คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูทำให้ชายหนุ่มละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้า นาฬิกาบนโต๊ะบอกเวลาห้าทุ่มเศษ จะเป็นใครไปได้ที่กล้ารบกวนเขาในเวลาแบบนี้ ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงคนที่งอนเขาออกไปตั้งแต่ตอนเย็นก็คงเป็นผู้หญิงอีกคนที่มองอย่างคาดโทษเมื่อตอนรับประทานอาหารค่ำ
“เข้าไปได้มั้ยจ๊ะ” คนที่ถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาก่อนหยั่งเสียง ไม่ยอมก้าวเข้ามาในขณะที่เขารีบลุกจากเก้าอี้ตรงไปโอบเอวเธออย่างเอาใจ
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ”
“งานยุ่งมากรึเปล่า จะได้ไม่กวน”
“ไม่หรอกครับ” ถึงจะงานยุ่งมากแค่ไหน แต่กับเธอคนนี้เขามีเวลาให้เสมอ
แม้จะอายุกว่าห้าสิบปี แต่หากเปรียบเทียบกับคนในวัยเดียวกัน คุณมัณฑนายังแลดูอ่อนวัยกว่ามาก อาจเป็นเพราะท่านเป็นคนอารมณ์ดี ยิ้มง่าย แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่กับเขาในตอนนี้
“ดึกแล้ว ทำไมคุณแม่ยังไม่นอนล่ะครับ”
คุณมัณฑนานั่งมองหน้าลูกชายสุดที่รักที่ทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวกับวัตถุประสงค์ของท่าน
“แม่มีเรื่องอยากจะถาม”
“ก็ถามมาสิครับ” ชายหนุ่มนั่งลงข้างๆ บนชุดรับแขกตัวเดียวกัน ตั้งท่าเตรียมพร้อมตอบคำถามจนท่านเองนึกหมั่นไส้
“มาร์คไปดุอะไรน้อง”
ผิดจากที่คิดซะที่ไหน “หึ ไปฟ้องอะไรคุณแม่อีกล่ะครับ” น้ำเสียงเอือมระอา
“เห็นน้องเป็นเด็กช่างฟ้องไปได้ แค่เห็นแม่ก็รู้แล้ว นั่งซึมหน้าจ๋อยออกอย่างนั้น ถามอะไรก็ว่าแก้มไม่ดีเอง”
ฉลาดนักนะแม่ตัวดี ไม่ยอมพูดออกมาตรงๆ แต่แค่นี้ก็เรียกคะแนนสงสารได้มากนัก แถมยังทำให้คุณแม่มาเล่นงานเขาได้อีกต่อ
“น้องยังเด็ก อย่าไปดุอะไรนักเลย” คุณมัณฑนาเข้าข้างลูกสาวเต็มที่
“ยังเด็ก แก้มน่ะหรือครับยังเด็ก” ชายหนุ่มส่ายหน้า “คุณแม่ครับ แก้มไม่ใช่เด็กหญิงแก้มใสของคุณแม่อีกต่อไปแล้วนะครับ อายุก็เกือบจะยี่สิบสามแล้ว เรียนก็จบปริญญาแล้วด้วย นี่ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นอาจจะแต่งงานมีลูกไปแล้วก็ได้”
“พูดอะไรอย่างนั้นมาร์ค”
เขารู้ว่าคุณแม่ไม่พอใจนักแต่จะไม่พูดก็ไม่ได้ เขาไม่อยากทำร้ายจิตใจท่าน แต่ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปมันก็จะเป็นผลเสียกับทุกคน โดยเฉพาะแก้มใส
“ผมทราบว่าคุณแม่รักแก้มมาก แต่การที่พยายามปกป้องไปซะทุกอย่าง เก็บแก้มไว้กับตัวคุณแม่เองแบบนี้ บอกตรงๆ ครับว่าผมกลัว”
“กลัว?” น้ำเสียงของผู้สูงวัยบ่งบอกถึงความไม่เข้าใจ
“ครับ กลัว คุณแม่ลองคิดดูสิครับ เราสองคนไม่มีใครที่จะคอยปกป้องดูแลแก้มไปได้ตลอดชีวิตนะครับ วันหนึ่งลูกสาวคุณแม่ก็จะต้องเลือกทางเดินของตัวเอง แล้วถ้าวันนั้นแก้มยังดูแลตัวเองไม่ได้ แก้มจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง”
“ใช่ มาร์ค แม่น่ะคงอยู่ปกป้องน้องตลอดไปไม่ได้แน่ แต่ลูกทำได้นี่” คุณมัณฑนาตอบกลับโดยไม่ใช้เวลาคิดนาน
ทำไมคุณแม่ยังไม่ยอมเข้าใจสักที เขาอยากถาม
ตั้งแต่น้าแก้ว เพื่อนรักของท่านจากไป แก้มใสก็กลายมาเป็นลูกสาวตัวน้อยของบ้านดาร์ลตัน ทั้งแด๊ดและคุณแม่รักและเอ็นดูเธอนักหนาที่ได้ลูกสาวอีกคนสมใจ แต่จะสมใจมากขึ้นไปอีกถ้าลูกสาวที่เติบโตขึ้นมานั้นจะเปลี่ยนฐานะมาเป็นสะใภ้ ซึ่งตัวเขาเองก็รู้ถึงความต้องการของท่านทั้งสองอยู่เต็มอก
“แก้มเป็นน้องสาวผมครับ”
คุณมัณฑนาสบตาลูกชาย ทั้งเธอและสามีคิดอยู่เสมอว่าวันหนึ่งสิ่งที่หวังไว้จะเป็นจริง แต่เมื่อชายหนุ่มยืนยันหนักแน่นแบบนี้เธอเองก็จนใจ
“แล้วจะให้แม่ทำยังไง”
ชายหนุ่มขยับเข้าใกล้มารดาอีกนิดพร้อมกุมมือท่านไว้ “ปล่อยแก้มบ้างสิครับ ให้ลูกสาวของคุณแม่ไปมีสังคมของตัวเองบ้าง ตอนนี้แก้มก็เหมือนนกน้อยในกรงทอง ถึงเวลาที่ต้องสอนบินกันแล้ว อาจจะช้าไปสักหน่อย แต่เราต้องช่วยกันสอนให้แก้มเข้มแข็งพอที่จะเผชิญกับสิ่งต่างๆ ได้”
ลูกชายของท่านมีเหตุผลเพียบพร้อมเสมอ หรือทุกอย่างที่ท่านและสามีเข้าใจจะเป็นการคิดเข้าข้างความต้องการของตัวเองมากเกินไป
Ring@Ring@@@Ring@Ring@@@
“Hello, Michel speaking”
“ไมค์คะ ฉันเอง”
มิสเตอร์ดาร์ลตันจำเสียงภรรยาได้ทันที “เป็นอะไรรึเปล่าคุณ นี่ดึกแล้วไม่ใช่เหรอ” ที่เขานั่งทำงานอยู่ขณะนี้เป็นเวลาใกล้เที่ยง แสดงว่าที่เมืองไทยก็ต้องเที่ยงคืนกว่าๆ แล้ว
“ค่ะ แต่ฉันมีเรื่องไม่ค่อยสบายใจนิดหน่อย เลยอยากคุยกับคุณ”
น้ำเสียงแบบนี้ของภรรยาไม่เคยเป็นเรื่องอื่นไปได้ “มาร์คล่ะสิ”
“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ ฉัน@@@เอ่อ@@@คุยกับลูก@@@ไมค์คะ ยิ่งนานวันเข้าฉันก็ยิ่งไม่มั่นใจว่าที่เราคิดกันไว้มันจะเป็นไปได้”
“เรื่องเดิม เขาว่าไงบ้างล่ะ” พูดพลางปิดแฟ้มเอกสารในมือ หยิบรูปเด็กหญิงที่ยิ้มร่าเริงขึ้นพิจารณา
“มาร์คว่าฉันโอ๋ยัยหนูมากไป เลี้ยงแกให้เป็นนกน้อยในกรงทอง น่าจะปล่อยให้ออกไปบินไปมีอิสระบ้าง” แล้วเสียงหัวเราะที่ส่งผ่านมาตามสายก็ทำให้คุณมัณฑนานึกสงสัย “คุณก็คิดอย่างนั้นหรือคะ”
“ไม่ใช่ๆ” มิสเตอร์ดาร์ลตันรีบปฏิเสธ เขาเพียงนึกขำลูกชายเท่านั้น “ผมก็แค่คิดว่าถ้าจะเปรียบยัยหนูเป็นนกน้อยปล่อยไปหัดบินจริงๆ ล่ะก็คงต้องตามกันแบบไม่ให้คลาดสายตา นกอย่างยัยหนูใครเห็นเข้าก็คงอยากจับใส่กรงกันทั้งนั้นแหละ”
“ก็แน่สิคะ น่ารักออกอย่างนั้น” แล้วลูกชายของท่านล่ะ ไม่เห็นว่ายัยหนูน่ารักบ้างหรือไง ถึงได้ตั้งป้อมปฏิเสธอยู่ท่าเดียว
“แล้วลูกชายเรานี่แหละจะเดือดร้อนตามตะครุบนกน้อยกลับเข้ากรงเก็บไว้อย่างเดิมแทบไม่ทัน”
“คุณแน่ใจขนาดนั้นเลยหรือคะ หรือมีอะไรที่ฉันยังไม่รู้” ท้ายเสียงคาดคั้น
มิสเตอร์ดาร์ลตันยังสุขุมเช่นเดิม แล้วค่อยเริ่มชี้ประเด็นที่ทำให้ท่านแน่ใจตั้งแต่แรก “เราก็รู้พอๆ กันนั่นล่ะ แต่คุณอาจจะลืมอะไรไปบางอย่าง”
“ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี”
“มาร์คมาอยู่อเมริกาตั้งแต่อายุเท่าไหร่คุณ”
“ก็สิบสองไงคะ”
“ใช่ โตมาในวัฒนธรรมตะวันตกจนเป็นหนุ่ม คุณคิดว่าเขาควรจะเป็นห่วงน้องสาวแค่ไหน”
“เอ๊ะ คุณนี่ เล่นยี่สิบคำถามอยู่ได้ แต่ถ้าจะถามว่า ‘ควร’ ห่วงแค่ไหน นี่คุณหมายความว่า@@@” ความยินดีบ่งบอกทั้งทางสีหน้าและน้ำเสียงอย่างปิดไม่มิด
“ก็ใช่สิคุณ จำได้มั้ยว่าตอนที่ยัยหนูมาเที่ยวที่นี่เมื่อสองสามปีก่อน นายพีท ลูกชายแพมกับสตีฟมาขอเดทกับยัยหนูแล้วเราก็อนุญาตไปน่ะ มาร์คนั่งไม่ติดแค่ไหน สุดท้ายก็ทนไม่ได้ ต้องไปตามยัยหนูกลับมาตั้งแต่ยังไม่สามทุ่ม ในขณะที่เราเป็นพ่อแม่กลับไม่รู้สึกอะไร”
“ฉันก็เป็นห่วงนะคะ แต่รู้ว่าพีทเป็นเด็กดี แล้วบ้านนั้นก็ไว้ใจได้” ท่านแก้
“นั่นสิ มาร์คก็รู้ข้อนี้ดีนี่ แล้วทำไมถึงไม่คิดแบบคุณล่ะ แล้วกับหนุ่มๆ คนอื่นที่มาสนใจยัยหนู แต่ก็โดนลูกชายเรากางปีกกันท่าออกไปจนหมด หนุ่มอเมริกันที่ไหนเขาหวงน้องสาวกันแบบนี้”
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าหากแต่ยังไม่แน่ใจนัก “แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้ขับไล่ไสส่งกันเสียจริงล่ะคะ”
มิสเตอร์ดาร์ลตันเข้าใจดี แค่ลูกสาวตัวน้อยมาเที่ยวบ้างเป็นครั้งคราวยังทำเอาลูกชายเขาไม่เป็นอันทำอะไร แล้วนี่ต้องอยู่ด้วยกัน เจอกันทุกวัน ถ้าตอนนี้นายมาร์คไม่ข่มใจผลักแก้มใสไปเป็นแค่น้องสาวล่ะก็ ชายหนุ่มรู้ดีว่าชีวิตของเขาต้องเสียสมดุลเพราะน้องสาวแก้มใสๆ เป็นแน่
“อย่าไปเร่งเร้าอะไรนักเลย ปล่อยๆ ไปบ้าง ถึงเวลานายมาร์คก็รู้เองนั่นแหละว่าควรจัดการยังไง คุณเองก็เหมือนกัน ดูแลสุขภาพด้วยนะ ผมเป็นห่วง”
ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนแต่ความห่วงหาอาทรของมิสเตอร์ดาร์ลตันและคุณมัณฑนายังมีให้กันอย่างแน่นแฟ้นเสมอ
“คุณด้วยนะคะ อย่าโหมงานมากนัก ไม่สำคัญนักก็ให้คนอื่นทำแทนไปบ้างเถอะ แล้วยังไงถ้าสองคนนี้ไม่เกเรกันมากฉันจะไปหานะคะ”
“ตกลงครับ ดูแลตัวเองนะ”
“เช่นกันค่ะ@@@บาย” คุณมัณฑนายิ้มออกหลังวางสายจากสามี ก่อนบอกกับตัวเองว่า แม่จะคอยดูลูกชายคนเก่งจัดการกับตัวเองแล้วก็น้องสาวสุดที่รัก อยากรู้นักว่าจะปากหนัก ใจแข็งไปได้นานแค่ไหน
ความคิดเห็น