ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Liar Game II

    ลำดับตอนที่ #4 : มือที่เปื้อนเลือด

    • อัปเดตล่าสุด 16 ต.ค. 55


    เด็กหนุ่มยังคงถือปืนอยู่ในมือ เขาหันซ้ายหันขวาด้วยท่าทางร้อนรน ทุกสายตาจ้องมองมาที่เขาด้วยความหวาดกลัว หางตาของเด็กหนุ่มมองเห็นตำรวจสองนายกำลังมองมาที่เขา พร้อมกับเดินเข้ามาหาเขา

    ออยมองลงที่มือที่ถือปืนอยู่ ก่อนจะตัดสินใจวิ่งหนีตำรวจสองนายที่กำลังเดินเข้ามาใกล้เขา เสียงฝีเท้าของตำรวจสองนายนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ ระยะทางที่ไม่ห่างกันมากนัก ทำให้เด็กหนุ่มได้ยินทุกคำพูดของตำรวจหนึ่งในสองนายกำลังเรียกกำลังเสริมเข้าจับกุมเยาวชนอย่างเขา

    ท่ามกลางผู้คนพลุกพล่านทำให้เด็กหนุ่มวิ่งหนีอย่างยากลำบากมาก แต่เหตุการณ์นี้ก็ทำให้เขาได้รับรู้เรื่องราวอย่างหนึ่งที่เป็นความจริง นั่นคือ ตำรวจทั้งสองนายเองก็มีปืนติดตัว แต่กลับไม่คิดจะยิงข่มขู่เขาเลยสักนิด หากว่าในความคิดของตำรวจสองนายนี้ คือ พวกเขากลัวเด็กหนุ่ม มันช่างเป็นความคิดที่งี่เง่าสิ้นดี

    ร่างสูงที่วิ่งนำตำรวจทั้งสองนายอยู่คิดได้ดังนั้น จึงหันหลังกลับ และยิงปืนลงที่เท้าของตำรวจสองนายนั้นทันที แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้จงใจให้โดนเป้าที่เล็งไว้ซะทีเดียว

    ตำรวจสองนายตรงหน้าของเด็กหนุ่มกระโดดหลบลูกกระสุนทั้งสามนัดที่เด็กหนุ่มยิงด้วยความกลัว โดยไม่กลัวเสียภาพลักษ์ของตำรวจเลยแม้แต่น้อย เด็กหนุ่มรีบวิ่งหนีอีกครั้งเมื่อได้จังหวะ

     

    ซอกตึกแคบๆที่มีแต่ความเงียบ และแสงสว่างที่ลอดผ่านช่องแคบทำให้เด็กหนุ่มที่กำลังเหนื่อยหอบ บรรเทาความเหนื่อยลงได้เป็นอย่างดี เขาหลับตาลงด้วยความอ่อนล้า

    ภายในซอกตึกแคบๆแห่งนี้ ไม่มีพื้นที่พอที่จะให้คนร่างสูงอย่างเขานั่งด้วยซ้ำ แต่การที่ได้เข้ามาอยู่ภายในนี้ ก็ถือว่าโชคดีที่สุดแล้ว เพราะเขาไม่รู้ว่า ต่อไปจะต้องเจอใครอีก ไม่แน่ ก็อาจจะเจอคนที่อยู่ในเกมโดยบังเอิญ ไม่เขาก็คนคนนั้น ต้องถูกยิง หรือฆ่า แต่ถือว่าเป็นเรื่องที่บังเอิญเกินไปมาก หากว่าจู่ๆเดินมาเจอกัน ภายในเมืองหลวงของประเทศไทยอย่างนี้

    แล้วคนที่เข้ามาอยู่ในเกมก็ไม่ใช่สองสามคน อีกทั้งเด็กหนุ่มยังจำใบหน้าของคนที่เข้ามาเล่นเกมยังไม่ได้หมดเลยด้วยซ้ำ เขาไม่น่าเข้าไปหยิบปืนเป็นคนที่สามเลย ถึงจะเข้าไปเป็นคนที่สาม แต่เขากลับมัวแต่ลังเล ไม่ยอมหยิบปืนสักที

    นี่ฉันยังคิดว่าเกมนี้ยังมีความเมตตาอยู่อีกเหรอ...

    เด็กหนุ่มหลับลงที่ซอกตึกแคบ เหงื่อที่ซึมออกตามร่างกายเริ่มซึมหายไป สายลมที่ช่วยให้ความเย็นผ่านมาเป็นระยะๆ ส่วนปืนที่เขานำติดตัวมาด้วยก็ถูกซ่อนไว้ที่กางเกงด้านหลังเหมือนที่เขาเคยเห็นในภาพพยนต์ แต่ก็ยังถือว่าโชคช่วยเขาอีกครั้ง เพราะเขามีเสื้อคลุมสีดำอยู่ด้วยตัวหนึ่ง ซึ่งมันสามารถปิดด้ามปืนที่โผล่ออกมาได้เป็นอย่างดี

    ไม่นานแสงแดดก็ลดต่ำลง แสงแดดสาดส่องเข้ามาที่ซอกตึกพอดี ทำให้เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นและพบว่าเวลาได้ล่วงเลยมาหลายชั่วโมงแล้ว เมื่อเขาลองยืนทรงตัวดูก็รู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว เด็กหนุ่มหมุนคอไปมาเล็กน้อย และใช้มือหนาของเขาสัมผัสปืนที่อยู่ด้านหลังเพื่อความแน่ใจ ก่อนจะออกจากตึกนี้ไปเล่นเกมอีกครั้ง

    “สวัสดีครับ”

    เสียงทุ้มต่ำที่คุ้นหูดังขึ้น ร่างสูงของชายหนุ่มชุดดำกับผมยาวสีชมพูปรากฏขึ้นตรงหน้าเด็กหนุ่ม ออยก้าวถ่อยหลังเล็กน้อยด้วยความตกใจ

    “อ้อ คือ ที่ผมมานี่ก็เพื่อมาเตือนให้คุณระวังตัวน่ะครับ”

    เด็กหนุ่มอ้าปากเล็กน้อยเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ชายหนุ่มมาเตือน เขาเดินไปข้างหน้าโดยไม่สนใจชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย แต่สิ่งที่เขารู้คือ ชายหนุ่มกำลังฉีกยิ้มอย่างไร้เหตุผล

    ปัง! ปัง! ปัง!

    ปัง!

    เท้าของออยหยุดชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงปืน เขารีบหันไปด้านหลังซึ่งเป็นทิศทางที่เสียงดังขึ้น

    “เมื่อกี้คุณได้ยินเสียง...”

    ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะพูดจบ ชายหนุ่มร่างสูงที่เมื่อกี้เขายืนอยู่ก็หายไป เด็กหนุ่มกระพริบตาสองครั้ง ก่อนจะวิ่งไปดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แบะแน่นอนว่าผู้ที่ทำแบบนี้ก็หนีไม่พ้นผู้ที่เล่นเกมแน่

    เด็กหนุ่มรีบวิ่งมาหยุดอยู่ที่สนามเด็กเล่นซึ่งอยู่ไม่ห่างจากซอกตึกที่เขานอนพัก และแล้วเท้าของเด็กหนุ่มก็ต้องหยุดชะงักลง ดวงตาสีน้ำตาลของเด็กหนุ่มเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นภาพตรงหน้า

    หญิงสาวอายุราวสามสิบปี ในชุดกระโปรงสีดำ ผมสั้น ในมือของเธอถือปืนอยู่หนึ่งกระบอก มือเรียวสั่นเทาด้วยความกลัว ตรงหน้าของหญิงสาวคือ หญิงสาวในชุดมหาวิทยาลัย เธอเป็นผู้หญิงผมยาวดัดลอนสีน้ำตาล และคลุมชุดนักศึกษาสีขาวด้วยเสื้อคลุมแขนยาวสีดำ เธอนั่งลงที่พื้นทราย ดวงตาเบิกกว้างจนเห็นคอนแทคเลนส์สีน้ำตาลในดวงตาข้างขวา แต่ข้างซ้ายกลับมีแต่ความหวาดกลัวปนอยู่

    เสียงกรีดร้องของเด็ก และผู้ใหญ่ในละแวกนั้นดังระงมรอบตัวของหญิงสาวทั้งสอง เด็กหนุ่มที่กำลังยืนมองเหตุการณ์อยู่ไม่ไกลก็ต้องก้าวถอยหลังทันที ที่เสียงปืนอีกนัดหนึ่งจะดังขึ้น

    ที่แขนข้างซ้ายของหญิงสาวนักศึกษามีเลือดไหลอยู่ ซึ่งเกิดจากปืนประบอกนั้น และแล้วหน้าผากที่ถูกผมม้าปิดบังอยู่ก็ถูกลูกกระสุนยิงเข้าใส่ทันที

    ไม่มีเสียงร้องใดๆออกจากปากของหญิงสาว ส่วนหญิงสาววัยสามสิบปีมีเพียงรอยแผลถลอก แต่แล้วหญิงสาวก็มองเห็นบางอย่างทางหางตา แต่เธอไม่ได้หันไปมอง เธอกลับใช้ปืนกระบอกเดียวกันเล็งไปที่เด็กหนุ่มชุดดำที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ทันที

    ปัง!

    ออยรีบคุกเข่าลงกับพื้นทันที แต่ด้วยความเร็วของกระสุนปืนทำให้ไหล่ของเด็กหนุ่มถูกกระสุนถากไปเล็กน้อย

    เด็กหนุ่มรีบวิ่งหนีต่อทันที โดยไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ทั้งๆที่รู้ว่าหญิงสาวคนนั้นวิ่งตามเขามาด้วยความเร็วไม่ต่างกัน

    เธอรู้ได้ยังกัน! ว่าใครคือศัตรู ทั้งๆที่พี่นักศึกษาคนนั้นฉันยังไม่เคยเห็นแท้ๆ...โธ่เว้ย! เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ยังต้องมาวิ่งหนีป้านี่อีก

    เด็กหนุ่มที่วิ่งนำหน้าอยู่ไม่ได้หันไปมองหญิงสาวที่วิ่งอยู่ด้านหลัง ทำให้หญิงสาวรีบยิงปืนใส่เด็กหนุ่มตรงหน้าทันที เพราะในหัวของเธอคงมีเพียงแค่ให้คนที่เป็นศัตรูของเธอตายๆไปซะ!

    ปัง!!

    “อั๊ก!!

    เด็กหนุ่มอุทานทันทีเมื่อถูกยิงเข้าที่หลัง เท้าที่กำลังวิ่งอยู่อ่อนล้าลงทันที เด็กหนุ่มนั่งลงที่พื้นด้วยความเจ็บปวด เลือดที่ไหลออกจากแผ่นหลังของเด็กหนุ่มไม่มีท่าทีว่าจะหยุดง่ายๆ

    หญิงสาวรีบเดินเข้ามาสใกล้เด็กหนุ่มทันที เธอใช้มือเรียวขาวของเธอกระชากผมของเด็กหนุ่มที่นอนโก่งตัวอยู่จนเด็กหนุ่มต้องเงยหน้าตามแรงที่ถูกกระชาก

    “ยังเด็กอยู่แท้ๆเลยนะ ไม่น่ารนหาที่ตายเลย”

    เด็กหนุ่มใช้มือทั้งสองข้างจับมือของหญิงสาวไว้ เพื่อไม่ให้มือเรียวของเธอกระชากผมของเขาจนหลุดออก หญิงสาวฉีกยิ้มออกอย่างสะใจและใช้อีกมือหนึ่งที่ถือปืนอยู่จ่อเข้าที่ขมับซ้ายของเด็กหนุ่มในระยะประชิด

    ออยรีบใช้มือซ้ายจับแขนขวาของหญิงสาวไว้ด้วยความกลัว แต่แรงของเธอมากกว่าเขามาก เด็กหนุ่มพยายามจับข้อมือให้หงายขึ้นฟ้า เพื่อไม่ให้ปืนในมือของหญิงสาวลั่นใส่ตัวเขาและคนอื่นๆ

    สายตาของคนรอบข้างต่างมองด้วยความหวาดกลัว แต่พวกเขากลับไม่ได้ส่งมือมาหาเด็กหนุ่มเลยแม้แต่น้อย เสียงไซเรนตำรวจดังมาแต่ไกล แต่เด็กหนุ่มและหญิงสาวที่ยื้อแย่งปืนกันอยู่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับเสียงนั้นเลย

    ในตอนนี้เด็กหนุ่มถือว่าอยู่ในฝ่ายเสียเปรียบมาก เพราะเขานอนคว่ำอยู่กับพื้น จึงไม่สามารถใช้เท้าถีบเธอออกไปได้ หญิงสาวมองเด็กหนุ่มด้วยความโมโห เธอกระชับมือที่จับผมของเด็กหนุ่มก่อนจะกระแทกใบหน้าของเด็กหนุ่มลงพื้น

    “อั๊ก!!!...”

    “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด!!!

    เสียงของเด็กหนุ่มอุทานขึ้นพร้อมกับเสียงร้องอย่างหวาดกลัวของชายหญิงที่ยืนมองดูเหตุการณ์อยู่ไกลๆ

    ที่หน้าผากของเด็กหนุ่มเกิดรอยเขียวช้ำน้ำตาเอ่อภายในดวงตาสีน้ำตาล ก่อนจะพลั่งพลูออกมาด้วยความเจ็บปวด

    ฆ่าเธอซะ...

    เสียงนั้นอีกแล้ว...ฉันต้องฆ่าผู้หญิงคนนี้จริงๆเหรอ...

    มือหนาของเด็กหนุ่มที่มีเหงื่อซึมอยู่เริ่มมากขึ้น ทำให้มือที่จับข้อมือของหญิงสาวเริ่มอ่อนล้าลงมาก หญิงสาวหัวเราะด้วยความสะใจ มือที่จิกผมของเด็กหนุ่มอยู่ก็เริ่มกระชับอีกครั้ง ก่อนจะกระแทกใบหน้าของเด็กหนุ่มลงพื้นอิฐอีกครั้ง

    เสียงสะอื้นของเด็กหนุ่มดังขึ้น เด็กหนุ่มพยายามม้วนตัวเข้าหาหญิงสาวและใช้เท้าถีบที่ท้องของเธออย่างแรง

    ร่างบางในชุดกระโปรงสีดำ ถุงน่องสีดำที่ขาดวิ่นก็ขาดมากกว่าเก่า เมื่อถูกเสียดสีกับพื้น ปืนที่เมื่อกี้เธอและเด็กหนุ่มแย่งกันกระเด็นออกไปทางด้านซ้ายของเด็กหนุ่ม

    เด็กหนุ่มค่อยๆลุกขึ้นด้วยแรงที่อ่อนล้า สายตาของเด็กหนุ่มเริ่มพร่ามัวด้วยแรงที่ถูกกระแทก ออยมองไปที่ปืนซึ่งตกอยู่ไม่ไกลจากตัวเขา ออยรีบคลานไปหยิบปืนนั้นทันที

    หญิงสาวที่นอนหงายอยู่กับพื้นค่อยลุกขึ้นนั่งเพื่อมองดูปฏิกิริยาของเด็กหนุ่ม แต่ด้วยแรงที่เด็กหนุ่มถีบเธอมากเสียจนเธอไม่สามารถลุกขึ้นนั่งได้อย่างง่ายดาย

    เออ! ฉันยังมีปืนอยู่นี่!

     ในวินาทีนั้น เด็กหนุ่มสบถด่าตัวเองในใจหลายรอบที่ต้องคลานมาเอาปืนทั้งๆที่ตัวเองก็เจ็บหนักมาก โดยลืมไปว่าตัวเขาเองก็มีปืนอยู่

    ดวงตาสีน้ำตาลที่พร่ามัวมองเห็นร่างบางของหญิงสาวที่ค่อยวิ่งมาหาเขาอย่างหมดแรง

    “แกตายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย อั๊ก!!!

    เด็กหนุ่มรีบหยิบปืนที่เขาซ่อนไว้ด้านหลังออกมา และไม่ลังเลที่จะยิงเข้าใส่หญิงสาว เมื่อเสียงปืนดังขึ้น เสียงกรีดร้องของคนรอบข้างก็ดังขึ้นตาม กระสุนที่ออกจากกระบอกปืน เข้าไปอยู่ภายในหลอดลมของหญิงสาวอย่างไม่ได้ตั้งใจ

    หญิงสาวเริ่มทรงตัวไม่อยู่ เธอล้มลงต่อหน้าต่อตาเด็กหนุ่มและผู้เห็นเหตุการณ์จำนวนมาก เด็กหนุ่มมองร่างไร้วิญญาณของหญิงสาว ร่างของเธอเริ่มชุ่มไปด้วยเลือด ดวงตาเบิกกว้างใบหน้าของเธอเริ่มขาวซีด

    เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปคว้าปืนใกล้ตัวมาทันที ส่วนปืนที่เขาเป็นเจ้าของก็ถูกเก็บไว้ที่เดิม หางตาของเขาสังเกตเห็นร่างสูงของตำรวจหนุ่มที่วิ่งอย่างช้าๆมาหาเขา

    แต่เวลาแบบนี้เด็กหนุ่มไม่มีเวลาที่จะมามองว่าตำรวจนายนั้นเป็นใครด้วยซ้ำ เขารีบหันหลังและวิ่งไปตามทางทันที

    “หยุดนะนี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ!

    คำยอดนิยมของผู้พิทักษ์สันติราชสินะ พูดได้แม้กระทั่งเวลาจะมาจับคนอย่างฉัน ฮึ!

    เมื่อเด็กหนุ่มรู้ตัวเองว่าวิ่งมาไกลกว่าตำรวจที่วิ่งตามเขามาแล้ว ด้านหน้าที่มีซอกตึกอยู่เด็กหนุ่มก็รีบวิ่งเข้าไปหลบทันที

    “โอ๊ย!

    “โอ๊ย!

    เสียงอุทานที่ดังพร้อมกัน กับผิวที่สัมผัสกันทำให้เด็กหนุ่มรีบหันไปดูผู้ที่เข้ามาอยู่ในซอกตึกนี้ก่อนเขา ดวงตาสีน้ำตาลสบเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลที่อ่อนกว่าเขา

    เมื่อริมฝีปากบางกำลังจะอ้าปากพูดเด็กหนุ่มก็รีบนำมือของเขาปิดปากเธอทันที เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าหลายสิบคู่วิ่งผ่านมา ตำรวจนับสิบนายวิ่งผ่านซอกตึกแคบๆของเขาไปอย่างไม่สนใจ

    เมื่อเสียงฝีเท้าที่วิ่งผ่านไปเงียบลง เด็กหนุ่มก็เอามือที่ปิดริมฝีปากเนียนของเด็กสาวตรงหน้าออก และเหลือบมองเด็กสาวตรงหน้าอีกครั้ง ก็พบว่าเธอคือเด็กสาวที่ชอบหกล้ม

    “คุณเป็นอะไรมากรึเปล่ารึเปล่าค่ะ!” เด็กสาวพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง พร้อมกับแตะที่แผ่นหลังกว้างของเด็กหนุ่มที่ยืนงอเข่าอยู่ตรงข้ามเธอ ซอกตึกนี้ไม่ต่างจากซอกตึกที่เด็กหนุ่มไปหลบอยู่เลย มันไม่มีพื้นที่พอที่จะนั่ง มีพื้นที่พอเพียงที่จะยืนงอเข่าเมื่อเมื่อยเท่านั้น แล้วยิ่งต้องอยู่ในซอกตึกนี้สองคนแล้ว เด็กสาวจึงเขยิบตัวไปด้านในเพื่อให้เด็กหนุ่มที่มาใหม่มีพื้นที่มากขึ้น

    “ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวมันก็หายเองแหละ...” เด็กหนุ่มพูดด้วยเสียงเหนื่อยหอบ

    “จะบ้าเหรอ!” เด็กสาวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำให้เด็กหนุ่มตรงหน้าต้องเงยหน้าขึ้นสบตากับเธอทันที “นายนี่ไม่รู้เรื่องเลยนะ สถานการณ์อย่างนี้ก็ต้องทำให้แผลด้านก่อนสิแล้วค่อยไปรักษา”

    ดวงตาของคนร่างสูงเบิกกว้าง เพราะเขาไม่นึกว่าคำพูดของคนที่ร่างเล็กและชอบหกล้มคนนั้นจะพูดอย่างนี้

    เด็กสาวหยิบผ้าเช็ดหน้าที่เก็บติดตัวมาด้วยในกระเป๋ากางเกงสีดำด้านขวามาสับเลือดให้เด็กหนุ่ม เธอมองเด็กหนุ่มที่เบิกตากว้างตรงหน้า ก่อนจะสั่งให้เขาหันหลัง

    ผ้าเช็ดหน้าของเด็กสาวสับที่แผ่นหลังของเด็กหนุ่ม แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้ปริปากบอกว่ามีแผลที่หัวไหล่ด้วย

    “อ๊ากกกกกกกกกก!!!” เด็กหนุ่มร้องด้วยความเจ็บปวด “เธอทำอะไรน่ะ!?”

    เมื่อเด็กหนุ่มหันไปมองเด็กสาวที่อยู่ด้านหลัง ก็ต้องตกตะลึงกับสิ่งที่เด็กสาวถืออยู่ในมือ นั่นคือลูกกระสุนสีทองที่เต็มไปด้วยเลือด

    เด็กสาวทิ้งลูกกระสุนลงพื้นและใช้ผ้าเช็ดหน้ากดลงที่แผลอีกครั้ง เด็กหนุ่มหันหน้ากลับมาที่เดิมก่อนจะตัดสินใจเป็นคนชวนคุยก่อน

    “เธอ...มาหลบอยู่ที่นี่นานรึยัง?”

    “...ก็นานแล้ว” เด็กสาวตอบ “ฉันได้ยินเสียงปืนเลยไม่ได้ออกไปไหน ฉันเลยนอนหลับอยู่ที่นี่แล้วนายก็เข้ามา”

    เด็กหนุ่มยิ้มมุมปากเล็กน้อย

    “คุณไปโดนใครยิงมาเหรอ?” เด็กสาวถามด้วยความเป็นห่วง เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองกำแพงอิฐ ก่อนจะตอบด้วยเสียบงเรียบ “ผู้หญิงที่ใส่ชุดสีดำ เอ่อ...ชุดกระโปรงสั้นน่ะนะ” เด็กหนุ่มตอบ “ตอนนั้นฉันได้ยินเสียงปืน เลยออกไปดู ตอนแรกฉันก็มานอนอยู่นี่แหละ เธอฆ่าพี่นักศึกษาที่เล่นเกมไปคนนึง ฉันไปยืนดูเลยโดนด้วย แล้วฉันก็...ฆ่าเธอคนนั้น...ไปแล้ว”

    เด็กสาวเม้มปากแน่น ไม่พูดอะไรต่อ ทั้งๆที่เธอมีหลายเรื่องที่อยากรู้จากเด็กหนุ่ม รวมทั้งเรื่องที่ตำรวจวิ่งไล่ตามเด็กหนุ่มด้วย

    “ฉันไม่รู้นี่...” เด็กหนุ่มพูดขึ้น เด็กสาวที่ก้มหน้าอยู่ด้านหลังเงยหน้าขึ้นมองทันที “ฉันไม่รู้ว่าเกมนี้จะมาเล่นในเมืองแบบนี้ ถ้าเกิดว่าเราฆ่ากัน แล้วไปโดนคนอื่นล่ะ? แล้วถ้าเราชนะล่ะ เราจะได้เงินมา แต่ต้องมาใช้ชีวิตในเมืองนี้ที่มีแต่คนเกลียดเหรอ?”

    “...” เด็กสาวไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เพียงมองแผ่นหลังกว้างของคนร่างสูงกว่า ก็พอรู้แล้วว่าอีกฝ่ายรู้สึกอึดอัดมาก และไม่ต้องการที่จะฆ่าใคร แต่มือของเด็กหนุ่มตรงหน้าก็เปื้อนเลือดซะแล้ว

    ...ฉันถูกขึ้นชื่อว่าเป็นฆาตกรแล้ว...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×