ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แวมไพร์เจ้าเสน่ห์

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.ค. 54


    บทที่ 1

     

    ประตูห้องรับแขกเปิดออกอย่างแผ่วเบาไร้สุ้มเสียง เมื่อกวาดตามองไปจะเห็นเสื้อ กางเกง ถุงเท้า และชุดชั้นในหล่นเกลื่อนเต็มพื้น

    เสื้อผ้าตกกระจายตามทางไปจนถึงห้องนอนซึ่งมีเสียงหายใจหอบกระเส่าดังลอดออกมาจากข้างในนั้น

    บนเตียงขนาดใหญ่ในห้องนอนขณะนี้ คนสองคนกำลังกอดรัดนัวเนียกันอย่างเร่าร้อนดุเดือด โดยไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ามีร่างงามระหงกำลังเดินเข้ามาอย่างเงียบเชียบ

    หญิงสาวซึ่งเดินเข้ามามองไปที่เตียงแวบหนึ่ง เธอไม่รู้สึกประหลาดใจแต่อย่างใดและคร้านที่จะเป็นผู้ชมด้วย เพราะสำหรับเธอแล้ว มันก็เหมือนกับเวลาเห็นพวกสุนัขติดสัดกันตามข้างทางซึ่งไม่มีอะไรน่าดูเลย

    จุดประสงค์ที่เธอมาที่นี่ก็เพื่อจะมาเอาแฟ้มเอกสารที่เผลอลืมทิ้งเอาไว้ในห้องนี้กลับคืนไป

    วางไว้ที่ไหนนะ

    เธอมองไปรอบๆ และเริ่มต้นค้นหา ไม่สนอกสนใจกับบทรักท่าพิสดารที่แสดงอยู่ข้างๆ แม้แต่น้อย

    ชายหนุ่มบนเตียงกำลังโยกตัวใส่อารมณ์อย่างเต็มที่ ขณะที่หญิงสาวใต้ร่างเขาก็ส่งเสียงครางรับเป็นจังหวะ จนกระทั่งในที่สุดเธอก็รู้ตัวว่ามีคนอื่นอยู่ในห้องอีกคน เสียงครางจึงแปรเปลี่ยนเป็นเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจ เธอผลักชายหนุ่มกระเด็นออกไปทันทีและมุดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม

    ชายหนุ่มกำลังตั้งท่าจะตะคอกด่าว่าเธอเป็นบ้าอะไร แต่พอเขามองเห็นบุคคลที่สามที่อยู่ในห้องก็ตัวแข็งทื่อไปในพริบตา

    ลู่ฉินรื้อหาของต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พร้อมกับโบกไม้โบกมือให้ชายหญิงซึ่งทำหน้าตื่นตกใจอยู่บนเตียง

    พวกคุณทำกันต่อไปเถอะ ฉันแค่มาหาของ

    เธอจำได้ว่าลืมแฟ้มเอกสารทิ้งไว้ที่นี่ก่อนจะออกไป ในนั้นมีข้อมูลที่เก็บรวบรวมเอาไว้ จะทำหายไม่ได้เด็ดขาด แต่ไม่ว่าจะรื้อดูยังไงก็หาไม่เจอสักที เธอจึงถามแฟนหนุ่มเสียเลยเพื่อเป็นการประหยัดเวลา

    เห็นแฟ้มเอกสารของฉันบ้างหรือเปล่า

    ชายหนุ่มที่ตกใจจนนิ่งอึ้งอยู่บนเตียงเป็นแฟนหนุ่มของเธอเอง เขาเป็นคนหน้าตาดี รูปร่างบึกบึนล่ำสัน เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้าเขาเพิ่งจู๋จี๋กับลู่ฉินซึ่งเป็นแฟนสาวของเขาอยู่ในห้องนี้ และนึกว่าเธอออกเดินทางไปทำข่าวที่ต่างจังหวัดแล้ว ถึงได้กล้านอกใจพาสาวคู่ขามาสำเริงสำราญกันในห้อง แต่นึกไม่ถึงว่าแฟนสาวจะย้อนกลับมาอีกครั้งแล้วยังจับได้คาหนังคาเขาแบบนี้อีก สมองของเขามึนตื้อคิดอะไรไม่ออก จึงได้แต่อ้าปากค้างมองเธอด้วยสีหน้านิ่งงัน

    แฟ้มสีดำไงล่ะ ในนั้นมีข่าวตัดเก็บไว้ คุณเอาไปวางที่ไหนลู่ฉินอธิบายด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เหมือนเคย แถมยังดูจะให้ความสำคัญกับการตามหาแฟ้มมากกว่า

    ชายหนุ่มค่อยๆ ยกมือขึ้นแล้วชี้ไปที่ตู้อีกฟากหนึ่ง สีหน้ายังคงไม่หายตกตะลึง แข้งขาอ่อนแรงไปหมดแล้ว

    ลู่ฉินหันไปตามทางที่เขาชี้แล้วนัยน์ตาเป็นประกายวับขึ้นมา มันวางอยู่ตรงนั้นนั่นเอง เธอเดินไปหยิบแฟ้มขึ้นมาแล้วเก็บใส่กระเป๋า จากนั้นก็หันหน้ากลับมาส่งยิ้มให้คนทั้งสอง

    โทษทีนะที่รบกวน

    พูดจบเธอก็เดินออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    ในตอนนี้เองที่ชายหนุ่มบนเตียงได้สติขึ้นมา จึงรีบกระโดดลงจากเตียงตามออกไป

    รอเดี๋ยว ลู่ฉินเขาเก็บกางเกงบนพื้นขึ้นมาสวมพร้อมกับรีบตามออกไปแก้ตัวกับแฟนสาว ฟังผมก่อนสิ ผมแค่เผลอตัวไปหน่อย คนที่ผมรักคือคุณนะ

    พอหญิงสาวบนเตียงได้ยินเข้าก็กระโดดลงจากเตียง พลางใช้ผ้าห่มห่อตัวเอาไว้แล้วไล่ตามออกมานอกห้อง ตวาดแว้ดๆ ด้วยความโมโห

    ไหนคุณบอกว่ารักฉันไง! เจาะไข่แดงฉันแล้วคิดจะชิ่งเหรอ

    ลู่ฉินหยุดเดินแล้วหันกลับไปมองพวกเขา ท่าทางสงบนิ่งเหมือนกำลังดูคนอื่นแสดงละครอยู่ เธอพูดกับชายหนุ่มก่อน

    ไม่ต้องห่วงนะ ฉันไม่โทษคุณหรอก ก่อนแต่งงานใครๆ ก็มีสิทธิ์เลือก คนที่เป็นแฟนก็แค่เอาไว้ประกอบการพิจารณาเท่านั้นเอง

    หลังจากนั้นเธอมองไปที่หญิงสาวแล้วพูดขึ้นว่า

    ผู้ชายคนนี้ฉันยกให้ ถึงเขาจะหล่อ แต่เป็นพวกสมองกลวงโบ๋ ฉันรู้จักเขาแค่อาทิตย์เดียวเอง ตอนแรกนึกว่าไปทำงานต่างจังหวัดกลับมาแล้วจะบอกเลิกเขา ตอนนี้ได้คุณมารับช่วงต่อพอดี ฉันจะได้ไม่ต้องวุ่นวายอีก

    เธอโค้งตัวให้คนทั้งสองเป็นการส่งท้าย

    ขอให้พวกคุณมีความสุขนะ เชิญกลับไปสนุกกันต่อที่เตียงได้แล้ว ฉันไปก่อนล่ะ ไม่ต้องตามมาส่ง

    หญิงสาวหมุนตัวเดินเชิดหน้าจากไปอย่างไม่สนใจไยดีโดยมีสายตางงงันสองคู่มองตามไป เธอมองนาฬิกาข้อมือ แฟ้มเอกสารที่ลืมทิ้งไว้ทำให้เสียเวลาไปหนึ่งชั่วโมงแล้ว เธอใจจดใจจ่ออยู่กับงานจนไม่สนใจเสียงทะเลาะเบาะแว้งไล่หลังที่ดังมาจากข้างในประตู เพราะเรื่องนั้นไม่เกี่ยวข้องกับเธอแล้ว

    ลู่ฉินเป็นสาวสวยรวยเสน่ห์ ยามเธอเดินไปตามท้องถนนมักมีชายหนุ่มมองตามจนเหลียวหลัง หรือแค่นั่งอยู่เฉยๆ เธอก็ยังดูโดดเด่นจนตกเป็นเป้าสายตาเสมอ ไล่ตั้งแต่ผมยาวสลวยลงมาที่เรียวขาเพรียวยาว ทำให้เธอดูมีเสน่ห์น่าลุ่มหลงไปทั้งตัว

    เวลาเธอนิ่งเงียบจะดูสุภาพอ่อนหวานราวกับสาวงามในภาพวาด แต่ทันทีที่อ้าปากพูด วาจาโผงผางตรงไปตรงมาของเธอสามารถตอกหน้าคนอื่นให้หงายหลังได้เป็นแถว

    แม้หญิงสาวจะมีรูปร่างหน้าตาสวยงามเย้ายวนใจ แต่เธอกลับเป็นผู้หญิงที่มั่นใจในตัวเองสูง เวลาเจอแมลงสาบ ผู้หญิงคนอื่นๆ มักจะตกใจกลัวร้องกรี๊ดดังลั่น แต่เธอกลับเป็นประเภทสาวโหดเท้าหนัก สามารถกระทืบแมลงสาบตายคาที่ได้เลย

    ผู้ชายที่อยากตามจีบเธอนอกจากต้องมีความกล้าแล้วยังต้องเป็นคนจิตใจเข้มแข็งพอสมควร เพราะถึงเธอจะหน้าตาสวย แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะอ่อนโยน ถึงเธอจะดูเป็นกุลสตรี แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่เป็นตัวของตัวเอง

    ด้วยเหตุที่เธอทำงานเป็นนักข่าว จึงทำให้เธอเป็นคนเจ้าอุดมคติและพูดจาฉะฉานคมคาย

    คนที่ตามจีบเธอมีเยอะแยะ แต่ก็มักจะโดนเธอตัดสัมพันธ์ไปเป็นจำนวนมาก ไม่ใช่เพราะว่าเธอช่างเลือก แต่เธอมีความเชื่อและหลักการของตัวเอง ดังนั้นเมื่อเห็นว่าไปกันไม่ได้ เธอจะไม่ปล่อยทิ้งไว้ให้คาราคาซัง หากเห็นว่าควรจบก็ต้องจบเลย

    บางทีอาจเป็นเพราะเธอเป็นผู้หญิงที่ใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ เลยดูเหมือนว่าเธอไม่ค่อยเสียอกเสียใจเท่าไหร่นักเวลาที่อกหัก

    เธอเป็นคนที่เน้นประสิทธิภาพในทุกเรื่อง แม้แต่การตัดสัมพันธ์กับแฟนเก่าที่คบกันมาหนึ่งอาทิตย์ก็ยังทำได้อย่างเด็ดขาดไม่มีเยิ่นเย้อ

    หลังจากลู่ฉินเดินออกจากตึกไปที่ลานจอดรถและกำลังจะติดเครื่องรถยนต์ก็เกิดเรื่องแปลกขึ้น เพราะรถซึ่งปกติไม่เคยมีปัญหากลับสตาร์ตเครื่องไม่ติดในตอนนี้

    บ้าเอ๊ย! เป็นอะไรล่ะเนี่ยหญิงสาวสบถ เธอรู้สึกเฉยๆ เวลาเห็นแฟนหนุ่มอยู่บนเตียงกับสาวอื่น แต่กลับอารมณ์เสียยกใหญ่เพราะรถสตาร์ตไม่ติดจนไปทำข่าวไม่ได้ ขอร้องล่ะ อย่ามาเป็นตอนนี้เลย

    เสียงเครื่องยนต์ดังแปร่งๆ แหบพร่าสะท้อนไปมาในลานจอดรถกว้างโล่ง ยิ่งสตาร์ตเครื่องไม่ติดเธอก็ยิ่งร้อนใจ เมื่อสามวันก่อนเธอเพิ่งเอารถเข้าศูนย์ไปเช็กระยะมา ทำไมถึงมาทำเกเรกับเธอแบบนี้อีก

    ในระหว่างที่กำลังกลุ้มใจที่สตาร์ตรถไม่ติดสักที เธอก็อดตะลึงงันไม่ได้เมื่อมองเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่หน้ารถ

    เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคมเข้ม ผมสีทองตาสีฟ้าแบบสุภาพบุรุษชาวอังกฤษ และมีรอยยิ้มน้อยๆ ตรงมุมปากที่สามารถมัดใจสาวๆ ได้อยู่หมัด

    เธอเคยเห็นหนุ่มฝรั่งคนนี้ เขาชื่อเจสัน เมื่อสามวันก่อนเขาเข้ามาทักทายเธอในผับแห่งหนึ่งและยังขอเบอร์โทรด้วย แต่เธอไม่ได้ให้ไป เธอไม่คิดเลยว่าจะบังเอิญได้มาเจอเขาที่นี่

    ลู่ฉินเลื่อนกระจกรถลงขณะมองชายหนุ่มคนนั้นเดินมาหาถึงข้างรถ เขาวางมือข้างหนึ่งบนหลังคารถและยื่นใบหน้าคมคายเข้ามาจนใกล้

    ต้องการให้ช่วยมั้ยครับเขายังพูดภาษาจีนได้คล่องปรื๋ออีกด้วย

    ฉันสตาร์ตรถไม่ติดค่ะ

    ท่าทางคุณจะรีบมาก ให้ผมขับไปส่งเถอะครับ

    มีคนเสนอตัวช่วยแบบนี้ ผู้หญิงที่กำลังรีบแทบทุกคนย่อมตะครุบรับข้อเสนอแทบไม่ทัน แถมอีกฝ่ายยังเป็นชายหนุ่มรูปหล่อชนิดไม่เกรงใจกันอีก การที่เขากระตือรือร้นอาสาตัวเองแสดงให้เห็นว่าเขาสนใจเธอแน่นอน

    ลู่ฉินไม่ใช่ผู้หญิงที่หลงใหลในรูปลักษณ์ภายนอก อีกทั้งเธอเพิ่งสลัดแฟนเก่ารูปหล่อทิ้งไปหมาดๆ และในหัวตอนนี้ก็คิดถึงแต่เรื่องงาน จึงดูเหมือนว่าเธอไม่รู้สึกสนใจโอกาสงามๆ แบบนี้ เพราะเธอได้กลิ่นอันตรายจากตัวผู้ชายคนนี้

    หญิงสาวไม่ได้กลัวว่าเขาจะก่อปัญหาหรือทำมิดีมิร้ายอะไรกับเธอ อันที่จริงแล้วเธอไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำร้ายเธอหรอก แค่รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้อันตรายมาก แต่ก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร คงจะเป็นสัมผัสที่หกของผู้หญิงกับสัญชาตญาณนักข่าวกระมัง

    ไม่ต้องหรอกค่ะ

    เธอปฏิเสธความหวังดีของเขาโดยไม่ลังเล จากนั้นก็สะพายกระเป๋าแล้วเปิดประตูรถก้าวลงมา เธอล็อกประตูรถและตั้งใจว่าจะรีบไปเลย แต่ติดที่ว่าชายหนุ่มยืนขวางทางไว้พอดี ถ้าเธอจะเดินออกไปก็ต้องให้เขาหลีกทางให้ก่อน

    เธอมองสบดวงตาสีฟ้าน่าหลงใหลคู่นั้นตรงๆ ขอโทษนะคะ ขอทางหน่อย

    เจสันรู้สึกสนใจมากยิ่งขึ้นเมื่อเห็นว่าใบหน้าของเธอไม่แสดงอาการยินดียินร้ายหรือเขินอายแม้แต่นิดเดียว

    คุณจะไปไถจงต้องมีรถ ยังไงวันนี้ผมเป็นคนขับรถให้ดีกว่านะครับ

    เธออดขมวดคิ้วไม่ได้ คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันจะไปไถจง

    ผมเดาเอาครับ

    เดาได้แม่นจัง! เธอทำหน้าสงสัย ข้อเสนอของเขาน่าสนใจดีอยู่หรอก เพราะเธอต้องใช้รถจริงๆ แต่รถที่ว่านั่นต้องไม่ใช่รถของเขาแน่

    ขอบคุณนะคะที่หวังดี แต่ไม่ต้องหรอกค่ะ

    เธออยากไป แต่เขายังขวางเธอเอาไว้โดยไม่มีทีท่าว่าจะเปิดทางให้

    ลู่ฉินยกมือกอดอก มองเขาตรงๆ อย่างไม่กลัวเกรง

    ฉันเคยบอกคุณอย่างชัดเจนไปแล้วว่าฉันไม่สนใจผู้ชายฝรั่ง อย่านึกว่าผู้หญิงจีนทุกคนชอบมีแฟนเป็นฝรั่งนะ อย่าเสียเวลาเลย

    เธอเดินเบียดผ่านเขาไปโดยไม่สนใจอีกต่อไป

    คุณทำของหล่นแล้วครับ

    ขณะที่เธอก้าวดุ่มๆ ไปข้างหน้าและได้ยินคำพูดนี้ เธอก็หันตัวกลับมาอย่างไม่คิดอะไรมาก แต่พอหันหน้ากลับมาก็ปะทะกับสายตาเขาพอดิบพอดี วินาทีถัดมาเธอหยุดนิ่งจังงังและขยับตัวไม่ได้เลยเหมือนตกลงไปในห้วงเหวลึก

    ประกายสีฟ้าเข้มดุจทะเลลึกตรึงสายตาของเธอเอาไว้กับที่และหยุดความนึกคิดของเธอ นัยน์ตาสีฟ้าทอประกายแปลกพิศดารสวยงามดุจอัญมณีสะท้อนอยู่ในดวงตาของเธอ

    เขาค่อยๆ ยื่นฝ่ามือไปประคองใบหน้ารูปไข่ผุดผาด ลูบไล้คางนวลเนียน และพินิจดวงหน้าของเธออย่างละเอียด

    ดวงตาสีดำงดงามเลื่อนลอยเพราะตกอยู่ในมนตร์สะกดของเขา ในตอนนี้เขาอยากจัดการกับเธอยังไงก็ได้แล้ว

    ขณะที่เขายื่นหน้าเข้าไปดอมดมกลิ่นหอมบนตัวเธอ เล็บบนฝ่ามือที่เชยคางเธออยู่ก็ค่อยๆ ยืดยาวออกมา ดวงตาสีฟ้ากลายเป็นสีแดง กลิ่นกายที่หอมหวนบอกให้รู้ว่าเลือดของเธอจะต้องรสชาติดีมากอย่างแน่นอน

    นับตั้งแต่เขาพบสาวสวยเชื้อสายจีนคนนี้ เขาก็เฝ้าจับตาดูเธอมาตลอด

    ผู้หญิงคนนี้น่าสนใจมาก เธอควบคุมสติไว้ได้แม้จะเห็นแฟนขึ้นเตียงกับหญิงอื่นตำตา แถมยังบอกเลิกได้หน้าตาเฉย แต่ที่น่าสนใจยิ่งกว่าก็คือเธอใจเต้นแรงขึ้นเมื่อเจอเขา แต่ไม่ได้เป็นเพราะหลงเสน่ห์เขา สาเหตุที่หัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้นเพราะระวังอันตรายจากเขา

    ผู้หญิงคนนี้เหมือนจะสัมผัสได้ถึงอันตรายที่มาจากตัวเขา ถึงได้รักษาระยะห่างเอาไว้ด้วยความระแวดระวัง

    เขาเป็นคนทำให้เธอสตาร์ตรถไม่ติดเอง และพอเขาเสนอตัวช่วย เธอก็ปฏิเสธอีก ช่างน่าสนใจจริงๆ

    กรงเล็บค่อยๆ หดลงกลับเป็นเล็บมือตามปกติอีกครั้ง เขาเป็นคนทะนุถนอมของสวยๆ งามๆ เลยรู้สึกเสียดายถ้าจะมีรอยแผลน่าเกลียดอยู่บนลำคอของสาวจีนแสนสวยคนนี้ อีกอย่างเขายังเป็นแวมไพร์มีระดับอีกด้วย การดำรงชีวิตในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดซึ่งมีเทคโนโลยีล้ำสมัยระดับที่สามารถกักตุนเลือดไว้ได้ทำให้เขาไม่ขาดแคลนอาหาร ดังนั้นความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอจึงเป็นเรื่องของชายหนุ่มที่ถูกอกถูกใจหญิงสาวเพียงอย่างเดียว

    ทว่ากลิ่นหอมบนตัวเธอยังคงปลุกสัญชาตญาณของเขาให้ตื่นขึ้นจนอยากจะแยกเขี้ยวสยายกรงเล็บออกมา ดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นมาวูบหนึ่ง

    โชคดีที่เขาเพิ่งกิน อาหารเย็นมาจึงไม่รู้สึกกระหายนัก

    เขาสะกดจิตเธอได้อย่างง่ายดาย ฝ่ามือใหญ่จับมือเธอยกขึ้นอย่างแผ่วเบา ก่อนที่ริมฝีปากบางจะประทับจูบบนหลังมือหอมกรุ่นอย่างสุภาพบุรุษ ดวงตาทอประกายระยับจับจ้องอยู่ที่เธอ

    ตามผมมา

    หญิงสาวพยักหน้าอย่างว่าง่ายและทำตามคำสั่งเขาโดยไม่มีการขัดขืน เธอปล่อยให้เขาจูงไปที่ด้านข้างของรถสปอร์ต

    เจสันเปิดประตูรถและเบี่ยงตัวเปิดทางให้อย่างสง่างาม

    เชิญขึ้นรถครับ

    ลู่ฉินเข้าไปนั่งบนที่นั่งข้างคนขับตามคำสั่ง หลังจากเจสันปิดประตูรถแล้วก็เดินอ้อมไปนั่งบนที่นั่งคนขับซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่ง

    เขาสตาร์ตรถแล้วขับรถพาเธอออกจากลานจอดรถชั้นใต้ดิน แสงดาวยามราตรีเปล่งแสงสว่างไสว จนกระทั่งรถเคลื่อนตัวเข้าสู่ถนนใหญ่ ลู่ฉินซึ่งมีท่าทางเลื่อนลอยก็ได้สติขึ้นมาในฉับพลัน

    เอ๊ะ? เธออยู่ที่ไหน

    ลู่ฉินประหลาดใจที่พบว่าตัวเองนั่งอยู่บนรถของเจสัน มันเหมือนเป็นความฝัน แต่เธอไม่รู้เลยว่าฝันถึงอะไรอยู่ เธอมองซ้ายมองขวาจึงได้รู้ว่ารถแล่นอยู่บนถนนใหญ่แล้ว เธอจำได้ว่าตอนแรกตัวเองอยู่ที่ลานจอดรถ แต่จำไม่ได้ว่าทำไมถึงขึ้นรถของคนอื่นมาได้

    เธอจ้องเจสันอย่างตกตะลึง ขณะที่เขาขับรถไปอย่างสบายอารมณ์พลางหันมามองเธอที่ทำหน้าประหลาดใจ

    ทำไมถึงมองผมด้วยสายตาแปลกๆ แบบนี้ล่ะครับ

    ฉันขึ้นมาอยู่บนรถได้ยังไง

    คุณก็ขึ้นมานั่งเองน่ะสิครับเขาหลุดยิ้มออกมา ท่าทางที่แสดงออกเป็นธรรมชาติมาก ตอนหลังคุณเปลี่ยนใจยอมให้ผมเป็นคนขับรถให้ คุณลืมไปแล้วเหรอครับ

    งั้นเหรอ? เธอจำไม่ได้ว่ามีเรื่องแบบนี้ด้วย แต่เธอก็นั่งอยู่บนรถของเจสันจริงๆ แปลกจังเลย พอได้ยินเขาพูดแบบนี้แล้ว เธอรู้สึกเหมือนจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าตัวเองเดินไปที่ข้างรถเขา จากนั้นก็ขึ้นรถ

    ลู่ฉินก้มหน้ามองหลังมือตัวเองแล้วลูบไปมาโดยไม่รู้ตัว เธอเหมือนจะจำได้ด้วยซ้ำว่าเจสันจูบมือเธอ ใช่เหรอ อุปาทานล่ะมั้ง เธอจะยอมให้เขาจูบมือได้ยังไง แต่ภาพเหตุการณ์นั้นผ่านแวบเข้ามาในหัวอย่างรางเลือน บนหลังมือเธอราวกับยังมีอาการชาๆ คันๆ ที่เกิดจากการจูบของเขาหลงเหลืออยู่

    เป็นอะไรไปครับ

    คำถามของเจสันดึงความคิดของเธอกลับมา หญิงสาวช้อนตาคู่สวยขึ้นมองจึงสบเข้ากับนัยน์ตาสีฟ้าเข้มพอดี

    เหม่ออะไรอยู่ครับเขาถามอย่างอ่อนโยน มุมปากหยักยิ้มน้อยๆ ชวนหลงใหล สายตาฉายแววลึกซึ้งยากจะคาดเดา

    เธอรู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อตอย่างแรง ผู้ชายคนนี้กำลังหว่านเสน่ห์ใส่เธอ แต่เธอไม่ยอมทำตัวเหมือนพวกผู้หญิงขี้อายที่หลบตาเขาหรอก หญิงสาวประสานสายตากับเขาอย่างไม่เกรงกลัว

    ในเมื่อเธอขึ้นมานั่งบนรถเขาแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาปฏิเสธความหวังดีของเขาอีก แต่เธอจำเป็นต้องเตือนเขาให้รู้ไว้ก่อน

    ฉันไม่นอนกับคุณหรอกนะ

    เจสันเลิกคิ้วขึ้น

    อะไรนะครับ

    ไม่ต้องมาทำไก๋ คุณเข้าใจคำว่าทำไก๋มั้ย มันแปลว่าอย่าทำเป็นแกล้งโง่ ฉันรู้นะว่าคุณคิดจะแอ้มฉัน

    คุณพูดจาโผงผางแบบนี้ตลอดเลยเหรอครับ

    ใช่ ฉันเป็นคนจริงจัง ไม่ชอบทำอะไรอ้อมค้อม มีอะไรก็คุยกันให้รู้เรื่องก่อนจะได้ไม่ต้องเสียเวลา ถ้าคุณนึกว่าขับรถให้ฉันแล้วจะมีโอกาสขึ้นเตียงกับฉันล่ะก็ ขอเตือนไว้เลยว่าอย่าเสียเวลา ฉันไม่ชอบเล่มเกมพรรค์นี้ แล้วก็ไม่สนใจด้วย

    คุณมีอคติกับผู้ชายแบบนี้เหรอครับ

    นั่นขึ้นอยู่กับว่าเป็นใคร ฉันรู้จักคนแบบคุณดี ท่าทางเหมือนพวกเพลย์บอยไม่น่าไว้ใจ หน้าตาดี มีพร้อมทุกอย่าง มองแต่ของสูง เห็นผู้หญิงสวยๆ เป็นของเล่น

    คุณรู้ทันผมหมดเลยนะเนี่ย

    เขาไม่โต้แย้งเลยสักนิด แถมยังชื่นชมความคิดความอ่านของเธออย่างมากด้วย เขาชอบผู้หญิงฉลาด

    แล้วฉันยังดูออกด้วยว่ายิ่งผู้หญิงที่จีบยาก คุณก็ยิ่งอยากลองดีหญิงสาวขยับท่านั่งโดยเท้าข้อศอกบนพนักเก้าอี้ และเอามือรองแก้มของตัวเองไว้ เธอมองสำรวจรูปหน้าหล่อเหลาคมคายพลางพูดต่อไป ในเมื่อฉันรู้แล้วว่าคุณเห็นฉันเป็นของเล่น แล้วจะยอมถูกหลอกฟรีๆ ไปทำไมล่ะ ถามหน่อยสิ ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วคุณคิดจะแอ้มฉันยังไง

    เจสันเบี่ยงรถจอดข้างทาง จากนั้นขยับท่านั่งเอียงข้าง ยกศอกวางบนพนักเก้าอี้ และเอามือรองแก้มข้างหนึ่งไว้เลียนแบบเธอ

    ได้ยินคุณพูดแบบนี้แล้วผมหนักใจจริงๆ คุณฉลาดกว่าที่ผมคิดเอาไว้เสียอีก นึกไม่ถึงเลยว่าคุณเพิ่งจะอายุยี่สิบห้า เพราะคุณพูดจาเหมือนยายแก่ที่ผ่านโลกมามากแล้ว

    คุณเองก็แก่กว่าฉันไม่กี่ปีเท่านั้นเอง อย่ามาทำเป็นพูดเหมือนตาแก่ไปหน่อยเลยเธอทำเสียงขึ้นจมูกเบาๆ

    อันที่จริงเขาอายุสามร้อยกว่าปีแล้ว แต่พอถูกเธอทักว่าเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นก็รู้สึกปลื้มใจพิลึก ผู้หญิงคนนี้น่าสนใจมากจริงๆ

    ผมชอบที่คุณเป็นคนเปิดเผย และขอบอกคุณตรงๆ เลยว่าตอนแรกผมคิดจะแอ้มคุณ แต่ตอนนี้รู้สึกว่าคำว่าแอ้มไม่เหมาะกับผู้หญิงฉลาดอย่างคุณจริงๆ ควรจะใช้คำว่าตามจีบถึงจะถูก ผมอยากจีบคุณ

    เธอยักไหล่ ฉันไม่สนใจ

    ไม่เป็นไร จีบผู้หญิงต้องใช้เวลา ต้องอาศัยความพยายามและความจริงใจ ตอนนี้คุณไม่สนใจผมก็เพราะคุณยังไม่เห็นความพยายามและความจริงใจของผมเลย

    เธอทำหน้าเหม็นเบื่อเต็มแก่ คำพูดแบบนี้ฉันได้ยินมาเยอะแล้ว ไม่น่าสน

    เขาจะสะกดจิตให้เธอเป็นแฟนของเขาก็ได้ แต่ถ้าทำแบบนี้ก็คงไม่ได้สนุกกับการตามจีบ แล้วผู้หญิงคนนี้ยังมั่นใจในตัวเองมากอีกด้วย

    เจสันทำทีเป็นคิดหนัก จากนั้นจึงมองเธอแล้วเสนอขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง

    งั้นเอาอย่างนี้ดีมั้ยครับ ก่อนแต่งงานใครๆ ก็มีสิทธิ์เลือก คนที่เป็นแฟนก็แค่เอาไว้ประกอบการพิจารณาเท่านั้นเอง แล้วคุณจะตัดตัวเลือกของตัวเองให้น้อยลงไปทำไม

    ลู่ฉินนิ่งอึ้งไป ดวงตาฉายแววเหลือเชื่อเพราะนึกไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบนี้ คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้เธอรู้สึกอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง เป็นเรื่องบังเอิญใช่มั้ย

    ว่าไงครับเขาถาม

    หญิงสาวเงียบไปชั่วครู่หนึ่ง ตอนแรกเธอคิดจะปฏิเสธท่าเดียว แต่คำพูดเมื่อครู่นี้ของเขาทำให้เธอเปลี่ยนความคิด บางทีผู้ชายผมทองตาสีฟ้าคนนี้อาจไม่ใช่พวกสวยแต่รูปจูบไม่หอม ไม่แน่ว่าเขาอาจทำให้เธอคาดไม่ถึงก็เป็นได้ เธอเริ่มอยากรู้จักเขาขึ้นมาแล้ว

    ตกลง ฉันให้โอกาสคุณสักครั้งก็ได้ ฉันอยากดูว่าคุณจะใช้ความจริงใจแบบไหนมาทำให้ฉันหวั่นไหว

    เจสันเผยรอยยิ้มน้อยๆ น่าดู ตกลงตามนี้ คุณไม่ผิดหวังแน่นอนครับ

    เขาสตาร์ตรถอีกครั้ง ก่อนจะขับออกจากข้างทางแล้วเร่งเครื่องพาเธอขึ้นทางด่วนไป

     

    การได้เป็นแฟนกับเจสัน หนุ่มหล่อขี้เล่นคนนี้เป็นเรื่องน่ารื่นรมย์จริงๆ

    ผู้ชายคนนี้เป็นสุภาพบุรุษเต็มตัว มีอารมณ์ขัน เข้ากับคนง่าย เขาไม่เพียงทำให้เธอสบายอกสบายใจ ยังซื้อใจบรรดาเพื่อนสนิทมิตรสหายของเธอไปได้หมด

    พอเอ่ยถึงแฟนเธอคนนี้ ทุกคนเป็นต้องยกนิ้วโป้งให้และบอกว่าแฟนต่างชาติของเธอคนนี้สุดแสนจะดีเลิศ ทั้งหล่อทั้งรวย ความสามารถล้นเหลือ ให้เกียรติผู้หญิงเสมอ เขาแทบจะเป็นคนรักในอุดมคติที่ผู้หญิงทุกคนใฝ่ฝันถึง

    นอกจากเขาจะปากหวานแล้วยังดูแลปรนนิบัติเธอได้อ่อนหวานยิ่งกว่า ในตอนแรกลู่ฉินสงวนท่าทีให้คะแนนเขาอยู่ในใจเพราะยังระแวงสงสัยในตัวเขา แต่พออยู่ด้วยกันนานวันเข้า จิตใจของเธอก็ค่อยๆ พ่ายแพ้ให้กับเจสัน

    เขามักจะปรากฏตัวในเวลาที่เธอต้องการมากที่สุด

    เป็นต้นว่ามีอยู่วันหนึ่ง ตอนเธอเดินลากขากลับบ้านอย่างเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า เขาก็เตรียมน้ำให้เธออาบไว้รอท่าแล้ว เวลาที่เธอกินข้าวไม่ตรงเวลาหรือลืมกินข้าวบ่อยๆ เพราะต้องเขียนต้นฉบับข่าว เขาก็จะส่งข้าวกล่องมาให้อย่างถูกจังหวะ พอเธอกลุ้มใจเรื่องงานอยากอยู่คนเดียวตามลำพัง เขาก็จะหลบออกไปเองโดยไม่ต้องบอกเพื่อให้เธอมีโลกส่วนตัวที่ไม่มีใครรบกวน

    แล้วเวลาเธออารมณ์ไม่ดีอยากหาคนคุยปรับทุกข์ เขาก็จะปรากฏตัวที่ชั้นล่างคอนโดฯ ของเธออย่างรู้เวลา และเมื่อเธอเหนื่อยล้า เขาก็จะช่วยนวดให้เธอและรินน้ำชาให้ เขาเอาใจใส่ถึงขั้นที่ทำให้เธอรู้สึกว่าเขาเป็นเหมือนเพื่อนรู้ใจของผู้หญิงเลยทีเดียว

    มีบางครั้งที่เธอรู้สึกว่าเจสันช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ ราวกับว่าเขารู้หมดว่าเธอคิดอะไรอยู่ในใจ

    ผู้ชายคนนี้เกือบจะไม่มีข้อเสียเลย มีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจ เธอสังเกตเห็นว่าเจสันปรากฏตัวแต่ในตอนกลางคืนตลอด และไม่เคยติดต่อเขาได้ในตอนกลางวันเลย ตามที่เขาบอกไว้คือตอนกลางวันเขายุ่งมาก แม้แต่วันหยุดก็ไม่เว้น ซึ่งเรื่องนี้เขาขอให้เธอเห็นใจเขาด้วย

    เธอน่ะไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว เพราะเธอไม่ใช่ผู้หญิงจู้จี้จุกจิกหรือชอบทำตัวติดอยู่กับแฟนตลอดเวลา อีกทั้งตัวเธอเองก็งานยุ่งมากเหมือนกัน มีบางครั้งนักข่าวต้องทำงานมากกว่าสิบหกชั่วโมงในหนึ่งวัน ในเมื่อเจสันไม่ว่าอะไรที่เธอให้ความสำคัญกับงานจนชีวิตประจำวันไม่เหมือนคนอื่น เธอก็ย่อมไม่ถือสาเขาเหมือนกัน

    หญิงสาวอดยอมรับไม่ได้ว่าเจสันเป็นคนรักที่สมบูรณ์แบบคนหนึ่งเลยจริงๆ เธอมีความสุขมากที่ได้คบกับเขา เธอเคยนึกว่าตัวเองเป็นคนมีเหตุผลมาก แต่เธอกลับค่อยๆ รู้สึกผูกพันกับเขามากขึ้นตามจำนวนครั้งที่ได้อยู่ด้วยกัน

    แม้สมองของเธอจะบอกว่าการรักผู้ชายคนนี้เป็นเรื่องอันตรายมาก แต่เธอก็ไม่สามารถต้านท้านความโรแมนติกและการเล้าโลมของเขาได้

    นอกจากเขาจะรู้จักทำให้คนอื่นอารมณ์ดีเป็นแล้ว เขายังจูบเก่งมากอีกด้วย จูบของเขาทำให้เธอเคลิ้มตาลอยทุกครั้ง เขามีวิธีรุกอย่างเป็นลำดับขั้นตอนจนเธอเต็มใจเปลื้องผ้าร่วมรักกับเขาในค่ำคืนที่สวยงามเร่าร้อน

    ลู่ฉินนอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา หยดเหงื่อบนตัวผสมคละเคล้ากัน เธอพยายามผ่อนจังหวะหายใจถี่แรงเกินไปให้เป็นปกติ

    แฟนคนนี้แทบจะไม่มีข้อตำหนิ และสามารถพูดได้เลยว่าเขาเป็นคนรักในฝันของผู้หญิงทุกคน

    เธอชอบนอนก่ายอยู่บนบ่ากว้างและแข็งแกร่งของเขาเพื่อดื่มด่ำความสุขสงบหลังความร้อนแรงผ่านพ้นไป คุยกับเขาไปเรื่อยเปื่อย ฟังเขาทำเสียงกระซิบกระซาบข้างหูที่ทำให้เธอรู้สึกจั๊กจี้จนต้องหัวเราะคิกคักออกมา

    เธอซบบนแผงอกเขาและหนุนมันไว้ต่างหมอน มือของเขาก็ทำหน้าที่เป็นหวีชั้นยอดโดยเขาจะใช้นิ้วมือสางผมยาวๆ ของเธอให้เป็นระเบียบอย่างอ่อนโยน

    ผ่านไปไม่นาน เธอเริ่มหายใจดังเป็นจังหวะ ดูเหมือนจะหลับสนิทไปแล้ว

    ดวงตาสีฟ้าลึกล้ำมองหญิงสาวร่างเล็กในอ้อมแขนแวบหนึ่ง เธอกำลังนอนหลับฝันดีอยู่ในตอนนี้ เขาเหลือบตาขึ้นมองไปนอกหน้าต่าง ฟ้าใกล้จะสางแล้ว

    เขาค่อยๆ จับร่างเล็กบนหน้าอกย้ายไปวางด้านข้างอย่างเบามือเพื่อที่ตัวเขาจะได้ลงจากเตียง แต่ยังไม่ทันได้ลุกขึ้นยืนก็มีเรียวแขนนุ่มกอดเอวเขาเอาไว้

    คุณจะไปไหน

    เจสันอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะหันหน้าไปมองดวงตาซึ่งเป็นประกายสดใส

    คุณยังไม่หลับเหรอ

    ตอนแรกเกือบจะหลับไปแล้ว

    มุมปากเผยรอยยิ้มเซ็กซี่ออกมา ผมทำให้คุณตื่นเหรอ ขอโทษนะ

    ลู่ฉินลุกขึ้นนั่งคร่อมตัวเขาเหมือนเด็กๆ แล้วออกคำสั่ง ไม่ให้ไป

    ผมไม่ได้บอกว่าจะไปสักหน่อย

    ไม่ต้องเลย พอฉันตื่นขึ้นมาทีไร คุณก็หายไปทุกที ปกติคุณอ้างว่าไปทำงาน ฉันพอรับได้ แต่พรุ่งนี้เป็นวันหยุด คุณยังทำงานอีกเหรอ มันฟังไม่ค่อยขึ้นเลยนะ

    ทำไงได้ ก็ผมต้องไปทำงานจริงๆ นี่นา

    นั่นสินะ รีบขนาดนั้นเลย ฟ้ายังไม่ทันสว่างคุณก็ต้องไปแล้วเหรอ แบบนี้มันแปลกๆ นะ ไม่ได้ วันนี้คุณต้องอยู่กับฉันจนถึงเช้า ห้ามถือโอกาสหนีไปตอนที่ฉันหลับ

    เธอผลักเขานอนลงไปบนเตียงอีกครั้ง ส่วนเธอก็นั่งอยู่บนตัวเขาพร้อมกับยิ้มหวานหยดอย่างได้ใจ

    ฉันจะนั่งอยู่บนตัวคุณนี่แหละ ดูซิว่าคุณจะหลบไปยังไง

    ฉิน ผมต้องไปจริงๆ นะ ผมมีเรื่องสำคัญต้องทำ

    เหรอคะ เรื่องอะไร

    งานครับ

    ทำไมถึงด่วนขนาดนี้

    ผมเป็นหมอนิติเวช เรื่องที่เกี่ยวกับคดีผมต้องเก็บเป็นความลับ

    เธอทำเสียงขึ้นจมูก ไม่ต้องเลย ฉันรู้จักพวกหมอนิติเวชอยู่หลายคน พวกเขาไม่เห็นงานยุ่งเหมือนคุณเลย ถ้าวันนี้คุณไม่บอกเหตุผลดีๆ มาสักข้อ ฉันไม่ปล่อยให้คุณไปหรอก

    เธอนอนทับอยู่บนแผงอก จงใจให้อกอวบอิ่มเสียดสีเนื้อตัวเขาเพื่อยั่วยวน และเธอก็มองเห็นดวงตาสีฟ้างดงามเข้มจัดขึ้น

    เขาวางฝ่ามือบนเอวเล็กบางพลางลูบไล้ไปตามเรือนร่างน่าหลงใหลและผิวกายที่เรียบลื่นดุจแพรไหม

    คุณหาว่าผมมีความต้องการสูงเกินไปไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมยังจงใจมายั่วผมอีก

    ช่วยไม่ได้ ฉันต้องยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อรั้งตัวคุณเอาไว้

    กลีบปากแดงเรื่อจุมพิตเขา ลิ้นนุ่มๆ สอดผ่านเข้าไปซุกไซ้อย่างมีเจตนาจะปลุกเร้าอารมณ์เขาขึ้นมา

    ความจริงแล้วเธอไม่จำเป็นต้องพยายามขนาดนี้ก็ได้ เพราะตอนที่เธอขึ้นมานั่งคร่อมบนตัวเขาเองและจงใจโยกย้ายสะโพกเย้ายวนใจไปมาก็ทำให้เขากระตือรือร้นอย่างแข็งขันได้แล้ว

    เขาพลิกตัวขึ้นทาบทับสาวน้อยเจ้าเสน่ห์คนนี้เอาไว้ แม้จะอยากสัมผัสริมฝีปาก ร่างกาย และความเร่าร้อนของเธออีกครั้ง แต่ความรู้สึกอึดอัดยามที่พระอาทิตย์กำลังจะขึ้นย้ำเตือนถึงความอ่อนแอของเขา

    เวลาเข้านอนของแวมไพร์ใกล้เข้ามาทุกขณะแล้ว แม้จะดื่มยาชูกำลังไปสิบขวดก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย ทันทีที่ฟ้าสว่าง ดวงหน้าขาวซีดเหมือนคนตายของเขาคงจะทำให้เธอตกใจน่าดู ชายหนุ่มจึงต้องงัดลูกไม้เก่าออกมาใช้อีกครั้งอย่างไม่มีทางเลือก เขาหยุดจูบและดึงตัวออกมาห่างเล็กน้อย ดวงตาสีฟ้าจ้องเธอนิ่ง

    ลู่ฉินแปลกใจว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงหยุดจูบ

    เจ...” เธอเอ่ยออกมาได้แค่คำเดียวก็นิ่งจังงังไปทั้งตัวเหมือนร่วงหล่นลงไปในหลุมดำที่เวิ้งว้างมองไม่เห็นด้านล่างอย่างกะทันหัน

    ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ใบหน้าของเธอ เสียงแหบพร่าหวานซึ้งกระซิบอย่างอ่อนโยนเหมือนเห่กล่อมเด็กทารก

    หลับตาลงแล้วนอนซะ

    ดวงตาสีดำงดงามปิดลงอย่างเชื่อฟังตามคำสั่งเขา

    คุณจะฝันดีและหลับไปจนฟ้าสว่างนะ คนดี

    หลังจากเขาก้มหน้าลงจุมพิตบนกลีบปากเล็กๆ ด้วยความรักและเอ็นดูแล้วก็ออกจากห้องนอนไป เพื่อกลับไปพักผ่อนในความมืดมิดก่อนแสงอรุณลำแรกจะปรากฏขึ้น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×