คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่หนึ่ง
ยุทธภพน่าหวาดกลัวและเต็มไปด้วยภัยอันตราย มีคนโฉดชั่วซุ่มซ่อนตัวอยู่ทั่วทุกหัวระแหง
ตั้งแต่ลงจากเขามาจนถึงบัดนี้ ซือเย่าเอ๋อร์พบเห็นเรื่องราวต่างๆ มาไม่น้อย ยุทธภพแห่งนี้เต็มไปด้วยความน่ากลัวและอันตรายอย่างที่เขาว่ากันไว้จริงๆ ผู้คนก็ล้วนแล้วแต่เป็นพวกกินบนเรือนขี้บนหลังคาทั้งสิ้น
นางทอดถอนใจอย่างไม่รู้จะทำเช่นไร
“เฮ้อ... ทำดีไม่ได้ดี”
เพิ่งจะพูดขาดคำ บุรุษที่อยู่ตรงหน้านางก็แผดเสียงคำรามลั่นด้วยความคั่งแค้น
“ข้าจะฆ่าเจ้า!”
เสียงคำรามดังกึกก้องไปทั่วห้อง สะเทือนเลื่อนลั่นราวแผ่นดินไหว พื้นห้องและผนังดังเอี๊ยดอ๊าด บุรุษที่นอนอยู่บนตั่งไม้เตี้ยแม้มือเท้าจะถูกมัดเอาไว้ ทว่ายังมีเรี่ยวแรงมหาศาล การดิ้นรนของเขาทำให้ผนังและโต๊ะเก้าอี้สั่นไหวไม่หยุด ฝุ่นผงร่วงตกลงมากราวคล้ายว่าพร้อมจะพังทลายลงมาได้ทุกเมื่อ
ซือเย่าเอ๋อร์ใช้สองมืออุดหู คิ้วดำเรียวงามขมวดมุ่นเข้าหากันแน่น เพียงรู้สึกว่าเสียงดังสนั่นหูประหนึ่งฟ้าผ่าลงมาท่ามกลางท้องฟ้าอันปลอดโปร่ง ดังลั่นจนนางปวดแก้วหู
“ท่านพูดดีๆ ไม่ได้หรือ ไยต้องตะโกนเสียงดังเช่นนี้ด้วย”
“ปล่อยข้า!”
เขายังคงแผดเสียงดังสนั่นฟ้าดุจเดียวกับชื่อของเขา...หลงเซี่ยวเทียน มังกรคำรามลั่นฟ้า ช่างเป็นชื่อที่เหี้ยมหาญเสียนี่กระไร เฉกเช่นเดียวกับตัวเขา ห้าวหาญเปี่ยมอานุภาพไร้ผู้ต่อกร ฮึกเหิมไม่อาจต้านทาน
นาง
คนผู้นี้เห็นอยู่ว่าได้รับบาดเจ็บมิใช่หรือ ทั่วทั้งร่างกายแทบจะไม่มีส่วนไหนอยู่ครบถ้วน อาการบาดเจ็บหนักหนาสาหัส พูดได้ว่าประตูเมืองผีเปิดอ้ารออยู่แล้ว สองเดือนมานี้หากไม่ใช่เพราะนางใจดี เอายาวิเศษล้ำค่าที่เก็บรักษาไว้ออกมาให้เขากิน เอาแขนขาที่ขาดมาต่อกลับคืนร่างกายให้ ทั้งยังอดตาหลับขับตานอนเฝ้าดูแลไม่ห่าง ช่วยฉุดรั้งตัวเขากลับมาจากเมืองผี เขาจะมีโอกาสแผดเสียงคำรามใส่นางราวกับสัตว์ป่าเช่นนี้ได้หรือ
ริมฝีปากงามส่งเสียงทอดถอนใจออกมาเบาๆ อีกครั้ง
“เฮ้อ... ทำดีไม่ได้ดี”
“อย่ามาแสร้งทำเป็นแมวที่เห็นหนูตายแล้วร้องไห้ ทำตัวเป็นคนดีมีเมตตาธรรม! ถ้ายังไม่ปล่อยข้าอีก ข้าสังหารเจ้าแน่!”
หลงเซี่ยวเทียนโกรธแค้นจนไม่อาจควบคุมอารมณ์ไว้ได้ ผู้หญิงคนนี้เอาโซ่ล่ามเขาไว้ทั้งตัวและไม่รู้เอายาบ้าบออะไรให้เขากิน ทำให้เขาเจ็บปวดอย่างรุนแรงแทบทนไม่ไหว เจ็บราวกับมีลูกศรหมื่นดอกแทงทะลุหัวใจ เมื่อชั่วยามก่อนทั่วทั้งร่างของเขาร้อนราวกับถูกไฟเผา แต่พอชั่วยามต่อมากลับหนาวเหน็บจนตัวสั่นเทา นางเจตนาใช้ยาทรมานเขา แล้วจะไม่ให้เขาเดือดดาลคั่งแค้นได้อย่างไร
“นี่เป็นคำพูดที่สมควรพูดกับผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตท่านหรือ” ซือเย่าเอ๋อร์กล่าวตำหนิเสียงแผ่วเบา ยามเผชิญหน้ากับบุรุษผู้ไม่ต่างอะไรกับสัตว์ร้ายกินคนผู้นี้ อากัปกิริยาของนางยังคงสุภาพนิ่มนวล ไม่เคยเงอะงะลนลานทำอะไรไม่ถูกสักครั้ง
“ลูกผู้ชายฆ่าได้ หยามไม่ได้! เจ้าเอาดาบมาฟันข้าให้ตายไปเสียเลยยังจะดีกว่า!”
เขาเป็นถึงประมุขป้อมประตูมังกรผู้องอาจสง่างาม ไหนเลยจะยอมรับการกระทำหมิ่นศักดิ์ศรีเช่นนี้ได้
“วางใจเถอะ ข้าช่วยชีวิตท่านมาด้วยความยากลำบาก จะสังหารท่านได้อย่างไร”
ดวงหน้างามล้ำบริสุทธิ์ผุดผ่องของซือเย่าเอ๋อร์ไม่เคยแย้มยิ้มเบิกบานใจเช่นเวลานี้มาก่อนเลย นั่นเป็นเพราะนางยังไม่เคยเห็นใครดวงแข็งเท่าคนผู้นี้
ในโลกนี้ สิ่งที่สามารถดึงดูดความสนใจและทำให้ใบหน้าที่เฉื่อยเนือยจนเป็นปกติของซือเย่าเอ๋อร์มีชีวิตชีวาขึ้นมาได้ ก็เห็นจะมีแต่ยาและสมุนไพรแปลกประหลาดล้ำค่าหายากเท่านั้น ทว่าเวลานี้นอกจากยาและสมุนไพรเหล่านั้นแล้ว เขาคือบุรุษคนแรกที่สามารถดึงดูดความสนใจของนาง
ถ้าจะพูดให้ชัดลงไป สิ่งที่นางสนใจไม่ใช่ตัวเขา หากแต่เป็น ‘ร่างกาย’ ของเขาต่างหาก พลังชีวิตของคนผู้นี้แข็งแกร่งยิ่ง แข็งแกร่งจนทำให้นางตื่นตาตื่นใจ คนดวงแข็งที่ได้รับพรสวรรค์มามากเป็นพิเศษเช่นนี้เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะนำมาทดลองยา
ในระหว่างช่วยชีวิตคน นางก็แค่ถือโอกาสนำยาเม็ดที่นางปรุงขึ้นมาใหม่ให้เขากิน เพื่อดูว่าร่างกายมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างไรบ้าง เท่านี้ไม่น่าจะถือเป็นการทำร้ายคนกระมัง
“หญิงชั่วร้าย! นางมาร! รีบแก้มัดข้าเดี๋ยวนี้ หาไม่แล้วข้าจะทำให้เจ้าแม้จะนึกเสียใจก็ยังไม่ทัน”
“ถ้าไม่มัดท่านไว้ ท่านจะยอมอยู่นิ่งๆ หรือ ขนาดแขนขาขาดท่านยังไม่กลัว ความเจ็บปวดเล็กน้อยเท่านี้จะนับเป็นอย่างไรได้”
คำพูดนี้หาได้เหน็บแนมเขา หากแต่เป็นความชื่นชมจากใจ
ซือเย่าเอ๋อร์ยังจำเหตุการณ์เมื่อสามเดือนก่อนได้อย่างแม่นยำ ตอนที่ทั้งสองพบกันครั้งแรก คนผู้นี้อยู่ในสภาพจะว่าเป็นคนก็ไม่ใช่ จะว่าเป็นผีก็ไม่เชิง ทั่วทั้งร่างหาชิ้นดีไม่ได้เลย เป็นนางที่ลำบากลำบนเอาลำไส้ของเขายัดกลับเข้าไปในท้อง เอาอวัยวะภายในที่อยู่ผิดที่ผิดทางขยับกลับเข้าไปอยู่ที่เดิม จากนั้นก็เดินจนทั่วหุบเขาถึงได้หาแขนขาที่ขาดหายไปไม่ทิ้งร่องรอยพบ แล้วนำมาผสมผเสเย็บกลับเข้าไปใหม่ เขาถึงมีโอกาสกลับมาเป็นคนอีกครั้ง
นางยังไม่เคยเห็นบุรุษที่มีพลังชีวิตแข็งแกร่งห้าวหาญเช่นนี้มาก่อน หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ ต่อให้มีกำลังภายในกล้าแข็ง ก็คงไม่อาจทนต่อความเจ็บปวดและเอาชีวิตรอดมาได้แน่นอน ตอนที่นางช่วยเขาก็คิดเพียงว่าลองเสี่ยงดูเท่านั้น ใครเลยจะคาดคิดว่าผู้ชายคนนี้จะรอดมาได้จริงๆ ทำให้นางทั้งตื่นตะลึงทั้งยินดี
นัยน์ตาคู่งามที่เยียบเย็นเริ่มฉายแววอบอุ่นเป็นครั้งแรก นางกวาดสายตาพินิจพิเคราะห์บุรุษผู้นี้ตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างละเอียด
มือนุ่มนวลเรียวงามสัมผัสไปตามลำแขนล่ำสันทรงพลังอย่างอ้อยอิ่งราวกับไม่อยากจะละมือ จากนั้นก็ลูบไล้ท่อนขาแข็งแกร่งเรียวยาวด้วยความภาคภูมิใจ เพราะลำแขนและท่อนขานี้นางสู้อุตส่าห์อดหลับอดนอน อุทิศตนเป็นเวลาหลายคืนกว่าจะเย็บกลับเข้าไปได้
ปลายนิ้วของนางไล้ไปตามรอยฝีเข็มบนร่างกายของเขา ชื่นชมผลงานชิ้นเอกของตนอย่างละเอียดลออ บาดแผลเหล่านี้นางใช้เข็มเงินขาวและด้ายมันแพะค่อยๆ เย็บเนื้อหนังและเส้นโลหิตต่อเข้ากับเอ็นและกระดูกทีละเข็มๆ เย็บไปทั้งหมดหนึ่งพันกับอีกหนึ่งเข็ม แต่ละฝีเข็มล้วนเป็นผลงานที่นางทุ่มเททำด้วยชีวิตจิตใจทั้งสิ้น
“อย่าแตะต้องตัวข้า! แม่ม่ายอำมหิต! หญิงมั่วโลกีย์ไร้ยางอายเยี่ยงเจ้า ขอเพียงข้ายังมีลมหายใจจะต้องเอาตัวเจ้ามาสับเป็นหมื่นๆ ชิ้นให้จงได้!”
นางย่นหัวคิ้ว กล่าวท้วงว่า “บอกท่านตั้งกี่ครั้งแล้วว่าข้ายังไม่ได้ออกเรือน ไม่ใช่หญิงม่าย”
ไม่เข้าใจเลย ไฉนบุรุษผู้นี้จึงชอบเรียกนางว่าแม่ม่ายอำมหิต
“เจ้าถอดเสื้อผ้าของข้าออกหมด! เที่ยวลูบคลำร่างกายของข้าไปทั่ว แล้วยังทรมานข้าด้วยยา เจ้าก็คือหญิงชั่วร้ายที่สกปรกโสมม ไร้ยางอายที่สุดในใต้หล้า!”
หลงเซี่ยวเทียนแค้นใจที่ตนเองมองไม่เห็น จึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีรูปร่างหน้าตาเช่นไร
วันนั้นเขาถูกคนของวังวิญญาณหยกดักซุ่มโจมตีระหว่างทาง วังวิญญาณหยกเป็นพรรคมารที่เป็นภัยต่อยุทธภพ เขาอาศัยกำลังของตนเองเพียงคนเดียวเข้าต่อสู้โรมรันกับคนของวังวิญญาณหยกหลายร้อยคน สังหารฝ่ายตรงข้ามล้มตายเกือบหมด ทว่าแม้เขาจะมีวรยุทธ์ล้ำเลิศเพียงใด ถึงอย่างไรก็เป็นปุถุชนคนธรรมดา ย่อมมีเวลาอ่อนเปลี้ยหมดสิ้นเรี่ยวแรง
ตอนที่เขาตัดศีรษะศัตรูคนสุดท้ายลงได้ ดาบของเขาก็ทื่อ กระบี่ก็หัก ร่างกายชาไปทั้งร่าง กระทั่งแขนขาก็ขาดหายไปอย่างละข้าง ได้แต่อาศัยความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวที่เหลืออยู่ประคับประคองตนเองออกมาจากสถานที่แห่งนั้น หลังจากนั้นเขาก็หมดแรงล้มลงกลางทาง ทั่วทั้งร่างชุ่มโชกไปด้วยโลหิต
เขารู้ดีว่าตนเองกำลังจะตาย แต่ก็ยังปลื้มใจที่ได้ตายอย่างสมศักดิ์ศรี สามารถขุดรากถอนโคนพรรคมารซึ่งเป็นภัยอันใหญ่หลวงของยุทธภพทิ้งไปได้ นับว่าชีวิตนี้คุ้มค่ายิ่งแล้ว
ใครเลยจะคาดคิด เขาไม่ตาย หากแต่ตกมาอยู่ในกำมือของหญิงผู้นี้ ถูกนางทรมานด้วยวิธีการชั่วร้ายราวกับไม่ใช่คน นางจะต้องเป็นแม่ม่ายอำมหิต เป็นนางมารร้ายแห่งวังวิญญาณหยกแน่นอน เพราะรูปแบบการทรมานบุรุษของนางตรงกับคำเล่าลือ
คิ้วดำเรียวงามของซือเย่าเอ๋อร์ขมวดมุ่นเข้าหากันแน่นขึ้น พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ไม่ถอดเสื้อผ้าของท่านออกจะรักษาบาดแผลได้อย่างไร ไม่สัมผัสเนื้อตัวท่านจะใส่ยาได้อย่างไร ร่างกายของบุรุษข้าเห็นมานักต่อนักแล้ว ไม่เห็นมีอันใดแปลกประหลาด”
ตั้งแต่เด็กนางก็ศึกษาตำราแพทย์และคัมภีร์สมุนไพรด้วยความขยันหมั่นเพียร โครงสร้างของร่างกายบุรุษตำราแพทย์ได้วาดเอาไว้อย่างชัดเจน ทั้งยังอธิบายถึงอวัยวะทุกส่วนอย่างละเอียดไม่ตกหล่น นางเห็นจนชินชาแล้ว ดังนั้นจึงไม่รู้สึกอะไร อีกทั้งนางเติบโตอยู่บนเขาเทวะมาตั้งแต่เด็ก จึงไม่ถูกผูกมัดด้วยรูปแบบประเพณีศีลธรรมจรรยาใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีความคิดเรื่องชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกันอยู่ในหัวแม้แต่น้อย
กล่าวได้ว่าสำหรับนางแล้ว บุรุษที่ถอดเสื้อผ้าออกจนเปลือยเปล่าไม่ต่างอะไรกับสัตว์ที่ถูกถอนขนออกจนหมดเกลี้ยง
หลงเซี่ยวเทียนได้ยินนางพูดเช่นนี้ก็ยิ่งมั่นใจว่าอีกฝ่ายคือหญิงมั่วโลกีย์ไร้ยางอาย ไม่ว่าใครก็เป็นสามีนางได้ หากไม่ใช่นางมารร้ายผู้นั้นยังจะเป็นใครไปได้อีก นางไม่เพียงลอกคราบเขาออกจนเกลี้ยง แต่ยังจับเขานอนหงายกางมือกางเท้า แม้แต่ความองอาจเข้มแข็งน่าภาคภูมิใจที่สุดของเพศชายก็ยังถูกนางบังคับให้ต้องเปิดเผยอย่างโล่งแจ้ง
“หญิงต่ำช้า! หญิงต่ำช้า! หญิงต่ำช้า!”
คำด่าและคำเปรียบเปรยหยาบคายดังเข้าหูไม่ขาดสาย ทำให้นางต้องขมวดคิ้วนิ่วหน้า คนผู้นี้ปากไม่สะอาดเอาเสียเลย หากเป็นในยามปกติ นางคงทำให้เขาเป็นใบ้ไปนานแล้ว แต่เพื่อทำความเข้าใจถึงคุณสมบัติของตัวยา นางจำเป็นต้องให้เขาพูดได้ จึงได้แต่อดทนอดกลั้นเอาไว้
นางใส่ใจแต่เรื่องประสิทธิผลของยาเท่านั้น ประกายแวววาวในดวงตาคู่งามจับจ้องอยู่ที่รอยเชื่อมผนึกของบาดแผล ด้านบนทายาไว้ชั้นหนึ่ง เป็นยาวิเศษเลิศล้ำที่นางใช้เวลาสามปีถึงปรุงออกมาได้สำเร็จ
นางจะคอยเฝ้าสังเกตการณ์การเปลี่ยนแปลงของยาในแต่ละวัน จากนั้นก็จดบันทึกข้อคิดเห็นลงบนสมุดด้วยลายมืออันสวยงาม
ยาชนิดนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการทดลอง เวลานี้ได้นำมาลองใช้กับร่างกายของคนที่ยังมีชีวิตอยู่ถึงได้มั่นใจว่าเป็นยาที่มีประสิทธิภาพในการรักษา ทว่ากลับมีอาการแทรกซ้อนอย่างหนึ่ง
มือเนียนนุ่มของนางไล้มาถึงบริเวณหน้าอกของเขา นางแตะเบาๆ ไปตรงส่วนที่นูนขึ้นมาราวกับเนินเขาเล็กๆ สองเนิน แล้วใช้นิ้วชี้กดลงไปบนก้อนเนื้อเพื่อดูความยืดหยุ่น
“หญ้าสีม่วงแห่งภูเขาหิมะแม้จะช่วยลดอาการอักเสบของแผล แต่กลับทำให้หน้าอกโตผิดปกติ...” นางบ่นพึมพำ หยิบพู่กันขนแพะขึ้นมาจดลงบนสมุด
“เจ้าเอาอะไรให้ข้ากินกันแน่!”
“อย่าส่งเสียงรบกวน ชีวิตของท่านข้าเป็นคนช่วยไว้ ให้ข้ายืมร่างกายของท่านทดลองยา คิดเสียว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณก็แล้วกัน” นางพูดราวกับเป็นเหตุผลอันสมควร ทั้งยังรู้สึกว่าหากว่ากันตามจริงแล้ว เขายังเป็นฝ่ายได้เปรียบเสียด้วยซ้ำ มีคนไม่รู้เท่าไรเฝ้าวิงวอนขอร้องอยากจะได้ยาดีของนางแต่ก็ไม่เคยได้
หลงเซี่ยวเทียนไม่เคยเดือดดาลอะไรเท่านี้มาก่อน แผดเสียงคำรามลั่นราวกับสัตว์ป่าที่กำลังบ้าคลั่ง
“ข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้!”
“ฆ่าข้า? กระทั่งหน้าตาของข้าเป็นอย่างไรท่านยังไม่เคยเห็น จะฆ่าข้าได้อย่างไร”
คนผู้นี้อารมณ์ฉุนเฉียวยิ่งนัก หากไม่ใช่เพราะนัยน์ตาคู่นั้นได้รับบาดเจ็บล่ะก็ ไม่แน่เขาอาจจะถลึงตาดุร้ายใส่นางจนร่างลุกเป็นไฟขึ้นมาก็เป็นได้
นางใช้พู่กันแตะหมึก เขียนรายละเอียดการทดลองลงในสมุดทีละตัวๆ สมุดเล่มนี้นางตั้งชื่อไว้ว่า ‘คัมภีร์สมุนไพรสกุลซือ’ ในนั้นบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการ ขั้นตอน วัตถุดิบ ส่วนผสม รวมทั้งประสิทธิภาพของยาชนิดต่างๆ ที่นางทำมาทั้งหมดในช่วงหลายปีมานี้ เป็นหยาดเหงื่อ แรงกาย เป็นชีวิตจิตใจทั้งหมดของนาง นางเห็นมันสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของตนเสียอีก
หลงเซี่ยวเทียนรู้สึกทรมานไปทั่วร่างคล้ายถูกไฟเผา ศีรษะพองโตราวกับจะแตกปริออกมา เนื้อตัวเจ็บปวดราวกับถูกมีดเฉือนปานประหนึ่งกำลังตายทั้งเป็น
“เจ้า...ข้าจะดื่มเลือดของเจ้า กัดกิน...เนื้อของเจ้า!”
“อย่าส่งเสียงดัง ข้ากำลังวิเคราะห์หาสาเหตุอยู่ ข้าเองก็ไม่ได้อยากให้หน้าอกของท่านใหญ่โตเช่นนี้ แปลกจริง...หรือว่าข้ากะปริมาณยาไม่ถูกต้อง”
นางเอียงศีรษะเล็กน้อย ใคร่ครวญถึงคุณสมบัติของยาแต่ละชนิด ความเย็นร้อนขณะปรุงผสม รวมทั้งคุณสมบัติด้านความเป็นหยินหยางของยา
และแล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ในฉับพลัน ใช่แล้ว หญ้าสีม่วงเจริญเติบโตอยู่บนภูเขาหิมะที่มีน้ำแข็งปกคลุมตลอดทั้งปีจึงมีคุณสมบัติเย็น มีความเป็นหยินมากเกินไป เอามาใช้กับร่างกายของบุรุษที่มีคุณสมบัติเป็นหยางเข้า ความเป็นหยินและหยางจึงไม่ได้สัดส่วนกัน หยินมีกำลังมากกว่าหยางหน้าอกของเขาถึงได้โตขึ้นมา
หลังจากสรุปหาสาเหตุได้แล้ว นางก็ง่วนอยู่กับการปรุงผสมยาขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้นางปรับเปลี่ยนอัตราส่วนเสียใหม่ จากนั้นก็บดเป็นผงจะป้อนใส่ปากเขา ทว่าบุรุษหัวดื้อผู้นี้ไม่ยอมให้ความร่วมมือ กัดฟันแน่นไม่ยอมอ้าปาก นางถอนหายใจ จำต้องยื่นมืออ่อนนุ่มเรียวงามไปยังจมูกโด่งเป็นสันแล้วบีบเอาไว้
นางเฝ้ารอคอยอย่างสงบ รอให้เขาทนไม่ไหวต้องอ้าปากหายใจ
แต่เหนือความคาดหมายเป็นอย่างยิ่ง บุรุษผู้นี้มีความอดทนเป็นเลิศ จนแล้วจนรอดก็ไม่ยอมอ้าปาก กระทั่งสีหน้าซีดเขียว เหงื่อเย็นไหลรินก็ยังคงปิดปากแน่นสนิทยิ่งกว่าฝาหอย
นางมองเขาด้วยความประหลาดใจ พลันพบว่าใบหน้าซีดขาวนั้นเริ่มปรากฏเค้าของความตายขึ้นมาจางๆ
บุรุษผู้นี้ถึงกับยอมตายแต่ไม่ยอมอ้าปากหายใจ!!
นางหมดปัญญาไม่รู้จะทำเช่นไร จำต้องยอมคลายมือ เพราะคนตายย่อมหาประโยชน์อะไรแก่นางไม่ได้
หลังจากกลับมาหายใจได้อีกครั้ง หลงเซี่ยวเทียนก็รีบสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด เนื่องจากประสบความสำเร็จในการทำให้อีกฝ่ายยอมล่าถอย ริมฝีปากที่ปิดแน่นพลันหยักยิ้มขึ้นมาอย่างเย้ยหยัน
“อ้าปากได้ไหม กินยานี้ลงไปหน้าอกของท่านจะได้ยุบเป็นปกติ”
“ฮึ!”
เขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่เชื่อฟังนาง ดึงดันไม่ยอมกินยาเม็ดหรือยาผงใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่านางจะเกลี้ยกล่อมเช่นไรเขาก็ไม่ยอมอ้าปาก
“ท่านไม่ยอมอ้าปากแน่ใช่ไหม”
“ฮึ!”
เขายอมตายแต่จะไม่ยอมก้มหัวให้ ใครยอมแพ้ก็เป็นหลานเต่า แม้ตายเขายังไม่กลัว แล้วยังจะต้องกลัวอะไรนางอีก เขาไม่เชื่อว่านางจะทำอะไรเขาได้!
ซือเย่าเอ๋อร์ส่ายหน้า “เฮ้อ ถ้าเช่นนั้นก็มีแต่วิธีนี้แล้ว”
นางยกมือขาวผ่องเนียนละมุนดุจหยกงามขึ้น ที่ปลายนิ้วมือเรียวงามราวลำเทียนมีเข็มเล่มเล็กยาวปรากฏขึ้น นางเล็งเข็มไปยังจุดรวมประสาทบริเวณโคนขาของเขาแล้วปักลง
เสียงคำรามด้วยความโกรธแค้นดังสนั่นห้องขึ้นมาอีกครั้ง เสียงนี้ดังกึกก้องไปไกลสุดขอบฟ้า สัตว์ป่าและนกในรัศมีร้อยลี้พากันแตกตื่นตกใจบินหนีกันจ้าละหวั่น
ฆ่า!
ฆ่า!
ฆ่า!
เขาจะต้องฆ่านางให้จงได้!
ป้อมประตูมังกร ป้อมอันดับหนึ่งของแผ่นดิน ในยุทธภพไม่มีผู้ใดไม่รู้จัก ไม่มีใครไม่เคยได้ยินชื่อ หลงเซี่ยวเทียนมีฐานะเป็นถึงประมุขป้อมประตูมังกร เป็นจอมยุทธ์ผู้แข็งแกร่งห้าวหาญ เปิดเผยตรงไปตรงมา เปี่ยมไปด้วยคุณธรรม เป็นบุคคลที่ผู้คนในยุทธภพต่างให้ความเคารพนับถือ
คิดไม่ถึงว่าในยามที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้กลับต้องตกมาอยู่ในกำมือของคนต่ำทราม ถูกเหยียบย่ำเกียรติยศจนไม่เหลือชิ้นดี
ลูกผู้ชาย ความตายมีทั้งหนักดั่งขุนเขาและเบาเหมือนขนนก เขาไม่กลัวตาย แต่ไม่อาจปล่อยให้คนสบประมาทเหยียดหยามเช่นนี้ได้
“ทางที่ดีเจ้าจงสังหารข้าเสีย หาไม่แล้วขอเพียงข้ายังมีลมหายใจ จะไม่ปล่อยเจ้าให้รอดไปได้แน่นอน!”
เวลานี้เขาดูคล้ายสัตว์ป่าที่กำลังบ้าคลั่ง ทั่วทั้งร่างแผ่รังสีดุร้ายเหี้ยมโหดออกมาอย่างรุนแรง เส้นโลหิตทุกเส้นปูดโปนขึ้นมาจนเห็นได้ชัด ในสมองปรากฏภาพของนางที่ถูกเขาจับมาฉีกร่างออกเป็นชิ้นๆ ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
“ข้าจะต้องถลกหนังเจ้าออกมาทีละชิ้นๆ จากนั้นก็เลาะกระดูกของเจ้าออกมาทีละท่อนๆ โอย!”
คำพูดข่มขู่เพิ่งจะออกจากปากมาได้ครึ่งเดียว จู่ๆ หลงเซี่ยวเทียนก็รู้สึกว่าร่างกายท่อนล่างเจ็บปวดขึ้นมาอย่างแสนสาหัส
“เจ้า...เจ้า...เจ้าเอาอะไรให้ข้ากิน”
เมื่อครู่ถูกนางมารบังคับให้อ้าปาก กลืนยาน้ำลงไป เวลานี้ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมาแล้ว เขาทั้งตื่นตระหนกทั้งคั่งแค้น
“ร่างกายของท่านมีพลังหยินมากเกินไป ข้าจึงเพิ่มพลังหยางให้ท่าน” นางกระซิบบอก นัยน์ตาคู่งามเบิกกว้างคอยจับสังเกต “ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง”
“ให้ตายเถอะ! บัดซบที่สุด ร้อน...ร้อนจะตายอยู่แล้ว...”
ซือเย่าเอ๋อร์พยักหน้าหงึกๆ รีบจดบันทึกเอาไว้ บ่นพึมพำว่า “หลังจากกินลงไปเพียงเวลาหนึ่งก้านธูปก็มีอาการร้อนไปทั่วร่าง อืม นอกจากร้อนแล้วมีอะไรอีกไหม”
คำตอบของหลงเซี่ยวเทียนก็คือคำด่าสกปรกยาวเหยียดฝากไปถึงบรรพบุรุษแปดชั่วโคตรของนาง แต่นางเป็นผู้มีจิตใจสูงส่งดีงาม ยังคงบันทึกต่อไปด้วยความใจเย็น
“ยาชนิดนี้ทำให้ด่าว่าผู้อื่นอย่างหยาบคายไม่เลือกเฟ้นถ้อยคำ ประหนึ่งหมาบ้าที่ไล่กัดคนไปทั่ว”
เขาแค้นใจแทบกระอักออกมาเป็นโลหิต หากกระอักโลหิตออกมาแล้วตายไปเสียเลยคงจะดี อย่างน้อยก็ไม่ต้องทนแบกรับความอัปยศอดสูเช่นนี้
ไม่นานนัก ก้อนเนื้อปูดโปนบริเวณหน้าอกของเขาก็ค่อยๆ ยุบตัวลง ในขณะที่ซือเย่าเอ๋อร์กำลังปลาบปลื้มยินดีที่ตนให้ยาได้ถูกต้อง หางตาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างตั้งตระหง่านขึ้นมา
นัยน์ตาสุกใสแวววาวหันไปมองสิ่งที่ตั้งตระหง่านขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะชะงักอึ้งไป จากนั้นมือนวลเนียนขาวผ่องก็หยิบพู่กันขึ้นมาเขียนตัวอักษรลงไป ปากก็ท่องว่า “ยานี้มีประสิทธิภาพในการเสริมพลังหยาง...”
“ทางที่ดีเจ้าจงภาวนาต่อฟ้าว่าอย่าให้มีวันใดต้องตกมาอยู่ในกำมือของข้า”
บุรุษที่เดิมทีแผดเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่งราวกับสัตว์ป่า จู่ๆ ก็เปลี่ยนท่าทีเป็นสุขุมเยือกเย็นขึ้นมา กระทั่งน้ำเสียงที่ใช้ก็เบาลงจากเดิมมาก ทำให้ซือเย่าเอ๋อร์ใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ตอนที่เขาเกรี้ยวกราด นางไม่กลัว แต่ยามที่เขาเปลี่ยนเป็นสงบเยือกเย็นเช่นนี้ นางกลับอดนึกหวาดหวั่นขึ้นมาไม่ได้
คนผู้นี้แม้จะได้รับบาดเจ็บ มือเท้าก็ถูกมัดเอาไว้ ทว่าทั่วทั้งร่างยังคงเต็มไปด้วยพลังอำนาจที่ทำให้คนหวาดหวั่น พอจะนึกภาพออกได้เลยว่าหากบุรุษผู้นี้ร่างกายแข็งแรง ไร้อาการบาดเจ็บ กลิ่นอายอันตรายจากตัวเขาจะมากมายเพียงใด เกรงว่าแม้แต่สัตว์ร้ายในป่าเขาก็ยังต้องพากันหลีกเร้นหนีหาย
พลังอานุภาพนี้ทำให้นางเย็นวาบไปทั้งร่าง
นางสะบัดศีรษะ จิตใต้สำนึกบอกให้นางปัดความประหวั่นพรั่นพรึงอันประหลาดนั้นทิ้งไปเสีย กระทั่งผ่าซากสัตว์นางยังไม่กลัว เหตุใดต้องกลัวคนที่ไม่มีแม้แต่กำลังจะขัดขืนด้วย
แต่จะว่าไปแล้ว ‘สิ่งนั้น’ ตั้งขึ้นมาเช่นนี้ออกจะไม่งามตาเอาเสียเลย อีกอย่าง หากปล่อยให้กระทบถูกความเย็นมากไปคงไม่ดีแน่ ทางที่ดีควรหาอะไรมาปิดเอาไว้ ปัญหาก็คือจะเอาอะไรมาปิดเล่า ของสิ่งนั้นต้องใหญ่มากพอถึงจะปิดได้มิด
นางกวาดสายตาไปทางซ้ายทีขวาที ในกระท่อมผุพังกลางป่าเขาแห่งนี้ข้าวของมีจำกัดเหลือเกิน มองไปมองมา ของที่เหมาะสมดูเหมือนจะมีเพียงอย่างเดียว
“เอ้า จะว่าข้าไม่ดีต่อท่านไม่ได้แล้วนะ กาน้ำชาที่มีอยู่เพียงใบเดียวนี่ก็ยกให้ท่านใช้แล้ว”
ว่าแล้วนางก็ค่อยๆ คว่ำกาน้ำชาครอบลงบนสิ่งแข็งแกร่งทรงพลังนั่นอย่างระมัดระวัง อืม สบายตาขึ้นมาก
กร๊อบ...กร๊อบ...
หลงเซี่ยวเทียนกำหมัดแน่น เสียงข้อต่อนิ้วดังลั่น เส้นโลหิตทั่วร่างปูดโปนขึ้นมา ขยายตัวเป็นสีเลือดแดงปลั่งราวกับจะพุ่งกระเด็นออกมานอกเนื้อ
เขาโกรธพลุ่งพล่านจนร่างแทบจะระเบิดอยู่แล้ว
นางเริ่มจัดปริมาณยาใหม่อีกครั้งไม่ให้มีความเป็นหยินมากไป และก็ไม่ให้มีความเป็นหยางมากไป หลังจากปรุงเสร็จก็เกลี้ยกล่อมให้เขากินลงไป
“ครั้งนี้ยาไม่มีปัญหาแล้ว หลังจากกินลงไปก็จะไม่บวมตรงโน้นพองตรงนี้อีกแล้ว”
เดิมคิดว่าบุรุษผู้นี้จะขัดขืน คงต้องเสียเวลาอีกพักใหญ่จึงจะทำให้เขากินลงไปได้ ทว่าเหนือความคาดหมาย ครั้งนี้เขากลับยอมกินลงไปอย่างว่าง่าย
คงจะรู้แล้วว่าขัดขืนไปก็ไร้ประโยชน์ ถึงได้ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมแต่โดยดีกระมัง นางคิดในใจ
ในขณะที่นางกำลังจะดึงมือกลับนั่นเอง ก็มีกรงเล็บแข็งแกร่งปานเหล็กไหลพุ่งเข้ามาคว้าข้อมือของนางไว้อย่างรวดเร็ว
“อา!” ซือเย่าเอ๋อร์อุทานออกมาเบาๆ ข้อมือบอบบางของนางถูกฝ่ามือใหญ่โตรวบจับเอาไว้แน่น นางต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าที่แท้แขนข้างหนึ่งของอีกฝ่ายได้หลุดออกจากโซ่เหล็กแล้ว
นางพยายามดิ้นให้หลุด แต่กลับถูกกุมข้อมือแน่นขึ้นกว่าเดิม เหตุการณ์ต่อจากนั้นยิ่งทำให้นางต้องอ้าปากค้าง
โซ่ที่ล่ามร่างของหลงเซี่ยวเทียนเอาไว้ถูกกระชากจนหลุดออกทีละเส้นๆ เรือนกายสูงใหญ่ค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่ง เขาดูคล้ายผีดิบที่เพิ่งฟื้นคืนชีพขึ้นมา หน้าตาดูดุร้าย บริเวณบาดแผลมีโลหิตสดๆ ไหลซึมหยดลงมาตามแขนของเขาและลามเลยมาย้อมข้อมือขาวผุดผ่องปานหิมะของนางจนกลายเป็นสีแดง
แม้แต่คนที่สุขุมเยือกเย็นเช่นนางก็อดไม่ได้ที่จะถูกอสุราผู้มีโลหิตท่วมตัวทำให้ตื่นตระหนกจนความเยียบเย็นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่าง
นางคิดจะหนี นั่นกลับทำให้เขายิ่งเดือดดาล เขาเอื้อมมือใหญ่โตออกมากระชากตัวนางเข้าไปกอดไว้ในอ้อมแขนแน่น
“อุ๊ย!”
นางสีหน้าแปรเปลี่ยน สองพวงแก้มแดงระเรื่อด้วยความอาย
คิดไม่ถึงว่าเขาผู้อยู่ในสภาพร่างกายเปลือยเปล่าจะลอบจู่โจมนาง ทั้งยังกักตัวนางไว้ในอ้อมแขนเช่นนี้
“คราวนี้เจ้าหนีไม่รอดแน่!” เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันคำรามเสียงต่ำข่มขู่อยู่ข้างหูของนาง แต่ละคำราวกับดังขึ้นมาจากนรก ทั้งยังแฝงไว้ด้วยเพลิงโทสะอันคุโชน เป่ารดติ่งหูของนางจนร้อนผ่าว
แผงอกแข็งแกร่งล่ำสันของเขาแนบชิดติดกับแผ่นหลังนุ่มนิ่มของนาง วงแขนคล้ายคีมเหล็กแฝงเร้นไว้ด้วยพละกำลังอันน่ากลัวและไร้ขีดจำกัดรวบเอวกิ่วบางแทบจะทานแรงลมไม่ไหวของนางไว้แน่น คล้ายกับจะจับนางกลืนกินลงไปในท้อง พลังอันแข็งกล้าแผ่กระจายออกมาทั่วร่างของเขา ดูไม่ต่างอะไรกับสัตว์ป่าที่กำลังเลียเหยื่อที่จับได้ในอุ้งเท้าของตนอย่างกระหายใคร่จะได้ลิ้มรสคาวโลหิต
“ปล่อยข้า!”
ในเวลาเดียวกับที่นางกำลังตื่นตระหนกตกใจ นางก็สัมผัสได้ถึงความเข้มแข็งทรงพลังที่แผ่กระจายออกมาจากทั่วร่างของเขาซึ่งจู่โจมเข้ามาในประสาทสัมผัสของนาง กลิ่นอายและความแข็งแกร่งของบุรุษโอบล้อมอยู่รอบกายของนาง
นับเป็นครั้งแรกที่นางได้รับรู้ถึงไออุ่นจากร่างกายของบุรุษ ทั้งยังสนิทแนบแน่นอย่างสมควรตาย เพราะขณะที่เขากอดนาง ส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดตรงช่วงล่างของร่างกายก็สัมผัสถูกตัวนางด้วย
ดูเหมือนเขาจะรับรู้ได้ถึงความตื่นตระหนกและหวาดกลัวของนาง ริมฝีปากของเขาแสยะยิ้มออกมา เป็นยิ้มที่ชั่วร้ายยิ่ง
“เวลานี้ค่อยมานึกกลัว สายไปเสียแล้วล่ะ” ในน้ำเสียงขู่ขวัญเย็นชามีกลิ่นคาวโลหิตกระจายออกมาคละคลุ้ง
ร่างในอ้อมแขนนุ่มนิ่ม มีส่วนเว้าส่วนโค้งได้ขนาด ทั้งเต่งตึงอย่างนึกไม่ถึง เขาแค่กอดเอาไว้ก็รู้แล้วว่าเรือนร่างของนางมารผู้นี้เร่าร้อนเพียงใด
แต่ก็สมควรแล้วที่จะต้องเร่าร้อน หาไม่แล้วจะเอาอะไรมาดึงดูดใจบุรุษ ทำให้บุรุษพลั้งตกลงไปในตาข่ายพิษที่นางดักล่อเอาไว้ ได้รับความทุกข์ทรมาน และจบชีวิตในที่สุด
“อา... อย่าเที่ยวลูบคลำส่งเดช!”
นางอับอายขายหน้าและเคียดแค้นแทบทนไม่ไหว เพราะมือหยาบใหญ่ของเขาปัดป่ายมาตรงหน้าอกของนาง สัมผัสความอวบอิ่มนุ่มนิ่มที่นางไม่เคยให้ใครแตะต้องมาก่อน
นางยิ่งตื่นตะลึง เขาก็ยิ่งย่ามใจ นางห้ามไม่ให้ลูบคลำ เขาก็ยิ่งโลมไล้ไปทั่ว ทั้งยังโลมไล้อย่างหยาบคายยิ่ง ฝ่ามือซ้ายอันใหญ่โตบีบเค้นทรวงอกข้างหนึ่งของนางอย่างไม่ปรานีปราศรัย
“นี่ท่าน...ท่าน...”
“เจ้าต้องการเช่นนี้ไม่ใช่หรือ” เขาเอ่ยเสียงเข้ม แก้มของเขาแนบติดใบหน้าของนาง กระซิบถ้อยคำสกปรกหลู่เกียรติของนางอยู่ข้างใบหู “เจ้าชอบให้บุรุษปรนนิบัติเจ้าไม่ใช่หรือ อย่ามาแสร้งทำเป็นสูงส่ง นี่เป็นสิ่งที่เจ้าโปรดปรานที่สุดไม่ใช่หรือ หญิงมั่วโลกีย์!”
เขารู้ดีว่าฝ่ามือของตนทำให้นางเจ็บ เขาตั้งใจจะทำเช่นนี้ หลังจากได้รับ ‘การดูแล’ จากนางในช่วงหลายวันมานี้ เขาย่อมต้องตอบแทนนางให้สาสม ให้นางได้รับความหวาดผวาจากการตกเป็นเหยื่อเสียบ้าง
ลมหายใจของนางยิ่งหอบถี่เท่าไร รอยยิ้มของเขาก็ยิ่งกว้าง เขาฟังเสียงหัวใจที่เต้นแรงและสัมผัสร่างที่สั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขนด้วยความปีติยินดี
เขาเป็นชาวยุทธ์ฝ่ายธรรมะ เป็นคนเปิดเผยไม่มีเล่ห์เหลี่ยมใดๆ หากมิใช่เพราะโกรธจนคุมอารมณ์ไม่ได้เขาไม่มีวันข่มเหงรังแกสตรีเช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในใจของเขาคิดว่านางคือนางมารแห่งวังวิญญาณหยก ผู้คอยจ้องทำลายล้างยุทธภพ หาใช่สตรีที่ดีงาม
โตจนป่านนี้ ซือเย่าเอ๋อร์ยังไม่เคยถูกใครกระทำย่ำยีถึงเพียงนี้มาก่อนเลย บุรุษผู้นี้ลูบคลำร่างกายของนาง ทำให้นางเจ็บ ทำให้นางอับอายขายหน้าและคั่งแค้น ฉับพลันนั้นเอง น้ำตาอุ่นๆ ก็เอ่อท้นขึ้นมา หยาดน้ำตาหยดแรกในชีวิตของนางหยาดหยดลงมา
หลงเซี่ยวเทียนชะงักนิ่งไป แปลกจริง ไฉนบริเวณมุมปากจึงมีอะไรเปียกๆ ทั้งยังมีรสชาติเค็ม เอาลิ้นแตะดูแล้วคล้ายจะเป็น...น้ำตา
นี่เป็นน้ำตาของนาง
เขาหยุดมือ ในช่วงเวลานั้นหยาดน้ำตาหยดนี้ทำให้เขาเกิดความลังเลขึ้นมา ทว่าเพียงพริบตาเดียวเขาก็ยิ้มเหยียดความลังเลนั้น
“หญิงมั่วโลกีย์ เจ้าคิดจะเล่นลูกไม้อะไรอีก อย่าคิดว่าแค่บีบน้ำตาหยดสองหยดก็หลอกลวงบุรุษให้ใจอ่อนเกิดความสงสารเห็นอกเห็นใจได้”
นางมารร้ายสังหารผู้คนมานับไม่ถ้วน ทั้งมนุษย์และเทวดาต่างแค้นเคือง ถึงตายก็ไม่มีอะไรต้องเสียดาย
ฮึ! นางแค้นเขาแทบตายแล้ว หากรู้แต่แรกคงไม่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ ปล่อยให้เขานอนตายอยู่กลางป่าเขา ถูกหมาป่ากัดกินซากไปเสีย
ฉับพลันนั้นเอง หลงเซี่ยวเทียนก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะขึ้นมา เขานึกสงสัยแล้วก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ในทันที นางมารนี่ถึงกับ...
“โอย...ให้ตายเถอะ” เขาสบถออกมาคำหนึ่ง คลายมือแข็งดั่งคีมเหล็กออก ทรุดตัวลงไปด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าซีดเขียวและบิดเบี้ยว
นางมารที่สมควรตายสักพันครั้งถึงกับกล้าโจมตีช่วงล่างของเขา!!
ซือเย่าเอ๋อร์หลังจากดิ้นหลุดมาได้ก็รีบวิ่งหนี แต่ไปยังไม่ถึงปากประตูก็ต้องเสียหลักล้มลงกับพื้น นางหันไปมองด้านหลังอย่างหวาดผวา ข้อเท้าซ้ายของตนถูกอุ้งมือเหล็กของเขาคว้าจับเอาไว้แน่น
“หญิงแพศยา” เขาเปิดปากด่า น่าจะคิดได้ตั้งแต่แรก หญิงโฉดชั่วผู้นี้ใจอำมหิต เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่กระทั่งเสื้อผ้าที่นางสวมใส่ก็ยังมีพิษ
ดวงหน้างามของซือเย่าเอ๋อร์ซีดเผือด สวรรค์! คนผู้นี้ช่างมีพละกำลังมหาศาล นางดิ้นรนอย่างไรก็ดิ้นไม่หลุด เขาต้องฆ่านางแน่ แต่ว่า...เหตุไฉนเขาจึงยังไม่ล้มลงอีก
เสื้อผ้าของนางแช่น้ำยาที่ทำมาจากหญ้าเมามายถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน เว้นเสียแต่กินยาแก้พิษไว้ก่อน หาไม่แล้วใครก็ตามที่แตะถูกตัวนาง ยาจะซึมซาบผ่านผิวหนังเข้าไป เพียงเวลาชั่วพริบตาเดียวก็จะล้มลงหมดสติ ทว่าครั้งนี้อีกฝ่ายไม่เพียงยังไม่หมดสติ แต่ยังกระทำการหลู่เกียรตินางได้อีก เวลานี้เขากำลังค่อยๆ คืบคลานเข้ามาหานางราวกับปีศาจร้ายจะมาทวงชีวิต
นางทั้งเตะทั้งถีบ ข้อเท้าสะอาดหมดจดถูกเขาบีบจนเป็นรอยช้ำเขียว ร่างใหญ่โตของเขาโถมเข้ามาทับร่างของนาง มือข้างหนึ่งยื่นมาบีบคอนางอย่างไร้ความปรานี
เขาเหมือนสัตว์ร้ายบ้าคลั่งตัวหนึ่ง ต่อให้คนผู้นี้ตัดมือตัดเท้าของนางจนหมดนางก็ไม่นึกแปลกใจ เพราะสีหน้าท่าทางของเขาในเวลานี้แสดงความโกรธแค้นออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนว่าก่อนที่เขาจะหมดสติไปเพราะฤทธิ์ยา เขาจะต้องจัดการนางให้จงได้
“อย่า... โม่สือ! โม่สือ!”
นางร้องเรียกโม่สือคนรับใช้ของนางเสียงหลง นางลืมไปแล้วว่าโม่สือรับคำสั่งจากนางไปล่าสัตว์และตักน้ำ เวลานี้คงอยู่ระหว่างทาง ยังไม่กลับมา
นางหายใจไม่ออก ความรู้สึกค่อยๆ เลือนราง ในที่สุดก็จมดิ่งลงสู่ความมืดอันไร้ขอบเขต หมดสติไป
หลงเสียงอวิ๋น รองประมุขป้อมประตูมังกรก้าวเข้ามาในห้องโถงใหญ่ หน้าตาของเขามีส่วนละม้ายคล้ายกับหลงเซี่ยวเทียนพี่ชายคนโต ทว่าเมื่อเปรียบกับความเข้มแข็งห้าวหาญของพี่ชายแล้ว เขาดูจะมีท่วงท่าของบัณฑิตมากกว่า
พี่ชายของเขาหายสาบสูญไปนานกว่าสามเดือน เขาส่งคนออกไปสืบหาจนทั่ว ในที่สุดเมื่อวานนี้ก็พบตัวหลงเซี่ยวเทียน พี่ชายของเขาได้รับบาดเจ็บทั้งตัว เวลานี้ทุกคนในป้อมประตูมังกรต่างยุ่งวุ่นวายอยู่กับการดูแลท่านประมุข และเขาได้เชิญหมอที่เก่งที่สุดมาช่วยตรวจรักษาอาการของพี่ชาย
หลงเสียงอวิ๋นเดินเข้ามาด้านใน หลี่ชิวซวง น้องสาวซึ่งเป็นญาติผู้น้องของพวกเขากำลังป้อนข้าวป้อนน้ำให้ญาติผู้พี่คนโต
“พี่ใหญ่ วันนี้ท่านรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือไม่” หลงเสียงอวิ๋นเอ่ยขึ้น
พอได้ยินเสียงน้องชาย หลงเซี่ยวเทียนซึ่งนอนอยู่บนตั่งเตี้ยก็ถามเสียงเคร่งขรึม
“ท่านหมอล่ะ?”
“ส่งม้าเร็วไปรับแล้ว อีกไม่นานคงมาถึง”
“ไฉนจึงได้ช้าเช่นนี้”
“ผ้าพันแผลต้องรออีกสามวันจึงจะเอาออกได้” เขาเตือนพี่ชาย
หลงเซี่ยวเทียนเม้มปากจนเป็นเส้นตรง เห็นชัดว่าใกล้จะหมดความอดทนเต็มที
“ยังต้องรออีกสามวัน หมอมองโกลผู้นั้นเข้าใจอะไรผิดหรือไม่”
“ท่านหมอเกาเป็นหมอที่มีชื่อเสียงที่สุด แม้แต่องค์จักรพรรดิ เหล่าเชื้อพระวงศ์ และขุนนางผู้ใหญ่ยังยกย่องให้เกียรติเขา”
หลงเซี่ยวเทียนแค่นเสียงฮึออกมาคำหนึ่ง ไม่พอใจกับคำตอบที่ได้รับ
“พี่ใหญ่ ท่านอย่าใจร้อน รักษาร่างกายเป็นเรื่องสำคัญ” หลี่ชิวซวงเอ่ยเสียงแผ่วเบาพลางหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดคราบน้ำซุปที่เลอะติดอยู่ตรงมุมปากของญาติผู้พี่คนโตด้วยความนุ่มนวลอ่อนโยน บนดวงหน้างามเพริศพริ้งฉายแววความรักที่มีต่อพี่ชายคนนี้ออกมาอย่างสุดซึ้ง
หลงเซี่ยวเทียนลองโคจรพลังลมปราณดูแล้ว รู้สึกว่าร่างกายของตนดีขึ้นกว่าเมื่อวานมาก แต่เวลานี้เขาสนใจอยู่เพียงเรื่องเดียว
“นางมารนั่นล่ะ”
“ข้าทำตามคำสั่งของท่าน จับนางไปขังไว้ในคุกใต้ดิน”
ใบหน้าของหลงเซี่ยวเทียนเยียบเย็นราวกับมีน้ำค้างแข็งฉาบอยู่ เขากำลังหวนคิดถึงพฤติการณ์หยามเหยียดต่างๆ นานาที่ผู้หญิงคนนั้นทำกับตน ความโกรธแค้นอัดแน่นเต็มทรวงอก วันนั้นเขาบีบคอนางมารจนสลบไป จากนั้นก็รีบโคจรพลังขับยาออกจากร่างกาย ดีที่พลังวัตรของเขากล้าแข็ง อีกทั้งยาที่นางมารใช้ไม่ใช่ยาพิษ เพียงครึ่งชั่วยามเขาก็ขับยาออกจากร่างหมด ความมุ่งมั่นที่จะแก้แค้นทำให้เขากัดฟันลากตัวนางมารกลับมาป้อมประตูมังกรด้วยกัน
“ได้ทรมานและซักถามหรือยังว่าพรรคพวกของมันอยู่ที่ใด”
“ถามแล้ว แต่...”
“นางไม่ยอมบอกใช่หรือไม่ นางมารผู้นี้ดื้อด้านนัก จนแล้วจนรอดก็ไม่ยอมบอกที่ซ่อนตัวของลูกสมุนวังวิญญาณหยก ถ้ายังไม่ยอมบอกก็ตัดเอ็นมือเอ็นเท้าของนางเสีย สั่งสอนนางให้รู้สำนึก ต่อไปจะได้ไม่ทำร้ายผู้คนอีก”
“เอ่อ เรื่องนี้...”
“เจ้าต้องระวังให้ดี อย่าปล่อยให้นางมีโอกาสผูกคอตายได้ ข้าจะไม่ยอมให้นางได้ตายสบายเช่นนี้” เขารู้สึกว่าในน้ำเสียงของน้องชายคล้ายมีความลังเลใจอยู่จึงเอ่ยขึ้นว่า “น้องรอง ถ้าเจ้าพบอะไรผิดปกติก็บอกมาตามตรง”
“ขอรับ พี่ใหญ่...ความจริงแล้วข้าคิดว่าแม่นางผู้นั้นหาใช่แม่ม่ายอำมหิต”
หลงเซี่ยวเทียนนิ่งไป ย่นหัวคิ้ว
“อ้อ ถ้าไม่ใช่ก็ต้องเป็นสมุนเอกของนางมารผู้นั้นเป็นแน่”
หลงเสียงอวิ๋นกระแอมแล้วพูดให้ชัดเจนขึ้น
“ความหมายของข้าก็คือนางดูไม่คล้ายคนของวังวิญญาณหยก”
“ไม่คล้าย?” หลงเซี่ยวเทียนส่งเสียงฮึ “แต่วิธีการของนางคล้ายอย่างที่สุด!”
เขาไม่มีวันลืมว่านางมารนั่นอำมหิตเพียงใด นางใช้พิษกับร่างกายของเขา ทำให้อวัยวะภายในทั้งห้า ทางเดินอาหารทั้งหก* ของเขาต้องเจ็บปวดแสนสาหัส นางใช้ยาทรมานเขา ไม่ว่าดูอย่างไรก็เป็นวิธีการโหดเหี้ยมที่พรรคโฉดชั่วนั่นใช้ในการทรมานบุรุษแน่นอน
“พี่ใหญ่ ท่านยังไม่เคยเห็นนางด้วยตาตัวเอง ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าแม่นางผู้นั้นท่าทางสุภาพเรียบร้อย นุ่มนวลอ่อนโยน ไม่มีกลิ่นอายความชั่วร้ายเฉกเช่นนางมารของวังวิญญาณหยกแม้แต่น้อย”
“บัดซบ!”
“พี่ใหญ่” หลงเสียงอวิ๋นสะดุ้งเฮือก ไม่เข้าใจว่าเหตุใดพี่ใหญ่จึงโกรธมากเช่นนี้
“เจ้าเป็นถึงรองประมุขของป้อมประตูมังกร เหตุใดจึงถูกสตรีทำให้เคลิบเคลิ้มลุ่มหลงง่ายดายถึงเพียงนี้ กิริยาท่าทางเสแสร้งกันได้ ไฉนเจ้าจึงหลงเชื่ออะไรง่ายๆ”
“นั่นสิ พี่รอง นางมารนั่นเจตนาทำเป็นใสซื่อน่าสงสารตบตาท่าน ท่านจะได้เวทนาสงสาร อย่าได้หลงกลนางเด็ดขาด” หลี่ชิวซวงรีบส่งเสียงสนับสนุน พอคิดถึงว่าญาติผู้พี่คนโตที่ตนรักถูกนางมารผู้นี้ทรมานจนมีสภาพเช่นนี้ นางก็โมโหจนแทบทนไม่ไหว
“ขอรับ พี่ใหญ่”
หลงเสียงอวิ๋นก้มหน้ายอมรับคำตำหนิของพี่ชาย ไม่พูดอะไรอีก แต่ในใจยังคงมีข้อสงสัย เขามั่นใจว่าตนมองคนไม่ผิด แม่นางผู้นั้นไม่ว่ามองอย่างไร เขาก็รู้สึกว่าไม่เหมือนนางมารแห่งวังวิญญาณหยกที่ตนเคยพบเลย
ทว่าเขาให้ความเคารพยำเกรงพี่ใหญ่มาโดยตลอด ดังนั้นจึงไม่โต้แย้งอะไรอีก
“เจ้าซักถามได้ความว่าอย่างไรบ้าง”
“เอ่อ...นอกจากรู้ว่านางชื่อซือเย่าเอ๋อร์แล้วก็ยังไม่ได้อะไรเพิ่มเติม”
หลงเซี่ยวเทียนแค่นเสียงฮึออกมา
“เจ้าใจไม่แข็งพอจะใช้วิธีโบยตีนางก็ย่อมถามไม่ได้ความอะไร!”
หลงเสียงอวิ๋นยิ้มเจื่อนๆ เพราะถูกพี่ชายเดาถูก แต่ในใจกลับอดคิดไม่ได้ว่าที่พี่ใหญ่พูดเช่นนี้ได้ก็เพราะยังไม่ได้เห็นเด็กสาวผู้นั้นด้วยตาของตนเอง ไว้รอให้นัยน์ตาของพี่ใหญ่หายดีก่อน ให้พี่ใหญ่ไปเห็นกับตา เขาไม่เชื่อว่าพี่ใหญ่จะลงมือโบยตีนางได้ลงคอ หากเด็กสาวที่สดใสสุภาพเฉลียวฉลาดเช่นนี้เป็นนางมาร ใต้หล้านี้ก็คงไม่มีหญิงงามบริสุทธิ์แล้ว
ในเวลานั้นเอง ที่นอกประตูมีเสียงฝีเท้าเร็วรี่ดังขึ้น ลูกน้องคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาตะโกนอยู่หน้าประตู
“คุณชายใหญ่ คุณชายรอง แย่แล้วขอรับ!”
หลงเสียงอวิ๋นรีบลุกออกไปดูพลางซักถาม
“มีเรื่องอะไร ไฉนจึงลนลานเช่นนี้”
“คุณชายรอง มีคนปล้นคุกใต้ดินขอรับ”
“อะไรนะ!”
หลงเสียงอวิ๋นสีหน้าแปรเปลี่ยน กำลังจะพุ่งตัวออกไป ทว่าเพิ่งจะยกเท้าซ้ายขึ้นมา ฉับพลันนั้นเองก็มีลมพัดกระโชกแรงผ่านหลัง มีคนชิงตัดหน้าเขาออกนอกประตูไปก้าวหนึ่ง
“พี่ใหญ่!” หลี่ชิวซวงร้องเรียกด้วยความร้อนใจ นางรั้งตัวหลงเซี่ยวเทียนไว้ไม่ทัน ขุ่นเคืองใจจนขยี้เท้าเร่าๆ ได้แต่ร้องเร่งหลงเสียงอวิ๋น “พี่รอง ท่านรีบไปขวางพี่ใหญ่เอาไว้สิ”
หลงเสียงอวิ๋นส่ายหน้า แล้วโคจรพลังพุ่งตามออกไป
ป้อมประตูมังกรอันใหญ่โตแห่งนี้สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยปู่ของสองพี่น้องสกุลหลง กล่าวกันว่ากำแพงหินของป้อมประตูมังกรสร้างขึ้นจากแผ่นหินที่ลำเลียงมาจากภูเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือด้วยวิธีขนส่งทางน้ำ ปล่อยแผ่นหินให้ไหลตามกระแสน้ำมาทางตะวันออก
คุกในป้อมประตูมังกรล้วนใช้ลูกกรงเหล็กที่สร้างขึ้นมาจากเหล็กหลอมแข็งแรงแน่นหนาไม่อาจทำลายได้ แต่มาวันนี้คำอวดอ้างที่ว่าแข็งแกร่งไม่มีใครทำลายได้กลับถูกบุรุษรูปร่างใหญ่โตราวกับยักษ์ปักหลั่นตัวสูงถึงเก้าฉื่อ* ทำลายเสียแล้ว
ทันทีที่บุรุษผู้มีเรือนกายมหึมาผู้นี้ปรากฏตัวขึ้น ผู้คนก็พากันแตกตื่นตกใจแทบสิ้นสติ ไม่เพียงเพราะรูปร่างใหญ่โต ใบหน้าและท่อนแขนเต็มไปด้วยขนรุงรัง หน้าตาแปลกประหลาดน่าสะพรึงกลัว แต่ยังเป็นเพราะคนผู้นี้มีพลังมหาศาลจนน่าตื่นตะลึง
ด้วยพลังอำนาจที่สยบผู้คน ไม่ว่าใครพอถูกเขาจ้องมองก็ยากจะไม่ตื่นตระหนกจนเหงื่อเย็นไหลโซมกาย
“สะ...สัตว์ประหลาด!” มีคนส่งเสียงร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว
“สังหารสัตว์ประหลาดตัวนี้เสีย!”
“ฆ่ามันให้ตาย!”
มีเสียงร้องตะโกนดังขึ้นมารอบด้าน ทว่าไม่มีใครกล้าก้าวเท้าออกมา เพราะหลังจากได้เห็นฝีมือของคนผู้นี้แล้ว ทุกคนต่างกลัวจนอกสั่นขวัญแขวน ได้แต่ชี้ดาบในมือไปที่บุรุษร่างสูงใหญ่ แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปขวางเขา ได้แต่เบิกตามองเขาใช้ฝ่ามืออันใหญ่โตจับลูกกรงเหล็กถ่างออกไปทางซ้ายทีขวาทีจนโค้งงอ
ซือเย่าเอ๋อร์ค่อยๆ เยื้องย่างร่างอรชรแน่งน้อยของนางออกมาจากลูกกรงเหล็กที่ถูกถ่างออกจนกว้าง
บุรุษร่างสูงใหญ่หน้าตาคล้ายสัตว์ประหลาดพลันยอบตัวลงต่ำราวกับเป็นสัตว์ป่าที่ถูกฝึกจนเชื่อง เพื่อให้ผู้เป็นนายได้ปีนขึ้นมาบนร่างของตน
ซือเย่าเอ๋อร์ซุกร่างลงในอ้อมแขนของโม่สือ เอื้อมมือไปลูบใบหน้าที่ใครๆ ต่างหวาดหวั่นพรั่นพรึง เม้มปากอมยิ้มแล้วกระซิบว่า “โม่สือ ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะต้องมาช่วยข้า เราไปจากสถานที่เลวร้ายแห่งนี้กันเถอะ”
โม่สือคุ้มครองผู้เป็นนายไว้ในอ้อมแขน ลุกขึ้นยืนแล้วก้าวออกจากคุกใต้ดินไปอย่างรวดเร็วราวพายุบุแคมเฉกเช่นเดียวกับตอนมา และครั้งนี้ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาขวางเขาเหมือนเดิม
“นางมาร จะหนีไปไหน!”
ซือเย่าเอ๋อร์หันหน้ากลับไปมอง แล้วก็ต้องสูดลมหายใจเข้าแรงๆ
บุรุษที่น่ากลัวผู้นี้ทั้งที่นัยน์ตามองไม่เห็น แต่ยังคงจับสังเกตได้อย่างแม่นยำถึงตำแหน่งแห่งหนของนาง เขากำลังพุ่งตัวเข้ามาหาด้วยท่าทางโกรธแค้น หากไม่เป็นเพราะเขาได้รับบาดเจ็บอยู่ล่ะก็ เขาคงจะตามโม่สือทันเป็นแน่
พอนึกถึงเรื่องที่อีกฝ่ายเคยลูบคลำไปทั่วร่างของนางอย่างหยาบคาย ดวงหน้างามพิสุทธิ์ก็แดงซ่านราวกับทาชาดด้วยความโกรธ บุรุษน่าชิงชังผู้นี้จะต้องได้รับการสั่งสอนให้รู้สำนึกเสียบ้าง!
ครั้นแล้วนางก็เป่าอะไรบางอย่างในมือออกไปในทิศทางที่เขากำลังวิ่งไล่มา
ผงละเอียดไร้สีไร้กลิ่นปลิวไปทางหลงเซี่ยวเทียน มุมปากของนางหยักยิ้มบางๆ แล้วกระซิบข้างหูโม่สือว่า “รีบไป”
พอได้รับคำสั่ง โม่สือก็เร่งโคจรพลังวิ่งตะบึงเร็วขึ้น พริบตาเดียวก็ทิ้งห่างออกไปหลายสิบจั้ง*
หลงเซี่ยวเทียนพลันพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาชะงักถอยหลัง แล้วก็ต้องแตกตื่นใหญ่หลวงเมื่อพบว่าจู่ๆ เจ็บปวดไปทั้งร่าง ความรู้สึกเก่าๆ อันเคยคุ้นกลับมาอีกครั้ง เขายังจำได้ดีว่าความรู้สึกร้อนผ่าวดุจไฟเผาเช่นนี้เคยเกิดกับเขามาแล้ว
“พี่ใหญ่!”
หลงเสียงอวิ๋นพุ่งปราดเข้ามาประคองร่างของพี่ชายเอาไว้
“รีบตามไป อย่าปล่อยให้นางมารหนีรอดไปได้!”
“พี่ใหญ่ บาดแผลของท่านมีโลหิตไหลออกมาอีกแล้ว จะต้อง...เอ๋ พะ...พี่ใหญ่...เหตุใดท่านจึง...”
ได้ยินเสียงแตกตื่นตกใจของน้องชาย หลงเซี่ยวเทียนสังหรณ์ใจวูบขึ้นมาทันที
“มีอะไรหรือ”
“พี่ใหญ่...นะ...หน้าอกของท่าน...”
หลงเซี่ยวเทียนยกมือขึ้นลูบหน้าอก สีหน้าพลันแปรเปลี่ยน หน้าอกของเขานูนขึ้น มีก้อนเนื้อกลมๆ เพิ่มขึ้นมาสองลูก
ไม่ต้องถาม จะต้องเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ที่นางมารมอบให้เขาก่อนจากแน่นอน
เขาเดือดดาลราวกับมีไฟเผาไหม้ทั้งตัว ขบกรามดังกรอดๆ แค้นใจจนไม่อาจยับยั้งโทสะไว้ได้
เขาสาบานด้วยความเคียดแค้น ไม่ว่าจะต้องขึ้นสวรรค์หรือลงนรก เขาจะต้องตามจับตัวนางกลับมาให้ได้!
“ซือ-เย่า-เอ๋อร์!”
เขาแผดเสียงคำรามสนั่นจนหูสั่นสะเทือนราวฟ้าผ่า เสียงนั้นดังก้องไปทั่วท้องนภาเป็นเวลายาวนาน
ความคิดเห็น