คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4
อาการกระสับกระส่ายของสาวน้อยข้างๆ เรียกรอยยิ้มได้จากยุพาภรณ์ที่เพิ่งโดนเจ้านายตำหนิข้อหาทำงานเกินหน้าที่มาหมาดๆ
‘คุณยุพา ต่อไปนี้ถ้ามีใครมาพบผมก็รายงานผมโดยตรง ไม่ต้องรอผ่านแก้มก่อน เข้าใจนะ’
รู้สึกช่วงนี้เจ้านายของเธอดูจะหงุดหงิดผิดปกติ ‘ค่ะ’
‘รับผิดชอบงานในหน้าที่ของคุณให้ดี อย่าให้มีอย่างที่ผ่านมาอีก’
เธอเป็นเลขาฯ ให้เขามาหลายปี ก็มีช่วงนี้แหละที่เจ้านายมีสาวๆ เดินพาเหรดเข้าออกห้องทำงานไม่ได้ขาด แต่จะว่าไปก็ไม่แปลก เพราะคุณมาร์คจัดอยู่ในข่ายผู้ชายเพอร์เฟ็กต์ รูปหล่อ พ่อรวย ทั้งเก่ง ทั้งฉลาด มีหรือที่สาวๆ จะไม่อยากเข้าใกล้
“พี่ยุ รู้มั้ยคะว่าผู้หญิงคนนั้นมาทำไม”
“พี่ก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ”
แก้มใสกลับไปนั่งหน้ายุ่งที่โต๊ะทำงานตัวใหม่ หลังจากโดนพี่ชายอัปเปหิออกมาด้วยเหตุผลที่ว่าไม่ได้รับเข้ามาเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ เป็นผู้ช่วยเลขาฯ ก็ให้ออกไปนั่งกับเลขาฯ ข้างนอก ถึงแม้ไม่ชอบใจนักแต่เมื่อโดนคำสั่งประกาศิตก็ต้องยอมทำตามแต่โดยดี
ยุพาภรณ์ร้องห้ามแทบไม่ทัน เมื่อเจ้าของแก้มใสๆ ที่เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องทำท่าจะผลักประตูเข้าไป
“คุณแก้ม อย่าค่ะ”
มือบางชะงักอยู่แค่นั้น หันมองกลับมาก็พบว่าหน้าพี่ยุซีดเต็มที “คุยอะไรกันนะ นานเป็นชั่วโมง” ดวงตาสวยใสฉายแววเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที ก่อนเดินเข้าไปห้องเล็กทางด้านหลังแล้วกลับออกมาพร้อมกาแฟสองที่
“คุณมาร์คเธอสั่งไม่ให้คนอื่นรบกวนนะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แก้มไม่ใช่คนอื่นของพี่มาร์คสักหน่อย”
หมดหนทางทักท้วง ยุพาภรณ์ก็จำเป็นต้องปล่อยไป หวังว่าเจ้านายคงเข้าใจว่าเธอเองก็ไม่มีความสามารถมากพอที่จะห้ามปรามคุณแก้มใสได้เหมือนกัน
“มีอะไร” เสียงชายหนุ่มห้วนจัดเมื่อเห็นหญิงสาวซึ่งจัดเป็นบุคคลไม่พึงประสงค์ของเขาในเวลานี้เข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต
“กาแฟค่ะ คุยอะไรกันอยู่คะท่าทางน่าสนุกจัง” แก้มใสวางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะที่มีแต่นิตยสารแฟชั่นความงาม
หญิงสาวที่เธอรู้สึกไม่ถูกชะตาเอาเสียเลยหันมามองด้วยสายตาเหยียด ก่อนหันกลับไปฉอเลาะกับชายหนุ่มที่นั่งติดกันอย่างแนบชิด
“หมดธุระก็ออกไปได้แล้ว” ความเฉยชาที่ชายหนุ่มแสดงออกสะกดให้ร่างบางยืนนิ่งอยู่ชั่วครู่ พ้นห้องออกมาได้น้ำตาที่รื้นอยู่ก็ไหลเป็นทาง
จากเหตุการณ์วันนั้น ทุกๆ วันของแก้มใสก็ไม่ใช่วันที่มีความสุขอย่างที่หวังไว้ ยิ่งไม่อยากรู้ไม่อยากเห็นก็เหมือนยิ่งแกล้ง
“คุณแก้มคะ คุณมาร์คขอกาแฟแล้วก็น้ำส้มอีกแก้วค่ะ”
“พี่ยุเอาเข้าไปให้หน่อยสิคะ”
“คุณมาร์คเรียกก็เข้าไปเถอะค่ะ นะคะคนดี” ยุพาภรณ์ส่งถาดให้ถึงมือ ยิ้มให้กำลังใจ
ถ้าเป็นเมื่อก่อน แก้มใสอยากรู้เหลือเกินว่าพี่มาร์คจะมีปฏิกิริยายังไงหรือจะคุยอะไรกับผู้หญิงพวกนั้น แต่ตอนนี้ไม่เลย เพราะทุกครั้งที่ถูกเรียกเข้ามา เสียงที่ได้ยินก็จะมีแต่คำพูดเอาอกเอาใจ เสียงหัวเราะอย่างมีความสุข โดยที่เธอเองเหมือนเป็นแค่อากาศธาตุที่ไม่มีใครมองเห็น หรือพี่มาร์คจะไม่ให้ความสำคัญกับเธอเหมือนอย่างที่เคยเป็นอีกต่อไปแล้ว
“พี่มาร์ค เดี๋ยวค่ะ วันนี้แก้มกลับบ้านด้วย”
ชายหนุ่มและหญิงสาวที่เดินเกาะแขนกันออกไปหันมาพร้อมกัน
“พี่มีธุระ เราพูดกันรู้เรื่องแล้วนี่แก้ม” แววตาไม่พอใจเด่นชัด ยิ่งเห็นท่าทางเย้ายวนของคนข้างๆ ที่ยืนคลอเคลียกับชายหนุ่มไม่ยอมห่างอย่างนั้น ด้วยความน้อยใจเธอจึงเอ่ยเสียงเบา ไม่อธิบายเหตุผลใดๆ ให้เขาได้รับรู้
“ขอโทษค่ะ” แล้วหันมาเก็บกระเป๋าของตัวเองเงียบๆ
แก้มใสไม่อยากเดาธุระของเขาให้ปวดใจ พอคุณแม่ไม่อยู่ พี่มาร์คก็กลับบ้านดึกขึ้นทุกวัน จนบางครั้งเธออยากตามไปอยู่กับแด๊ดและคุณแม่ให้หมดเรื่อง แต่ที่ทำไม่ได้ก็เพราะเหตุผลเดียว@@@เธอคิดถึงเขา ถึงแม้พี่มาร์คจะใจร้ายกับเธอขึ้นทุกวันก็ตาม
“คุณมาร์คกลับไปแล้ว อย่างนี้คุณแก้มจะกลับยังไงล่ะคะ” ยุพาภรณ์ถามหญิงสาวที่เดินหน้าจ๋อยตามมา เธอทราบเพราะเป็นคนรับโทรศัพท์จากนายพร คนขับรถที่โทรมาขอลากลับบ้านด่วนเพราะลูกชายที่ต่างจังหวัดประสบอุบัติเหตุ “งั้นพี่ไปส่งเองค่ะ”
แก้มใสพลิกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา เกือบหกโมงแล้ว “ไม่เป็นไรค่ะ แก้มกลับเองได้ พี่ยุรีบกลับบ้านเถอะค่ะ คุณแม่กลับช้าอย่างนี้เจ้าตัวเล็กหิวแย่เลย”
ทางกลับบ้านของเธออยู่คนละทางกับยุพาภรณ์ ที่สำคัญหญิงสาวทราบว่าคุณเลขาฯ ใจดีมีเจ้าตัวน้อยอายุแค่หกเดือน แก้มใสไม่อาจเบียดบังเวลาที่ควรจะเป็นของเจ้าตัวน้อยไว้ได้@@@กับคนที่ไม่เคยผูกพันกันมาก่อน พี่ยุยังมีแก่ใจเป็นห่วง แต่กับเขา เธอคงเป็นแค่เศษผงที่ไม่อยู่ในสายตา และถ้าบังอาจปลิวเข้าตาอย่างวันนี้ เขาก็เขี่ยทิ้งโดยไม่ใส่ใจ
ฝนตั้งเค้า ท้องฟ้าปกคลุมด้วยเมฆมืดครึ้ม ลมพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ ผสานกับเสียงฟ้าร้องเป็นระยะ การจราจรที่ติดขัดอยู่แล้วเมื่อมาเจอสภาพอากาศไม่อำนวยก็ยิ่งไปกันใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกที่แก้มใสเดินทางโดยลำพัง เธอตัดสินใจเรียกแท็กซี่ที่น้อยครั้งจะมีโอกาสได้นั่ง ตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านดาร์ลตัน ไม่ว่าเธอจะไปไหนต้องมีคุณแม่ไปคอยดูแลด้วยเสมอ ขนาดเรียนมหาวิทยาลัยลุงพรยังต้องคอยรับส่ง ซึ่งแก้มใสยอมรับอย่างชื่นบานว่าชอบที่จะให้เป็นอย่างนั้น เหตุผลไม่ใช่เพราะมีรถหรูไว้อวดเพื่อน แต่เพราะทำให้มั่นใจว่ายังมีคนห่วงใยเธออยู่ นั่นแหละประเด็นสำคัญ
“คุณๆ คุณลงตรงป้ายรถเมล์ข้างหน้านี่เถอะนะ ไปต่อไม่ไหวแล้ว รถติดขนาดนี้”
โชคร้ายที่แก้มใสเจอแท็กซี่ขาดความรับผิดชอบ
“อ้าว แต่นี่ยังไม่ถึงเลยนะคะ”
“ตั้งชั่วโมงยังมาได้แค่นี้ ถ้ารอไปส่งจนถึงผมคงกลับมาส่งรถไม่ทันแน่ เร็วเถอะคุณ ไฟเขียวแล้วผมจะออกขวา”
แก้มใสก้าวลงจากแท็กซี่อย่างไม่เต็มใจนัก วิ่งฝ่าสายฝนที่โปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย กดโทรศัพท์ไปยังเบอร์ที่คุ้นเคยแต่ชายหนุ่มก็ไม่รับสาย ป้ายรถเมล์เล็กๆ ไม่พอที่จะคุ้มฝนให้หลายสิบคนที่ยืนเบียดกันอยู่ ร่างบางเปียกไปทั้งตัว น้ำฝนไหลปนน้ำตา
แท็กซี่หลายคันปฏิเสธที่จะรับเธอขึ้นรถเพราะเส้นทางที่จะไปนั้นการจราจรติดขัดอย่างหนัก จนกระทั่งได้แท็กซี่ของลุงท่าทางใจดีคนหนึ่งยอมไปส่งให้เพราะเห็นว่าที่ป้ายรถเมล์เหลือเพียงเธอและวัยรุ่นอีกกลุ่มเท่านั้น
แก้มใสกลับถึงบ้านอย่างอ่อนล้าแต่เขาก็ยังไม่กลับ ป้านุ่ม ประนอม และพิณ ตกใจอย่างมากเมื่อรู้ว่าคุณน้องแก้มไม่ได้กลับมาพร้อมเจ้านายอีกคน
ชายหนุ่มเดินเข้าออกห้องหลายครั้ง แต่วันนี้เขายังไม่เห็นแม้เงาของแก้มใส “แก้มล่ะคุณยุพา”
ยุพาภรณ์ทำหน้าเลิ่กลั่ก นึกสงสัยอยู่ในใจ นี่อยู่บ้านเดียวกันยังไงเจ้านายถึงไม่รู้ว่าคุณแก้มใสไม่สบายไม่มาทำงาน
กลับถึงบ้านแม่จอมยุ่งก็ยังไม่ออกมาให้เจอหน้า ถามใครก็บอกว่าเธอไม่สบาย กินยาแล้วนอนทั้งวัน เขานึกหงุดหงิดกับความเกเรของแก้มใส เรียกร้องความสนใจแบบเด็กๆ คนรู้ไม่ทันก็เดือดร้อนกันไปทั้งบ้าน@@@นี่ก็อีกคนหนึ่ง
“คุณมาร์คคะ คุณน้องแก้มไม่สบาย พาไปหาหมอหน่อยเถอะค่ะ” ป้านุ่ม (แม่บ้านอาวุโส) บอกเจ้านายอย่างกลัวๆ
“เป็นอะไรนักหนา” ชายหนุ่มยังคิดว่าแก้มใสป่วยการเมืองประท้วงที่เขาขัดใจเธอเมื่อวาน ดูท่าว่าจะแสดงได้แนบเนียนจนใครๆ พากันเชื่อไปหมด
“เป็นไข้ค่ะ ตัวร้อนจี๋เชียว เมื่อวานเปียกฝนกลับมาเกือบเที่ยงคืน มอมแมมไปทั้งตัว”
“อะไรนะ!” หลุดปากเสียงดังจนคนฟังสะดุ้ง ถึงตอนนี้เขารู้แล้วว่าเมื่อวานนายพรไม่ได้ไปรับแก้มใส ร่างสูงวางงานในมือ ก้าวยาวๆ ไปที่ห้องเธอทันที
เสียงเคาะประตูหนักๆ ทำให้แก้มใสต้องฝืนลุกขึ้นเปิดประตูให้ แขนแข็งแรงคว้าเธอไว้ทันเมื่อร่างบางเซไปตามแรงผลักประตูอย่างรีบร้อนของเขา
“แก้ม เป็นไงบ้าง”
ไม่มีเสียงตอบนอกจากร่างบางที่ซบลงมากับอกกว้างอย่างหมดแรง
“แก้ม!” วงแขนอบอุ่นช้อนร่างร้อนผ่าวไปวางบนเตียงนุ่ม ก่อนสั่งแม่บ้านให้เตรียมผ้าและน้ำอุ่นสำหรับเช็ดตัว “ทำไมไม่มีใครพาไปหาหมอ” เสียงหนักคาดคั้น
“คุณน้องแก้มเธอไม่ยอมค่ะ บอกว่ากินยาแล้วนอนพักเดี๋ยวก็หาย”
จากสายตา ชายหนุ่มรู้ดีว่าทั้งสามคนก็เป็นห่วงแก้มใสมากเช่นกัน ไม่ใช่เวลาที่จะโทษใคร หากมีสักคนที่ต้องรับผิดชอบก็ควรเป็นเขาเอง@@@เขาเองที่เป็นต้นเหตุ
กลับถึงบ้านเกือบเที่ยงคืน แก้มใสคงกลัวมาก ถ้าเขาฟังเหตุผลของเธอก่อนกลับหรือรับโทรศัพท์ของเธอตั้งแต่ตอนนั้น@@@โชคดีที่ไม่มีเรื่องร้ายแรง ไม่งั้นเขาคงไม่ให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิต
ร่างบางซุกหน้าลงกับหมอนใบโต มือกำผ้าปูที่นอนยึดไว้แน่น ไม่ต้องมาพูดดีเลย แก้มเป็นอย่างนี้เพราะใครล่ะ
“ไปเถอะ พี่สัญญาว่าจะไม่ยอมให้หมอฉีดยาเด็ดขาด”
ดวงหน้าที่แดงก่ำเพราะพิษไข้ค่อยๆ ปรือตาอย่างระแวดระวัง “จริงนะคะ สัญญาแล้วนะ”
“สัญญาแล้วสิ” เมื่อเห็นชายหนุ่มรับปากหนักแน่น คนไม่สบายจึงเลิกโอ้เอ้ลุกขึ้นแต่งตัว
ขึ้นชื่อว่าโรงพยาบาล แค่ได้ยินแก้มใสก็ส่ายหน้า แต่เมื่อจำเป็นต้องมาเธอจึงเกาะแขนเขาแน่น
“แก้มจะหายอยู่แล้ว” เธอบ่นอุบ
เขายิ้มอย่างเอ็นดูเมื่อแก้มใสทำหน้าเบ้ตอนเห็นบุรุษพยาบาลเข็นรถเข็นให้คนไข้เด็กอายุสักห้าขวบที่มีเข็มน้ำเกลือเจาะหลังมือ
“ไม่ต้องกลัวหรอกน่า”
แก้มใสมีเวลาทำใจอยู่ครึ่งชั่วโมง ผู้ช่วยพยาบาลจึงเรียกชื่อเธอเข้าไปพบแพทย์ และแน่นอนที่เธอต้องเกี่ยวผู้ชายตัวโตเข้าไปด้วย
“สบายๆ ครับ หายใจเข้าลึกๆ ใช่ครับ@@@อย่างนั้นแหละ@@@อีกทีครับ” นายแพทย์หนุ่มบอกคนไข้ที่นั่งตัวเกร็ง
ขณะเดียวกันนั้นชายหนุ่มอีกคนกำลังข่มความรู้สึกเต็มที่เมื่อเห็นมือเรียวแข็งแรงทาบสเตโทสโคป (หูฟังของแพทย์) ลงกับเนื้อนุ่มนิ่ม นี่ถ้าไม่ใช่หมอล่ะก็เขาคงลุกไปซัดหน้าขาวๆ นั่นสักหมัด
“คุณเป็นโรคหัวใจด้วยหรือเปล่า” จังหวะหัวใจที่เต้นผิดปกติของหญิงสาวทำให้เขาเอ่ยขึ้น
คนไข้ของเขาหันไปส่งสายตาให้ชายหนุ่มอีกคนซึ่งนั่งหน้าเรียบเฉย
“แก้มไม่ได้เป็นโรคหัวใจหรอกค่ะ คุณหมออย่าฉีดยานะคะ แก้มกลัว”
คำสารภาพเสียงเบาที่ตอบกลับมาทำให้เขาก้มหน้าลงซ่อนยิ้ม
นึกว่าแก้มไม่เห็นหรือไงคุณหมอ
“แต่ถ้าฉีดยาสักเข็ม อาการจะดีเร็วขึ้นนะครับ” ไม่รู้อะไรทำให้หมออย่างเขาอยากล้อเล่นกับเธอขึ้นมาบ้าง ความจริงอาการไข้ธรรมดาๆ ไม่จำเป็นต้องฉีดยาเลยสักนิด
แก้มใสไม่รู้เลยว่าท่าทางแสนงอนและคำพูดโต้ตอบของเธอกับหมอหนุ่มนั้นสร้างความหมั่นไส้ให้กับเขามากเพียงใด เสียงเจื้อยแจ้ว แก้มอย่างนั้น แก้มอย่างนี้ ทำเหมือนกับสนิทกันมาสักสิบปี ถ้าสบายดีอยู่ล่ะก็จะจับตีซะให้เข็ด แต่พอได้ยินเสียงอ่อนๆ หันมาเรียก ‘พี่มาร์ค’ เขาก็รีบกางแขนปกป้องเธอทันที
“คงไม่จำเป็นหรอกครับ ทานยาอย่างเดียวก็พอ” อำนาจที่แสดงออกทางแววตาและน้ำเสียงเรียกรอยยิ้มจากคนที่กำลังก้มลงเขียนใบสั่งยาได้อีกครั้ง
“พี่ไม่ชอบหมอนั่นเลย”
“แต่แก้มว่าคุณหมอเขาก็ใจดีนะคะ”
ชายหนุ่มโยกศีรษะเธอเบาๆ อย่างเคยชิน “ชอบรึไง”
“คะ?” เธอมองเขางงๆ
“หมอนั่นน่ะ ชอบเขารึไง”
แก้มใสส่ายหน้าดิก รับยาและน้ำที่ชายหนุ่มส่งให้กลืนลงคอ แล้วหันไปเล่นเกมคอมพิวเตอร์ต่อ
“นอนได้แล้ว สี่ทุ่มกว่าแล้วนะ”
“นอนทั้งวันเลย เดี๋ยวอ้วนฉุกันพอดี” แต่นิ้วเรียวก็กด Shut down แล้วลุกไปนอนขดที่เตียงนุ่ม
“ว่าง่ายนะวันนี้”
“ก็มีคนใจดีลงทุนหยุดงานมาอยู่เป็นเพื่อนนี่คะ”
เขาบีบปลายจมูกรั้นเบาๆ ดึงผ้าห่มคลุมให้จนถึงไหล่แต่มือบางรั้งแขนเขาไว้ไม่ปล่อย
“หืม@@@”
“รอให้แก้มหลับก่อนได้มั้ยคะแล้วพี่มาร์คค่อยไป นะคะ” ศีรษะได้รูปที่ทาบอยู่กับหมอนส่งสายตาอ้อนเต็มที่
“งั้นก็หลับตาสิ” ชายหนุ่มนั่งลงอีกครั้งที่ขอบเตียง
แก้มใสยังเรียกร้องไม่เลิก เธอรวบรวมความกล้าจิ้มนิ้วเรียวสวยที่หน้าผากมนของตัวเอง “Goodnight kiss ด้วย”
เขาจะทำอย่างไรกับเธอดี ถ้าจะเปรียบแม่ตัวยุ่งคนนี้กับบูมเมอแรงก็คงไม่ผิด ยิ่งเขาขว้างออกไปแรงเท่าไร ก็ยิ่งกลับมาเร็วเท่านั้น เร็วจนเขารับไม่ทันด้วยซ้ำ
“นะคะ@@@นะ”
ริมฝีปากอุ่นประทับลงตามคำเรียกร้อง ถือว่ายกประโยชน์ให้ก็แล้วกัน
ชายหนุ่มถามตัวเองซ้ำๆ เขาปฏิเสธผู้หญิงที่กำลังนอนหลับตาพริ้มคนนี้ไม่ได้หรือไม่อยากปฏิเสธกันแน่ ลมหายใจสม่ำเสมอทำให้รู้ว่าแม่น้องน้อยหลับไปแล้ว หลับอย่างนี้ก็ดูน่ารักไม่มีพิษมีภัย แต่พอตื่นขึ้นมากลับสร้างความวุ่นวายใจให้เขาไม่ได้หยุด อยู่ใกล้กันแบบนี้เขาบังคับใจตัวเองไม่ค่อยได้ นิ้วเรียวยาวปัดไรผมที่ปรกหน้าแล้วประทับริมฝีปากกับหน้าผากมนอีกครั้ง แต่คนบนเตียงไม่ให้ความร่วมมือกับเขาบ้างเลย ขยับตัวยุกยิกจนแก้มใสๆ อยู่ชิดปลายจมูก เขาสูดความหอมจากผิวเนื้ออย่างแผ่วเบา หอม@@@แล้วปากจิ้มลิ้มสีระเรื่อนั่นล่ะ จะหอมหวานมากแค่ไหน@@@นี่เขากำลังคิดอะไรอยู่ ชายหนุ่มถามตัวเองอีกครั้ง
แก้มใสอมยิ้มเขินเมื่อร่างสูงถือถ้วยกาแฟเข้ามาหย่อนตัวนั่งลงใกล้ๆ ฝันหวานเมื่อคืนของเธอ พี่มาร์คอ่อนโยนแล้วก็ทำตัวน่ารักมากๆ แค่คิดก็ตัวจะลอยแล้ว
“พี่มาร์ค เมื่อคืนแก้มฝันดีด้วยล่ะ” แก้มใสหยุดไม่อยู่
ชายหนุ่มแทบสำลักกาแฟ เมื่อคืนนี้แม่จอมยุ่งรู้สึกตัวหรือเปล่า
“เป็นอะไรไปคะ หน้าแดงเชียว หรือว่าติดไข้จากแก้มไปแล้วเนี่ย” มือบางยื่นมาอังหน้าผากอย่างห่วงใย
เขาพยายามปรับสีหน้า “หลับสบายล่ะสิ ถึงได้ฝันดี” สายตาไล่ไปตามบรรทัดของหนังสือพิมพ์ แต่เนื้อหาไม่ได้เข้าสมองเลยสักนิด
“ก็@@@ค่ะ@@@”
“ฝันว่าอะไรล่ะ” ถึงตอนนี้เขาเองที่ทนไม่ไหว นี่เธอรู้หรือไม่รู้กันแน่
แก้มใสมองเขาอย่างชั่งใจ จะบอกดีหรือเปล่านะ ถ้าพี่มาร์คโกรธล่ะ แต่มันก็แค่ความฝันนี่นา ถ้าโกรธก็ไร้เหตุผลเกินไปแล้ว คิดได้อย่างนั้นเธอจึงกระซิบบอกเขาชิดริมหู
“พี่มาร์คต้องไม่สบายแน่ๆ ดูสิ หน้าแดงอีกแล้ว เอ๊ะ! หรือว่าเขิน”
เกินไปละแม่ตัวดี เขาไม่ใช่ตัวตลกที่จะให้เธอเอามาล้อเล่นแน่ แขนแข็งแรงโอบร่างบางรั้งให้เข้ามานั่งแนบชิด “แล้วถ้าพี่ทำอย่างที่ฝันจริงๆ ล่ะ”
เธอผลักอกเขาไว้ มองหน้าอย่างไม่แน่ใจ แต่ยังไม่วายปากเก่ง “แก้มก็จะฟ้องคุณแม่ ให้จัดการพี่มาร์คโทษฐานรังแกแก้มน่ะสิ”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้ เขามองแก้มใสๆ ที่เป็นสีระเรื่อแล้วยิ้มอย่างอารมณ์ดี ศีรษะได้รูปพิงซบอยู่กับไหล่ มือก็กดไล่ช่องเคเบิลทีวีไปเรื่อย เขาจะจัดการยังไงกับปัญหาชิ้นใหญ่ที่นั่งอยู่ข้างๆ นี่ดีนะ
ความคิดเห็น