ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักร้ายหมายเลขสิบ

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 19 ส.ค. 54


    ย้ากกกกกกกกกกกกก!

    ผัวะ!

    ปลายเท้าขวาแบ็กไซด์คิกเข้าที่ปลายคางยังผลให้ร่างท้วมที่กำลังย่างสามขุมเข้ามาถึงกับล้มทั้งยืน เจ้าของร่างที่ลงไปกองอยู่กับพื้นยันกายขึ้นมา มือซ้ายปาดลิ่มเลือดที่มุมปาก ส่วนมือขวาชี้หน้าหญิงสาวเจ้าของฝ่าเท้าพิฆาตเมื่อครู่

    นังเด็กบ้า แกกล้าทำกับฉันแบบนี้เรอะ แกอยากตกงานหรือไง

    คนที่ถูกบริภาษว่า นังเด็กบ้า เป็นสาวร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีอ่อนพับแขนถึงข้อศอกตามสมัยนิยมกับกระโปรงบานเนื้อหนาสีน้ำตาลไหม้ยาวครึ่งหน้าแข้ง เจ้าหล่อนสาวเท้าซึ่งสวมบูตหุ้มข้อสีน้ำตาลตรงเข้ามากระชากคอคนปากดีให้ลุกขึ้นก่อนจะซัดด้วยสันมือที่กกหู ร่างนั้นเซแซดๆ ไปปะทะขอบโซฟาเบดตัวยาวที่มุมห้องดังพลั่ก

    ฉันจะแจ้งตำรวจว่าแกทำร้ายร่างกาย ฉันจะเอาแกเข้าคุก

    ก่อนฉันจะเข้าคุก คุณคงต้องเดินนำหน้าเข้าไปก่อน หญิงสาวประกาศกร้าว เพราะคุณคิดไม่ซื่อกับฉันก่อน

    ไหนล่ะหลักฐาน ไม่มี้นายประพัฒน์เค้นเสียงสูง แค่นหัวเราะทั้งที่จุกจนตัวงอเป็นกุ้ง ฉันหลอกแกมาปล้ำแล้วไง ใครจะเชื่อ ห้องนี้ห้องทำงานฉัน แกแส่เข้ามายั่วฉันเอง ฉันไม่เล่นด้วยแกเลยไม่พอใจ ฉันพูดแค่นี้แกก็จบเห่แล้ว

    หน็อย ไอ้คนสกปรก หญิงสาวโกรธจนควันออกหู เจ้าหล่อนปราดเข้ายัดกำปั้นเข้าที่เบ้าตาเจ้าของห้อง ก่อนจะคว้าแจกันลายครามใบเขื่องข้างโซฟาฟาดเปรี้ยงเข้าให้เป็นชุดสุดท้าย

    ร่างท้วมของนายประพัฒน์นอนสะลึมสะลืออยู่ที่พื้น เลือดแดงฉานไหลซึมจากบาดแผลบริเวณศีรษะ แต่นั่นก็ไม่ทำให้คนอย่างเขาดูน่าสงสารขึ้นมาแต่ประการใด

    นังเด็กนรก แก...”

    หญิงสาวถอนหายใจพรืด ไม่ลืมที่จะกดยุติการบันทึกเสียงจากโทรศัพท์มือถือซึ่งเธอใส่ไว้ในกระเป๋ากระโปรง เปลี่ยนโหมดเป็นกล้องถ่ายรูปแล้วกดชัตเตอร์เก็บภาพอัปยศของเฒ่าตัณหากลับไว้เป็นที่ระลึก

    คิดว่าฉันไม่มีหลักฐานอย่างนั้นหรือตาแก่ชีกอ หึ...แกรู้จักฉันน้อยไป ในชั้นศาลคลิปเสียงแค่นี้คงเป็นหลักฐานที่อ่อนมาก แต่ ศาลเตี้ย ที่บ้านแกเนี่ย...หลักฐานประมาณนี้จำเลยมีสิทธิ์รอดมั้ยคิดดูเองก็แล้วกัน โฮะๆๆ

    หญิงสาวหัวเราะด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันกวนประสาทอย่างที่สุด ปรายตามองด้วยความหยามเหยียด ก่อนจะก้าวฉับๆ ออกจากห้องนั้นโดยไม่คิดจะหวนกลับมาอีก

     


    บทที่ 1

     

    ร่างสูงในชุดเสื้อยืดแขนสั้นสีดำสนิทกับเอี๊ยมยีนขากระบอกแฟชั่นใหม่ล่าสุดจากดีเซล* กำลังย่อตัวลงสวมรองเท้าบูตหุ้มข้อสีดำเข้ากับเสื้อ ผมหยักศกยาวกลางหลังถูกรวบมาถักเป็นเปียหลวมๆ ไว้ทางด้านขวา เจ้าของความสูงร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรฮัมเพลงเบาๆ กระโดดเป็นจังหวะลงมาจากหน้าห้องพักบริเวณชั้นสามของอาคารพาณิชย์สี่ชั้น กำลังจะผ่านชั้นล่างสุดซึ่งเปิดเป็นร้านขนมไทยมีมุมนั่งจิบเครื่องดื่มแบบโบราณ ลูกค้าจำนวนหนึ่งนั่งรอเครื่องดื่มอยู่ที่โต๊ะหมายเลขสองและสี่ ลูกจ้างสองคนในร้านทำงานกันอย่างขมีขมัน คนหนึ่งกำลังจัดเตรียมเครื่องดื่มไปเสิร์ฟ ส่วนอีกคนก็กำลังจัดขนมใส่กล่องสำหรับลูกค้าที่มารอซื้อกลับบ้าน

    ...ขนม...ใส่กล่อง เวรแล้วไง

    หญิงสาวเกิดนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ยังผลให้คนที่กำลังลัลล้าสบายอารมณ์เกิดอาการปริวิตกขึ้นมาทันที

    หลังจากที่เมียงมองบริเวณเคาน์เตอร์ ไม่เห็นสิ่งของที่ต้องการก็เดินไปดูที่ชั้นวางขนม...ไม่มี

    จากนั้นแม่เจ้าประคุณก็วิ่งวุ่นไปทั่วร้าน เปิดตู้โน้นปิดตู้นี้ เมื่อนาฬิกาบนข้อมือข้างซ้ายบอกให้รู้ว่าอีกเพียงสี่สิบห้านาทีจะถึงเวลานัดหมายก็ยิ่งลนลานเลิ่กลั่ก

    ...อยู่ไหนเนี่ย อยู่หนายยยย อร๊ายยยยยย จะทันม้ายยยยย!

    หาอะไรคะน้องเท็นเจ้าของเสียงเป็นสาวใหญ่วัยสามสิบห้าผู้มีรูปร่างอวบอ้วนสมเป็นแคชเชียร์ร้านขนมไทยชื่อดังที่สุดในย่านนี้

    ขนมค่ะพี่กล่อม แม่บอกว่าจะจัดใส่ถุงไว้ให้สามชุด ไม่เห็นมีเลยอ่า

    สตรีที่ถูกเรียกขานว่าพี่กล่อมหยิบพวงกุญแจจากกระเป๋าถือมาเลือกลูกกุญแจดอกเล็กสุดแล้วจัดการไขตู้เก็บขนมด้านหลังที่มีชั้นวางของค่อนข้างใหญ่

    อันนี้รึเปล่าคะคนพูดวางถุงกระดาษสีน้ำตาลสามใบที่มีตราของร้านลงบนเคาน์เตอร์ คุณป้าฝากไว้ตั้งแต่เมื่อเช้าค่ะก่อนออกไปทำบุญ

    แม่ประยงค์เจ้าของร้านนัดกับเพื่อนสนิทไปถือศีลปฏิบัติธรรมสามวันสามคืนตามประสาคนสูงวัยที่มีใจใฝ่ธรรมะ ด้วยสาเหตุที่มารดาต้องออกเดินทางแต่เช้ามืดปั้นสิบจึงไม่ทันรับรู้ว่าท่านฝากขนมไว้กับแคชเชียร์สาวใหญ่ที่มาช่วยงานตามปกติ

    หญิงสาวฉีกยิ้มกว้าง กอดคนตัวอวบแรงๆ หนึ่งทีก่อนจะหอมแก้มไปฟอดใหญ่

    “พี่กล่อมน่ารักที่ซู้ดดดดดด หนูไปก่อนนะคะ ฝากร้านด้วยน้า”

    “ค่า”

    กลมกล่อมยิ้มตามหลังร่างสูงสมส่วนของลูกสาวเจ้าของร้านที่วิ่งหน้าตั้งออกไปยังรถโฟล์กสวาเกนคันเก่าซึ่งจอดไว้บริเวณที่ว่างด้านข้างอาคาร...

     

    วันนี้ลูกสาวคนเล็กของแม่ประยงค์เจ้าของกิจการร้าน ปั้นสิบ มีธุระสำคัญ เป็นธุระสามัญประจำปีที่ใครๆ ในครอบครัวต่างก็รู้กันดีว่าเป็นวันที่สี่สาวเพื่อนซี้แห่งกลุ่ม อิ๊กซ์นัดรวมตัวกัน

    ปั้นสิบเหยียบคันเร่งด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะสามารถทำได้บนถนนย่านชานเมือง แต่พอเข้าเขตกรุงเทพฯ เจ้าหล่อนก็ต้องยอมทำใจเพราะปริมาณรถที่มากมายเกินจะควบคุมของเมืองไทยในวันนี้ ทำให้เวลารถติดไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะช่วงโรงเรียนเข้าออกหรือเวลาเข้างานเลิกงานอีกต่อไป มันเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ทุกวัน...แม้กระทั่งวันอาทิตย์เช่นนี้

    หญิงสาวใช้เวลาเกือบสามสิบนาทีกว่าจะเข้าสู่ถนนสายธุรกิจใจกลางเมือง ขับมาเรื่อยๆ จนถึงปากซอยจึงเลี้ยวเข้าไปตามแผนที่ที่บุญเดือนสิบส่งมาให้ทางอีเมล เจ้าเต่าต้วมเตี้ยมสีเหลืองมะนาวของเธอค่อยๆ คลานเข้าไปอย่างช้าๆ สายตาก็มองหาร้านกาแฟที่เพื่อนบอกว่าเห็นปุ๊บก็สะดุดตาปั๊บ

    อ๊ะ นั่นไง

    ปั้นสิบร้องบอกตัวเอง เมื่อมองเห็นรั้วไม้ระแนงสูงแค่เอวสีขาวหม่นเพ้นต์ลายเป็นรูปไม้เลื้อยสีน้ำตาลอ่อน หญิงสาวจอดรถบริเวณลานริมรั้วด้านหน้าซึ่งจัดไว้สำหรับลูกค้า ก่อนจะเดินลงมาพร้อมถุงของฝาก

    Bellezza Café เป็นร้านกาแฟที่ดัดแปลงจากบ้านสไตล์โคโลเนียลสองชั้นสีเขียวอ่อนจางจนเกือบขาว ด้านนอกเป็นสวนมีต้นไม้ใหญ่อายุน่าจะถึงร้อยปีดูร่มรื่น กลิ่นดอกไม้หอมโชยมาให้ชื่นใจ ถ้านั่งที่โต๊ะที่จัดไว้บริเวณนี้คงได้บรรยากาศโปร่งสบาย แต่ช่วงเวลาปลายฝนต้นหนาวอย่างนี้นั่งในร้านดูจะปลอดภัยกว่า

    เมื่อผลักบานประตูหลากสีเข้าไปก็พบว่าภายในตกแต่งได้น่านั่งไม่แพ้ด้านนอก พนักงานสาวเดินตรงเข้ามาต้อนรับอย่างสุภาพ ก่อนจะพาไปยังโต๊ะที่จองไว้

    โต๊ะที่บุญเดือนสิบจองไว้เป็นโต๊ะใหญ่ชิดริมหน้าต่างกระจกมองเห็นด้านนอก โซฟายาวกับเก้าอี้นวมแบบกลมสามตัวท่าทางนั่งสบาย แถมมีชั้นหนังสือโปร่งกั้นเป็นสัดส่วนเหมาะแก่การเม้าท์มอย ดูเหมือนใครคนหนึ่งจะมาถึงแล้วเมื่อปั้นสิบหิ้วถุงของฝากกะเล่อกะล่าเข้ามาในร้าน

    นี่เป็นการรวมตัวครั้งที่สิบนับตั้งแต่สี่สาวแห่งกลุ่ม อิ๊กซ์ ผู้มีความเกี่ยวข้องกับเลขสิบแยกย้ายกันไปหลังเรียนจบมัธยมต้น ปั้นสิบอมยิ้มเมื่อนึกถึงวันแรกที่ได้เจอกันในชั้นเรียน ม.1/10 เมื่อสิบกว่าปีก่อน...

     

    สวัสดีค่ะเพื่อนๆ เราชื่อบุญเดือนสิบค่ะ เด็กหญิงตัวเล็กผิวขาวอมชมพูคล้ายเด็กญี่ปุ่นกล่าวแนะนำตัวในชั่วโมงโฮมรูมครั้งแรกของวันเปิดเทอม คุณครูให้ทุกคนออกมาแนะนำตัวหน้าชั้นเรียน โดยให้ไล่เรียงลำดับจากเลขที่ท้ายสุดไปหาเลขที่หนึ่ง ห้อง ม.1/10 มีสมาชิกทั้งหมดสี่สิบสี่คน บุญเดือนสิบเป็นสมาชิกหมายเลขสิบสามที่ใครๆ เรียกว่าลักกี้นัมเบอร์ ราวกับจะแก้เคล็ดในความเป็นตัวเลขแห่งความอับโชค

    เราได้ชื่อนี้มาเพราะเป็นลูกคนที่สิบ และเกิดเดือนสิบ เรามีพี่อีกเก้าคน ชื่อคล้องจองกันหมดทุกคน จะให้บอกมั้ยคะ...’

    เพื่อนๆ หัวเราะกันครืนกับคำถามซื่อๆ ของเด็กหญิงหน้าใส เสียงหัวเราะของสมาชิกในห้องเป็นเสมือนการตอบรับ บุญเดือนสิบจึงท่องชื่อพี่น้องทั้งเก้าคนของเธอให้เพื่อนฟัง หลายคนนั่งอ้าปากค้างเพราะแต่ละชื่อสุดแสนอลังการดาวล้านดวง

    เราชื่อ...ศศิปิลันธ์ค่ะ แปลว่า...ปิ่นพระศิวะ

    คนพูดคือเพื่อนเลขที่สิบสอง มีเสียงวู้ว้าวอื้ออึงกับความหมายอันสูงส่งของชื่อศศิปิลันธ์ เด็กหญิงตาโตตัวผอมบางที่ยืนจะล้มมิล้มแหล่อยู่หน้าห้องฉีกยิ้มอย่างเอ๋อๆ งงๆ แต่นั่นไม่ทำให้ปั้นสิบสนใจเพื่อนคนนี้เท่ากับคำพูดในวลีต่อมา

    ชื่อเล่นว่าฉือ ภาษาจีนแปลว่าสิบ เรา...เราเกิดเดือนสิบ...ในปีที่พ่อกับแม่แต่งงานกันครบสิบปีพอดี

    สองคนแล้วที่ชื่อของพวกเธอมีความเกี่ยวข้องกับเลขสิบ ปั้นสิบตั้งใจฟังเต็มที่เมื่อศศิปิลันธ์ไม่ยอมแพ้บุญเดือนสิบ เธอลำดับรายชื่อพี่ชายและพี่สาวที่คล้องจองแถมไพเราะเพราะพริ้งจนเพื่อนๆ ฮือฮา

    ปั้นสิบเองได้ยินชื่อลูกหลานสองตระกูลนี้แล้วนึกอิจฉา ในใจนึกอยากกลับบ้านไปบอกแม่ว่าให้เปลี่ยนชื่อทั้งพี่ชายและตัวเธอให้เพราะๆ เริดๆ แบบของเพื่อนบ้าง

    คนต่อไปเลขที่สิบเอ็ดค่ะ

    เสียงคุณครูเรียกหมายเลขถัดไป ซึ่งก็ใกล้จะถึงคิวของเธอเต็มที

    ร่างสูงของเด็กหญิงขายาวเดินออกไปหน้าห้อง ใบหน้าสวยเฉียบของเพื่อนคนนี้ทำให้ปั้นสิบถึงกับอึ้งตะลึงงัน นึกในใจว่าเด็กหญิงหน้าตาสวยๆ แบบนี้ โตขึ้นเป็นนางเอกหนังไทยได้สบาย

    สวัสดีค่ะ ชื่อเด็กหญิงอัศฌรา ชื่อเล่นชื่อชาร่าค่ะ

    ว้าว เสียงนักเรียนในห้องพากันอุทานออกมา

    ชาร่านะคะ ไม่ใช่แก่ชรา มาจากภาษาอารบิกว่า ashara แปลว่าสิบค่ะ เพื่อนๆ พากันหัวเราะขำก๊ากกับมุกตลกน่ารักของชาร่า ดูเธอเป็นคนอารมณ์ดีอยู่ไม่น้อย ชาร่าเกิดวันที่สิบเดือนสิบ ทำให้ได้ชื่อนี้มาค่ะ ชาร่าเป็นลูกคนเดียว เกิดที่เมืองนอก ไม่ค่อยได้อยู่เมืองไทย ถ้าชาร่าพูดอะไรไม่เข้าใจ เพื่อนๆ สอนได้นะคะ

    ปั้นสิบอมยิ้มกับสำนวนการพูดแปร่งๆ ของชาร่า หน้าตาเธอเหมือนเป็นลูกครึ่งแถมมีชื่อเล่นที่แปลกไม่เหมือนใคร ที่สำคัญ...ความหมายของคำว่าชาร่า...สิบ

    เด็กหญิงสามคนที่มีชื่อเกี่ยวข้องกับเลขสิบ เกิดเดือนสิบ โชคชะตาหรือฟ้าลิขิตให้เธอทั้งสามมาเรียนอยู่ห้องเดียวกับปั้นสิบ

    เลขที่สิบมาไหมคะ เลขที่สิบ

    เสียงของคุณครูทำให้ปั้นสิบสะดุ้ง เลขที่สิบ...ถึงคิวของเธอแล้ว

    เด็กหญิงผมหยักศก ร่างอ้วนกลม ผิวสีน้ำผึ้ง ผู้มีใบหน้าคมคายอย่างไทยแท้เดินออกจากที่นั่งหลังห้องไปยืนอยู่ด้านหน้า ดวงตายาวรีกวาดสายตาไปทั่วห้องสบตาเพื่อนที่มองตรงมาที่เธอ

    สวัสดีค่ะ เราชื่อเด็กหญิงปั้นสิบ

    ฮา เสียงหัวเราะของเพื่อนๆ ทั้งห้องดังขึ้นพร้อมเพรียงกัน

    ชื่ออะไรนะเธอ

    ปั้นสิบค่ะ ชื่อขนมไทยชนิดหนึ่ง อร่อยนะ แม่เราทำขายด้วย

    เด็กหญิงฉีกยิ้มอย่างเป็นมิตร ก่อนจะพูดต่อไปว่า ชื่อจริงแม่เราตั้งให้ เพราะเราเกิดห่างจากพี่ชายสิบปี เราชื่อเล่นชื่อเท็น พี่ชายเป็นคนตั้งให้ พี่เราชื่อปั้นหยา

    ฮ่าๆๆ เสียงเพื่อนๆ หัวเราะดังกว่าเดิม ปั้นสิบคาดว่าคงไม่มีชื่อไหนฮาเท่าพี่ชายเธออีกแล้ว

    ปั้นหยาแปลว่าอะไรเสียงใครสักคนร้องถาม

    ไม่รู้ เดี๋ยวเย็นนี้กลับไปถามแม่ให้ เด็กหญิงตอบพาซื่อ เพื่อนๆ หัวเราะกันลั่นห้องจนคุณครูต้องปรามให้ฟังเพื่อนพูดต่อ ปั้นสิบเกาศีรษะแกรกไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากบอกเพื่อนๆ ว่าแม่ฝากขนมมาให้ทุกคนทานเป็นการแสดงความยินดีที่ทุกคนในห้องได้มาเจอกัน นั่นแหละที่ทำให้เพื่อนหยุดหัวเราะ เด็กๆ อีกเก้าคนออกมาแนะนำตัวไล่ย้อนไปจนถึงเลขที่หนึ่ง สุดท้ายพอครูออกจากห้องเพื่อนๆ ก็กรูกันมาชิมขนมปั้นสิบฝีมือแม่ประยงค์กันหนุบหนับๆ

     

    จากวันนั้นถึงวันนี้ กว่าสิบปีที่สี่สาวกลายเป็นเพื่อนร่วมก๊วน ทำอะไรทำด้วยกัน ไปไหนไปกัน เรียกได้ว่าต่างคนต่างเป็นเงาของกันและกันมาอย่างยาวนาน

    นอกจากความเกี่ยวพันกับเลขสิบ เลขมหัศจรรย์ที่ทำให้ปั้นสิบได้มาพบกับเพื่อนสนิททั้งสามแล้ว ลักษณะนิสัยใจคอที่แตกต่าง บุคลิกที่ไปกันคนละทางอย่างสุดขั้ว กลับกลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ

    บุญเดือนสิบ...หรือชิปปี้ เพื่อนตัวเล็กที่สุดแต่ดูเหมือนจะเป็นผู้ใหญ่มากกว่าใคร เธอเป็นสาวช่างฝันที่เชื่อเรื่องโชคลาง แต่อีกด้านก็เต็มไปด้วยตรรกะและเหตุผล ไม่ว่าจะทำอะไรต้องเป็นขั้นเป็นตอนผ่านการกลั่นกรองและวิเคราะห์ประมวลผล ความสุขุมคัมภีรภาพของบุญเดือนสิบเป็นสิ่งที่ปั้นสิบแอบอยากมีอย่างเพื่อนบ้าง

    สมัยเด็กๆ ปั้นสิบชอบอ่านการ์ตูน และบุญเดือนสิบมีการ์ตูนตาหวานของญี่ปุ่นมากมายมาให้ยืมอ่าน เธอเป็นเจ้าแม่ทุกกิจกรรมที่เกี่ยวกับญี่ปุ่น ใฝ่ฝันอยากไปเรียนที่นั่นตั้งแต่เด็ก แล้วเธอก็ได้ไปที่นั่นสมดั่งใจ

    อัศฌรา...หรือชาร่า เจ้าของวันเกิดวันที่สิบเดือนสิบ คุณหนูผู้มองโลกในแง่ดี สวยเริดแต่ไม่เชิดหยิ่ง ชาร่าของแท้ต้องแบรนด์เนมทั้งตัว ไม่ได้อวดรวย แต่นั่นเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของไฮโซระดับลูกสาวท่านทูต หลานสาวท่านรัฐมนตรี และหลานประธานบอร์ดองค์กรยักษ์ใหญ่ อัศฌรามีครบทุกอย่าง ปัญหาของเธอมีเพียงเรื่องเดียว...แฟน

    สาวสวยที่สุดในกลุ่มมีแฟนมาแล้วจนถึงคนปัจจุบันเป็นคนที่เก้า ทุกคนที่เลิกรากันไปถ้าไม่เจ็บปางตายก็อย่างน้อยคางเหลือง เลขเก้าเป็นเลขมงคลตามความเชื่อของคนไทย หวังว่าหญิงสาวที่น่ารักอย่างคุณหนูชาร่าคงได้คู่ใจตัวจริงในคราวนี้

    ส่วนคนสุดท้ายที่ปั้นสิบสนิทด้วยมากที่สุดเพราะเรียนที่เดียวกันจนจบชั้น ม.6 คือศศิปิลันธ์...ยัยฉือจอมขยันผู้ซึ่งรักวิชาคณิตศาสตร์เป็นชีวิตจิตใจ เป็นต้นฉบับการบ้านของปั้นสิบมาตั้งแต่ ม.1 แทบจะทุกวิชา ยกเว้นพลศึกษาที่คนเป็นนักกีฬาสามารถเอาตัวรอดเองได้ แม่สาวนักประดิษฐ์ชอบคิดนี่นั่นโน่นแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาทำมาแจกให้เพื่อนนำไปใช้ ใครไม่สนไม่ใส่เธอจะตื๊อจะง้องแง้งจนเพื่อนใจอ่อนยอมหยิบไปใช้ให้เห็นสักครั้งคนทำก็ชื่นใจ

    ที่สำคัญเห็นตัวบางๆ อย่านึกว่าเป็นพวกกินยากอยู่ยาก ใครคิดเช่นนั้นก็ผิดถนัด...เพราะศศิปิลันธ์เป็นพวกนิยมการบริโภคของอร่อย มาถึงก่อนแบบนี้ปั้นสิบเองก็ชักหนาว...แม่เพื่อนสาวสั่งอะไรไปบ้างต้องรอดูกัน...

     

    หญิงสาวนัยน์ตาโตเงยหน้าจากการรื้อค้นอะไรบางอย่างในถุงย่ามเมื่อปั้นสิบวางมือเรียว (แต่แอบหนัก) ลงบนบ่าเล็กๆ ของคนตัวบาง ใบหน้าสวยราวกับตุ๊กตาริมฝีปากสีชมพูเรื่อคลี่ยิ้มหวาน

    “เท็นจ๋า”

    น้ำเสียงใสๆ อย่างนี้แหละ...ศศิปิลันธ์ แม่ปิ่นพระศิวะที่เป็นเหมือนน้องน้อยของกลุ่ม เอาอกเอาใจเป็นที่หนึ่ง พูดไพเราะพูดหวานหูไม่มีใครเกิน

    ยังไม่ทันที่ปั้นสิบจะพูดอะไรกองทัพขนมมากมายก็ถูกลำเลียงมาวางบนโต๊ะ เค้กห้าชิ้นประกอบไปด้วยเค้กไวท์ช็อกโกแลต เค้กส้มครีมสด บานาน่าอเมริกาน่า พายฟักทอง และมิกซ์ฟรุตทาร์ต ตามด้วยถาดเงินสามชั้น มีคานาเป้สารพัดหน้าราวยี่สิบชิ้นบนนั้น รวมไปถึงกาแฟปั่นแก้วใหญ่ซึ่งปั้นสิบไม่ได้ใส่ใจว่ามันมีชื่อว่าอะไร แต่สิ่งที่สงสัยก็คือ...

    ฉือ...แกสั่งมากะกินถึงเย็นเลยเหรอ

    ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของเพื่อนซี้ไม่ต้องบอกก็รู้ที่ถามนั้นเอาจริง ศศิปิลันธ์รีบประจบ

    ก็มันน่ากินอ่ะ นะ นะ ร้านนี้ชิปปี้บอกว่าขนมเค้าอร่อย ที่สั่งๆ มานี่ตัวท็อปของร้านล้วนๆ เลย จะได้ชิมหลายๆ อย่าง วันนี้ฉือเลี้ยงนะ วันก่อนเพิ่งได้ค่าจ้างมา

    ปกติปั้นสิบไม่ค่อยชอบขนมฝรั่ง แม้จะเคยไปเรียนคอร์สภาษาอังกฤษที่เมืองนอกกับเขามาบ้าง แต่เธอก็ไม่คุ้นชินกับอาหารพวกนมเนย อาจเป็นเพราะหญิงสาวเติบโตมากับขนมไทย อยากกินอะไรแม่ประยงค์ก็ทำให้ได้ราวกับเนรมิต

    “แล้วขนมฉันล่ะยะ”

    สาวห้าวชูถุงขนมสามใบที่มารดาฝากมาให้เพื่อนๆ อย่างที่เรียกได้ว่าเต็มอัตราศึก

    เอากลับไปกินบ้านไง ไปแบ่งพี่ฉัตรด้วย แต่ส่วนใหญ่เค้าให้ฉือกินกันน่ะ แค่นี้ฉือกินคนเดียวหมดน่า

    เด็กปอบ

    ลูกสาวแม่ประยงค์บ่นพึมพำ หมั่นไส้คนผอมบางปานจะปลิวลมที่ไม่ว่าจะรับประทานอะไรก็ไม่ทำให้อ้วนขึ้นมาได้

    สาวร่างสูงวางของฝากลงบนโซฟาก่อนจะทิ้งตัวลงนั่ง

    ยังไม่มีใครมาอีกเหรอเนี่ย กำลังคันปาก อยากเม้าท์สุดๆ

    เล่าๆ

    “ไม่เอา รอทุกคนมาพร้อมกันก่อนจะได้ไม่ต้องเล่าหลายหน

    คนอยากฟังแต่ไม่กล้าเซ้าซี้เพื่อนได้แต่กะพริบตาปริบๆ ฆ่าเวลาด้วยการหยิบถุงผ้าใบเขื่องหนึ่งในสามใบที่เตรียมไว้ออกมาจากย่ามญี่ปุ่น

    ของเท็นจ้ะ ตะเกียบเสียบผม โดนัทมัดผม สร้อยข้อมือ...”

    ปั้นสิบพยายามปั้นหน้าว่าดีใจได้เกือบสำเร็จ ถ้าประโยคถัดไปของศศิปิลันธ์จะไม่ทำให้เกิดอาการเหมือนโดนมีดปักหลังดังฉึก

    แล้วของคราวที่แล้วล่ะ ใส่บ้างป่าว

    แม้จะอยากบอกว่า ใครจะไปใช้ของแกวะแต่พอมองตาแป๋วๆ กับยิ้มใสๆ ของแม่ตาโตแล้วก็พาให้ใจอ่อนระคนอ่อนใจ จึงตอบไปไม่เต็มปากเต็มคำนัก

    อือ

    สาวผิวสีน้ำผึ้งคลี่ถุงผ้าออก ภายในบรรจุตะเกียบไม้สำหรับเสียบผมราวสิบคู่ มีทั้งแบบไม้สีธรรมชาติ สีขาว และสีดำ แบบไม้กลม สี่เหลี่ยมและสามเหลี่ยม ทุกคู่เพ้นต์ลวดลายสวยงาม ปลายด้านนอกประดับเชือกถัก ลงแล็กเกอร์มันวาว บางคู่ปลายเป็นเปลือกหอย บางคู่ก็ประดับหินสี สุดแล้วแต่คนออกแบบจะสรรหาวัสดุมาได้ งานทุกชิ้นประณีตบรรจงแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของคนทำ แม้จะเป็นคนไม่ชอบใส่อะไรกุ๊กกิ๊กมากมาย แต่ก็มีบ่อยครั้งที่พยายามเลือก ของฝาก จากแม่ตุ๊กตาฝรั่งชิ้นที่ถูกจริตกับเธอที่สุดเอามาใช้พอให้เพื่อนไม่น้อยใจ

    อันนี้ทำสีแมนๆ ให้เท็นโดยเฉพาะเลยนะ

    ศศิปิลันธ์นำเสนอ

    เออ

    ปั้นสิบตอบห้วนๆ ตามประสา นิสัยพูดจาโผงผางไม่ค่อยมีหางเสียงที่เป็นมาแต่เด็กของสาวห้าวเป็นอีกลักษณะหนึ่งซึ่งเพื่อนในกลุ่มอิ๊กซ์คุ้นเคย อาจเป็นเพราะปั้นสิบเป็นลูกสาวคนเดียวแถมมีพี่ชายต่างวัยเป็นต้นแบบ ไม่ว่าจะกิริยาท่าทางหรือการพูดจาล้วนแล้วแต่ถอดแบบมาจากปั้นหยา...ผู้ชายที่ปั้นสิบรักและเคารพรองลงมาจากพ่อ

    เท็นชอบแบบนี้มั้ย ฉือทำให้ได้นะ...

    ศศิปิลันธ์หมายถึงตะเกียบเสียบผมในถุงอีกใบที่เธอหยิบออกมาสำรวจความเรียบร้อย ดูจากสีสันที่ออกแนวพาสเทล ชมพูอ่อน ฟ้า เขียว กับลวดลายกิ๊บเก๋ประเภทการ์ตูน ลูกโป่ง ดอกไม้ ปั้นสิบคาดเดาได้ไม่ยากว่าของในถุงนี้น่าจะทำมาให้ใคร

    ...สาธุ ดีนะที่เราไม่ได้เป็นคนตัวเล็กน่ารักแบบชิปปี้ แค่เห็นลายการ์ตูนก็สยองแล้ว

    ปั้นสิบทำหน้าปูเลี่ยนๆ ไม่ได้ตอบอะไรออกไป ยังผลให้คนชอบเอาใจตั้งคำถามอีก

    ...สีคราวที่แล้วชอบหรือเปล่า

    อือ

    อุตส่าห์ตอบสั้นๆ แต่คำถามกลับยิ่งยาวขึ้นเรื่อยๆ

    ชอบสีไหนมากกว่ากันล่ะ สีโทนเขียวคราวก่อน หรือจะเอาพวกสีอิฐแบบอันที่ประดับเซรามิกน่ะ

    ...อร๊ายยยย ยัยฉือ ใครจะไปจำได้ ไอ้แบบนี้มีเป็นร้อยอันแล้วมั้ง

    สาวผมหยักศกเกาหัวแกรกๆ นึกหาวิธีไม่ต้องตอบคำถามของคุณเพื่อนที่ยากยิ่งกว่าข้อสอบปลายภาควิชาคณิตศาสตร์สมัยเรียนมัธยม

    คอแห้ง

    เบี่ยงประเด็นไปแบบส่งเดชแต่กลับได้ผล คนใส่ใจเพื่อนในทุกเรื่องรีบคว้าเมนูเครื่องดื่มที่วางอยู่ใกล้มือมาส่งให้ นิ้วเรียวสวยชี้ชวนไปตามรายการที่มีทั้งตัวอักษรและภาพประกอบสวยงาม

    เท็นดื่มอะไรดี กาแฟ หรือชาดีล่ะ น้ำผลไม้ไม่ใส่น้ำตาล หรือน้ำผักแยกกากก็มีนะ ฉีกยิ้มหวานเชิญชวนประหนึ่งเป็นเจ้าของร้านคอยเชียร์ลูกค้า ยังไม่ทันที่ปั้นสิบจะให้คำตอบก็มีเสียงเล็กๆ แทรกขึ้นมา

    “ร้านนี้ลาเต้อร่อย ยิ่งลาเต้อาร์ต...ศิลปะบนฟองนม...ยิ่งมีชื่อ เราขอแนะนำ”

    สองสาวหูผึ่งละสายตาจากเมนูเงยหน้าขึ้นมองโดยพลัน ผู้มาเยือนคือหญิงสาวร่างเล็กใบหน้าจิ้มลิ้มตากลมโตราวกับตุ๊กตา ผมสีน้ำตาลเข้มรวบไปมัดเป็นก้อนกลมไว้กลางกระหม่อม เสื้อยืดสีเทาแขนยาวพิมพ์ลายแมวเหมียวสีขาวกับสีดำอย่างละตัวทับเสื้อลูกไม้สีขาวตัวยาวและกางเกงผ้าสามส่วนกุ๊นขาสีดำ เรียบง่ายแต่ดูดีและน่ารักตามแบบฉบับของสาวจากแดนซากุระ

    แน่ล่ะ เจ้าของเสียงเล็กๆ น่ารักสมตัวจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก...บุญเดือนสิบ

    ปั้นสิบอมยิ้มพินิจใบหน้าเพื่อนฝั่งตรงข้ามแล้วหันกลับมามองคนนั่งข้างๆ

    ...สองคนนี้จะตาโตไปไหน

    แต่จะว่าไปสองสาวตาโตประจำกลุ่มนั้นมีความแตกต่าง หากเปรียบศศิปิลันธ์เป็นตุ๊กตาก็คงเป็นตุ๊กตาแบบ Ball Jointed Doll หรือที่เรียกกันว่า BJD ค่าที่มีใบหน้าเรียวได้รูป จมูกนิด ปากหน่อย ดวงตากลมโตมีประกายใสเหมือนแก้ว ที่สำคัญคือรูปร่างโปร่งบางแต่แคล่วคล่องกระฉับกระเฉง ขายาวแขนยาวมือเรียวสวย ถึงขนาดเป็นนางแบบมือในโฆษณาสินค้าทางโทรทัศน์และแม็กกาซีนมาแล้วหลายชิ้น

    ขณะที่บุญเดือนสิบนั้นตัวเล็กๆ น่ารักเหมือนตุ๊กตาญี่ปุ่นที่มีใบหน้าสวยจิ้มลิ้ม แก้มใสอมชมพู ตาโตฉายแววฉลาดแฝงไว้ด้วยความช่างฝัน แม้จะตัวไม่สูงเท่าเพื่อนในกลุ่มแต่ก็มีรูปร่างสมส่วน ผิวพรรณมีน้ำมีนวลแบบคนสุขภาพดี

    เก้าอี้นวมตัวกลมตรงข้ามโซฟายาวที่ปั้นสิบกับศศิปิลันธ์นั่งอยู่ถูกจับจองโดยคนมาใหม่ พลางมองดูทุกสิ่งทุกอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างไม่แปลกใจ

    ฉือสั่งล่ะสิ อุ๊ย นี่แกรนด์คานาเป้ กำลังจะแนะนำอยู่ทีเดียว เค้าว่ามีหน้าฟัวกราส์ด้วยนะ

    ใช่ๆ ฉือสั่งเพราะเห็นมีนี่ แล้วก็มีหน้าคาเวียร์ด้วยล่ะศศิปิลันธ์เออออตามเพื่อนทันที

    จากนั้นแม่ตุ๊กตาทั้งสองก็พร้อมใจกันชี้ชวนชมคานาเป้ไม่ซ้ำแบบบนถาดสามชั้น เครื่องดื่มขึ้นชื่อของร้านถูกสั่งมาสองที่ จนเมื่อพนักงานนำมาเสิร์ฟเรียบร้อย สามสาวก็เริ่มชิมเค้กโน่นนิดนี่หน่อย

    “ไหนเท็นว่ามีอะไรจะเล่าไง”

    ศศิปิลันธ์พาวกเข้าเรื่องเดิมที่อยากรู้ บุญเดือนสิบเองก็ดูเหมือนจะสนใจอยากรับฟัง แต่ยังสงวนท่าที

    “รอยัยชราก่อนสิ”

    คิดว่าตอบไปแบบนี้แม่ตาโตจะหันไปสนใจของกินต่อ ที่ไหนได้ศศิปิลันธ์คว้าโทรศัพท์กดเบอร์สมาชิกคนสุดท้ายอย่างรวดเร็ว

    พลันที่เสียงไวโอลินบรรเลงเพลง Summer หนึ่งใน The Four Seasons ของ Vivaldi* ดังสนั่นขึ้นในร้าน สามสาวที่กำลังสุมหัวกันถึงกับวงแตก ด้วยเจ้าของโทรศัพท์คงเปิดโวลุ่มไว้ระดับดังที่สุดของที่สุด ประกอบกับบรรยากาศภายในร้านค่อนข้างเงียบ ทำให้เสียงดนตรีกระหึ่มขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

    เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือที่เป็นเพลงบรรเลงชุด The Four Seasons นี้เป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของสาวสวยสมาชิกคนสุดท้ายผู้ให้นิยามเพื่อนในกลุ่มอิ๊กซ์ด้วยฤดูที่แตกต่าง

    ศศิปิลันธ์เป็นตัวแทนของความสดใสในฤดูร้อน บุญเดือนสิบแทนความอ่อนหวานโรแมนติกแห่งฤดูหนาว ปั้นสิบเป็นพวกสีสันร้อนแรงเหมือนใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ส่วนอัศฌราผู้มีสีสันหลากหลาย...เธอคือฤดูใบไม้ผลิ

    จะเรียกทำไม มาถึงแล้วย่ะคุณๆ ทั้งหลาย ไม่สาย ไม่หลงทางด้วย”

    ผู้มาใหม่เป็นสาวสวยทรงนางแบบในชุดเดรสสั้นคอลึกสีชมพูอ่อน เนื้อผ้าเป็นผ้าทอพิเศษ จับลายตามแขนและคอเป็นดอกไฮเดรนเยียสีเทาเข้มสลับดำ สวมสเว็ตเตอร์ตัวบางตัดเย็บจากผ้าเนื้อเดียวกันทับด้านนอกอีกชั้น กระเป๋ารองเท้าเข้าชุดกันทั้งแบบและสี แลดูหรูคุณหนูไฮโซไปทั้งตัว

    หากเปรียบอัศฌราเป็นตุ๊กตาก็คงเทียบได้กับตุ๊กตาบาร์บี้ สวย คลาสสิก และมีสีสันหลากหลาย ไม่ว่าบาร์บี้จะมาในมาดนางเอกในเทพนิยายเรื่องใดก็กลมกลืนและดูดีไปหมด หรือถ้าจะแต่งเป็นสาวสวยทันสมัยก็เข้ากันได้ไม่มีเคอะเขิน

    มาแล้วคุณนายชราปั้นสิบเปรยเบาๆ ชุดเริดอีกแล้ววันนี้ มียี่ห้อแน่ๆ

    ชาแนลศศิปิลันธ์เฉลย

    รู้ด้วย เจ้าของชุดทำหน้าทึ่งที่แม่ตุ๊กตาฝรั่งตอบทันทีทันควันโดยไม่ต้องคิด ทั้งที่สาวตาโตไม่ได้นิยมชมชอบอะไรกับสินค้าแบรนด์เนม เครื่องแต่งกายของศศิปิลันธ์เองก็ไม่ได้เน้นหรูหราราคาแพง ออกแนวฮิปปี้ชิก เก๋บวกหวานเสียมากกว่า

    อื้อ วันก่อนลูกค้าของสิบพันไปซื้อชุดวันหมั้น แบบนี้เปี๊ยบ หมื่นกว่าๆ

    ศศิปิลันธ์เป็นนักประดิษฐ์ของชำร่วย ขณะที่สิบพันแฟนหนุ่มหรือที่ปั้นสิบเรียกเขาขำๆ ว่า เฮียหมื่น เป็นนักจัดงานอีเวนต์ โดยอาชีพแล้วต้องพบปะผู้คนมากหน้า ลูกค้าหลากหลายรสนิยม ไม่ใช่เรื่องแปลกที่แม่ตัวดีจะรู้เรื่องเหล่านี้

    ระหว่างรอเครื่องดื่มที่สั่งเพิ่มไปอีกหนึ่งรายการ อัศฌราก็เริ่มอวดผลงานออกแบบของเธอด้วยสีหน้ายิ้มแย้มภูมิใจนำเสนออย่างที่สุด ถุงกระดาษใบเล็กสีชมพูเคลือบมันบ่งบอกความหวานระคนหรูเลิศ มีตัวอักษรสีเทาขึ้นลายนูนพะยี่ห้อ ’ashara ชื่อภาษาอังกฤษของอัศฌราซึ่งมีความหมายว่า สิบ ถูกส่งให้เพื่อนๆ คนละใบ

    คนที่ดูเหมือนจะมีปฏิกิริยาตอบรับเร็วที่สุดคือศศิปิลันธ์ ด้วยความที่เจ้าหล่อนเป็นนักประดิษฐ์คิดสร้างสรรค์ตัวยง คงอดแปลกใจไม่ได้ที่คุณหนูอย่างอัศฌราจะออกแบบอะไรที่กิ๊บเก๋แถมดูดีมีราคาเริ่มตั้งแต่การออกแบบ ถุง กันเลยทีเดียว

    มือเรียวสวยของตุ๊กตาฝรั่งค่อยๆ แกะสติ๊กเกอร์สีเงินมันวาวที่ติดไว้ตรงปากถุง ก่อนจะพบว่าผ้าพันคอที่คุณนายชราบรรจงจัดมาให้นั้นเป็นผ้าชีฟองใสบางเบา ลวดลายในเนื้อผ้าเป็นจุดจางๆ กุ๊นขอบไล่เฉดจากเข้มไปอ่อน ปั้นสิบมองดูยังงั้ยยังไงก็ไม่อาจมองเห็นว่ามันจะไปกันได้กับชุดแนวฮิปปี้ชิกที่ศศิปิลันธ์สวมใส่...เสื้อตัวยาวสีม่วงดอกตะแบกปักลูกปัดแก้วหลากสีหลายขนาดกับกางเกงผ้าฝ้ายเนื้อหนาสีขาวแค่เข่า ยังไม่นับกำไลข้อมือพวงใหญ่ สร้อยคอ และรองเท้าส้นเตี้ยสีม่วงที่ตรงส่วนสานปักลูกปัดเป็นรูปคล้ายผีเสื้อ ทุกอย่างเต็มไปด้วยลูกปัดและสีสัน

    สาวนักเรียนนอกผู้เติบโตมาในวงสังคมชั้นสูงอย่างอัศฌรามีหรือจะมองไม่ออกว่าผ้าพันคอแบบไหนควรจะเข้ากันหรือไม่เข้ากันกับเสื้อผ้าแบบใด ผ้าพันคอของศศิปิลันธ์ออกแบบมาอย่างสวย แต่...แค่ไม่เข้ากับผู้รับเท่านั้นเอง ปั้นสิบแอบอมยิ้ม...งานนี้แม่นักประดิษฐ์ประจำกลุ่มกำลังถูก เอาคืน โดยนักออกแบบคนใหม่

    แต่มีหรือที่นักประดิษฐ์อย่างศศิปิลันธ์จะยอมง่ายๆ มือเรียวสวยหยิบผ้าผืนนั้นทบเป็นเส้นยาวแล้วปลดสร้อยคอออกมาพันรอบๆ ผ้า นำมาคาดเอวกลายเป็นเข็มขัดสุดเก๋ เข้ากับชุดที่สวมใส่อยู่อย่างไม่น่าเชื่อ นอกจาก รับมือได้อย่างน่าทึ่งแล้ว ศศิปิลันธ์ยัง โต้กลับ ด้วยการประเคนสร้อย ต่างหู และกำไลชุดใหญ่สุดอลังการ เป็นของแจกสุดพิเศษให้กับคุณหนูผู้มากับของแบรนด์เนม งานนี้คนรับแทบจะกรี๊ดสลบเมื่อสาวตาโตจัดเต็มขอให้ใส่สร้อยเส้นเท่าบ้านที่เจ้าตัวคนทำภูมิใจนำเสนอ

    สองสาวผู้สังเกตการณ์หัวเราะกันคิกคัก ก่อนที่บุญเดือนสิบจะเอ่ยถาม

    ร้านของชาร่าจะเปิดเมื่อไหร่

    ตามกำหนดที่ตั้งใจเอาไว้ก็เป็นกลางเดือนธันวา...” อัศฌราผู้ซึ่งกำลังพยายามทำความคุ้นเคยกับน้ำหนักของสร้อยคอสุดอลังการหันมาตอบก่อนจะอธิบายให้เพื่อนๆ ฟังถึงรายละเอียดมากมายในการตกแต่งร้าน ลูกสาวท่านทูตเปิดร้านทั้งทีแน่นอนว่าทุกอย่างต้องออกมาสมบูรณ์แบบและดูดีมีรสนิยม วัสดุชั้นดี วอลล์เปเปอร์และเฟอร์นิเจอร์สั่งทำพิเศษ ปั้นสิบฟังแล้ววาดภาพวันเปิดร้านของเพื่อนเอาไว้อย่างหรู ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะติดธุระอะไรยังไงสาวห้าวก็ตั้งใจว่าต้องไปร่วมงานให้ได้

    “ชิปปี้กับเท็นเปิดดูของฝากสิว่าถูกใจมั้ย ว่าจะเอาไปวางขาย แต่ไม่ทำสีซ้ำนะ ที่ให้ไปเนี่ย ในโลกนี้มีอย่างละผืนเท่านั้น รับรองว่าไม่มีทางโหลเด็ดขาด ตามสโลแกนของร้าน ’ashara ที่ขายความโดดเด่น”

    ว่าที่เจ้าของร้านโฆษณาเป็นชุด ปั้นสิบเลยอดไม่ได้ที่จะต้องขัดคอ

    “เวอร์ป่ะ”

    แม้จะแซวเพื่อนไปแบบนั้น แต่เมื่อสาวห้าวเปิดถุงก็ต้องผิวปากหวืออย่างพอใจ เพราะดีไซน์ของอัศฌราทั้งดูดีและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผ้าพันคอเนื้อนุ่มทำจากผ้าไหมลายเรขาคณิตสีเทาเข้ม เข้ากับการแต่งตัวแบบลำลองไม่มีพิธีรีตองของเธออย่างเหมาะเหม็ง

    แต่...การแกล้งเพื่อนเป็นเรื่องธรรมชาติ ไหนเลยปั้นสิบจะใช้ผ้าพันคอ พันคอ ตามที่มันควรจะเป็น หญิงสาวค่อยๆ คลายผมที่ถักเป็นเปียไว้แล้วถักใหม่พร้อมกับผ้าพันคอ ผืนเดียวในโลกของอัศฌราแทรกเป็นลวดลายในผมเปียนั่น ยังไม่พอ ปลายผ้าที่เหลือยังขมวดปมแล้วคลี่เป็นโบ ผมเปียเรียบๆ ในตอนแรกกลายเป็นเปียเก๋ๆ ที่มีกิมมิกน่าสนใจขึ้นมาทันที

    ด้วยความที่ของฝากถูกใช้งานผิดประเภทถึงสองครั้งสองครา แม้ผลงานของสาวห้าวจะออกมาสวย แต่สำหรับเจ้าของผลงานดีไซน์สุดไฮโซเห็นแล้วคงอยากกรีดร้องพร้อมทั้งริบของฝากกลับคืน

    “สร้างสรรค์ผิดกาลเทศะมากค่ะคุณเพื่อน”

    อัศฌราโวยเบาๆ เมื่อ ผ้าพันคอ ที่ออกแบบอย่างเริดถูกดัดแปลงเป็นสายรัดเอวกับโบผูกผม ทว่าสองสาวหัวคิดสร้างสรรค์ไม่สนใจหันไปตีมือกันหน้าระรื่นประหนึ่งแข่งเทควันโดชนะได้เหรียญทองกีฬาแห่งชาติ ยังผลให้คนออกแบบ ของหรูไม่มีโหล เตรียมประทุษร้ายแม่ตัวแสบทั้งสองอย่างเต็มที่

    สวยจังชาร่า...”

    เสียงเล็กๆ ของบุญเดือนสิบประหนึ่งระฆังที่ดังขึ้นเมื่อกรรมการนับแปด ช่วยชีวิตสาวห้าวกับแม่ตาโตเอาไว้ได้ทันท่วงที อัศฌราหันไปสนใจตุ๊กตาญี่ปุ่นที่กำลังคลี่ผ้าพันคอไล่สีฟ้าอ่อนแก่สลับเทาออกมาทบไปทบมาอย่างชำนาญ เมื่อลองใช้พันคอก็พบว่าเข้ากับสาวตัวเล็กตรงหน้าอย่างเหมาะเหม็ง สมกับที่ดีไซเนอร์คนใหม่ออกแบบมาเพื่อบุญเดือนสิบโดยแท้

    อย่าลืมใส่ไปทำงานล่ะ สีฟ้ากับสีเทาเป็นสีโปรดของใครก็ไม่รู้ ใช่มั้ย รับรองสะดุดตาปิ๊งแน่

    สะดุดตาปิ๊งปั๊งอะไรกัน สีโปรดของใครก็ช่างเถอะ คุณหนูไฮโซพูดล้อๆ แค่นิดเดียวแต่ตุ๊กตาญี่ปุ่นดูจะเขินหนัก แก้มใสขึ้นริ้วสีชมพูจาง อย่ามานอกเรื่องหน่อยเลย แค่เรื่องงานมหาโหดก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว

    ฉึก!

    พูดเรื่องผู้ชายไม่เท่าไหร่ แต่พูดเรื่องงานขึ้นมาตอนนี้เอาปืนมายิงกันเลยดีกว่า

    มีงานให้ปวดหัวดีกว่าไม่มีงานให้ปวดหัวนะ ปั้นสิบบ่นเสียงอ่อย ยังผลให้เพื่อนๆ หันมาสนใจในบัดดล สามสาวขมวดคิ้วพร้อมเพรียงกัน พร้อมกับคำถาม

    มีปัญหาอะไรที่ทำงานหรือเปล่าเท็น

    ไม่มีที่ทำงานให้มีปัญหาแล้วล่ะ เพราะ...” สาวห้าวหยุดสูดหายใจหนึ่งวินาที ก่อนเฉลยเรื่องที่ศศิปิลันธ์อยากรู้นักหนาเราเพิ่งออกจากงาน...เมื่อวานซืน

    อ้าว เพื่อนสนิททั้งสามแทบจะประสานเสียงกัน อีกแล้วเหรอ

    ปั้นสิบฉีกยิ้มแหยๆ

    หวังว่าจะไม่ได้ไปทำอะไรไว้อีกนะเท็น

    ทำ

    คำตอบของเจ้าหล่อนทำให้เพื่อนๆ อ้าปากค้าง

    คราวก่อนเตะผ่าหมากจนเจ้านายแทบสูญพันธุ์ คราวนี้ล่ะ

    ไม่สูญพันธุ์ แต่เกือบเสียชีวิต

    หวายยย เท็นทำอะไรนายคนนั้น อัศฌราหวีดร้องตามสไตล์คุณหนูของเจ้าหล่อน แล้วเค้าเป็นอะไรมากมั้ย

    ไม่เท่าไหร่หรอกชาร่า แค่หัวแบะ

    ทำไมรุนแรงขนาดนั้นล่ะเท็น บุญเดือนสิบถามด้วยความตกใจ ขณะที่อัศฌรานั่งทำตาปริบๆ กรี๊ดต่อไม่ออกเนื่องจากน่ากลัวเกิ๊น

    ตาแก่นั่นเลวมาก หลอกให้เราอยู่ทำงานจนดึก อ้างว่าลูกค้าจากสิงคโปร์ต้องการรายงานผลการทดสอบสินค้าด่วนมากเพื่อประกอบการตัดสินใจสั่งของล็อตใหญ่ เรานั่งพิมพ์ให้ตั้งแต่บ่ายสามกว่าจะเสร็จก็เกือบเที่ยงคืน

    โห ศศิปิลันธ์ห่อปาก นัยน์ตาโตแป๋วแหววกะพริบถี่ๆ ตั้งใจฟังคำบอกเล่าของเพื่อน

    มันหวังจะปล้ำเรา แอบเอายานอนหลับใส่ในกาแฟให้เราดื่ม ดีที่เราไม่หลงกล อมกาแฟไว้ใต้ลิ้นแล้วขอตัวไปห้องน้ำ

    บ้วนทิ้งเหรอเท็นบุญเดือนสิบสันนิษฐาน เหมือนในหนังเลย

    ฉลาดสมเป็นชิปปี้ ปั้นสิบพยักหน้า พอออกมาเราทำเป็นสะลึมสะลือ หมอนั่นปรี่จะเข้ามาประคอง เราเลยแบ็กไซด์คิกเข้าให้ แถมด้วยฝ่ามือพิฆาต และปิดท้ายด้วยแจกันลายคราม

    สามสาวพากันทำหน้าสยดสยองเนื่องจากจินตนาการตามคำบอกเล่าจึงเห็นภาพเหตุการณ์ลอยอยู่ตรงหน้าชนิดชอตต่อชอต ประหนึ่งคนเล่าเป็นนางเอกในหนังเรื่องเผ็ดสวยโหด และเพื่อนๆ กำลังนั่งชมในโรงภาพยนตร์

    จะว่าไปแล้วความโหดและรูปร่างที่เคยอ้วนใหญ่ของปั้นสิบนี่แหละ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้พวกนักเรียนชายจากโรงเรียนชายล้วนฝั่งตรงข้ามไม่กล้าแหย็มหรือเข้ามาก้อร่อก้อติกนักเรียนหญิงในกลุ่ม บ่อยครั้งที่เดินกันไปสี่คนแล้วหนุ่มน้อยทั้งหลายเข้ามาดักหน้าดักหลังหวังจะเจ๊าะแจ๊ะคุณหนูผู้น่ารักอย่างอัศฌรา พอเจอมาดโหดๆ ของยัยอ้วนปั้นสิบเข้าไป หนุ่มน้อยขาสั้นเหล่านั้นก็พากันวงแตก ยิ่งตอนเรียน ม.2 ปั้นสิบเข้าชมรมเทควันโดและฝึกหนักจนได้เป็นนักกีฬาระดับแชมป์ ใครๆ ก็ไม่กล้าแหย็มกับเจ้าหล่อน

    แล้วเขาไม่เอาเรื่องหรอกเหรอ

    ก็คงจะเอาเรื่องแหละถ้าเราไม่แจ้นไปแจ้งความไว้ก่อน เราแอบอัดเสียงตอนมันพูดจามัดตัวเองเอาไว้ด้วย แต่นั่นไม่สำคัญเท่าทีวีวงจรปิดในห้องนั้นบันทึกเหตุการณ์ทุกอย่างเอาไว้หมดเลย

    “ต้องใช้บริการพี่ฉัตรอีกหรือเปล่า” ศศิปิลันธ์เงยหน้าขึ้นถาม มุมปากยังมีเศษคานาเป้ติดอยู่หน่อยๆ

    ขอบใจนะฉือ” ปั้นสิบคว้ามือเรียวสวยระดับนางแบบโฆษณาครีมบำรุงผิวหลายชิ้นของเพื่อนสนิทมาบีบเบาๆ พี่ฉัตร หรือ ฉัตรรวิ เป็นพี่ชายคนที่สี่จากพี่น้องห้าคนของศศิปิลันธ์ เขาเป็นทนายความฝีปากเอกซึ่งเคยช่วยเจรจาหย่าศึกระหว่างปั้นสิบกับอดีตเจ้านายเก่าเมื่อครั้งเธอแผลงฤทธิ์ทำร้ายร่างกายเจ้าหมอนั่นก่อนจะออกจากงานครั้งแรกเมื่อปีก่อน คงต้องใช้บริการพี่ฉัตรอีกนั่นแหละ

    เฮ้อ ทำไมผู้ชายสมัยนี้นิสัยแย่จังบุญเดือนสิบเปรยเบาๆ

    จำเพาะต้องเป็นเท็นด้วยนะเจอแต่เจ้านายนิสัยไม่ดีอัศฌราออกความเห็นบ้าง

    ไม่ใช่แค่เจ้านายหรอก ผู้ชายที่ชอบก็นิสัยเสียศศิปิลันธ์ละจากของกินมาร่วมวงไพบูลย์ แต่ดูเหมือนประเด็นที่หยิบยกขึ้นมาจะเป็นปัญหา ทั้งบุญเดือนสิบและอัศฌราหันไปจ้องหน้าเจ้าหล่อนเป็นตาเดียว

    ยัยฉือ!”

    แหะๆ เรื่องนี้ห้ามพูดในวงสนทนาเหรอ แม่จอมเอ๋อของเพื่อนๆ ทำตาโตวิบวับ ก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาจิ้มของกินเข้าปากต่อไป

    “ใช่สิ ใครเค้าจะโชคดีเหมือนฉือล่ะ แฟนก็หล่อ นิสัยก็ดี ทำงานก็ยังได้ทำด้วยกัน อีกหน่อยแต่งงานกันนะ ฝ่ายชายจัดงาน ฝ่ายหญิงทำของชำร่วย จะเพอร์เฟ็กต์ไปไหนเนี่ย โอ๊ย...อิจฉาชะมัด” ปั้นสิบร่ายยาวกระเซ้าเพื่อน ที่ว่าอิจฉานั่น...ความจริงนึกดีใจแทนเพื่อนที่ดูเหมือนจะโชคดีในเรื่องความรักไปเสียทุกอย่าง

    “ไม่แน่หรอกเท็น อาจมีบางคนพ้นคำสาป ขายออกตอนมีแฟนคนที่เก้าก็ได้น้า...” บุญเดือนสิบเปรยลอยลม แล้วปรายตาไปทางสาวสวยที่สุดของกลุ่ม ทั้งศศิปิลันธ์และปั้นสิบต่างหันไปสนใจเป้าหมายเดียวกัน บุตรีท่านทูตในชุดเดรสสั้นสีชมพูหวาน

    “ชาร่าน่าจะพามาอวด ยัยฉือยังควงเฮียหมื่นมาเย้ยพวกเราให้ตาร้อนผ่าวๆ ได้ทุกปีเลย”

    อัศฌราทำหน้าเซ็งชีวิต ไม่เหมือนคนที่เพิ่งฉลองวันเกิดล่วงหน้ากับหวานใจตามที่บอกไว้กับบุญเดือนสิบเมื่อวานนี้ ดีไซเนอร์สาวคว้าลาเต้มาดูดอีกหลายอึกก่อนจะอัพเดตข้อมูลใหม่ล่าสุดให้เพื่อนๆ ได้ตกใจเล่น

    เราเลิกกับอีตานั่นเรียบร้อยแล้ว...เมื่อคืนนี้

    เลิกกันแล้ว!!”

    คราวนี้สามสาวประสานเสียงจนคนทั้งร้านหันมามองเป็นตาเดียว

    ชู่ว์ จะเสียงดังกันไปทำไมนะ อัศฌราปรามเพื่อนเบาๆ “...ก็แค่เลิกกับแฟน

    แต่ว่า...บ่อยไปมั้ยอ่ะคนที่ทั้งชีวิตมีคนรักเพียงคนเดียวอย่างศศิปิลันธ์ได้ยินเพื่อนบอกว่า แค่เลิกกับแฟน เป็นครั้งที่เก้าถึงกับช็อกซีนีม่า วางคานาเป้ในมือโดยพลัน

    บ่อยสองสาวที่ชีวิตนี้ยังไม่เคยมีแฟนอย่างบุญเดือนสิบและปั้นสิบตอบตรงกันแทบเป็นเสียงเดียว เก้าปีเก้าคน ไม่เรียกว่าบ่อยก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว

    ทำไงได้ คนสวยดันโชคร้ายเจอแต่ผู้ชายห่วยๆ พระเจ้าไม่เข้าข้างเลยอัศฌราตอบอย่างไม่ยี่หระ จิ้มเค้กส้มเข้าปากราวกับทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมด๊า...ธรรมดา

    แม้จะเป็นการเปลี่ยนแฟนครั้งที่เก้า แต่อัศฌราก็หาได้โศกเศร้าฟูมฟายเสียดายผู้ชายคนนั้นไม่ เพื่อนๆ ได้ฟังวีรเวรของเขาแล้วก็เข้าใจ ต่างเห็นด้วยที่คุณหนูชาร่าจะหลุดพ้นคนนิสัยไม่ดี

    จะว่าไปอดีตแฟนทั้งเก้าคนของอัศฌราต่างมีความคล้ายคลึงกันตรงที่รูปลักษณ์ภายนอกนั้นผ่านการรับรองด้วยมาตรฐาน Ashara Standard หล่อ หรู ดูดี มีระดับ แต่นิสัยใจคอและความประพฤตินี่สิ...เลวไม่ซ้ำแบบ เรียกได้ว่าผู้ชายในโลกนี้มีข้อเสียเรื่องอะไรได้บ้าง เก้าหนุ่มในอดีตของชาร่าสามารถตอบโจทย์ทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์แบบ

    บุตรีท่านทูตประกาศโครงการย้ายที่อยู่ใหม่เพราะไม่ต้องการพักอาศัยร่วมคอนโดฯ กับคนที่เพิ่งบอกเลิกกันไปหมาดๆ แม้ว่าเขาจะอยู่ชั้นเก้าแต่อัศฌราอยู่ชั้นสิบก็ตาม คุณหนูชาร่ารังเกียจหมอนั่นถึงขนาดไม่อยากเห็นแม้แต่เงา และสถานที่ซึ่งคนสวยแห่งกลุ่มอิ๊กซ์จะย้ายเข้าไปอยู่คือบ้านเดิมในวัยเด็กที่ถูกทิ้งร้างไว้เป็นสิบปี

    บุญเดือนสิบรับปากว่าจะติดต่อ สิบทิศ เพื่อนของพี่ชายมาช่วยซ่อมแซมบ้านให้ ด้วยชื่อจริงที่เกี่ยวพันกับคำว่า สิบ ทำให้สาวๆ พากันถามว่าเขาหน้าตาเป็นอย่างไร ซึ่งก็ได้คำตอบว่าหล่อมาก แต่เป็นคนที่นำพาความโชคร้ายมาให้ผู้หญิงทุกคนที่อยู่ใกล้จนได้ฉายาว่า ซวยสิบทิศ

    ปั้นสิบแอบคิดเล่นๆ ว่าระหว่าง ซวยสิบทิศ กับ เจ้าหญิงที่ถูกสาป ใครจะมีอาถรรพ์กว่ากัน หรือดีไม่ดี คนโชคร้ายสองคนมาเจอกัน อาจจะเกิดโชคดีขึ้นมาก็เป็นไปได้

    ระหว่างที่คุณหนูไฮโซทำตาวิ้งๆ เพราะเริ่มจะสนใจผู้ชายจอมซวย (แต่รูปหล่อ) คนนั้นขึ้นมานิดๆ เพื่อนตัวเล็กสุดซึ่งตอนนี้ยังไม่เล่าอะไรเลยก็หยิบของฝากออกมาแจก

    ศศิปิลันธ์ได้รับของกระจุกกระจิกหลากหลายชนิดจากร้านร้อยเยน แม่สาวนักประดิษฐ์จึงตอบแทนเพื่อนผู้รู้ใจด้วยปิ่นปักผมประดับลูกปัดสีฟ้าใส ซึ่งตุ๊กตาญี่ปุ่นได้รับของปุ๊บก็ใช้ปั๊บ หยิบเจ้าปิ่นปักอันนั้นเสียบเข้ากับผมทรงโดนัทสีน้ำตาลเข้มของเธอ คนให้ฉีกยิ้มดีใจจัดมาอีกสามสี่อัน ซึ่งบุญเดือนสิบรับมาเก็บไว้อย่างเต็มใจ

    ของฝากสำหรับปั้นสิบคือขนมญี่ปุ่นหน้าตาดีรูปทรงสวยงามที่รสชาติอาจไม่ถูกปากคนไทยส่วนใหญ่ แต่ปั้นสิบว่ามันอร่อยและแปลกดี เธอส่งมอบขนมไทยของโปรดให้บุญเดือนสิบ มีทั้งเสน่ห์จันทร์ จ่ามงกุฎ ทองเอก อาลัว และอีกสารพัดชนิดที่ปั้นสิบ จัดเต็ม มาเพื่ออดีตเด็กหญิงตัวเล็กที่ชอบกินขนมไทยโบราณ สมัยไปที่ร้านบุญเดือนสิบจะถามโน่นถามนี่เกี่ยวกับการทำขนมจนแม่ประยงค์ปลื้มแล้วปลื้มอีกอยากรับเป็นลูกสาวคนที่สอง

    และสำหรับคุณหนูอัศฌราอดีตนักเรียนอังกฤษ ได้รับของฝากจากญี่ปุ่นเป็นชาซากุระ คนให้คงอยากให้รำลึกบรรยากาศแบบผู้ดีอังกฤษที่อัศฌราใช้ชีวิตในสังคมแห่งนั้นมาหลายปี

    ไหนๆ ก็ไหนๆ ช่วงนี้เบรกการเม้าท์เพื่อแจกของกันโดยเฉพาะ ปั้นสิบส่งถุงข้าวตังหน้าเนย หน้ากุ้ง พายกรอบสารพัดรสให้คุณนายชรา ส่วนอีกถุงสำหรับศศิปิลันธ์ เป็นขนมผิงจิ๋ว ข้าวเม่าหมี่ เหมาะสำหรับยัยฉือจอมแทะและละเลียดกินทีละนิด นอกจากนี้ในถุงยังมีขนมที่จัดมาเป็นพิเศษฝากไปให้ฉัตรรวิเป็นสินบนล่วงหน้า ถ้าเกิดคดีความขึ้นมาจริงๆ

    บุญเดือนสิบเป็นคนสุดท้ายที่ได้บอกเล่าชีวิตการทำงานช่วงที่ผ่านมาในญี่ปุ่น นับตั้งแต่พบรักฝังใจกับรุ่นพี่จากแดนซากุระตอนไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเมื่อชั้น ม.5 จนป่านนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าเธอจะเปิดประตูหัวใจให้ใคร ข่าวดีก็คือตุ๊กตาญี่ปุ่นโคจรมาเจอผู้ชายในฝันคนนั้นอีกครั้ง แถมยังทำงานที่เดียวกันอีก เพื่อนๆ ก็เลยพากันแอบลุ้นให้ความรักของสาวช่างฝันเป็นจริงเสียที

    “เขาร้ายมากเลยเหรอ รุ่นพี่สุดหล่อของชิปปี้น่ะ”

    ปั้นสิบถาม ไม่ค่อยรู้เรื่องของเพื่อนละเอียดมากนัก เลยไม่รู้ความนัยใดๆ ไม่รู้ว่าถามถึงพี่คนนี้ปุ๊บ บุญเดือนสิบจะหน้าหมองปั๊บแบบนี้

    ร้ายมาก แค่นึกคร่าวๆ เราก็ร่ายนิสัยเสียของเขาได้เป็นสิบข้อแล้ว แต่...เท็น เราไม่อยากพูดถึงเขาเลยจริงๆ นะ แค่คิดก็เครียดแล้ว

    เห็นสีหน้าและฟังน้ำเสียงของบุญเดือนสิบแล้วปั้นสิบนึกสงสาร ท่าทางอีตาพี่ทสึนะชิ มาสะคนนี้คงจะมหาโหดจริงๆ แม่สาวตัวเล็กที่สุดของกลุ่มบอกเล่าถึงความร้ายกาจสารพัดของรุ่นพี่ แล้วสรุปตบท้ายตรงที่ว่า

    “ฉือ...ขอความช่วยเหลือจากฉือหน่อยนะ เราไม่อยากได้มันแล้ว”

    ตุ๊กตาญี่ปุ่นวางถุงเครื่องรางสีฟ้าที่ทำกลมเป็นพระจันทร์เต็มดวงตามชื่อลงบนมือศศิปิลันธ์ ถุงใบนั้นใส่ของหลายสิ่งที่บุญเดือนสิบใช้เป็นเครื่องราง เป้าหมายของเธอคือขอให้เพื่อนช่วยเอาของบางอย่างในนั้นออกแล้วเย็บปิดถุงให้เหมือนเดิม

    ...คืนวันเสาร์หน้าเราขึ้นเครื่อง น่าจะเสร็จทันมั้ยอ่ะฉือ”

    “ทันสิ ทำแป๊บเดียวก็เสร็จ”

    ศศิปิลันธ์รับคำเป็นมั่นเหมาะ แต่ปั้นสิบรู้ดีว่าแม่จอมเอ๋ออาจจะลืมได้ จึงย้ำให้บุญเดือนสิบส่งข้อความไปเตือน ระหว่างที่ศศิปิลันธ์กำลังสนใจชื้อขนมหลากหลายชนิดกลับไปทานที่บ้าน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น แน่ล่ะ...เฮียหมื่นโทรมา

    ไม่นานนักองครักษ์สิบพันก็นำราชรถมาจอดเทียบ ศศิปิลันธ์ยิ้มหน้าบานเดินไปขึ้นรถโดยมีคนรักดูแลทุกฝีก้าวราวกับเธอเป็นเจ้าหญิงก็ไม่ปาน คู่รักมาราธอนโบกมือลาไปแล้ว ทว่าบุญเดือนสิบต้องรอพี่ชายมารับ อัศฌราซึ่งอยากจะรีบคุยเรื่องติดต่อคนซ่อมบ้านจึงอาสาอยู่เป็นเพื่อน ปั้นสิบล่ำลาสองสาวแล้วหอบหิ้วของฝากเดินตรงไปยังเจ้าเต่าน้อยเหลืองมะนาวที่จอดรออยู่อย่างเรียบร้อย

     

    ปั้นสิบขับรถกลับบ้านด้วยความรู้สึกหลากหลายระคนกัน วันที่ 10 เดือน 10 ปี 2010 เป็นวันครบรอบสิบปีของมีตติ้งสี่สาวกลุ่มอิ๊กซ์ รวมตัวกันครบแก๊งครั้งใดอาการเม้าท์กระจายก็เกิดขึ้นเมื่อนั้น ดูเผินๆ เหมือนพวกเธอมีแต่ความสุขไม่ทุกข์ร้อน แต่ถ้ามองลึกลงไปในรายละเอียดชีวิตของแต่ละคนดูเหมือนจะลุ่มๆ ดอนๆ กันถ้วนหน้า

    คนที่ดูเหมือนความรักจะราบเรียบและความราบเรียบนั้นก็พาให้ราบรื่นมากที่สุดคือศศิปิลันธ์ คนข้างกายที่คบกันมาสิบปีอย่างสิบพันหรือเฮียหมื่นเป็นผู้ชายที่คงเส้นคงวา พึ่งพาได้ในทุกเรื่อง นอกจากจ่ายงานของชำร่วยให้แม่นักประดิษฐ์อารมณ์ดีชนิดที่เรียกได้ว่า ผูกขาด แต่เพียงผู้เดียว เขายังสั่งขนมไทยจากร้านของแม่ประยงค์ไปเป็นของหวานในงานอีเวนต์อยู่เป็นประจำ

    ที่สำคัญ...เขาเป็นคนรักที่น่ารัก มีศศิปิลันธ์ที่ไหนก็ต้องมีสิบพันที่นั่น จนเพื่อนๆ ขนานนามเขาว่า องครักษ์พิทักษ์ฉือ

    เพื่อนสาวคนสวยที่สุดอย่างชาร่า เธอสมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง ทั้งฐานะร่ำรวยขั้นเศรษฐี ชาติตระกูลดีเป็นถึงลูกสาวท่านทูต ยิ่งหน้าตาไม่ต้องพูดถึง สวยระดับนางเอกฮอลลีวูดยังอายม้วน แต่กลับอาภัพเรื่องคนรัก เพื่อนชายกี่คนๆ ที่เข้ามาในชีวิตของชาร่าถ้าไม่มีอันเป็นไปก็ต้องเป็นผู้ชายแสนห่วย

    โชคดีที่เพื่อนคนนี้เป็นคนเข้มแข็ง เธอสามารถลืมความทุกข์ทั้งมวลได้ในเวลาอันรวดเร็ว และพร้อมที่จะเดินหน้าไปสู่อนาคตที่ดีกว่าอยู่เสมอ

    ข้างฝ่ายบุญเดือนสิบ ดูเหมือนกลับมาเมืองไทยคราวนี้จะมีอาการแปลกๆ รุ่นพี่จอมโหดคงใช้งานหนัก หรือไม่ก็ทำให้เธอที่น่ารักของปั้นสิบคนนี้ต้องขุ่นข้องหมองใจ ถึงขนาดจะทิ้งกระดุมเม็ดที่สอง...ของที่ระลึกสิ่งเดียวที่เขาเคยมอบให้ คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ

    คนไม่มีแฟนคิดไปคิดมาก็เริ่มปลง

    ...เฮ้อ ยิ่งคิดยิ่งปวดตับ เป็นโสดแบบนี้แหละดีแล้ว...



    * Diesel

    * Antonio Vivaldi (1678 – 1741) คีตกวีชาวอิตาลี เจ้าของผลงานคอนแชร์โต กรอซโซ ชุด ‘The Four Seasons’ ซึ่งประกอบด้วยเพลง Spring Summer Winter และ Autumn

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×