ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์มัดใจ (เล่ห์รัก)

    ลำดับตอนที่ #2 : เล่ห์ที่ ๒

    • อัปเดตล่าสุด 13 ส.ค. 59


    เสียงพูดคุยที่ดังเล็ดรอดมาจากโต๊ะอาหาร  ทำให้เท้าที่กำลังจะก้าวเดินต่อไปของชายหนุ่มพลอยหยุดชะงัก และรับฟังบทสนทนาที่แววมาเข้าหูอย่างไม่ได้ตั้งใจ

     “นดา ทานนี่หน่อยนะลูก ผัดซี่โครงหมูแม่วาสเขาทำอร่อยมากเลย”

    “ขอบคุณค่ะ คุณพ่อ”

    “ปลาทอดนี่ก็อร่อยนะ ลองทานดูแม่วาสเขาขึ้นชื่อเรื่องการปรุงรสนักเชียว”

    “ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวได้แต่กล่าวขอบคุณซ้ำไปซ้ำมาเพราะไม่รู้จะพูดอะไรไปมากกว่านั้น ก่อนจะหันมองแม่ครัวที่ได้รับคำชมกำลังพูดถ่อมตนและเชิญชวนให้เธอหญิงสาวทานกับข้าวฝีมือนาง นี่ถือเป็นเช้าวันแรกที่เธอตื่นขึ้นมาภายใต้ชายคาของ บ้านวงษ์วิริยะ ถือว่าเป็นเช้าที่ไม่เลวนัก และเธอก็หวังว่ามันจะดีอย่างนี้ไปตลอด

    “แหม คุณท่านก็ชมอิฉันเกินไปเดี๋ยวอิฉันก็ตัวลอยคำยอกันพอดี แต่ว่าคุณหนูลองทานนี่ดูซิแกงจืดตำลึงอิฉันถามมาจากคุณท่านเมื่อวานนี้ เห็นว่าคุณหนูชอบไม่รู้ว่ารสมือจะถูกปากคุณหนูรึเปล่า” วาสนาแม่ครัวประจำบ้านวงษ์วิริยะเอ่ยด้วยท่าทีขัดเขินก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาลงเหมือนไม่ค่อยมั่นใจในตอนท้าย นดาเห็นดังนั้นจึงตักแกงจืดตำลึงของโปรดของเธอทาน แล้วบอกแม่ครัวของบ้านวงษ์วิริยะอย่างที่ใจรู้สึก

    “อร่อยมากเลยค่ะแม่วาส กับข้าวฝีมือแม่วาสอร่อยทุกอย่างเลยค่ะ ขอบคุณนะคะที่ทำให้นดาทาน” พร้อมทั้งยิ้มให้ วาสนาเห็นดังนั้นยิ่งปลื้มอกปลื้มใจในความน่ารัก น่าเอ็นดูของหญิงสาวที่ก้าวเข้ามาเป็นนายอีกคนยิ่งขึ้น ก่อนจะรีบหลบเข้ามุมของตนแทบไม่ทันเมื่อได้ยินเสียงนายน้อยของตน

    “สร้างภาพเอาใจคนแก่เก่งจริงๆ”จากเมื่อเช้าที่ชายหนุ่มตื่นขึ้นอย่างมาอารมณ์ดีที่คิดว่าได้แกล้งน้องอุปโลกน์พอสมควร   พอมาได้ยินบิดาเอาอกเอาใจพะเน้าพะนอหญิงสาวสารพัดเท่านั้นแหละอารมณ์ที่เคยคิดว่าดีก็หายวับไปกับตายิ่งมาเห็นว่าทุกคนในบ้านไม่เว้นแม้กระทั่งแม่ครัวหรือสาวใช้ให้ความสนใจในตัวหญิงสาวเขาก็ยิ่งหงุดหงิด วรุทรีบสาวเท้าเข้าไปหาคนกลุ่มคนที่กำลังลังตกใจในการปรากฏตัวของเขาอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งไม่ลืมที่จะพูดกระแนะกระแหนคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว ให้รู้สึกเจ็บๆคันๆเล็กๆน้อยๆ

    “ดูท่าทางจะมีความสุขกันดีนะครับ” สิ้นเสียงของวรุท ทั้งบิดาและยัยนดาหน้าหวานก็หันมามองเขาพร้อมกัน ชายหนุ่มเลือกนั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับนดา ในจังหวะที่เขานั่งนั้นเขาก็เห็นเจ้าหล่อนมองเขาอยู่ก่อนแล้วด้วยตาโตๆที่จ้องค้างอยู่บ่งบอกถึงอารามตกใจที่เห็นหน้าเขาน่ารักน่ารักเหรอบ้าน่าไม่ใช่ซักหน่อย ชายหนุ่มสับสนความคิดของตัวเอง แวบแรกที่เขาเห็นหญิงสาวมันทำให้เขารู้สึกว่าท่าทางตกใจของเธอนั้นมันน่ารักดี แต่เขาก็ไม่อยากยอมรับซักเท่าไหร่แต่พอจะไม่ยอมรับมันก็ค้างคาใจ ยัยนี่เป็นแม่มดรึเปล่าวะ วรุทได้แต่สถบไม่พอใจอยู่คนเดียว

    “บ้าจริง!

    “แกเป็นอะไรของแกฮะ บ่นงึมงำอยู่คนเดียวก็เป็น” เสียงของผู้เป็นบิดาถามขึ้นหลังเห็นลูกชายตัวเองมองหน้าลูกสาวคนใหม่แล้วเอาแต่พึมพำอยู่คนเดียว เมื่อได้ยินเสียงบิดาถาม เขาก็ปรายตามามองหญิงสาวก่อนก่อนที่จะหันหน้าไปพูดกับผู้เป็นพ่ออย่างหงุดหงิด ไม่รู้ว่าหงุดหงิดใครระหว่างยัยแม่มดหน้าหวานตรงหน้าซึ่งมันเป็นคำเรียกที่เขาคิดขึ้นมาตอนที่เห็นหน้าของเธอเมื่อคืนนี้เองหรือว่าตัวเขาเอง

    “พ่อสนผมด้วยหรอครับว่าผมจะเป็นอะไร เห็นสนใจแต่เมียเอ๊ยลูกสาวคนใหม่” ท้ายประโยคเขาก็ไม่วายแอบเหน็บหญิงสาวคนเดียวที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารด้วย พร้อมทำเสียงเหมือนตกใจที่ตนเองพูดผิดซะเต็มประดาทั้งที่หน้าเขาสวนทางกับคำพูดลิบลับ นดาถึงกับหน้าชากับสรรพนามที่เขาใช้เรียกได้แต่ก้มหน้ามองจานข้าวเพราะไม่รู้จะพูดหรือทำหน้ายังไงดี ต่างจากผู้เป็นบิดาที่รู้สึกโกรธแทน ไอ้ลูกชายตัวดีนอกจากมันจะไม่ให้เกียตริหญิงสาวที่เข้ามาอยู่ในฐานะน้องแล้วมันยังไม่ไม่ให้  เกียตริ เขาซึ่งเป็นพ่อของมันอีกถึงได้พูดอะไรไม่คิดอย่างนี้

    “เจ้ารุท!  แกจะพูดจะจาอะไรหัดระวังปากซะมั่ง ฉันเคยบอกแกแล้วไม่ใช่เหรอว่านดาจะมาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร อย่าให้ฉันได้ยินแกพูดถึงน้องในทางที่เสื่อมเสียอีกนะ เพราะฉันจะถือว่าไม่ใช่แค่แกดูถูกน้องแต่แกยังดูถูกฉันซื่งเป็นพ่อของแกอีกด้วย นดาลูกนี่เจ้าวรุทลูกชายของพ่อแล้วตอนนี้เขาก็เป็นพี่ชายของหนูด้วย ส่วนแกนี่นดาน้องสาวของแก” ท้ายประโยควศินหันมาแนะนำบุตรชายเพียงคนเดียวให้หญิงสาวรู้จักด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน แล้วก็ไปอีกข้างเพื่อแนะนำนดาให้ลูกชายตัวเองรู้จัก ด้วยนำเสียงที่ติดจะแข็งหน่อยๆ

    เฮอะ ช่างยุติธรรมเหลือดีเกินพูดกับยัยหน้าหวานซะเพราะเชียวที่กับลูกชายตัวเองแทบจะกัดหัวกินชายหนุ่มได้แต่คิดในใจแต่ก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ที่คำพูดของเขาทำให้บิดารู้สึกไม่สบายใจ แถมเขายังพูดต่อหน้าเด็กในบ้านตั้งมากมาย ก่อนจะหันมามองคนตรงหน้าเมื่อได้ยินเสียงหวานๆดังขึ้น

    “สวัสดีค่ะ พี่รุท” หลังจากที่นั่งเงียบอยู่นานนั่นเป็นประโยคแรกที่นดาได้พูดขึ้นหลังจากที่ชายหนุ่มปรากฏตัวขึ้นมา นดายอมรับกับตัวเองว่าตกใจที่รู้ว่าเขาเป็นคนเดียวกันกับผู้ชายปริศนาที่เธอพบเมื่อคืนนี้ถึงแม้ว่าจะคิดไว้แล้วก็ตามว่าเขาอาจจะเป็นลูกชายของผู้ที่อุปการะตน แล้วจากที่หญิงสาวฟังการพูดคุยของเขากับพ่อยิ่งทำให้รู้ว่าเขาไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่ที่ตนเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ก็แน่ละสิ เป็นเธอก็คงจะไม่ชอบที่อยู่ๆไม่รู้พ่อก็พาใครที่ไหนเข้ามาในบ้าน หรือว่าเขากลัวว่าเราจะมาแย่งสมบัติกันนะยิ่งได้ยินคำพูดเหมือนดูถูกที่เขากล่าวออกมาเธอเองก็ยิ่งไม่สบายใจ หญิงสาวพยายามคิดหาคำตอบให้ตัวเองว่าทำไมเขาถึงไม่ชอบเธอแต่เสียงของชายหนุ่มก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะการคิดซะก่อน

    “เอากองไว้ตรงนั้นแหละ แล้วฉันก็ไม่ได้อยากได้เธอมาเป็นน้องสาวไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพี่” สิ้นเสียงของชายหนุ่ม หญิงสาวก็หน้าซีดลงได้แต่ก้มหน้ามองมือตัวเอง จนผู้เป็นพ่ออดไม่ได้ที่จะปรามลูกชายอีกครั้ง

    “เจ้ารุท นั่นน้องนะ” เมื่อเห็นว่าลูกชายจะค้านผู้เป็นพ่อก็ยกมือส่งสัญญาณห้ามซะก่อนแล้วรีบพูดต่อ

    “หยุด! ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นแกมีหน้าที่แค่รับฟังที่ฉันจะสั่งเพียงอย่างเดียวพอ ต่อไปนี้ก่อนที่แกจะไปทำงาน แกต้องแวะไปส่งน้องที่มหาลัยก่อนเพราะมันเป็นทางผ่านไปบริษัทอยู่แล้ว นดาต่อไปนี้ลูกก็ติดรถพี่เขาไปมหาลัยนะจะได้ไม่ลำบากนั่งรถเมล์ไปแล้วตอนกลับก็รอกลับพร้อมพี่เขา” วรุทชักสีหน้าไม่พอใจเมื่อได้ยินบิดาเน้นว่าเป็นคำสั่งไม่ใช่การขอร้องแต่อย่างใด เมื่อกำลังจะอ้าปากกล่าวค้าน ก็ไม่ทันยัยแม่มดหน้าหวานที่นั่งอยู่ตรงฝั่งตรงข้าม

    “คุณพ่อคะ ไม่ต้องให้นดาไปกับคุณรุทหรอกค่ะนดาไปเองได้แค่นี้ไม่ลำบากอะไร” นดาหมายความตามที่พูดจริงๆแม้แต่สรรพนามที่ใช้เรียกชายหนุ่มก็เปลี่ยนไป ก็เขาบอกเองนิว่าไม่ให้เธอเรียกว่าพี่ แล้วเธอจะกล้าเรียกได้ยังไงล่ะเมื่อได้ยินดังนั้นวรุทรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาซะเฉยๆไม่รู้ว่าเป็นเพราะสรรพนามที่เปลี่ยนไปหรือเพราะที่เธอปฎิเสธไม่ยอมติดรถไปกับเขากันแน่ ต้องเป็นอย่างหลังแน่เพราะเธอไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธเขาต่างหากล่ะที่ต้องเป็นฝ่ายปฏิเสธถึงจะถูก ยัย

    นดาหน้าหวานกล้าดียังไงมาตัดหน้าพูดก่อนเขา ยอมไม่ได้มันหยามกันชัดๆ!

    “คุณพ่อครับ ผม...” วรุทยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ก็ต้องถูกเบรกด้วนน้ำเสียงทรงอำนาจของบิดา

    “หยุด ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นทั้งสองคนเลย” วศินปรายตามองทั้งลูกชายและลูกสาวบุญธรรมแล้วพูดต่อ

    “จะไม่มีการต่อรองหรือเรียกร้องอะไรทั้งนั้นคำสั่งของฉันถือเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องทำตามโดยไม่มีการโต้แย้ง”

    “แต่ว่า พ่อครับ”วรุทกำลังหาทางคัดค้านบิดาเต็มที่

     “ไม่มีต่งไม่มีแต่อะไรทั้งนั้นตกลงตามนี้นะแล้วอีกอย่างนดาอย่าเรียกพี่เขาว่าคุณอีกต้องเรียกเขาว่าพี่ถึงจะถูกเพราะตอนนี้

    นดามาเป็นลูกสาวอีกคนของพ่อก็ถือว่าเป็นน้องของพี่เขา ทั้งสองคนเข้าใจที่พ่อพูดใช่ไหม”

    “ค่ะ/ครับ” ทั้งสองจำต้องรับปากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้วศินยิ้มรับด้วยความพอใจ

    “มีอะไรอีกไหมครับที่พ่อลืมหรือยังสั่งผมไม่หมด ถ้าไม่มีผมจะไปทำงาน” วรุทพูดประชดเข้าให้ แต่ยิ่งพูดไปก็ยิ่งเหมือนเปิดทางให้ผู้เป็นพ่อ วศินลอบยิ้มก่อนจะทำหน้านิ่งบอกออกไป

    “มีสิ ฉันได้การ์ดเชิญไปงานแต่งลูกสาวของวินัยนะ แกยังจำเขาได้ไหม”

    “จำได้ครับ แล้วไง  อย่าบอกนะว่าพ่อจะให้ผมไปแทน” ให้ตายซิเขาไม่ชอบไปงานแบบนี้เลย

    “ใช่ พอดีตอนเย็นฉันมีนัดกับทางสมาคมผู้สูงอายุนะฉันก็เลยอยากจะให้แกไปแทนฉันหน่อย แกไม่มีปัญหาใช่ไหม” พูดมาขนาดนี้แล้วใครมันจะกล้ามีปัญหา ขืนเขาบอกว่ามีปัญหาซิ ความซวยจะมาตกอยู่ที่เขาเองนี่แหละ วรุททำหน้ายุ่งส่ายหน้าแทนการตอบ

    “อ้อ อีกอย่างแกพาน้องไปเป็นเพื่อนด้วย นดาเดี๋ยวตอนเย็นลูกไปเป็นเพื่อนพี่เขาหน่อยนะ” นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!นอกจากจะให้ไปงานที่ไม่ชอบแล้วยังจะให้พายัยนดาหน้าหวานไปด้วยอีก เมื่อได้ยินพ่อบุญธรรมกล่าวดังนั้น นดาก็เลิกก้มหน้าแล้วหันไปมองหน้าบิดาบุญธรรมสลับกับลูกชายของท่าน แล้วเธอก็เห็นสายตาเกรี้ยวกราดที่ไม่เป็นมิตรเอาซะเลย ถ้าเธอตอบตกลงไปด้วยเขาจะฆ่าปาดคอเธอไหมเนี่ย แต่จะขัดคำสั่งบิดาบุญธรรมก็ไม่กล้า ก่อนจะลองเอ่ยปากขอ

    “คุณพ่อคะ นดาไม่ไปไม่ได้เหรอ คะนนดาไม่เคยไปงานแบบนี้ นดากลัวทำให้พี่รุทเสียหน้ามากกว่าอีกอย่างนดาก็ไม่มีชุดด้วยค่ะ นดาไม่ไปได้ไหมคะ” หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เว้าวอน พร้อมด้วยสายตาที่คาดหวังว่าจะได้รับอนุญาต แต่ความหวังก็พังเพราะนอกจากบิดาจะไม่อนุญาตแล้วยังสั่งเพิ่มอีกต่างหาก

    “ไม่ได้ นดาต้องหัดออกงานบ้างสิจะเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้ แล้วเรื่องชุดไม่ต้องกังวลไปหรอก เดี๋ยวเลิกเรียนแล้วก็ให้พี่เขาพาไปซื้อชุดแล้วก็แต่งหน้าทำผมให้เสร็จแล้วก็ไปงานกันเลย ไม่ต้องแวะกลับบ้านหรอก มันเสียเวลาเดี๋ยวรถติดไปสายมากมันน่าเกียจ” วรุทุกจะทน เขาต้องรีบไปจากที่นี่ก่อนที่บิดาจะหาเรื่องอะไรมาให้เขาทำอีก แต่ยังก้าวขาไปได้ไม่ถึงไหนก็ได้ยินเสียงบิดาเรียกไว้ซะก่อน

    “จะไปไหน เจ้ารุท” วรุททำหน้าเบื่อหน่ายก่อนจะเอี้ยวตัวกลับมาตอบบิดา

    “ก็ไปทำงานสิครับพ่อ จะให้ผมไปไหนได้ล่ะ”เขายังไม่วายตีรวนผู้เป็นพ่อเหมือนเดิมไอ้นี่มันเลี้ยงหมาไว้ในปากกี่ตัวกันแน่วะ วอนหาเรื่องซะจริงกับพ่อกับเชื้อมันก็ไม่เว้นวศินได้แต่คิดในใจก่อนจะเอ่ยไปอีกทาง

    “ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่จะถามแกว่าลืมอะไรไปรึเปล่า” วรุททำหน้ายุ่ง เขาก็ไม่ได้ลืมอะไรนิกระเป๋าเอกสารก็อยู่ที่รถ จะว่าลืมใส่สูทก็ไม่ใช่ แต่พอเมื่อเห็นสายตาผู้เป็นพ่อเขาก็เข้าใจทันทีว่าท่านหมายถึงอะไรยัยลูกสาวอุปโลกน์ตัวปัญหานี่เอง เขาทำหน้านิ่งเรียบยากต่อการคาดเดาความรู้สึกก่อนจะเอ่ยกับหญิงสาวที่นั่งอยู่อย่างไม่รู้สถานการณ์

    “จะนั่งเอ๋ออีกนานไหม หรือต้องให้อันเชิญด้วยขันห้าถึงจะลุกออกจากเก้าอี้มาได้ ฉันไม่มีเวลามานั่งรอเธอทั้งวันหรอกนะถ้าจะไปด้วยก็รีบตามมา” พูดจบเขาก็เดินออกไปโดยไม่หันมามองว่าเธอจะตามมาหรือไม่ นดารีบลุกจากเก้าอี้ แล้วลาบิดาบุญธรรมแล้วตามชายหนุ่มไปทันที เธอไม่ค่อยจะเข้าใจกับอาการผีเข้าผีออกของชายหนุ่มนัก พูดอยู่กับพ่อตัวเองดีๆอยู่ อยู่ก็วกกับมาหาเรื่องว่าเธอซะงั้น และถึงแม้ว่าเธอจะไม่พอใจเขาหรือรู้สึกอย่างไรกับเขาเธอก็ไม่คิดที่จะแสดงออกมาเพราะเธอรู้ตัวดีว่าเป็นแค่คนที่มาอาศัยเขาอยู่ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะเรียกร้องอะไรได้ทั้งนั้น

    “คุณพ่อคะ นดาไปเรียนก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ”

    “ไปเถอะลูก เดี๋ยวนดา” วศินเรียกลูกบุญธรรมไว้ก่อน ก่อนที่เธอจะออกเดิน หญิงสาวหันกลับมามอง พร้อมด้วยเครื่องหมายคำถามบนใบหน้า

    “อย่าใส่ใจกับคำพูดพี่เขามากนักนะ เดี๋ยวจะไม่สบายใจซะเปล่าๆ พี่เขาก็ปากร้ายไปอย่างนั้นเองแหละ จริงๆแล้วไม่มีอะไรหรอก แค่นิสัยแบบเด็กๆที่แก้ไม่หายซักที”

    “ค่ะคุณพ่อ นดาจะไม่คิดมากคุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนดานะคะ” เธอบอกพร้อมกับยิ้มให้บิดาบุญธรรมก่อนจะรีบวิ่งออกไปเมื่อได้ยินเสียง แตรรถเร่งมาจากหน้าบ้าน พอไปถึงก็เห็นชายหนุ่มนั่งทำหน้ายักษ์รออยู่แล้ว

    “ขอโทษค่ะที่มาช้า” เธอบอกเขาพร้อมยกมือไหว้ พร้อมช้อนตากลมโตขึ้นมองดูเขา

    “ฉันนึกว่าเธอจะเดินไปซะอีก” เขาว่าให้ ก่อนกระชากรถออกไปราวกับจะแกล้งเธอให้กลัว

     

              คล้อยหลัง ลูกชายและลูกสาวบุญธรรมไป วศินถึงกับต้องถอนหายใจไม่รู้ว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่มันเป็นสิ่งถูกต้องแล้วหรือไม่ แต่เขาก็ยังมีความเชื่อว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องและดีแล้ว พ่อแม่ทุกคนก็ย่อมต้องการสรรหาในสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดให้กับลูกของตนเอง เขาไม่รู้ว่าแผน น้ำตาลใกล้มดที่เขาสร้างขึ้นมาจะได้ผลกับคนทั้งคู่มากน้อยแต่ไหน เมื่อผ่ายหนึ่งก็คอยแต่ตั้งแงหาเรื่องอีกฝ่ายตั้งแต่ยังไม่ได้เห็นหน้าค่าตาเลยด้วยซ้ำ ส่วนอีกฝ่ายก็อ่อนปวกเปียกเกินไปจะรับมือกับความร้ายกาจของอีกฝ่ายได้มากขนาดไหนกันเชียว เห็นทีงานนี้คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของ บุพเพสันนิวาส ถ้าเด็กทั้งคนสองคนมีบุญวาสนาที่จะได้ร่วมเรียงเคียงหมอนกันจริงๆไม่แคล้วคงจะได้เคียงคู่กันเป็นแน่ แต่ก่อนที่เขาจะคอยพึ่งแต่บุพเพสันนิวาส เขาก็ขอทำตัวเป็นพระพรหมที่ชักพาทั้งสองให้ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นก่อนก็แล้วกัน

    “แม่วาส”

    “คะคุณท่าน” วาสนาที่รอท่าอยู่รีบเดินเข้ามาใกล้

    “เดี๋ยวให้เด็กเก็บโต๊ะเลยนะฉันอิ่มแล้ว” ก่อนจะขยับลุกออกไป

    “ค่ะ คุณท่าน” วาสนามองตามเจ้านายด้วยสายตาเป็นห่วงพรางคิดในใจ ท่านคงหนักใจน่าดูที่คุณ ๆ ไม่สู้จะลงรอยกัน

    “เอ๊า แม่แจ่ม แม่จันทร์มาเก็บโต๊ะซิ ยืนนิ่งอยู่นั้นแหละ”

    “ค่ะ/ค่ะ คุณแม่บ้านใหญ่”  


    ฝากอี-บุ๊คด้วยนะคะ

    เรื่อง เล่ห์มัดใจค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×