ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มารร้ายคู่หมายรัก

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 8 เจ็บไข้ได้ป่วย

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.36K
      34
      25 ม.ค. 55

    บทที่ 8 เจ็บไข้ได้ป่วย

     

    ขณะปณิธิกำลังโทรศัพท์บอกเจ้าหน้าที่พยาบาลให้เตรียมเคสผ่าตัดในเช้าวันทำงาน มืออีกข้างของเขาก็ไพล่ไปโดนรีโมตโทรทัศน์อย่างไม่ได้ตั้งใจ บนจอภาพจึงปรากฏรายการข่าวบันเทิงยามเช้าที่กำลังนำเสนอช่วงเก็บตกกองละคร ซึ่งเป็นละครเรื่องที่กัทลีรัตน์เล่นเป็นนางเอก

    ถ้าเคสมาแล้วโทรตามผมด้วย เขาบอกเจ้าหน้าที่พยาบาลก่อนวางสาย แล้วนั่งดูโทรทัศน์ต่อทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจแต่แรก จากงานหมั้นถึงวันนี้ก็ร่วมหนึ่งสัปดาห์ เขาก็ไม่ได้ติดต่อหาเธอเช่นเคย เธอเองก็ไม่ติดต่อมาเช่นกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันหมั้นยังคงติดค้างอยู่ในใจเขาไม่เลือนหาย

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนจะถูกผลักเข้ามาอย่างไม่คิดรอคอยการตอบรับ กรนันท์โผล่มาในชุดออกกำลังกายเหงื่อชุ่ม ถือน้ำดื่มขวดหนึ่งเดินมานั่งที่เก้าอี้นวมด้วยท่าทางสดชื่น

    พอมีเมียเป็นดาราก็กลายเป็นแฟนประจำข่าวบันเทิงไปเลยรึไง ทั้งที่ตั้งใจแวะมาคุยด้วยเรื่องเคสผ่าตัดเมื่อวานนี้ แต่พอเห็นอีกฝ่ายดูรายการข่าวบันเทิงก็เลยอดนอกเรื่องไม่ได้

    เมียที่ไหนล่ะพี่ ยังไม่ได้เป็นแฟนด้วยซ้ำ

    ยังไม่ได้เป็นแฟนแต่ดันได้เป็นคู่หมั้น คนอื่นเขาหมั่นไส้เอ็งจะแย่ เมื่อคืนตอนไปกินข้าวพวกนั้นพนันกันใหญ่ว่าเอ็งจะถูกยัยกล้วยทิ้งภายในกี่เดือน กรนันท์เล่าให้ฟังเพราะปณิธิไม่ได้ไปด้วย

    คิดเป็นกันแต่เรื่องอัปมงคลจริงๆ คนถูกดึงเข้าเกมพนันไม่รู้ตัวบ่นพึมพำหน้ามุ่ย หวนนึกถึงเงื่อนไขการแต่งงานที่น่าโมโหของกัทลีรัตน์ขึ้นมาทันควัน ภายในสองปี...เธอจะหย่าให้เขาอย่างไม่มีข้อแม้!

    กรนันท์หัวเราะ ทำไม เอ็งกลัวโดนทิ้งรึไง

    เปล่าครับพี่ เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว ถ้าผมเป็นฝ่ายทิ้งก็ไม่แน่

    มั่นใจดีไปเถอะไอ้ปั๊บ น้านภายังทำให้เอ็งปวดกบาลได้อีกเยอะ เดี๋ยวพอไปเรียนต่อเอ็งจะได้เจอรุ่นพี่คนหนึ่งที่ปลื้มยัยกล้วยอยู่ แม่เขาเป็นหมอรุ่นพี่ที่สนิทกับน้านภามานาน ลูกๆ ก็เลยรู้จักกันไปด้วย ทำนองเดียวกันกับพี่จักรเลยล่ะ เดี๋ยวน้านภาคงได้หาทางจับมายุใส่ยัยกล้วยอีกคนแน่ คอยดูสิ หมอนี่จะต้องทำให้เอ็งหนักใจยิ่งกว่าพี่จักร

    ถามจริง! นี่ยังมีอีกเหรอพี่ ปณิธิอุทานอย่างเหลือเชื่อ หน้าตาไม่สบอารมณ์ทันควัน เรื่องพวกนี้เป็นสถานการณ์ที่เขาคาดเดาล่วงหน้าไว้แล้ว แต่พอเริ่มถึงตัวจริงๆ ก็อดหงุดหงิดไม่ได้

    เขาชื่อ โอ เป็นรุ่นพี่เอ็งสองปี กรนันท์บอกให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องของ หมอโอ ซึ่งเป็นแพทย์ประจำบ้านฝ่ายศัลยศาสตร์ สถาบันเดียวกันกับปณิธิ

    นี่เรื่องจริงเหรอพี่กอล์ฟ คนฟังถามย้ำอย่างกังขา

    ข้าจะโกหกเอ็งเพื่อ?”

    “...”

    เครียดไหมวะ

    ปรี๊ดเลยพี่

    คำตอบสั้นๆ นั้นทำเอากรนันท์หัวเราะชอบใจ ที่จริงไม่น่าให้น้านภารู้เลยว่าเอ็งสองคนไม่ได้รักกันจริงๆ น่าจะตบตาเหมือนที่ทำกับคนอื่นๆ ไปด้วย แบบนี้เขาก็จะหาทางแยกพวกเอ็งจนกว่าจะแยกได้จริงๆ นั่นแหละ น้านภาเขาก็ไม่ได้ชอบที่ยัยกล้วยเป็นดารามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

    ผมไม่ยอมแพ้ยัยแม่มดแก่นั่นหรอกพี่

    แปลว่าเอ็งจะไม่มีทางยอมเลิกกับยัยกล้วย พอแต่งงานก็เนียนไม่ยอมหย่าเลยว่างั้นเถอะ

    ปณิธิเงียบ ไม่ตอบ

    แต่ถึงยังไงน้านภาก็คงไม่ยอมรับง่ายๆ หรอก ถึงพวกเอ็งจะรักกันจริงๆ เข้าสักวัน ข้ารู้จักน้านภาดี เอ็งน่ะคอยระวังผู้ชายที่จะเข้ามาตอดยัยกล้วยไว้เถอะ ถึงแต่งงานไปแล้วก็อย่าหวังว่าน้านภาจะยอมหยุด ข้าพอจะดูออกว่าหมอจักรกับหมอโอเขาอยากได้ยัยกล้วยจริงๆ นะโว้ย มีน้านภาเข้ามาเสี้ยมล่ะยุ่งแน่

    ไม่อยากจะเชื่อเลยนะพี่กอล์ฟ หน้าตาก็สวยงั้นๆ การแสดงก็ไม่เท่าไหร่ แรดรึก็เปล่าเลย ออกจะทื่อมะลื่อเกินไปด้วยซ้ำ แต่กลับมีแต่คนอยากได้ คนพูดนึกถึงอาการจุมพิตทื่อๆ ของริมฝีปากหอมหวานขึ้นมาวูบหนึ่ง จะเหนือคนอื่นนิดหน่อยก็ตรงขาว...” กับ...นุ่มมาก แค่นั้นเอง

    ผู้ชายก็งี้แหละ ผู้หญิงสวยๆ ก็ชอบทั้งนั้น แต่ส่วนใหญ่มักจะอยากได้ผู้หญิงสไตล์ สาวข้างบ้าน มากกว่าประเภทที่สวยหยาดฟ้ามาดินเกินมนุษย์ ยิ่งขาวอวบอ้อนแอ้นอย่างยัยกล้วยน่ะหนุ่มตรึม ก็น่าจะรู้ว่าคู่หมั้นเอ็งเขาเสน่ห์แรงจะตายไป รอดปลอดภัยมาถึงเอ็งได้ก็บุญแล้ว

    แปลว่าเมื่อก่อนผมก็คิดถูกมาตลอดที่ชอบผู้หญิงสวยคลาสสิกประเภทที่ดูเหมือนจับต้องยากจนไม่มีใครกล้าจีบ มากกว่าผู้หญิงสไตล์บ้านๆ อย่างกล้วย

    อย่างยัยกล้วยเขาเรียกนางฟ้าแบบบ้านๆ โว้ย เซ็กซี่แบบใสๆ เอ็งก็รู้ ผู้ชายส่วนใหญ่แพ้ทางแนวนี้

    ผมคนหนึ่งล่ะไม่เคยฝันถึง

    คนเราชอบแบบไหนมักไม่ได้แบบนั้น เอ็งทำใจเหอะ กรนันท์กระเซ้าอย่างมีความสุข

    ปณิธิฟังแล้วแทบจะถอนหายใจแรงๆ ระหว่างนั้นบทสนทนาของพวกเขาชะงักไปเพราะในโทรทัศน์มีการเสนอข่าวของกัทลีรัตน์ เกี่ยวกับการรับงานถ่ายมิวสิกวิดีโอของศิลปินชายนักแต่งเพลงแนวโรแมนติกรายหนึ่ง โดยไปถ่ายทำถึงพัทยาสองวันรวด ซึ่งข่าวบอกว่าหญิงสาวมีไข้เล็กน้อยระหว่างถ่ายทำ พิธีกรในรายการจึงเอ่ยพาดพิงถึงปณิธิในทำนองว่าเขาควรมาดูแลสุขภาพคู่หมั้นบ้าง

    หึงล่ะสิ

    อะไรนะพี่

    ข้าเห็นเอ็งหน้าบูด ก็ในเอ็มวีมันมีฉากหวานของยัยกล้วยกับหมอนั่นด้วยนี่ อีกทั้งพิธีกรในรายการข่าวบันเทิงก็ยังเอ่ยปากกระเซ้าเกี่ยวกับฉากหวานดังกล่าวด้วย

    เปล่านะพี่ ผมแค่เซ็งที่ถูกพาดพิง

    เอ็งอาจจะหล่อกว่าเขาหน่อยหนึ่ง แต่หมอนั่นมันเจ้าชู้นิดๆ และดูเป็นคนดีกว่าเอ็งนะข้าว่า ท่าทางไม่กวนตีนเหมือนเอ็งด้วย ยัยกล้วยอยู่ใกล้คนแบบนั้นคงแอบนึกเปรียบเทียบอยู่ในใจแหงๆ

    ตกลงผมต้องกังวลเรื่องหมอนี่อีกคนหรือพี่

    สีหน้าเหมือนเริ่มเครียดจริงจังของปณิธิทำเอากรนันท์หัวเราะร่วน ข้าแค่สะกิดให้คิดเผื่อไว้ หมอนี่เขาเคยเป็นคนไข้ข้าตอนไปอยู่เวรเอกชน

    แล้วเขาเป็นอะไรพี่

    ริดสีดวง กรนันท์ตอบด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย ข้าแนะนำให้รีบผ่าตัดแต่เขาก็บ่ายเบี่ยงตลอด ตอนนี้ก็คงยังไม่ได้ผ่าหรอก

    พี่มาบอกผมทำไมเนี่ย ปณิธิมองหมอรุ่นพี่ด้วยสายตากังขา

    ก็ให้ไว้เป็นข้อมูล เผื่อเอ็งต้องใช้เวลาเขากลายมาเป็นคู่แข่ง กรนันท์พูดหน้าตาเฉย ว่างๆ ก็ลองนับดูเล่นๆ นะว่าตอนนี้มีผู้ชายคนไหนมั่งที่เอ็งต้องคอยระวังเกี่ยวกับยัยกล้วย เริ่มเยอะแล้วนะข้าว่า ซึ่งจริงๆ มันอาจเยอะกว่านี้ หลังแต่งงานเอ็งก็จะรู้ซึ้ง

    ปณิธิถอนหายใจเฮือก เขาอาจจะเคยคาดการณ์มาบ้างแล้วก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเลวร้ายเท่าที่กรนันท์พยายามขู่ ทว่านึกแล้วก็อดหงุดหงิดไม่ได้ เขาเคยวุ่นวายด้วยหน้าที่ความเป็นหมอมาหลากหลายรูปแบบ หากก็ไม่เคยเจออะไรที่เหมือนความยุ่งยากในยามนี้

    ครั้งหนึ่งตอนที่เขาเป็นแพทย์เวรที่โรงพยาบาลชุมชน เคยมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบถูกนำส่งโรงพยาบาลพร้อมกันร่วมสิบเคส ตอนนั้นเขาอยู่เวรตามลำพังจึงทำอะไรแทบไม่ถูก ที่สำคัญเขาเป็นแค่อินเทิร์นหนึ่ง จึงได้แต่จับผู้ป่วยสอดท่อช่วยหายใจแล้วส่งต่อโรงพยาบาลศูนย์ฯ ให้เร็วที่สุด เพราะแค่จะแยกแยะว่าเคสไหนหนักกว่าเพื่อเรียงลำดับสำหรับให้การรักษาก็ยากเย็นพอแล้ว หลังเหตุการณ์นั้นเมื่อมีเพื่อนร่วมรุ่นเอาเรื่องนี้ไปพูดถึง มีหลายคนพยายามวิจารณ์และแนะนำว่าทางที่ถูกเขาควรทำเช่นไร แต่มีบางคนที่เคยเจอเหตุการณ์ใกล้เคียงกันโต้กลับแทนว่าตอนเจอของจริงมันแตกต่างจากจินตนาการลิบลับ มันยากที่จะทำทุกอย่างด้วยสติเต็มร้อย

    ในกรณีเกี่ยวกับเสน่ห์ที่รุนแรงของกัทลีรัตน์ เขาก็คงได้แต่หวังว่าตนจะไม่ลำบากเหมือนกับการแยกแยะอาการและช่วยเหลือผู้บาดเจ็บสาหัสพร้อมกันถึงสิบเคสคราวนั้น

     

    เที่ยงวันนั้นก่อนไปถึงร้านอาหารที่หมาย ปณิธิจอดรถหน้าที่ทำการไปรษณีย์ ปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วเอี้ยวตัวไปยกกล่องใบหนึ่งจากเบาะหลังมาวางไว้บนตัก

    จอดทำไมวะ ผู้ร่วมทางถามอย่างสงสัย

    จะส่งของหน่อยครับพี่

    นี่เอ็งปล้นโรงบาลมารึไงวะไอ้ปั๊บ เบิกยายังกับจะเอาไปเปิดคลินิก กรนันท์ออกปากทักเมื่อเห็นว่ากล่องนั้นเต็มไปด้วยยารักษาโรคหลายขนาน

    ขอที่อยู่เขาให้ผมหน่อยสิพี่

    เขาไหน

    กล้วย

    ตกลงว่ายาพวกนี้เอ็งจะส่งให้ยัยกล้วย?

    ครับ

    ยัยกล้วยมันแค่เป็นไข้นิดเดียวเองไม่ใช่เหรอ จะส่งให้ทำไมเยอะแยะตั้งกี่โรค

    ก็พี่ไม่ได้ยินพิธีกรเมื่อเช้าตำหนิผมหรือครับ ที่หาว่าผมไม่รู้จักดูแลคู่หมั้น

    เอ็งก็เลยจะส่งยาไปประชด?

    ปณิธิไม่ตอบ แต่เอ่ยทวงที่อยู่กัทลีรัตน์ซ้ำอีกครั้ง กรนันท์ไม่ทราบ แต่ก็โทรไปถามรัตนชัยให้ทันที ปณิธิจึงได้ที่อยู่สำหรับจัดส่งยารักษาโรคตามที่ต้องการ

    ครั้งหนึ่งที่ปณิธิเคยเข้าช่วยกรนันท์ผ่าตัดเปิดหน้าท้องคนไข้รายหนึ่ง เขาได้เห็นกรนันท์เย็บแผลผ่าตัดอย่างประณีตสวยงามโดยสามารถต่อรอยสักรูปจิ้งจกได้อย่างสมบูรณ์แบบดังเดิม ซึ่งในกรณีนี้เขาเคยเห็นมาแล้วว่าศัลยแพทย์บางรายมักไม่สนใจรอยสัก ปล่อยจิ้งจกขาดสองท่อน หัวอยู่ทางหางอยู่ที่ ดังนั้นกรนันท์จึงเป็นศัลยแพทย์ที่เขานับถือมากที่สุดคนหนึ่ง แต่ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าอยู่ๆ อีกฝ่ายจะกลายมาเป็นตัวช่วยเกี่ยวกับเรื่อง ผู้หญิง ซึ่งอยู่ๆ ก็กลายมาเป็นคู่หมั้นของเขาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว...เช่นนี้

    หลังจากส่งยาทางไปรษณีย์แล้ว ปณิธิก็มิได้ติดตามผลหรือแจ้งอะไรแก่ผู้รับเลย สองวันต่อมาเมื่อกัทลีรัตน์ขับรถเข้าหมู่บ้านในตอนค่ำ เธอจึงได้รับกล่องไปรษณีย์บรรจุยารักษาโรคสารพัดขนานจาก รปภ. หน้าหมู่บ้านด้วยความงุนงง ไม่มีข้อความแนบมากับของที่ส่งให้เลยแม้แต่ข้อความเดียว ทว่าเธอทราบชื่อโรงพยาบาลจากซองยาทั้งหมด และเห็นชื่อปณิธิติดอยู่บนซองยาบางส่วน ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกวูบวาบในอกอย่างประหลาด

    ตอนนี้เธอหายจากเป็นไข้แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องใช้ยาใดๆ อีก แต่ทว่า...ยาที่ได้รับจากปณิธิทำให้เธอพิศวงและเกิดความรู้สึกประหลาดล้ำในใจ แล้วยังสงสัยด้วยว่า...ตอนนี้เขาหายโกรธเรื่องที่เกิดขึ้นในวันหมั้นแล้วหรือยัง

     

    ห้าสัปดาห์หลังจากพิธีหมั้นอย่างเป็นทางการ ปณิธิลางานขึ้นมาทำธุระที่กรุงเทพฯ แล้วก็ต้องมีเรื่องให้หงุดหงิดอีกจนได้ เมื่อเขาทราบข่าวการป่วยของกัทลีรัตน์ผ่านหน้าข่าวบันเทิงของหนังสือพิมพ์รายวันฉบับหนึ่ง

    เขาเป็นคู่หมั้นเธอแต่แทบไม่เคยได้ทราบอะไรเกี่ยวกับเธอเลย แม้แต่เธอป่วยเขาก็ต้องรับรู้ผ่านการนำเสนอของข่าวเสมอ แทนที่จะรู้จากปากเธอเอง แถมเขายังโดนข้อความข่าวหยอกอีกว่า...น้องกล้วยโดนไข้หวัดเล่นงานจนถึงกับเป็นลมคาเวทีแบบนี้ เสียแรงที่มีคู่หมั้นเป็นคุณหมอ!

    เป็นอะไรไป หน้าบูดเชียว พริมาเอ่ยถามเมื่อเห็นหลานชายพับหนังสือพิมพ์วางลง

    เปล่าครับ

    เห็นข่าวคู่หมั้นเข้าโรงพยาบาลล่ะสิ ภีมากรเดาอย่างไม่อ้อมค้อม

    นายรู้ได้ไง ชายหนุ่มถามเพื่อนอย่างสงสัย เพราะภีมากรกับพริมายังไม่ได้แตะหนังสือพิมพ์สักฉบับ และเขาเชื่อว่าอีกฝ่ายยังไม่น่าจะเห็นข่าวจากโทรทัศน์ด้วยเช่นกัน

    พิ้งค์บอก เมื่อวานพอมาถึงกรุงเทพฯ พิ้งค์ก็พาลูกไปเยี่ยมคุณกล้วยที่โรงพยาบาล

    ปณิธิหันขวับไปมองผู้เป็นอาซึ่งกำลังป้อนอาหารเช้าแก่ลูกชายวัยหกเดือนกว่าตัวกลมๆ ที่นั่งส่งเสียงไม่เป็นภาษาอยู่บนเก้าอี้สำหรับเด็ก พริมากับภีมากรเพิ่งพาลูกลงมากรุงเทพฯ เมื่อวาน อาทิตย์นี้พ่อแม่และน้องสาวของภีมากรไปต่างประเทศ ส่วนพี่ชายเขาไปหาภรรยาที่ต่างจังหวัด ตอนนี้บ้านจึงค่อนข้างเงียบ

    อานึกว่าปั๊บรู้อยู่แล้วก็เลยไม่ได้บอก เป็นคู่หมั้นประสาอะไรไม่รู้ว่าเขาป่วย ผู้เป็นอาพูดเหมือนไม่ใส่ใจ ทั้งที่จริงแอบเคืองอยู่ไม่น้อย ไม่ติดต่อกันเลยรึไง

    ปณิธิไม่ตอบ เขาไม่โทษตัวเองที่ไม่เคยติดต่อหาเธอก่อน เพราะเขามีเหตุผลสมควรอยู่ว่า...ตนไม่มีธุระสำคัญถึงกับต้องโทรไปรบกวนเวลาอันมีค่าของเธอ แต่เขามีสิทธิ์ไม่พอใจที่กัทลีรัตน์ไม่เคยติดต่อมาบอกเขาสักคำเวลาที่เธอไม่สบาย เพราะในฐานะคู่หมั้นซึ่งเป็นแพทย์...มันทำให้เขาโดนตำหนิและเหน็บแนมจากผู้คนและสื่อ ซึ่งมันทำให้เขาหงุดหงิด

    น้องเขาทำงานหนัก พักผ่อนน้อย ทำไมปั๊บไม่แนะนำวิธีรักษาสุขภาพให้เขาหน่อยล่ะ เดือนที่แล้วก็ไม่สบายทีหนึ่งแล้ว เดือนนี้ถึงกับเข้าโรงพยาบาลเลย

    แล้วอาพิ้งค์รู้ได้ไงครับว่าเขาป่วย

    พี่จุ๊บโทรมาบอกอา ผู้จัดการกล้วยน่ะ

    คำตอบนั้นทำให้คิ้วของปณิธิขมวดมุ่นยิ่งขึ้น อาพิ้งค์ไปสนิทกับพวกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่

    ก็ตั้งแต่ตอนที่วุ่นวายเตรียมงานหมั้นให้เราไงล่ะยะ พริมาตีหน้าบึ้งทันควัน อาต้องโทรคุยกับผู้จัดการกล้วยตลอด

    แอบไปสนิทกับคนของปั๊บโดยไม่เคยบอกอะไรปั๊บเลยเนี่ยนะ

    ฮึ คนของปั๊บ เหรอ คนเป็นอาตวัดสายตาค้อนเคือง เราเคยสนใจไยดีเขาบ้างไหม

    แล้วเขาเป็นอะไรมากไหมครับ ปณิธิรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนจะโดนดุยาว

    ก็แค่ไข้หวัดเหมือนเคย แต่คงเพราะหลังๆ นี้พักผ่อนน้อยเกินไปเลยเป็นลมตอนทำกิจกรรมนอกสถานที่กับทางช่อง อารู้สึกว่าผอมไปเยอะเลยล่ะ นี่ถ้าไม่ใช่ว่าเพิ่งหมั้นกับปั๊บข่าวคงลงว่าตรอมใจเพราะอกหักแน่ น้องเขาต้องไปนอนให้น้ำเกลือสองคืน พรุ่งนี้ก็กลับบ้านแล้ว เย็นนี้พออบรมเสร็จแล้วก็ไปเยี่ยมน้องหน่อยสิ เมื่อวานเขาก็ถามถึงปั๊บอยู่ แต่อาบอกว่าปั๊บจะมาถึงกรุงเทพฯ ค่ำๆ เป็นคู่หมั้นกันยังไง ไม่ติดต่อกันบ้างเลยรึไง

    ปณิธิเงียบไป พริมาน่าจะรู้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ได้เหมือนคู่รักปกติทั่วไป ทั้งคู่รู้จักกันจริงๆ มาได้แค่สี่เดือนเศษเท่านั้น และทั้งหมดล้วนเริ่มต้นจากปัญหายุ่งยากน่าปวดหัว ที่ผ่านมาก็เจอกันแทบนับครั้งได้ ความสนิทสนมคุ้นเคยกันจึงยังอยู่ในระดับที่ต่ำจนน่าตกใจ ในความคิดของเขา เรื่องดีที่สุดในความสัมพันธ์ครั้งนี้อาจจะมีแค่เรื่องที่เขาเคยฉวยโอกาสลิ้มรสหอมหวานจากริมฝีปากเธอมาแล้วสองครั้ง...เท่านั้น

    ปณิธิกับภีมากรมากรุงเทพฯ ครั้งนี้เพื่อเข้าร่วมการอบรมของราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทยเป็นเวลาสองวันคือวันนี้กับพรุ่งนี้ และต้องอยู่ต่ออีกหลายวันเพื่อร่วมอบรมอีกหนึ่งรายการเกี่ยวกับความรู้พื้นฐานทางการวิจัยที่โรงพยาบาลในสังกัดมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นสถาบันที่พวกเขากำลังจะเข้าศึกษาต่อ ดังนั้นคราวนี้ปณิธิจึงมาพักที่บ้านของภีมากรแทนที่จะต้องไปเสียค่าโรงแรมถึงสิบวัน ที่สำคัญเขากับภีมากรต้องออกไปพร้อมกันทุกเช้าอยู่แล้ว

    ปั๊บยืมพุกก้าแป๊บสิครับอาพิ้งค์ ปณิธิเอ่ยขึ้นแล้วลุกไปหาทันที พับที่รองด้านหน้าลงแล้วยกเจ้าตัวเล็กออกจากเก้าอี้เด็กไปหน้าตาเฉย พริมารีบตามไปเช็ดคราบอาหารเสริมที่เปรอะเปื้อนบนตัวลูกชายออกแทบไม่ทัน

    ปั๊บนี่นะ เดี๋ยวเสื้อกาวน์เลอะหมดหรอก ดูมือตาพุกซะก่อน คุณแม่ของหนูน้อยบ่นพลางเช็ดมือกลมป้อมจนสะอาด แล้วเอาขวดนมใส่น้ำดื่มยัดใส่มือปณิธิ กำชับว่าอย่าลืมเอาน้ำให้หลานดื่มด้วย เด็กชายออกอาการดีดดิ้นยินดีพร้อมกับส่งเสียงร้องอย่างดีอกดีใจเมื่ออยู่ๆ ก็มีคนมาอุ้มเดิน

    แรกทีเดียวเด็กชายถูกตั้งชื่อเล่นว่า พุก แต่ปณิธิถือวิสาสะเติม ก้า เข้าไป ทีนี้ใครๆ เลยพากันเรียกตามเขาหมด ไม่มีใครสนใจพริมาที่พยายามแย้งว่า พุกก้า เป็นชื่อตัวการ์ตูนจากเกาหลีซึ่งเป็นเด็กหญิง

    ปณิธิพาเจ้าตัวเล็กออกไปยังด้านนอกซึ่งเป็นเฉลียงชมสวน พอเด็กชายดื่มน้ำเสร็จเขาก็วางขวดน้ำลงบนที่นั่งตรงเฉลียงแล้วล้วงมือถือออกมากดหารายชื่อที่ต้องการ แล้วโทรออกอย่างไม่ลังเล

     

    เมื่อเห็นชื่อจากสายเรียกเข้าที่ปรากฏบนจอมือถือ กัทลีรัตน์นิ่งงันไปชั่ววินาทีก่อนจะใจเต้นแรงขึ้น เธอขยับนั่งตัวตรง หยิบรีโมตมาปิดเสียงโทรทัศน์ สูดหายใจลึกแล้วกดรับสาย สวัสดีค่ะ

    ผมโทรมารบกวนเช้าไปรึเปล่า

    ไม่ค่ะ ฉันตื่นได้สักพักแล้ว กำลังดูโทรทัศน์

    เสียงคุณแย่จัง เขาตั้งข้อสังเกต

    เจ็บคอ

    อย่าหายใจทางปากสิ คอยิ่งแห้ง

    ก็มันคัดจมูกนี่คะ แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว คุณโทรมา...มีอะไรรึเปล่า หญิงสาวรู้สึกใจชื้นเมื่อเห็นว่าเขามิได้แสดงความแค้นเคืองเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อครั้งงานหมั้นออกมาเลย

    หลานชายผมอยากคุยด้วย คุณพอจะคุยกับแกได้ไหม

    คะ?”

    เมื่อวานพวกคุณเจอกันแล้วไม่ใช่เหรอ เขาตกลงกับพริมาว่าจะนับญาติกับเด็กชายผ่านทางภีมากรเป็นหลัก ดังนั้นแทนที่จะนับพุกก้าเป็นลูกพี่ลูกน้อง เขาก็ถือเป็นหลานชายแทน

    ค่ะ

    พอดีพ่อแม่ภีมเขาไปต่างประเทศ พอมากรุงเทพฯ หนนี้อาพิ้งค์เลยพาไปไหนๆ ด้วยได้เต็มที่ ปณิธิแจกแจงให้ฟัง อ้อ คราวนี้ผมพักอยู่ที่บ้านภีม

    เพราะหมอมิ้นท์ไม่ได้มาด้วยล่ะสิ เธอหลุดปากไปอย่างลืมตัว

    ปณิธิหัวเราะ ถูก

    หญิงสาวเม้มปาก อารมณ์บางชนิดระคนกับความโกรธแล่นพล่าน ฉันจะพักผ่อนแล้ว แค่นี้นะคะ

    เดี๋ยวสิครับ คุยกับพุกก้าก่อน เขารีบรั้งไว้ก่อนเธอจะวางสาย

    จากนั้นกัทลีรัตน์ก็ได้ยินเสียงอ้อแอ้เอิ๊กอ๊ากผ่านทางโทรศัพท์ คล้ายคนตัวเล็กจะโดนคนอุ้มแกล้งจั๊กจี้ให้ส่งเสียงออกมา หญิงสาวยิ้มเมื่อนึกถึงร่างกลมขาวอวบที่แข็งแรงและตัวโตเกินกว่าเด็กเจ็ดเดือนทั่วไป พุกก้าถอดเค้าโครงหน้ามาจากทั้งพ่อและแม่อย่างลงตัว เด็กชายวัยเจ็ดเดือนจึงดูหล่อเหลามีเสน่ห์อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่นึกอยากฟัดแทบแย่ แต่เมื่อวานเด็กชายไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้เธอเพราะเกรงจะติดหวัด การส่งเสียงทักทายมาทางโทรศัพท์อย่างไม่เป็นภาษาของพุกก้าทำให้กัทลีรัตน์อดโต้ตอบไม่ได้ทั้งที่เธอเองเล่นกับเด็กไม่ค่อยเก่ง เธอจึงสนทนากับเด็กน้อยเป็นวรรคเป็นเวรทั้งที่คุยกันไม่รู้เรื่องเลยสักนิด

    สัญญาได้ไหมว่าถ้าอาหายหวัดจะให้อาฟัดทั้งวันเลย นะๆๆ คนเก่ง

    “...”

    พุกก้า

    อาพิ้งค์เอาไปโน่นแล้ว นี่ผมเอง

    “...”

    ผมสัญญาให้ก็ได้ว่าถ้าคุณหายหวัดจะยอมให้ฟัดทั้งวัน หญิงสาวหน้าร้อนจี๋จนมึนศีรษะไปวูบหนึ่ง แก้มแดงก่ำอยู่ตามลำพังในห้องพักผู้ป่วย จะฟัดรึเปล่า

    ไม่!”

    อ้าว หลอกกันนี่นา เขาพูดพลางหัวเราะ

    ฉันวางสายล่ะนะคะ เธอบอกเสียงแข็ง คุยกับเขานานๆ แล้วรู้สึกเหมือนไข้จะขึ้น

    คุณออกจากโรงพยาบาลพรุ่งนี้ใช่ไหม เย็นนี้ผมจะไปเยี่ยม

    กัทลีรัตน์เงียบไปครู่หนึ่ง อาจจะเจอนักข่าวก็ได้นะคะ

    ผมทำใจได้แล้ว เอาเป็นว่าเย็นนี้ค่อยเจอกัน ตอนนี้ผมต้องออกไปอบรม

    หลังจากปณิธิวางสาย เธอยังคงนั่งหน้าแดงอยู่ตามลำพังอีกหลายนาที แล้วต่อจากนั้นก็คอยแต่จะดูนาฬิกา ปณิธิไม่ได้บอกเวลาที่ชัดเจนจึงทำให้เธอต้องเดาเอาเองว่าเขาจะมาถึงเมื่อไหร่ วันนี้ไม่มีนักข่าวและไม่มีคนมาเยี่ยมเธอเลยนอกจากผู้จัดการของเธอที่แวะมาคุยเรื่องงานด้วยประมาณหนึ่งชั่วโมง สิ่งที่เธอควรทำคือพักผ่อนให้มากที่สุด แต่วันนี้ปณิธิทำให้เธอหลับได้น้อยกว่าเมื่อวานเสียอีก

    และแล้วตอนเจ้าหน้าที่ยกถาดอาหารเย็นเข้ามาให้ ปณิธิก็มาถึงพอดี

    อุตส่าห์ทำใจมาแล้ว นึกว่าจะเจอคนเยอะซะอีก ร่างสูงในชุดเสื้อกาวน์แขนสั้นกับกางเกงขายาวสีครีมเอ่ยขึ้นเมื่อทั้งคู่อยู่ตามลำพัง เขาสังเกตเห็นว่าน้ำหนักเธอลดลงไปอย่างที่พริมาบอก ดวงหน้าขาวดูซีดเซียวและอ่อนเพลีย ทว่าดวงตากลมโตยังมีประกายอย่างน่าพอใจ

    ไม่มีหรอกค่ะ วันนี้ไม่มีใครมาเลย

    แม่คุณมาเยี่ยมบ้างรึเปล่า

    ไม่สบายแค่นี้แม่ไม่ว่างมาดูหรอกค่ะ หญิงสาวบอกอย่างเรียบเฉย แต่ปรากฏแววน้อยใจในดวงตาเธอวูบหนึ่ง

    แบบนี้ยังยืนยันว่าจะเลือกแม่คุณมากกว่าผมอีกหรือ

    คะ?”

    เปล่า ไม่มีอะไร เขาตอบปัด ดีแล้วล่ะที่ไม่มีใครมารบกวน หวัดรักษาได้ดีที่สุดด้วยการนอนหลับพักผ่อน

    เมื่อก่อนฉันไม่ใช่คนขี้โรคขนาดนี้นะคะ แต่ตอนนี้รู้สึกจะเป็นหวัดแทบทุกเดือนเลย

    หลังๆ มานี้คุณคงพักผ่อนน้อยเกินไป เชื้อหวัดมีห้าร้อยกว่าสายพันธุ์ย่อย ต่อให้เป็นปีละสิบหน เกือบทั้งชาตินี้ก็คงไม่ครบทุกสายพันธุ์ด้วยซ้ำ ทางป้องกันมีอย่างเดียวคือคุณต้องรักษาสุขภาพและพักผ่อนให้เพียงพอ

    ฉันต้องทำงานนี่คะ

    คุณมีเรื่องรบกวนจิตใจจนเครียดบ้างรึเปล่า เพราะถ้าใจไม่สบายมันมักแสดงออกมาทางร่างกายด้วยการป่วยไข้

    เธอมีปัญหาต้องเครียดไม่กี่เรื่อง คือเกี่ยวกับงานและ...เขา กัทลีรัตน์คิดในใจขณะนั่งมองปณิธิจัดแจงเลื่อนที่วางถาดอาหารมาปรับระดับให้อยู่ตรงหน้าเธอ แล้วยกถาดอาหารมาวางเพื่อป้อนข้าวให้

    ผมกะเวลามาป้อนข้าวเย็นโดยเฉพาะ ฉะนั้นอย่าให้ผมเสียเที่ยว คนป่วยกะพริบตาปริบๆ แก้มซีดๆ เริ่มมีสีระเรื่อจางๆ อ้าปาก เขาออกคำสั่งเมื่อตักอาหารมาจ่อที่ปากเธอ กว้างๆ ด้วย

    ในที่สุดเธอก็ยอมอ้าปากงับเอาข้าวช้อนนั้นแต่โดยดี คนป้อนยิ้มมองเธอเคี้ยวอาหารและกลืนอย่างพอใจ

    ผมเคยคิดว่าจริงๆ แล้วคุณต้องเป็นผู้หญิงที่ดื้อรั้นเอาแต่ใจมาก แทนที่จะหัวอ่อนว่าง่ายอย่างนี้ คือ...ผมเชื่อมาตลอดว่าคุณแค่สร้างภาพเด็กดีไว้เป็นจุดขาย

    วาจาขวานผ่าซากของเขาแทงใจดำเด็กดีอย่างจัง เธอหน้าบึ้ง เม้มปากแน่นด้วยความไม่พอใจ

    ถึงคุณจะเจ้าเล่ห์มารยา ร้ายกาจถึงขนาดหลอกให้ผมหลงกลจนโดนแม่คุณประณามเสียแรงตอนวันหมั้น แต่รวมๆ แล้วผมก็ยอมรับว่าคุณเป็นเด็กดี

    แต่ก็ยังดีไม่พอสำหรับคุณ เธอดักคอเขาหลังจากกล้ำกลืนความละอายใจจากเรื่องที่เขารื้อฟื้นลงไปให้ลึกสุดใจ

    เขาส่ายหน้า คุณดีพอสำหรับทุกคนนั่นแหละ อย่าพูดให้ผมดูน่าหมั่นไส้

    เพียงแต่ฉันไม่ใช่สเป็กผู้หญิงในฝันของคุณงั้นใช่ไหม

    จริงๆ แล้วเรื่องบางเรื่องก็ไม่มีใครรู้ดีมาตั้งแต่เกิดหรอก ทุกคนต้องมาเรียนรู้เอาทีหลังกันทั้งนั้น

    เธอสบตาเขานิ่งนาน อาจเป็นเพราะอาการปวดหัวและไม่สบายเพราะไข้หวัด จึงทำให้สมองของเธอไม่ปลอดโปร่งพอที่จะคิดพิจารณาคำพูดของเขาอย่างถี่ถ้วน หรือที่จริงแล้วเธออาจไม่กล้าคิดอะไรเข้าข้างตัวเองเพราะภาพของมัทนายังปรากฏชัดเจนอยู่ในใจ เธออ้าปากรับอาหารจากเขาอีกคำหนึ่งอย่างไม่ดื้อดึง เคี้ยวและกลืนก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นจิบ นึกในใจว่าการที่เธอเป็นฝ่ายยอมเขาเสมอมาในหลายๆ เรื่องทั้งที่เธอเองก็อยากจะทำตัวแย่ๆ บ้างแต่ก็ไม่ทำ เป็นเพราะในใจเธอรู้สึกผิดอยู่เสมอที่ดึงปณิธิมาร่วมรับผิดชอบในปัญหาชีวิตของเธอจนเขายุ่งยากมากขนาดนี้

    ผมจะบอกอะไรให้นะ ถึงคุณจะไม่ใช่ผู้หญิงในฝัน แต่ผมสืบรู้มาว่าคุณเป็นผู้หญิงสมบูรณ์แบบแทบไม่มีที่ติ ทั้งทางฝั่งพ่อและแม่คุณไม่มีโรคถ่ายทอดทางพันธุกรรมที่น่ากังวล ไม่มีโรคหัวใจ เบาหวาน ความดัน มะเร็ง หรือโรคไต

    “...”

    คุณผิวสวย ผมดกดำเงางาม และมีสุขภาพฟันที่ดีเยี่ยม อันสุดท้ายนี้ผมเพิ่งเช็กตอนบอกให้คุณอ้าปากกว้างๆ เมื่อกี้นี้เอง

    “...”

    ผมยอมรับว่าคุณจะเป็นภรรยาที่สมบูรณ์แบบมากยกเว้นเรื่องความสูงที่ดูเหมือนจะได้ลักษณะด้อยทางฝั่งแม่มามากเกินไป แต่ผมก็พยายามเลิกกังวลตรงจุดนี้แล้ว

    คำพูดระคายหูปิดท้ายด้วยรอยยิ้มบาดใจของเขาทำให้กัทลีรัตน์ตะลึงตาค้าง ปณิธิสาธยายออกมาราวกับกำลังคัดเลือกแม่พันธุ์ปศุสัตว์ของเขา ความโกรธระเบิดภายในหัวของเธอและแล่นพล่านไปทั่วร่างจนสั่นระริก ทว่ายังไม่ทันพูดอะไรกันต่อจากนั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขัดจังหวะเสียก่อน อึดใจต่อมาพลอยพัทธก็ปรากฏตัวให้เห็นในชุดสวยโดดเด่นและดูแก่เกินวัยเช่นเคย

    ตายจริง พี่ปั๊บอยู่ด้วยหรือคะ สาวน้อยวัยยี่สิบปีออกอาการดีใจอย่างยิ่งเมื่อเห็นปณิธิ เขาจึงยิ้มทักทายหล่อนอย่างเป็นมิตร อย่าบอกนะคะว่าลงทุนขึ้นมาจากใต้เพราะรู้ว่าพี่กล้วยเป็น...หวัด พลอยพัทธเน้นคำสุดท้ายด้วยเสียงหยันๆ

    เปล่าครับ พอดีผมต้องมาอบรมอยู่แล้ว

    เมื่อวานพลอยตกใจหมดเลยค่ะตอนพี่กล้วยเป็นลม แต่ก็คุ้มนะคะที่หมดสติไปตอนนั้น เพราะรอบข้างมีแต่หนุ่มหล่อล่ำ โดยเฉพาะคนที่อุ้มพี่กล้วยไปปฐมพยาบาล แหม พี่กล้วยเลือกจังหวะได้พอดีเป๊ะเชียวค่ะ

    พลอยอิจฉารึไงที่ไม่ได้เป็นลมเลยไม่มีผู้ชายหล่อล่ำมาอุ้มแบบพี่ กัทลีรัตน์เหน็บพลางแย่งช้อนจากมือปณิธิมาทานข้าวต่อเองเพราะเขาไม่มีทีท่าว่าจะป้อนเธออย่างตอนแรกแล้ว และเธอก็โมโหจนไม่อยากจะมองหน้าเขาแล้วด้วยซ้ำ

    พลอยพัทธตวัดตาค้อนอย่างขุ่นเคือง หากยังฝืนยิ้มและหัวเราะออกมาได้ ต๊าย พี่ปั๊บขา ท่าทางพี่กล้วยจะติดใจผู้ชายคนอื่นเสียแล้วนะคะ ฟังพูดเข้าสิ แม้ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องแกล้งทำเป็นมิตรกับกัทลีรัตน์ต่อหน้าปณิธิแล้ว ทว่าพลอยพัทธก็ยังเห็นว่าควรคงความเสแสร้งไว้บ้างสักนิด เมื่อวานได้ใกล้ชิดหนุ่มล่ำๆ แล้ว วันนี้ยังได้นอนโรงพยาบาลอ้อนคู่หมั้นหล่อๆ อย่างพี่ปั๊บอีก เป็นพี่กล้วยนี่มันดีจริงๆ นะคะ

    พอมีพลอยพัทธมานั่งไขว่ห้างพูดเจื้อยแจ้วอยู่ใกล้ๆ กัทลีรัตน์เลยหมดอารมณ์ทานข้าวต่อแล้ว ส่วนปณิธิก็ได้แต่นิ่งฟังและมองท่าทีสองสาวคู่ปรับอย่างเงียบๆ โดยไม่ขอมีส่วนร่วม เพราะเขาเองก็ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ระหว่างทั้งคู่อย่างลึกซึ้งนัก

    จริงสิคะ พลอยอยากจะถามพี่ปั๊บมาตั้งนาน คุณหมอมิ้นท์ที่เจอตอนงานหมั้นคราวก่อนเป็นอะไรกับพี่ปั๊บหรือคะ ท่าทางสนิทสนมกันจัง แฟนเก่า หรือว่ายังกิ๊กกันอยู่

    คำพูดโพล่งของพลอยพัทธทำให้เกิดความเงียบขึ้นภายในห้องพักผู้ป่วยชั่วขณะหนึ่ง กัทลีรัตน์แอบสะดุ้งจนแปลบในอกที่พลอยพัทธก็ยังรู้สึกถึงความพิเศษระหว่างปณิธิกับมัทนา ทว่าเธอก็มิได้แสดงอาการใดออกมา

    แค่เพื่อนครับ เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียน ปณิธิตอบพลางยิ้ม เหลือบมองคนที่นั่งนิ่งบนเตียงแวบหนึ่ง

    อือฮึ พลอยพัทธพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้อย่างครุ่นคิด ดูเสแสร้งอย่างมีเสน่ห์ตามแบบฉบับของสาวสวยผู้มาดมั่น แต่พลอยว่าพี่ปั๊บดูเหมาะสมกับคุณหมอคนนั้นมากกว่าพี่กล้วยเยอะเลยนะคะ เพื่อนพี่ปั๊บดูร่าเริง ฉลาด มีอารมณ์ขัน ช่างพูดช่างคุยและเสน่ห์แรงน่าหลงใหล ผู้ชายคนไหนได้อยู่ใกล้ก็คงอดชื่นชมไม่ได้

    คำพูดยั่วโทสะของพลอยพัทธทำให้กัทลีรัตน์หน้าตึงและมึนชาไปหมด ในขณะที่ใจร้อนรุ่มคุมแค้นจนอยากตวาดสั่งพลอยพัทธให้หุบปาก แล้วไล่ตะเพิดทั้งหล่อนและปณิธิออกไปเสียจากห้อง แต่ทั้งหมดที่เธอทำคือนั่งนิ่งอย่างข่มกลั้นอารมณ์ เธอเผลอแลไปทางปณิธิหลายครั้ง และสบตากับเขาครั้งหนึ่ง หากอีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย จนกระทั่งเขามองนาฬิกาพร้อมกับขยับลุกขึ้น

    ผมขอตัวกลับก่อนดีกว่า กล้วยควรจะทานยาและพักผ่อนได้แล้ว

    พลอยพัทธลุกตามทันควัน พี่ปั๊บกลับยังไงคะ

    ผมเอารถเพื่อนมาครับ

    ดีจัง ช่วยแวะไปส่งพลอยที่คอนโดฯ หน่อยได้ไหมคะ วันนี้พลอยจะค้างที่คอนโดฯ

    กัทลีรัตน์กัดฟันกรอด มองพลอยพัทธที่ปรี่เข้าไปเกาะแขนปณิธิอย่างสนิทสนมด้วยสายตาขุ่นขวาง ทว่าเธอก็ไม่ได้พูดอะไร

    ผมกลับก่อนนะกล้วย พรุ่งนี้เย็นๆ ผมอบรมเลิกแล้วจะไปหาที่บ้าน

    หญิงสาวกัดริมฝีปาก ฝืนใจพยักหน้ารับแข็งๆ แต่ดีใจที่อย่างน้อยปณิธิก็ยังให้เกียรติเธอต่อหน้าพลอยพัทธ โดยไม่แสดงสิ่งที่อาจทำให้พลอยพัทธสงสัยในความสัมพันธ์อันเลวร้ายระหว่างเขากับเธอ

    ปณิธิกับพลอยพัทธออกไปได้ไม่ถึงสามนาที ประตูห้องก็ถูกผลักเข้ามาอีกครั้งโดยปณิธิ ขามายังเงียบสงบอยู่แท้ๆ ตอนนี้นักข่าวอยู่ข้างนอกตั้งสามสี่ราย

    แล้วพลอยล่ะคะ

    ผมทิ้งให้ให้สัมภาษณ์อยู่คนเดียวด้านนอก โกหกนักข่าวว่าผมลืมของแล้วแวบกลับมา น้องสาวคุณคงไม่ลำบากกับการรับมือนักข่าวหรอก

    กัทลีรัตน์เชื่อว่าเขาน่าจะรู้ว่านอกจากจะไม่ลำบากแล้ว พลอยพัทธยังชอบมากด้วยซ้ำ คุณออกไปเถอะค่ะ ฉันไม่อยากให้ใครตามเข้ามาในนี้ ฉันอยากพักผ่อน

    คุณทานข้าวไปนิดเดียว อิ่มแล้วเหรอ เขาถามแล้วหยิบยากับน้ำดื่มมาส่งให้เธอ

    เห็นหน้าพลอยฉันก็อิ่มจนจุกแล้วล่ะค่ะ หญิงสาวพูดก่อนจะทานยาและดื่มน้ำตาม ไม่รู้จะมาทำไม

    ปณิธิหัวเราะ ผู้หญิงเกลียดกันคงไม่พ้นเรื่องทำนองอิจฉาริษยา

    คุณจะว่าฉันอิจฉาที่พลอยสวยกว่างั้นเหรอคะ

    ผมไม่รู้หรอก รู้แต่ว่าคุณอิจฉาที่ผมบอกว่าพลอยสวย

    หน้าเซียวๆ ของคนป่วยระเรื่อขึ้น รู้ไหมคะ มีคนเคยพูดไว้ว่าคนหลงตัวเองสักวันต้องเจอกับความมืด

    คนที่สักวันอาจจะต้องเจอกับความมืดมองเธอด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ ก่อนจะหัวเราะ มีผู้หญิงขาววิ้งอยู่ใกล้ๆ ทั้งคน ถึงอยู่ในที่มืดผมก็คงมองเห็นชัด

    ผู้หญิงขาววิ้งเม้มปากอย่างโกรธเคือง

    ว่าแต่...น้องสาวคุณจะนั่งรถผมกลับ คุณไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ

    กัทลีรัตน์ชะงัก คอแข็ง รู้สึกมีอาการเหมือนไข้ขึ้นทันควัน คุณคงดีใจแทบแย่ เพราะคุณปลื้มเขามากนี่คะ คงเสียใจล่ะสิที่ต้องมาหมั้นกับฉันแทนที่จะเป็นพลอย

    ปณิธิยิ้ม มองเธอด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก เดาไปเถอะ ยังไงผมก็ไม่เฉลยง่ายๆ

    หญิงสาวเม้มปากขัดเคืองใจ ถ้าพลอยรู้ว่าคุณชอบเขา...มากกว่าฉัน เขาคงรีบฉวยโอกาสอย่างไม่รอช้าแน่ แต่ถ้าคุณร่วมมือกับเขาทรยศฉันล่ะก็ ฉันจะฆ่าคุณ

    คราวนี้คนเป็นคู่หมั้นชะงัก ก่อนจะเบิกตากว้างขึ้นราวกับแกล้งตกใจ ทีระแวงเรื่องผมกับมิ้นท์คุณยังไม่เห็นขู่ฆ่าแบบนี้เลย

    กัทลีรัตน์กัดกราม ตาวาววับ คุณจะไปมีอะไรกับใครที่ไหนฉันไม่ว่า แต่กับพลอยพัทธ ฉันจะไม่มีวันยอมให้อภัยถ้าคุณยุ่งกับเขา

    ปณิธิมองเธอเหมือนไม่เคยเห็น ผู้หญิงนี่น่ากลัวนะ ตอนไม่รู้จักกันจริงๆ ผมไม่เคยจับได้เลยว่าคุณสองคนเกลียดกันอย่างหนักขนาดนี้ ข่าวลือว่าเกาเหลาที่เขาพูดกันผมไม่เคยเชื่อเลยด้วยซ้ำ

    ถึงเราจะไม่ค่อยแสดงออกต่อหน้าใครๆ แต่ฉันกับพลอยก็เกลียดกันพอๆ กับกรณีของคุณกับแม่นั่นแหละค่ะ

    คนฟังพยักหน้ารับรู้อย่างเข้าใจ เขายืนอยู่ข้างเตียง สบตาเธอในระยะห่างไม่ถึงเมตร นอกจากแม่คุณ ผมก็ไม่มีคู่อริที่เคยมีเรื่องกันแรงขนาดนั้นมาก่อน แต่บางที...ตอนผมมาเรียนต่ออาจจะเจออริใหม่สักคนสองคนก็ได้

    กัทลีรัตน์นิ่วหน้า ทำไมคะ

    ปณิธิยิ้มพลางส่ายหน้า เปล่า ไม่มีอะไร ใบหน้าซีดเซียวและริมฝีปากอ่อนนุ่มที่ปราศจากเครื่องสำอางของเธอในยามนี้ทำให้เขารู้สึกดีกว่าเรียวปากเคลือบลิปสติกที่เคยลิ้มรส ทว่าเขายังต้องอบรมอีกหลายวันจึงไม่มีสิทธิ์ติดหวัด กล้วย ก่อนที่พลอยจะมาถึง ที่ผมทำให้คุณโกรธ...ผมขอโทษ

    การสะกิดเตือนของเขาทำให้เธอนึกขึ้นได้ ริ้วความโกรธจึงแล่นกลับมาอีกครั้ง

    จริงๆ ผมไม่ได้คิดว่าความสูงของคุณเป็นเรื่องน่าเศร้าอะไร ว่าแต่...คุณสูงเท่าไหร่ ไม่เอาตัวเลขมั่วๆ แบบที่ดาราชอบเมกเองนะ

    ฉันสูงร้อยห้าสิบห้าเซนติเมตร ถ้าไม่เชื่อจะดูบัตรประชาชนไหม หญิงสาวตอบอย่างข่มสติเต็มที่

    โอเค ผมเชื่อ ไปนะครับ คุณพักผ่อนเถอะ คนฟังทำสีหน้ารับรู้ยิ้มๆ แล้วทำท่าจะผละไป

    เดี๋ยวค่ะ คนที่กำลังผละไปยังประตูหันกลับมา เขาเห็นหน้าซีดๆ ของคนบนเตียงเข้มขึ้นเรื่อยๆ แววตาวาววับดูดุร้ายกว่าเคย ในฐานะที่คุณเป็นหมอ ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหม

    ว่ามาสิ

    โรคปากจัดกับนิสัยกวนประสาทเป็นโรคร้ายแรงที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมด้วยรึเปล่าคะ ถ้าใช่ ฉันจะได้ระวังตัวจากคนที่เป็นโรคนี้ให้มากกว่าเดิม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×