

    “อ้าว!” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น แสงแดดที่ส่องเข้ามาภายในซอกตึกแคบถูกบดบังโดยร่างสูง “ร้องไห้ทำไมน่ะเป็นอะไรรึเปล่า?!

    เด็กหนุ่มยื่นหน้าเข้ามาใกล้เด็กสาวด้วยความเป็นห่วงเขามองทั่วร่างของเด็กสาวเพื่อดูว่าเธอได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้าง แต่เด็กสาวก็ยังไม่หยุดร้องไห้

    ดวงตากลมมองไปที่มือของเด็กหนุ่ม มือหนากำลังกำขวดน้ำในมืออยู่ ทำให้เด็กสาวพอเดาเรื่องราวได้ว่า เด็กหนุ่มออกไปซื้อน้ำ ร่างบางร้องไห้หนักกว่าเดิม ทำให้เด็กหนุ่มตรงหน้าทำอะไรไม่ถูกเขาจับที่ไหล่ของเธอเบาๆแต่ใบหน้าของเขาก็ยังคงมองเธอด้วยความเป็นห่วง

    ร่างบางโผเข้ากอดร่างสูงทั้งน้ำตา คนถูกโอบกอดเบิกตากว้างทันที เขาเองก็พอจะรู้ได้จากการกระทำของเด็กสาวตรงหน้า เธออาจจะตื่นขึ้นมาแล้วเห็นว่าไม่มีเขาอยู่ จึงร้องไห้ก็เป็นได้ เด็กหนุ่มไม่ได้โอบกอดตอบแต่อย่างใด เขาใช้มือซ้ายลูบผมยาวประบ่าของเธอเบาๆ

    “ขอโทษนะที่ฉันไม่ได้บอกเธอว่าจะไปเอาน้ำ...” เด็กหนุ่มพูดเสียงเรียบพร้อมกับแววตาที่แฝงไปด้วยความเป็นห่วง

    การที่เด็กสาวร่างเล็กร้องไห้ไม่ได้เป็นเพราะตื่นมาแล้วไม่เจอร่างของเด็กหนุ่มเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะสิ่งที่เธอคิดนั้นผิดไปที่คิดว่าเด็กหนุ่มที่รู้จักกันเพียงข้ามคืน ที่เคยช่วยเธอเมื่ออยู่ที่ห้องโถงจะทิ้งเธอไป
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×